หน้าหลัก / รักโบราณ / ชายาอสรพิษ / ชื่อเสียงเลื่องลือ

แชร์

ชื่อเสียงเลื่องลือ

ผู้เขียน: เสี่ยวหลันฮวา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-12 20:00:53

“อาหลง เจ้าอยู่ที่นี่คอยบ่มเพาะพวกเขา ภายหน้าคนพวกนี้จะเป็นกองกำลังลับของพวกเรา เพราะฉะนั้นจงทำให้เต็มที่ อย่าทำให้ข้าผิดหวัง” หลี่หลิงเฟิ่งเอ่ยเรียกอาหลงอีกหน พร้อมกับหยิบผลสัมฤทธิ์ที่บังคับขู่เข็ญมาจากเสี่ยวมู่มาหนึ่งตะกร้า ดีที่นางให้เสี่ยวมู่นำออกมาเพื่อเอาไว้ขายแต่เนิ่นๆ ตอนนี้จึงพอให้กองกำลังต้นกล้าของนางใช้ทันเวลา

“ข้าเป็นองครักษ์ ทิ้งเจ้านายไปไหนมาไหนตามลำพังไม่ได้” อาหลงไม่เห็นด้วย เมืองหลวงอันตราย ไม่มีคนคอยคุ้มครอง เขาไม่วางใจ

“ข้าดูแลตัวเองได้ อีกอย่างสำนักศึกษาหลวงห้ามนำคนเข้าไป เจ้าดูแลต้นกล้าเหล่านี้ก็ทำเพื่อข้าเหมือนกัน ต่อไปคนพวกนี้จะเป็นคนใต้อาณัติของเจ้า หากมีวันหนึ่งเจ้าไม่อาจปลีกตัวมาอยู่ข้างกายข้า เจ้ายังสามารถส่งพวกเขาบางส่วนมาแทนได้” หลี่หลิงเฟิ่งเอ่ยอย่างใจเย็น

อาหลงกำลังแย้ง แต่หลี่หลิงเฟิ่งเอ่ยปรามเสียก่อน “เจ้าอย่าเพิ่งปฏิเสธ ตอนนี้ศัตรูของข้าไม่ได้มีแค่คนของตระกูลหลี่ แต่ยังมีมือมืดที่มองไม่เห็น ข้าต้องการกองกำลังจริงๆ เจ้าช่วยข้าได้หรือไม่”

อาหลงทำเสียงฮึดฮัด แต่ก็ยอมเงียบลง หมา

บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายาอสรพิษ   หลี่หลิงเฟิ่งไม่ใช่ขยะ

    พริบตาเดียวก็เป็นวันใหม่ หลี่หลิงเฟิ่งมองคนนับพันยืนต่อแถวรอทดสอบพลังอยู่หน้าประตูสำนักศึกษาหลวง ยาวสุดลูกหูลูกตา อย่างว่าล่ะใครใช้ให้เหล่าอาจารย์ที่มีชื่อเสียงทุกแขนงในอาณาจักรกระจุกอยู่ที่แคว้นหลิวอวิ๋นกันหมด สำนักศึกษาหลวงแคว้นที่เหลือต่างต้องยอมปิดตัวลง หันมาระดมทุนกับแคว้นหลิวอวิ๋นแทนได้ชื่อว่าสำนักศึกษาอันดับหนึ่ง แต่การจัดการห่วยไปนะหลี่หลิงเฟิ่งกลอกตาในใจ เปิดรับศิษย์วันเดียว ไม่มีสอบคัดเลือกก่อน ไม่มีจดหมายแนะนำ ใครอยากทดสอบก็ได้หมด คนมันถึงล้นอย่างนี้ไง รอทั้งวันจะถึงคิวไหมก่อน แน่นอนว่าคนใจเย็นอย่างนางแค่นี้รอได้...เสียที่ไหนล่ะ นางเดินถือราชโองการของฮ่องเต้ยื่นให้ผู้ทดสอบโดยไม่เอ่ยสักคำทางตรงไม่สู้ทางลัด“มัวยืนเซ่ออะไรอยู่ตรงนี้ ไม่เห็นหรือว่าคนต่อแถวยาวเหยียด อยากทดสอบก็ไปต่อแถว” เจ้าหน้าที่โบกมือไล่ “ไม่รู้จักกฎระเบียบ”“ท่านจะไม่ดูหน่อยหรือ” หลี่หลิงเฟิ่งโบกราชโองการสีเหลืองทองตรงหน้าไปมา วาจาเรียบเรื่อย“ไม่อยากเข้าเรียนก็ถอยออกไป อย่ามาเกะกะ” เจ้าหน้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-13
  • ชายาอสรพิษ   แย่งตัวคน

    “น้อยคนนักที่กล้าทดสอบพลังกับแท่นวิญญาณ เจ้าเป็นคนแรกในรอบสิบปีที่ผ่านการทดสอบ หนำซ้ำยังมีคุณสมบัติเต็มสิบส่วน” เจ้าหน้าที่มองแท่นวิญญาณที่ถูกทำลายจนต้องกลืนน้ำลายหลายครั้ง หากลำดับในแท่นวิญญาณมีมากกว่านี้ เกรงว่าพลังยุทธ์ของหลี่หลิงเฟิ่งคงไต่ขึ้นได้อีก ทำเอาเขาอดเสียดายขึ้นมาไม่ได้สายตาที่มองหลี่หลิงเฟิ่งอ่อนโยนขึ้นหลายเท่าเหล่าอาจารย์ได้ยินเสียงถล่มจึงเร่งรุดมาออกันหน้าประตู ทันเห็นหลี่หลิงเฟิ่งเปิดเผยพลังยุทธ์บางส่วน นอกจากคนของหอโอสถที่รู้ตื้นลึกหนาบางของหลี่หลิงเฟิ่งอยู่บ้าง คนอื่นล้วนงุนงงอย่างไรก็ตาม คนเก่งไม่สนภูมิหลัง ในเมื่อเด็กสาวตรงหน้าพวกเขามีคุณสมบัติยอดเยี่ยมย่อมต้องแย่งตัวมาเป็นของพวกตนให้ได้“เอ่อ หลิงเฟิ่งครั้งก่อนเจ้าเป็นแขกของเจ้าสำนักเรา หอโอสถไม่อาจนิ่งดูดายได้ ไม่ว่าเจ้าจะเลือกเข้าฝากตัวกับหอใด ชื่อของเจ้าก็ยังจะแขวนอยู่ในหอโอสถ พวกเราอ้าแขนต้อนรับเจ้าทุกเมื่อ” หู่กวงหรือผู้อาวุโสแปดเอ่ยขึ้นคนแรก ทั้งตื่นเต้นทั้งขลาดกลัว พูดออกมาไม่เป็นประโยค เขาไม่มีความกล้ารับอาจารย์อาเข้ามาเป็นศิษย์ ทุกการ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-13
  • ชายาอสรพิษ   พ่อสามีตัวตึง

    ต้นยามซื่อ รุ่ยกงกง ขันทีประจำตัวฮ่องเต้เฉินคังนำรถม้ามารับหลี่หลิงเฟิ่งด้วยตนเอง หลี่หลิงเฟิ่งขึ้นไปนั่ง รอจนกระทั่งด้านในรถม้าไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาจึงออกเดินทาง หลี่หลิงเฟิ่งคิดว่าฮ่องเต้เฉินคังต้องการหาเรื่องนาง ความอิจฉาริษยาทำคนตายไวขึ้นได้รถม้าแล่นไปไม่นานก็มาจอดใกล้ห้องทรงพระอักษร ความจริงนางเดินมาเองได้ พระราชวังใกล้เพียงนี้ แต่รุ่ยกงกงให้เหตุผลว่านางเข้าวังครั้งแรกไม่คุ้นทาง ฝ่าบาทจึงส่งเขามารับเข้าวังเพื่อความสะดวกว่าที่พ่อสามีคนนี้มีเมตตาหรือเสแสร้งกันแน่ ไว้ใจให้นางเข้ามาในห้องทรงพระอักษรตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน ไม่ใช่ว่าเป็นเขตหวงห้ามหรอกหรือ หลี่หลิงเฟิ่งคิดหนักทั้งคืนช่างเถอะ เข้าไปก็รู้เอง“ลูกสะใภ้ เจ้ามาแล้วหรือ” เสียงสรวลบนเก้าอี้ดังชัดถึงหน้าประตู เมื่อเห็นสาวน้อยหน้าตางดงามเดินเข้ามารอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งอบอุ่นหลี่หลิงเฟิ่งยอบกายคำนับเรียก ‘ฝ่าบาท’ เสียงเบา ในใจแอบบ่น ยังไม่ทันแต่งเข้าก็เรียกสะใภ้เต็มปากเต็มคำแล้ว“ไม่ต้องมากพิธี” ฮ่องเต้เฉินคังทำท่าจับจูงให้นางนั่งลงบนเก้าอี้ที่จัดไว้ให้ บนโต๊ะมีอาหารที่นางชอบเตรียมไว้หลายอย่าง ตอนนี้เองนางถึงมีเวลาสังเกตอย่างละ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-14
  • ชายาอสรพิษ   ลอบสังหาร

    ขบวนรถม้าของหลี่หลิงเฟิ่งพร้อมขันทีออกจากวังหลวงก็เป็นเวลาสายมากแล้ว ช่วงเวลานี้ผู้คนต่างตื่นมาทำหน้าที่ประจำวันของตนเองกันหมด ถนนสายอื่นจึงคึกคักไม่น้อย เช่นเดียวกับสำนักศึกษาหลวงที่คนส่วนใหญ่ย่อมศึกษาอยู่ในหอและโถงเรียนรวมกันแทบทุกคน ละแวกใกล้ๆ นี้นับรวมพวกหลี่หลิงเฟิ่งแล้วมีคนอยู่ข้างนอกไม่ถึงยี่สิบคนหลี่หลิงเฟิ่งไม่จำเป็นต้องเข้าเรียน จึงบอกสารถีชั่วคราวให้เปลี่ยนเส้นทางไปยังป่าทึบด้านหลังหอฝึกอสูรอันเป็นแหล่งอาศัยของเหล่าสัตว์อสูร เนื่องจากป่ามีพื้นที่ขนาดใหญ่ ทางเข้าจึงมีหลายทาง สารถีขับรถม้าเลือกทางเข้าที่ใกล้วังหลวงที่สุด ซึ่งไกลจากด้านหน้าสำนักศึกษาหลวงที่สุดเช่นกันยิ่งเข้ามาลึกเท่าไหร่คนบนถนนยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ เส้นทางเริ่มเปลี่ยวจนถึงตอนนี้นอกจากพวกนางก็ไม่พบใครอื่น รถม้าเริ่มแล่นช้าลง หลี่หลิงเฟิ่งที่นั่งเอกเขนกอยู่ด้านในสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากล กำลังจะร้องเตือนสารถีและขันทีคุ้มกัน ปรากฏว่ารถม้าหยุดกึกเสียนี่เสียงสวบสาบจากพงหญ้าข้างถนนดังขึ้นหลายครั้ง พร้อมได้ยินเสียงตะโกนจากผู้คุ้มกันและเสียงชักกระบี่กลางอากาศดังลอดเข้ามา“มีมือสังหาร!”สัตว์อสูรทั้งสองออกมาจากมิติมา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-14
  • ชายาอสรพิษ   สถานการณ์ที่ล้มเหลว

    “อีกไกลไหมกว่าจะถึงเขตสัตว์อสูร” ยันต์คืนฟ้าขั้นต่ำประสิทธิภาพย่ำแย่ พวกนางโผล่มายังป่าทึบไม่ไกลจากถนนมากนัก แถมผู้คุ้มกันทั้งสี่บาดเจ็บค่อนข้างหนัก จำต้องหยุดพักเป็นระยะ“พวกเราไม่เคยผ่านทางนี้มาก่อนขอรับ” เหล่าขันทีส่ายหน้า พลางกินยาลูกกลอนกลืนวิญญาณและลูกกลอนสะกดสำนึกที่หลี่หลิงเฟิ่งให้มา เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ พวกเขาต่างมองหลี่หลิงเฟิ่งในมุมมองใหม่ นั่งพักสักครู่จึงเดินกันต่อว่าที่พระชายาจะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร อันใดดีนางล้วนมีหมด แถมยังเผื่อคนของนางโดยไม่ตระหนี่เลยสักนิดในป่าทึบมีหมอกหนา มองเห็นข้างหน้าไม่ชัดเจน พวกนางเดินหลงในนี้ราวครึ่งชั่วยาม ไม่รู้ว่าตนเองอยู่ส่วนไหนของป่า อีกทั้งไม่กล้าหยุดพักนานเกินไป เสียงฝีเท้าที่อยู่ห่างไกล ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หลี่หลิงเฟิ่งเห็นท่าไม่ดีจึงเสนอความคิด“พวกเราแยกกันหนี” ทั้งกลุ่มแยกกันเป็นสามทาง โดยมีหลี่หลิงเฟิ่งแยกออกมาคนเดียว ผู้คุ้มกันกลัวว่าจะเป็นตัวถ่วงของเจ้านายจึงจับคู่กันหนี‘นายท่าน ทางนี้’ หลี่หลิงเฟิ่งวกกลับทางเดิมตามที่ถ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-15
  • ชายาอสรพิษ   จุดจบของคนประมาท

    “เหอะๆ อย่าเพิ่งดีใจไป” เสียงหวานใสดังเข้าโสตประสาทจากข้างหลัง ร่างของหัวหน้ามือสังหารแข็งทื่อ หันกลับไปมองด้านหลัง ทว่าไม่ทันการณ์ พลังยุทธ์สองธาตุรวมเป็นหนึ่ง ผลักเขากระเด็นเข้ากับลำต้นไม้ที่ห่างออกไปหลายจั้งจอมทำลายล้าง!“นี่มันวิชาพิสดารอันใด” หัวหน้ามือสังหารกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว ดวงตาเบิกโพลงมองหลี่หลิงเฟิ่งอย่างไม่เชื่อสายตา“แน่นอนว่าข้าคนเดียวสู้พวกเจ้าไม่ได้ แต่หากมีข้าอีกห้าคนเล่า” ต้องขอบคุณศัตรูที่ทำให้นางจนตรอก ระหว่างสู้ไม่พร้อมยอมตาย ทำให้จู่ๆ ก็จับทางวิชาเพลิงพิรุณลืมเลือนจนฝึกขั้นแรกสำเร็จสลายร่างรวมเป็นหนึ่ง ความหมายเป็นแบบนี้เองร่างที่เหลือของนางสอดคล้องตามจิตสำนึก ออกกระบวนท่าไม่ซ้ำกันแม้แต่น้อย ต่อให้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นนภาก็ต้องหลีกหนีเพิ่งขั้นหนึ่งยังขนาดนี้ นางอยากรู้ขึ้นมาบ้างแล้วว่าหากไปถึงขั้นเจ็ดจะแยกได้กี่ร่าง วิชานี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!ฟึ่บๆๆๆๆเหล่าลูกบอลไฟลาวาเพลิงสะเก็ดไฟจากฟากฟ้าเกลียวคลื่นแห่งไฟ ตีแสกหน้าของเขา ระ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-15
  • ชายาอสรพิษ   พบคนงามใต้อ่างน้ำ

    ตำหนักในแห่งวังหลังลมหนาวเย็นยะเยือกพัดผ่านตำหนักหรูหราหลังหนึ่ง เหล่าขันทีนางกำนัลรับใช้ถูกไล่ออกจากตำหนัก เพลานี้เหลือเพียงสตรีงดงามทรงภูมิฐานนางหนึ่งนั่งอยู่บนพื้นเงยหน้ามองผู้มา ตำหนักที่ตกแต่งอย่างประณีตเมื่อกาลก่อน เละเทะจากการบันดาลโทสะของผู้มาใหม่“ครั้งก่อนข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าอย่ายุ่งกับนาง แต่เจ้ากลับไม่ฟังคำเตือนของข้า ส่งคนไปลอบสังหารนาง” น้ำเสียงเรียบนิ่งจนน่าขนลุก มือข้างหนึ่งบีบคอนางจนเลือดบนขมับของเจ้าของตำหนักปูดโปน อ้าปากพยายามหอบอากาศเข้าไป“นางสมควรตาย!” นางเหลือกตามองคนตรงหน้า สองมือกำแขนอีกฝ่ายแน่น เค้นเสียงแหบแห้งกล่าวแรงบีบแน่นขึ้นตามอารมณ์ของเขา ยกยิ้มเหี้ยมตอบ “หากต้องการท้าทายความอดทนของข้า เจ้าจะลองแตะต้องนางอีกครั้งก็ได้”เมื่อเห็นสตรีในกำมือเริ่มชักกระตุก ใบหน้าไร้สีเลือด เขาจึงยอมผละมือออก หยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งจากอกเสื้อมาเช็ดอย่างประณีต“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะทำอะไรในวังแห่งนี้ แต่หากล้ำเส้นข้าล่ะก็...ตำแหน่งของเจ้าคงถึงเวลาหาคนมาแทนที่แ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-16
  • ชายาอสรพิษ   อยู่ก่อนแต่ง

    “สตรีใจดำ ใช้ความรุนแรงในครอบครัว” โม่จื่อหลิงทำท่าทางน้อยใจ มือข้างหนึ่งกุมหน้าซีกซ้ายของตน“ท่านจะออกไปดีๆ หรือให้ข้าถีบส่ง” หลี่หลิงเฟิ่งที่ตอนนี้เปลี่ยนมาอยู่ในชุดลำลอง ผมเปียกชื้นลู่ลงถึงบั้นเอว หยดน้ำบนผมยาวดำขลับราวน้ำหมึกหยดติ๋งๆ ตามพื้น กระทบจิตใจคนมองจนคันยุบยิบ อยากหยิบผ้าแห้งช่วยเช็ดผมให้นางใจจะขาด“ฝ่าบาทมีราชโองการอนุญาตให้พวกเราศึกษาดูใจกัน...” โม่จื่อหลิงมองร่องรอยเปียกชื้นตามชุดแนบเข้ากับลำตัว หวนนึกถึงฉากวาบหวามในห้องอาบน้ำ ใบหูแดงเถือก ภายในกายร้อนรุ่มขึ้นมาอีกหน ชายหนุ่มรีบเสมองไปทางอื่นด้วยกลัวจะหักห้ามใจตนเองไม่ได้“อยู่ด้วยกัน ไม่จำเป็นต้องนอนห้องเดียวกัน บนชั้นนี้มีอยู่หลายห้อง ท่านเลือกก็มาสักห้อง” หลี่หลิงเฟิ่งหัวเราะเสียงเย็น มองท่าทางเก้กังของอีกฝ่ายก็รู้ว่าในใจของบุรุษเพศคิดสิ่งใดอยู่นางอยากจะตบอีกสักป๊าบจะได้หลาบจำ“แต่ข้าอยากนอนกับเจ้า” ชัดเจนตรงประเด็นหลี่หลิงเฟิ่งตกตะลึง คำพูดหยาบโลนเช่นนี้ก็พูดออกมาอย่างไม่อายปาก นางโกรธจัดพ่นคำไม่น่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-16

บทล่าสุด

  • ชายาอสรพิษ   ช่วยเหลือ

    ณ เมืองหลวงของแคว้นหลิวอวิ๋นเสียงการต่อสู้ยังคงดังกึกก้อง เปลวเพลิงโหมลุกไหม้ตามแนวกำแพง เสียงคำรามของผู้บุกรุกประสานกับเสียงอาวุธที่กระทบกันอย่างดุเดือดสวีคุนเจ้าสำนักหอแพทย์โอสถ กำลังรักษาผู้บาดเจ็บพลางออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม "อย่าปล่อยให้พวกมันทะลวงเข้ามาได้ ต้านไว้สุดกำลัง"ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆ และเจ้าหน้าที่ทหารรวมกำลังกันอย่างสุดความสามารถ แต่จำนวนศัตรูที่มีกองกำลังมือสังหารชั้นสูงกลับยังคงท่วมท้นทันใดนั้นเอง แสงสีฟ้าก็ปรากฏขึ้นกลางสมรภูมิ เสียงลมกรรโชกดังขึ้นพร้อมกับร่างของหลี่หลิงเฟิ่ง โม่จื่อหลิง และจวินชางหลางที่ปรากฏตัวออกมา"พวกเรากลับมาแล้ว!" จวินชางหลางร้องลั่น พลางสะบัดดาบเล่มใหม่ในมืออย่างฮึกเหิม "ใครอยากโดนฟันก่อน มาเลย!""ทุกคนปลอดภัยดีหรือไม่" หลี่หลิงเฟิ่งตะโกนถามพลางฟาดแส้เพลิงออกไป เผาผู้บุกรุกที่พุ่งเข้ามาสวีคุนยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ "พวกเจ้ามาทันเวลาพอดี ฝั่งนั้นมีมากเกินไป พวกเรากำลังต้องการกองกำลังเสริมอย่างยิ่งยวด""ท่านวางใจ ข้าจะทำให้ศัตรูจำชื่อพวกเราไปตลอด" จวินชางหลางหัวเราะเสียงดัง เลือดร้อนไม่ลดละจากการต่อสู้ที่ต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน"งั้นข้าจะช

  • ชายาอสรพิษ   ความเปลี่ยนแปลง

    "อะไรเนี่ย ทำไมรากไม้พวกนี้มันมีชีวิตล่ะ แม่จ๋า ช่วยลูกด้วย" จวินชางหลางตะโกนพลางถอยหลบ ขณะที่รากไม้สีดำเลื้อยมาทางเขาดาบกลืนวิญญาณในมิติมายาของหลี่หลิงเฟิ่งยังคงสั่นสะท้าน ราวกับพยายามเตือนบางสิ่ง นางหอบหายใจ ดวงตาคมกริบจับจ้องไปยังใจกลางห้องโถงที่บัดนี้เต็มไปด้วยพลังมืด แท่นบูชาที่พังครึ่งหนึ่งพลันแตกออก เผยให้เห็นโลงศพสีดำสนิทที่ถูกพันธนาการไว้ด้วยรากไม้หนาทึบ นางเดินเข้าไปใกล้โลงศพที่ยังคงปล่อยไอสังหารออกมา"ระวังนะ!" จวินชางหลางร้องเตือน แต่หลี่หลิงเฟิ่งยื่นมือออกไปแตะรากไม้ที่พันรอบโลงศพ ถึงกับเป็นโลกศพฮ่องเต้รุ่นที่หนึ่งทันใดนั้น เส้นแสงสีดำพุ่งออกมาจากรากไม้ เสียงคำรามต่ำสะท้อนก้อง รากไม้ราวกับมีชีวิตฉุดกระชากไปทั่วโลงศพเปิดออกอย่างช้าๆ กลิ่นเน่าเหม็นโชยกระจายไปทั่วห้องโถง ร่างของฮ่องเต้ตงเยว่ที่เคยหลับใหลปรากฏให้เห็น ผิวหนังซีดเผือด ดวงตาที่ควรปิดสนิทพลันเปิดออก เผยให้เห็นแสงสีดำวาววับ"มันตื่นขึ้นแล้ว!" โม่จื่อหลิงกล่าวเสียงหนัก ขณะกระชับกระบี่ในมือแต่ก่อนที่ใครจะทันได้ขยับ รากไม้สีดำพุ่งขึ้นฟ้า ก่อนจะแตกกระจาย เสียงกระดูกดังลั่น ไม่ใช่แค่จักรพรรดิตงเยว่ แต่ศพของทหารและข

  • ชายาอสรพิษ   ค้นพบ

    จวินชางหลางกระเด็นกลิ้งหลายตลบก่อนจะยันตัวลุกขึ้นมา มองรอบด้านอย่างไม่สบอารมณ์ สถานที่เบื้องหน้านั้นเต็มไปด้วยซากหินและพื้นผนังที่ปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำ“ที่นี่มัน...ใต้ดินหรือ” หลี่หลิงเฟิ่งกวาดตามองอย่างระแวดระวัง“ข้าหวังว่ามันจะไม่ใช่กับดักอะไรอีกนะ” จวินชางหลางโอดครวญ “ฟ้าไม่มีตา ไม่เข้าข้างข้าบ้างเลย”ทั้งสามคนเดินลึกเข้าไปในโพรงใต้ดิน เส้นทางทอดยาวราวกับไม่มีที่สิ้นสุด เสี่ยวจูจูที่เกาะอยู่บนบ่าหลี่หลิงเฟิ่งส่งเสียงครางเบาๆ อย่างไม่สบายใจ“มันรู้สึกอะไรบางอย่าง” หลี่หลิงเฟิ่งเอ่ยเบาๆ นางยกมือขึ้นลูบหัวเสี่ยวจูจูเพื่อปลอบ “ระวังตัวไว้”ภายในมิติมายาของนางกลับเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่คาดคิด ดาบกลืนวิญญาณ ที่ปักนิ่งอยู่กลางทุ่งมายาพลันสั่นสะท้าน เสียงหวีดแหลมต่ำ เส้นแสงสีดำปะทุจากคมดาบราวกับมีสิ่งเร้นลับพยายามฉุดกระชากมันให้หลุดจากพันธนาการ“ไม่... ไม่ดีแล้ว!” เสี่ยวมู่ร้อง ดวงตาสีครามของมันเบิกกว้างหลี่หลิงเฟิ่งเม้มปาก มองสภาพแปรปรวนในมิติของนาง ที่พื้นดินซึ่งเคยนิ่งสงบกลับแตกออก เผยให้เห็นแสงสีเทาหม่นที่หมุนวนราวกับวงกตแห่งวิญญาณในจุดนั้นมีวัตถุสีมืดสนิทลอยเด่นอยู่กลางอากาศ มั

  • ชายาอสรพิษ   ทำลายตงเยว่

    บุกแคว้นตงเยว่เปลวไฟลุกโชนสูงตระหง่าน วังหลวงของแคว้นตงเยว่ที่เคยโอ่อ่ากลายเป็นสนามรบ เปลวเพลิงจากของหลี่หลิงเฟิ่งเผาผนังไม้สักทองคำจนแตกเปรี๊ยะ เสียงกรีดร้องของทหารแคว้นตงเยว่ดังระงมจวินชางหลางหัวเราะเสียงดัง ขณะฟาดฟันศัตรูที่ขวางหน้า "นี่แหละที่ข้ารอคอยมานาน วังนี้ข้าเห็นแล้วยังอยากเผาเล่น"ทหารของแคว้นตงเยว่ล้มตายลงทีละคน ซากศพกองเรียงรายจนแทบไม่มีทางเดิน หลี่หลิงเฟิ่งมองซากปรักหักพังอย่างเยือกเย็น "วังโอ่อ่าขนาดนี้ วันนี้ก็ถึงคราวต้องมอดไหม้ไปพร้อมกับบาปของมันแล้ว""เจ้าคิดจะทำลายทุกอย่างจริงๆ หรือ ง่ายไปหน่อยกระมัง" เสียงหนึ่งดังขึ้นจากเบื้องบน ร่างสูงสง่างามในชุดมังกรสีทองปรากฏตัวท่ามกลางเงาเปลวเพลิง ฮ่องเต้แห่งแคว้นตงเยว่ ดวงหน้าคมคายที่เปี่ยมด้วยอำนาจแฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม"ข้ารู้จักสมญานามของพวกเจ้ามาบ้าง หญิงชั่วร้ายกับชายคู่หมั้นหน้าโง่ แต่กลับถูกยกย่องให้เป็นความภาคภูมิของแคว้นหลิวอวิ๋น"หลี่หลิงเฟิ่งเลิกคิ้วแปลกใจ ไม่คิดว่าพวกนางจะมีฉายาเช่นนี้ด้วย โด่งดังไม่เบาเลยหนา ฮ่องเต้ตงเยว่หัวเราะ "เจ้าคิดว่าการเผาวังหลวงของข้าจะทำให้แคว้นหลิวอวิ๋นพ้นภัยหรือ ช่างเป็นความคิดตื

  • ชายาอสรพิษ   ตั้งรับ

    กองกำลังขันทีผู้ซื่อสัตย์ของฮ่องเต้ ซึ่งได้รับการฝึกฝนให้ปกป้องวังหลวงมาตั้งแต่เยาว์วัย ยืนหยัดต้านทานคนชุดดำอย่างสุดชีวิต ถึงแม้พลังยุทธ์ของพวกเขาจะด้อยกว่าศัตรูมากนัก แต่ด้วยความภักดีที่ฝังแน่นในหัวใจ พวกเขาไม่มีวันปล่อยให้ราชวงศ์หลิวอวิ๋นล่มสลายไปต่อหน้าต่อตา"ถ้าจะตาย ก็ให้ตายเพื่อฝ่าบาท!" หัวหน้าขันทีตะโกนลั่น เสียงของเขาแฝงด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมพ่ายแพ้เสียงดาบกระทบกันดังสนั่น ขันทีผู้หนึ่งฟาดดาบเข้าใส่คนชุดดำ แต่กลับถูกพลังยุทธ์มหาศาลกระแทกจนล้มลง เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วพื้นหิน"อย่าปล่อยให้พวกมันเข้าใกล้ฝ่าบาท!" หัวหน้าขันทีตะโกนอีกครั้ง ก่อนจะพุ่งตัวไปขวางคนชุดดำที่พยายามบุกเข้ามาฮ่องเต้ที่ยังทรงยืนอยู่ด้วยพระวรกายที่บาดเจ็บสาหัส ดวงเนตรของพระองค์เคร่งขรึมแต่เปี่ยมด้วยความเด็ดเดี่ยว แม้พระโลหิตจะไหลซึมจากบาดแผลที่พระอุระ แต่พระองค์ไม่คิดจะล่าถอยหยวนกุ้ยเฟยยืนมองภาพนั้นด้วยความสะใจ ใบหน้าของนางฉายแววบ้าคลั่ง "ฝ่าบาทยังดื้อรั้นเช่นเคย... แต่ครั้งนี้ข้าจะทำให้ท่านสิ้นสิ้นลมหายใจไปพร้อมกับบัลลังก์ที่ท่านหวงแหนนัก!"ดวงตาของนางเรืองแสงด้วยพลังพิษสีดำที่แผ่ออกมาจากปลายนิ้ว นางสะ

  • ชายาอสรพิษ   เมล็ดพันธ์ุแห่งความสงสัย

    "โจมตีที่แก่นพลังในกะโหลก พวกมันจะฟื้นตัวไม่ได้ถ้าแก่นนั้นถูกทำลาย" เสียงสั่งการของหลี่เฟยหยางดังขึ้นท่ามกลางเสียงคำรามของสัตว์อสูรเน่าเปื่อยที่น่าสะอิดสะเอียน หลี่หลิงเฟิ่งที่กำลังฟาดแส้เพลิงใส่สัตว์อสูรตนหนึ่งถึงกับชะงัก นางหรี่ตาจ้องมองหลี่เฟยหยางที่ดูมั่นใจในการโจมตีราวกับรู้จุดอ่อนของพวกมันดีราวกับฝ่ามือตัวเอง"ทำลายแก่นพลังงั้นหรือ" หลี่หลิงเฟิ่งพึมพำเบาๆ ก่อนจะหันไปสบตาโม่จื่อหลิง "ลองทำดู!"โม่จื่อหลิงไม่รีรอ เขาพุ่งเข้าใส่สัตว์อสูรตัวหนึ่งราวกับพายุ กระบี่ในมือเปล่งประกายสีเงินวาววับ ปลายกระบี่พุ่งตรงเข้าหากะโหลกของมันอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เสียงแตกดังลั่นเมื่อแก่นพลังถูกทำลาย ร่างของมันล้มลงกับพื้นและสลายกลายเป็นผุยผงในชั่วพริบตา"ได้ผลจริงๆ ด้วย!" หลูหวั่นชิงตะโกนขึ้นด้วยความดีใจ นางกวัดแกว่งพัดเหล็กในมือ สร้างกระแสลมเพลิงพุ่งตรงเข้าใส่กะโหลกของสัตว์อสูรอีกตัว เผาไหม้แก่นพลังจนแตกละเอียดแต่หลี่หลิงเฟิ่งกลับไม่ได้รู้สึกโล่งใจ ดวงตาคู่งามของนางจับจ้องหลี่เฟยหยางที่ยังคงต่อสู้อย่างดุดัน ร่างสูงสง่างามของเขาขยับอย่างแม่นยำและมั่นใจราวกับนักล่าที่ชำนาญ สายตาของนางแฝงไว้ด้วยความส

  • ชายาอสรพิษ   ทางรอด

    การต่อสู้ในสุสานสัตว์อสูรยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด พลังยุทธ์และอาวุธหลากชนิดพุ่งเข้าใส่ร่างสัตว์อสูรเน่าเปื่อยเหล่านั้นครั้งแล้วครั้งเล่า แต่กลับไม่ได้ผลเท่าที่ควร ทุกครั้งที่พวกมันล้มลง มันกลับลุกขึ้นมาใหม่ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด“พวกมันมีแต่มากไม่มีลดลงเลย ขืนแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่ เราต้องออกจากที่นี่โดยด่วน” หลูหวั่นชิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรน นางใช้พัดเหล็กในมือกวาดเปลวไฟออกไป เผาสัตว์อสูรตัวหนึ่งจนมอดไหม้ แต่เพียงครู่เดียว ร่างที่ไหม้เกรียมนั้นก็กลับมาฟื้นคืนและกระโจนเข้ามาอีกครั้ง“ทางออกอยู่ไหนกันล่ะ สู้มาจะค่อนวันแล้วข้ายังไม่เห็นว่าจะมีสักแม้เงา” จวินชางหลางตะโกนกลับ เสียงของเขาแฝงด้วยความเหนื่อยล้า กระบี่ของเขาเปื้อนเลือดสัตว์อสูรจนไม่เหลือเค้าเดิมหลี่หลิงเฟิ่งเบี่ยงตัวหลบกรงเล็บของสัตว์อสูรตัวหนึ่งที่ฟาดลงมา นางสะบัดแส้เพลิงในมือออกไป เปลวไฟสีแดงฉานลุกโชนขึ้น เผาร่างของมันจนแตกสลาย แต่ในเวลาเดียวกัน นางก็ใช้สายตาสำรวจพื้นที่รอบตัว“ถ้าค่ายกลนี้ถูกทำลายแล้ว พวกมันไม่ควรถูกยึดติดกับพื้นที่นี้อีก ล่อพวกมันกระจายตัวออกไปก็สิ้นเรื่อง พวกมันถูกดึงดูดจากต้นไม้แห่งชีวิต ตอนนี้ไม่มีเหลือแ

  • ชายาอสรพิษ   กับดักใจกลางป่า

    กลุ่มของหลี่หลิงเฟิ่งติดตามคำบอกเล่าของนุ่มนิ่มมาตลอดทางจนกระทั่งมาถึงจุดหมายเบื้องหน้า สิ่งที่พวกเขาเห็นคือปากถ้ำขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนซ่อนตัวอยู่ภายในเงาไม้หนาทึบ ถ้ำนี้ดูไม่ต่างจากที่หลี่หลิงเฟิ่งได้ยินจากคำรายงานของนุ่มนิ่มเหลียนฉือกงและเหลียนฉู่ฉู่นั่งพิงกันอยู่หน้าถ้ำ ดวงหน้าซีดเซียวและเต็มไปด้วยร่องรอยบาดแผลของการต่อสู้ เหลียนฉือกงมีบาดแผลใหญ่ที่สีข้าง ขณะที่เหลียนฉู่ฉู่กุมป้ายหยกแน่นราวกับไม่อาจปล่อยจากมือ“ข้าเจอพวกเขาแล้ว” หลูหวั่นชิงชี้ไปยังสองพี่น้องแคว้นเหลียน นางรีบจะก้าวเข้าไปหา แต่หลี่หลิงเฟิ่งยกมือขึ้นห้ามไว้ทันที“อย่าเพิ่งเข้าไป” หลี่หลิงเฟิ่งบอกเสียงเฉียบพลัน ดวงตาของนางหรี่ลงมองภาพเบื้องหน้า ในขณะที่ทุกคนเห็นเพียงถ้ำที่ดูปลอดภัย แต่สิ่งที่นางเห็นกลับต่างออกไปโดยสิ้นเชิงภาพเบื้องหน้าของหลี่หลิงเฟิ่งไม่ได้เป็นเพียงปากถ้ำ แต่เป็นสุสานสัตว์อสูรที่เต็มไปด้วยซากศพของสัตว์อสูรนานาชนิด กองกระดูกที่เรียงรายอยู่ทุกหนแห่งส่งกลิ่นคาวเลือดจางๆ ที่ดูเหมือนจะยังไม่แห้งสนิท ราวกับพวกมันเพิ่งล้มตายไม่นานนางหันมองรอบตัวอย่างระแวดระวัง เสียงของถิงถิงดังขึ้น“นายท่านที่นี่ถูกสร้างค่า

  • ชายาอสรพิษ   ถิงถิงออกโรง

    เสียงหอบหายใจของหลี่หลิงเฟิ่งและคนอื่นๆ ดังขึ้นท่ามกลางเสียงคำรามอันต่ำของฝูงอสูรที่ล้อมรอบพวกเขาไว้ มันไม่ได้เป็นเพียงสัตว์อสูรธรรมดา หากแต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ตายไปแล้วและถูกปลุกขึ้นมาด้วยพลังลึกลับ เนื้อหนังที่เน่าเปื่อยของพวกมันเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นคาวและความสยดสยองที่แผ่กระจายไปทั่ว“เจ้าพวกนี้มันไม่มีวันตายจริงๆ สินะ” หลูหวั่นชิงพึมพำ น้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยความตื่นตระหนกยิ่งยวด“แต่พวกเราตายได้นะ” จวินชางหลางตะโกนพลางหมุนตัวฟาดดาบในมือผ่านร่างอสูรตัวหนึ่งจนขาดเป็นสองท่อน แต่ในเสี้ยววินาทีต่อมา เศษเนื้อและกระดูกที่แตกกระจายกลับเริ่มเคลื่อนไหวและประกอบร่างอีกแล้ว เป็นอย่างนี้ทุกครั้งไป“ไม่ว่าเจ้าจะฟันอีกกี่ครั้ง มันก็ยังรวมร่างได้ เสียเวลาเปล่า” หลี่หลิงเฟิ่งกล่าวเสียงเรียบ นางสะบัดมือข้างหนึ่ง ผ้าสีแดงสิบเส้นพลันพุ่งออกไปพร้อมเปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วง แส้เพลิงฟาดลงบนร่างของสัตว์อสูรตัวหนึ่งเสี่ยวจูจูที่ยืนอยู่ข้างหลี่หลิงเฟิ่งส่งเสียงร้องคำรามอันทรงพลัง ร่างเล็กของมันกระโจนออกจากที่มั่น ลวดลายสีดำสลับทองบนตัวส่องประกายระยับ ขณะที่กรงเล็บของมันตวัดฉีกกระชากอสูรตัวหนึ่งจนกระเด็นไปไกล

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status