Share

บทที่ 59

Author: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
“ครอบครัวฮูหยินตระกูลซูเกิดอะไรขึ้น? ทำไมพวกเขาถึงน้ำลายฟูมปากกันหมดเลย?”

คนอื่นๆ ต่างหวาดกลัว รวมตัวกันมาดูความสนุก แต่ไม่กล้าเข้าใกล้จนเกินไปเพราะกลัวจะติดโรค

“แม่นางน้อยกู้ พวกเขาไม่ใช่ว่าติดโรคเข้าแล้วกระมัง?”

ซุนอู่เอ่ยถามคำถามที่ทุกคนกังวล

ในเวลาเดียวกัน เขาก็ยังแอบตัดสินใจในใจว่า หากตระกูลซูเก่าป่วยติดโรคจริงๆ พวกเขาจะต้องถูกโยนลงไปในป่าภูเขาลึก

ไม่อาจให้มาทำร้ายทั้งกลุ่มเนรเทศได้

“หลีกทาง ให้ข้าดูหน่อย”

กู้หว่านเยว่รับรู้ถึงความเคร่งเครียดของเรื่องนี้ สีหน้านางจริงจังขึ้นมาทันที เดินไปตรวจสอบสถานการณ์ของตระกูลซูเก่า

แต่เพียงมองแวบเดียว นางก็แน่ใจได้ในทันที ว่าตระกูลซูเก่าไม่ได้ทรมานจากโรคระบาด แต่เป็นเพราะอาหารเป็นพิษ

“ทุกท่านไม่ต้องกลัวไป พวกเขาไม่ได้ติดโรคหรอก พวกเขาแค่กินเห็ดพิษ และตอนนี้พิษก็เริ่มออกฤทธิ์แล้ว”

ข้าบอกพวกเขาไปแล้วว่าเห็ดมีพิษ แต่ถ้าพวกเขาก็ยังไม่เชื่อ รู้เพียงว่าตนต้องได้เห็ดเหล่านั้นไปกิน

แต่ไม่เป็นไรหรอก การลงโทษมาแล้ว

กู้หว่านเยว่ไร้ความสงสารแต่คนพวกนี้

ฮูหยินผู้เฒ่ากลัวตายจับจิต เพราะคิดว่าตัวเองติดโรคระบาด แต่เมื่อได้ยินกู้หว่านเยว่บอกว่าเป็
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 60

    นอกกระโจม หลี่ซือซือด้านหนึ่งอาเจียนด้านหนึ่งร้องไห้ เสียงของนางโศกเศร้ากว่าใครในนั้นกู้หว่านเยว่ไม่ได้เห็นใจนางเลยสักนิด คนใจไม้ไส้ระกำต้องโดนเกลียดชังเป็นการตอบแทน นี่คือการลงโทษของนางวันต่อมา ตระกูลซูเก่าถูกทรมานเสียจนไร้เรี่ยวแรงคร่ำครวญ ทุกคนนอนราบลงกับพื้น อาการร่อแร่ใกล้ตายไม่อาจไม่พูด คนชั้นยอดพวกนี้หนังเหนียวดีจริงๆ โดนไปขนาดนั้นแล้วยังไม่ตายอีกเมื่อเห็นว่าอาหารและสมุนไพรหมดลงอีกครั้ง กู้หว่านเยว่จึงกล่าวทักทายซุนอู่ แสร้งทำเป็นออกไปค้นหาอาหารตามปกติมองลงมาจากที่สูง น้ำท่วมลดลงมากแล้ว ดูเหมือนว่าภายในสองวันนี้ พวกเขาก็สามารถลงจากภูเขาได้แล้วทันใดนั้น ดวงตาของกู้หว่านเยว่ก็หรี่กระชับขึ้นนางมองเห็นอะไรบางอย่าง ดูเหมือนจะมีสองคนที่นอนอยู่ที่ตีนเขา ห่างจากนางไม่ไกลในตอนที่ลังเลว่าจะลงไปตรวจสอบดีหรือไม่ ชายคนหนึ่งก็โบกมืออย่างแรง และตะโกนว่า“แม่นางน้อย ช่วยด้วย ช่วยด้วย!”เยี่ยม ตอนนี้ไม่ลงไปก็ไม่ได้แล้วกู้หว่านเยว่เดินลงมาพร้อมตะกร้าในมือ ปรี่มาหาพวกเขาทั้งสองทั้งสองเป็นชายฉกรรจ์ คนหนึ่งหมดสติ อีกคนสีสติ ดูคล้ายนายกับบ่าวในแวบแรกที่มู่ชิงมองเห็นกู้หว่านเยว

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 61

    จนกระทั่งได้ยินเสียงของกู้หว่านเยว่ดังขึ้นอีกครั้ง เขาจึงรู้สึกโล่งใจ รีบปลดผ้าที่ปิดตาออก แล้วหันหลังวิ่งไปหานาง“นายท่านของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”“ไม่เป็นไรแล้ว เจ้าไปดูเองเถอะ”ไม่ต้องให้กู้หว่านเยว่บอก มู่ชิงก็ก้มลงไปตรวจสอบอาการของชายคนนั้นแล้วเมื่อเห็นไม้ที่ปักอกชายคนนั้นถูกดึงออกมา และลมหายใจก็เริ่มคงที่ เขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก“แม่นางน้อย บุญคุณที่ช่วยชีวิตครั้งนี้ ข้าจะไม่มีวันลืม หากมีโอกาส ข้าจะตอบแทนแม่นางน้อยอย่างดีแน่นอน”พูดจบ เขาก็สังเกตเห็นว่ากู้หว่านเยว่มีเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผาก และใบหน้าของนางดูเหนื่อยล้าอย่างมากจากการช่วยชีวิตนายท่านของเขาในใจก็ยิ่งรู้สึกขอบคุณ จากนั้นรีบหยิบจี้หยกออกมา“นี่คือสิ่งยืนยันตัวตนของสกุลอวิ๋น ข้าน้อยเป็นคนรับใช้ของสกุลอวิ๋น วันนี้แม่นางน้อยช่วยชีวิตคุณชายของสกุลอวิ๋นเอาไว้ หากแม่นางน้อยต้องการความช่วยเหลือ สามารถไปหาพวกเราได้ที่เมืองตงโจว”“เมืองตงโจว?”นั่นไม่ใช่จุดหมายต่อไปของพวกเขาหรอกหรือ?แต่สกุลอวิ๋นนี้ กลับไม่เคยได้ยินมาก่อนกู้หว่านเยว่เก็บจี้หยกเอาไว้ในอกอย่างเงียบๆ จากนั้นพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 62

    กู้หว่านเยว่ พวกเจ้าตามไป อาจจะหาอาหารไม่เจอก็ได้“พวกเจ้าจัดการกระต่ายกับไก่ฟ้าก่อน ข้าจะไปดูข้างในเต็นท์หน่อย”กู้หว่านเยว่เปิดเต็นท์ แล้วเดินเข้าไปข้างในพอเข้าไป ก็เห็นซูจิ่งสิงที่มีสีหน้าร้อนรนซึ่งนั่งพิงอยู่บนก้อนหิน แล้วมองมาทางประตูเป็นระยะ ๆเมื่อเห็นเงาร่างของนาง แววตาของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาก่อน จากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นสีหน้าเคร่งขรึม“เจ้าไปไหนมา เหตุใดถึงกลับมาช้าขนาดนี้?”ขณะพูด สายตาของเขาก็มองสำรวจนางตั้งแต่หัวจรดเท้า ดูว่านางบาดเจ็บหรือไม่ทันใดนั้น เขาสังเกตเห็นว่ามีรอยเลือดที่ชายเสื้อของกู้หว่านเยว่จริง ๆ สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันทีคราวนี้แม้อยากจะแกล้งทำเป็นดุก็ทำไม่ได้แล้ว จึงเอ่ยถามขึ้นมาตรง ๆ ด้วยความร้อนใจ“เหตุใดถึงมีเลือด เจ้าบาดเจ็บหรือ บาดเจ็บตรงไหน รีบมาให้ข้าดู”“ไม่มี ๆ”กู้หว่านเยว่รู้ดีว่าข้อแก้ตัวของนางอาจหลอกคนอื่นได้ แต่หลอกเขาไม่ได้ เขาคงพอจะเดาได้ว่าเหยื่อของนางไม่ได้หามาจากในป่า จึงตัดสินใจพูดความจริง“เลือดนี้ไม่ใช่ของข้า”“แล้วเป็นของใคร?”“ตอนที่ข้าลงจากเขา ข้าเจอนายบ่าวคู่หนึ่ง นายได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าจึงช่วยพวกเขาไว้ จริงสิ พว

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 63

    ขณะที่ซุนอู่กำลังยื่นเอกสารแสดงตัวให้กับทหารรักษาประตูเมือง กู้หว่านเยว่ก็มองไปรอบๆทุกที่ที่นางมองไป เต็มไปด้วยผู้อพยพที่ไม่มีที่อยู่อาศัยชายหญิงทั้งเด็กและผู้ใหญ่ รวมตัวกันเป็นกลุ่มๆ แต่ละคนสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ใบหน้าซูบผอมไม่ต้องพูดถึงศพที่ลอยอยู่ในแม่น้ำ ริมถนนก็เต็มไปด้วยผู้คนอดอยากล้มตายจำนวนนับไม่ถ้วนหลังจากภัยพิบัติน้ำท่วมในเมืองตงโจว สถานการณ์ก็เลวร้ายกว่าที่นางคิดไว้มากได้กลิ่นโคลนผสมกับกลิ่นเน่าเหม็นในอากาศ กู้หว่านเยว่ก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีบางอย่างนางรู้สึกว่าโรคระบาดกำลังแพร่กระจายอย่างเงียบๆ รอวันปะทุออกมา“พี่ใหญ่ซุน พวกเราอย่าอยู่ที่เมืองตงโจวนานนักเลย รีบจัดการเรื่องเอกสารแล้วออกจากที่นี่กันเถอะ”“รีบขนาดนั้นเลยหรือ?” ซุนอู่เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจตามความคิดเดิมของเขา ตั้งใจว่าจะอยู่ในเมืองตงโจวนานหน่อย เพื่อเติมเสบียงให้เต็มที่ก่อนออกเดินทางกู้หว่านเยว่ลดเสียงลง “ข้าสงสัยว่าเมืองตงโจวอาจเกิดโรคระบาดหนัก”“อะไรนะ?”ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่บนภูเขาก็เคยได้ยินกู้หว่านเยว่พูดถึงเรื่องโรคระบาด ทำให้เขารู้สึกกังวลมาหลายวันแล้วหลังจากเห็นว่าทุกอย่างเรี

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 64

    ทหารชี้ไปยังบุรุษที่สวมชุดขุนนางซึ่งอยู่ไม่ไกลนักกู้หว่านเยว่ก็หันไปมอง เมื่อเห็นใบหน้าของบุรุษคนนั้นชัดเจน นางก็ตกตะลึงอย่างมากฟู่หลานเหิง!เพื่อนเล่นสมัยเด็กของเจ้าของร่างเดิม หลังจากที่เจ้าของร่างเดิมถูกพระราชทานสมรสกับซูจิ่งสิง เขาก็เสียใจมากจนหนีมาเป็นเจ้าเมืองที่เมืองตงโจวคิดไม่ถึงเลยว่าจะเจอเขาที่นี่ ฟู่หลานเหิงที่หันกลับมาก็เห็นกู้หว่านเยว่เช่นกันทันทีที่เห็นกู้หว่านเยว่ ฟู่หลานเหิงก็จำนางได้ จากนั้นก็รีบเดินเข้ามาหานางด้วยความดีใจ“หว่านเยว่ เป็นเจ้าจริง ๆ หรือ? เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”การได้พบเพื่อนเก่าในต่างถิ่น ทำให้กู้หว่านเยว่รู้สึกดีใจ แต่ถึงจะดีใจอย่างไร ตอนนี้นางก็แต่งงานแล้ว จึงต้องรักษาระยะห่างกับฟู่หลานเหิงและตอนนี้ สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าสถานการณ์ในเมืองตงโจวเป็นอย่างไรกันแน่“ใต้เท้าฟู่ ได้ยินมาว่าในเมืองตงโจวเกิดโรคระบาด เป็นเรื่องจริงหรือไม่?”“ถูกต้อง”เมื่อเห็นแววตาที่ห่างเหินของกู้หว่านเยว่ ฟู่หลานเหิงก็นึกขึ้นมาได้ว่านางแต่งงานแล้ว จึงรีบตั้งสติและกล่าวอธิบายว่า “เนื่องจากผลกระทบของภัยน้ำท่วม ช่วงนี้มีคนเสียชีวิตมากเกินไป ทางตะวันตกและตะว

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 65

    ขณะที่กู้หว่านเยว่พูดคุยกับฟู่หลานเหิง เขาก็ได้ยินเช่นกันในใจพอจะเดาความสัมพันธ์ของฟู่หลานเหิงและกู้หว่านเยว่ได้แต่จากการที่ได้ใช้เวลาอยู่กับกู้หว่านเยว่มาระยะหนึ่ง เขาเชื่อมั่นในตัวของนางมาก และจะไม่ยอมให้ใครพูดจาใส่ร้ายนางเด็ดขาดหลี่ซือซือกล่าวอย่างน้อยใจว่า “พี่ชาย ท่านยังจะปกป้องนางอีกหรือ?”“ไม่ปกป้องพี่สะใภ้ของข้า แล้วจะไปปกป้องเจ้าหรือไง?”ซูจิ่นเอ๋อร์ที่อดทนมาตลอดก็เอามือเท้าสะเอวแล้วตะโกนด่าว่า “พี่สะใภ้ของข้าติดตามพี่ชายมาตลอดทาง ไม่เคยทิ้งกัน ความรักของทั้งสองมั่นคงยิ่งกว่าทองคำเสียอีก!อีกอย่าง ถ้าไม่ใช่เพราะพี่สะใภ้ของข้า ทุกคนคงโดนน้ำท่วมตายไปแล้ว อย่าเนรคุณให้มันมากนัก!”ซูจิ่นเอ๋อร์ระเบิดออกมาราวกับประทัด ผู้หญิงคนอื่น ๆ ก็รวบรวมความกล้าพูดเพื่อกู้หว่านเยว่เช่นกันมีเพียงหลี่ซือซือที่ยังคงปากแข็ง ยืนกรานว่ากู้หว่านเยว่และฟู่หลานเหิงมีความสัมพันธ์กัน“ถ้านางและท่านเจ้าเมืองไม่ได้มีความสัมพันธ์กัน แล้วเหตุใดเขาถึงให้พวกเราเข้ามาพักในศาลาว่าการได้ แน่นอนว่าต้องให้ผลประโยชน์บางอย่างกับท่านเจ้าเมือง อาจจะแอบไปทำเรื่องลับ ๆ ล่อ ๆ ในเชิงชู้สาวกันก็ได้”หลี่ซือซือไ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 66

    หลังจากสงบสติอารมณ์ลงแล้ว เขาก็จับใจความของกู้หว่านเยว่ได้อย่างรวดเร็ว“เจ้ามีวิธีหยุดโรคระบาดงั้นหรือ?”“อืม” กู้หว่านเยว่ถือว่าซูจิ่งสิงเป็นคนที่ไว้ใจได้อย่างไม่รู้ตัวและตอนนี้นางก็ขาดคนที่ปรึกษาด้วยจริง ๆ ในใจของซูจิ่งสิงไม่อยากให้ทั้งสองคนเจอกัน แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่ไร้เหตุผล เขาแยกแยะได้ว่าเรื่องไหนสำคัญกว่าจากนั้นจึงพยักหน้า “ข้าจะไปกับเจ้า”มีบางอย่างที่เขาอยากจะพูดกับฟู่หลานเหิง“ก็ได้” กู้หว่านเยว่คิดว่าซูจิ่งสิงเป็นห่วงนาง จึงไปยืมรถเข็นมาทันที หลังจากบอกกับซุนอู่แล้ว ก็ออกไปหาฟู่หลานเหิงด้วยกัน“ท่านใส่อันนี้ด้วย”กู้หว่านเยว่หยิบผ้าคลุมหน้าสีขาวสองผืนออกมาจากอก ผืนหนึ่งนางใส่เอง ส่วนอีกผืนหนึ่งก็ส่งให้ซูจิ่งสิงดวงตาของซูจิ่งสิงเป็นประกาย “เจ้ายังมีของแบบนี้อยู่อีกหรือ?”“ท่านรู้หรือว่านี่คืออะไร?”“อืม” ซูจิ่งสิงพยักหน้า “ตอนที่ข้าไปรบที่ชายแดน มีคนเป็นกาฬโรค ตอนนั้นหมอทหารก็เอาผ้าคลุมหน้ามาให้พวกเราปิดหน้าเอาไว้ เพื่อป้องกันการติดโรค”กู้หว่านเยว่ยิ้ม “หมอทหารคนนั้นรู้จักอันนี้ด้วย ถือว่ามีความสามารถอยู่บ้าง”ซูจิ่งสิงเกือบจะกระอักเลือดออกมาถ้าหวงเหล่าเห็น

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 67

    “หว่านเยว่ ข้าถามเจ้าอีกครั้ง เจ้ามีวิธีรักษาโรคระบาดจริง ๆ หรือ? เรื่องนี้สำคัญมาก ห้ามล้อเล่น”กู้หว่านเยว่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นตอบกลับว่า “ข้ามีความมั่นใจว่าจะรักษาโรคระบาดได้ แต่ไม่มีอะไรแน่นอน ข้าต้องเห็นอาการของผู้ติดเชื้อด้วยตาตัวเองก่อน ถึงจะให้คำตอบเจ้าได้”โรคระบาดมีหลายชนิด โรคระบาดที่กล่าวถึงในหนังสือเล่มเดิม เป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่งที่เรียกว่ามาลาเรียแต่ถ้าไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง กู้หว่านเยว่จะไม่ด่วนสรุปเมื่อได้ฟังคำพูดที่จริงใจเหล่านี้ ฟู่หลานเหิงกลับเชื่อนางขึ้นมา“ได้ ข้าจะพาเจ้าไปดู”ทันใดนั้นก็พากู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงไปยังลานบ้านแห่งหนึ่งที่ถูกกักกัน ซึ่งมีคนในครอบครัวสามคนที่ติดโรคระบาดอาศัยอยู่“ข้าเข้าไปคนเดียวก็พอแล้ว”กู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยโรคระบาดสามารถติดต่อได้ ยิ่งคนสัมผัสน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี“ไม่ได้ ข้าจะเข้าไปกับเจ้า”ซูจิ่งสิงและฟู่หลานเหิงเอ่ยขึ้นพร้อมกัน จากนั้นทั้งสองก็สบตากันอย่างดุเดือด“ข้าเป็นสามีของเจ้า ข้าจะเข้าไปกับเจ้า”ซูจิ่งสิงพูดขึ้นมาก่อนกู้หว่านเยว่กุมขมับ “พวกท่านทั้งสองคนไม่ต้องเข้ามา รออยู่หน้าประตูทั้ง

Latest chapter

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1380

    กู้หว่านเยว่นึกขึ้นได้ว่าร้านขายเสื้อผ้าและร้านดอกท้ออยู่ทางเดียวกัน ถึงตอนนั้นก็ถือโอกาสไปดูกิจการของร้านดอกท้อด้วยเลย“เยี่ยมไปเลย เราไปกันเถอะ”มู่หรงฉางเล่อจูงมือของกู้หว่านเยว่ออกไปข้างนอกอย่างเบิกบานใจหลังจากที่ทั้งสองคนขึ้นรถม้าแล้ว ไม่นานก็มาถึงร้านเสื้อผ้ามู่หรงฉางเล่อกระตือรือร้นมาก หลังจากที่รถม้าจอดสนิทก็กระโดดลงจากรถม้าทันที จากนั้นก็จูงมือของกู้หว่านเยว่เข้าไปข้างใน“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านจะซื้อเสื้อผ้าอะไรเจ้าคะ?”“ข้าขอดูก่อน” กู้หว่านเยว่กวาดตามองแวบหนึ่ง เสื้อผ้าของนางยังมีอีกมาก ไม่ได้ขาดแคลนเสื้อผ้าแต่อย่างใด“แม่นางอยากดูเสื้อผ้าใช่หรือไม่เจ้าคะ เชิญตามข้ามาดูเนื้อผ้าทางนี้เจ้าค่ะ”เจ้าของร้านออกมาต้อนรับมู่หรงฉางเล่อรีบตามเจ้าของร้านไปอีกด้าน เพื่อเลือกเนื้อผ้าก่อนองค์หญิงใหญ่อายุมากแล้ว เนื้อผ้าที่มู่หรงฉางเล่อเลือกนั้นล้วนเป็นสีที่ค่อนข้างเข้ม ยกตัวอย่างเช่นสีเขียวเข้มหลังจากเลือกเสร็จแล้ว ก็บอกขนาดและน้ำหนักขององค์หญิงใหญ่กับเจ้าของร้าน ลูกน้องในร้านช่วยจด“ใช้เวลาตัดเสื้อผ้านานแค่ไหนเจ้าคะ?”มู่หรงฉางเล่อกล่าวถาม“เร็วสุดก็ประมาณสามถึงห้าวัน ช้าส

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1379

    เฟิ่งอู๋ชีกล่าวเสริมอีกว่า“เงื่อนไขนี้ไม่ได้หนักหนานักมากหรอก อยู่ภายในขอบเขตความสามารถของพวกเจ้าอย่างแน่นอน”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงต่างมองหน้ากัน ทั้งสองคนไม่ได้ตอบตกลงในทันทีกู้หว่านเยว่เริ่มสนใจ“แล้วเจ้าจะขัดขวางพี่หญิงใหญ่ของเจ้าอย่างไร?”“ข้าและพี่หญิงใหญ่ไม่ถูกกันมานานแล้ว”นัยน์ตาของเฟิ่งอู๋ชีฉายแววสังหารอย่างเห็นได้ชัด“พระชายาไม่เคยได้ยินเรื่องของพี่น้องสายเลือดเดียวกันทั้งเก้า วันหนึ่งองค์ชายเก้าเกิดช่วงชิงบัลลังก์ องค์ชายแปดจึงต้องตายหรือ?”หัวใจของกู้หว่านเยว่เต้นระงม เข้าใจความหมายของอีกฝ่ายในทันทีในเมื่อเฟิ่งอู๋ชีกล่าวถึงขนาดนี้แล้ว กู้หว่านเยว่ก็ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งอีกต่อไป“ได้ ข้ารับปากเจ้า”การร่วมมือของทั้งสามคนได้เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการเฟิ่งอู๋ชีกระตุกยิ้ม“ที่นี่คือจวนอ๋องใช่หรือไม่? หลับไปตั้งหลายวัน บัดนี้ข้าชักจะหิวขึ้นมาจริง ๆ แล้ว ในเมื่อเราร่วมมือกันแล้ว เช่นนั้นพวกเจ้าคงไม่มีทางเอาเปรียบหุ้นส่วนอย่างข้าหรอกนะ ยกเหล้าเลิศรสและอาหารอร่อย ๆ มาให้ข้าสักหน่อยเถิด”“ได้”กู้หว่านเยว่ตอบตกลงอย่างสบายอารมณ์เดิมทีนางก็ไม่ได้อยากจะฆ่าเฟิ่งอู๋ชี

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1378

    กู้หว่านเยว่และซูจิงสิงต่างสบตากัน นัยน์ตาของทั้งสองคนฉายแววประหลาดใจ“ไม่ใช่ความคิดของเจ้า จะเป็นไปได้อย่างไร? หนานเจียงไม่ได้วางแผนโจมตีเจดีย์หนิงกู่เพราะการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ถูกทำลายหรอกหรือ?”“ไม่ใช่แน่นอน”เฟื่งอู๋ชีส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม“หนานเจียงไม่เคยแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับเมืองอื่น มันเป็นเพียงแค่ข้ออ้างเท่านั้น”“แล้วเหตุผลที่แท้จริงคืออะไร?”กู้หว่านเยว่รีบกล่าวถาม นางต้องรู้เหตุผลที่แท้จริง ถึงจะหาทางแก้ไขได้“พี่หญิงใหญ่ของข้าเอง”เฟิ่งอู๋ชีมองทั้งสองคน “เรื่องการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์คือการตัดสินใจของพี่หญิงใหญ่ ความจริงแล้วไม่ว่าท่านหญิงฉางเล่อผู้นั้นจะหนีไปได้หรือไม่ หนานเจียงก็ตัดสินใจจะช่วยฮ่องเต้กดดันพวกเจ้าอยู่แล้ว”เฟิ่งอู๋ชีตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาจากพื้น หาพื้นที่ที่สบายที่สุดให้ตัวเอง“เรื่องนี้เป็นแผนการของพี่หญิงใหญ่ นางเป็นแก้วตาดวงใจของท่านพ่อ ต่อให้เป็นข้าก็ไม่สามารถเปลี่ยนการตัดสินใจของนางได้”กู้หว่านเยว่แปลกใจ “เจ้าไม่ใช่องค์ชายหนานเจียงหรอกหรือ?”เท่าที่กู้หว่านเยว่รู้มา เฟิ่งอู๋ชีน่าจะเป็นองค์ชายเพียงคนเดียวของหนานเจียง ทุกคนให้ความสำคัญต่อ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1377

    ที่แท้กู้หว่านเยว่ก็จำเรื่องที่เขาพูดได้ “เจ้าเก็บเรื่องที่ข้าพูดไว้ในใจมาตลอด”นัยน์ตาของเฟิ่งอู๋ชีฉายแววตาเย้ายวน จ้องเขม็งไปทางกู้หว่านเยว่“เพราะเจ้าตกหลุมรักข้าระหว่างทางแล้วใช่หรือไม่?”น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยเจตนาที่ไม่ดี แต่การแต่งกายเป็นสตรีของบุรุษผู้นี้กลับทำให้กู้หว่านเยว่หลุดหัวเราะอย่างอดไม่ได้“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว”กู้หว่านเยว่เกาศีรษะอย่างจนปัญญา ขอร้องล่ะ สามีของนางยืนอยู่ด้านหลัง“ถ้าไม่ลองดู จะรู้ได้อย่างไรว่าข้าเข้าใจผิดหรือไม่?”เฟิ่งอู๋ชีกล่าวด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “ในเมื่อเจ้ารู้สถานะของข้าแล้ว สนใจอยากเป็นราชินีแห่งหนานเจียงหรือไม่ล่ะ?”เขาจ้องเขม็งไปทางกู้หว่านเยว่ โดยมีความคิดที่ไม่ดีปรากฏขึ้นในใจหากกู้หว่านเยว่ตอบตกลงเขาจริง ๆ บางทีเขาอาจจะยอมยกตำแหน่งราชินีแห่งหนานเจียงให้นางจริง ๆ ก็ได้ “ในหอเจิ้นไห่พวกเราเคยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ผ่านความเป็นความตายมาด้วยกันแล้ว เจ้าลองคิดไตร่ตรองดูเอาเถิด”เฟิ่งอู๋ชีมองนางด้วยความคาดหวัง เดิมทีเขาก็แค่อยากพูดโน้มน้าวไปตามสถานการณ์ แต่บัดนี้เขากลับคิดจริงจึงขึ้นมา“ข้ามีสามีแล้ว”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าปฏิเสธโด

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1376

    ไม่นานนัก เฟิ่งอู๋ชีก็ตื่นจากการหลับใหลภาพที่ดึงดูดสายตาของเขาเป็นอันดับแรกคือกู้หว่านเยว่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าความทรงจำของเฟิ่งอู๋ชียังอยู่ในหอเจิ้นไห่ หลังจากที่เห็นกู้หว่านเยว่ตรงหน้าอย่างชัดเจน ก็รีบถอยหลังอย่างรวดเร็วเขาจำได้ว่ากู้หว่านเยว่หยิบของที่เหมือนกันชิ้นหนึ่งออกมา แล้วแตะบนตัวของเขา พริบตาเดียวเขาก็รู้สึกชาไปทั้งตัว จากนั้นก็ไม่รู้สึกอะไรอีกเลย ภาพตรงหน้าดับวูบและล้มลงไปบนพื้นเฟิ่งอู๋ชียังคงหวาดกลัวกับ “อาวุธ” ชนิดนั้นครั้นกู้หว่านเยว่เห็นดังนั้นก็คลี่ยิ้ม“ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก”“ที่นี่คือที่ไหน?”เฟิ่งอู๋ชีมองไปรอบ ๆ พบว่าสถานที่ตรงหน้าเป็นสถานที่ที่แปลกตาโดยสิ้นเชิง อีกทั้งกู้หว่านเยว่ที่อยู่ตรงหน้าก็ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว“ข้าหลับไปนานแค่ไหนแล้ว?”เขากุมขมับของตัวเอง รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยขึ้นในใจ“ประมาณสี่ถึงห้าวัน” กู้หว่านเยว่ตอบกลับ ก่อนจะโน้มตัวลงมามองเขาด้วยรอยยิ้มเฟิ่งอู๋ชีเพิ่งจะได้สติกลับมา เขาจำได้ว่าก่อนที่เขาจะสลบไปนั้นเขาได้เจอกับเต่าทะเล ดังนั้นจึงรีบกล่าวถามทันที“สี่ถึงห้าวัน แสดงว่าตอนนี้ข้าก็ออกจากหอเจิ้นไห่แล้วน

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1375

    หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว กู้หว่านเยว่ในเวลานี้เหนื่อยล้ามาก หลังจากล้มตัวลงบนเตียงไม่นานก็ผล็อยหลับไป ครั้นนางตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าจ้านจ้านกำลังนอนหลับฝันหวานกับนางอยู่ข้างกายอย่างเงียบ ๆ ซูจิ่งสิงนั่งอยู่หลังโต๊ะตรงข้ามทั้งสองคน กำลังจัดการงานราชการอย่างขะมักเขม้น“เจ้าตื่นแล้วหรือ?”ทันทีที่ซูจิ่งสิงได้ยินการเคลื่อนไหวก็พลันเงยหน้าขึ้น จากนั้นสายตาอันอบอุ่นก็เลื่อนมาหยุดอยู่ที่กู้หว่านเยว่“หิวไหม อยากกินอะไรสักหน่อยหรือไม่?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เวลานี้นางยังไม่หิว นางยังอยากดื่มด่ำกับช่วงเวลาที่แสนอบอุ่นนี้จ้านจ้านตื่นเพราะเสียงพูดคุยของพวกเขาสองคน ดวงตากลมโตสีดำสนิทจ้องมองทั้งสองคนอย่างไร้เดียงสา“แอ๊ะ!”เขายื่นมืออวบอ้วนไปทางกู้หว่านเยว่ “แอ๊ะ!”ดูเหมือนเขาพยายามจะเรียกนางว่าท่านแม่ แต่เนื่องจากยังเด็กเกินไป จึงยังเอ่ยออกมาไม่ได้กู้หว่านเยว่ใจละลาย คว้ามืออวบอ้วนของเขาไว้“จ้านจ้าน คิดถึงแม่หรือไม่?”“แอ๊ะ!” คิดถึงสิ!จ้านจ้านมองนางอย่างตื่นเต้น ภาษากายกำลังบอกว่า เขาคิดถึงกู้หว่านเยว่มากสองแม่ลูกเล่นอยู่บนเตียงกันอยู่ครู่หนึ่ง กระทั่งเห็นท้องฟ้าม

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1374

    หลังจากที่เข้ามาในห้อง ในที่สุดซูจิ่งสิงก็ต้านทานความคิดตัวเองไม่ไหว คว้ากู้หว่านเยว่เข้ามาไว้ในอ้อมกอด“น้องหญิง”เขาดึงนางเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะซุกหน้าลงไปตรงซอกคอของนาง สูดดมกลิ่นหอมของดอกแพร์ที่แผ่ขยายออกมาจากตัวของนาง และกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่าที่เต็มไปด้วยความคิดที่ไม่อาจต้านทานได้ “เจ้าก็รู้ว่าข้าคิดถึงเจ้ามากเพียงใด”กู้หว่านเยว่หน้าแดงระเรื่อ นางคิดถึงเขามาก จึงไม่ผลักเขาออกไปแล้วเอ่ยตอบรับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ข้าเองก็คิดถึงท่าน”“ไม่มีตอนไหนที่ไม่คิดถึง”นางกล่าวเสียงเบา ระบายความรู้สึกภายในใจอย่างอ่อนโยน“ระหว่างทางกลับมา ยามมองท้องฟ้าก็เห็นแต่เจ้า มองก้อนเมฆก็เห็นแต่เจ้า มองกองไฟก็คิดถึงแต่เจ้า ลืมตาก็เห็นเป็นหน้าเจ้า หลับตาก็เฝ้าพรรณนาถึงเจ้า....”ซูจิ่งสิงทนไม่ไหวอีกต่อไปริมฝีปากของภรรยาช่างน่าดึงดูดยิ่งนัก เขาโน้มหน้าลงมา ประทับรอยจูบบนปากของนาง ก่อนจะใช้ปลายลิ้นตวัดเปิดปากของนาง ลิ้นของนางตวัดประสานกับลิ้นของเขา ทั้งสองคนใช้ลิ้นสอดประสานกันและกัน จนของเหลวผสมผสาน กลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน“ท่านพี่...” กู้หว่านเยว่ตระหนักได้ว่าเขาต้องการอะไรจากสายตา

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1373

    “กรี๊ด!”นางล้มลงไปบนพื้นด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะจ้องมองกู้หว่านเยว่ด้วยสายตาเกลียดชังอย่างที่สุด“เจ้าไร้ความปรานีต่อตระกูลมารดา ต่อไปเจ้าจะไร้ที่พึ่ง!”กู้หว่านหรูสาปแช่งอย่างโหดร้าย“เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าท่านอ๋องจะรักเจ้าไปตลอดชีวิต? ต่อไปเจ้าจะถูกทอดทิ้ง ข้าจะรอดูวันที่เจ้าไร้ที่พึ่ง” ชิงเหลียนและหงเจามีสีหน้าเปลี่ยนไป คำสาปแช่งที่โหดร้ายเช่นนี้ ทำให้ฮูหยินและนายท่านรับไม่ได้“ปิดปากนางเสีย”มุมปากของซูจิ่งสิงกระตุก ตั้งใจจะหาเรื่องเขาสินะ?กว่าเขาจะทำลายกำแพงจนภรรยาเชื่อใจเขาได้ไม่ได้เรื่องง่าย“น้องหญิง อย่าไปเชื่อคำพูดของนาง ข้าไม่มีวันรังแกเจ้า”จะว่าไปแล้ว ตระกูลของพวกเขาต่างก็เป็นคนที่มีคุณธรรมหากเขารังแกนาง คงถูกไล่ออกจากบ้านแล้ว“ข้าไม่อ่อนไหวเพราะคำพูดของนางหรอก”กู้หว่านเยว่ยิ้มตาหยีพลางมองซูจิ่งสิง นางไม่ได้โง่เขลาเพียงนั้นจวนจงฉินโหวเดิมทีไม่ได้ต้อนรับนางอยู่แล้ว เหตุใดนางจะต้องประจบประแจง ยอมโง่กอดความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ด้วยเล่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือนางมีตระกูลมารดาใหม่ไปแล้ว“จับนางโยนออกไปจากเจดีย์หนิงกู่”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่งกับฉู่เฟิงด้วยสีหน้าไร้ความร

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1372

    กู้หว่านเยว่ชอบนิสัยนี้ของมู่หรงฉางเล่อมากเมื่อเห็นทั้งสองคนเดินเข้าไปแล้ว นางก็หันกลับมามองกู้หว่านหรู“ปล่อยนางก่อน”กู้หว่านเยว่สั่งชิงเหลียนและหงเจาสั้น ๆ เมื่อทั้งสองคนได้ยินก็รีบปล่อยตัวกู้หว่านหรู แล้วยืนปกป้องผู้เป็นนายอยู่ข้าง ๆ “กู้หว่านเยว่ ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องกลับไปกับข้า”กู้หว่านหรูตะโกนเสียงดังโดยไม่สนใจใคร ทำให้กู้หว่านเยว่ยิ้มเยาะ“ทำไมข้าต้องกลับไป?”“เจ้ายังกล้าถามข้าว่าทำไม หากไม่ใช่เพราะเจ้า ท่านพ่อและท่านแม่ของข้าคงไม่เดือดร้อนถึงเพียงนี้ ฝ่าบาทก็คงไม่ทรงกริ้วพวกเขา จวนโหวเคยรุ่งเรืองมากเมื่อครั้งอดีต แต่เพราะเจ้า ครอบครัวของเราจึงได้ตกมาอยู่ในสภาพเช่นนี้”กู้หว่านหรูกำหมัดแน่นด้วยความโกรธเกรี้ยว สตรีผู้นี้ยังกล้าถามนางอีกว่าทำไมต้องกลับไป นางไม่มีน้ำใจเลยอย่างนั้นหรือ?“ครอบครัว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า “พวกเจ้าคือครอบครัว แต่ข้าไม่ใช่สินะ”นางกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น“เจ้าคงจะลืมไปแล้วใช่หรือไม่ ในตอนที่ถูกเนรเทศช่วงแรก จวนโหวกลัวว่าจะถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้อง พวกเขาจึงตัดความสัมพันธ์กับข้าไปแล้ว”แม้ว่าจะไม่มีหนังสือตัดสายเลือด แต่คนที่นี่เ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status