ไม่นาน เจ้าหน้าที่หนุ่มกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาจากนอกประตูเมื่อฟู่เยียนหรานเห็นเจ้าหน้าที่ ใบหน้าก็แสดงสีหน้าหวาดกลัว รีบดึงฟู่ซานไปซ่อนตัวอยู่หลังบ่อน้ำจนกระทั่งแน่ใจว่าเจ้าหน้าที่เหล่านี้ไม่ได้มาตามหาพวกตน นางจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกกู้หว่านเยว่เองก็สังเกตเห็นเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้เช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาหาครอบครัวชาวนานี้เสียมากกว่าเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเตะถาดตากข้าวแล้วบอกว่า “รีบจ่ายค่าภาษีเดือนนี้มาเสีย”ชายชราและครอบครัวยื่นเงินออกไปด้วยสีหน้าเศร้าโศก“แค่ตำลึงเดียวเองหรือ?”“เดือนที่แล้วก็ไม่ใช่แค่ตำลึงเดียวหรอกหรือ?...”ลูกชายของชาวนาปากมากไปสักนิด เจ้าหน้าที่คนหนึ่งจึงผลักเขาลงพื้น ทุบตีอย่างแรงทันที“เดือนนี้ขึ้นแล้ว เป็นสองตำลึง รีบเอามา ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าก็ต้องกินไม่หมด แอบห่อพากลับ[footnoteRef:1]!” [1: เปรียบเทียบกับการ ก่อเรื่องไม่ดีหรือทำให้เกิดเรื่องไม่ดี จำต้องแบกรับ รับผลที่ตามมา มักจะใช้สำหรับตักเตือนคนว่า จะทำเรื่องอะไรอย่าลืมคำนึงถึงผลที่ตามมา] สามีภรรยาคู่ชราร้องขอความเมตตาพลางเอาเงินออกมาหมดบ้าน ในที่สุด พวกเขาก็รีดเอาเงินสองตำลึงออกมาได้“ดี
“ได้ ข้ารับฝากเอาไว้แล้ว”กู้หว่านเยว่กำลังกังวลว่าจะไม่หาคนมาลองมือ ในเมื่อพวกเขามาส่งถึงหน้าประตูเช่นนี้ ก็อย่าโทษนางที่ลงมือหนักเกินไปแล้วกันเดิมทีก็คิดว่าจะสั่งสอนพวกเขาสักหน่อยแล้วค่อยปล่อยไป แต่อีกฝ่ายกลับยังกล้าขู่ออกมาได้อีก เช่นนั้นก็ต้องกำจัดทิ้งเสียกู้หว่านเยว่โปรยผงพิษใส่พวกเขาไปแล้ว ไม่นานจากนี้ คนเหล่านี้ก็จะไม่ตายดีเมื่อมองดูรอยยิ้มแปลกๆ ของผู้หญิงคนนั้น เถียนจวิ้นก็มักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าเขาพูดอะไรผิดไป ทั้งยังรู้สึกว่าตนเองกำลังจะสูญเสียบางสิ่งที่สำคัญไป ดังนั้นจึงรีบวิ่งหนีไปพร้อมกับลูกน้องใต้บังคับบัญชากู้หว่านเยว่จึงเดินกลับมาที่คาราวานเนรเทศ“แม่นางน้อยกู้ ทำได้ดีมากเลย!”“แม่นางน้อยกู้ ทวงความยุติธรรมแทนสวรรค์ ท่านสุดยอดมากเลย!”หลายคนยกนิ้วให้ในเวลานี้ จู่ๆ ฟู่เยียนหรานก็เดินเข้ามาหานาง ขมวดคิ้วและพูดว่า“กู้หว่านเยว่ เจ้าเป็นแค่นักโทษยังกล้าโอหังอวดดี ทุบตีเจ้าหน้าที่ของทางการ ถ้าทำให้ทุกคนเดือดร้อนจะทำอย่างไร?”ไม่แน่ว่านั่นอาจจะพลอยเปิดเผยตัวตนของนางไปด้วย“ความหมายของเจ้าคือ ข้าควรยืนเจ้าหน้าที่พวกนั้นลวนลามหรือ?”กู้หว่านเยว่แค่นเสียงหัวเราะ
เมื่อพิจารณาว่าเครื่องครัวเครื่องใช้ต่าง ๆ พังเสียหายระหว่างทางหมดแล้ว กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงจึงไปตลาดก่อนเพื่อซื้อของใช้จำเป็นเหล่านี้“เราไปซื้อเสื้อผ้าฝ้ายเพิ่มกันเถอะ”กู้หว่านเยว่ขยับแขนเข้าหาตัว ยิ่งเดินทางขึ้นเหนือ อากาศก็ยิ่งหนาวเหน็บขึ้นทุกทีหากไม่ซื้อเสื้อผ้าฝ้ายมาเตรียมไว้ กลัวว่าพออุณหภูมิลดลงจะไม่มีเสื้อผ้าใส่ ถ้าเกิดหนาวจนเป็นหวัดขึ้นมาคงจะลำบากแย่“ตกลง ถึงอย่างไรเราก็ยังมีลาเทียมเกวียน ไม่ต้องกลัวว่าจะขนไม่พอ”ซูจิ่งสิงย่อมไม่ปฏิเสธดังนั้นกู้หว่านเยว่จึงพุ่งเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้า ซื้อเสื้อผ้าฝ้ายหนา ๆ มาหลายชุด พร้อมกับซื้อปุยฝ้ายและผ้าฝ้ายมาอีกหนึ่งถุง ตั้งใจว่าจะใช้ทำรองเท้าปุยฝ้ายระหว่างทางสุดท้ายก็ซื้อผ้าห่มหนา ๆ อีกสองผืน ก็น่าจะครบถ้วนแล้วหลังจากซื้อของเสร็จ กู้หว่านเยว่ก็นึกถึงเรื่องสำคัญ นั่นคือถึงเวลาที่จะไป “เยี่ยมเยียน” ผู้ว่าการอำเภอเถียนคนนั้นแล้วนางลากลาเทียมเกวียนเข้าไปในตรอกเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ต่อหน้าต่อตาซูจิ่งสิง ก็เก็บลาเทียมเกวียนทั้งคันเข้าไปในมิติซูจิ่งสิง ...แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้เห็น แต่ทุกครั้งก็ยังรู้สึกตกตะลึง“เอาละ ตอนน
“ใต้เท้า ของ ของหายไปหมดแล้วเจ้าค่ะ!”“พูดบ้าอะไร?” เถียนเฝินเปิดม่านเตียงอย่างหงุดหงิด แล้วก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าทั้งห้องเหลือแค่เตียงนอนเท่านั้น ของอื่น ๆ นอกจากนั้นหายเกลี้ยง!แม้แต่เสื้อผ้าที่เขาโยนไว้บนพื้นก็หายไปด้วย“คันเหลือเกิน ตัวข้าคันไปหมด คันจนจะตายอยู่แล้ว” เถียนเฝินคันจนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น ไม่สนใจที่จะสืบหาสาเหตุแล้วเล็บที่แหลมยาวของเขา เกาตัวเองจนเลือดออกในทันที“ใต้เท้า ท่านหยุดเกาได้แล้ว น่ากลัว ข้าจะหนีแล้ว!” สาวงามกลัวว่าจะติดโรค จึงจับชายกระโปรงแล้ววิ่งหนีไป“สมน้ำหน้า คันให้ตายไปเลย!”ถ้าเถียนเฝินยังเกาแบบนี้ต่อไป ไม่นาน ผื่นพิษก็จะลามไปทั่วร่างกายเขากู้หว่านเยว่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น นางก็อารมณ์ดีขึ้นมากซูจิ่งสิงเห็นดังนั้น ก็ยกยิ้มมุมปากเช่นกันหลังจากมองอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าคนกำลังจะมาแล้ว ทั้งสองก็รีบไปที่ห้องหนังสือของเถียนเฝิน“เถียนเฝินกล้าเหิมเกริมขนาดนี้ เบื้องหลังต้องมีคนคอยหนุนหลังแน่ ๆ เราไปหาเบาะแสที่ห้องหนังสือกันเถอะ”“อืม”ซูจิ่งสิงมีความสามารถในการสืบสวนที่ยอดเยี่ยม ในไม่ช้าเขาก็พบจดหมายติดต่อในกล่
เดิมทีเขาตั้งใจจะค่อย ๆ อธิบาย แต่แม่นางกู้กลับไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไป นางเด็ดเดี่ยวและเฉียบขาด ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ค่อย ๆ อธิบายเลย“หว่านเยว่ รอเดี๋ยวก่อน”ซูจิ่งสิงรีบพูดขึ้น หลังจากที่เว่ยเฉิงเตือนสติ กู้หว่านเยว่ก็นึกขึ้นได้เช่นกัน ตอนที่พวกนักฆ่ากำลังไล่ล่าพวกเขาอยู่ดี ๆ ขาก็อ่อนแรงลง และล้มลงไปกองกับพื้นทีละคนตอนนั้นนางแค่คิดจะจัดการพวกเขา จึงไม่ได้ใส่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ตอนนี้มาคิด ๆ ดูแล้ว มันก็ผิดปกติจริง ๆ“ข้าจะให้โอกาสเจ้าอธิบาย” กู้หว่านเยว่ปล่อยเว่ยเฉิง ตั้งใจจะฟังว่าเขาจะพูดอะไรเว่ยเฉิงยิ้มอย่างขมขื่นพลางจัดเสื้อผ้าของเขาให้เรียบร้อย “ข้าแอบวางยานักฆ่าพวกนั้น ทำให้พวกเขาหมดเรี่ยวแรงเวลาใช้วิชาตัวเบา พวกเขาถึงได้ขาอ่อนแบบนั้น”เมื่อมาถึงจุดนี้ กู้หว่านเยว่ก็เชื่อเว่ยเฉิงไปแปดส่วนเก้าส่วนแล้วแต่นางยังคงสงสัยอยู่บ้าง “ในเมื่อเจ้าช่วยมู่หรงอวี้แล้ว เหตุใดถึงกลับมาช่วยพวกเราอีก?”ต้องอย่าลืมว่าพวกเขาและมู่หรงอวี้เป็นศัตรูกันเว่ยเฉิงรีบพูดว่า “พวกท่านทั้งสองมีบุญคุณกับข้า ข้าเว่ยเฉิงไม่ใช่คนเนรคุณ แน่นอนว่าไม่มีทางทิ้งพวกท่านจริง ๆ แล้วข้าก็ไม่ได้อยากจะ
ซูจิ่งสิงยังคงครุ่นคิดเรื่องของเว่ยเฉิง เมื่อได้ยินดังนั้นก็รู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อยทั้งสองคนตามหาไปทั่ว แต่ก็ยังไม่พบร่องรอยของซูจื่อชิงเมื่อเห็นว่าฟ้าใกล้จะมืดแล้ว ซูจิ่งสิงจึงทำได้เพียงทิ้งสัญญาณลับเพื่อติดต่อไว้ในเมืองหากซูจื่อชิงยังมีชีวิตอยู่ เมื่อเห็นสัญญาณลับก็จะตามมาหาพวกเขาได้ปรากฏว่าเมื่อทั้งสองคนออกจากเมือง ก็พบกับซูจิ่นเอ๋อร์ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความยินดี“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ พี่รองกลับมาแล้ว!”“จริงหรือ?”นี่มันเหมือนกับพบแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เดิมทีคิดว่าคงหาซูจื่อชิงที่อำเภอหลานเจียไม่เจอ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะกลับมาเองแล้วกู้หว่านเยว่รีบขับลาเทียมเกวียนตามซูจิ่นเอ๋อร์ไปยังกลุ่มคนเมื่อเห็นซูจื่อชิงนั่งพิงอยู่บนลาเทียมเกวียนอีกคัน แขนข้างหนึ่งห้อยลงมาข้างลำตัวอย่างไร้เรี่ยวแรง ข้าง ๆ เขา มีเมี่ยชิงหว่านนั่งอยู่ด้วยความโศกเศร้า“แขนเจ้าหักหรือ?” ได้เลย เพิ่งจะมีคนเจ็บไปหนึ่งคน ตอนนี้เพิ่มมาอีกหนึ่งแล้ว“น่าจะหัก ข้าใช้ไม้กระดานดามไว้ ตอนนี้ยังขยับไม่ได้”หลังจากถูกทรมานมาหลายวัน ซูจื่อชิงดูอิดโรยอย่างมากกู้หว่านเยว่ยื่นมือไปสัมผัส “หักจริง ๆ ด้วย คืนนี้ห
ทันทีที่เห็นหมีดำ ทุกคนก็สบถออกมาไม่สิ ฟู่เยียนหรานนี่มันเกิดอะไรขึ้น?ไปทำอะไรมาถึงทำให้หมีที่หนักสี่ร้อยกว่าชั่งโกรธได้นะ?ซุนอู่ขมับเต้นตุบ ๆ ตะโกนด่าเสียงดัง“เจ้าบ้าไปแล้วหรือไร ไปแหย่หมีเอง ก็อย่าลากหมีมาหาพวกเราสิ!”พวกเขาเป็นกลุ่มคนแก่ คนอ่อนแอ คนป่วย และคนพิการ เดินมาทั้งวันแล้ว คงวิ่งไม่ไหวหรอกลากหมีมาที่นี่ ไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าพวกเขาหรอกหรือ?ฟู่เยียนหรานแสดงสีหน้ารู้สึกผิด นางก็ไม่อยากลากหมีมาที่นี่ แต่นางไม่มีทางเลือกแล้วในกลุ่มผู้ถูกเนรเทศมีผู้หญิงและเด็กเยอะ วิ่งไม่เร็วเท่านาง บางทีหมีอาจจะเปลี่ยนเป้าหมายก็ได้นางไม่ได้ใจร้ายแน่ ๆ แค่ช่วยซุนอู่คัดคนออกต่างหากเมื่อคิดแบบนี้ ฟู่เยียนหรานก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากจากนั้นเร่งความเร็วมาทางนี้มากขึ้น“ข้ายอมแพ้แล้ว!” ซุนอู่รู้สึกว่าเขาไม่เคยเกลียดใครขนาดนี้มาก่อนเลยเมื่อเห็นว่าหมีกำลังมา วิ่งก็คงวิ่งไม่ทันแล้ว ได้แต่หวังว่าพวกเขาคนเยอะ อาจจะปราบหมีได้“อย่ามัวแต่ยืนบื้อ รีบหยิบดาบออกมาสู้กับหมี คนแก่ ผู้หญิง และเด็ก ไปหาที่หลบเร็ว”แม้ว่าการลดจำนวนคนระหว่างทางเนรเทศจะเป็นเรื่องปกติ แต่ซุนอู่ก็ไม่อาจปล่อยให้พวกเขาต
“เจ้าอยากตายหรือไง ปล่อยข้า!” กู้หว่านเยว่รู้สึกพูดไม่ออกจริง ๆ ฟู่เยียนหรานนี่สมองมีปัญหารึเปล่า ถึงเวลานี้แล้วยังจะมาทะเลาะกันอีก“เจ้าจะดุทำไม ข้ามาพูดกับเจ้าด้วยเหตุผล ทำไมเจ้าถึงดุขนาดนี้?ตอนเช้าข้าพูดไปเพราะหวังดีต่อเจ้าต่างหาก คนที่ถูกเนรเทศอย่างเจ้าแต่งตัวสวยเด่นขนาดนั้นมันไม่ดีหรอกแล้วเจ้ายังไปลงมือกับผู้ตรวจการเหล่านั้น ถ้าพวกเขาเอาคืนขึ้นมา เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าครอบครัวของเจ้าจะเป็นอย่างไร?”ฟู่เยียนหรานพูดไม่หยุด ราวกับจับผิดกู้หว่านเยว่ได้กู้หว่านเยว่ทนไม่ไหว เตะนางออกไป ทันใดนั้น หมีก็มาถึงตรงหน้าทั้งสองคนแล้วหมีที่ตาบอดข้างหนึ่งยกอุ้งเท้าขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยว เตรียมที่จะฟาดลงมา“กรี๊ด!”ฟู่เยียนหรานกลัวมาก ไม่ได้คิดอะไร ก็ผลักกู้หว่านเยว่ออกไป“หว่านเยว่!”“พี่สะใภ้!”ซูจิ่นเอ๋อร์และคนอื่น ๆ ที่หลบอยู่หลังก้อนหิน ก็พากันวิ่งออกมาโดยไม่สนใจความกลัว อยากจะตีฟู่เยียนหรานให้ตายเลยจริง ๆ ซูจิ่งสิงที่อยู่บนลาเทียมเกวียนคอยสังเกตการณ์อยู่ตลอด เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่ตกอยู่ในอันตราย เขาก็ทนไม่ไหว กระโดดลงมาจากลาเทียมเกวียน แล้วลงมาบนหลังหมีโดยตรง ในมือถือมีด
“ดูสิว่าพวกเขาจะทำอะไร”นางเอ่ยเสียงเบา ปรมาจารย์แพทย์รีบข่มอารมณ์ลงทันทีกระทั่งเห็นการเคลื่อนไหวตรงหน้าต่าง ดูเหมือนจะมีคนแอบดูสถานการณ์ด้านในผ่านช่องว่างของหน้าต่าง“คุณชาย ไม่มีใครเลยขอรับ”หนึ่งในบุคคลปริศนากล่าวเสียงต่ำ จากนั้นเงาดำสองร่างก็กระโดดเข้ามาจากหน้าต่างเป็นสวีซวี่รื่อ บุรุษผู้นี้แอบเข้ามาในโรงหมอ ข้างกายของเขาก็น่าจะเป็นลูกศิษย์ของสำนักเทียนจี“รีบหาของนั้นเร็วเข้า”เห็นได้ชัดว่าสองคนนั้นรออยู่ด้านนอกนานมากแล้ว ทันทีที่เข้ามาก็พุ่งหาเป้าหมายทันใด“ดูเหมือนจะอยู่ในอ่างไม้”ลูกศิษย์คนนั้นเดินมายังอ่างไม้ ใบหน้าของปรมาจารย์แพทย์เริ่มฉายแววลำพองใจ แต่เมื่อได้ยินลูกศิษย์ผู้นั้นก็พลันขมวดคิ้ว“เหม็นยิ่งนัก!”ในอ่างไม้มีเพียงเลือดที่มีกลิ่นเหม็นเน่า สวีซวี่รื่อเห็นแล้วแทบจะอาเจียนออกมาในทันที รีบโบกมือไล่กลิ่น“รีบไปหาตรงอื่นเถอะ”สวีซวี่รื่อกลัวว่ากู้หว่านเยว่จะกลับมาอีกครั้ง จึงต้องเร่งมือเป็นสองเท่า“ต้องหาก้อนเนื้อนั้นให้ได้ แล้วนำกลับไปให้คนของสำนักเทียนจีดู”ทั้งสองคนเปิดตู้ค้นหา กู้หว่านเยว่ได้ยินถึงตรงนี้แล้วก็รู้ทันทีว่าสวีซวี่รื่อคนนี้มาทำไมครั้นเห
“เด็กโง่”ปรมาจารย์แพทย์พุ่งเข้ามา เขารีบห้ามเลือดให้ไป๋หลี่ชิงซีอย่างเร่งด่วนแต่ก็ไม่สามารถห้ามได้ทั้งหมด“คุณชายไป๋หลี่เป็นอย่างไรบ้าง?”กู้หว่านเยว่กล่าวพลางรุดเข้ามาข้างเตียง จากนั้นก็เปิดเสื้อของเขา และตรวจร่างกายให้เขาหลี่เหมียนหยางอยากจะกล่าวบางอย่าง แต่สถานการณ์กำลังตึงเครียด จึงรีบปิดปากอีกครั้ง“เลือดออกในช่องท้อง ต้องรีบนำก้อนเนื้อนั้นออกมาโดยเร็วที่สุด”ปรมาจารย์แพทย์บอกผลตรวจของเขา ซึ่งเหมือนกับผลตรวจของกู้หว่านเยว่นางเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก “คงจะรอหลังจากนี้อีกเจ็ดแปดวันไม่ได้แล้ว ต้องเริ่มผ่าตัดตอนนี้”เดิมทีนางอยากให้ลั่วยางมาเรียนรู้ด้วย เนื่องจากเคยตกปากรับคำกับปรมาจารย์แพทย์ไปแล้ว กู้หว่านเยว่จะไม่พาใครเข้าไปในห้วงมิติ ต้องทำการผ่าตัดด้านนอกโชคดีที่ในตอนที่ออกมา กู้หว่านเยว่ได้ให้หงเจาเข้าไปหยิบกล่องยาในจวนกู้ออกมาด้วยทันทีที่นางพูดกับปรมาจารย์แพทย์จบ หงเจาก็มาถึงพอดี“ฮูหยิน กล่องยาของท่าน”“วางลงเถอะ”กู้หว่านเยว่เปิดกล่องยา ภายในกล่องยามีมีดผ่าตัดและอุปกรณ์ฆ่าเชื้อที่นางเตรียมเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว“ปรมาจารย์แพทย์เฒ่า วันนี้เกรงว่าต้องรบกวนท่านเป็นลู
กู้หว่านเยว่คอยอยู่เป็นเพื่อนไม่นาน ครั้นเห็นว่านางไม่เป็นอะไรแล้ว จึงรีบกลับเข้ามาในงานเลี้ยง“หนึ่งคำนับฟ้าดิน”“สองคำนับพ่อแม่”“สามคำนับกันและกัน”เกาโจวและฮูหยินผู้เฒ่าเกาคลี่ยิ้มอย่างจริงใจ “ดี ๆ โจวเซิง ต่อไปนี้เจ้าต้องดีกับเสวี่ยเอ๋อร์ให้มาก ๆนะ!”ผู้เฒ่าทั้งสองได้รับซ่งเสวี่ยเป็นบุตรสาวบุญธรรมแล้ว บัดนี้ซ่งเสวี่ยก็คือลูกสะใภ้ของพวกเขา และเป็นบุตรสาวของพวกเขา หลังจากนี้ยังต้องอาศัยอยู่กับผู้เฒ่าทั้งสองคน“โปรดวางใจ ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าไม่มีวันทำร้ายเสวี่ยเอ๋อร์!” ใบหน้าของโจวเซิงเปี่ยมไปด้วยความสุขผลการสอบเข้าชิงตำแหน่งขุนนางเขายังไม่ดีใจเท่าตอนนี้“ส่งตัวเข้าหอ” ทันทีที่สิ้นสุดเสียงของเจ้าพิธี บ่าวสาวได้ถูกส่งตัวเข้าหอ ทั้งจวนสกุลโจวพากันครึกครื้นยิ่งกว่าเดิม“น้องหญิง”จู่ ๆ ซูจิ่งสิงก็กุมมือของกู้หว่านเยว่ อาจจะเป็นเพราะดื่มสุราไปแล้วสองจอก แก้มของเขาถึงได้แดงระเรื่อ“ยังจำสิ่งที่ข้าเคยพูดกับเจ้าได้หรือไม่ ว่าข้าอยากจัดงานแต่งใหญ่โตให้เจ้า”กู้หว่านเยว่จำได้ในทันที นี่คือตอนที่พวกเขาสองคนกำลังตามหาสมุนไพรอยู่ในจวนหลงชวน ในงานแต่งของเหยาฮุ่ยซิน ซูจิ่งสิงเป็นฝ่ายเอ
หลังจากออกไป กู้หว่านเยว่ก็เกิดความวิตกกังวลซูจิ่งสิงพยักหน้า และถูปลายนิ้วพลางกล่าว “เขาและจิ่นเอ๋อร์ยังไม่เคยอยู่ด้วยกันเลย”“เพราะเหตุใด?”กู้หว่านเยว่ไม่กล้าเชื่อ เห็นได้ชัดว่าสองคนนี้รักกันมากแต่หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงได้เข้าใจ บางทีอาจเป็นเพราะฟู่หลานเหิงรักซูจิ่นเอ๋อร์มาก ทนเห็นนางเดือดร้อนไม่ได้จึงไม่ยอมอยู่กับนาง เพราะกังวลเรื่องลูก“แต่น้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์นี้มีผลต่อร่างกายของเขา”กู้หว่านเยว่เองก็ไม่กล้ามั่นใจมากนัก นางจึงหาเวลาเข้าไปดูสัตว์น้ำแข็งภายในห้วงมิติแวบหนึ่งหากน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ช่วยอาการป่วยของฟู่หลานเหิงไม่ได้ นางก็ควรต้องพิจารณาเรื่องที่จะพาสัตว์น้ำแข็งไปให้ทูเจวี๋ยเพื่อตามหาดอกไม้น้ำแข็งนิลนางคงจะทนเห็นซูจิ่นเอ๋อร์กลายเป็นแม่หม้ายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้อีกทั้งฟู่หลานเหิงเองก็เป็นสหายที่ดีของพวกเขากู้หว่านเยว่เก็บความคิดนี้ไว้ในใจก่อน ทั้งสองคนกลับมาถึงจวน เวลาล่วงเลยผ่านไปไม่นานก็เข้าสู่วันมงคลสมรสของซ่งเสวี่ยเนื่องจากเป็นการแต่งงานครั้งที่สอง ซ่งเสวี่ยไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่จนเกิดเป็นคำครหา ในวันแต่งงาน กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงมาถึงง
ทางฝั่งของกู้หว่านเยว่ทันทีที่ลงมาจากหอ ก็เจอกับเกาเจี้ยนและลั่วยางที่ยืนอยู่ด้วยกันพอดี อย่าพูดเชียวว่าสองคนนี้ช่างเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย“พระชายา”เกาเจี้ยนพุ่งเข้าไปกล่าวทักทายกู้หว่านเยว่ ร่างกายของเขาฟื้นตัวแทบจะสมบูรณ์แล้ว “อื้อ”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ลั่วยางกล่าวอย่างตื่นเต้น “พี่หญิงกู้ ท่านมาพอดี เกาเจี้ยนบอกว่าเจอหญ้าไป๋เซียงปรากฏอยู่บนภูเขาเทียนสุ่ย ข้าอยากไปดูเจ้าค่ะ”หญ้าไป๋เซียงอย่างนั้นหรือ ในห้วงมิติของนางมีเยอะแยะ“เจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่กล่าวเตือนอย่างห่วงใย“หลังจากครึ่งเดือนไปแล้ว ต้องทำการผ่าตัดให้ไป๋หลี่ชิงซี หากเจ้าอยากดู ก็รีบกลับมาก่อน”“พี่หญิงกู้ ท่านช่างแสนดียิ่งนัก”ลั่งยางซาบซึ้งใจมาก จริง ๆ แล้วนางกลัวว่าตัวเองจะพลาดวันที่กู้หว่านเยว่ทำการผ่าตัดให้ไป๋หลี่ชิงซีมาก ถึงอย่างไรนั้นก็เป็นโอกาสจะได้เรียนรู้อันหาได้ยากยิ่ง“วันนี้เราออกเดินทางกันเถอะ”เกาเจี้ยนเป็นฝ่ายกล่าวเอง บอกว่าจะรีบไปรีบกลับ“ได้โปรดพระชายาช่วยพูดกับท่านอ๋องให้ข้าสักหน่อย บอกว่าข้าไปภูเขาเทียนสุ่ยขอรับ”กู้หว่านเยว่คิดไม่ถึงว่าเขาเองก็อยากไป เกาเจี้ยนรีบอธิบาย “ลั่วยางไม่รู
“จะต้องเป็นเช่นนี้อย่างแน่นอน”สวีซวี่รื่อยิ้มเยาะอย่างเยือกเย็น“ท้องของเขาเป็นเช่นนั้นนานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ หลายปีมานี้กลับยิ่งอยู่ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นก้อนเนื้อประหลาดอะไรสักอย่างก็ได้”สิ่งที่สวีซวี่รื่อคิดก็ถูก ท้องของไป๋หลี่ชิงซีจะต้องมีก้อนเนื้อประหลาดอย่างแน่นอนอีกทั้งหุบเขาราชาโอสถก็ช่วยเขาปกปิด ไม่แน่ว่าอาจต้องการผ่าเอาก้อนเนื้อประหลาดในท้องของเขาออกมาก็ได้ตราบใดที่เขาได้ก้อนเนื้อประหลาดนั้นมาครอบครอง มันจะถูกส่งไปยังสำนัก และเปิดเผยต่อหน้าสาธารณชนดูสิว่าไป๋หลี่ชิงซีผู้นั้นจะยังยืนอยู่บนสำนักเทียนจีได้อย่างไร “ขอบใจเจ้ามาก” ใบหน้าของไป๋หลี่ชิงซีที่อยู่ในห้องมีสีแดงระเรื่อเล็กน้อย พลางกล่าวขอบคุณกู้หว่านเยว่“ไม่ต้องเกรงใจ ปกป้องความลับของผู้ป่วย เป็นสิ่งที่คนเป็นหมอควรทำ”กู้หว่านเยว่เพียงแต่ทนเห็นหน้าของสวีซวี่รื่อไม่ได้“ดังนั้นที่เจ้าพูดอยู่ด้านนอกเมื่อครู่นี้ เป็นความจริงใช่หรือไม่?”หลี่เหมียนหยางกล่าวถามอย่างร้อนใจ สิ่งที่นางถามเกี่ยวข้องกับไป๋หลี่ชิงซี“เจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง เรื่องของก้อนเนื้อที่อยู่ในท้องเป็นเรื่อง
“ได้สิ ข้าจะรอเจ้า”กู้หว่านเยว่กำลังกลุ้มใจที่ไม่รู้ผู้ที่หนุนหลังเขา ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายพูดออกมาเอง ถ้างั้นอย่าโทษนางที่ตามไปแก้แค้นละเดิมทีคิดว่าสั่งสอนพวกเขาสักยกแล้วจะปล่อยไป ในเมื่อกล้าข่มขู่นาง ถ้างั้นจัดการเสียทั้งหมดเลยดีกว่ากู้หว่านเยว่ลงมือโดยการโปรยผงยาพิษไปบนตัวพวกเขา อีกไม่นาน คนพวกนี้ก็จะตายกะทันหันเมื่อเห็นรอยยิ้มประหลาดของหญิงสาว เถียนจวิ้นรู้สึกเหมือนตัวเองพูดผิดไป สูญเสียบางสิ่งที่สำคัญ จึงรีบพาพวกพ้องหนีไปกู้หว่านเยว่กลับไปในขบวนเนรเทศอีกครั้ง“แม่นางน้อยกู้ ยอดเยี่ยมมาก!”“แม่นางกู้น้อย ผดุงความยุติธรรมแทนสวรรค์ เจ้าช่างร้ายกาจนัก!”หลายคนทยอยยกนิ้วหัวแม่มือขณะนี้ ฟู่เยียนหรานมาถึงตรงหน้านางกะทันหัน ขมวดคิ้วเอ่ยขึ้น“กู้หว่านเยว่ เจ้าเป็นนักโทษเนรเทศยังกำเริบเพียงนี้ ถึงกับทำร้ายเจ้าหน้าที่ทางการ เกิดนำความเดือดร้อนมาให้ทุกคนจะทำอย่างไร?”ไม่แน่อาจทำให้สถานะของนางเปิดเผยไปด้วย“ความหมายของเจ้าคือ ข้าควรถูกเจ้าหน้าที่ทางการพวกนั้นเกี้ยวหรือ?”กู้หว่านเยว่แค่นหัวเราะคนเช่นนี้อยู่รอดไปจนถึงตอนสุดท้ายของหนังสือได้อย่างไรกัน?ฟู่เยียนหรานขมวดคิ้ว “ข้
ทันใดนั้นมีเจ้าหน้าที่ทางการหนุ่มกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอกหลังจากฟู่เยียนหรานเห็นเจ้าหน้าที่ทางการ สีหน้าเผยความหวาดกลัว รีบพาฟู่ซานไปหลบหลังบ่อน้ำจนกระทั่งแน่ใจว่าเจ้าหน้าที่ทางการเหล่านี้ไม่ได้มาหานาง จึงโล่งอกกู้หว่านเยว่เองก็สังเกตเห็นเจ้าหน้าที่เหล่านั้น แต่ดูเหมือนพวกเขาจะมาหาครอบครัวชาวนาเจ้าหน้าที่เตะข้าวเปลือกจนหงาย “รีบจ่ายภาษีของเดือนนี้เร็วเข้า”ครอบครัวของชาวนาเฒ่าควักเงินออกมาจ่ายด้วยสีหน้าขมขื่น“แค่หนึ่งตำลึงหรือ?”“เดือนที่แล้วก็หนึ่งตำลึงไม่ใช่หรือ...”ลูกชายชาวนากล่าวขึ้นหนึ่งคำ จากนั้นถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายทันที“เดือนนี้ขึ้นราคาแล้ว เป็นสองตำลึงเงิน เร็วเข้า ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าได้เห็นดีกันแน่!”สองสามีภรรยาเฒ่าขอร้องไปด้วย พลางไปหยิบเงินทั้งหมดในบ้านออกมา เศษเงินพวกนั้นพอจะรวมกันจนครบสองตำลึงเงิน“ต้องอย่างนี้สิ ครั้งหน้ายอมจ่ายแต่โดยดีละ!”เจ้าหน้าที่เอาเงินแล้ว เตรียมหันหลังจากไป แต่กลับถูกกู้หว่านเยว่ที่ยืนอยู่ในโรงเก็บหญ้าดึงดูดผิวขาวดุจหิมะ เรือนร่างอ่อนช้อย ทั่วทั้งอำเภอหลานเจียก็ไม่มีคนงามเช่นนี้เจ้าหน้าที่มองดูจนตะลึง จากนั้นเดินเข้าไ
หากซูหัวจวิ้นกล้าหาเรื่องนาง นางก็คันไม้คันมือพอดี จะได้ระบายออกสักหน่อยซูจิ่นเอ๋อร์ยังคงเป็นห่วง ตั้งแต่หลี่ซือซือตายไป ท่านอาสี่เหมือนกลายเป็นบ้าไปแล้วคนบ้าคนหนึ่ง ใครจะไปรู้ว่าจะก่อเรื่องอะไรได้บ้าง?“พี่สะใภ้ใหญ่ อย่างไรท่านก็ต้องระวังตัว มีเรื่องใดก็ตะโกนได้เลย ข้าจะเข้าไปตีเขาให้ตาย!”“ข้าไม่เป็นไร เจ้าดูแลตัวเองกับท่านแม่ให้ดีก็พอ ข้าจะพาพี่ใหญ่เจ้าไปอาบน้ำ”ระหว่างพูดคุยกัน กู้หว่านเยว่แบกซูจิ่งสิงขึ้นหลัง แล้วพาเดินไปทางห้องครัวพอไปถึงห้องครัว ซูจิ่งสิงรีบลงมาบนพื้นอย่างว่องไว พร้อมสีหน้าเขินอาย“ข้าอาบเองได้”“อ่อ”กู้หว่านเยว่เองก็ไม่คิดจะช่วยเขาอาบ“ข้าจะเข้าไปอาบในมิติ ท่านอาบอยู่ข้างนอก อาบไปด้วยช่วยข้าดูต้นทางไปด้วยนะ”มิติหรือ? มันคือสิ่งใด?ซูจิ่งสิงกำลังสงสัย แล้วเห็นกู้หว่านเยว่ลงกลอนประตูห้องครัรว จากนั้นร่างกายสั่นไหว หายไปกลางอากาศ“กู้หว่านเยว่!”เมื่อหญิงสาวหายไปกะทันหัน ทำให้เขาปวดใจ กระทั่งกลัวว่านางจะไม่กลับมาอีกแล้วกู้หว่านเยว่เพิ่งเข้าไปในมิติ พลันได้ยินเสียงซูจิ่งสิงเรียกชื่อนางเสียงต่ำอยู่ข้างนอก“เรียกข้าทำไม?” นางรีบปรากฏตัวอย่างรวดเ