โชคดีที่กู้หว่านเยว่ฉลาด หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ขับรถเทียมลาได้อย่างชำนาญทุกคนหิวท้องกิ่ว ตอนนี้มีอาหารแล้ว ก็ต้องอิ่มท้องให้เร็วที่สุดหลังจากพบที่โล่งแล้ว ซุนอู่ก็สั่งให้คาราวานหยุดพัก กินข้าวกันอยู่แถวนั้นกู้หว่านเยว่นำอาหารปรุงสุกที่เน่าเสียง่ายออกมาทั้งหมด แล้วแจกจ่ายให้กับตระกูลอื่นค่าตอบแทนคือช่วยพวกนางซักเสื้อผ้า ปะชุนเสื้อผ้า รองเท้า และถุงเท้าเรียกได้ว่าเป็นการช่วยเหลือแบบพึ่งพากันแล้ว โดยทั่วไป ทุกตระกูลล้วนแต่ก็เห็นด้วย กระทั่งว่าญาติผู้หญิงของหลายตระกูลเริ่มช่วยกันหาฟืนมาจุดไฟสักพัก ควันสีขุ่นก็ลอยฟุ้งอยู่ในค่าย กลิ่นหอมของอาหารคละคลุ้งอยู่ในอากาศผู้หิวโหยทั้งหลาย ถืออาหารชิ้นใหญ่ไว้ในมือกู้หว่านเยว่หยิบเป็ดย่างออกมาสองตัว ใช้ใบมีดเล็กๆ หั่นเป็นชิ้นๆ แล้วแบ่งให้ซูจิ่นเอ๋อร์และหยางซื่อหลายคนไม่มีตะเกียบ ดังนั้นจึงจับมันด้วยมือเปล่า ยัดเนื้อชิ้นใหญ่เข้าปากอย่างมูมมาม ดูสะใจอิ่มเอมไม่น้อย“ท่านแม่ ท่านอย่าหวงอาหารนะเจ้าคะ บนเทียมลายังมีเหลืออยู่”กู้หว่านเยว่กลัวว่าหยางซื่อจะเก็บอาหารไว้ให้พวกเขา จะไม่เต็มใจกินอีกครั้ง นางจึงต้องเตือนเอาไว้ก่อนหยางซื่อหัว
นักการหลายคนหันไปมองฮูหยินผู้เฒ่าซู“เจ้าจะตะโกนทำไม? หุบปากเดี๋ยวนี้”“นาง... ซือซือนางตายแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่าซูชี้ไปยังหลี่ซือซือที่อยู่บนพื้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความกลัวพูดขึ้นมาแล้ว หลี่ซือซือก็น่าสงสารไม่น้อย นางเพียงอยากกินอาหารมื้อสุดท้ายก่อนออกเดินทาง แต่ก็ถูกด่ากลับมาหนึ่งบทใบหน้าชราของฮูหยินผู้เฒ่าซูกระตุก“นางคงไม่มาหาข้าตอนกลางดึกกระมัง?”“ไม่หรอก นางจะไปกล้าเช่นนั้นได้อย่างไร? ท่านเป็นย่าของนางนะเจ้าคะ” หลิวซื่อเม้มปาก ไม่สงสารหลี่ซือซือเลยสักนิดหญิงแพศยาที่ล่อลวงคนของนาง ตายไปแล้วก็ดีฮูหยินผู้เฒ่าซูกลับแอบคิดว่า เพราะนางที่เป็นย่าไม่สนใจชีวิตเป็นตายของนาง นางจึงกังวลว่าอีกฝ่ายจะกลับมาหาตอนกลางดึกสองวันนี้ ทุกครั้งที่หลี่ซือซือขอให้นางป้อนน้ำให้ นางก็ปฏิเสธด้วยความรังเกียจนักการสองคนนั่งลง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าหลี่ซือซือไม่หายใจแล้ว จึงหันไปรายงานซุนอู่“ให้ตระกูลซูเก่าจัดการกันเอง”ใบหน้าของซุนอู่ไร้อารมณ์ หลี่ซือซือทำเรื่องชั่วช้าไว้มาก ตายไปคงจะดีเสียกว่าแน่นอนว่า คนตระกูลซูเก่าไม่มีใครกล้าจัดการกับเรื่องนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าคนที่ดีกับนางอย่างซูหัวจวิ้นท
ซูหัวจวิ้นชี้ไปที่ท้องฟ้า“หลี่ซือซือ หลี่ซือซือกลับมาหาข้าแล้ว”แม้ว่าหลี่ซือซือจะกรรมตามสนอง แต่เมื่อซูหัวจวิ้นพูดเช่นนี้ขึ้นมา ประกอบกับรอบด้านมืดมิด ทุกคนก็รู้สึกว่าเส้นขนทั้งร่างลุกพรึบ กวาดตามองรอบด้านอย่างรวดเร็วซุนอู่เองก็ยังรู้สึกได้ถึงลมร้ายที่กำลังโชยมา เขาจึงหยิบแส้ขึ้นมา เดินไปหาซูหัวจวิ้น แล้วเฆี่ยนเขาด้วยความโกรธ“ถ้าเจ้ายังกล้าพูดไร้สาระอีก ข้าจะตีเจ้าให้ตาย!”“โอ๊ยๆๆ ข้าไม่ได้พูดไร้สาระ หลี่ซือซือกลับมาแล้วจริงๆ นางโทษข้าที่ไม่ดูแลนาง โทษที่ข้าไม่ปกป้องนาง... แล้วก็ท่านแม่ นางเองก็กำลังโทษท่านด้วย!”จู่ๆ ซูหัวจวิ้นก็ชี้ไปที่ฮูหยินผู้เฒ่าซู ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าซูกรีดร้องด้วยความตกใจ“อ๊าๆๆ เจ้าสี่ ท่านจะตายแล้ว ยังมาพูดไร้สาระอะไรอยู่อีก?”ซูจิ่นเอ๋อร์สั่นงันงกอยู่ในอ้อมแขนของหยางซื่อ “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านว่า หลี่ซือซือนาง...”กู้หว่านเยว่เหลือบมองนางแล้วถามว่า “เจ้าเคยทำอะไรผิดหรือเปล่าเล่า?”“ไม่เคยเจ้าค่ะ”ซูจิ่นเอ๋อร์คิด นอกจากช่วงแรกที่นางทำตัวโง่ๆ ก็ไม่น่าจะทำเรื่องผิดใจกับนางอีก?“ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิด เช่นนั้นจะกลัวอะไร?”ด้วยกังวลว่าคำพูดของซูหัวจวิ้นจะทำ
กู้หว่านเยว่ขอให้ระบบแสดงแผนที่ของภูเขาใกล้เคียงขึ้นมา จึงได้รู้ว่าข้างหน้าไกลออกไปสองชั่วยาม มีหมู่บ้านเล็กๆ อยู่“ถ้าท่านเชื่อข้า ก็ให้ทุกคนตามข้ามา”“ตามท่านไป?”ซุนอู่ลังเลกู้หว่านเยว่แข็งแกร่งมากก็จริง แต่นางไม่ใช่ผู้เบิกทางเส้นทางจางเอ้อร์ที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นว่า “หัวหน้า ข้าว่าฝนครั้งนี้พิลึกนัก ไม่รู้ว่าตากฝนนานเข้าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกหรือเปล่า เช่นนั้น พวกเราไม่สู้ฟังคำแนะนำของแม่นางน้อยกู้”เขาเสริมอีกว่า“ตั้งแต่แรกเริ่ม พวกเราก็เชื่อฟังแม่นางน้อยกู้มาตลอด ก็ไม่เคยมีผิดพลาดนะขอรับ”“ก็ใช่”ประสบการณ์ในฐานะหัวหน้านักการศาลาว่าการ เป็นได้ไม่ดีเท่ากู้หว่านเยว่“ก็ได้ ท่านนำทาง พวกเราจะเดินตามท่านเอง”ด้วยเหตุนี้ ซุนอู่จึงให้นักการปลุกทุกคนขึ้นมา แล้วให้พวกเขาลุกขึ้นออกเดินทางต่อไปคนอื่นๆ เองก็สัมผัสได้ว่าฝนที่ตกลงมาผิดปกติ ดังนั้นจึงรีบออกเดินทางอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องมีนักการมาเร่งแต่สำหรับตระกูลซูเก่าแล้ว ช่างทุกข์นักหลิวซื่อกำลังอุ้มคนบาดเจ็บเอาไว้ หนักเสียจนก้าวเดินไม่ได้เมื่อมองไปที่เกวียนลาของกู้หว่านเยว่ นางก็ขอร้องเบาๆ“หว่านเยว่ เจ้าว่าให้อาสี่
“รีบเดินเร็วเข้า เร็วหน่อย!”กู้หว่านเยว่รีบพูดกับพวกฮูหยินเหยียนว่า “ฮูหยินเหยียน ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่ง พวกท่านรีบอุ้มเด็กทั้งหมดขึ้นเกวียนของข้าเร็วเข้า พวกเราจะได้เดินทางได้เร็วขึ้น”กู้หว่านเยว่โยนผ้าห่มทิ้งเพื่อให้มีที่ว่างสำหรับเด็กๆ คนตระกูลนี้หลั่งน้ำตาด้วยความขอบคุณ แล้วรีบอุ้มเด็กๆ ขึ้นมาคาราวานฝ่าฟันพายุที่รุนแรง เดินทางอย่างเร่งรีบ และในที่สุด สองชั่วยามต่อมา ก็เห็นแสงสว่างริบหรี่ในความมืด“หมู่บ้าน นั่นคือหมู่บ้าน!”หลังจากถูกฝนกรดกัดผิวมาทั้งคืน ยามนี้ ร่างกายของทุกคนโปะโคลนไม่มีช่องว่า น่าอับอายอย่างยิ่ง อนาถยิ่งกว่าขอทานเสียอีก“มีใครอยู่หรือไม่?”ซุนอู่รีบพาคนไปเคาะประตูบ้านของครอบครัวหนึ่ง ผู้ที่มาเปิดประตูนั้น เป็นชาวนาวัยชราผู้หนึ่ง“ผู้เฒ่า ท่านให้พวกเราพักที่บ้านท่านสักคืนได้หรือไม่ขอรับ?”“ฝนตกหนักเช่นนี้ พวกเจ้ารีบเข้ามาเร็วเถอะ”ชาวนาเฒ่าพยักหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วเชิญให้ทุกคนเข้าไปลานบ้านที่เรียบง่ายของที่นี่ แย่กว่าห้องไร้ราคาของโรงเตี๊ยม แต่ตอนนี้ ห้องห้องนี้มีหลังคา เช่นนี้ทุกคนก็พอใจมากแล้วในขณะที่ทุกคนกำลังจะรีบเข้าไป ทันใดนั้นก็มีเสียงไม่พอใจดั
“ไม่มีทาง พวกเราหนีออกมาได้แล้ว ไม่มีใครจะจับพวกเรากลับไปได้อีก”ฟู่เยียนหรานขมวดคิ้วและพูดว่า“กลับไปข้าจะไปสืบหาตัวตนของพวกเขาทีหลัง พวกเขาอาจจะไม่ได้มาที่นี่เพราะพวกเราก็ได้”“พี่หญิง ข้าก็ยังกลัวอยู่ดี…” ฟู่ซานก้มหัวลง“เจ้ากลัวอะไร? เจ้าลืมไปแล้วว่าตอนที่ข้าเกิดมา ร้อยวิหคก่อเฟิ่งหวง นี่คือสัญลักษณ์ของผู้สูงศักดิ์ ข้าจะต้องก้าวไปข้างหน้าให้ได้ และเหลือเพียงโอกาสนี้โอกาสเดียวเท่านั้น”…เมื่อกู้หว่านเยว่ที่อยู่นอกประตูได้ยิน ดวงตาก็แสดงความประหลาดใจอย่างสุดซึ้ง จากนั้นก็ยกยิ้มออกมานี่ไม่ใช่นางเอกหรอกหรือ?ผู้ที่ถือกำเนิดพร้อมนิมิตหมายอันดีจากท้องฟ้า ไม่ใช่ได้รับนิมิตจากท้องฟ้าเมื่อเธอเกิดมาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากภรรยาของมู่หรงอวี้ ฟู่เยียนหราน ฮองเฮาแห่งต้าฉีในอนาคต!ไม่คิดว่าในหมู่บ้านที่ไร้ชื่อแห่งนี้ จะพบนางเข้าได้ ฟู่เยียนหรานคนนี้เป็นตัวละครที่โหดเหี้ยมคนหนึ่ง นางเป็นลูกที่เกิดจากอนุของอ๋องหนานหยาง ถูกผู้เป็นป้าหมั้นหมายไว้กับผู้บัญชาการที่รับใช้ข้างกายบิดาเสียเพียงที่ผู้บัญชาการคนนั้นนิสัยเลวทราม วันแต่งงานจึงหนีไปกับน้องชายแท้ๆ แต่ได้รับการช่วยเหลือจากมู่หรงอวี้ระหว่
หากซูหัวจวิ้นกล้าหาเรื่องนาง ช่วงนี้นางก็คันไม้คันมือ อยากระบายอารมณ์อยู่พอดีซูจิ่นเอ๋อร์ยังกังวลอยู่เล็กน้อย นับตั้งแต่ที่หลี่ซือซือตายไป ลุงสี่ของนางคนนี้ก็ดูเหมือนจะเสียสติไปแล้วคนบ้าคนหนึ่ง ยากจะรู้ได้ว่าเขาจะทำเรื่องอะไรออกมาบ้าง“พี่สะใภ้ใหญ่ระวังไว้ดีกว่านะเจ้าค่ะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา ท่านตะโกนออกมาแค่คำเดียว ข้าจะรีบไปทุบเขาให้ตายเลยเจ้าค่ะ!”“ไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก เจ้าดูแลตัวเองกับท่านแม่ให้ดีก็พอแล้ว ข้าจะพาพี่ชายเจ้าไปอาบน้ำเสียหน่อย”ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน กู้หว่านเยว่ก็ยกร่างของซูจิ่งสิงขึ้นมาแล้วเดินไปที่ห้องครัวเมื่อเดินเข้าไปในครัว ซูจิ่งสิงก็นั่งลงอย่างช่ำชอง แก้มของเขาแดงก่ำด้วยความเขินอาย“ข้าอาบเองก็ได้”“อ้อ”กู้หว่านเยว่เองก็ไม่ได้คิดจะช่วยเขาอาบเช่นกัน“ข้าจะไปอาบน้ำในมิติ ส่วนท่านอาบข้างนอก อาบไปด้วยก็ระวังคนให้ข้าไปด้วยนะเจ้าคะ”มิติ? นั่นคืออะไร?ซูจิ่งสิงสงสัยนัก เมื่อเห็นว่าหลังจากกู้หว่านเยว่ลงกลอนประตูห้องครัวแล้ว กะพริบตาหนึ่งครั้ง นางก็หายตัวไปทันที“กู้หว่านเยว่!”การหายตัวไปอย่างกะทันหันของผู้หญิงคนนั้น ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดในใจ ถึงกับ
ไม่นาน เจ้าหน้าที่หนุ่มกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาจากนอกประตูเมื่อฟู่เยียนหรานเห็นเจ้าหน้าที่ ใบหน้าก็แสดงสีหน้าหวาดกลัว รีบดึงฟู่ซานไปซ่อนตัวอยู่หลังบ่อน้ำจนกระทั่งแน่ใจว่าเจ้าหน้าที่เหล่านี้ไม่ได้มาตามหาพวกตน นางจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกกู้หว่านเยว่เองก็สังเกตเห็นเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้เช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาหาครอบครัวชาวนานี้เสียมากกว่าเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเตะถาดตากข้าวแล้วบอกว่า “รีบจ่ายค่าภาษีเดือนนี้มาเสีย”ชายชราและครอบครัวยื่นเงินออกไปด้วยสีหน้าเศร้าโศก“แค่ตำลึงเดียวเองหรือ?”“เดือนที่แล้วก็ไม่ใช่แค่ตำลึงเดียวหรอกหรือ?...”ลูกชายของชาวนาปากมากไปสักนิด เจ้าหน้าที่คนหนึ่งจึงผลักเขาลงพื้น ทุบตีอย่างแรงทันที“เดือนนี้ขึ้นแล้ว เป็นสองตำลึง รีบเอามา ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าก็ต้องกินไม่หมด แอบห่อพากลับ[footnoteRef:1]!” [1: เปรียบเทียบกับการ ก่อเรื่องไม่ดีหรือทำให้เกิดเรื่องไม่ดี จำต้องแบกรับ รับผลที่ตามมา มักจะใช้สำหรับตักเตือนคนว่า จะทำเรื่องอะไรอย่าลืมคำนึงถึงผลที่ตามมา] สามีภรรยาคู่ชราร้องขอความเมตตาพลางเอาเงินออกมาหมดบ้าน ในที่สุด พวกเขาก็รีดเอาเงินสองตำลึงออกมาได้“ดี
“ผ่อนคลายไปทั้งตัว”เยียนอวิ๋นชูยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ยว่า แม้ว่าตอนนี้เขายังเดินเหมือนคนปกติไม่ได้ แต่ก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายรู้สึกสบายตัวขึ้นมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนที่ถูกพิษ ไม่รู้สึกกระสับกระส่ายและกดดันอีกต่อไป แม้แต่จิตใจก็ยังเบิกบานขึ้นมาก“ดี เดี๋ยวข้าจะเขียนใบสั่งยาเพื่อบำรุงร่างกายให้ท่าน”หลังจากตื่นแล้ว กู้หว่านเยว่ก็เป็นห่วงความปลอดภัยของซูจิ่งสิงเขามุ่งหน้าไปส่งจดหมายที่เมืองอูถ่านตามลำพัง และไม่รู้ว่าได้พบกับเยียนสือซานหรือไม่เช่นเดียวกับกู้หว่านเยว่ เยียนอวิ๋นชูก็เป็นห่วงความปลอดภัยของพี่ชายของตัวเองเช่นกัน กลัวว่าเขาจะตกหลุมพรางของเหยลวี่เจิงทั้งสองตัดสินใจทันทีว่าจะรับประทานอาหารกลางวันบนรถม้า ตอนนี้พวกเขาจะไปเก็บสัมภาระ มุ่งหน้าไปยังเมืองอูถ่านทันที“ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่ใหญ่จะเป็นอย่างไรบ้าง”สีหน้าของเยียนอวิ๋นชูเป็นกังวล เสี่ยวถ่านจับจ้องไปที่ใบหน้าที่หล่อเหลาจนทั่วหล้าต้องขุ่นเคืองของเขา พลางถามอย่างอ่อนแรง“พี่รอง ควรอำพรางตัวให้พี่รองเยียนด้วยหรือไม่?ท่านดูสิเขาหน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้ ออกไปเดินบนท้องถนนต้องดึงดูดสายตาของผู้คนมากมายเป็นแน่ ทัน
เยียนอวิ๋นชูน่าสงสารนัก กู้หว่านเยว่ก็ใจอ่อนในชั่วพริบตา“เชื่อข้าเถอะ พิษในร่างกายของท่านจะถูกขับออกมาแน่นอน ต่อไปท่านจะไม่สูญเสียการควบคุมอีกแล้วแต่ขาของท่าน เนื่องจากไม่ได้เดินมานานเกินไป อาจต้องใช้เวลาถึงครึ่งปี จึงจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ”“นี่เป็นเรื่องธรรมชาติ”เยียนอวิ๋นชูก็ไม่ได้คาดหวังว่าขาของเขาจะหายดีได้ในชั่วข้ามคืนพิการมานานสิบกว่าปี ได้มีความหวังที่จะยืนขึ้นได้อีกครั้ง สำหรับเขาก็เป็นพรอันยิ่งใหญ่แล้วเขาดื่มยาหม้อหมดในคราเดียวในไม่ช้า ความไม่สบายก็เข้ามาภายในร่างกาย“ยาหม้อนี้มีสรรพคุณในการล้างพิษ ต่อไปท่านอาจจะรู้สึกไม่สบายเล็กน้อย อาจถึงขั้นมีไข้สูง แต่ท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะอยู่เคียงข้างท่าน”กู้หว่านเยว่หยิบเข็มเงินออกมาอย่างเป็นระเบียบขั้นตอน ราวกับว่ามองเห็นเหตุการณ์นี้ไว้ล่วงหน้าแล้วน้ำเสียงสุขุมของนาง ทำให้จิตใจที่ไม่เป็นสุขของเยียนอวิ๋นชูสงบลงมากร่างกายเจ็บปวดมากเกินไป เขาจึงพยายามหลับตาทั้งสอง ข่มความเจ็บปวดนี้เอาไว้เหงื่อเย็นเยียบพรั่งพรูออกมาจากร่างกายของเขาดั่งสายฝนกู้หว่านเยว่ถือผ้าขนหนูไว้ คอยเช็ดเหงื่อให้เขาอย่างอดทน เมื่อพบว่าเขาทนไม่ไ
ความคิดของเยียนอวิ๋นชูเปลี่ยนไปโดยพลัน เขาไม่คิดว่ากู้หว่านเยว่ จะหลอกลวงเขาในเรื่องแบบนี้ แสดงว่าร่างกายของเขาถูกวางยาพิษจริง ๆ และพิษนี้เริ่มตั้งแต่ขาทั้งสองของเขายืนไม่ได้ อย่างน้อยก็สิบกว่าปีแล้วเยียนอวิ๋นชูนึกย้อนกลับไปในหัวใครกันที่สามารถวางยาพิษเขาได้ในช่วงเวลานั้น แต่กลับไม่ได้อะไรเลย เวลามันเนิ่นนานเกินไปแล้วเขารู้ว่า ในขณะนี้สิ่งที่สำคัญไม่ใช่การตามหาคนที่วางยาพิษ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการล้างพิษในร่างกายของเขา“เจ้า เจ้าล้างพิษในร่างกายของข้าได้ไหม?”“ตอนนี้รู้จักขอร้องข้าแล้วหรือ เมื่อครู่ยังหน้าซีดรีบร้อนขับไล่ข้าออกไปมิใช่หรือ?”กู้หว่านเยว่กะพริบตายั่วเย้า ใช้น้ำเสียงหยอกล้อ ทำให้เยียนอวิ๋นชูหน้าแดง แทบจะพาลโกรธเอาดื้อ ๆ อีกครั้ง“เจ้า...”เมื่อเห็นเขากัดริมฝีปาก กู้หว่านเยว่ก็หัวเราะคิกคัก“เอาล่ะ ข้าแค่หยอกล้อท่านเฉย ๆ ข้าสามารถล้างพิษได้ วางใจเถิด”นางปลอมตัวเป็นผู้ชาย ใบหน้าหล่อเหลาอยู่แล้ว ในเวลานี้ได้เผยรอยยิ้มที่น่าหลงใหลออกมาอย่างฉับพลันเยียนอวิ๋นชูตกตะลึงไปชั่วขณะ มองดูใบหน้าที่เปล่งประกายของนาง รู้สึกว่าหัวใจนั้นเต้นแรงเขารีบกุมหัวใจเอาไว้ แล
เซียวหลิ่นหลีกทางให้โดยจิตใต้สำนึก กู้หว่านเยว่กำลังจะจับมือของเยียนอวิ๋นชู แต่ฝ่ายหลังกลับดันรถเข็นถอยหลังอย่างไม่คาดคิดปากก็ยังด่าทอเสียงดัง“ไปให้พ้น ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาสงสารข้า เจ้าเป็นอะไรกับข้าหรือ ปล่อยข้าไว้คนเดียวให้สงบสติอารมณ์สักพัก รีบออกไปให้พ้นเดี๋ยวนี้!”เยียนอวิ๋นชูคำรามลั่น ใบหน้าหล่อเหยเกเล็กน้อย คำพูดที่เอ่ยออกมาแย่มากจนทำให้มุมปากของเซียวหลิ่นกระตุก“คุณชายรอง!”คุณชายรองเกิดลมบ้าหมูอะไรขึ้นมา จอมยุทธหนุ่มท่านนี้เมื่อครู่สามารถใช้เข็มเงินนั่นฆ่าใครก็ได้ มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่านี่คือบุคคลที่มีทักษะทางการแพทย์สูงมาก หวังดีจะช่วยชีวิตเขา เหตุใดเขาถึงยังด่าทออย่างรุนแรง?“จอมยุทธหนุ่ม ขอโทษด้วยจริง ๆ”เซียวหลิ่นรีบขอโทษกู้หว่านเยว่ หวังว่านางจะใจกว้างไม่ถือสาคนต่ำทรามและกู้หว่านเยว่ก็มองดูท่าทางต่อต้านของเยียนอวิ๋นชู ครุ่นคิดเล็กน้อยก็รู้ว่าเขากำลังกังวลเรื่องอะไร“ท่านผู้นี้ ช่างดื้อรั้นเสียจริง!”เขาคงกลัวว่าจะสูญเสียการควบคุมและทำร้ายนาง ดังนั้นเขาจึงพูดจาดุดันเพราะต้องการขับไล่นางออกไป ทั้ง ๆ ที่นัยน์ตานั้นเต็มไปด้วยความกังวล แต่ก็ยังดึงดันที่จะแสร้ง
“เจ้าจะช่วยส่งจดหมายให้พวกข้าหรือ?”เยียนอวิ๋นชูมองไปที่กู้หว่านเยว่อย่างคาดไม่ถึง ดวงตาแจ่มใสทั้งคู่ที่มองไปที่กู้หว่านเยว่ เขาเชื่อมั่นในตัวนางมากจริง ๆ“ไม่ได้ มันจะทำให้เจ้ายุ่งยากเกินไป”เยียนอวิ๋นชูใจเต้นอยู่ชั่วขณะ หันหน้าไปอย่างรวดเร็วอาจเป็นเพราะหลายทศวรรษที่ผ่านมา เขาเคยชินกับการปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยท่าทีเฉยชา ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในเวลาอันสั้นการเอาตัวออกห่าง เป็นวิธีการปกป้องตัวเอง และปกป้องมิตรสหายของเขาด้วยกู้หว่านเยว่ถือโอกาสรับจดหมายของเขามา “เฮ้อ ท่านอย่ามัวชักช้าเลย ฟังจากคำพูดของท่าน พี่ชายของท่านไปที่เมืองอูถ่านแล้ว หากช้ากว่านี้ก็คงไม่ทันกาล เอาจดหมายมาให้ข้า พวกข้าจะไปส่งให้ท่านเอง”เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่โผงผางเช่นนี้ เยียนอวิ๋นชูก็เบิกตาทั้งสองกว้างอย่างตกตะลึง“เจ้า เจ้า...” เขาคงไม่สามารถแย่งจดหมายกลับมาได้อีกแล้วกระมัง?“คุณชายรอง ในเมื่อวีรบุรุษหนุ่มทั้งสองท่านนี้ต้องการช่วยเหลือเรา สู้เราเอาจดหมายให้พวกเขาดีกว่า สถานการณ์เร่งด่วน เราไม่อาจมัวลังเลได้”เซียวหลิ่นที่อยู่ข้าง ๆ รีบเอ่ยขึ้น ความจริงเขาก็กำลังคิดจะขอความช่วยเหลือจากกู้หว่านเยว่ เพีย
จากระดับความรักที่พี่ชายมีต่อเขา ต้องตามราวีซูจิ่งสิงอย่างไม่เลิกราแน่นอนลองคิดดูอีกที ช่วงนี้ใครอีกที่ต้องการยืมมือของพี่ชายเพื่อฆ่าซูจิ่งสิง“เหยลวี่เจิง”ดวงตาของเยียนอวิ๋นชูขรึมลงเล็กน้อย พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “เขาต้องการฆ่าข้า จากนั้นค่อยยืมมือพี่ชายของข้าฆ่าซูจิ่งสิง”กู้หว่านเยว่ตกตะลึงเล็กน้อย เยียนสือซานรับปากเหยลวี่เจิงว่าจะไปฆ่าซูจิ่งสิงตั้งแต่แรกแล้วมิใช่หรือ?หรือว่าเขาจะยังไม่ตอบตกลง!เหยลวี่เจิงจึงเสี่ยงเพราะเข้าตาจน วางแผนที่จะใช้เยียนอวิ๋นชูมายั่วยุความโกรธแค้นระหว่างเขากับซูจิ่งสิง?อย่างนี้เยียนอวิ๋นชูจึงไม่รู้เรื่องอะไรเลยและเยียนสือซานก็ไม่ถือเป็นศัตรูของพวกเขาในขณะนี้“รีบนำปากกาและพู่กันมาให้ข้า ข้าต้องเรียบเรียงจดหมายส่งให้พี่ใหญ่ ไม่ให้เขาตกหลุมพรางของคนอื่นอย่างเด็ดขาด”เยียนอวิ๋นชูรีบขอกระดาษและพู่กันจากองครักษ์ กู้หว่านเยว่ถามด้วยความใคร่รู้“พี่ใหญ่ของท่านอยู่แถวนี้หรือ?”เยียนอวิ๋นชูมองไปที่กู้หว่านเยว่ แม้ว่าสายตาของเขายังคงเย็นชาเหมือนในตอนแรก แต่ที่จริงแล้วในใจของเขามีความเชื่อถือต่อกู้หว่านเยว่ตั้งนานแล้ว“ไม่ใช่ พี่ใหญ่อยู่ในเมืองอูถ่าน”
“โอ๊ย!” ชายที่ลอบโจมตีร้องโหยหวน ก่อนจะล้มลงกับพื้นกู้หว่านเยว่มองไปที่เยียนอวิ๋นชูอย่างประหลาดใจ ไม่คิดว่าเขาจะใช้อาวุธลับและเมื่อพิจารณาจากความแข็งแกร่งของอาวุธลับนี้แล้ว ก็ไม่ได้เป็นรองธนูในมิติของนางดูเหมือนว่าเยียนอวิ๋นชูก็ไม่ใช่คนพิการที่ไร้ประโยชน์เช่นกันชายผู้นั้นล้มลงกับพื้น เมื่อเห็นสหายถูกฆ่าตายหมด ก็โกรธจนกระอักเลือดออกมาเต็มปากเขารู้อยู่แก่ใจว่าสถานการณ์เลวร้ายลงจนไม่อาจแก้ไขได้แล้ว ก่อนจะตะโกนลั่นด้วยสายตาที่ชั่วร้าย“พวกเจ้าสองคนสมควรตาย มาทำลายแผนการของเจิ้นเป่ยอ๋อง ท่านอ๋องจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่!”หลังจากพูดจบ หน้าอกของเขาก็ถูกลูกศรของซูจิ่งสิงเจาะทะลุ หลังจากกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ก็ขาดใจตายในทันใดมองดูร่างของชายผู้นั้น กู้หว่านเยว่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็โกรธจัดนี่มันอะไรกัน? ก่อนตายยังไม่หยุด ยังโยนความผิดมาใส่ตัวพวกเขาอีก!“เจิ้นเป่ยอ๋อง?”สีหน้าของเยียนอวิ๋นชูเปลี่ยนไปตามคาดได้ยินมาว่าที่ครั้งนี้พี่ใหญ่ได้รับเชิญให้ไปทูเจวี๋ย ก็เพื่อช่วยเหลือแม่ทัพเหยลวี่เจิ้งแห่งทูเจวี๋ยในการสังหารเจิ้นเป่ยอ๋องเพียงแต่ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอันใด พี่ใหญ่ถึงไม่ตอบตกลง
“พี่ใหญ่เกิดเรื่อง ข้าจะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร?”คำพูดขององครักษ์เยียนอวิ๋นชูฟังไม่เข้าหูเลย เขาขมวดคิ้วอย่างหนัก แล้วหมุนวงล้อด้านล่างวนรอบห้องเหมือนเดิมนี่คือสีหน้าของเขาเวลาตึงเครียดและในเวลานี้เอง ก็มีคนสองคนวิ่งเข้ามาจากด้านนอกประตู ทั้งคู่สวมเสื้อผ้าสีดำ ถือมีดเล่มใหญ่ไว้ในมือ จ้องมองเยียนอวิ๋นชูตาเป็นมัน“พวกเจ้าเป็นใคร บุกรุกเข้ามาทำไม?”“แหะ ๆ คุณชายรองสกุลเยียนยังมัวกังวลว่าพวกข้าคือใคร สนใจชีวิตของตัวท่านเองก่อนเถอะ” หนึ่งในนั้นยิ้มเยาะเยียนอวิ๋นชูก็ไม่ใช่คนโง่เขลาเช่นกัน เมื่อพิจารณาจากท่าทางของคนทั้งสอง แล้วนึกถึงจดหมายลับที่เขาเพิ่งได้รับมาอย่างไร้ที่มาที่ไป ก็เข้าใจในทันทีว่ามีคนจงใจวางกับดักไว้ต้องการโยกย้ายองครักษ์ที่อยู่ข้างกายเขาไปที่อื่น แล้วค่อยปลิดชีวิตเขา“พวกเจ้าไม่รู้จักตัวตนของข้าหรือ หากพี่ชายของข้ารู้เรื่องนี้ เขาจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปเด็ดขาด”เยียนอวิ๋นชูเกลี้ยกล่อมให้พูดความจริง คนที่บุกเข้ามาอีกคนก็หัวเราะหึหึ “พี่ชายของท่านไม่ใช่มือสังหารอันดับหนึ่งในรายชื่อหรอกหรือ นายของพวกข้าไม่เห็นพี่ชายของท่านอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ”เยียนอวิ๋นชูจับคำสำคัญได้
กู้หว่านเยว่แจ้งรายชื่ออาหารห้าหกรายการติดต่อกัน บริกรดีใจจนยิ้มไม่หุบ“ได้ขอรับ นายท่านกรุณารอสักครู่ อีกครึ่งชั่วยาม ข้าน้อยจะนำอาหารไปส่งที่ห้องพักของนายท่าน”“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”กู้หว่านเยว่ยื่นเงินให้ แล้วหันหลังเดินขึ้นบันไดไปแต่ในขณะที่เดินผ่านห้องพัก กลับได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากข้างใน“...จำไว้นะ ลงมือทันทีที่ฟ้ามืด สังหารเยียนอวิ๋นชูได้เลย”ชื่อที่คุ้นเคยทำให้กู้หว่านเยว่ชะงักฝีเท้า รีบหลบไปแอบฟังอยู่ข้าง ๆ“เจ้าจัดเตรียมข้าวของทุกอย่างพร้อมแล้วหรือยัง?”“จัดเตรียมพร้อมแล้ว ไม่เห็นหรือ นี่คือหนังสือที่เขียนด้วยเลือด ข้าให้คนเขียนเลียนแบบลายมือของเยียนอวิ๋นชู”ชายคนหนึ่งในนั้นกล่าวอย่างภาคภูมิใจแค่เพียงเยียนสือซานได้เห็นหนังสือเลือดเล่มนี้ ก็จะระบุตัวฆาตกรว่าเป็นซูจิ่งสิง แล้วก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเราอีกในใจของกู้หว่านเยว่เริ่มเกิดคลื่นถาโถม ชายสองคนที่วางแผนลับอยู่ในห้องคือใครกัน พวกเขาต้องการฆ่าเยียนอวิ๋นชู ซ้ำยังจะโยนบาปนี้มาให้ซูจิ่งสิงอีก?เพื่อความปลอดภัย กู้หว่านเยว่ไม่ได้บุกเข้าไปในห้อง แล้วจับกุมพวกเขาในทันทีแต่เจาะหน้าต่างอย่างระ