หลังจากพักหายเหนื่อยได้หนึ่งวัน เหล่านักโทษเนรเทศก็กลับมามีเรี่ยวแรงอีกครั้ง พากันเก็บข้าวของเพื่อออกจากคฤหาสน์หลวงเมื่อมู่หรงอวี้ตั้งสติได้ ลานหลังบ้านก็ว่างเปล่าไร้ผู้คนแล้ว“เจ้าโง่ ข้าไม่ได้บอกให้เจ้าจับตาดูพวกเขาไว้หรือ?!”เขาถีบพ่อบ้านที่กุลีกุจอเข้ามาอย่างหงุดหงิดพ่อบ้านคุกเข่าพรึ่บลงกับพื้น“ท่านอ๋องอย่าทรงกริ้ว เมื่อเช้าคฤหาสน์หลวงถูกปล้นอย่างกะทันหัน ข้าน้อยไม่มีเวลานึกถึงพวกเขา...”“เจ้ากินอะไรเป็นอาหาร เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ก็จัดการไม่ได้...ช้าก่อน เจ้าบอกว่าคฤหาสน์หลวงถูกปล้นงั้นหรือ?”มู่หรงอวี้ใจหายวาบ เกิดลางสังหรณ์ขึ้นมาในทันใดเขาหันหน้าเดินไปยังห้องใต้ดินโดยไม่พูดอะไรเมื่อมาถึงทางเข้าห้องใต้ดิน เห็นไข่มุกเรืองแสงราตรีสองเม็ดที่ส่องสว่างตรงประตูถูกหักออก เขาหน้ามืดในทันใด“ท่านอ๋อง อดทนไว้”คนสนิทรีบเข้ามาประคองมู่หรงอวี้“ทนได้ ทนได้...” มู่หรงอวี้ฝืนผลักประตูหินให้เปิดออก เมื่อเห็นสถานการณ์ภายในอย่างชัดเจน ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป“เงินทองของข้า เงินทองของข้า!”น้ำตาไหลรินจากเบ้าตา มู่หรงอวี้ในวัยสามสิบกว่า ๆ ร้องไห้เป็นเด็กทารกห้องใต้ดินแห่งนี้มีทรัพย์ส
“ทุกคนออกไปก่อน!”ซุนอู่ได้ยินเสียงร้องอันเจ็บปวดของสตรีบนรถม้า จึงรีบเข้าไปในวัดเก่าทรุดโทรมโดยที่แทบจะไม่ลังเลใด ๆ สั่งนักการในศาลาว่าการให้พานักโทษเนรเทศออกไปพักข้างนอก“ทั้ง ๆ ที่เรามาถึงวัดเก่าก่อน เหตุใดถึงต้องออกไปด้วย?”เสียงว่ากล่าวของฝูงชนดังไปทั่ว แต่ก็ไม่กล้าขัดคำพูดของนักการในศาลาว่าการ“ไป เราออกไปกันเถอะแม่” ซูจื่อชิงลุกขึ้นยืน“เฮ้อ!” ซูจิ่นเอ๋อร์ยกหม้ออย่างไม่เต็มใจ “ต้องก่อไฟใหม่อีกรอบ”“น้ำคร่ำของแม่นางคนนั้นแตกแล้ว คาดว่าอาจจะต้องคลอดลูกที่วัดเก่า พวกเราออกไปกันเถอะ”กู้หว่านเยว่อธิบายนางใจกว้างกับหญิงตั้งครรภ์มาก การคลอดลูกไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้หญิง“เจ็บ เจ็บเหลือเกิน...”“ฮูหยินน้อย ท่านอดทนอีกนิด ค่อย ๆ นั่งลงบนฟูกก่อน”ระหว่างการสนทนา บ่าวรับใช้สูงอายุสองคนช่วยประคองฮูหยินน้อยให้นั่งลงในมุมหนึ่งซู่จิ่นเอ๋อร์จ้องไปที่น้ำคร่ำที่ไหลนองเต็มพื้น ฟังเสียงกรีดร้องของหญิงสาว ถึงได้รู้ความร้ายแรงของสถานการณ์“กำลังจะคลอดแล้วจริง ๆ ในเมื่อเป็นเรื่องความเป็นความตาย พวกเราก็รีบยกสถานที่ให้นางเถอะ”“อืม”ก่อนจะไป กู้หว่านเยว่ก็ได้ยินเสียงบ่าวรับใช้คนหนึ่
เป็นห่วงว่า หากถึงเวลานั้นแล้วช่วยชีวิตใครไม่ได้ ครอบครัวนี้จะตามราวีกู้หว่านเยว่“อืม”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ตัดสินใจดูสถานการณ์อีกครั้งนางก็ไม่ใช่แม่พระเช่นกัน ไม่สามารถเอาความปลอดภัยของตัวเองเข้าไปเพื่อชีวิตของผู้อื่นได้“แม่นางน้อยกู้”ดูเหมือนว่าซุนอู่จะจับอะไรบางอย่างได้ กำลังจะพูดออกมาจู่ ๆ ฟู่เยียนหรานที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังมาโดยตลอดก็เดินไปหาบ่าวรับใช้สูงอายุนางนั้น แล้วพูดเสียงดังลั่น“แม่นมเฒ่า ในกลุ่มนักโทษเนรเทศทางนั้นมีหมอหญิงอยู่ด้วย พวกเจ้าต้องการหมอไม่ใช่หรือ ไปขอความช่วยเหลือจากนางสิ”ว่าแล้วนางก็ชี้ไปที่กู้หว่านเยว่“เจ้า!”ซูจิ่นเอ๋อร์และซูจื่อชิงลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธ สตรีนางนี้หาเรื่องให้พี่สะใภ้ใหญ่ได้อย่างไร?ฟู่เยียนหรานยิ้มกล่าวอย่างอ่อนโยน ราวกับว่าไม่เห็นสายตาโกรธเกรี้ยวของพวกเขา“แม่นางน้อยกู้ ทักษะทางการแพทย์ของเจ้าเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคนตอนนี้ฮูหยินน้อยนางนั้นและเด็กในท้องจะเป็นตายไม่รู้แน่ เจ้าคงไม่นิ่งดูดายที่จะช่วยเหลือใช่ไหม?”เจ้ามีทักษะการแพทย์ดีมิใช่หรือ?เช่นนั้นก็ไปช่วยชีวิตคนสิ!ฮูหยินน้อยผู้นั้นอยู่ในภาวะคลอดยากอยู่แล้ว ถ้าไม่ช
ไปหามาจากไหน แม่นางน้อยวัยสาวเช่นนี้ ยังไม่เคยคลอดลูกเองเลย แล้วจะเข้าใจการคลอดลูกได้เช่นไร?สายตาของแม่นมหลู่เผยแววดูถูกออกมา“เด็ก ๆ ไล่นางออกไปที”“ไม่ได้ กว่าจะหาหมอมาได้ไม่ง่ายเลย จะปล่อยนางไปไม่ได้”ทั้งสองคนต่างยืนกรานไม่ยอมลดละ แม่นมหลู่ขึ้นเสียงในทันใด“แม่นมฉิน แม้ว่าเจ้าจะเป็นผู้อาวุโสที่อยู่เคียงข้างฮูหยินน้อย แต่ข้าเป็นคนที่พระมเหสีส่งมาดูแลฮูหยินน้อย”“ข้ารู้สึกว่าสตรีนางนี้ไม่น่าเชื่อถือ ไม่อาจปล่อยให้นางมาทำคลอดฮูหยินน้อยได้ เจ้ากล้าไม่ฟังข้าหรือ?”“แต่ตอนนี้หาหมอคนอื่นไม่ได้แล้วนะ...”แม่นมฉินโกรธจนนิ้วมือสั่นเทาระหว่างทางแม่นมหลู่ก็ดึงดันเร่งการเดินทางให้ได้ สร้างความตกใจให้ฮูหยินน้อยจนไปกระตุ้นอาการแพ้ท้องกู้หว่านเยว่ไม่คิดว่าจะมีใครมาโต้เถียงต่อหน้าหญิงตั้งครรภ์ แม่นมหลู่ต้องการอะไร? ดูท่าทางไม่อยากให้การคลอดราบรื่นเพื่อทดสอบอีกฝ่าย นางจึงจงใจพูดว่า “ถ้าพวกเจ้าไม่ไว้ใจข้า ข้าก็ไม่อยากจะรักษา ไปล่ะ”เห็นแม่นมหลู่แอบดีใจตามคาด ในขณะที่แม่นมฉินกำลังจะร้องไห้แล้ว“แม่นางน้อย แม่นางน้อยเจ้าคะ ท่านจะไปไหนไม่ได้ ชะตาของวงศ์ตระกูลและชีวิตของฮูหยินน้อยของพวกข
หลังจากลงเข็มแล้ว กู้หว่านเยว่ก็หยิบยาเม็ดออกมาให้ฮูหยินน้อยกินหนึ่งเม็ด จากนั้นก็จับขาทั้งสองข้างของนางงอขึ้นมา“ฮูหยินน้อยโปรดหายใจเข้าลึก ๆ ให้พลังทั้งหมดรวมอยู่ที่จุดเดียว”ฮูหยินน้อยกัดริมฝีปากพยักหน้ายาเม็ดของกู้หว่านเยว่อัศจรรย์มาก เดิมทีนางยังรู้สึกว่าร่างกายนั้นถูกดูดพลังไปจนหมดแล้ว แต่ตอนนี้กลับฟื้นฟูพลังคืนมาไม่น้อยไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน มีบางสิ่งไหลออกมาจากร่างกายของนางตามกระแสอันอบอุ่น“อุแว้ อุแว้ อุแว้...”เสียงร้องไห้ของทารกที่เป็นความหวังดังขึ้นมาแม่นมฉินเอ่ยอย่างตื่นเต้นดีใจ “ฮูหยินน้อย เป็นธิดาน้อยเจ้าค่ะ!”ฮูหยินน้อยร่างกายอ่อนเพลียหมดเรี่ยวแรง มองไปยังเด็กน้อยที่ถูกห่อตัวไว้ เผยรอยยิ้มเหนื่อยอ่อนออกมา“ในที่สุดข้าก็มีทายาทกับอาเยี่ยนแล้ว”“ใช่แล้ว คุณชายเล็กในโลกวิญญาณได้รับรู้ ก็นอนตายตาหลับแล้วเช่นกัน”แม่นมฉินอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาอย่างระมัดระวัง แล้วเช็ดร่างกายให้ฮูหยินน้อยกู้หว่านเยว่เห็นว่าฮูหยินน้อยอ่อนเปลี้ยเพลียแรงจึงไม่ได้อยู่คุยกับพวกเขา แต่กลับถอยออกไปอย่างเงียบ ๆผลก็คือบังเอิญเห็นแม่นมหลู่กำลังสบถอยู่ข้างนอกพอดี“เจ้าคนชั้นต่ำนั่นมาจาก
กู้หว่านเยว่บอกเล่าคำพูดของแม่นมหลู่ให้เขาฟัง“ส่วนมากเป็นญาติพี่น้องของขุนนางในราชสำนัก”แต่ญาติพี่น้องของขุนนางในราชสำนักนั้นมีมากมาย ทั้งสองยังเดาไม่ถูกว่าฮูหยินน้อยเป็นคนของสกุลไหนกันแน่“เลิกคิดเถอะ ข้าคิดว่าพรุ่งนี้ฮูหยินน้อยตื่นขึ้นมาต้องมาตามหาข้าอีกแน่ ถึงตอนนั้นก็จะรู้เอง ตอนนี้เราเข้านอนกันเถอะ”กู้หว่านเยว่หาวนอน การทำคลอดนั้นเหน็ดเหนื่อยมากและนางยังอยากอาบน้ำอีกด้วย กลิ่นคาวเลือดบนร่างกายแรงเกินไป กู้หว่านเยว่ขึ้นเกวียนลาแล้วกระดิกนิ้วเรียกซูจิ่งสิง“ท่านขึ้นมาสิ”ซูจิ่งสิงนิ่งไปชั่วครู่แล้วปีนขึ้นมา กู้หว่านเยว่ดึงฟูกขึ้นมาคลุมตัวทั้งสอง“เจ้า...” ติ่งหูของซูจิ่งสิงแดงระเรื่อ “เจ้าจะทำอะไรน่ะ?”หรือว่าจะนอนร่วมเตียงเดียวกับเขา? แม้ว่าทั้งสองจะมีความสัมพันธ์ฉันผัวเมียกันมานานแล้ว แต่คืนนั้นต่างไม่มีสติทั้งคู่ ตอนนี้มันยังเร็วเกินไปหน่อย...“ข้าจะไปอาบน้ำในมิติ ท่านช่วยกำบังให้ข้าหน่อย”กู้หว่านเยว่เหลือบมองติ่งหูของซูจิ่งสิงด้วยความสงสัย หยิบหมอนออกมาใบหนึ่งยัดลงในอ้อมแขนของซูจิ่งสิงเพื่อเป็นตัวแทนของนาง ก่อนจะวิ่งเข้าไปในมิติซูจิ่งสิงกอดหมอนสีชมพูไว้ในอ้อมแข
รอยยิ้มพะเน้าพะนอของซูจิ่งสิง ให้ความรู้สึกของการเป็น “เพื่อนร่วมทาง” ที่ดีงามเหลือเกินในเวลานี้ แม่นมฉินได้เดินเข้ามาถึงตรงหน้ากู้หว่านเยว่แล้วคารวะด้วยความเคารพ“แม่นางน้อยกู้ ฮูหยินน้อยของเราตื่นแล้ว นางต้องการขอบคุณท่านต่อหน้า”กู้หว่านเยว่เหลือบมองซุนอู่ตอนนี้ซุนอู่กำลังสั่งให้ทุกคนเคลื่อนตัวออกเดินทาง เมื่อเห็นดังนั้นก็โบกมือให้อย่างใจกว้าง“ไปเถอะ พวกข้าจะรอเจ้าที่ประตู”“ขอบคุณพี่ใหญ่ซุน” กู้หว่านเยว่เผยรอยยิ้มออกมา แล้วหันหลังเดินตามแม่นมฉินเข้าไปในวัดเก่าทรุดโทรมกำลังวังชาของฮูหยินน้อยดีขึ้นมาก บนศีรษะมีผ้ากำมะหยี่สีดำพันรอบ เมื่อวานนางยังซีดเซียวเหลือทน แต่วันนี้ผิวพรรณขาวผ่องงดงาม“เหนียวเหนี่ยวดูเร็ว นี่คือแม่ทูนหัวของเจ้า ขอบคุณความกรุณาที่แม่ทูนหัวช่วยชีวิตไว้เร็วเข้า”ฮูหยินน้อยยกตัวทารกในอ้อมอกให้น้อมคำนับกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่งงงัน “แม่ทูนหัว?”นางมีลูกสาวบุญธรรมเพิ่มอีกคนตั้งแต่เมื่อไหร่?ฮูหยินน้อยรีบบอกว่า “เมื่อวานต้องขอบคุณแม่นางน้อยกู้สำหรับความกรุณาใหญ่หลวงที่ช่วยชีวิตไว้ นี่คือลูกคนเดียวของข้ากับสามีที่เสียชีวิตไปแล้ว ถ้าไม่ได้เจ้า ข้าคงต้องเ
“เจ้าบังอาจนัก!”แม่นมหลู่ขมวดคิ้วหน้าตาถมึงทึง เริ่มกรีดร้อง“ข้าเป็นคนของพระมเหสี ถ้าบ่าวเฒ่าชั่วอย่างเจ้ากล้าแตะต้องข้า พระมเหสีจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่เด็กๆ ช่วยด้วย มีการลอบฆ่าคนของราชสำนัก...”“อุดปากของนางซะ อย่าปล่อยให้นางตะโกนมั่วซั่ว!”แม่นมฉินรีบบอก องครักษ์กรูเข้าไปใช้กระบองท่อนใหญ่ฟาดแม่นมหลู่สลบไป จับนางมัดไว้คนละไม้คนละมือแล้วแบกลงไปดูเหมือนว่าเมื่อคืนแม่นมหลู่จะทำเรื่องโง่ ๆ อะไรอีกการคลอดยากของซ่งเสวี่ยก็อาจเกิดจากนางด้วยต้องบอกความจริงแก่กู้หว่านเยว่แล้ว สิ่งแรกที่ซ่งเสวี่ยทำหลังจากฟื้นขึ้นมา ก็คือสั่งให้จัดการแม่นมหลู่เดิมทีแม่นมฉินเห็นว่ามือเท้าของนางพิการแล้ว รู้สึกใจอ่อนเล็กน้อย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าอะไรที่นอกลู่นอกทางรีบกำจัดทิ้งเสียดีกว่า“แม่นางน้อยกู้ ทำให้ท่านตกใจแล้ว”แม่นมฉินหันหน้าไปยิ้มให้กู้หว่านเยว่อย่างนอบน้อม“ไปกันเถอะ กลุ่มนักโทษเนรเทศยังรอข้าอยู่”กู้หว่านเยว่ไม่ได้สอบถามเรื่องของแม่นมหลู่มากนัก แค่คิดก็รู้แล้วว่ามีความสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาดกับพระมเหสีองครักษ์รีบขนหีบใบใหญ่ไปไว้บนเกวียนลาของกู้หว่านเยว่ ในหีบมีของกินมากมายอย่างเช่นเห็ดเ
ขณะที่นำกองทหารออกจากเมืองหลวง เขาก็รู้ว่าชีวิตของตัวเอง ช้าเร็วก็ต้องถูกพรากไป“ข้าต้องการให้ท่านเขียนคำสั่งลงโทษตัวเอง”ซูจิ่งสิงพูดทีละคำ เอ่ยปากอย่างตั้งใจตอนแรกทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งกลับมาพร้อมกับชัยชนะ แต่กลับถูกฮ่องเต้ชั่วและขุนนางชั่วกลุ่มนี้เนรเทศไปที่เจดีย์หนิงกู่ในข้อหากบฏแม้ว่าฮ่องเต้ชั่วจะแต่งตั้งเขาให้เป็นเจิ้นเป่ยอ๋องอีกครั้งในเวลาต่อมา แต่ความเข้าใจผิดในอดีตก็ไม่ได้รับการล้างมลทินให้เขาเวลานี้ ในสายตาผู้คนใต้หล้า เขาคืออาชญากรที่สมคบคิดกับข้าศึกและขายชาติเขาต้องการล้างมลทินให้กับตัวเองด้วยมือของเขาเอง“ท่าน”ใบหน้าชราของหลี่กวงถิงทั้งอายและโกรธเคือง“ไม่”เขาส่ายหัวปฏิเสธ ต่อให้ต้องตายในมือของซูจิ่งสิงเช่นนี้ ก็ยังมีชื่อเสียงดี ๆ ฝากไว้แต่เมื่อคำสั่งลงโทษตัวเองนี้ถูกเขียนขึ้นแล้ว ก็เท่ากับเป็นการยอมรับความผิดอย่างเปิดเผยตอนแรกเขาให้ความร่วมมือกับฮ่องเต้ในการใส่ร้ายซูจิ่งสิงมันต่างอะไรกับขุนนางทุจริต?ผู้คนทั่วหล้าจะถ่มน้ำลายด่าประนามเขาเช่นไร?“จะฆ่าจะแกง ก็สุดแล้วแต่ท่าน ข้ายังคงยืนยันประโยคนั้นเหมือนเดิมสำหรับคำสั่งลงโทษตัวเองนี้ ข้าไม่มีทางเขียนเด
เห็นเพียงท่ามกลางหมอกหนาทึบที่อยู่ฝั่งตรงข้าม มีแสงไฟเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน ราวกับหิ่งห้อยในค่ำคืนอันมืดมิดเมื่อแสงไฟนั้นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ รองแม่ทัพที่อยู่บนเรือก็เบิกตาทั้งสองกว้าง“ไม่ได้การ ทั้งหมดเป็นลูกศรติดไฟ!”ก้นลูกศรเหล่านี้ถูกมัดด้วยลำกล้องดินปืน ภายในเป็นดินปืนทั้งหมดดินปืนตกลงมาพร้อมกับลูกศรที่ยิงขึ้นมาบนเรือราวกับเม็ดฝนทั่วท้องฟ้า ภายในเวลาชั่วพริบตา เรือก็ติดไฟ“เร็วเข้า รีบถอยกลับ”หลี่กวงถิงสั่งการ เขารู้สึกอย่างเลือนรางว่าตัวเองถูกแผนชั่วของซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่เล่นงานเข้าแล้วกองทัพใหญ่ออกเดินทางแล้ว ต้องการจะถอยกลับจะทำได้ง่าย ๆ อย่างไร?ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ยังอยู่บนผิวน้ำ การเดินเรือไปข้างหน้าก็ทำได้ยากลำบากอยู่แล้วคนเหล่านี้ไม่ถนัดเรื่องการต่อสู้บนน้ำ ไม่มีสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ยังโชคดีเพราะหากพบเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิด ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะล่าถอยอย่างเป็นระเบียบเรือติดไฟแล้ว เหล่าทหารร่ำไห้อย่างน่าเวทนา ในระหว่างการล่าถอยของเรือ ต่างก็ชนกันเอง สถานการณ์วุ่นวายในระดับหนึ่งทว่าลูกศรทั่วฟ้านั้นก็ยังไม่ยอมหยุดเลยหลังจากยิงจบระลอกห
“ข้ามีความคิดดี ๆ อย่างหนึ่ง”ดวงตาของกู้หว่านเยว่กลอกไปมา ทันใดนั้นก็มีความคิดแผลง ๆ ผุดขึ้นมา“หลี่กวงถิงผู้นี้ต้องการว่าจ้างคนจากหอมือสังหารมาฆ่าท่านมิใช่หรือ? เราก็ให้คนของหอมือสังหารมาตอบรับเรื่องนี้”ซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่สบสายตากันเข้าใจทันทีว่าภรรยากำลังคิดอะไรอยู่“หนามยอกเอาหนามบ่งหรือ?”“ถูกต้อง ถึงตอนนั้นเราก็มาปิดประตูตีแมวกัน”ซูจิ่งสิงเขียนจดหมายฉบับหนึ่ง นกพิราบสื่อสารก็กลับไปตามทางเดิม เพื่อส่งกลับไปที่หอมือสังหารเป็นสองวันที่สถานการณ์สงบสุขสองวันต่อมา หลี่กวงถิงก็ได้รับข่าวกรอง แจ้งว่าคนจากหอมือสังหารทำสำเร็จแล้ว“ข้าน้อยเห็นว่ากองทัพของเจดีย์หนิงกู่สงบเงียบ ดูเหมือนจะไม่มีข่าวการตายของซูจิ่งสิงแพร่ออกมา”รองแม่ทัพหลายคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้สักเท่าใดหลี่กวงถิงยังรู้สึกว่าต้องระมัดระวังด้วยหลังจากรออีกสองวัน ก็มีข่าวกรองออกมาอีกว่า ค่ายของผู้บัญชาการถูกรายล้อมด้วยกองกำลังทหารอากาศแบบนี้ภายนอกกระโจมกำลังตากปลาเค็มอยู่ จนส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง“ตากปลาเค็ม อากาศแบบนี้ตากปลาเค็มอะไรกัน?”หลายคนนั่งวิเคราะห์ด้วยกันรองแม่ทัพคนหนึ่งพูดขึ้นมาอย่างฉับพล
“ลู่จิง มองไม่ออกเลยว่า เจ้าจะรักหน้าที่การงานมากเช่นนี้”เกาเจี้ยนหัวเราะอย่างชั่วร้ายรักหน้าที่การงาน?ลู่จิงสะดุดเข้าให้ใครจะไปรักหน้าที่การงาน ชัดเจนว่าเขารักและสงสารกงซุนฉิงเขาเหลือบมองกงซุนฉิง ขณะที่คิดจะใช้โอกาสนี้เปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างสองคน“ถูกต้อง เขารักหน้าที่การงานมาก!”ทันใดนั้นกงซุนฉิงก็เหยียบเท้าของเขา แล้วรีบเอ่ยขึ้นนางละอายใจที่จะให้ฮูหยินรับรู้เรื่องราวของพวกเขาสุดท้าย ก็จ้องเขม็งใส่ลู่จิงอย่างดุดัน พลางกระซิบว่า“หุบปาก”“ก็ได้”ลู่จิงหุบปากอย่างเชื่อฟังคำพูดของคนรักต้องเชื่อฟัง นี่จะไม่ใช่ความองอาจของชายชาตรีอย่างหนึ่งอย่างไร“เช่นนั้นพวกเจ้าทั้งสองก็พูดคุยกันตามสบาย ใครจะเฝ้ายามก็ไม่สำคัญ หรือว่าถ้าไม่ได้จริง ๆ พวกเจ้าสองคนก็เฝ้ายามด้วยกันได้”ด้วยการเสริมทัพของเกาเจี้ยน ใบหน้าของกงซุนฉิงก็ยิ่งแดงขึ้น“เราไปกันเถอะ”กู้หว่านเยว่ดึงแขนเสื้อของซูจิ่งสิงเงียบ ๆ พลางยิ้มคลุมเครือมองดูผู้ใต้บังคับบัญชาคุยกันเรื่องความรักลับ ๆ ก็น่าสนุกดีเหมือนกัน“ไป”ซูจิ่งสิงจูงมือกู้หว่านเยว่จากไป“ถ้าอย่างนั้นข้าก็ต้องไปเหมือนกัน”เกาเจี้ยนถูกเตือนสต
ซูจิ่งสิงกระซิบเตือนกู้หว่านเยว่ที่ข้างหูอย่างแผ่วเบา ภรรยาเป็นคนบ้าการงาน ตั้งแต่มาถึงค่ายทหาร ก็มีเวลาพักผ่อนน้อยกว่าเขาเสียอีกเขาชอบท่าทางการวางแผนในกระโจมของกู้หว่านเยว่มาก เพียงแต่เป็นห่วงว่าร่างกายของนางจะรับไม่ไหว ดังนั้นจึงกำชับอยู่บ่อยครั้ง“ก็ได้เจ้าค่ะ ลมแรงจริง ๆ”กู้หว่านเยว่ถือโอกาสโยนกล้องโทรทรรศน์เข้าไปในมิติ แล้วลงมาจากหอสังเกตการณ์พร้อมกับซูจิ่งสิงหอสังเกตการณ์แห่งนี้สร้างโดยทหารตามคำสั่งของกู้หว่านเยว่ก่อนหน้านี้ โดยอิงตามพิมพ์เขียวที่นางให้มาหอสังเกตการณ์สูงยี่สิบเมตรพอดี เมื่อยืนอยู่ด้านบนของหอสังเกตการณ์จะสามารถมองเห็นจุดที่อยู่ไกลออกไปได้ชัดเจน สังเกตสถานการณ์ของศัตรูได้สะดวกยิ่งขึ้นทั้งสองลงมาจากหอสังเกตการณ์ ขณะที่กำลังเดินเล่นอยู่ในกองทัพกับเกาเจี้ยนก็ได้ยินเสียงโต้เถียงครู่หนึ่งโดยพลัน“ชู่ว์”กู้หว่านเยว่ส่งสัญลักษณ์มือให้ซูจิ่งสิง ดึงเขาให้เดินไปตามทิศทางที่ส่งเสียงมานางรู้สึกอยู่เสมอว่าเสียงนี้ค่อนข้างคุ้นเคย เมื่อเดินเข้าไปมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคนคุ้นเคยจริงดังคาด เห็นกงซุนฉิงและลู่จิงกำลังโต้เถียงกันหน้าแดงหูแดง“นายท่าน ฮูหยิน พวกท่านมา
“หลี่กวงถิงต้องการควบคุมข่าวลือในกองทัพ แต่ก็ต้องดูว่านายทหารเหล่านั้นจะเชื่อเขาหรือไม่”ในกระโจมฝั่งตรงข้ามกับแม่น้ำมู่ตัน กู้หว่านเยว่กำลังแกว่งเอกสารราชการในมือเล่น ใบหน้าเผยแววเจ้าเล่ห์ออกมาซูจิ่งสิงถูปลายนิ้ว “เป็นอย่างที่เจ้าคาดไว้ไม่ผิด ทันทีที่หลี่กวงถิงได้ยินข่าวนี้ ก็เรียกประชุมทั้งกองทัพทันทีและบอกว่าข่าวนี้ เป็นเท็จ”“เขามีวิธี และเราก็มีวิธีเช่นกัน”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเก็บไพ่ใบสำคัญนี้ไว้ตลอดโดยเปล่าประโยชน์ ย่อมไม่ยอมปล่อยให้หลี่กวงถิงปกปิดเรื่องนี้ได้ง่าย ๆ“ถึงเวลาที่โจวเหล่าต้องออกหน้าแล้ว”นางเอ่ยเบา ๆหลี่กวงถิงเรียกประชุมทั้งกองทัพ พยายามปลอบขวัญทหารทว่าเขาเพิ่งพูดจบในตอนเช้า ตอนบ่ายก็มีข่าวส่งมาถึงบอกว่าโจวเหล่าออกหน้าด้วยตัวเอง เขียนเอกสารฉบับหนึ่งด้วยมือ“โจวเหล่าได้ยอมรับสถานะบุตรที่เป็นกำพร้าของอดีตรัชทายาทแล้ว”ใบหน้าของรองแม่ทัพอมทุกข์“โจวเหล่าเคยเป็นอาจารย์ของอดีตรัชทายาท เขายังเป็นนักปราชญ์แห่งยุคอีกด้วย มีลูกศิษย์ในมือนับไม่ถ้วน เขาเชี่ยวชาญในการชี้นำการพัฒนาคำวิพากษ์วิจารณ์ของมวลชนบัดนี้เขาพูดออกมาเช่นนี้ ยังมีใครที่ไม่เชื่ออีก?”
กู้หว่านเยว่ซื้อโล่และชุดเกราะมาอย่างละสองหมื่นชุดนอกจากธนูและหน้าไม้แล้ว กู้หว่านเยว่ยังซื้อลูกปืนใหญ่มาอีกชุดหนึ่งลูกปืนใหญ่เหล่านี้ถือเป็นของสำรอง จะไม่นำออกมาใช้อย่างเด็ดขาด เว้นแต่จะเป็นสถานการณ์พิเศษพลังทำลายล้างของลูกปืนใหญ่นั้นรุนแรงเกินไป หากไม่จำเป็น ก็อย่าเพิ่งนำออกมาใช้หลังจากเตรียมสิ่งของพร้อมแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ดูยอดเงินคงเหลือในบัตรอืม แทบจะไม่ขยับเลยการมีเงินใช้ไม่หมดนี่มันรู้สึกดีจริง ๆ !นอกจากสิ่งเหล่านี้ นางยังซื้อผงห้ามเลือดและยาจินชวงมาจำนวนมาก ล้วนมีประโยชน์สำหรับใช้พันแผลให้ทหารหลังจากทำทั้งหมดนี้เสร็จแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ย้ายสิ่งของทั้งหมดนี้เข้าไปไว้ในคลังเก็บของในเมืองผิงโจวเมืองผิงโจวมีทหารคุ้มกันอย่างแน่นหนา ไม่ต้องกลัวว่าของข้างในจะสูญหายหลังจากนำของเข้าไปไว้ในคลังเก็บของแล้ว ค่อยให้ทหารขนย้ายสิ่งของเหล่านี้ทั้งหมดไปยังค่ายเวลาผ่านไปรวดเร็วสิบวันต่อมา กองทัพของฮ่องเต้เดินทางมาถึงแม่น้ำมู่ตันหลี่กวงถิงมองไปยังผืนน้ำอันกว้างใหญ่ของแม่น้ำมู่ตัน ก็รู้สึกมึนงงมิน่าล่ะ ก่อนหน้านี้เจียงเต๋อจื้อนำกองทัพห้าหมื่นนายมา ผลปรากฏว่าพ่ายแพ้ย่อยยับ
นางสั่งให้คนสร้างคลังเก็บของขนาดใหญ่ขึ้นที่บริเวณต้นน้ำของแม่น้ำมู่ตันในเมืองผิงโจวเมื่อนานมาแล้ว แต่ก่อนเอาไว้ใช้เก็บเสบียงอาหารยังมีคลังเก็บของอีกหลายแห่งที่ยังใช้ไม่หมดกู้หว่านเยว่ตั้งใจจะใช้กักตุนอาวุธทั้งหมดสามวันต่อมา กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงนำกองทัพใหญ่มาถึงแม่น้ำมู่ตันกองทัพใหญ่ตั้งค่ายอยู่ริมแม่น้ำกางเต็นท์อย่างเป็นระเบียบ ตามแบบแปลนที่กู้หว่านเยว่มอบให้เต็นท์เล็ก ๆ ถูกกางขึ้นริมแม่น้ำควันไฟค่อย ๆ ลอยขึ้นไปเหล่าทหารไม่ได้ตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย แต่ละคนดูเหมือนมาพักผ่อนจะทำอย่างไรได้ ก็เบี้ยหวัดทหารเยอะมากเกินไป!คนอื่นเวลาเดินทัพก็กินแต่อาหารแห้ง ซาลาเปากับหมั่นโถว แต่พวกเขากินกับข้าวสามอย่าง พร้อมน้ำแกงหนึ่งอย่างทุกมื้อ แถมยังมีทั้งเนื้อและผักอีกต่างหาก!แบบนี้จะเรียกว่าออกรบได้อย่างไร?เหมือนกับเทศกาลตรุษจีนชัด ๆ !เมื่อเห็นเหล่าทหารมีขวัญกำลังใจ กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงก็ดีใจ ทั้งสองคนปรึกษาแผนการในค่ายทหารซูจิ่งสิงไม่เป็นสองรองใครในเรื่องการรบอยู่แล้ว แต่เขาพบว่ากู้หว่านเยว่ก็มีพรสวรรค์ในด้านการทหารเช่นกันความคิดที่ผุดขึ้นมาเป็นครั้งคราว ทำให้เขา
“ไม่ต้อง ๆ ข้าแค่พูดเล่นเท่านั้น ยาพิษของพวกนี้ ใช้ให้น้อยจะดีกว่า”แต่จริง ๆ แล้ว เขาก็แค่แสร้งทำเท่านั้น เฟิ่งอู๋ชีไม่ได้กลัวพิษเลยสักนิด เพราะร่างกายเขามีคุณสมบัติเป็นยาโดยกำเนิด“ไปแล้วนะ”เขาโบกมือ แล้วหันหลังเดินจากไป“รักษาชีวิตของท่านเอาไว้”กู้หว่านเยว่เอ่ยขึ้นอย่างช้า ๆ ไม่ใช่ว่าเป็นห่วงความปลอดภัยของเฟิ่งอู๋ชี แต่เป็นเพราะคนที่ร่างกายมีคุณสมบัติเป็นยาโดยกำเนิดนั้นหาได้ยากเผื่อในอนาคตทั้งสองกลายเป็นเพื่อนกัน นางก็อาจจะได้ศึกษาดู“ไม่ต้องห่วง สิ่งที่แข็งที่สุดของข้าก็คือชีวิตนี่แหละ”เฟิ่งอู๋ชีนหลังเดินจากไป เดินไปได้สองก้าวก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไม่ใช่ ๆ จุดแข็งที่สุดของเขาไม่ใช่ชีวิตเสียหน่อย!“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ นี่เป็นถึงองค์ชายหนานเจียงเชียวนะ จะไม่ฉวยโอกาสจับเขาไว้หรือ จะปล่อยพวกเขาไปง่าย ๆ แบบนี้หรือ?”ซูจื่อชิงรีบเข้ามา เห็นเฟิ่งอู๋ชีกำลังเดินจากไปพอดี ใบหน้าของเขาเผยความเสียดายออกมาเล็กน้อยปล่อยศัตรูไปแบบนี้ ไม่เท่ากับปล่อยเสือเข้าป่าหรอกหรือ?จากมุมมองของเขา ก็ควรจะจับองค์ชายหนานเจียงไว้ เพื่อใช้ข่มขู่หนานเจียงสิ“ฆ่าองค์ชายหนานเจียงก็ไร้ประโยช