“ไม่รู้”กู้หว่านเยว่กวาดตามองรอบกายแวบหนึ่ง สายตาตกลงบนสมุนไพรสีเขียวมรกตสองต้นที่ใต้หน้าผา“อาจเกี่ยวข้องกับสมุนไพรนี้” กู้หว่านเยว่ดึงสมุนไพรหนึ่งนั้นออกมาผ่านถุงมือรูม่านตาหดลงในทันใด“ท่านพี่ท่านรีบมาดูนี่เร็วเข้า สมุนไพรนี้คล้ายหญ้าทารกกำสรวลมาก”“จริงหรือ?” ซูจิ่งสิงก้าวเท้าฉับไวเข้ามาแล้วกู้หว่านเยว่รีบหยิบตำราเกี่ยวข้องกับหญ้าทารกกำสรวลออกมาจากมิติวิเศษ ทั้งสองเปรียบเทียบภาพวาดในตำราใบสีเขียวมรกต ผลกลมสีแดง รากคล้ายใบหน้าเหี่ยวย่นอัปลักษณ์ของผู้ชรา...“ตรงทั้งหมดเลย!” สายตาซูจิ่งสิงสั่นไหว ยื่นมือออกไปต้องการดึงหญ้าทารกกำสรวลลงมา“ระวัง อย่าแตะโดนหญ้าทารกกำสรวลเป็นอันขาด อาจมีพิษ”กู้หว่านเยว่รีบหยิบกล่องหยกออกจากมิติวิเศษ ใส่หญ้าทารกกำสรวลทั้งสองต้นลงไปอย่างระมัดระวังผ่านถุงมือกู้หว่านเยว่หาหญ้าทารกกำสรวลพบแล้วก็ดีใจมากเป็นพิเศษ ยิ้มจนมองไม่เห็นตา“ช่างได้มาโดยไม่เสียแรงโดยแท้ โรคโง่งมของท่านแม่มีทางรักษาแล้ว”ซูจิ่งสิงเองก็อารมณ์ดีไม่น้อย สายตาตกลงบนผู้เฒ่าทั้งสองไม่มองก็ไม่รู้ เพียงมองเห็นก็ตกตะลึงพรึงเพริด“หว่านเยว่ ผู้เฒ่าผมขาวท่านนี้คล้ายเป็นหมอเทวดา
“ขายหน้า ขายหน้าเกินไปแล้ว!”กู้หว่านเยว่มองอย่างแปลกใจ “ท่านร่วมเดินทางกับปรมาจารย์แพทย์ ถึงขั้นไม่รู้ว่าเมือกของหญ้าทารกกำสรวลมีพิษหรือ?”“เขาหลอกข้า!”พริบตาต่อมาหมอเทวดาหวงเบิกตากว้างอย่างโมโห “เขาจงใจให้ข้าแตะหญ้าทารกกำสรวลก่อน ทำให้ข้าโดนพิษ!”แต่เขาไม่ยอมก็ใช้ได้แล้ว ครั้นรู้สึกไม่ชอบมาพากลก็แตะเมือกลงบนตัวปรมาจารย์แพทย์ใครรู้ปรมาจารย์แพทย์รู้เพียงว่าเมือกของหญ้าทารกกำสรวลมีพิษ กลับไม่มียาถอนพิษดังนั้นทั้งสองคนจึงเสียสติไปพร้อมกัน...“พวกท่านทั้งสองยอมตายไปพร้อมกันนี่เอง” มุมปากกู้หว่านเยว่กระตุกริกใครคาดคิดเล่าว่าผู้เฒ่าทั้งสองเอาแต่ใจเหมือนเด็กเพียงนี้หากนางและซูจิ่งสิงไม่มา พวกเขาทั้งสองก็ต้องแข็งตายทั้งเป็นที่ใต้หน้าผานี้แล้ว“ใช่แล้ว หญ้าทารกกำสรวลเล่า?” หมอเทวดาหวงมองพื้นหิมะสีขาวว่างเปล่า“อยู่กับข้าที่นี่ ผู้อาวุโสต้องการหรือ?” โชคดีเด็ดมามากอีกหนึ่งต้น“ข้าต้องการๆ!” ดวงตาหมอเทวดาหวงทอประกาย เจตนาร้ายสายหนึ่งกลับสะท้อนภายในก้นบึ้งของสายตากู้หว่านเยว่คิดว่าตนเองมองผิดไปแล้ว หยิบหญ้าทารกกำสรวลออกมามองเห็นปรมาจารย์แพทย์ไม่อยู่นิ่งเป็นศพอีก ผุดลุกขึ้นมาอ
ปรมาจารย์แพทย์เบ้ปากกลับไม่พูดอะไร เขาและยัยเด็กตัวเหม็นคนนี้มีความแค้นต่อกัน ผลแพ้ชนะในวันนี้ถูกกำหนดไว้แล้วกู้หว่านเยว่เองก็ปวดหัวมาก นางต้องเก็บหญ้าทารกกำสรวลไว้หนึ่งต้น ส่วนที่เหลือยกให้ใครกลับยังตัดสินใจไม่ได้“มิสู้ผู้อาวุโสทั้งสองท่านแข่งขันกันเพื่อความยุติธรรมดีหรือไม่?ใครสามารถแย่งหญ้าทารกกำสรวลไปจากมือข้าได้ก่อน ก็เป็นของคนนั้น”ดวงตาปรมาจารย์แพทย์ทอประกาย ยื่นมือออกไปแล้วระหว่างกำลังประชันขันแข่งกันอยู่นั้น หวงเหล่าช้าไปหนึ่งก้าว กล่องหยกตกอยู่ในมือปรมาจารย์แพทย์หวงแล้ว“วะฮ่าๆ ข้าชนะแล้วๆ!” ปรมาจารย์แพทย์ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นหวงเหล่าส่ายหน้าอย่างนึกเสียดาย ภายในก้นบึ้งของสายตาสะท้อนอารมณ์ตามใจวูบหนึ่ง“โกงแล้วๆ เจ้าลงมือเร็วกว่าข้า”“ฮึ แพ้ก็คือแพ้ รีบเรียกข้าว่าท่านพ่อสามครั้งเร็วเข้า”“ไม่เรียกๆ” “นี่ เหตุใดพูดไม่เป็นคำพูดเล่า?”ทั้งสองคนอยู่บนพื้นหิมะนานราวสองวันแล้ว มือเท้าล้วนถูกความเย็นกัด ปรึกษากันดีแล้วก็ตัดสินใจไปขอความอบอุ่นที่บ้านกู้หว่านเยว่พวกเขาเพิ่งลงเขา กู้หว่านเยว่ก็ได้กลิ่นไม่ชอบมาพากลฝีเท้าช้าลง หันหน้าส่งสายตากล่าวเตือนซูจิ่งสิง
หนึ่งในชายร่างกำยำน่าจะเป็นหัวหน้าโจร ถ่มน้ำลายทีหนึ่ง มองพวกเขาสายตาโหดเหี้ยมนายท่านเซิ่งเข้าไปเตะเขาในทันใด “เป็นโจรยังมีหลักการอีกนะ”“คุณชายซู ส่งพวกเขาให้ทางการเถอะ”ดวงตาโจรทอประกายระยับ จู่ๆ กู้หว่านเยว่ก็พูดขึ้น “หากโจรต้องการปล้นบ้าน ก็สมควรเลือกบ้านผู้ดี เหตุใดมาปล้นบ้านทรุดโทรมสองสามหลังเช่นนี้เล่า?”พวกเขาแต่ละคนถือดาบ เห็นได้ชัดว่าต้องการมาฆ่าคนคนเหล่านั้นใจสั่นขึ้นมาในทันใด นายท่านหลี่เตะพวกเขาอีกสองทีอย่างอารมณ์ไม่ดี“รีบพูด ใครส่งพวกเจ้ามา!”บัดซบ มาถึงเจดีย์หนิงกู่แล้วยังถูกคนลอบฆ่า ชีวิตนี้ช่างหาความสงบสุขไม่ได้โดยแท้“ไม่รู้พวกเจ้ากำลังพูดอะไร พวกข้าสองสามคนเป็นหมาป่าหิวโหย มาเพียงเพื่อแย่งเสบียงอาหารก็เท่านั้น”“ใช่แล้ว มีความสามารถก็ส่งพวกเราให้ทางการเถอะ”โจรยังไม่ยอมสารภาพ ปรมาจารย์แพทย์ตัวแข็งทื่อขึ้นมาแล้ว“พูดไร้สาระกับพวกเขามากเพียงนี้ทำอะไร วางยาทั้งหมดให้ตายไปเสียเลย ข้ายังต้องรีบไปผิงไฟอยู่นะ!”กู้หว่านเยว่เอ่ยปากอย่างสุขุม “ฆ่าพวกเขาตายยังมิใช่ปล่อยให้พวกเขาเอาเปรียบอีกหรือ มิสู้เก็บไว้ทรมานเล่นดีกว่า”“ข้าได้ยินมาว่ามีวิธีทรมานอย่างหนึ่ง ใ
ปรมาจารย์แพทย์ได้ยินคนเรียกเขาว่าคนแก่ใจร้ายก็ผรุสวาท รีบออกมาจากอ้อมแขนคนสุดท้ายที่กล้าด่าเขา ถูกวางยาพิษตายไปนานแล้ว!ซูจิ่นเอ๋อร์ไม่รู้ว่าอันตรายกำลังจะเกิดขึ้น แต่โชคดีที่กู้หว่านเยว่ตาเร็วมือเร็ว คว้าผงพิษออกไปก่อนปรมาจารย์แพทย์เบิกตากว้าง นางเด็กบ้านี่รู้ได้อย่างไรว่าเขาจะวางยาพิษนาง?วินาทีต่อมา จู่ๆ เขาก็ตระหนักได้ว่า บริเวณคอของตนมีบางอย่างผิดปกติ“นางเด็กสมควรตาย... อาปาๆๆๆ...”นางหนูนั่น วางผงพิษใส่เขาเสียแล้ว!ปรมาจารย์แพทย์ตกใจมาก ลนลานเทกระจาดขวดยาที่อยู่ในแขนเสื้อออกมาอย่างรวดเร็ว ไม่เคยคิดเลยว่า วันหนึ่งเขาจะถูกพิษของตัวเองเล่นงานเอาได้ เขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ายาถอนพิษอยู่ในขวดไหนกังวลเสียจนหลั่งเหงื่อท่วมกาย“อาปาๆๆๆ...”กู้หว่านเยว่เกือบหัวเราะตาย หรือว่าปรมาจารย์แพทย์คนนี้จะไม่ค่อยฉลาดเท่าใดนัก?“ปรมาจารย์แพทย์ผู้เฒ่า ท่านหายาแก้พิษไม่ได้หรือ?”“อาปา อาปา!” ปรมาจารย์แพทย์โกรธขนลุก นางเด็กบ้าคนนี้เป็นได้เพียงศัตรูของเขาเท่านั้นแล้ว!ผู้เฒ่าหวงพูดอย่างช่วยไม่ได้ “แม่นางน้อย เจ้ามียาแก้พิษหรือไม่เล่า?”“ไม่มีเจ้าค่ะ” กู้หว่านเยว่ส่ายหัว “แต่ข้าแก้ปัญหาตรง
“ข้าจะไปชำระแค้นกับเขาตอนนี้เลย”ปรมาจารย์แพทย์มีนิสัยโผงผาง อารมณ์ไม่แน่นอน ถูกด่าสักหน่อยก็เกือบลงมือฆ่าคน ไหนเลยจะทนให้คนอื่นมาวางแผนกับตนได้?ผู้เฒ่าหวงเป็นคนที่ห้ามเขาเอาไว้ก้อน “ช้าก่อนๆ ดึกๆ ดื่นๆ ไปชำระแค้นอะไรเล่า?”ปรมาจารย์แพทย์ได้แต่นั่งเกาหัวด้วยความเขินอาย“ขอโทษนะนางหนู ที่ก่อนหน้านี้เข้าใจผิด คิดวางยาพิษเจ้า”กู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงมองหน้ากันยิ้มๆ พวกเขาไม่ต้องการเป็นศัตรูกับปรมาจารย์แพทย์ตอนนี้ ความเกลียดชังแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องยึดติดกับมันอีกต่อไป“ท่านผู้เฒ่าไม่ต้องเสียใจไปหรอกเจ้าค่ะ ท่านเองก็เป็นไปเพราะถูกหลอก”“ไม่ได้ๆ” ปรมาจารย์แพทย์ทึ้งผมอย่างฉุนเฉียว “ข้าปรมาจารย์แพทย์ แต่ไหนแต่ไรก็แบ่งแยกบุญคุณความแค้นชัดเจน ในเมื่อข้าเข้าใจเจ้าผิด ย่อมต้องขอโทษเจ้า”ยิ่งไปกว่านั้น กู้หว่านเยว่ยังเคยช่วยพวกเขาตอนอยู่ในหุบเขาด้วย“นางหนู เจ้ารีบพูดมา เจ้าต้องการอะไร?”“เอ่อ นี่…” กู้หว่านเยว่เกาหัว ตอนนี้นางคิดอะไรไม่ออกจริงๆ“ช่างเถอะๆ เช่นนั้นเจ้าค่อยๆ คิดไปแล้วกัน ไม่ต้องรีบร้อนหรอก”ปรมาจารย์แพทย์พูด ก่อนที่กู้หว่านเยว่จะคิดสิ่งที่ต้องการออก เขาก็จะอาศัย
ที่แท้เพราะนายพรานหวังตื่นไปล่าสัตว์ตั้งแต่เช้า เห็นร่องรอยโจรที่ตีนเขาจึงรีบไปบอกชาวบ้านตอนนี้กู้หว่านเยว่เป็นความหวังของทั้งหมู่บ้านชาวประมง ชาวบ้านย่อมไม่ต้องการให้อะไรเกิดขึ้นกับนาง ทุกครัวเรือนล้วนแต่เข้ามาช่วยเหลือกู้หว่านเยว่รู้สึกขอบคุณทุกคนมาก “วางใจเถอะ พวกเราไม่เป็นอะไรแล้ว”โจรที่บุกเข้ามาเมื่อวานถูกจัดการหมดแล้ว”พูดจบก็โบกมือหนึ่งครั้ง ผู้เฒ่าเซิ่งและผู้เฒ่าหลี่ก็โยนโจรทั้งหมดที่ถูกมัดไว้ออกไปทันทีเหล่าชาวบ้านหวาดกลัวพวกโจรมา พากันถอยหลังไปหนึ่งก้าวทันใดนั้น หวังต้าโก่วก็ชี้ไปที่กลุ่มโจรและตะโกนว่า“เถี่ยจู้ เจ้าคือเถี่ยจู้?”เสียงของเขาดึงดูดความสนใจของทุกคน“พวกเจ้ารู้จักกันหรือ?”กู้หว่านเยว่ดูประหลาดใจ คนที่ชื่อเถี่ยจู้คือคนที่กลั้นปัสสาวะไม่อยู่เมื่อคืนนี้“ไม่ ไม่รู้จัก...” ชายคนนั้นก้มศีรษะลง หดตัวเข้าหากันหวังต้าโก่วรีบวิ่งออกไป ดึงชายคนนั้นออกมาจากกลุ่มโจร ตรึงเขาไว้กับพื้น จ้องมองใบหน้าของเขาอย่างพินิจพิเคราะห์“เจ้าคือน้องรองของข้า ต่อให้เจ้ากลายเป็นเถ้าถ่านข้าก็จำได้!”“ทำไมเจ้าถึงกลายเป็นโจรไปได้? เจ้าไม่ได้ไปทำงานในเมืองหรอกหรือ?”หวังต้า
กู้หว่านเยว่เอ่ยเตือนว่า “ข้าพวกเจ้าสารภาพออกมาตอนนี้ ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องลำบากมากนัก”“พวกเราสารภาพๆ หัวหน้าหมู่บ้านเฉินสั่งให้พวกเราลงมือเมื่อคืนนี้”“หัวหน้าหมู่บ้านเฉินและใต้เท้าสวีสมรู้ร่วมคิดกัน”“พวกเราเองก็เคยจัดการกับคนที่ไม่เชื่อฟังในหมู่บ้านก่อนหน้านี้ด้วย”“สวรรค์เอ๋ย ที่แท้ก็เป็นพวกเจ้าที่ฆ่าลูกชายของข้า!”หญิงชราคนหนึ่งกระโดดออกมา จับโจรไปทุบตีอย่างแรง กัดทึ้งเขาไม่ปล่อยในอดีต ลูกชายของนางไม่ชอบท่าทางของหัวหน้าหมู่บ้านเฉิน มักจะต่อต้านเขาอยู่เสมอต่อมา ครอบครัวนี้ก็ถูกโจรโจมตีอย่างไร้เหตุผล ลูกชายของนางที่ยังไม่ถึงยี่สิบหนาวถูกทำร้ายจนเสียชีวิตหญิงชราคิดเสมอว่านี่เป็นฟ้าดินลงโทษ ที่ไหนได้ เป็นฝีมือมนุษย์นางร้องไห้หัวใจแตกสลาย ดวงตาแดงก่ำด้วยความเกลียดชัง“ไปหาหัวหน้าหมู่บ้านเฉิน ต้องให้เขาอธิบายให้พวกเราฟัง!”ทุกคนจับกลุ่มกัน มัดสมาชิกตระกูลเฉินทุกคนที่ต้องการหลบหนี ล้อมรอบทั้งตระกูลเฉินด้วยท่าทางดุดันหัวหน้าหมู่บ้านเฉินเพิ่งได้ยินข่าว กำลังเตรียมตัวหนีชาวบ้านจึงบุกเข้ามาตรึงเขาไว้กับพื้น“ปล่อยข้า ข้าเป็นหัวหน้าหมู่บ้านนะ!”“ถ้าพวกเจ้ากล้าทำเช่นนี้ ระว
นางอยากเปิดบาดแผลของฮั่วจี๋ให้พวกเขาดู แต่มือสองข้างถูกมัดไว้“คุณชายถูกยิงที่อก ลูกธนูยังอยู่ข้างในเจ้าค่ะ!”หนานหยางอ๋องเลื่อนคบเพลิงเข้าใกล้อกของฮั่วจี๋ได้เห็นลูกธนูที่บาดแผลบนอกของเขาไม่ผิดไปดังคาด ถูกเกราะบังไว้ เห็นได้ไม่ชัดนัก“พระชายา ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”หนานหยางอ๋องมองทางกู้หว่านเยว่ ครั้งนี้พวกเขาออกมาเป็นหน่วยจู่โจมสายฟ้าแลบ ข้างกายมิได้พาหมอทหารมาด้วย“ไม่เป็นไร”กู้หว่านเยว่พกกระเป๋ายาติดมาด้วย ก็เพื่อรับมือในยามจำเป็นแผลถูกธนูยิงนี้สำหรับนางกลับเป็นเรื่องเล็ก“วางคนนอนราบก่อน ข้าจะดูอาการของเขา”หวังปี้รีบขยับขึ้นไป “ข้าเอง”เขามือเท้าคล่องแคล่วว่องไว แก้มัดเชือกบนตัวฮั่วจี๋ออก จากนั้นจับคนนอนราบ“เอาคบเพลิงมาอีกสองอัน ส่องสว่างให้ข้า”เพื่อป้องกันมิให้มีแสงไฟ ทำให้คนสังเกตเห็นเบาะแสดังนั้นภายในหน่วยจึงจุดคบเพลิงเพียงหนึ่งถึงสองอันหนานหยางอ๋องนำคบเพลิงสองอันมา สั่งให้คนย่อตัวถือคบเพลิงข้างกายกู้หว่านเยว่ ส่องแสงให้นางขั้นตอนการดึงธนูออกมีเลือดเล็กน้อยกู้หว่านเยว่สวมถุงมือ การกระทำเป็นขั้นเป็นตอน คีบลูกธนูที่หักออกมาก่อน ล้างแผลด้วยแอลกอฮอล์ โรยผงยาแก
หากชายคนนี้เป็นทหารเมืองเหยาจริง เช่นนั้นพวกเขาก็สามารถทำความเข้าใจสถานการณ์เมืองเหยาได้ว่าตกลงเป็นเช่นไรกันแน่“พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ พานางกลับไปก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วมุ่น หญิงคนนี้ปากแข็งมากต้องการถามอะไรจากปากนางให้ได้ในทันที เกรงว่าคงยากนักเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พวกหนานหยางอ๋องรอจนร้อนใจ มิสู้พาคนทั้งสองกลับไป จากนั้นค่อยถามอย่างละเอียด“ได้!”หวังปี้พยักหน้า หยิบเชือกป่านจากทางด้านหลัง ขยับขึ้นไปมัดทั้งสองคนไว้แล้ว“ปล่อย ปล่อยพวกเรานะ!”เพราะฝ่ายชายได้รับบาดเจ็บสาหัสจนหมดสติไป หวังปี้จึงมัดเขาได้อย่างง่ายดายส่วนเจียงม่าน นางไม่รู้วิทยายุทธ์ ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหวังปี้“ปล่อยเขา”เจียงม่านดิ้น“ข้าจะให้เงินพวกเจ้า บนตัวข้ามีเครื่องประดับ”นางเป็นห่วงชายคนนี้มาก ไม่อาจหักใจให้เขาได้รับบาดเจ็บหวังปี้ชี้เข้าที่เกราะบนตัว “เจ้าดูข้าคล้ายคนมาปล้นเงินหรือ? ข้ามาออกรบ หุบปากก่อนเถอะ รอพบแม่ทัพผู้เฒ่าของข้าเจ้าค่อยพูด”พูดจบ หันหลังมองทางกู้หว่านเยว่อย่างเคารพนบอบ“พระชายา พวกเราไป?”“ไปเถอะ”กู้หว่านเยว่กวาดตามองรอบด้าน ในละแวกนี้นอกจากสองคนนี้ ก็ไม่มีคนอื่น
หากเกิดอะไรขึ้นกับกู้หว่านเยว่ หลังกลับไปแล้วซูจิ่งสิงจะยังไม่แล่เนื้อเถือหนังเขาอีกหรือ?“ใช่ ข้าจะส่งคนสองสามคนไปดู”แม่ทัพหลี่เองก็ทำตามคำพูดของหนานหยางอ๋องกู้หว่านเยว่ส่ายหน้า แต่ไหนแต่ไรมานางไม่ชอบรอคนอยู่ที่เดิม ยิ่งไปกว่านั้นนางเองก็แปลกใจมากว่า เหตุใดในป่าทึบถึงมีเสียงร้องไห้ดังออกมาได้?“หวังปี้ ท่านไปกับข้าเถอะ”กู้หว่านเยว่มองทางหวังปี้ สุ้มเสียงหนักแน่นคนอื่นเห็นสถานการณ์แล้วก็หันหน้าสบตากันแวบหนึ่ง พากันพยักหน้าอย่างจนใจ“ไป”หวังปี้พยักหน้า รีบตามหลังกู้หว่านเยว่ไปหนานหยางอ๋องกลับยกมือให้กองทัพใหญ่หยุดรอฟังคำสั่งอยู่กับที่ ดูว่าตกลงสถานการณ์ข้างหน้าเป็นเช่นไรกู้หว่านเยว่พาหวังปี้เดินผ่านป่าไป ทั้งคู่มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่เสียงร้องไห้ดังขึ้นมา“ระบบเจ้าเองก็อย่าอยู่เฉย ช่วยข้าดูว่าสถานการณ์ข้างหน้าเป็นเช่นไรกันแน่”กู้หว่านเยว่พูดกับระบบภายในมิติระบบอ้าปากหาว “สแกนพบว่าข้างหน้าคล้ายมีหญิงคนหนึ่งกำลังกอดชายคนหนึ่งร้องไห้”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ถัดจากเสียงของระบบ ภาพด้านหน้าก็ปรากฏต่อหน้าทั้งคู่เป็นอย่างที่ระบบพูดไม่มีผิดใต้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปไม่
“ได้”กู้หว่านเยว่พยักหน้าแล้วเดินจากไปเปี๊ยะอัดแท่งนี้ พวกทหารที่ไม่เคยกินมาก่อน ได้กินแล้วก็รู้สึกเอร็ดอร่อย แต่กู้หว่านเยว่กลับกินไม่ลงนางหยิบช็อคโกแลตออกจากมิติใส่เข้าปากไปหนึ่งชิ้นเพื่อเพิ่มพลังงานอย่างไรเสียก็มืดแล้ว ไม่มีใครมองเห็นหลังกินช็อคโกแลตแล้ว กู้หว่านเยว่ก็หาที่พักผ่อนแห่งหนึ่งย่อมไม่สามารถนอนหลับจนฟ้าสว่างได้กองทัพเร่งเดินทางโดยอาศัยความเร็ว หาไม่แล้วจะเรียกว่าโจมตีสายฟ้าแลบได้เยี่ยงไร?หลังพักผ่อนไปแล้วสองชั่วยาม เห็นแสงที่ขอบฟ้า กองทัพใหญ่ก็ออกเดินทางอีกครั้งเพื่อป้องกันมิให้ดึงดูดความสนใจของผู้อื่น ทุกคนจึงไม่กล้าจุดไฟระหว่างเดินทางทั้งหมดล้วนอาศัยไม้เท้าเดินขึ้นไปข้างหน้ากู้หว่านเยว่และหนานหยางอ๋องเดินอยู่ด้านหน้าสุด“ระบบ ช่วยข้าระวังด้วยว่าพุ่มไม้รอบข้างมีงูหรือไม่”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง“หากมีงู จัดการในทันที”“นายหญิง ระบบก็ต้องพักผ่อนนะ”ระบบร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา เหตุใดให้คนทำงานทั้งวันทั้งคืนกันเล่า?“ข้าผู้ซึ่งเป็นนายหญิงของเจ้ายังไม่ได้พักผ่อน เจ้าจะพักผ่อนอะไรกัน? เร็วๆ ลุกขึ้นมาทำงาน”กู้หว่านเยว่เร่ง ระบบซับน้ำตาให้ตนเอง เปิดเ
เมื่อเห็นว่าดวงจันทร์ลอยอยู่กลางท้องฟ้า รอบกายมืดมิดลมแรง บนพื้นเองก็มองได้ไม่ชัดเจนกู้หว่านเยว่มองเข้าไปในมิติแวบหนึ่ง บัดนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว“หนานหยางอ๋อง ฟ้ามืดเกินไป เหล่าทหารเร่งเดินทางย่อมไม่สะดวกเจ้าค่ะ”เร่งเดินทางยามฟ้ามืดย่อมพลาดพลั้งได้อย่างง่ายดายในเวลานี้ ภายในป่าลึกยังมีอสรพิษมากมายนัก“มิสู้พวกเราหาที่แห่งหนึ่ง พักผ่อนสักสองชั่วยามเถอะ”รอพักผ่อนเอาแรงดีแล้วค่อยเดินทางต่อก็ไม่สายหนานหยางอ๋องพยักหน้าหลังกองทัพใหญ่ออกเดินทางจากแม่น้ำมู่ตานก็ไม่ได้พักผ่อนอีกเลยอาศัยช่วงฟ้ามืด พักผ่อนสองสามชั่วยามก็ไม่เป็นไร“ให้กองทัพใหญ่หยุด พักผ่อนอยู่กับที่ แจกจ่ายเสบียงอาหาร!”หนานหยางอ๋องออกคำสั่งกับขุนพลหลี่เหล่าหลี่ร้องตะโกนเสียงแหบ “ทหารทุกนายพักผ่อนอยู่กับที่ ดื่มน้ำ กินเสบียงอาหาร!”“ขอรับ!”ทุกคนทำตามคำสั่งของหนานหยางอ๋อง นั่งลงพักผ่อนเพื่อความสะดวก ทหารทุกคนล้วนพกอาหารแห้งและถุงน้ำแขวนไว้ข้างเอวหลังนั่งลงไปแล้ว ทุกคนก็หยิบอาหารแห้งออกจากใต้วงแขน เปิดถุงน้ำ เริ่มเพิ่มพลังงานทว่าอาหารแห้งที่พวกเขากิน มิใช่อาหารแห้งแข็งๆ อีกแต่เป็นเปี๊ยะอัดแท่งที่กู้ห
เดิมทีกองทัพเจดีย์หนิงกู่ก็มีคนไม่มาก ตระหนักถึงปัจจัยรอบด้าน ซูจิ่งสิงจึงให้กองทัพใหญ่อยู่ที่สมรภูมิหลักหนานหยางอ๋องและกู้หว่านเยว่นำทหารชั้นยอดไปเพียงหนึ่งพันนายทหารชั้นยอดหนึ่งพันนายนี้ เป็นกองกำลังเฝ้าระวังอยู่ที่ชายแดนกับหนานหยางอ๋องในปีนั้นกู้หว่านเยว่เปลี่ยนชุดเกราะที่แข็งแกร่งที่สุด หอกดาบไม่ทะลุให้กับพวกเขา จับคู่กับหอกยาวที่แหลมคมที่สุดขี่ม้ากำยำแข็งแรงที่สุดของสกุลกงซุนคนกลุ่มนี้เน้นการโจมตีแบบสายฟ้าแลบ วางแผนทำให้เมืองเหยาไม่ทันตั้งตัวหนานหยางอ๋องหยิบแผนที่ออกมา ชี้ไปยังคูเมืองสองสามแห่งข้างบน“พระชายา เจ้าดูนี่กึ่งกลางระหว่างพวกเราและเมืองเหยา ยังมีคูเมืองสองแห่งอยู่พวกเราสามารถอ้อมเข้าภูเขาเหยา โจมตีเมืองเหยาก่อนได้จากนั้นย้อนกลับมาโจมตีคูเมืองสองด้านพร้อมท่านอ๋อง”แท้จริงแล้ว ต่อให้ไม่ใช่เพื่อสกุลหลินไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็ต้องมาโจมตีเมืองเหยาแห่งนี้เมืองเหยาเป็นจุดยุทธศาสตร์ นับเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างตงเป่ยและหัวเป่ย“หากโจมตีเมืองเหยา ข้ามด่านก็คือที่ราบกว้างใหญ่ของหัวเป่ยแล้ว”หาไม่แล้วเหตุใดกองโจรพเนจรกลุ่มนั้นถึงไม่โจมตีคูเมือง แต่ลงมือกับเม
“ไม่ได้”ซูจิ่งสิงคัดค้านในทันทีทันใด เขาส่งผู้นำที่เหมาะสมไปแล้ว“เจ้าจงอยู่กับข้าที่นี่”ในสนามรบดาบกระบี่ไม่มีตา ก่อนหน้านี้ไปตามหาองค์หญิงใหญ่ยังไม่เท่าไร แต่หากเป็นแนวหน้าก็อาจได้รับบาดเจ็บทุกเมื่อ“ข้ารู้ว่าเจ้ามีความสามารถมาก แต่สถานการณ์ในสนามรบเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ทุกเวลา หากเจ้าได้รับบาดเจ็บ หลบเข้ามิติไม่ทัน”ซูจิ่งสิงไม่หวังให้กู้หว่านเยว่ได้รับบาดเจ็บ“ไม่เป็นไร ท่านยังไม่รู้ความสามารถของข้าอีกหรือ?”กู้หว่านเยว่จับมือเขาไว้อย่างจริงจัง“ยิ่งไปกว่านั้น ข้ารับปากกท่านตาท่านยายแล้วว่าจะพาญาติผู้พี่กลับมาอย่างปลอดภัยตอนพวกเราถูกเนรเทศ พวกเขาเคยยื่นมือเข้าช่วย มอบความช่วยเหลือยามทุกข์ยากข้าไม่อยากติดค้างพวกเขาเจ้าค่ะ”แต่ไหนแต่ไรมากู้หว่านเยว่เป็นคนมีบุญคุณต้องตอบแทนหากนางติดตามไป ก็ย่อมมีความหวังในการตามหาหลินเพียวเพียวมากยิ่งขึ้นเห็นว่าซูจิ่งสิงยังคิดปฏิเสธ กู้หว่านเยว่จึงปรึกษากับเขาอีกครั้ง“ญาติผู้พี่กำลังตั้งครรภ์ ต่อให้ตามหาเบาะแสของนางพบ แต่การเดินทางลำบากมาก ยากจะรับรองได้ว่านางจะไม่เป็นไรหากข้าติดตามไปด้วย หลังพบนางแล้ว ข้าก็สามารถทำให้นางหมดสติแล
กู้หว่านเยว่เข้าใจในทันใด มิน่าเล่าคนเหล่านี้ท้องร้องโครกคราก ท่าทางอิดโรย ที่แท้ก็เกิดเรื่องกับสกุลหลินนี่เอง“สกุลหลินเกิดเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ขึ้น ข้ากลับไม่รู้เรื่อง ต้องขออภัยด้วย”“เรื่องนี้จะโทษเจ้าไม่ได้ ฉูโจวและเจดีย์หนิงกู่อยู่ห่างกันมากเพียงนี้ จะส่งจดหมายมาก็เป็นเรื่องยาก”ยิ่งไปกว่านั้น สาเหตุที่เกิดเรื่องกับสกุลหลิน ยังไม่ใช่เพราะราชสำนักโง่เขลาไร้ขอบเขตอีกหรือ ต่อให้บอกกู้หว่านเยว่เรื่องนี้ ยังจะมีประโยชน์อันใดอีกเล่า?“กินข้าวก่อนเถอะเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่ไม่รู้ว่าสมควรเริ่มปลอบจากที่ใด ยังดีรับคนสกุลหลินมาแล้ว“ท่านตาท่านยาย แนวหน้าอันตราย รอพวกท่านพักผ่อนสักสองวันแล้ว ข้าจะให้คนพาพวกท่านไปส่งที่เมืองอวี้ไปถึงเมืองอวี้ย่อมมีคนจัดแจงที่พักให้พวกท่านส่วนทางฝั่งญาติผู้พี่ รอข้าได้รับข่าวของนางแล้ว ค่อยให้คนกลับไปแจ้งพวกท่าน”กู้หว่านเยว่บอกความคิดของตนให้คนเหล่านี้ฟังนายท่านผู้เฒ่าหลินในฐานะผู้นำตระกูลใหญ่ เอ่ยปากก่อนเป็นคนแรก “หว่านเยว่ ทั้งหมดล้วนฟังเจ้า ขอเพียงไม่สร้างปัญหาให้เจ้าก็พอ”กู้หว่านเยว่พยักหน้าคนสกุลหลินล้วนคิดเพื่อหลานสาวอย่างนางคนนี้มาโดยตล
“ดูเจ้าสิ พูดเรื่องนี้กับหว่านเยว่เพื่ออะไร?”หลินรู่ไห่ดึงนางเก๋อไว้ ในใจเขาก็รู้สึกกังวลเช่นกัน แต่เขารู้ว่าการบอกเรื่องนี้กับกู้หว่านเยว่นั้นไม่มีประโยชน์เมืองเหยาอยู่ไกลจากที่นี่ กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงก็กำลังยุ่งอยู่กับการต่อสู้กับฮ่องเต้ จะเอาเวลาที่ไหนไปตามหาคนที่เมืองเหยา?พวกเขาไม่อยากให้กู้หว่านเยว่ต้องลำบากใจ“ท่านน้า ต้องขอบคุณน้าสะใภ้ที่บอกข้า เรื่องใหญ่โตเช่นนี้ ทำไมพวกท่านไม่พูดทันทีที่เข้ามา?”กู้หว่านเยว่ยังจำหลินเพียวเพียวได้ สาวน้อยที่สงบเสงี่ยมมาก เวลาพูดขึ้นมาก็ดูคงแก่เรียนเมื่อคนสกุลหลินไปที่โรงเตี๊ยมเตียงนอนรวมเพื่อส่งเงินให้นาง หลินเพียวเพียวก็มาด้วย แล้วยังปลอบประโลมนางอย่างนุ่มนวล“หว่านเยว่ พวกเราไม่อยากให้เจ้าเป็นกังวล”ประเด็นคือพวกเขาไม่เคยคิดว่ากู้หว่านเยว่จะสามารถช่วยหลินเพียวเพียวกลับมาได้และพวกเขาก็เป็นห่วงว่าซูจิ่งสิงจะรู้สึกว่าสกุลหลินของพวกเขาเป็นปัญหา ถึงตอนนั้นจะทำให้กู้หว่านเยว่เดือดร้อนไปด้วยกู้หว่านเยว่จำพวกเขาได้ จึงขอให้ซูจิ่งสิงส่งคนไปรับพวกเขาที่ฉูโจว พวกเขาก็รู้สึกขอบคุณมากแล้ว จะเสนอเงื่อนไขอะไรได้อย่างไร?“พวกท่าน”กู้หว