Share

บทที่ 125

Author: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
ทันทีที่เห็นหมีดำ ทุกคนก็สบถออกมา

ไม่สิ ฟู่เยียนหรานนี่มันเกิดอะไรขึ้น?

ไปทำอะไรมาถึงทำให้หมีที่หนักสี่ร้อยกว่าชั่งโกรธได้นะ?

ซุนอู่ขมับเต้นตุบ ๆ ตะโกนด่าเสียงดัง

“เจ้าบ้าไปแล้วหรือไร ไปแหย่หมีเอง ก็อย่าลากหมีมาหาพวกเราสิ!”

พวกเขาเป็นกลุ่มคนแก่ คนอ่อนแอ คนป่วย และคนพิการ เดินมาทั้งวันแล้ว คงวิ่งไม่ไหวหรอก

ลากหมีมาที่นี่ ไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าพวกเขาหรอกหรือ?

ฟู่เยียนหรานแสดงสีหน้ารู้สึกผิด นางก็ไม่อยากลากหมีมาที่นี่ แต่นางไม่มีทางเลือกแล้ว

ในกลุ่มผู้ถูกเนรเทศมีผู้หญิงและเด็กเยอะ วิ่งไม่เร็วเท่านาง บางทีหมีอาจจะเปลี่ยนเป้าหมายก็ได้

นางไม่ได้ใจร้ายแน่ ๆ แค่ช่วยซุนอู่คัดคนออกต่างหาก

เมื่อคิดแบบนี้ ฟู่เยียนหรานก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก

จากนั้นเร่งความเร็วมาทางนี้มากขึ้น

“ข้ายอมแพ้แล้ว!” ซุนอู่รู้สึกว่าเขาไม่เคยเกลียดใครขนาดนี้มาก่อนเลย

เมื่อเห็นว่าหมีกำลังมา วิ่งก็คงวิ่งไม่ทันแล้ว ได้แต่หวังว่าพวกเขาคนเยอะ อาจจะปราบหมีได้

“อย่ามัวแต่ยืนบื้อ รีบหยิบดาบออกมาสู้กับหมี คนแก่ ผู้หญิง และเด็ก ไปหาที่หลบเร็ว”

แม้ว่าการลดจำนวนคนระหว่างทางเนรเทศจะเป็นเรื่องปกติ แต่ซุนอู่ก็ไม่อาจปล่อยให้พวกเขาต
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 126

    “เจ้าอยากตายหรือไง ปล่อยข้า!” กู้หว่านเยว่รู้สึกพูดไม่ออกจริง ๆ ฟู่เยียนหรานนี่สมองมีปัญหารึเปล่า ถึงเวลานี้แล้วยังจะมาทะเลาะกันอีก“เจ้าจะดุทำไม ข้ามาพูดกับเจ้าด้วยเหตุผล ทำไมเจ้าถึงดุขนาดนี้?ตอนเช้าข้าพูดไปเพราะหวังดีต่อเจ้าต่างหาก คนที่ถูกเนรเทศอย่างเจ้าแต่งตัวสวยเด่นขนาดนั้นมันไม่ดีหรอกแล้วเจ้ายังไปลงมือกับผู้ตรวจการเหล่านั้น ถ้าพวกเขาเอาคืนขึ้นมา เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าครอบครัวของเจ้าจะเป็นอย่างไร?”ฟู่เยียนหรานพูดไม่หยุด ราวกับจับผิดกู้หว่านเยว่ได้กู้หว่านเยว่ทนไม่ไหว เตะนางออกไป ทันใดนั้น หมีก็มาถึงตรงหน้าทั้งสองคนแล้วหมีที่ตาบอดข้างหนึ่งยกอุ้งเท้าขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยว เตรียมที่จะฟาดลงมา“กรี๊ด!”ฟู่เยียนหรานกลัวมาก ไม่ได้คิดอะไร ก็ผลักกู้หว่านเยว่ออกไป“หว่านเยว่!”“พี่สะใภ้!”ซูจิ่นเอ๋อร์และคนอื่น ๆ ที่หลบอยู่หลังก้อนหิน ก็พากันวิ่งออกมาโดยไม่สนใจความกลัว อยากจะตีฟู่เยียนหรานให้ตายเลยจริง ๆ ซูจิ่งสิงที่อยู่บนลาเทียมเกวียนคอยสังเกตการณ์อยู่ตลอด เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่ตกอยู่ในอันตราย เขาก็ทนไม่ไหว กระโดดลงมาจากลาเทียมเกวียน แล้วลงมาบนหลังหมีโดยตรง ในมือถือมีด

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 127

    “ข้าแค่เห็นว่าในโพรงต้นไม้มีน้ำผึ้ง อยากจะเอาออกมากินสักหน่อย แต่ไม่คิดเลยว่าน้ำผึ้งนั้นจะมีหมีเฝ้าอยู่...”เห็นทุกคนไม่ได้แสดงความรู้สึกใด ๆ สายตาก็ยังเย็นชาฟู่เยียนหรานกัดฟัน จากนั้นวิ่งไปชนต้นไม้ทันที“ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า ถ้าทำให้พวกท่านหายโกรธได้ ข้ายอมตายเพื่อไถ่โทษ ข้าจะไปตายเดี๋ยวนี้”“พี่สาว อย่าทำเรื่องโง่ ๆ!” ฟู่ซานรีบดึงนางเอาไว้“มีคนอยากให้ข้าตาย งั้นข้าไปตายก็ได้” ฟู่เยียนหรานน้ำตาไหลพราก และมองไปที่กู้หว่านเยว่โดยเจตนาสายตาแบบนี้ทำให้กู้หว่านเยว่พูดไม่ออกตั้งใจทำให้นางรู้สึกแย่สินะ?งั้นก็หาคนผิดแล้ว กู้หว่านเยว่มองไปบนพื้นรอบ ๆ ทันใดนั้นก็หยิบมีดที่ตกอยู่บนพื้น แล้วเดินไปหาฟู่เยียนหราน จากนั้นยิ้มอย่างเป็นมิตร กล่าวด้วยน้ำเสียงหวังดี“โธ่ แม่นางฟู่ ชนต้นไม้มันเจ็บนะ เจ้าใช้มีดเล่มนี้เถอะมีดเล่มนี้คมมาก ฟันครั้งเดียวก็สามารถตัดคอเจ้าขาดได้ รับรองว่าเจ้าจะตายโดยไม่เจ็บปวดเลย”ขณะพูดก็เอามีดจ่อไปที่ลำคอของฟู่เยียนหรานแล้วลองทำท่าสองครั้ง“กรี๊ด...เจ้าเอาออกไปไกล ๆ หน่อย!”ฟู่เยียนหรานขาอ่อนยวบ จากนั้นกล่าวด่าทอโดยไม่ทันคิด“กู้หว่านเยว่ เจ้าบ้าไปแล

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 128

    สีหน้าของนางหลิวและคนอื่น ๆ ก็ไม่ดีเช่นกัน ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าขาของซูจิ่งสิงยังดีอยู่ พวกเขาจะแยกบ้านทำไมกัน?ตอนนี้กู้หว่านเยว่เก่งขนาดนี้ ขาของซูจิ่งสิงก็หายดีแล้ว ต่อไปชีวิตก็จะยิ่งดีขึ้นเรื่อย ๆ แล้วกลับมามองที่พวกเขา...แค่มีชีวิตรอดก็ดีแค่ไหนแล้วเพราะบ้านรองตายกันหมดแล้วนางหลิวพึมพำ “จิ่งสิง เจ้าทำแบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลย”ซูหัวหยางก็ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้น “ใช่แล้ว ขาของเจ้าไม่พิการ แล้วทำไมไม่บอก”สายตาตำหนิของหลาย ๆ คนจับจ้องไปที่ซูจิ่งสิง จนทำให้กู้หว่านเยว่รู้สึกโมโห“พวกท่านคงลืมไปแล้วกระมัง ตอนนั้นพวกท่านรังเกียจที่ข้าบาดเจ็บหนัก กลัวว่าข้าจะเป็นภาระ จึงอยากแยกบ้าน”ซูจิ่งสิงมองพวกเขาด้วยสายตาเยือกเย็นสายตาที่เยือกเย็นนั้น ทำให้สกุลซูทุกคนต้องหุบปากอย่างไม่เต็มใจ“คุณชายซู ขอแสดงความยินดีที่ท่านลุกขึ้นยืนได้แล้ว”ซุนอู่เดินไปหาซูจิ่งสิง ตั้งใจจะตบบ่าเขาสักหน่อยแต่เมื่อเห็นว่าซูจิ่งสิงสูงกว่าตนเองหนึ่งช่วงศีรษะ ก็เลยวางมือลง“แต่ว่า ท่านก็ต้องระวัง ในเมืองหลวงอาจมีคนที่ไม่อยากให้ท่านลุกขึ้นยืนก็ได้”“ข้ารู้ ขอบคุณท่านนักการซุน” ซูจิ่งสิงเหลือบมองไปที่กลุ่มนักก

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 129

    กู้หว่านเยว่ได้ยินคำพูดของเขา ก็ถือโอกาสหันกลับไปมองเป็นไปอย่างที่คาดไว้ ทุกคนกำลังยุ่งอยู่กับการย่างเนื้อรอบกองไฟอย่างสนุกสนานมีเพียงนักการหลี่เท่านั้นที่ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ แอบมองมาทางพวกเขาเป็นระยะ ๆ“คงจะเห็นว่าขาของท่านหายดีแล้ว จึงทนไม่ไหวที่จะรีบไปรายงานนายท่านผู้อยู่เบื้องหลัง”กู้หว่านเยว่ลูบมือ“ว่าอย่างไร จะส่งเขาขึ้นสวรรค์เมื่อไหร่ดี?”ซูจิ่งสิงรู้สึกว่าท่าทางอันธพาลของนางนั้นน่ารักเป็นพิเศษ จึงอดกลั้นรอยยิ้มแล้วพูดเสียงเบา ๆ “ลงมือคืนนี้เลย ดีกว่าปล่อยให้เนิ่นนานแล้วมีปัญหาทีหลัง”“ได้เลย ๆ ” กู้หว่านเยว่ยกยิ้มอย่างมีความสุข เหตุใดนางถึงมีความสุขขนาดนี้เวลาพูดว่าจะกำจัดคนเลว?ระหว่างที่พูดคุยกัน ก็มีคนทยอยมาตักน้ำที่ริมแม่น้ำ ทั้งสองคนจึงปิดปากเงียบอย่างรู้กัน“ข้ามาช่วยเจ้าล้างด้วย”ซูจิ่งสิงถือโอกาสนั่งยอง ๆ ลง หยิบอุ้งเท้าหมีอีกข้างออกมาจากตะกร้า แล้วล้างทำความสะอาดพร้อมกับนางไม่รู้ว่าเป็นเพราะอุ้งเท้าหมีมีกลิ่นคาวแรงเกินไปหรือไม่ กู้หว่านเยว่ถึงกับอาเจียนออกมา“เจ้าเป็นอะไรไป?”ซูจิ่งสิงรีบถามด้วยความเป็นห่วงกู้หว่านเยว่อยากบอกว่าไม่เป็นไร แต่กลิ่นคาวก

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 130

    “เขากำลังทำอะไร?”กู้หว่านเยว่ถามด้วยความสงสัย“นกพิราบสื่อสาร” ซูจิ่งสิงอธิบายเบา ๆ ตอนที่พวกเขาออกรบ ก็มักจะใช้วิธีนี้ในการส่งข่าวสารเช่นกันเป็นไปอย่างที่คิดไว้ ไม่นานนักก็มีนกพิราบตัวหนึ่งบินออกมาจากป่า มาเกาะที่แขนที่ยกขึ้นของนักการหลี่นักการหลี่หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากอก แล้วผูกมันไว้กับนกพิราบอย่างคล่องแคล่วภายใต้แสงจันทร์ รอยยิ้มของเขาดูพึงพอใจเป็นพิเศษราวกับเห็นภาพวันที่ได้เลื่อนตำแหน่งและร่ำรวย หลังจากที่ทำงานสำเร็จ“ฮ่า ๆ ๆ...”มีความสุขมาก นักการหลี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาแต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของเขาก็ทุกข์ระทมนกพิราบที่เพิ่งบินออกจากมือของเขา ยังไม่ทันได้กระพือปีกสองครั้ง ก็ถูกธนูที่พุ่งมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ ปักเข้าที่ต้นไม้อย่างจัง“บ้าเอ๊ย!”นักการหลี่ตกตะลึง เมื่อรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ก็หันหลังกลับเพื่อจะวิ่งหนีแต่เขายังไม่ทันได้ก้าวเท้าออกไป ซูจิ่งสิงก็พุ่งตัวออกมาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ดึงลูกธนูออก เขาก็พลิกฝ่ามือแล้วแทงทะลุหลอดลมของนักการหลี่โดยตรง“ตุบ” เขาไม่ทันได้ร้องขอชีวิต ก็ล้มลงไปกับพื้น“ดูหน่อยว่าในจดหมายเขาเขียนอะไร”กู้หว่านเยว่รีบต

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 131

    ในขณะเดียวกับที่มุมปากกระตุกยิ้มนั้น ในใจเขากลับรู้สึกจนปัญญา สองสามีภรรยาคู่นี้ยังคงทำตัวเหมือนเขาเป็นคนของตน มั่นใจว่าเขาจะปกป้องพวกเขาได้ต้องพูดว่าพวกเขาอ่านใจของเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่งเดิมทีเขาอยากสั่งสอนนักการหลี่ให้รู้จักสำนึก ตอนนี้นักการหลี่ได้ถูกพวกเขาจัดการแล้ว เขาจึงไม่ซักไซ้ไล่ถามให้มากความ“เอาเถอะ หามเขาออกไป”ซุนอู่ล้วงหยิบสมุดเล่มเล็กออกมา จากนั้นก็ขีดฆ่าชื่อของนักการอย่างเลือดเย็น ไม่เอ่ยถึงการตายของนักการหลี่แต่อย่างใดทุกคนก็ไม่ได้คัดค้าน การเสียชีวิตระหว่างทางเป็นเรื่องปกติ ทุกคนต่างชินชาไปแล้วหลังจากจัดการกับศพเรียบร้อยแล้ว ก็กลับมากินอาหารเช้าในค่ายตามเดิมหลังจากกินอาหารเช้าเสร็จแล้ว ทุกคนก็ออกเดินทางต่อ ถึงแม้ว่าเมื่อวานนี้ฟู่เยียนหรานทำเรื่องน่าอับอายไปแล้ว แต่วันนี้นางยังคงบังคับเกวียนตามหลังพวกเขามาอย่างไร้ยางอายขณะที่กู้หว่านเยว่ไปตักน้ำ ฟู่เยียนหรานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะใช้โอกาสนี้เข้าไปคุยกับซูจิ่งสิงอย่างใกล้ชิดซูจิ่งสิงไม่สนใจนาง แค่รู้สึกว่านางน่ารำคาญเท่านั้น“คุณชายซู ทำไมท่านถึงไม่สนใจข้า?” แววตาของฟู่เยียนหรานฉายแววหดหู่เมื่อเห็น

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 132

    “เจ้ารู้สึกเช่นนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ คุณชายซูต่างหากที่ต้องรู้สึกเช่นนี้!”เมื่อได้ยินประโยคนั้นฟู่เยียนหรานกลับดีใจไม่ออก นางรู้สึกอัดอั้นตันใจอยู่ภายใน จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าข้าจะสู้นักโทษคนหนึ่งไม่ได้ สักวันข้าจะทำให้คุณชายซูหวั่นไหวต่อข้า เขาจะต้องทิ้งกู้หว่านเยว่อย่างไร้เยื่อใย!”นัยน์ตาของฟู่เยียนหรานเปล่งประกายวูบไหว ฟู่ซานถึงกับต้องรีบหดคอด้วยความหวาดกลัวหลังจากที่ฟู่เยียนหรานได้รับบทเรียน ระหว่างเดินทางนางไม่ได้เข้ามายุ่มย่ามกับพวกเขาโดยพลการอีก แต่นางกลับวางแผนอย่างเงียบ ๆ สองวันต่อมา ขบวนนักโทษก็ได้เดินทางเข้าสู่อาณาเขตปิงโจวภาพแรกที่ประจักษ์แก่สายตาคือทรายสีเหลืองอร่ามที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ตลอดเส้นทางที่เดินเข้ามากลับไม่เห็นแอ่งน้ำเลยสักแห่ง เวลานี้ทุกคนต่างกระหายจนปากแห้งไปหมดแล้ว“ถุย ทำไมลมพวกนี้ถึงเต็มไปด้วยทรายเช่นนี้”ซูจิ่นเอ๋อร์ถ่มน้ำลายและทรายที่เข้าปากของนาง“นั่นนะสิ อากาศแบบไหนกันเนี่ย?”ซูจื่อชิงถูกเม็ดทรายที่ฟุ้งกระจายมากับสายลมปะทะหน้าจนปวดแสบไปหมด แม้แต่ดวงตาของเขาก็ลืมไม่ขึ้นลมทะเลทรายที่ฟุ้งกระจายทำให้ซุนอู่ที่นำข

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 133

    ไม่ต้องให้ซุนอู่ออกคำสั่ง ทุกคนก็พร้อมใจกันวิ่งไปยังทิศตรงข้ามอย่างบ้าคลั่งพายุลูกนั้นได้กวาดเม็ดทรายบนพื้นดินหมุนวนขึ้นมา แบ่งท้องฟ้าเป็นสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งสดใสอีกฝั่งกลายเป็นสีแดงฉานพายุใหญ่ลูกนั้นมีลักษณะคล้ายกับกระแสน้ำวน และกำลังเคลื่อนตัวมาทางพวกเขาต้นไป๋หยางเพียงต้นเดียวในทะเลทรายถูกพายุพัดถอดรากถอนโคลนและดูดเข้าไปในวังวนที่น่ากลัว ยิ่งเห็นพายุที่น่ากลัวเช่นนี้ ก็ยิ่งไม่มีใครกล้าหยุดวิ่ง ทุกคนต่างวิ่งหนีอย่างสุดกำลังแม้แต่ฟู่เยียนหรานก็ยังยกชายกระโปรงและวิ่งไปข้างหน้าพร้อมกับส่งเสียงกรีดร้องไปตลอดทางกู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วแน่นขณะบังคับเกวียน ยิ่งเผชิญหน้ากับช่วงเวลาเช่นนี้มากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งต้องใจเย็นมากขึ้นเท่านั้น ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ลืมที่จะกำชับซูจิ่นเอ๋อร์“จิ่นเอ๋อร์ ใช้แส้ฟาดก้นลา จะทำให้มันวิ่งเร็วขึ้น!”“แส้ แส้อยู่ไหน?”ซูจิ่นเอ๋อร์หันกลับไปมองพายุใหญ่มหึมาลูกนั้นแล้วตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัวนางคลำหาแส้อยู่นานก็ยังไม่เจอกว่าจะหาแส้เจอ มือไม้ก็อ่อนไปหมด“ถอยไป ข้าเอง!”เวลานี้ เมี่ยชิงหว่านที่เงียบมาตลอดทางได้ผลักนางออก จากนั้นก็กระโดดขึ้นมาบนเกวียน

Latest chapter

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1396

    ขณะที่นำกองทหารออกจากเมืองหลวง เขาก็รู้ว่าชีวิตของตัวเอง ช้าเร็วก็ต้องถูกพรากไป“ข้าต้องการให้ท่านเขียนคำสั่งลงโทษตัวเอง”ซูจิ่งสิงพูดทีละคำ เอ่ยปากอย่างตั้งใจตอนแรกทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งกลับมาพร้อมกับชัยชนะ แต่กลับถูกฮ่องเต้ชั่วและขุนนางชั่วกลุ่มนี้เนรเทศไปที่เจดีย์หนิงกู่ในข้อหากบฏแม้ว่าฮ่องเต้ชั่วจะแต่งตั้งเขาให้เป็นเจิ้นเป่ยอ๋องอีกครั้งในเวลาต่อมา แต่ความเข้าใจผิดในอดีตก็ไม่ได้รับการล้างมลทินให้เขาเวลานี้ ในสายตาผู้คนใต้หล้า เขาคืออาชญากรที่สมคบคิดกับข้าศึกและขายชาติเขาต้องการล้างมลทินให้กับตัวเองด้วยมือของเขาเอง“ท่าน”ใบหน้าชราของหลี่กวงถิงทั้งอายและโกรธเคือง“ไม่”เขาส่ายหัวปฏิเสธ ต่อให้ต้องตายในมือของซูจิ่งสิงเช่นนี้ ก็ยังมีชื่อเสียงดี ๆ ฝากไว้แต่เมื่อคำสั่งลงโทษตัวเองนี้ถูกเขียนขึ้นแล้ว ก็เท่ากับเป็นการยอมรับความผิดอย่างเปิดเผยตอนแรกเขาให้ความร่วมมือกับฮ่องเต้ในการใส่ร้ายซูจิ่งสิงมันต่างอะไรกับขุนนางทุจริต?ผู้คนทั่วหล้าจะถ่มน้ำลายด่าประนามเขาเช่นไร?“จะฆ่าจะแกง ก็สุดแล้วแต่ท่าน ข้ายังคงยืนยันประโยคนั้นเหมือนเดิมสำหรับคำสั่งลงโทษตัวเองนี้ ข้าไม่มีทางเขียนเด

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1395

    เห็นเพียงท่ามกลางหมอกหนาทึบที่อยู่ฝั่งตรงข้าม มีแสงไฟเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน ราวกับหิ่งห้อยในค่ำคืนอันมืดมิดเมื่อแสงไฟนั้นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ รองแม่ทัพที่อยู่บนเรือก็เบิกตาทั้งสองกว้าง“ไม่ได้การ ทั้งหมดเป็นลูกศรติดไฟ!”ก้นลูกศรเหล่านี้ถูกมัดด้วยลำกล้องดินปืน ภายในเป็นดินปืนทั้งหมดดินปืนตกลงมาพร้อมกับลูกศรที่ยิงขึ้นมาบนเรือราวกับเม็ดฝนทั่วท้องฟ้า ภายในเวลาชั่วพริบตา เรือก็ติดไฟ“เร็วเข้า รีบถอยกลับ”หลี่กวงถิงสั่งการ เขารู้สึกอย่างเลือนรางว่าตัวเองถูกแผนชั่วของซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่เล่นงานเข้าแล้วกองทัพใหญ่ออกเดินทางแล้ว ต้องการจะถอยกลับจะทำได้ง่าย ๆ อย่างไร?ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ยังอยู่บนผิวน้ำ การเดินเรือไปข้างหน้าก็ทำได้ยากลำบากอยู่แล้วคนเหล่านี้ไม่ถนัดเรื่องการต่อสู้บนน้ำ ไม่มีสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ยังโชคดีเพราะหากพบเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิด ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะล่าถอยอย่างเป็นระเบียบเรือติดไฟแล้ว เหล่าทหารร่ำไห้อย่างน่าเวทนา ในระหว่างการล่าถอยของเรือ ต่างก็ชนกันเอง สถานการณ์วุ่นวายในระดับหนึ่งทว่าลูกศรทั่วฟ้านั้นก็ยังไม่ยอมหยุดเลยหลังจากยิงจบระลอกห

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1394

    “ข้ามีความคิดดี ๆ อย่างหนึ่ง”ดวงตาของกู้หว่านเยว่กลอกไปมา ทันใดนั้นก็มีความคิดแผลง ๆ ผุดขึ้นมา“หลี่กวงถิงผู้นี้ต้องการว่าจ้างคนจากหอมือสังหารมาฆ่าท่านมิใช่หรือ? เราก็ให้คนของหอมือสังหารมาตอบรับเรื่องนี้”ซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่สบสายตากันเข้าใจทันทีว่าภรรยากำลังคิดอะไรอยู่“หนามยอกเอาหนามบ่งหรือ?”“ถูกต้อง ถึงตอนนั้นเราก็มาปิดประตูตีแมวกัน”ซูจิ่งสิงเขียนจดหมายฉบับหนึ่ง นกพิราบสื่อสารก็กลับไปตามทางเดิม เพื่อส่งกลับไปที่หอมือสังหารเป็นสองวันที่สถานการณ์สงบสุขสองวันต่อมา หลี่กวงถิงก็ได้รับข่าวกรอง แจ้งว่าคนจากหอมือสังหารทำสำเร็จแล้ว“ข้าน้อยเห็นว่ากองทัพของเจดีย์หนิงกู่สงบเงียบ ดูเหมือนจะไม่มีข่าวการตายของซูจิ่งสิงแพร่ออกมา”รองแม่ทัพหลายคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้สักเท่าใดหลี่กวงถิงยังรู้สึกว่าต้องระมัดระวังด้วยหลังจากรออีกสองวัน ก็มีข่าวกรองออกมาอีกว่า ค่ายของผู้บัญชาการถูกรายล้อมด้วยกองกำลังทหารอากาศแบบนี้ภายนอกกระโจมกำลังตากปลาเค็มอยู่ จนส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง“ตากปลาเค็ม อากาศแบบนี้ตากปลาเค็มอะไรกัน?”หลายคนนั่งวิเคราะห์ด้วยกันรองแม่ทัพคนหนึ่งพูดขึ้นมาอย่างฉับพล

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1393

    “ลู่จิง มองไม่ออกเลยว่า เจ้าจะรักหน้าที่การงานมากเช่นนี้”เกาเจี้ยนหัวเราะอย่างชั่วร้ายรักหน้าที่การงาน?ลู่จิงสะดุดเข้าให้ใครจะไปรักหน้าที่การงาน ชัดเจนว่าเขารักและสงสารกงซุนฉิงเขาเหลือบมองกงซุนฉิง ขณะที่คิดจะใช้โอกาสนี้เปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างสองคน“ถูกต้อง เขารักหน้าที่การงานมาก!”ทันใดนั้นกงซุนฉิงก็เหยียบเท้าของเขา แล้วรีบเอ่ยขึ้นนางละอายใจที่จะให้ฮูหยินรับรู้เรื่องราวของพวกเขาสุดท้าย ก็จ้องเขม็งใส่ลู่จิงอย่างดุดัน พลางกระซิบว่า“หุบปาก”“ก็ได้”ลู่จิงหุบปากอย่างเชื่อฟังคำพูดของคนรักต้องเชื่อฟัง นี่จะไม่ใช่ความองอาจของชายชาตรีอย่างหนึ่งอย่างไร“เช่นนั้นพวกเจ้าทั้งสองก็พูดคุยกันตามสบาย ใครจะเฝ้ายามก็ไม่สำคัญ หรือว่าถ้าไม่ได้จริง ๆ พวกเจ้าสองคนก็เฝ้ายามด้วยกันได้”ด้วยการเสริมทัพของเกาเจี้ยน ใบหน้าของกงซุนฉิงก็ยิ่งแดงขึ้น“เราไปกันเถอะ”กู้หว่านเยว่ดึงแขนเสื้อของซูจิ่งสิงเงียบ ๆ พลางยิ้มคลุมเครือมองดูผู้ใต้บังคับบัญชาคุยกันเรื่องความรักลับ ๆ ก็น่าสนุกดีเหมือนกัน“ไป”ซูจิ่งสิงจูงมือกู้หว่านเยว่จากไป“ถ้าอย่างนั้นข้าก็ต้องไปเหมือนกัน”เกาเจี้ยนถูกเตือนสต

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1392

    ซูจิ่งสิงกระซิบเตือนกู้หว่านเยว่ที่ข้างหูอย่างแผ่วเบา ภรรยาเป็นคนบ้าการงาน ตั้งแต่มาถึงค่ายทหาร ก็มีเวลาพักผ่อนน้อยกว่าเขาเสียอีกเขาชอบท่าทางการวางแผนในกระโจมของกู้หว่านเยว่มาก เพียงแต่เป็นห่วงว่าร่างกายของนางจะรับไม่ไหว ดังนั้นจึงกำชับอยู่บ่อยครั้ง“ก็ได้เจ้าค่ะ ลมแรงจริง ๆ”กู้หว่านเยว่ถือโอกาสโยนกล้องโทรทรรศน์เข้าไปในมิติ แล้วลงมาจากหอสังเกตการณ์พร้อมกับซูจิ่งสิงหอสังเกตการณ์แห่งนี้สร้างโดยทหารตามคำสั่งของกู้หว่านเยว่ก่อนหน้านี้ โดยอิงตามพิมพ์เขียวที่นางให้มาหอสังเกตการณ์สูงยี่สิบเมตรพอดี เมื่อยืนอยู่ด้านบนของหอสังเกตการณ์จะสามารถมองเห็นจุดที่อยู่ไกลออกไปได้ชัดเจน สังเกตสถานการณ์ของศัตรูได้สะดวกยิ่งขึ้นทั้งสองลงมาจากหอสังเกตการณ์ ขณะที่กำลังเดินเล่นอยู่ในกองทัพกับเกาเจี้ยนก็ได้ยินเสียงโต้เถียงครู่หนึ่งโดยพลัน“ชู่ว์”กู้หว่านเยว่ส่งสัญลักษณ์มือให้ซูจิ่งสิง ดึงเขาให้เดินไปตามทิศทางที่ส่งเสียงมานางรู้สึกอยู่เสมอว่าเสียงนี้ค่อนข้างคุ้นเคย เมื่อเดินเข้าไปมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคนคุ้นเคยจริงดังคาด เห็นกงซุนฉิงและลู่จิงกำลังโต้เถียงกันหน้าแดงหูแดง“นายท่าน ฮูหยิน พวกท่านมา

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1391

    “หลี่กวงถิงต้องการควบคุมข่าวลือในกองทัพ แต่ก็ต้องดูว่านายทหารเหล่านั้นจะเชื่อเขาหรือไม่”ในกระโจมฝั่งตรงข้ามกับแม่น้ำมู่ตัน กู้หว่านเยว่กำลังแกว่งเอกสารราชการในมือเล่น ใบหน้าเผยแววเจ้าเล่ห์ออกมาซูจิ่งสิงถูปลายนิ้ว “เป็นอย่างที่เจ้าคาดไว้ไม่ผิด ทันทีที่หลี่กวงถิงได้ยินข่าวนี้ ก็เรียกประชุมทั้งกองทัพทันทีและบอกว่าข่าวนี้ เป็นเท็จ”“เขามีวิธี และเราก็มีวิธีเช่นกัน”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเก็บไพ่ใบสำคัญนี้ไว้ตลอดโดยเปล่าประโยชน์ ย่อมไม่ยอมปล่อยให้หลี่กวงถิงปกปิดเรื่องนี้ได้ง่าย ๆ“ถึงเวลาที่โจวเหล่าต้องออกหน้าแล้ว”นางเอ่ยเบา ๆหลี่กวงถิงเรียกประชุมทั้งกองทัพ พยายามปลอบขวัญทหารทว่าเขาเพิ่งพูดจบในตอนเช้า ตอนบ่ายก็มีข่าวส่งมาถึงบอกว่าโจวเหล่าออกหน้าด้วยตัวเอง เขียนเอกสารฉบับหนึ่งด้วยมือ“โจวเหล่าได้ยอมรับสถานะบุตรที่เป็นกำพร้าของอดีตรัชทายาทแล้ว”ใบหน้าของรองแม่ทัพอมทุกข์“โจวเหล่าเคยเป็นอาจารย์ของอดีตรัชทายาท เขายังเป็นนักปราชญ์แห่งยุคอีกด้วย มีลูกศิษย์ในมือนับไม่ถ้วน เขาเชี่ยวชาญในการชี้นำการพัฒนาคำวิพากษ์วิจารณ์ของมวลชนบัดนี้เขาพูดออกมาเช่นนี้ ยังมีใครที่ไม่เชื่ออีก?”

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1390

    กู้หว่านเยว่ซื้อโล่และชุดเกราะมาอย่างละสองหมื่นชุดนอกจากธนูและหน้าไม้แล้ว กู้หว่านเยว่ยังซื้อลูกปืนใหญ่มาอีกชุดหนึ่งลูกปืนใหญ่เหล่านี้ถือเป็นของสำรอง จะไม่นำออกมาใช้อย่างเด็ดขาด เว้นแต่จะเป็นสถานการณ์พิเศษพลังทำลายล้างของลูกปืนใหญ่นั้นรุนแรงเกินไป หากไม่จำเป็น ก็อย่าเพิ่งนำออกมาใช้หลังจากเตรียมสิ่งของพร้อมแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ดูยอดเงินคงเหลือในบัตรอืม แทบจะไม่ขยับเลยการมีเงินใช้ไม่หมดนี่มันรู้สึกดีจริง ๆ !นอกจากสิ่งเหล่านี้ นางยังซื้อผงห้ามเลือดและยาจินชวงมาจำนวนมาก ล้วนมีประโยชน์สำหรับใช้พันแผลให้ทหารหลังจากทำทั้งหมดนี้เสร็จแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ย้ายสิ่งของทั้งหมดนี้เข้าไปไว้ในคลังเก็บของในเมืองผิงโจวเมืองผิงโจวมีทหารคุ้มกันอย่างแน่นหนา ไม่ต้องกลัวว่าของข้างในจะสูญหายหลังจากนำของเข้าไปไว้ในคลังเก็บของแล้ว ค่อยให้ทหารขนย้ายสิ่งของเหล่านี้ทั้งหมดไปยังค่ายเวลาผ่านไปรวดเร็วสิบวันต่อมา กองทัพของฮ่องเต้เดินทางมาถึงแม่น้ำมู่ตันหลี่กวงถิงมองไปยังผืนน้ำอันกว้างใหญ่ของแม่น้ำมู่ตัน ก็รู้สึกมึนงงมิน่าล่ะ ก่อนหน้านี้เจียงเต๋อจื้อนำกองทัพห้าหมื่นนายมา ผลปรากฏว่าพ่ายแพ้ย่อยยับ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1389

    นางสั่งให้คนสร้างคลังเก็บของขนาดใหญ่ขึ้นที่บริเวณต้นน้ำของแม่น้ำมู่ตันในเมืองผิงโจวเมื่อนานมาแล้ว แต่ก่อนเอาไว้ใช้เก็บเสบียงอาหารยังมีคลังเก็บของอีกหลายแห่งที่ยังใช้ไม่หมดกู้หว่านเยว่ตั้งใจจะใช้กักตุนอาวุธทั้งหมดสามวันต่อมา กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงนำกองทัพใหญ่มาถึงแม่น้ำมู่ตันกองทัพใหญ่ตั้งค่ายอยู่ริมแม่น้ำกางเต็นท์อย่างเป็นระเบียบ ตามแบบแปลนที่กู้หว่านเยว่มอบให้เต็นท์เล็ก ๆ ถูกกางขึ้นริมแม่น้ำควันไฟค่อย ๆ ลอยขึ้นไปเหล่าทหารไม่ได้ตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย แต่ละคนดูเหมือนมาพักผ่อนจะทำอย่างไรได้ ก็เบี้ยหวัดทหารเยอะมากเกินไป!คนอื่นเวลาเดินทัพก็กินแต่อาหารแห้ง ซาลาเปากับหมั่นโถว แต่พวกเขากินกับข้าวสามอย่าง พร้อมน้ำแกงหนึ่งอย่างทุกมื้อ แถมยังมีทั้งเนื้อและผักอีกต่างหาก!แบบนี้จะเรียกว่าออกรบได้อย่างไร?เหมือนกับเทศกาลตรุษจีนชัด ๆ !เมื่อเห็นเหล่าทหารมีขวัญกำลังใจ กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงก็ดีใจ ทั้งสองคนปรึกษาแผนการในค่ายทหารซูจิ่งสิงไม่เป็นสองรองใครในเรื่องการรบอยู่แล้ว แต่เขาพบว่ากู้หว่านเยว่ก็มีพรสวรรค์ในด้านการทหารเช่นกันความคิดที่ผุดขึ้นมาเป็นครั้งคราว ทำให้เขา

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1388

    “ไม่ต้อง ๆ ข้าแค่พูดเล่นเท่านั้น ยาพิษของพวกนี้ ใช้ให้น้อยจะดีกว่า”แต่จริง ๆ แล้ว เขาก็แค่แสร้งทำเท่านั้น เฟิ่งอู๋ชีไม่ได้กลัวพิษเลยสักนิด เพราะร่างกายเขามีคุณสมบัติเป็นยาโดยกำเนิด“ไปแล้วนะ”เขาโบกมือ แล้วหันหลังเดินจากไป“รักษาชีวิตของท่านเอาไว้”กู้หว่านเยว่เอ่ยขึ้นอย่างช้า ๆ ไม่ใช่ว่าเป็นห่วงความปลอดภัยของเฟิ่งอู๋ชี แต่เป็นเพราะคนที่ร่างกายมีคุณสมบัติเป็นยาโดยกำเนิดนั้นหาได้ยากเผื่อในอนาคตทั้งสองกลายเป็นเพื่อนกัน นางก็อาจจะได้ศึกษาดู“ไม่ต้องห่วง สิ่งที่แข็งที่สุดของข้าก็คือชีวิตนี่แหละ”เฟิ่งอู๋ชีนหลังเดินจากไป เดินไปได้สองก้าวก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไม่ใช่ ๆ จุดแข็งที่สุดของเขาไม่ใช่ชีวิตเสียหน่อย!“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ นี่เป็นถึงองค์ชายหนานเจียงเชียวนะ จะไม่ฉวยโอกาสจับเขาไว้หรือ จะปล่อยพวกเขาไปง่าย ๆ แบบนี้หรือ?”ซูจื่อชิงรีบเข้ามา เห็นเฟิ่งอู๋ชีกำลังเดินจากไปพอดี ใบหน้าของเขาเผยความเสียดายออกมาเล็กน้อยปล่อยศัตรูไปแบบนี้ ไม่เท่ากับปล่อยเสือเข้าป่าหรอกหรือ?จากมุมมองของเขา ก็ควรจะจับองค์ชายหนานเจียงไว้ เพื่อใช้ข่มขู่หนานเจียงสิ“ฆ่าองค์ชายหนานเจียงก็ไร้ประโยช

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status