“กงซุนจ่างเย่เคยบอกไว้ว่า มีเพียงลูกหลานของสกุลกงซุนเท่านั้นที่มีจี้หยกนี้ ภายในคือโลหิตจากหัวใจของทุกคน ท่านดูข้างในจี้หยกอันนี้สิ มันมีสีแดงอยู่เล็กน้อยหรือเปล่า”“ถูกต้อง ดูเหมือนว่าหญิงผู้นี้จะเป็นพี่สาวของกงซุนจ่างเย่จริง ๆ”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงดีใจเป็นที่สุดสำเร็จโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ เลยอย่างแท้จริงเดิมทีคิดจะฆ่าฉินทงเท่านั้น ไม่นึกมาก่อนว่าจะได้ผลสำเร็จโดยบังเอิญแม้ว่าจะหาพบเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ในเมื่อพบคนหนึ่งแล้ว ที่เหลือจะยังห่างไกลอีกหรือ?“เจ้าถอยกลับมาก่อน” กรงเหล็กนี้ทำจากเหล็กนิล แต่โชคดีที่กริชในมือของซูจิ่งสิงเล่มนี้ เป็นเล่มที่หนานหยางอ๋องเคยมอบให้กับกู้หว่านเยว่กริชเล่มนี้ตัดเหล็กได้ง่ายดั่งโคลน ตัดโซ่ขาดเป็นสองท่อนได้ในทันทีที่นี่ไม่เหมาะจะอยู่นานนัก กู้หว่านเยว่ให้ซูจิ่งสิงพาทั้งสองไปด้วยก่อนจากไป นางยังหยิบตำรารับมือสัตว์เดรัจฉานในมือฉินทงไปด้วย จากนั้นจึงออกจากที่ว่าการอำเภอขณะนี้ เฉินจิ่งเส้ากำลังรอคอยอย่างกระวนกระวายอยู่ภายในเรือน“ในที่สุดพวกท่านก็กลับมาแล้ว ข้ายังคิดว่าพวกท่านจะตกอยู่ในอันตรายเสียอีก”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า พลาง
“ข้าเข้าไปดูหน่อย”เฉินจิ่งเส้าได้ยินว่ากงซุนฉิงไม่เป็นไร รีบเข้าไปตรวจบาดแผลของนางภายในห้องกู้หว่านเยว่กลับเหลือบมองฉินทงบนพื้น ให้ซูจิ่งสิงพาคนไปห้องด้านข้างยามปฏิบัติต่อฉินทงที่หมดสติไป นางไม่มีเมตตาแม้แต่น้อยถือน้ำเย็นถังใหญ่ออกจากมิติโดยตรง สาดใส่ตัวฉินทงฉินทงมีไหวพริบ ได้สติกลับมาแล้วมองสภาพแวดล้อมรอบกายอย่างชัดเจน เขาตกตะลึงหน้าถอดสี รีบคุกเข่าโขกศีรษะให้ทั้งคู่“ท่านจอมยุทธ์ ปล่อยข้าไปเถอะ พวกท่านอยากรู้เรื่องใด ข้าจะบอกพวกท่านทั้งหมด ขอเพียงพวกท่านไม่ฆ่าข้าก็พอ”ขณะเดียวกันกู้หว่านเยว่กลับไม่เชื่อคำพูดทั้งหมดของฉินทงอย่างไรเสียเมื่อครู่คนผู้นี้ก็ปิดบังเบาะแสของกงซุนฉิง หากมิใช่ซูจิ่งสิงลงทัณฑ์ทรมานก็คงพลาดไปแล้วแต่ปัญหาที่ต้องถามก็ยังต้องถามให้เรียบร้อย“เหตุใดเจ้าจึงทรยศหมู่บ้านโซ่วหวาง เพื่อพิสูจน์ความจริงใจต่อฮ่องเต้กระนั้น?”“ขอเตือนเจ้า จงตอบตามสัตย์จริง หาไม่แล้วเจ้าได้ทรมานยิ่งกว่าตายเสียอีก”ฉินทงพยักหน้าทั้งน้ำตา แสดงให้เห็นว่าตนเองไม่กล้าพูดปด“ข้าพูด...ข้าพูด”ฉินทงหายใจเข้าลึกๆ“แท้จริงแล้วข้าเองก็ไม่อยากทรยศหมู่บ้านโซ่วหวาง เรื่องนี้พูดแล้วก
มาถึงตรงนี้ กู้หว่านเยว่เข้าใจต้นสายปลายเหตุเกือบทั้งหมดแล้วฉินทงถูกสตรีลึกลับขู่ ตีขนาบทั้งด้านในและด้านนอกกับอีกฝ่ายคนสกุลกงซุนทั้งหมดล้วนถูกวางยา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีความสามารถต่อต้านถูกจัดการทั้งหมดในคราวเดียว“ตอนนี้สตรีลึกลับคนนั้นอยู่ที่ใด?”“ข้าไม่รู้ นางมาไร้เงาไปอย่างไร้ร่องรอย”ฉินทงส่ายหน้า เห็นซูจิ่งสิงจะลงมืออีกครั้ง รีบพูดว่า“ใช่แล้ว ข้านึกออกแล้ว นางติดต่อกับใต้เท้าสองท่านที่มาจากเมืองหลวง ยิ่งไปกว่านั้นนางหาของที่ต้องการไม่พบ ดังนั้นนางอาจยังอยู่ที่เขตซีเป่ย ไม่แน่ว่าตอนนี้ก็อยู่ภายในหมู่บ้านโซ่วหวางขอรับ”กู้หว่านเยว่พบจุดบอดแล้ว “ในเมื่อสตรีลึกลับคนนั้นต้องการคนสกุลกงซุน เหตุใดกงซุนฉิงจึงอยู่ในมือเจ้า เจ้ากลับไม่มอบให้นาง?”“เอ่อ...”ใบหน้าฉินทงเผยแววรู้สึกผิด คิดว่าอย่างไรเสียตนเองก็พูดความลับมากเพียงนี้แล้ว ไม่ขาดเรื่องนี้ไป“เพราะข้าเองก็อยากเรียนเคล็ดลับควบคุมสัตว์ร้าย...ดังนั้นข้าจึงเก็บกงซุนฉิงไว้ศึกษา...”น่าเสียดายปากของกงซุนฉิงปิดสนิท ไม่ว่าเขาทรมานเยี่ยงไรปากนั้นของนางกัดแน่นไม่ยอมเปิดออกต่อให้ตายก็ไม่แย้มพรายแม้คำเดียวภายใต้ความเอือม
ดวงตาซูจิ่งสิงทอประกาย ของสิ่งนี้มีประโยชน์ดังคาดอาศัยช่วงนักรบหมาป่าเดินห่างไปไกล ทั้งสองสบโอกาสเหินลงบนหญ้า จากนั้นเหินขึ้นกำแพงเมืองซูจิ่งสิงมาที่ตำแหน่งใจกลางกำแพงเมือง แขวนศีรษะฉินทงไว้บนกำแพงเมืองโดยตรงจากนั้นเหินบินจากไปก่อนถูกทหารพบเห็นเชื่อว่าหลังฟ้าสว่างในวันพรุ่งนี้ ทหารลาดตระเวนเหล่านั้นมองเห็นศีรษะของฉินทงแล้ว จะต้องเกิดคลื่นลูกใหญ่อย่างแน่นอน“คาดหวังขึ้นมาบ้างแล้ว”กู้หว่านเยว่ลูบคาง ยิ้มอย่างมีเจตนาร้ายทั้งสองคนกลับเข้าเรือนขณะเดียวกัน เฉินจิ่งเส้าคอยอยู่ภายในนานมากแล้ว เห็นทั้งคู่กลับมา ถลันขึ้นมาเร็วรี่“พวกท่านนับว่ากลับมาแล้ว กงซุนฉิงฟื้นแล้ว”“พาข้าไปดูหน่อย”ได้ยินว่ากงซุนฉิงฟื้นแล้ว กู้หว่านเยว่รีบเข้าเรือนบัดนี้กงซุนฉิงกำลังนั่งพิงหัวเตียง เหลือบเห็นว่ากู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเข้ามาแล้ว รีบเอ่ยปากขอบคุณทั้งคู่กู้หว่านเยว่หยั่งเดา เป็นเฉินจิ่งเส้าเล่าต้นสายปลายเหตุให้นางฟัง“น้องเจ็ดของข้ายังดีอยู่หรือไม่?”“ไม่ดี” กู้หว่านเยว่ตอบตามสัตย์จริง “ถูกควักดวงตาสองข้าง กระดูกมือและขาหัก ตายเสียดีกว่าอยู่”“แควก!”ผ้าปูเตียงในมือกงซุนฉิงขาดเป็
“วิชาแมวสามขา [1] เท่านั้น น่าเกลียดเกินไป”สีหน้าเฉินจิ่งเส้าเปี่ยมความเก้อกระดาก วรยุทธ์เพียงแค่นั้นของเขายามอยู่ต่อหน้าซูจิ่งสิง ไม่พอให้ชายตาแล “แต่พวกเราพาไปคนหนึ่ง ใช้วิชาตัวเบาเชื่องช้าเกินไป มิสู้ใช้สัตว์ของข้า”พูดจบ เขาผิวปากเสือเงินสีขาวดุจหิมะทั่วทั้งสรรพางค์กายตัวหนึ่งกระโจนออกจากความมืดมิดยามราตรีจากนั้นหมอบหลงต่อหน้าเฉินจิ่งเส้า ลดหลังลงต่ำแม้แต่คนพบเห็นมามากอย่างกู้หว่านเยว่ยังตกตะลึงเหม่อลอย“เสือเงินนี้ถึงขั้นฟังคำสั่งท่าน นี่คือสัตว์เลี้ยงหรือ?”กู้หว่านเยว่เอ่ยถามอย่างตกตะลึงพรึงเพริดพวกเขาสองสามีภรรยานับตั้งแต่ปรากฏตัวจนถึงตอนนี้ ก็คล้ายปรมาจารย์ลึกลับสองท่านอยู่ตลอดครั้นเผยสีหน้าตกตะลึง นับว่าน่ารักใสซื่อมากเฉินจิ่งเส้าหัวเราะฮาๆ พูดอย่างไม่ปกปิด“แท้จริงแล้ววมิได้ลึกลับเหมือนข่าวลือ พวกเราใช้ชีวิตร่วมกับสัตว์เหล่านี้ตั้งแต่เด็ก ย่อมเกิดความผูกพัน เสือเงินตัวนี้เป็นของขวัญที่ท่านพ่อมอบให้ข้าตอนอายุครบสิบขวบ”สายตาเฉินจิ่งเส้าสะท้อนความภาคภูมิใจ“หลังเลี้ยงดูแล้ว มันก็นับข้าเป็นเจ้านาย เชื่อฟังคำสั่งของข้า ไม่ทำร้ายคนรอบกายข้าตามใจ แต่ข้านี่คือวิ
มองไข่มุกเรืองแสงราตรีฝังเรียงรายทั้งสองฝั่ง กู้หว่านเยว่เอ่ยชื่นชม“ไข่มุกเรืองแสงราตรีใหญ่ยิ่งนัก”เฉินจิ่งเส้ากำหมัดกระแอม “ไข่มุกเรืองแสงราตรีเหล่านี้ใช้ส่องสว่าง”อย่าคิดว่าเขามองไม่เห็นสีหน้าหวั่นไหวของกู้หว่านเยว่ เขากังวลอีกฝ่ายเก็บไข่มุกเรืองแสงราตรีไปจริงๆกู้หว่านเยว่เองก็คิดๆ ดู สุภาพชนล้วนชอบความร่ำรวย กระนั้นต้องได้มาอย่างถูกต้องไม่มีวันทำตัวเลวทรามเพียงนั้นขบวนคนเดินๆ หยุดๆ ระหว่างทางผ่านกลไกห้าถึงหกแห่ง“แม้ทางใต้ดินนี้ลึก ข้างล่างกลับไม่ชื้น”กู้หว่านเยว่พูดไป ก็มองเห็นแนวสายตาขยายกว้างมากขึ้นทางด้านหน้าจากนั้นกระท่อมไม้ก็ปรากฏต่อหน้าพวกเขา“แสงจันทร์ถึงขั้นส่องเข้ามาได้!”กู้หว่านเยว่แหงนหน้าอย่างตกตะลึงมองโดมด้านบน เชื่อว่าฝนน้ำค้างแสงแดดก็ล้วนสามารถลอดผ่านรอยแยกเข้ามาได้เฉินจิ่งเส้าพูดอย่างภาคภูมิใจ “ทางใต้ดินนี้เป็นข้าพบโดยบังเอิญ”“หลังข้าเข้ามาแล้ว พบว่าพื้นที่ข้างใต้กว้างมาก ทิวทัศน์เองก็งดงาม สั่งให้คนปลูกดอกไม้แปลกหญ้าประหลาดไว้มากมายเขาชี้ไปที่ธารน้ำห่างออกไปไม่ไกล“ธารน้ำนั้นเป็นข้าสั่งให้คนเปิดทางเข้ามา”“พวกท่านวางใจได้ ที่แห่งนี้ลึก
อาการบาดเจ็บของกงซุนฉิงพูดว่าหนักกลับไม่หนัก พูดว่าไม่หนัก กลับต้องมีคนดูแล“เรื่องดูแลนางก็รบกวนคุณหนูสามแล้ว”กงซุนเสว่ปาดน้ำตา รีบเอ่ยตอบ “แน่นอนอยู่แล้ว น้องหญิงสี่ได้รับบาดเจ็บ พี่สาวอย่างข้าต้องดูแลนางดีๆ ฮูหยินมีอะไร โปรดสั่งมาก็พอ”จากนั้นกู้หว่านเยว่สำทับเรื่องที่ต้องระวังบางส่วน“บัดนี้สถานการณ์ภายนอกอันตรายมาก พวกท่านอย่าออกไปเลย ข้าสองสามีภรรยาจะไปสืบข่าว ช่วยตามหาคนสกุลกงซุนแทนพวกท่าน”กู้หว่านเยว่เอ่ยสำทับ นางไม่อยากให้คนที่ตนเองช่วยมาได้ต้องไปติดกับ“เสว่เอ๋อร์ ฟังพวกเขาเถอะ”เฉินจิ่งเส้าพยักหน้าลงอย่างอดไม่ได้ สองคนนี้วรยุทธ์สูง ฟังพวกเขาต้องไม่ผิดพลาดแน่“ได้ ข้าฟังพวกท่าน”กงซุนเสว่ไม่ฉลาดมากพอ แต่ยังเชื่อฟังเห็นสีหน้าทั้งสองคนอ่อนล้า นางรีบพูด“ข้างหลังกระท่อมไม้ยังมีอีกสองห้อง ข้าไปเก็บให้พวกท่านอยู่ พวกท่านพักผ่อนก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่รู้สึกเหนื่อยอยู่บ้างจริงๆ ยืดเอวทีหนึ่ง“นำทางเถอะ”นางไม่พักผ่อน ลูกในท้องนางยังต้องพักผ่อนนอนหลับหนึ่งตื่น พรุ่งนี้ถึงจะมีสมาธิรับมือกับเรื่องมากมาย“ท่านพี่ ท่านว่าสตรีลึกลับคนนั้นเป็นใครกันแน่”กู้หว่านเยว่นอนบ
“ตัวไร้ประโยชน์ ไม่สมควรอยู่บนโลกนี้”ฝ่ายหญิงลงมืออย่างโหดเหี้ยม ฆ่าองครักษ์ทั้งหมดในคราวเดียว สามารถมองเห็นวรยุทธ์เข้าขั้นสูงได้ขณะเดียวกัน สีท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้วแสงอ่อนยามรุ่งอรุณสาดส่องทางทิศบูรพาองครักษ์ภายนอกวิ่งพรวดพราดเข้ามา“แย่แล้ว แย่แล้ว ใต้เท้าฉินเขา...”องครักษ์คุกเข่าต่อหน้าฝ่ายหญิง“นายหญิง หัวของใต้เท้าฉิน หัวของเขาถูกแขวนบนกำแพงเมืองขอรับ”เช้าวันนี้ทหารลาดตระเวนพบน้ำหยดลงบนหน้ายกมือขึ้นเช็ด ถึงขั้นพบว่าคือเลือดแหงนหน้าขึ้น ศีรษะของฉินทงถึงขั้นแขวนอยู่บนกำแพง ทำเสียจนทุกคนตกใจกรีดเสียงร้อง“เมื่อคืนหน่วยลาดตระเวนของพวกเราล้วนอยู่ข้างล่าง ถึงขั้นไม่รู้ว่าหัวของใต้เท้าแขวนอยู่ข้างบน”สีหน้าเทียนอวี๋ไม่สบอารมณ์มากยามเพิ่งพบห้องลับ นางอยากฆ่าฉินทงจริงนั่นล่ะทว่านี่มิได้หมายความว่านางอยากให้ฉินทงตายในมือของผู้อื่น“สามารถแขวนหัวของฉินทงไว้บนกำแพงเมืองได้ วรยุทธ์จะต้องสูงมากแน่”เทียนอวี๋ขมวดคิ้วแน่น ใคร่ครวญภายในใจการรับกลิ่นของนักรบหมาป่าอ่อนไหวมาก เดิมทีคนทั่วไปไม่สามารถผ่านพวกมัน เหินบินขึ้นกำแพงเมืองได้นับประสาอะไรกับแขวนศีรษะเพียงพอให้มอง
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก