ฮ่องเต้ชั่วคือคู่อริที่ฆ่าพ่อแม่ของเขา คิดจะให้เขาคุกเข่า มันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาดสำหรับกู้หว่านเยว่น่ะหรือ นางเป็นคนสมัยใหม่อยู่แล้ว ไม่มีความเคยชินในการคุกเข่าเลยถ้าไม่ใช่เพราะขันทีเอ่ยเตือน นางคงไม่รู้ว่าตัวเองต้องคุกเข่าลงแต่เมื่อได้ยินสามีพูดว่าไม่คุกเข่า ผัวหาบเมียคอน นางย่อมไม่คุกเข่าลงเช่นกัน“พวกเจ้า...” สีหน้าของขันทีบูดเบี้ยวเล็กน้อย แต่เมื่อลองคิดดูอีกที ที่นี่คืออาณาเขตเจดีย์หนิงกู่หากกระทำการล่วงเกินซูจิ่งสิงที่นี่ อีกฝ่ายก็มีแนวโน้มที่จะสังหารเขาเพื่อระบายอารมณ์ได้เลยยอมข่มความโกรธนี้ไว้ชั่วคราว ก่อนอ่านราชโองการจนจบแต่โดยดีเอาไว้เมื่อกลับถึงเมืองหลวงแล้ว ค่อยรายงานเรื่องนี้ให้ฮ่องเต้ทราบโดยละเอียด ให้ฮ่องเต้มาแก้แค้นเอง“แค่ก ๆ...ด้วยโองการแห่งฟ้า ฮ่องเต้จึงทรงมีพระบัญชา คืนตำแหน่งเจิ้นเป่ยอ๋องแก่ซูจิ่งสิง มีผลในทันที สิ้นสุดราชโองการ”หลังจากขันทีอ่านจบ รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าในที่สุด“ท่านอ๋อง แม้ว่าท่านจะถูกเนรเทศ แต่ในที่สุดก็เป็นฟ้าหลังฝนแล้ว ต่อไปจะมีชีวิตที่ดีในวันข้างหน้า เจดีย์หนิงกู่แห่งนี้จะเป็นดินแดนในการปกครองของท่าน ขอมอบอำนาจจัดการให้ท่าน
ทุกคนรีบมองไปยังเกี้ยวซูจิ่นเอ๋อร์พูดขวานผ่าซาก “เหตุใดของกำนัลถึงวางไว้ในเกี้ยว? อย่าบอกนะว่าฮ่องเต้ส่งคนตัวเป็น ๆ มาให้?”“ท่านหญิงน้อยผู้มีจิตใจงดงาม”ขันทียิ้มอย่างมีเลศนัย กู้หว่านเยว่รู้สึกเห็นท่าไม่ดี เห็นสาวงามวัยแรกแย้มนางหนึ่งลงจากเกี้ยวเดินเข้ามา“ข้าเจียงอวิ๋นจิ่น คารวะท่านอ๋อง คารวะชายาอ๋อง”เจียงอวิ๋นจิ่นยิ้มเล็กน้อย สวยสง่า น่ารักมีเสน่ห์ดึงดูด กล้าพูดได้ว่า ผู้ชายคนใดเมื่อเห็นนางก็ต้องอยากทะนุถนอมขันทีเอ่ยขึ้นถูกเวลา “ท่านอ๋อง พระองค์ทรงนึกถึงความหนาวเย็นของเจดีย์หนิงกู่ จึงพระราชทานสาวงามนางหนึ่งมาปรนนิบัติท่านอ๋องด้วยพระองค์เอง และมีพระราชโองการแต่งตั้งแม่นางเจียงให้เป็นชายารองแล้ว”“น้องหญิง ข้าไม่รู้เรื่องนี้”สีหน้าของซูจิ่งสิงมืดมน มองไปทางกู้หว่านเยว่โดยสัญชาตญาณ กลัวว่านางจะโกรธ“อืม” กู้หว่านเยว่พ่นเสียงลมหายใจฮึดฮัดเบา ๆ น้ำเสียงนั้นทำให้ซูจิ่งสิงถึงกับขนหัวลุก“น้องหญิง เจ้าอย่าโกรธเลยนะ”“ข้าไม่โกรธ สิแปลก!”เขาควรจัดการเรื่องนี้อย่างเหมาะสมเป็นดีที่สุด หากกล้าปล่อยให้ชายารองเจียงอะไรนั่นเข้าเรือน ฮึ อย่าหาว่านางไร้หัวใจซูจิ่งสิงสัมผัสถึงความ
ซูจิ่งสิงปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่า การเปิดใจของน้องหญิงเป็นเรื่องยากเพียงใดเขาจะไม่ยอมปล่อยให้เรื่องใด ๆ ที่อาจทำร้ายหว่านเยว่เกิดขึ้นเด็ดขาด“แต่งเพียงในนาม ก็ไม่ได้เช่นกัน”“ท่านพี่” ความหวานชื่นผุดขึ้นในหัวใจของกู้หว่านเยว่ เจือด้วยความซาบซึ้งขันทีเริ่มลำบากใจขึ้นเรื่อย ๆ การเลี้ยงดูสตรีในจวนอ๋อง ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรมิใช่หรือ?“ท่านอ๋อง ท่านทำเช่นนี้ ทำให้ข้าลำบากใจ”ก่อนออกเดินทาง พระองค์ท่านตรัสไว้ว่า ต้องให้ซูจิ่งสิงยอมรับเจียงอวิ๋นจิ่นให้ได้ ไม่เช่นนั้นหัวของเขาจะหลุดจากบ่าเมื่อนึกถึงภารกิจที่ที่ได้รับมอบหมาย ขันทีก็ใช้เหตุผลอธิบายให้เข้าใจ ใช้ความรู้สึกโน้มน้าวจิตใจต่อไป“ท่านอ๋อง แค่สตรีเพียงคนเดียว เก็บไว้ข้างกายท่าน จะไม่เป็นอุปสรรคต่อเรื่องใดแน่ราชโองการของฮ่องเต้ได้ประกาศลงมาแล้ว ชายารองเจียงก็เดินทางมาไกลถึงที่นี่แล้ว หากถูกส่งคืนกลับไป จะเอาหน้าที่ไหนไปใช้ชีวิตต่อเล่า?”“ความเป็นความตายของคนอื่น มันเกี่ยวข้องอะไรกับข้าด้วย?”หรือว่าต้องทำให้น้องหญิงเสียใจเพื่อคนที่ไม่สลักสำคัญอะไรเพียงคนเดียวเล่า?“จะใกล้หรือไกล ใกล้ชิดหรือห่างเหิ
“น้องหญิง เจียงอวิ๋นจิ่น ไม่ใช่ชายารอง”ซูจิ่งสิงต้องแก้ไขให้ถูกต้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาไม่อยากให้ในอนาคตหากมีคนอื่นพูดถึงเขาอีก แล้วยังคิดว่าเขามีชายารอง“ตกลง ๆ ๆ ข้าคิดว่าเจียงอวิ๋นจิ่นผู้นี้ อาจจะไม่ได้มาโดยสมัครใจ”กู้หว่านเยว่เห็นนางลังเลที่จะพูดอยู่หลายครั้ง คำพูดนี้ทำให้ซูจินเอ๋อร์ถึงกับต้องออกปาก“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านใจดีเกินไปแล้ว นางเป็นศัตรูหัวใจของท่านนะ”“ใช่แล้วหว่านเยว่ ถ้านางไม่เต็มใจมา จะมีใครถือมีดจี้คอบังคับนางอยู่หรือ?”นางหยางเห็นแก่คนที่มาก่อน ไม่ค่อยชอบเจียงอวิ๋นจิ่นสักเท่าใด นางจับมือของกู้หว่านเยว่เอาไว้พลางถอนหายใจ “จิ่นเอ๋อร์พูดถูก เจ้าใจดีเกินไปแล้ว”“อุ๊บ!”กู้หว่านเยว่แสดงออกว่า ใช้ชีวิตอยู่มาสองชั่วอายุคน เป็นครั้งแรกที่มีคนบอกว่านางใจดี พวกท่านใส่ตัวกรองเข้มงวดเกินไปแล้ว“ยินดีด้วยท่านอ๋อง ยินดีด้วยชายาอ๋อง”ขุนนางที่รีบรุดมาถึงพากันคุกเข่าลง หลี่เฉินอันก็เดินเข้ามาหาด้วยความตื่นเต้น “อาจารย์หญิง ในที่สุดฟ้าหลังฝนก็มาถึงท่านแล้ว นับจากนี้ไปก็ไม่ได้อยู่ในสถานะนักโทษเนรเทศอีกแล้ว”เขามองกู้หว่านเยว่ด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความชื่นชม ไม่มีความ
“ตกลง ตกลง” นางจินเช็ดน้ำตา รู้สึกมีความหวังขึ้นมาทันใดในเวลานี้พ่อบ้านศูนย์พักพิงรีบวิ่งเข้ามา “ท่านทั้งสองเป็นญาติของท่านอ๋องใช่ไหม?”“เกิดอะไรขึ้นหรือ?” ทั้งสองรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าเมื่อครู่เพิ่งรู้สึกมีความหวังในชีวิต พอหันกลับมาก็ถูกตบหน้าแล้วหรอกนะ?“ท่านทั้งสองอย่าประหม่าไปเลย” พ่อบ้านรีบบอก “ถ้าท่านทั้งสองต้องการความช่วยเหลือใด ๆ ข้าคือพ่อบ้านศูนย์พักพิง บอกกับพวกข้าได้เลย”นี่คือญาติของท่านอ๋อง ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมถึงเร่ร่อนมาถึงศูนย์พักพิงได้ แต่ก็ไม่สามารถล่วงเกินได้อยู่ดี“ข้า พวกข้าต้องการทำงาน” ซูเช่อรวบรวมคว้ากล้า“ได้สิ ถ้าท่านรู้หนังสือล่ะก็ ศูนย์พักพิงของเราขาดนักบัญชีหนึ่งคน”“ข้ารู้หนังสือ!”“งั้นพรุ่งนี้ท่านก็สามารถมาทำงานได้เลย” พ่อบ้านกล่าวอย่างผ่อนคลาย“จริงหรือ ขอบคุณ ยังมีแม่ของข้าด้วย...”“ถ้าแม่เฒ่าไม่รังเกียจ ทางศูนย์พักพิงก็สามารถจัดหางานที่ค่อนข้างสบายให้ได้”“ไม่รังเกียจ ไม่รังเกียจ รบกวนพ่อบ้านด้วย”เมื่อเห็นพ่อบ้านออกไปแล้ว สีหน้าของซูเช่อที่เคยขมขื่น ความเคียดแค้นที่มีต่อซูจิ่งสิงก็หายไปทันที“ท่านแม่ ข้าคิดได้แล้ว ต่อไปข้าจะใช้ช
“ยังไม่กลับเจ้าค่ะ” ชิงเหลียนส่ายหัวกู้หว่านเยว่เหลือบมองสีท้องฟ้า ฟ้ากำลังจะมืดแล้ว ซูจิ่งสิงคงยุ่งมากแน่ ๆนางแทบรอไม่ไหวที่จะแบ่งปันความสุขนี้กับอีกฝ่าย “เดี๋ยวท่านพี่กลับมา รีบไปบอกข้าทันทีนะ”หลังจากยุ่งมาตลอดช่วงบ่าย นางก็เหงื่อแตกพลั่กไปทั้งตัว อาศัยช่วงเวลานี้อาบน้ำได้พอดี“ชิงเหลียน ข้าอยากอาบน้ำ”“เจ้าค่ะ” ชิงเหลียนรีบร้อนลงไป ให้ทางห้องครัวเล็กนำน้ำร้อนมาให้ ไม่นานอ่างอาบน้ำก็เต็มไปด้วยน้ำร้อนกู้หว่านเยว่แค่อยากแช่น้ำ ก็เลยไม่ได้เข้าไปอาบน้ำในมิติหยิบขวดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นกุหลาบออกมา ก่อนหยดลงในอ่างอาบน้ำ กลิ่นหอมแรงทำให้ชิงเหลียนเผยสีหน้าเคลิบเคลิ้มออกมา“ฮูหยิน หอมจัง เมื่อครู่ท่านหยดอะไรลงไปหรือเจ้าคะ? ทำไมถึงหอมเช่นนี้?“นี่คือน้ำมันหอมระเหยกลิ่นกุหลาบ”กู้หว่านเยว่ลงไปนั่งอย่างผ่อนคลาย แช่ในน้ำร้อนอุ่น ๆ หลับตาพริ้ม“ฮูหยินเก่งสุดยอดจริง ๆ “ชิงเหลียนชื่นชมอย่างจริงใจ หลังจากติดตามฮูหยินมานาน ก็ได้รู้ว่าสิ่งของอะไรที่หายาก ฮูหยินสามารถทำออกมาได้ทั้งหมด“เก่งสุดยอดไปเลย”ทำแก้วสำเร็จ กู้หว่านก็เยว่อารมณ์ดีทีเดียว พลางพยักหน้าอย่างหลงระเริงหลังจากแช่น้ำเส
“ไม่ใช่ว่าข้าเก่งนะ แต่มีคู่มือการผลิตอยู่ในมิติ ข้าแค่ทำตามคู่มือก็เสร็จแล้ว””นั่นเจ้าก็เก่งเหมือนกัน คนทั่วไปต่อให้ได้คู่มือการผลิตมา ก็อาจจะทำออกมาได้ไม่เหมือนต้นฉบับซูจิ่งสิงไม่ยอมรับการโต้แย้ง กู้หว่านเยว่วกเข้าเรื่องเดิม “ข้าตั้งใจจะผลิตแก้วให้ครบวงจร”นางกล่าวอย่างครุ่นคิด “ความจริงแล้วแก้วไม่ใช่ของหายากอะไร เป็นชาวต่างแดนที่เห็นต้าฉีของเราไม่มี ก็เลยจงใจปั่นราคาให้สูงขึ้น”ที่กู้หว่านเยว่ยืนกรานที่จะผลิตแก้วออกมาให้ได้ เพราะไม่อยากให้ชาวต่างแดนขูดรีดพวกเขา“ท่านพี่รู้หรือไม่? ความจริงแล้วแก้วมีประโยชน์ใช้สอยมากมาย ไม่เพียงแต่สามารถใช้ทำเป็นถ้วยจานชามได้เท่านั้น แต่ยังใช้ผลิตหน้าต่างกระจกได้อีกด้วย ไม่เพียงแต่สามารถกันลมกันฝนได้เท่านั้น แต่ยังทำให้แสงแดดส่องถึงอีกด้วย มากไปถึงขั้นที่สามารถใช้มันผลิตกระจกได้ด้วย กระจกทองแดงที่พวกเราใช้กันอยู่ตอนนี้จะชัดเจนและสว่างไสวมากขึ้น”ดวงตาของกู้หว่านเยว่เปี่ยมไปด้วยประกายแวววาว ในขณะที่นางพรรณนาประโยชน์ของแก้วด้วยเสียงแผ่วเบา“หากสามารถส่งเสริมการใช้แก้วออกไปได้ ก็จะเป็นเรื่องที่ดีมากที่สร้างความผาสุกให้แก่ประชาชน”นี่คือจุดประส
“ไป พวกเราไปดูกันเถอะ”กู้หว่านเยว่กังวลความปลอดภัยของปรมาจารย์แพทย์ ไม่ใส่ใจความเขินอาย รีบจูงมือซูจิ่งสิงไล่ตามไปสรุปคือทั้งสองคนมาถึงเรือนของปรมาจารย์แพทย์ คนชุดดำก็ล้มอยู่บนพื้นแล้ว“นังหนูๆ ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว เมื่อครู่จู่ๆ ก็มีคนชุดดำคนหนึ่งเขามา ข้าตกใจแทบแย่”ปรมาจารย์แพทย์วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา ในมือยังถือผงยาถูกเปิดออกหนึ่งขวดเห็นได้ชัดมาก คนชุดดำน่าจะโดนผงยาในมือของเขาแล้ว“ท่านมิได้วางยาพิษเขาจนตายไปแล้วกระมัง?”กู้หว่านเยว่ส่ายหัว มองดูแล้วนางกังวลโดยเสียเปล่า“เปล่าเสียหน่อย ตอนนี้ข้าไม่ฆ่าสิ่งมีชีวิตแล้ว นี่เป็นเพียงยาสลบธรรมดาๆ เท่านั้น”ปรมาจารย์แพทย์เก็บยาสลบ จากนั้นรีบตบหน้าอก“ข้าตกใจแทบแย่ เมื่อครู่ข้าเพิ่งศึกษาสมุนไพร จู่ๆ เขาก็ร่วงลงมาจากคานบ้าน”กู้หว่านเยว่เดินเข้าไปมองแวบหนึ่ง คนยังไม่ตายจริงๆ“นี่คือศัตรูของท่านหรือ?”“ศัตรูอะไรกันเล่า ข้าไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ”ปรมาจารย์แพทย์ส่ายหน้า ซูจิ่งสิงโบกมือให้องครักษ์จันทราดึงคนชุดดำขึ้นมา“นักฆ่าคนนี้ มองดูแล้วนับว่าหล่อเหลาทีเดียว”กู้หว่านเยว่ประเมินออกมาหนึ่งประโยคอย่างอดไม่ได้ ทำเสียจนซูจิ่งสิงห
กู้หว่านเยว่ตัดบทพวกเขาอย่างไร้ความปรานี นางไม่มีทางเห็นใจกษัตริย์ทูเจวี๋ยอย่างแน่นอนแม้ว่าเขาจะแต่งงานกับราชินีทูเจวี๋ยแล้วอย่างไรเล่า เป็นสามีภรรยามานานนับสิบปี นึกจะฆ่าก็ฆ่า ไร้ศีลธรรมยิ่งนัก“ฝ่าบาท พระองค์ห้ามเขียนนะเพคะ”พระสนมลี่ส่ายหน้า “อย่าให้พวกเขาเอาหม่อมฉันมาขู่พระองค์ได้”กษัตริย์ทูเจวี๋ยเกิดความลังเล เขาคิดไว้แล้ว ว่าในอนาคตจะยกบัลลังก์ให้กับบุตรที่อยู่ในครรภ์ของพระสนมลี่ หากร่างพระราชโองการนี้ออกมาจริง ๆ แผนการที่ทำมาทั้งหมดของเขาก็ต้องพังทลายลง“ท่านคิดให้ดี ๆ”กริชของกู้หว่านเยว่ขยับเข้ามาใกล้คอของพระสนมลี่ กระทั่งคมมีดบาดคอของนางจนเลือดไหลซึมความจริงแล้วนางไม่ได้อยากฆ่าพระสนมลี่ ถึงอย่างไรเสียบุตรในครรภ์ของนางก็ยังไร้เดียงสา นางแค่อยากขู่กษัตริย์ทูเจวี๋ยเท่านั้นหากกษัตริย์ทูเจวี๋ยให้ความร่วมมือกับนางอย่างว่าง่าย เรื่องหลังจากนี้ก็จะง่ายมากขึ้นเลือดสีแดงของพระสนมลี่ไหลเปื้อนกริช นางกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดกษัตริย์ทูเจวี๋ยแทบใจสลาย “หยุดนะ อย่าทำร้ายนาง”เขามองใบหน้าของพระสนมลี่อย่างรักใคร่ แม้ว่าเขาจะหลงใหลในอำนาจแห่งกษัตริย์ทูเจวี๋ย แต่หากพระสนมลี่แล
“ดูท่าพระสนมลี่ผู้นี้จะเป็นนางในดวงใจของพระองค์นะเพคะ”น้ำเสียงของกู้หว่านเยว่แฝงไปด้วยการข่มขู่ จากนั้นกริชก็ได้พุ่งเข้ามาใส่หน้าของพระสนมลี่พระสนมลี่เป็นคนขี้ขลาด นางกรีดร้องในทันที“ฝ่าบาท ฝ่าบาทช่วยหม่อมฉันด้วย!”“หยุดร้อง หากดึงดูดทหารเข้ามา ข้าจะฆ่าเจ้าเป็นคนแรก”กู้หว่านเยว่กล่าวเตือน พระสนมลี่ตกใจกลัวจนหน้าซีดเผือดกษัตริย์ทูเจวี๋ยรีบกล่าว “อย่าทำร้ายนาง พวกเจ้าอย่าทำร้ายนาง นางกำลังตั้งครรภ์!”นัยน์ตาของเขาเปล่งประกาย เสี่ยวถ่านมองท้องของพระสนมลี่อย่างไม่อยากจะเชื่อ“นางกำลังตั้งครรภ์หรือ?”จู่ ๆ นางก็ได้สติกลับมา จากนั้นก็เปิดจดหมายลับที่กู้หว่านเยว่ให้นางเมื่อครู่ หลังจากที่กวาดสายตาอ่านอย่างละเอียดแล้ว สีหน้าก็พลันซีดเผือดลงในทันที“ดังนั้น เสด็จพ่อ เพื่อจะได้เปิดทางให้เด็กในครรภ์ของพระสนมลี่ พระองค์ถึงกับยอมเสียสละชีวิตของลูกและเสด็จแม่หรือเพคะ?”เสี่ยวถ่านจำได้ขึ้นใจพระสนมลี่มีฐานะยากจน ตระกูลฝ่ายมารดาไร้ซึ่งอำนาจเพราะเหตุนี้ แม้ว่านางจะได้ความรักอย่างลึกซึ้งจากเสด็จพ่อ แต่เสด็จแม่กลับไม่เคยเห็นนางอยู่ในสายตา ฐานะที่ต่ำต้อย ต่อให้ได้รับความโปรดปรานเพียง
กษัตริย์ทูเจวี๋ยรู้สึกกลัวขึ้นมาจริง ๆ นัยน์ตาฉายแววหวาดกลัวกู้หว่านเยว่ตัดนิ้วของเขาอย่างโหดเหี้ยมโดยไม่กะพริบตานั้น นี่ไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะทำได้ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันนั้น กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะได้ล้วงหยิบพระราชโองการออกมาจากห้วงมิติ แล้วโยนให้กษัตริย์ทูเจวี๋ย“เขียน แต่งตั้งให้องค์หญิงเก้าขึ้นเป็นรัชทายาทแห่งทูเจวี๋ย”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นกษัตริย์ทูเจวี๋ยแทบจะตะโกนออกมาในทันที“ไม่ได้! จะยกราชบัลลังก์ให้นางไม่ได้!”สองคนนี้ต้องการให้เขาเขียนพระราชโองการแต่งตั้งองค์รัชทายาท แล้วออกคำสั่งให้ขุนพลเกาเถียนตกอยู่ภายใต้อำนาจของเสี่ยวถ่าน! เลวทรามยิ่งนัก! เขาไม่มีทางเขียนอย่างแน่นอน!นัยน์ตาของกษัตริย์ทูเจวี๋ยวูบไหว อีกอย่างในใจของเขามีตัวเลือกสำหรับตำแหน่งองค์รักชทายาทแล้วกู้หว่านเยว่เข้าใจความคิดของเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง “ท่านคงอยากให้องค์ชายสิบขึ้นเป็นองค์รัชทายาทสินะ?”“เจ้า!” กษัตริย์ทูเจวี๋ยตกใจอย่างมาก นางผู้นี้รู้ได้อย่างไร?“ไม่ใช่!”“ข้าเห็นมันในตอนที่เปิดอ่านจดหมายลับของท่านแล้ว”กู้หว่านเยว่ยื่นจดหมายลับหลายฉบับ
หากเปลี่ยนเป็นเหยลวี่เจิง ต่อให้นิ้วจะถูกตัดจนครบทุกนิ้ว เขาก็ไม่มีวันยอมคุกเข่าร้องขอชีวิตอย่างแน่นอนแม้ว่าเขาจะร้ายกาจและฉลาดแกมโกง แต่กลับยังคงเย่อหยิ่งกษัตริย์ทูเจวี๋ยผู้นี้ กลับเป็นคนรักตัวกลัวตายกษัตริย์ทูเจวี๋ยหน้าแดงเถือกเมื่อเห็นสายตาเยาะเย้ยของกู้หว่านเยว่ แต่เขาไม่อยากตาย ทำได้เพียงฝืนหยิบพู่กันที่วางอยู่ด้านข้างขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดภายใต้แววตาที่เปล่งประกาย ซูจิ่งสิงก็พลันกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก“ข้าว่าทางที่ดีที่สุดท่านควรเชื่อฟังดีกว่า หากกล้าเล่นตุกติกกับข้า โกหกพวกเรา ข้าจะทำให้ท่านทรมานยิ่งกว่าตายเป็นพันเท่า”“พวกเจ้า!”กษัตริย์ทูเจวี๋ยกัดฟันกรอด กระทั่งหางตาของเขาเห็นเสี่ยวถ่านไม่ได้สนใจเขา คาดว่าเด็กคนนี้คงจะตัดหางปล่อยวัดเขาไปแล้วเพื่อชีวิตของตัวเอง เขาทำได้แต่เขียนจดหมายอย่างว่าง่าย เพื่อเรียกคนสนิทเข้าวัง“ที่แท้ขุนพลเกาเถียนผู้นี้ก็เป็นคนของท่านนี่เอง”กู้หว่านเยว่หยิบจดหมายขึ้นมาอ่าน ในตอนที่ได้ยินเสี่ยวถ่านเล่าความเป็นมาของทั้งสี่ตระกูล นางได้ยินชื่อของตระกูลเกาเถียนด้วย“กองกำลังของท่านคงมีไม่น้อย”กู้หว่านเยว่หยิบตราประทับกษัตริย์ออ
สี่ตระกูลนี้ นอกจากตระกูลกู่ลี่ที่โดนเนรเทศแล้ว อีกสามตระกูลที่เหลือ ไม่ว่าจะตระกูลไหนใครก็ล่วงเกินไม่ได้สามตระกูลนี้ล้วนแต่มีองค์ชายที่อยากจะสนับสนุน ดังนั้นเขาไม่มีทางที่ยอมจำนนต่อพวกเขาอย่างแน่นอนเสี่ยวถ่านเดินมาถึงตรงหน้ากู้หว่านเยว่ พลางวิเคราะห์สถานการณ์ในตอนนี้ของสองสามีภรรยานางเริ่มกังวลหลังจากที่กู้หว่านเยว่ฟังจบ นางกลับคลี่ยิ้มและขยี้ปลายจมูก “ใครบอกว่าทั้งสามตระกูลนี้ เจ้าไม่สามารถใช้ประโยชน์จากตระกูลไหนได้เลย?”“หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ?”เสี่ยวถ่านยังไม่ได้สติกลับมาแต่ซูจิ่งสิงกลับเข้าใจความหมายของภรรยา จากนั้นก็ส่ายหน้าด้วยความเอ็นดูสมแล้วที่เป็นภรรยาของเขา และเป็นโจรได้สมบทบาท ชอบปล้นคลังสินค้าของผู้อื่นก็เรื่องหนึ่ง แม้กระทั่งกองกำลังของผู้อื่นที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีนางก็ปล้นชิงไม่มีเหลือ“หากข้าเดาไม่ผิด น้องหญิง เจ้าน่าจะอยากช่วงชิงกองกำลังในมือของกษัตริย์ทูเจวี๋ยมาด้วยสินะ?”ซูจิ่งสิงมองนางด้วยสายตาเปล่งประกาย กู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างเก้อเขิน“ตอบถูก แต่ไม่มีรางวัลให้หรอกนะ”ซูจิ่งสิงคลี่ยิ้มพลางพยักหน้า “วิธีนี้ได้ผลแน่นอน อีกอย่างกษัตริย์ทูเจวี๋ยก็อ
ในเมื่อกู้หว่านเยว่เสนอเงื่อนไขนี้ นั้นก็หมายความว่านางตอบตกลงแล้วเสี่ยวถ่านแสดงสีหน้าดีใจ จากนั้นก็รีบคำนับโขกดินให้กู้หว่านเยว่สามครั้ง “ท่านอาจารย์ ได้โปรดรับข้าเป็นศิษย์ด้วยเถิด”“ได้ ลุกขึ้นเถอะ”กู้หว่านเยว่ดึงตัวของเสี่ยวถ่านขึ้นมา ในเมื่อเสี่ยวถ่านคือลูกศิษย์ของนางแล้ว เช่นนั้นอาจารย์อย่างนางก็ต้องช่วยลูกศิษย์สักหน่อย คงไม่เป็นไร“เจ้ายังมีศิษย์พี่อีกคน นั้นคือลูกศิษย์ของสามีข้า ตอนนี้อยู่ในเจดีย์หนิงกู่ ไว้มีโอกาส ข้าจะพาเขามาพบเจ้า”ครั้นเอ่ยถึงหลี่เฉินอัน ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่เจดีย์หนิงกู่เป็นอย่างไรบ้าง นัยน์ตาของกู้หว่านเยว่ฉายแววคะนึงหา เสี่ยวถ่านพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ในขณะเดียวกันก็มองกู้หว่านเยว่อย่างเป็นกังวล “ท่านอาจารย์ เช่นนั้นเราควรทำอย่างไรกันดี?”หากต้องขึ้นครองบัลลังก์ คงไม่ใช่กล่าวเพียงปากเปล่าแล้วจะทำได้“ไม่รีบ”กู้หว่านเยว่มองไปทางอื่น ก่อนที่สายตาจะมาตกอยู่ที่กษัตริย์ทูเจวี๋ย มุมปากยกยิ้มที่แฝงไปด้วยเลศนัยบางอย่าง“ท่านพี่ ท่านคลายจุดให้กษัตริย์ทูเจวี๋ยก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่เดินมาตรงหน้าของทั้งสองคน เพื่อป้องกันไม่ให้กษัตริย์ทูเจวี๋ยหนีไปไ
“ข้า....” เสี่ยวถ่านหวนนึกถึงคืนที่เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่นั้น เพื่อปกป้องนาง ราชินีทิ้งโอกาสรอดชีวิตของตัวเองในทันที“ข้าอยากมีชีวิตอยู่ต่อเจ้าค่ะ”เสี่ยวถ่านตอบอย่างเด็ดเดี่ยว “เพื่อเสด็จแม่ ข้าต้องมีชีวิตอยู่ต่อ”“ได้”กู้หว่านเยว่ไม่ได้ใส่ใจกับคำตอบนี้ของเสี่ยวถ่าน จากการเฝ้าสังเกตการณ์ในสองวันที่ผ่านมานี้ นางได้พบว่าถึงแม้เด็กคนนี้จะเป็นเพียงเด็กสาว แต่นางมีจิตใจที่เด็ดเดี่ยวมากเพียงแต่เพราะอายุยังน้อยนัก ความสามารถในการจัดการเรื่องราวจึงยังอ่อนต่อโลกนัก ตราบใดที่ได้รับการอบรมสั่งสอนอย่างดี เมื่อถึงเวลานั้นจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเอง“เสี่ยวถ่าน เจ้าจงฟังข้า เมื่อครู่เจ้าเองก็เห็นท่าทีที่เสด็จพ่อเจ้ามีต่อเจ้า หากบัดนี้เจ้าปล่อยเสด็จพ่อของเจ้าไป ตราบใดที่เจ้ายังอยู่ในทูเจวี๋ย เสด็จพ่อของเจ้าคงไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่” กู้หว่านเยว่มองเข้าไปในดวงตาของนาง พลางกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ “หากเจ้าอยากมีชีวิตเป็นของเจ้าเอง เพื่อแก้แค้นให้เสด็จแม่ ข้ายังมีอีกวิธีหนึ่ง เพียงแต่ไม่รู้ว่าเจ้าจะยอมทำหรือไม่”“วิธีอะไรเจ้าคะ?”เสี่ยวถ่านกล่าวถามด้วยจิตใต้สำนึก“เจ้าตามข้ามา”กู้หว่านเยว่
“ไฟกองนั้น ท่านตั้งใจปล่อยให้มันเกิดขึ้นหรือเป็นคนบงการเองกันแน่?” เสี่ยวถ่านจ้องเขม็งไปทางกษัตริย์ทูเจวี๋ย นางอยากได้ยินคำสารภาพจากเสด็จพ่อด้วยตัวเองกษัตริย์ทูเจวี๋ยรู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นสายตาที่จ้องเขม็งของนาง ครั้นเผชิญหน้ากับการซักไซ้ไล่ถามของเสี่ยวถ่าน นัยน์ตาก็ฉายแววประหม่า“ตระกูลกู่ลี่ยกตระกูลของแม่เจ้ามาข่มขู่ข้าในราชสำนักหลายครั้ง ที่ข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อความสงบสุขของทูเจวี๋ย”เขารู้สึกละอายใจ “ในเมื่อเจ้าเป็นบุตรสาวของข้า ก็ยิ่งต้องเข้าใจความยากลำบากของเสด็จพ่อของเจ้า”เขาเอื้อมมือไปทางเสี่ยวถ่าน “เสี่ยวถ่าน มานี่ เจ้าคือสายเลือดกษัตริย์ทูเจวี๋ยของข้า ก็ควรมีใจเป็นหนึ่งเดียวกับข้า”ครั้นเสี่ยวถ่านเห็นกษัตริย์ทูเจวี๋ยเดินมาหาตน นางที่ยังจมปลักอยู่กับความเจ็บปวดจากการเห็นเสด็จแม่ถูกเสด็จพ่อปลิดชีพ ถึงกับตกใจจนพูดไม่ออกในตอนนี้เองได้เกิดแสงเย็นสว่างวาบขึ้นภายใต้ฝ่ามือของกษัตริย์ทูเจวี๋ย กริชด้ามหนึ่งได้พุ่งเข้ามาแทงเสี่ยวถ่านโดยไม่ทันตั้งตัว “เสด็จพ่อ ท่านจะทำสิ่งใด?”รูม่านตาของเสี่ยวถ่ายหดลงอย่างฉับพลัน นางยังรับความจริงเรื่องที่เสด็จพ่อฆ่าเสด็จแม่ไม่ได้ เพียงพ
“เหยลวี่เจิงตายแล้ว เขาตายแล้ว ตายได้แล้วก็ดี กดขี่ข่มเหงข้ามานานเพียงนี้ ข้าหวังให้เขารีบตาย ๆ ไปได้ตั้งนานแล้ว สมควรตายแล้ว!” พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างกษัตริย์ทูเจวี๋ยและเหยลวี่เจิง ก็ค่อนข้างซับซ้อน เดิมกษัตริย์ทูเจวี๋ยและเหยลวี่เจิงมีความสัมพันธ์แบบพันธมิตร แต่เพราะอำนาจของตระกูลฝ่ายราชินีของกษัตริย์ทูเจวี๋ยแข็งแกร่งเกินไป จนเป็นภัยคุกคามอย่างร้ายแรงมาถึงราชบัลลังก์ของกษัตริย์ทูเจวี๋ย ทำให้กษัตริย์ทูเจวี๋ยต้องร่วมมือกับเหยลวี่เจิง เพื่อล้มอำนาจของตระกูลฝ่ายราชินี ไหนเลยจะรู้ว่าเหยลวี่เจิงจะไม่สนคุณธรรมการทหาร หลังจากโค่นล้มราชินีได้แล้ว กุมอำนาจยิ่งใหญ่ในมือ และหันมีดกระบี่ใส่กษัตริย์ทูเจวี๋ยแทน กษัตริย์ทูเจวี๋ยเรียกได้ว่าเคลื่อนหินไม่พ้นปลายเท้าตนเอง “รีบไป ไปเรียกขุนพลเกา คนสนิทของข้าเข้ามา” กษัตริย์ทูเจวี๋ยรีบออกคำสั่ง สีหน้าฉายแววตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย ขันทีรีบผงกศีรษะ เตรียมจะออกไปส่งข่าว แต่พอเดินไปถึงประตู สุดท้ายก็มีหินก้อนหนึ่งพุ่งเข้ามา กระแทกเขาหมดสติไปทันที “ใคร?” กษัตริย์ทูเจวี๋ยสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ “เสด็จพ่อ ข้าเอง!” เสียงของเสี่ยวถ่านดังมาจาก