“หนานหลีม่าน?”กู้หว่านเยว่เบิกตาโต รีบพุ่งเข้ามาตรงประตู แล้วถีบประตูออก เมื่อนางเห็นสภาพด้านใน ดวงตานางเพ่งมอง จากนั้นหันไปตะโกนบอกซูจิ่งสิง“ท่านพี่ ท่านอย่าเข้ามา!”ซูจิ่งสิงหดขากลับไป ฟังคำสั่งของกู้หว่านเยว่ ไม่ได้เดินไปข้างหน้าต่อแต่เขาได้กลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งออกมาจากในห้องแล้วเขาคาดเดาถึงบางอย่าง เดินวนไปมาในลานบ้านด้วยสีหน้าหนักหน่วง“หนานหลีม่าน เจ้า เจ้าทำเช่นนี้ทำไม?”กู้หว่านเยว่ก้าวไปข้างหน้าหลายก้าว ดึงตัวหนานหลีม่านที่จมอยู่ในกองเลือดขึ้นมาช่วงล่างของนางเต็มไปด้วยเลือดนางถึงกับทำคลอดให้ตัวเอง!“ข้า หน้าที่ของข้าเสร็จสิ้นแล้ว”หนานหลีม่านหายใจอย่างอิดโรย ดวงตาจ้องมองหลังคา“นี่ นี่เป็นมารหัวขนของมู่หรงถิง ข้าเก็บไว้ไม่ได้เด็ดขาด”กู้หว่านเยว่เงียบงัน“พระชายา เรื่องที่ข้ารับปากเจ้าทำได้แล้ว มู่หรงถิงรักข้ามาก เจ้า เจ้านำเด็กในอ่างเลือดไปมอบให้เขา เขาจะรับปากเจ้าแน่นอนและขอร้องเจ้า ให้รับปากข้าเรื่องหนึ่ง”กู้หว่านเยว่ไม่อาจปฏิเสธนางได้ “เจ้าว่ามา”“เสี่ยวเหอ เป็นนางกำนัลที่ข้ารับมาเลี้ยงดู นาง นางเป็นผู้บริสุทธิ์”“คุณหนู” เสี่ยวเหอคุกเข่าบนพื้น
“ซูจิ่งสิงเอ๋ยซูจิ่งสิง เจ้าบอกว่าตัวเองเป็นคนดี เป็นแบบอย่างของคนมีคุณธรรมไม่ใช่หรือ ลงมือกับสตรีเป็นวีรบุรุษประสาอะไร?”เขาพยายามอดกลั้นความห่วงใยที่มีต่อหนานหลีม่าน ไม่อยากถูกทั้งสองควบคุม“ท่านลองดูสิว่านี่คือสิ่งใด?”กู้หว่านเยว่โบกมือ สั่งให้ชิงเหลียนยกอ่างเลือดใบนั้นเข้ามา“นี่มัน”มู่หรงถิงนึกถึงบางอย่าง สองมือสั่นเทาขึ้นมา เขาเงยหน้าขึ้นทันใด ดวงตาแดงก่ำมองไปที่สองสามีภรรยา“เราจะฆ่าพวกเจ้า!”“เราจะฆ่าพวกเจ้า!”“น้องหญิงระวัง” ซูจิ่งสิงรีบโอบเอวของกู้หว่านเยว่ แล้วพานางเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้างมู่หรงถิงโผเข้าหาความว่างเปล่า ล้มลงบนพื้นอย่างแรงสายตากินเลือดกินเนื้อของเขาจ้องมองทั้งสอง“พวกเจ้าสองคนมันสารเลว มีความโกรธแค้นชิงชังใด ให้มาลงที่ข้า เหตุใดจึงลงมือกับนาง จิตใจช่างอำมหิตยิ่งนัก!”เขารู้ดีว่าสิ่งที่อยู่ในอ่างเลือดใบนั้นคือสิ่งใดเขาเกลียดชังสุดขีดไม่เคยเกลียดซูจิ่สิงเท่าวินาทีนี้มาก่อน“เจ้าเป็นคนดีวีรุบุรุษประสาอะไร ถึงได้ลงมือกับสตรี?”ซูจิ่งสิงมองเขาคลุ้มคลั่งอย่างเย็นชา“ตอนนั้นที่เจ้าลงมือกับมารดาของข้า เคยคิดบ้างหรือไม่ว่านางคือหญิงท้อง และในท้องน
“พวกเจ้าได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว”“ปล่อยนางซะ”กู้หว่านเยว่เก็บหนังสือรับสารภาพความผิดไว้ แล้วมองมู่หรงถิง “นางตายแล้ว”“อะไรนะ?”มู่หรงถิงเบิกตากว้าง ราวกับยามนี้เพิ่งรู้สึกตัว มองทั้งสองคนอย่างโกรธแค้นมาก“พวกเจ้ากล้าหลอกลวงเราหรือ?”“พวกเจ้าสังหารนางแล้ว แต่กลับหลอกให้เราเขียนหนังสือรับสารภาพความผิดซูจิ่งสิง กู้หว่านเยว่ ทำไมบนโลกนี้ถึงได้มีคนที่เลวทรามต่ำช้าอย่างพวกเจ้า?นางเป็นเพียงสตรีคนหนึ่งเท่านั้น นางคือผู้บริสุทธิ์”เขาราวกับคนเสียสติ ควบคุมยากยิ่งกว่าเมื่อครู่เสียอีกกู้หว่านเยว่มองเขา “หนานหลีม่านเป็นผู้บริสุทธิ์จริง คนในสกุลหนานหลีก็บริสุทธิ์เช่นกัน”มู่หรงถิงชะงักไปเล็กน้อย“บอกความจริงกับท่านก็ได้ พวกเราไม่ได้ฆ่านางและเด็กคนนี้ และพวกเราไม่ได้นำเด็กออกจากท้องนาง แต่นางเป็นคนเอาเด็กออกมาด้วยตัวเอง”กู้หว่านเยว่เดินไปตรงหน้ามู่หรงถิง แล้วบอกความจริงกับเขาทีละคำ“ไม่ เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด”มู่หรงถิงไม่มีทางยอมรับได้ จึงจ้องกู้หว่านเยว่อย่างเคียดแค้น“นี่ต้องเป็นคำโกหกของเจ้า เจ้าฆ่านางแต่ไม่กล้ายอมรับ ดังนั้นจึงใช้คำโกหกเหล่านี้มาปิดบัง”“นางอยู่
ไม่นานซูจิ่งสิงพาโจวเหล่ามาด้วย“พระชายา หนังสือรับสารภาพความผิดล่ะ” โจวเหล่าถามอย่างรีบร้อนกู้หว่านเยว่หยิบหนังสือรับสารภาพความผิดออกมา ยื่นให้โจวเหล่า “อยู่นี่”โจวเหล่าอ่านอย่างละเอียด น้ำตาคลอเบ้าพยักหน้า “ดี ดี ในที่สุดการตายของอดีตรัชทายาทก็กระจ่างสักที”ตอนนั้นอดีตรัชทายาทและพระชายารัชทายาทเดินทางลงใต้ มู่หรงถิงจ้างวานโจรสลัด ให้พวกเขาลอบโจมตีเรือของอดีตรัชทายาทอีกทั้งยังติดสินบนขุนนางในท้องที่ ทำให้การช่วยเหลือล่าช้าสุดท้าย ทำให้อดีตรัชทายาทและพระชายารัชทายาทต้องตายในแม่น้ำที่เย็นเยือก“โจวเหล่า” ซูจิ่งสิงอารมณ์อ่อนไหวโจวเหล่าเงยหน้ามองทั้งสองคน “ท่านอ๋อง พระชายา ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุด คือต้องประกาศให้ใต้หล้ารับรู้หนังสือรับสารภาพความผิด ให้ราษฎรทั่วหล้ารับรู้ถึงความชั่วของฮ่องเต้”ซูจิ่งสิงกล่าวเสียงเข้ม “ข้าจะสั่งคนไปจัดการเดี๋ยวนี้”เหมือนกับหนังสือรับสารภาพความผิดของหลี่กวงถิงในตอนนั้น หนังสือรับสารภาพความผิดของมู่หรงถิงถูกส่งไปที่ต่างๆ ทั่วแผ่นดินชั่วขณะนั้น ราชสำนักสั่นคลอน“ฝ่าบาทถูกจับแล้ว!”“ที่แท้รัชทายาทองค์ก่อน ตายด้วยน้ำมือฝ่าบาทหรือ”“อดีตฮ่องเต้
“เหลียงถงอวี้งดงามจนล่มเมือง อยากเห็นสักครั้งให้เป็นบุญตา” ทหารอีกคนกล่าวด้วยสีหน้าคาดหวังพอคำพูดหลุดจากปาก หัวก็ถูกคนเขกอย่างแรง“ไม่อยากอยู่แล้วหรือเจ้า เจ้านึกว่าเจ้าเป็นแม่ทัพหรือ ท่านอ๋องของพวกเราเคยมีคำสั่งเด็ดขาด ห้ามเข้าเมืองไปเสพโลกีย์ เจ้ายังกล้าไปหรือ!”“แม่ทัพฟู่ไปได้ ทำไมพวกเราจะไปบ้างไม่ได้?” ทหารไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด“เขาเป็นใครแล้วเจ้าเป็นใคร? หยุด หยุด หยุด เลิกพูดได้แล้ว ระวังใครได้ยินเข้าจะเอาชีวิตน้อยๆ ของเจ้า!”หางตาของทั้งสองเห็นกู้หว่านเยว่พาชิงเหลียนเดินมา จึงรีบหุบปากกู้หว่านเยว่มองพวกเขาแวบหนึ่ง แล้วเดินผ่านทั้งสองคนไป“ชิงเหลียน เมื่อครู่พวกเขาพูดอะไรกัน เหลียงถงอวี้อะไร?”ชิงเหลียนส่ายหน้า “บ่าวก็ไม่ทราบ อีกเดี๋ยว บ่าวจะไปสืบดูในเมืองเจ้าค่ะ”ฉู่เฟิงที่อยู่ข้างกันหัวเราะแล้วเอ่ยขึ้น“เหลียงถงอวี้ ท่านก็ไม่รู้จักหรือ?”“เจ้ารู้จักหรือ?” กู้หว่านเยว่เลิกคิ้วมองอีกฝ่ายฉู่ฟังรีบพยักหน้า “นางเป็นหญิงอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงในเมือง กำเนิดในหอนางโลม ได้ยินว่าปีนี้อายุสิบหก ทว่างดงามล่มเมืองราวบุปผา ใช่สิ นางยังไม่ถูกประมูลพรหมจรรย์เลย”ชิงเหลียนกลอ
“อ่อ ใช่แล้ว ท่านอ๋องไม่รู้จักเหลียงถงอวี้อะไรนั่นหรอก ยิ่งไม่รู้จักหอเทียนเซียง”ซูจิ่งสิง: ขอบคุณเจ้ามาก มีผู้ใต้บัญชาอย่างเจ้าเป็นบุญของข้ายิ่งนัก อย่าอธิบายเลย ยิ่งพูดก็ยิ่งผิด“ออกไป”ซูจิ่งสิงพูดออกมาหนึ่งคำอย่างเหลืออดฉู่เฟิงรีบคำนับเสียงดัง รีบลุกขึ้นแล้วลากชิงเหลียนหายออกไปทันที“น้องหญิง เจ้าฟังข้าอธิบายก่อน เรื่องนี้ไม่ใช่อย่างที่เขาพูด”ซูจิ่งสิงเดินมาตรงหน้ากู้หว่านเยว่แล้วขอร้อง“ข้าส่งเขาไปสืบเรื่องหอเทียนเซียง ไปสืบเรื่องของเหลียงถงอวี้นั่นจริงแต่นั่นไม่ใช่เพราะข้าสนใจหอเทียนเซียง แต่เพราะข้าได้ข่าวมาว่าโจวเสี้ยนกับเหลียงถงอวี้นั่นเคยมีอดีตร่วมกันช่วงหนึ่ง”ซูจิ่งสิงอธิบายไปด้วย พลางก่นด่าในใจไปด้วยทำไมเขาถึงได้มีผู้ใต้บัญชาที่วุฒิภาวะทางอารมณ์ต่ำเช่นนี้ ทั้งที่เป็นเรื่องง่ายดายมาก แค่อธิบายให้กู้หว่านเยว่ฟังดีๆ ก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ?ปากของเขา เอาแต่พูดปาวๆ ไม่หยุด แต่ต่อหน้ากู้หว่านเยว่ยิ่งพูดให้เขาผิดมากขึ้นเรื่อยๆกู้หว่านเยว่มองเขาด้วยใบหน้าอมยิ้ม แต่ไม่พูดสิ่งใด“น้องหญิง ข้าไม่ได้ไปสถานที่อย่างนั้นจริงนะ เจ้าต้องเชื่อข้านะ”ซูจิ่งสิงร้อนใจ อ
เขาหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกแต่ไม่กล้าส่งคนไปหอเทียนเซียงเป็นครั้งที่สองแล้ว“เรื่องนี้ไม่เร่งรีบ ตอนนี้ข้ามีอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญกว่านั้นต้องหารือกับท่าน”กู้หว่านเยว่เอ่ยเสียงเข้ม นึกถึงจุดประสงค์ที่นางมาแม่ทัพโจวกับแม่ทัพน้อยโจวอยู่ในมือพวกนางแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะยอมสวามิภักดิ์หรือไม่ ล้วนไม่เป็นอันตรายตอนนี้มีอีกคนหนึ่งที่สำคัญยิ่งกว่า“เจ้าว่ามา”สีหน้าซูจิ่งสิงจริงจังขึ้นทันทีกู้หว่านเยว่กล่าว “เรื่องเกี่ยวกับองค์หญิงหนานเจียง”นางบอกเล่าคำพูดของเสี่ยวเหอ ให้ซูจิ่งสิงฟังทั้งหมด“อย่าให้องค์หญิงหนานเจียงกลับไปถึงหนานเจียงเด็ดขาด ต้องคุมตัวนางไว้ในมือ”“เข้าใจแล้ว”ซูจิ่งสิงพยักหน้า เข้าใจความกังวลของกู้หว่านเยว่ดีกองทัพหนานเจียงแทบจะแพ้ราบคาบให้กองทัพเจดีย์หนิงกู่ของพวกเขา ไม่มีใครรู้ว่าหลังจากองค์หญิงหนานเจียงกลับไปถึง จะบอกอะไรกับฮองเฮาหนานเจียงเขาโบกมือ เรียกคนที่อยู่ด้านนอกเข้ามา“ฉู่เฟิง ตอนนี้เจ้ารีบพากำลังคนออกไปหนึ่งหน่วย มุ่งหน้าไปจับตัวองค์หญิงหนานเจียง”กู้หว่านเยว่ลุกขึ้น “ข้าไปพร้อมกับเจ้าดีกว่า แค่เจ้าคนเดียวหาไม่พบหรอกว่านางอยู่ที่ใด”หนอนกู่ต
“ก็ได้ ถ้าเช่นนั้นไปกันเถอะ”เฟิ่งหมิงกวงฝืนใจเห็นด้วยคนกลุ่มหนึ่งพากันเข้าไปในตำบลเล็ก จากนั้นหาบ้านชาวนาหลังหนึ่ง ให้คนต้มน้ำให้เฟิ่งหมิงกวง“องค์หญิง พวกเรามีเวลาแค่หนึ่งชั่วยาม ท่านต้องรีบหน่อย”ผู้ใต้บัญชาเอ่ยเตือนเสียงค่อย“รู้แล้ว น่ารำคาญเหลือเกิน”เฟิ่งหมิงกวงโยนขวดให้หนึ่งใบ“ปล่อยแมงมุมพันขาออกมา”แมงมุมพันขาสามารถอำพรางตัว เมื่อใดที่มีกลิ่นอายของศัตรูเข้าใกล้ มันจะส่งสัญญาณ“ขอรับ”ผู้ใต้บัญชารีบรับไป ถือขวดใบนั้นออกจากห้อง แล้วปล่อยแมงมุมพันขาออกมา“ของดีของยัยเฟิ่งหมิงกวง มีไม่น้อยเชียว” ในมิติสีเสียงหยอกล้อเสียงหนึ่งดังขึ้นหากเฟิ่งหมิงกวงได้ยินเสียงนี้ คงตกใจจนตายแน่นอนขณะนี้ผู้เป็นนายของเสียงนี้ อยู่ภายในห้อง“นายหญิง แมงมุมพันขาถือเป็นของดี เลี้ยงให้รอดได้ยากมาก อีกเดี๋ยวท่านจับมาสักหน่อย แล้วเอาไปไว้ในมิติ ถือเป็นของสะสมได้”ระบบเอ่ยเตือนอย่างหวังดีกู้หว่านเยว่พยักหน้า “ไม่รีบร้อน รอให้ข้าจับเฟิ่งหมิงกวงได้ก่อนค่อยว่ากัน”ที่แท้กู้หว่านเยว่หาเบาะแสของเฟิ่งหมิงกวงได้นานแล้ว และคอยติดตามอยู่ด้านหลังตลอดที่ไม่ได้ปรากฏตัวตั้งแต่แรก เพราะกังวลว่าข้าง
“ข้าตั้งใจมาเรียกร้องความยุติธรรมให้บุตรชายของข้า เรื่องนี้ต้องมีบางอย่างไม่ถูกต้อง บัดนี้อวัยวะสืบพันธุ์ของบุตรชายข้าได้รับความเสียหาย ข้ามีบุตรชายเพียงคนเดียว ต่อไปตระกูลของข้าจะไม่มีทายาทสืบสกุลอีกแล้ว”กู้หว่านเยว่เลิกคิ้วสูง“แม่ทัพผู้เฒ่า เท่าที่ข้ารู้มา ค่ายทหารมีคำสั่งห้ามเหล่าทหารออกมาเที่ยวเตร่หอนางโลมโดยเด็ดขาด”“ใช่ มีคำสั่งนี้จริง ๆ”แม่ทัพผู้เฒ่าไอกระแอมหนึ่งเสียง จากนั้นก็ชี้ไปทางเหลียงถงอวี้ผู้นั้น“เพียงแต่เรื่องของบุตรชายข้าไม่นับว่าเป็นการซื้อตัวนางโลมสนองความใคร่ เพราะเขาและสตรีผู้นี้ชอบพอกัน ทั้งยังใช้ตั๋วเงินไถ่ตัวนางออกไปแล้วด้วย”ทันทีที่แม่ทัพผู้เฒ่าพูดจบ สตรีที่ค่อนข้างมีอายุที่อยู่ถัดไปผู้หนึ่งก็รีบคุกเข่าลง“แม่ทัพพูดถูกเจ้าค่ะ ข้าไม่กล้าโกหกหรอก นอกจากจะหลับนอนด้วยกันแล้ว แม่ทัพน้อยฟู่ก็ยังนำเงินมาไถ่ตัวเหลียงถงอวี้ออกไปอีกด้วยเจ้าค่ะ”สตรีผู้นี้น่าจะเป็นแม่เล้าของหอเทียนเซียงกู้หว่านเยว่มองไปทางซูจิ่งสิงแวบหนึ่งซูจิ่งสิงพยักหน้าให้นาง“เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจริง ๆ สัญญาการขายตัวก็อยู่กับข้า”เขาหยิบสัญญาการขายตัวยื่นให้กับกู้หว่านเยว่กู้หว่
ฉู่เฟิงรีบคว้าตัวของชิงเหลียนและเอ่ยขึ้นว่า“หอเทียนเซียงเกิดเรื่องใหญ่แล้ว ข้าและพระชายากำลังจะไปดูสถานการณ์เดี๋ยวนี้”“หอเทียนเซียง?”แววตาของฉู่เฟิงทอประกายวาบหนึ่ง“พระชายา ท่านช้าก่อน ข้าขอสั่งงานผู้ใต้บังคับบัญชาสักหน่อย แล้วข้าจะไปกับท่านด้วย”“ก็ได้”กู้หว่านเยว่พยักหน้าฉู่เฟิงรีบเดินออกไป อย่างแรกคือถ่ายทอดแผนการที่กู้หว่านเยว่จะจัดการกับเฟิ่งหมิงกวง จากนั้นก็จูงม้าตัวหนึ่งออกไปพร้อมกับพวกนาง“พอดีว่าเราไม่รู้ว่าหอเทียนเซียงอยู่ที่ไหน เจ้านำทางข้าได้เลย”กู้หว่านเยว่คลี่ยิ้มฉู่เฟิงชำเลืองมองไปทางชิงเหลียน“จริง ๆ แล้วข้าน้อยก็เคยไปเพียงหนเดียว ไม่ค่อยคุ้นชินกับหอเทียนเซียงแห่งนั้นสักเท่าไหร่นัก”“เอาล่ะ พระชายาให้เจ้านำทางก็นำทางไปสิ จะพูดไร้สาระทำไมให้มากความ?” ชิงเหลียนมองฉู่เฟิงด้วยความประหลาดใจ“ขอรับ”ฉู่เฟิงขยี้ปลายจมูกพลางทอดถอนใจ ดั่งคำกล่าวที่ว่า อยากฝากใจไว้กับสตรี แต่สตรีกลับเพิกเฉยทั้งสามคนเดินทางออกจากค่ายทหาร โดยการนำพาของฉู่เฟิง ไม่นานก็มาถึงนอกประตูของหอเทียนเซียง เวลานี้ด้านนอกหอเทียนเซียงมีการเฝ้ารักษาการณ์อย่างแน่นหนาและยังมีชาวบ้านอีกจำน
กู้หว่านเยว่เลิกคิ้วยิ้ม “ข้าน้อยพระชายาเจิ้นเป่ย ขอองค์หญิงหนานเจียงโปรดไปกับข้าเถอะ”เฟิ่งหมิงกวงเพ่งมอง“ที่แท้เจ้าคือกู้หว่านเยว่”นางมาต้าฉีหลายเดือนแล้ว ย่อมเคยได้ยินชื่อของกู้หว่านเยว่ สายตาที่มองอีกฝ่ายจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อยนางตำหนิ “รีบปล่อยข้านะ ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ถูกกับฮ่องเต้ต้าฉี แต่ข้าเป็นองค์หญิงหนานเจียง เจ้ากล้าจับข้า เสด็จแม่ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ ถึงตอนนั้นทั่วทั้งหนานเจียงจะเป็นศัตรูกับต้าฉีของพวกเจ้า”กู้หว่านเยว่ยิ้ม แล้วมัดเฟิ่งหมิงกวงอย่างใจเย็นพลางนำพลุสัญญาณออกมา แล้วจุด“มิได้ มิได้ ข้ามิได้คิดจะจับตัวองค์หญิงกลับไป แต่ทำเพื่อปกป้ององค์หญิงต่างหาก”“ปกป้องข้าหรือ?” เฟิ่งหมิงกวงโมโห “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรของเจ้า?”“แม้ฮ่องเต้จะถูกจับตัวไปแล้ว แต่ใต้อาณัติเขายังมีองครักษ์อีกมาก ไม่แน่อาจโยนความผิดที่แพ้ศึกครั้งนี้มาที่องค์หญิงดังนั้น เพื่อความปลอดภัยขององค์หญิง ข้าจึงต้องพาท่านกลับไปเพื่อคอยปกป้องรอให้ทางหนานเจียงส่งคนมารับตัวท่านเมื่อใด ข้าถึงจะวางใจ”กู้หว่านเยว่กระพริบตา แล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์“เจ้า!”เฟิ่งหมิงกวงโกรธจนกระทืบเท้าแต่นางดันไม่มีแรง
“ก็ได้ ถ้าเช่นนั้นไปกันเถอะ”เฟิ่งหมิงกวงฝืนใจเห็นด้วยคนกลุ่มหนึ่งพากันเข้าไปในตำบลเล็ก จากนั้นหาบ้านชาวนาหลังหนึ่ง ให้คนต้มน้ำให้เฟิ่งหมิงกวง“องค์หญิง พวกเรามีเวลาแค่หนึ่งชั่วยาม ท่านต้องรีบหน่อย”ผู้ใต้บัญชาเอ่ยเตือนเสียงค่อย“รู้แล้ว น่ารำคาญเหลือเกิน”เฟิ่งหมิงกวงโยนขวดให้หนึ่งใบ“ปล่อยแมงมุมพันขาออกมา”แมงมุมพันขาสามารถอำพรางตัว เมื่อใดที่มีกลิ่นอายของศัตรูเข้าใกล้ มันจะส่งสัญญาณ“ขอรับ”ผู้ใต้บัญชารีบรับไป ถือขวดใบนั้นออกจากห้อง แล้วปล่อยแมงมุมพันขาออกมา“ของดีของยัยเฟิ่งหมิงกวง มีไม่น้อยเชียว” ในมิติสีเสียงหยอกล้อเสียงหนึ่งดังขึ้นหากเฟิ่งหมิงกวงได้ยินเสียงนี้ คงตกใจจนตายแน่นอนขณะนี้ผู้เป็นนายของเสียงนี้ อยู่ภายในห้อง“นายหญิง แมงมุมพันขาถือเป็นของดี เลี้ยงให้รอดได้ยากมาก อีกเดี๋ยวท่านจับมาสักหน่อย แล้วเอาไปไว้ในมิติ ถือเป็นของสะสมได้”ระบบเอ่ยเตือนอย่างหวังดีกู้หว่านเยว่พยักหน้า “ไม่รีบร้อน รอให้ข้าจับเฟิ่งหมิงกวงได้ก่อนค่อยว่ากัน”ที่แท้กู้หว่านเยว่หาเบาะแสของเฟิ่งหมิงกวงได้นานแล้ว และคอยติดตามอยู่ด้านหลังตลอดที่ไม่ได้ปรากฏตัวตั้งแต่แรก เพราะกังวลว่าข้าง
เขาหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกแต่ไม่กล้าส่งคนไปหอเทียนเซียงเป็นครั้งที่สองแล้ว“เรื่องนี้ไม่เร่งรีบ ตอนนี้ข้ามีอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญกว่านั้นต้องหารือกับท่าน”กู้หว่านเยว่เอ่ยเสียงเข้ม นึกถึงจุดประสงค์ที่นางมาแม่ทัพโจวกับแม่ทัพน้อยโจวอยู่ในมือพวกนางแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะยอมสวามิภักดิ์หรือไม่ ล้วนไม่เป็นอันตรายตอนนี้มีอีกคนหนึ่งที่สำคัญยิ่งกว่า“เจ้าว่ามา”สีหน้าซูจิ่งสิงจริงจังขึ้นทันทีกู้หว่านเยว่กล่าว “เรื่องเกี่ยวกับองค์หญิงหนานเจียง”นางบอกเล่าคำพูดของเสี่ยวเหอ ให้ซูจิ่งสิงฟังทั้งหมด“อย่าให้องค์หญิงหนานเจียงกลับไปถึงหนานเจียงเด็ดขาด ต้องคุมตัวนางไว้ในมือ”“เข้าใจแล้ว”ซูจิ่งสิงพยักหน้า เข้าใจความกังวลของกู้หว่านเยว่ดีกองทัพหนานเจียงแทบจะแพ้ราบคาบให้กองทัพเจดีย์หนิงกู่ของพวกเขา ไม่มีใครรู้ว่าหลังจากองค์หญิงหนานเจียงกลับไปถึง จะบอกอะไรกับฮองเฮาหนานเจียงเขาโบกมือ เรียกคนที่อยู่ด้านนอกเข้ามา“ฉู่เฟิง ตอนนี้เจ้ารีบพากำลังคนออกไปหนึ่งหน่วย มุ่งหน้าไปจับตัวองค์หญิงหนานเจียง”กู้หว่านเยว่ลุกขึ้น “ข้าไปพร้อมกับเจ้าดีกว่า แค่เจ้าคนเดียวหาไม่พบหรอกว่านางอยู่ที่ใด”หนอนกู่ต
“อ่อ ใช่แล้ว ท่านอ๋องไม่รู้จักเหลียงถงอวี้อะไรนั่นหรอก ยิ่งไม่รู้จักหอเทียนเซียง”ซูจิ่งสิง: ขอบคุณเจ้ามาก มีผู้ใต้บัญชาอย่างเจ้าเป็นบุญของข้ายิ่งนัก อย่าอธิบายเลย ยิ่งพูดก็ยิ่งผิด“ออกไป”ซูจิ่งสิงพูดออกมาหนึ่งคำอย่างเหลืออดฉู่เฟิงรีบคำนับเสียงดัง รีบลุกขึ้นแล้วลากชิงเหลียนหายออกไปทันที“น้องหญิง เจ้าฟังข้าอธิบายก่อน เรื่องนี้ไม่ใช่อย่างที่เขาพูด”ซูจิ่งสิงเดินมาตรงหน้ากู้หว่านเยว่แล้วขอร้อง“ข้าส่งเขาไปสืบเรื่องหอเทียนเซียง ไปสืบเรื่องของเหลียงถงอวี้นั่นจริงแต่นั่นไม่ใช่เพราะข้าสนใจหอเทียนเซียง แต่เพราะข้าได้ข่าวมาว่าโจวเสี้ยนกับเหลียงถงอวี้นั่นเคยมีอดีตร่วมกันช่วงหนึ่ง”ซูจิ่งสิงอธิบายไปด้วย พลางก่นด่าในใจไปด้วยทำไมเขาถึงได้มีผู้ใต้บัญชาที่วุฒิภาวะทางอารมณ์ต่ำเช่นนี้ ทั้งที่เป็นเรื่องง่ายดายมาก แค่อธิบายให้กู้หว่านเยว่ฟังดีๆ ก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ?ปากของเขา เอาแต่พูดปาวๆ ไม่หยุด แต่ต่อหน้ากู้หว่านเยว่ยิ่งพูดให้เขาผิดมากขึ้นเรื่อยๆกู้หว่านเยว่มองเขาด้วยใบหน้าอมยิ้ม แต่ไม่พูดสิ่งใด“น้องหญิง ข้าไม่ได้ไปสถานที่อย่างนั้นจริงนะ เจ้าต้องเชื่อข้านะ”ซูจิ่งสิงร้อนใจ อ
“เหลียงถงอวี้งดงามจนล่มเมือง อยากเห็นสักครั้งให้เป็นบุญตา” ทหารอีกคนกล่าวด้วยสีหน้าคาดหวังพอคำพูดหลุดจากปาก หัวก็ถูกคนเขกอย่างแรง“ไม่อยากอยู่แล้วหรือเจ้า เจ้านึกว่าเจ้าเป็นแม่ทัพหรือ ท่านอ๋องของพวกเราเคยมีคำสั่งเด็ดขาด ห้ามเข้าเมืองไปเสพโลกีย์ เจ้ายังกล้าไปหรือ!”“แม่ทัพฟู่ไปได้ ทำไมพวกเราจะไปบ้างไม่ได้?” ทหารไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด“เขาเป็นใครแล้วเจ้าเป็นใคร? หยุด หยุด หยุด เลิกพูดได้แล้ว ระวังใครได้ยินเข้าจะเอาชีวิตน้อยๆ ของเจ้า!”หางตาของทั้งสองเห็นกู้หว่านเยว่พาชิงเหลียนเดินมา จึงรีบหุบปากกู้หว่านเยว่มองพวกเขาแวบหนึ่ง แล้วเดินผ่านทั้งสองคนไป“ชิงเหลียน เมื่อครู่พวกเขาพูดอะไรกัน เหลียงถงอวี้อะไร?”ชิงเหลียนส่ายหน้า “บ่าวก็ไม่ทราบ อีกเดี๋ยว บ่าวจะไปสืบดูในเมืองเจ้าค่ะ”ฉู่เฟิงที่อยู่ข้างกันหัวเราะแล้วเอ่ยขึ้น“เหลียงถงอวี้ ท่านก็ไม่รู้จักหรือ?”“เจ้ารู้จักหรือ?” กู้หว่านเยว่เลิกคิ้วมองอีกฝ่ายฉู่ฟังรีบพยักหน้า “นางเป็นหญิงอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงในเมือง กำเนิดในหอนางโลม ได้ยินว่าปีนี้อายุสิบหก ทว่างดงามล่มเมืองราวบุปผา ใช่สิ นางยังไม่ถูกประมูลพรหมจรรย์เลย”ชิงเหลียนกลอ
ไม่นานซูจิ่งสิงพาโจวเหล่ามาด้วย“พระชายา หนังสือรับสารภาพความผิดล่ะ” โจวเหล่าถามอย่างรีบร้อนกู้หว่านเยว่หยิบหนังสือรับสารภาพความผิดออกมา ยื่นให้โจวเหล่า “อยู่นี่”โจวเหล่าอ่านอย่างละเอียด น้ำตาคลอเบ้าพยักหน้า “ดี ดี ในที่สุดการตายของอดีตรัชทายาทก็กระจ่างสักที”ตอนนั้นอดีตรัชทายาทและพระชายารัชทายาทเดินทางลงใต้ มู่หรงถิงจ้างวานโจรสลัด ให้พวกเขาลอบโจมตีเรือของอดีตรัชทายาทอีกทั้งยังติดสินบนขุนนางในท้องที่ ทำให้การช่วยเหลือล่าช้าสุดท้าย ทำให้อดีตรัชทายาทและพระชายารัชทายาทต้องตายในแม่น้ำที่เย็นเยือก“โจวเหล่า” ซูจิ่งสิงอารมณ์อ่อนไหวโจวเหล่าเงยหน้ามองทั้งสองคน “ท่านอ๋อง พระชายา ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุด คือต้องประกาศให้ใต้หล้ารับรู้หนังสือรับสารภาพความผิด ให้ราษฎรทั่วหล้ารับรู้ถึงความชั่วของฮ่องเต้”ซูจิ่งสิงกล่าวเสียงเข้ม “ข้าจะสั่งคนไปจัดการเดี๋ยวนี้”เหมือนกับหนังสือรับสารภาพความผิดของหลี่กวงถิงในตอนนั้น หนังสือรับสารภาพความผิดของมู่หรงถิงถูกส่งไปที่ต่างๆ ทั่วแผ่นดินชั่วขณะนั้น ราชสำนักสั่นคลอน“ฝ่าบาทถูกจับแล้ว!”“ที่แท้รัชทายาทองค์ก่อน ตายด้วยน้ำมือฝ่าบาทหรือ”“อดีตฮ่องเต้
“พวกเจ้าได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว”“ปล่อยนางซะ”กู้หว่านเยว่เก็บหนังสือรับสารภาพความผิดไว้ แล้วมองมู่หรงถิง “นางตายแล้ว”“อะไรนะ?”มู่หรงถิงเบิกตากว้าง ราวกับยามนี้เพิ่งรู้สึกตัว มองทั้งสองคนอย่างโกรธแค้นมาก“พวกเจ้ากล้าหลอกลวงเราหรือ?”“พวกเจ้าสังหารนางแล้ว แต่กลับหลอกให้เราเขียนหนังสือรับสารภาพความผิดซูจิ่งสิง กู้หว่านเยว่ ทำไมบนโลกนี้ถึงได้มีคนที่เลวทรามต่ำช้าอย่างพวกเจ้า?นางเป็นเพียงสตรีคนหนึ่งเท่านั้น นางคือผู้บริสุทธิ์”เขาราวกับคนเสียสติ ควบคุมยากยิ่งกว่าเมื่อครู่เสียอีกกู้หว่านเยว่มองเขา “หนานหลีม่านเป็นผู้บริสุทธิ์จริง คนในสกุลหนานหลีก็บริสุทธิ์เช่นกัน”มู่หรงถิงชะงักไปเล็กน้อย“บอกความจริงกับท่านก็ได้ พวกเราไม่ได้ฆ่านางและเด็กคนนี้ และพวกเราไม่ได้นำเด็กออกจากท้องนาง แต่นางเป็นคนเอาเด็กออกมาด้วยตัวเอง”กู้หว่านเยว่เดินไปตรงหน้ามู่หรงถิง แล้วบอกความจริงกับเขาทีละคำ“ไม่ เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด”มู่หรงถิงไม่มีทางยอมรับได้ จึงจ้องกู้หว่านเยว่อย่างเคียดแค้น“นี่ต้องเป็นคำโกหกของเจ้า เจ้าฆ่านางแต่ไม่กล้ายอมรับ ดังนั้นจึงใช้คำโกหกเหล่านี้มาปิดบัง”“นางอยู่