มองปราดเดียว นางก็รู้ว่าเจี่ยหงไม่ได้ตายด้วยโรคลำไส้อุดตันส่วนจะตายด้วยสาเหตุใดนั้น ต้องตรวจดูอย่างละเอียดอีกทีกู้หว่านเยว่ถอดเสื้อผ้าส่วนบนของเจี่ยหงออก หลังจากนางได้เห็นผิวหนังของเจี่ยหงที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ม่านตาหดตัวอย่างรุนแรงรอยแผลเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่าเกิดขึ้นก่อนตาย แผลใหม่แผลเก่าผสมกัน อนาถจนทนดูไม่ได้กู้หว่านเยว่อดกลั้นต่ออาการสั่นเทา ถอดเสื้อผ้าส่วนล่างของเจี่ยหงออกเป็นไปตามคาด พบเห็นร่องรอยการถูกทารุณกรรมบนร่างกายของนางในนั้น ตรงท้องน้อยยังมีอาการฟกช้ำที่รุนแรงกู้หว่านเยว่ยื่นมือไปจับดู แล้วลองกดดู“หาสาเหตุการตายของพี่สาวเจ้าได้แล้ว”นางสวมเสื้อผ้ากลับไปให้เจี่ยหง แล้วเดินออกมาจากด้านใน ใบหน้าเผยความสงสาร“ถูกเตะจนตาย มีอาการม้ามแตก ภายในท้องเต็มไปด้วยเลือดคั่ง”จินตนาการได้ยากมาก ว่าก่อนตายเจี่ยหงถูกทารุณกรรมอย่างไรสายตาเยือกเย็นของกู้หว่านเยว่กวาดมองหลี่เหวินคนที่ทำร้ายเจี่ยหงจนมีสภาพเช่นนี้ ทั่วทั้งสกุลหลี่คงมีแต่หลี่เหวินคนเดียวไอ้คนซ้อมเมียที่สมควรตาย!“พี่หญิง” เจี่ยอวิ๋นขอบตาแดงก่ำ “นางถูกเตะจนตายทั้งเป็นหรือ?”เขาหันหลังด้วยใบหน้าที่โกรธแ
กู้หว่านเยว่ที่ยืนอยู่ด้านข้างไม่คิดขัดขวางขณะนี้เด็กน้อยสองคนด้านหลังที่ตกใจมาก จู่ๆ ร้องไห้เสียงดัง“ท่านแม่ถูกตีจนตาย” หลี่เจาตี้ร้องไห้พร้อมเอ่ยขึ้นนางอายุห้าขวบแล้ว จึงพอรู้เรื่องรู้ราวอยู่บ้างสายตาโกรธแค้นมองไปที่หลี่เหวิน“ท่านพ่อ ท่านพ่อเป็นคนทำร้ายทุบตีท่านแม่ เตะท่านแม่จนตาย”นางชี้ไปที่หลี่เหวินแล้วตะโกนเสียงดัง“เจ้าลูกชั่ว เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรกัน?”หลี่เหวินแทบอยากจะเข้าไปบีบคอหลี่เจาตี้ให้ตาย ส่วนฮูหยินผู้เฒ่าหลี่กลับตบหน้าหลี่เจาตี้อย่างแรง“แกมันนางของขาดทุน พูดจาเหลวไหลอะไรกัน? อยากให้พ่อเจ้าตายหรือ? เป็นเด็กผู้หญิงมันเนรคุณจริงๆ เลี้ยงเสียข้าวสุก”“เจาตี้!”เจี่ยอวิ๋นรีบไปปกป้องเด็กน้อยเอาไว้ “เจ้าไม่เป็นไรนะ?”เมื่อเห็นเด็กน้อยถูกตีจนเลือดกำเดาไหล เขาสงสารจับใจ“ท่านน้า ท่านแม่ของข้าตายแล้ว ต่อไปข้าไม่มีท่านแม่อีกแล้ว”หลี่เจาตี้ร้องไห้เสียใจ น้องสาวที่อยู่ข้างกันก็ร้องไห้ตาม“อย่าร้องไห้ น้าจะปกป้องพวกเจ้าเอง”เจี่ยอวิ๋นกัดฟัน แล้วหันหลัง จากนั้นสาวหมัดใส่หน้าหลี่เหวินทีละหมัดชกจนฟันในปากของเขาร่วงออกมาเป็นแถว“เจ้าฆ่าพี่สาวข้า ข้าจะให้เจ้าชด
กู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงอ่านจบ รู้สึกเย็นเยือกไปทั่วร่างเพื่อให้ชนะสงคราม มู่หรงถิงถึงขนาดส่งคนไปเจรจาเงื่อนไขกับทูเจวี๋ยรับปากทูเจวี๋ย ขอเพียงทูเจวี๋ยส่งทหารฝีมือดีมาเมื่อใดที่สถานการณ์พลิกผัน ทุกเมืองที่ยึดคืนมาจากซูจิ่งสิงทหารทูเจวี๋ยสามารถยกทัพเข้าเมือง หรือฆ่าล้างเมือง หรือเผาฆ่าปล้นสะดมภ์ ล้วนได้ทั้งสิ้นสายตาซูจิ่งสิงเย็นเยียบ “สำหรับทหารที่วนเวียนอยู่บนคมดาบแล้ว การฆ่าล้างเมืองหลังจบศึกคือรางวัลอันยิ่งใหญ่”ปล่อยให้ทหารฆ่าล้างเมืองได้ตามใจชอบ เพื่อให้พวกเขาได้ระบาย กระทั่งให้พวกเขาปล้นสะดมภ์ ยิ่งทำให้พวกเขาหวั่นไหว“เหอะเหอะ ฮ่องเต้ชั่วคงจะหมดสิ้นหนทางแล้วสินะ”กู้หว่านเยว่เหน็บแนม“ประเด็นคือเรื่องนี้หรือ?”เกาเจี้ยนรีบเอ่ยขึ้นทันใด“เหตุใดสีหน้าของพวกท่านสองสามีภรรยาจึงยังเรียบเฉยนัก? เพื่อชนะสงคราม ฮ่องเต้ชั่วถึงขนาดรับปากพวกทูเจวี๋ยเช่นนี้เมื่อใดที่ทูเจวี๋ยตกลง ไม่ว่าพวกเขาจะชนะหรือไม่ คนที่ทุกข์ร้อนก็คือประชาชน”ใจเขาร้อนดั่งไฟเผากู้หว่านเยว่กลับหัวเราะ “ทูเจวี๋ยไม่ตกลงหรอก”ไม่ตกลง?เกาเจี้ยนเบิกตาโตทูเจวี๋ยจ้องจะขย้ำต้าฉีอยุ่ตลอดเวลาเว้นแต่สมองพ
“ครั้งนี้ฮ่องเต้ชั่วหาผิดคนซะแล้ว”เกาเจี้ยนหัวเราะเสียงดัง“ไม่รู้ว่าเฟิ่งอู๋ชีเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”แววตากู้หว่านเยว่กังวลเล็กน้อยนางมักรู้สึกว่าครั้งนี้ทางเฟิ่งอู๋ชีไม่ราบรื่นนัก“พวกเราต้องออกจากเมืองจางโจวแล้ว”ซูจิ่งสิงเอ่ยขึ้นพวกเขาอยู่ในเมืองจางโจวมานานมากแล้ว ช่วงที่ผ่านมาหนานหยางอ๋องได้นำทัพใหญ่เดินทางมุ่งหน้าไปเมืองต่อไปแล้ววันนี้ ทางโน้นส่งสารเร็วมารายงาน บอกว่าหนานหยางอ๋องยึดเมืองแห่งนั้นได้แล้วแม้ในมิติของกู้หว่านเยว่จะมียุ้งฉางจำนวนหมื่นล้านแต่การทำศึกให้ความสำคัญที่จบศึกอย่างรวดเร็ว ซูจิ่งสิงวางแผนไว้แล้ว ภายในหนึ่งปีต้องยกทัพไปถึงเมืองหลวง“ได้”นอกจากหลิ่วเพียวเพียว ในเมืองจางโจวไม่มีสิ่งใดให้กู้หว่านเยว่เป็นห่วงหลิวชวี่รับปากแล้ว จะช่วยดูแลหลิ่วเพียวเพียวและเจี่ยอวิ๋นอย่างดีหลังหลิ่วเพียวเพียวคลอดลูก จะให้คนส่งพวกเขากลับเมืองเหยากู้หว่านเยว่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเขาส่วนน้องสาวของหลิวชวี่ หลังจากรักษาตามวิธีของกู้หว่านเยว่ อาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดอีกไม่นาน คงหายดีเป็นปลิดทิ้งคนสกุลฟ่านที่รังแกคุณหนูหลิว ถูกหลิวชวี่หาข้ออ้างแล้วจัดการทีเด
“จะว่าไปองค์ชายของพวกเราก็ช่างโหดเหี้ยมอำมหิตยิ่งนัก จับจุดอ่อนขององค์ชายอู๋ชีได้อยู่หมัด”“หากไม่ใช่เพราะจับจุดอ่อนของเขาได้ องค์ชายของพวกเราคงจะสิ้นพระชนม์ไปนานแล้ว เจ้าและข้าก็คงตายไปนานแล้ว รีบหุบปากเสียเถอะ อย่ามัวแต่ยืนงงว่าใครเป็นนายของตนเองอยู่เลย”เสียงปริศนาเสียงหนึ่งดังขยายมาจากนอกจวนดูเหมือนว่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่มาลาดตระเวนจะได้ยินเสียงกระซิบกระซาบของทหารเฝ้ารักษาการณ์ทั้งสองคน จึงรีบตำหนิพวกเขา“เจ็บ!”“เจ็บยิ่งนัก!”เสียงของเฟิ่งอู๋ชีที่อยู่ด้านในยังคงดังออกมาอย่างไม่ขาดสายแต่ในเวลานี้เอง องค์หญิงหนานเจียงที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายกับเขากำลังนั่งหัวเราะเยาะอยู่ภายในตำหนักพระมเหสี“น้องชายของข้าช่างไร้ความสามารถยิ่งนัก เสด็จแม่บอกข้าเรื่องอาการป่วยของเขาตั้งนานแล้ว คิดจะบีบบังคับเขา ไม่ใช่เรื่องง่ายนักหรอก”นางหัวเราะเยาะเบา ๆ พลางเล่นกับเล็บสีแดงสดราวกับไม่มีใครอยู่ตรงนั้นอายุสามสิบกว่าปี แต่ใบหน้ายังคงคล้ายกับเด็กสาววัยยี่สิบกว่าปีสาเหตุที่นางตกลงร่วมมือกับฮ่องเต้ชั่วในครั้งนี้ด้วยการยกทัพไปต้าฉี ช่วยฮ่องเต้ชั่วออกมานั้นเพราะพระมเหสีหนานหลีม่านได้ให้สูตรค
“ให้นางกำนัลสักสองสามคนไปยกถังน้ำเข้ามา ล้างพื้นที่นางยืนเมื่อครู่ให้เกลี้ยง ลากเก้าอี้ที่นางเคยนั่งออกมาทุบทิ้งทำเป็นฟืนเสีย”นางกำนัลที่คอยรับใช้อยู่ด้านในต่างมองหน้ากัน แต่ถึงอย่างไรก็เคยชินกับเหตุการณ์เช่นนี้แล้วหลังจากเข้าวังมานางก็คล้ายกับเป็นโรคกลัวเชื้อโรค ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้ามาในตำหนักของนาง แม้ว่าฮ่องเต้จะสิ้นพระชนม์ไปแล้ว แต่นางก็ยังสั่งให้คนทำความสะอาดทั้งราชวังอยู่เสมอ“ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”นางกำนัลเหล่านั้นไม่กล้าคัดค้าน รีบเดินออกไป ให้คนยกอ่างน้ำเข้ามาทำความสะอาดราชวังพระมเหสีเดินเข้าไปภายในตำหนักอย่างเหม่อลอยนางเปิดลิ้นชักโต๊ะประทินโฉม หยิบกุญแจรูปหัวใจออกมาจากด้านล่างสุดของลิ้นชักโต๊ะประโฉมครั้นเห็นกุญแจรูปหัวใจดอกนั้น ใบหน้าของพระมเหสีก็แสดงความรู้สึกบางอย่างที่น้อยนักจะได้เห็น“เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ท่านพี่ ท่านอยู่โลกนั้นสบายดีหรือไม่เจ้าคะ?”นางลูบกุญแจรูปหัวใจดอกนั้นอย่างเบามือ ราวกับว่ากำลังลูบสิ่งของที่มีมูลค่าที่สุดในโลก“คำสาบานที่ข้าให้ไว้ต่อหน้าหลุมศพของท่านกำลังจะเป็นความจริงแล้วนะเจ้าคะ”นางพึมพำด้วยอย่างผ่อนคลาย“ข้า
ซูจิ่งสิงส่ายหน้าเกาเจี้ยนมีความกล้าหาญก็จริง แต่ขาดสติปัญญาเมืองหลวงในตอนนี้เป็นแหล่งรวมของคนต่างถิ่น หากเขาไปที่นั้น เกรงว่าจะกลับออกมาไม่ได้“ข้าจะส่งคนอื่นไปดู”ซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่กำลังคิดหาคนที่เหมาะสม ทันทีที่ลั่วยางได้ยิน ก็รีบเสนอตัวอย่างรวดเร็ว“ให้ข้าไปเถิด”นางให้เหตุผลว่า“ข้ารู้จักเมืองหลวงเป็นอย่างดี ในตอนที่ข้าช่วยงานของมู่หรงอวี้ ข้ามักจะไปเมืองหลวงอยู่บ่อยครั้ง”“ไม่ค่อยมีคนรู้จักข้านัก โดยส่วนใหญ่ไม่มีทางรู้ว่าข้ากับพวกท่านติดต่อกันหรอกเจ้าค่ะ”“ข้าเป็นหมอ หมอทำการอันใดย่อมราบรื่น ข้ามีหน้ากากหนังมนุษย์ที่ท่านอาจารย์ให้ข้าไว้ เปลี่ยนรูปลักษณ์ก็ไม่มีปัญหาแล้ว”ทันทีที่เกาเจี้ยนได้ยินก็ตื่นตกใจ เขาจะให้แก้วตาดวงใจไปเสี่ยงได้อย่างไร?“ไม่ได้ อันตรายเกินไป”เขารู้ว่าลั่วยางเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเอง จึงไม่กล้าพูดเด็ดขาดนัก เพราะกลัวว่าจะทำให้เกิดความไม่พอใจ“ไม่อันตรายหรอก ท่านพูดเองไม่ใช่หรือว่าเฟิ่งอู๋ชีกำลังป่วยหนัก”ลั่วยางแสดงสีหน้าจริงจัง“ข้ามีทักษะการแพทย์ ให้ข้าไปไม่แน่ว่าอาจจะมีประโยชน์ก็ได้เจ้าค่ะ”พี่หว่านเยว่ ให้ข้าช่วยท่านเถอะ” น้
ตอนแรกซูจิ่งสิงยกกองทัพเจดีย์หนิงกู่ไปก่อการกบฏ ต่อมาหนานหยางอ่องก็ฟื้นคืนชีพ ทำให้ลั่วยางต้องโบกธงขาวยอมจำนนจากนั้นเขตซีเป่ยและเหอตงต่างก็ยอมจำนนต่อกองทัพเจดีย์หนิงกู่เมืองหลวงของพวกเขาถูกล้อม้าไว้ทุกทิศทางหัวเดียวกระเทียมลีบ บัดนี้มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว กองทัพหนานเจียงยกทัพมาใกล้ถึงแล้ว มู่หรงถิงต้องใช้ยาแก้ปวดคอยบรรเทาติดต่อกันหลายวัน กว่าจะออกราชกิจได้ลึก ๆ ในใจเขารู้ดีว่าเก้าอี้มังกรไม่มั่งคงอีกต่อไป พลังหยินหยางภายในร่างกายก็อ่อนแอลงทุกวัน กระทั่งองค์หญิงหนานเจียงกลับมาพร้อมกับข่าวดี กองทัพหนานเจียงเชี่ยวชาญด้านวิชาหนอนพิษ ดังนั้นการสู้กับศัตรูซึ่ง ๆ หน้าอาจไม่ใช่วิธีการที่ดีนัก แต่การลอบกัดด้านหลัง ร้ายกาจยิ่งกว่า“นี่คือผลงานของพระมเหสีเจ้าค่ะ”มู่หรงถิงภูมิใจมากในตอนที่เขาไปเยือนจวนหนานหลีอ๋องนั้น เขาก็ตกหลุมรักหนานหลีม่านตั้งแต่แรกเห็น เพื่อจะได้ตัวนาง เขายอมแลกทุกอย่างอย่างไม่เสียดายในตอนที่หนานหลี่ม่านขึ้นเป็นพระมเหสีนั้น เหล่าขุนนางทั้งบุ๋นและบู๊ต่างพยายามขัดขวาง บัดนี้ เขารู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมากหลังจากที่ทุกข์ทรมานมาอย่างยาวนานขุนนางช
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก