"หากเจ้าพูดเช่นนั้น ข้าก็ไม่มีความเห็น" กู้ชูหน่วนผายมือ"สามหาว ข้าไม่เชื่อหรอกว่าข้าจะสั่งสอนเจ้าไม่ได้""อัครเสนาบดีกู้ ก่อนที่เจ้าสั่งสอนข้า เขาคิดให้ดีล่ะ หากเจ้าทำอะไรข้า จะเกิดผลตามมาอย่างไร" กู้ชูหน่วนยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นมีแต่คำกล่าวเตือนอี้เฉินเฟยและเซียวอวี่เชียนทะยานตัวลงมาจากขื่อบ้าน ประกบซ้ายขวาอยู่ด้านหลัง เหมือนดั่งองครักษ์ผู้ภักดีอัครเสนาบดีกู้เหลียวไปมองอี้เฉินเฟย มือที่โบกพัดชะงักลง ใบหน้าประเดี่ยวเขียวคล้ำประเดี๋ยวซีดเผือด เอาเป็นว่าไม่สบอารมณ์สักเท่าไร"เจ้ามีเงินมากมายขนาดนั้น ข้าว่าห้าแสนตำลึงนี้ก็ช่างมันเถิด""เจ้าพูดว่าช่างมันก็ช่างมันอย่างนั้นหรือ? สัญญาเขียนไว้ชัดเจน หากวันนี้พวกเจ้าไม่จ่ายเงินห้าแสนตำลึง เชื่อหรือไม่ว่าวันพรุ่งนี้ข้าจะประจานคนทั้งจวนอัครเสนาบดีให้คนทั้งเมืองรู้""กู้ชูหน่วน ฝีมือเจ้าใช่หรือไม่ เจ้าเป็นคนแพร่งพรายเรื่องที่ข้าเสียบริสุทธิ์ หมายให้เข้าเสียหน้ายับเยินใช่หรือไม่?"กู้ชูหลันใบหน้าเหยเก พุ่งตัวเข้าหากู้ชูหน่วนอย่างแค้นเคืองเซียวอวี่เชียนใช้ด้ามพันขวางเอาไว้ จนนางสะดุ้งถอยหลังไป "หมาบ้านี่ กัดคนไปเรื่อย จวนอัครเสนาบดีไม่มี
ฝ่ามือนั้นแรงกว่าฝ่ามือของอัครเสนาบดีกู้เล็กน้อยกู้ชูหน่วนเองก็สงสัยกู้ชูหลันด่านาง แล้วอี้เฉินเฟยเกี่ยวอะไรด้วย เขาจะโมโหอะไรปานนั้น?เมื่อเงยหน้าหันไปมองอี้เฉินเฟย ก็เห็นใบหน้าสุขุมอ่อนโยนของอี้เฉินเฟยกำลังคล้ำเครียด น่าสะพรึ่งกลัวเหมือนปีศาจที่ตะกายขึ้นมาจากนรกอย่างไรอย่างนั้น เขาเอ่ยรอดไรฟัน "หากกล้าแช่งนางอีก ข้าจะเอาชีวิตเจ้า"น้ำเสียงของเขาเย็นชาเหมือนทุ่นน้ำแข็งหมื่นปี เย็นชาไร้อุณหภูมิ แม้แต่อากาศรอบกายก็พลันหนาวเหน็บไปด้วยหากไม่ได้เห็นกับตาของตัวเอง คงไม่มีใครเชื่อว่าเป็นคนเดียวกันทุกคนต่างตกตะลึงชายผู้นี้เป็นใครกัน เหตุใดรังสีที่แผ่ซ่านออกมาจากกายถึงได้รุนแรงปานนี้อี๋เหนียงห้าก็ตกตะลึงเช่นกัน ครั้นจะอ้าปากเอ่ย ก็ถูกอี้เฉินเฟยฟาดเข้าที่คาง เจ็บจนนางน้ำตาเล็ด ยังไม่ทันพูดออกมาแม้สักคำก็จำต้องยามให้คนลากตัวออกไปเวลาเพียงชั่วพริบตา รังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านรอบกายของอี้เฉินเฟยก็พลันหายไป แทนที่ด้วยท่าทีสง่างาม อบอุ่น นุ่มนวลดั่งหยกงามเซียวอวี่เชียนกลืนน้ำลาย ยกนิ้วให้ "นี่แหละคนจริง"อี้เฉินเฟยยิ้มเอียงอาย เอ่ยแก้เก้อ "พวกนางเสียงดังยิ่งนัก"ในใจของกู้ชูหน่วนรู้สึ
อัครเสนาบดีกู้เลือดขึ้นหน้า หากอี้เฉินเฟยและเซียวอวี่เชียนไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาไม่มีทางปล่อยกู้ชูหน่วนไปง่ายๆ แน่นอนกู้ชูหน่วนมองตั๋วเงินสองหีบใหญ่ตรงหน้า เอ่ยเสียงหงอย "เงินเยอะเงินไป ข้าไม่มีที่เก็บแล้ว เช่นนั้นพวกเจ้าสองคน แบกกลับไปกันคนละหีบก็แล้วกัน"ฮูหยินใหญ่แทบจะเป็นลมแพศยาอี๋เหนียงห้ากับกู้ชูหลันสองคนนั้นถูกส่งกลับไปที่บ้านเก่า นางเองก็ดีใจแต่ต้องยกเงินห้าแสนตำลึงให้กู้ชูหน่วน นางเองก็เสียดายและสิ่งที่ให้นางรับไม่ได้ยิ่งกว่าก็คือ เงินห้าแสนตำลึงนั่น นางกลับยกให้คนอื่นง่ายๆ แล้วเซียวอวี่เชียนยังเอ่ยเกี่ยงงอนอีก "ยัยขี้เหร่ เจ้าเลิกยัดเยียดให้ข้าเสียที ข้าเองก็ไม่มีที่เก็บแล้ว"อย่าว่าแต่ฮูหยินใหญ่เลย แม้แต่คนอื่นๆ ในจวนอัครเสนาบดีก็แทบลมจับมีคนไม่พอใจที่เงินเยอะด้วยหรือ?นี่มันจงใจประชดพวกเขาหรือเปล่า?หากไม่มีที่เก็บก็ไม่ต้องเอาไปสิ เอาเงินห้าแสนตำลึงคืนให้กับพวกเขาฮูหยินใหญ่กำลังจะอ้าปากเอ่ย ก็เห็นอี้เฉินเฟยล้วงแหวนวงหนึ่งออกมาจากอกเสื้อแล้วยื่นให้กู้ชูหน่วนกู้ชูหน่วนก้าวถอย "พี่ชาย เจ้าคงไม่ได้ขอข้าแต่งงานหรอกใช่ไหม""พูดอะไรเช่นนั้น นี่คือแหวนปริภูมิ ถึงจะ
ชายชุดดำสองคนได้ยินดังนั้น ก็ชักมีดชี้ไปทางกันละกันกู้ชูหน่วนส่ายหน้า"เฮ้อ สติปัญญาระดับนี้ ข้าละยอมจริงๆ ไปกันเถิด เราไปหออู๋โยวกันดีกว่า"เซียวอวี่เชียนมองกู้ชูหน่วนและอี้เฉินเฟยที่เดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันตรงหน้า แล้วเหลียวกลับมามองชายชุดดำสองคนที่กำลังฆ่ากันจะเป็นจะตาย เขาก็ได้แต่มีนงง"เช่นนี้ก็ได้หรือ?" มิน่าเล่ายัยขี้เหร่ถึงได้บอกว่าพวกเขาโง่นัก"เดี๋ยว พวกเจ้ารอข้าด้วยสิ"หออู๋โยวคือสถานเริงรมย์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงที่นี่นอกจากจะรวบรวมยอดสาวงามทั่วแคว้นเอาไว้แล้ว ยังมีชายงามแสนหล่อเหลามากมายฟ้าเพิ่งมืดภายในก็มีคนพลุกพล่าน ค้าคล่องเงินทองไหลมาไม่มีหยุด หน้าประตูหออู๋โยวมีหญิงสาวอ่อนวัยสวมชุดสีสันสดใสยืนอยู่มากมาย กำลังเชิญชวนเรียกลูกค้าเข้าร้านกู้ชูหน่วนและพวกสามคนเดินเข้ามา ก็ทำผู้คนแตกตื่นเหตุผลจะเป็นอะไรไปได้นอกเสียจากชายหนุ่มสองคนข้างกายนางนั้น หล่อเหลากินกันไม่ลงทั้งคู่ บวกกับนางที่สวมผ้าคลุมหน้า แต่แค่เยื้องย่างก็ส่งกลิ่นอายของหญิงสูงศักดิ์พวกเขาสามคน ต่อให้อยู่ท่ามกลางฝูงชนก็ย่อมโดดเด่นกว่าใครยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาต่างสวมใส่ผ้าไหมชั้นดี คนในหออู๋โยวต
ภายในห้องส่วนตัวของหออู๋โยว กู้ชูหน่วนนั่งไขว่ห้าง กวาดตามองหญิงงามในสุดสีสันฉูดฉาดที่ยืนเรียงราย ส่ายหน้าอย่างไม่พอใจนักแม่เล้าโบกมือ หญิงงามอีกกลุ่มหนึ่งก็เข้ามาแทนที่ นางย่นคิ้วยิ้มเอ่ย "คุณหนู พวกนางคือยอดหญิงงามแห่งหออู๋โยว หากคุณชายเซียวไม่ใช่แขกประจำของที่นี่ ข้าไม่มีทางเรียกพวกนางออกมาแน่นอน ท่านลองดูว่านางใดถูกชะตาบ้าง"แม่เล้าแต่งหน้าหนาเตอะ แววตาเจ้าเล่ห์นักหญิงสาวเหล่านี้ต่างเป็นสาวงามที่ผ่านการเลือกเฟ้นมาแล้ว ไม่ว่าชายใดเห็นแล้วก็ใจสั่นทั้งนั้นพวกนางเองก็มีกฎของตัวเอง ใช่ว่าจะรับแขกง่ายๆกู้ชูหน่วนเลิกคิ้วถาม "เจ้าว่า หญิงอย่างข้าจะชอบหญิงแบบใด?"แม่เล้าหันไปมองเซียวอวี่เชียนที่กำลังงุ่นง่าน แล้วหันไปมองอี้เฉินเฟยที่ยิ้มบาง นางชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะตีหัวตัวเอง "ไอ้หยา ข้าช่างโง่นัก ข้าจะเรียกชายงามมาให้ท่าน"แม้ใบหน้านางจะยิ้มแย้ม แต่ในใจนั้นกำลังคาดเดาว่ากู้ชูหน่วนนั้นเป็นใครหญิงนางหนึ่งกล้ามาเที่ยวผู้ชายที่หออู๋โยวอย่างเปิดเผย ใช่ว่าจะพบเจอได้บ่อยๆ แถมยังเป็นอายุน้อยอยู่เลยที่แปลกที่สุดก็คือ คุณชายเซียวลูกชายคนสุดท้องของแม่ทัพเฒ่าเซียว ชาติกำเนิดสูงศักดิ์ ค
แต่เขาเหลืออดเกินทนแล้ว จึงตะคอกด้วยความเกรี้ยวกราด "ออกไป ไสหัวออกไปให้หมด"ทุกคนต่างก็มองไปที่เขา ไม่รู้ว่าเขาเกิดบ้าอะไรขึ้นมาแม้เล้าตั้งสติได้ก่อนผู้ใด รีบไกล่เกลี่ย "คุณชายเซียว มีสาวงามเพิ่งมาใหม่หลายคน ข้าให้พวกนางมาอยู่เป็นเพื่อนท่านดีไหม""ไม่จำเป็น เจ้าสั่งให้พวกชายเหล่านั้นไสหัวออกไปให้หมด ห้ามเข้าใกล้นาง"เซียวอวี่เชียนพูดพลางไล่ตะเพิดคนพวกนั้นกู้ชูหน่วนเบะริมฝีปาก "เสี่ยวเชียนเชียน เจ้าทำเช่นนี้จะทำให้หนุ่มรูปงามของข้าตกใจได้""ไปให้พ้น"เหล่าชายนุ่มรูปงามทั้งหลายมองไปทางกู้ชูหน่วน ทั้งยังมีบางคนถึงขั้นน้ำตาเอ่อนองกู้ชูหน่วนให้เงินพวกเขาอีกคนละหนึ่งหมื่นตำลึงด้วยความใจป้ำ แล้วปลอบโยน "เด็กดี ครั้งหน้าข้าจะมาหาพวกเจ้าอีก"คนละหมื่นตำลึงอีกแล้วชายรูปงามเหล่านั้นหน้าระรื่นราวกับดอกไม้ผลิบาน อยากจะเข้าไปกอดขาของกู้ชูหน่วนเอาไว้แน่นๆ ให้รู้แล้วรู้รอด ทว่าก็รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างนางและคุณชายเซียวไม่ธรรมดา จึงทำได้เพียงจากไปด้วยความอาลัยแม่นางทั้งหลายในหอต่างก็อิจฉาตาร้อนกันถ้วนหน้าที่ผ่านมา ผู้ที่ได้เงินล้วนแต่เป็นพวกนาง แต่ตอนนี้ พวกเขาเพียงแค่ปรนนิบัติง่าย
"ใช่อี้เฉินเฟยจริงๆ ข้าเคยเห็นภาพวาดของเขามาก่อน ข้ามั่นใจว่าคือเขา""เซียนกวีคือเทพบุตรของข้า ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมาเจอตัวจริงของเขาในที่แห่งนี้""หญิงสาวข้างกายเขาคือผู้ใด ดูเหมือนชาติตระกูลจะไม่ธรรมดา""พวกเจ้าว่า ถ้าหากคุณหนูสามประชันกับเซียนกวี ใครจะชนะ ผลงานกลอนของคุณหนูสามกู้ในการประลองศิลปะ ยามนี้เป็นที่เลื่องลื่อไปทั่วทั้งใต้หล้า กลายเป็นผลงานอมตะไปแล้ว""เรื่องนี้ก็พูดยาก กลอนของเซียนกวีดี กลอนของคุณหนูสามก็ดีเช่นกัน"มือที่เห็นข้อต่อชัดเจนของกู้ชูหน่วนเคาะลงไปที่โต๊ะครั้งแล้วครั้งเล่า พลางเอียงคอพูดด้วยรอยยิ้ม "มีคนจำได้แล้ว ท่านจะยังดีดอยู่ไหม""นานๆ ทีคุณหนูสามจะมีอารมณ์สุนทรีย์เช่นนี้ ข้าจะขัดอารมณ์ท่านได้เช่นไร"พูดจบ อี้เฉินเฟยก็ลุกขึ้น ยืมฉินจากนักบรรเลงฉินผู้หนึ่ง แล้วอุ้มฉินดำขึ้นไปนั่งบนแท่นบรรเลงสิบนิ้วขาวเนียนวางลงบนฉิน อี้เฉินเฟยเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มเอาใจ ภายในดวงตาที่ใสสะอาดคู่นั้นสะท้อนภาพยิ้มอ้อยอิ่งและเจ้าเล่ห์ของกู้ชูหน่วนคนทั้งหออู๋โยวล้วนแต่ให้ความสนใจ พากันมองไปยังอี้เฉินเฟยที่นั่งอยู่บนแท่นบรรเลงกลับเห็นเพียงแค่อี้เฉินเฟยยกมือที่ขาวเนียนขึ้นมา แ
"คุณชายเยี่ย ถือว่าทำทาน ช่วยเหลือกันเถอะ แค่ดื่มไม่กี่แก้ว ไม่มีทางให้ท่านทำเรื่องเกินงามเป็นแน่ ท่านดูสิ ข้าเองก็ลำบาก ในหอมีค่าใช้จ่ายมากมาย ไม่ว่าเรื่องใดก็ต้องใช้เงิน ทั้งยังมีสาวน้อยหนุ่มน้อยล้มป่วยจำนวนไม่น้อย ล้วนแต่ไม่สามารถรับแขกได้ นานๆ ทีข้าจะได้เจอลูกค้ารายใหญ่เช่นนี้""ขอโทษด้วย ก่อนหน้าข้าเคยบอกไปแล้ว ว่าไม่รับเป็นเพื่อนดื่ม ไม่รับแขก วันนี้ถึงเวลาแล้ว ข้าต้องกลับก่อน""คุณชายเยี่ย หากท่านไป แล้วข้าจะอธิบายกับแขกเช่นไร ถือว่าข้าขอร้องท่านเถอะ ท่านคิดดูสิ ตอนนั้นที่ยายท่านป่วยหนัก ท่านอับจนหนทางไร้ที่พึ่ง ก็เป็นข้าที่ใจดีเชิญหมอมารักษาอาการป่วยให้ยายของท่านไม่ใช่หรือ เห็นแก่ที่ข้าเคยช่วยท่านเอาไว้ครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ช่วยข้าหน่อยได้หรือไม่"กู้ชูหน่วนหันไปถามเด็กของร้านที่อยู่ข้างๆ"พวกเจ้าสนิทกับเยี่ยเฟิงไหม""เรียนแม่หญิง เยี่ยเฟิงเป็นคนเงียบๆ ยามปกติทั่วไปเขาไม่ค่อยพูด และไม่สุงสิงกับผู้ใด พี่น้องในหอล้วนแต่ไม่สนิทกับเขาทั้งสิ้น รู้เพียงแค่บ้านเขายากจนข้นแค้น อาศัยอยู่กับยายตาบอดผู้หนึ่ง""ตอนนั้น ยายของเขาป่วยหนักอาการร่อแร่ ก็เป็นแม่เล้าที่เมตตาช่วยเชิญท่านหมอมา
ก่อนที่เด็กหนุ่มจะตอบ กู้ชูหน่วนก็ลูบคางพลางเอ่ยอย่างใจเย็นว่า “ด้วยความสามารถของเจ้า เจ้าคงคิดว่าการตัดแขนขา ควักตา และตัดหูของข้าคงง่ายดายราวกับบี้มดตัวหนึ่งใช่หรือไม่? ถ้าเช่นนั้น ทำไมเจ้าถึงต้องลำบากเขาด้วย?”“หรือว่าเขามีเรื่องบาดหมางกับเจ้า เจ้าเลยเกลียดเขา? จุ จุ จุ ดูท่าทางของเขาสิ ช่างน่าสงสารเสียจริงๆ ข้าว่าคงไม่กล้าเป็นศัตรูกับเจ้าหรอก ให้ข้าเดานะ เจ้าคงอิจฉาเขามากกว่า อิจฉาที่เขามีหน้าตาหล่อเหลากว่าเจ้า หรืออาจอิจฉาที่เขาได้ดิบได้ดีในเผ่าหมอมากกว่าเจ้า เลยคิดแผนทรมานเขา”ทุกครั้งที่กู้ชูหน่วนพูดสีหน้าของเจียงซวี่ก็ยิ่งแย่ลงไปเรื่อยๆ แววตาที่โหดเหี้ยมก็ยิ่งรุนแรงขึ้น“ดูเหมือนข้าจะเดาถูกนะ” กู้ชูหน่วนมองเด็กหนุ่มราวกับสงสารเขา“ลองดูตัวเองสิ ติดตามนายอะไรเนี่ย กลับตัวกลับใจเถิด เจ้าปกป้องข้าจนโดนแทงมาขนาดนี้ ข้าจะดูแลเจ้าอย่างดี”เด็กหนุ่มไม่แม้แต่จะมองกู้ชูหน่วน แค่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆเจียงซวี่หัวเราะลั่นทันที “เดาถูกแล้วจะอย่างไร ข้าแค่ต้องการเห็นเขาทรมาน เขาใจดีนักมิใช่หรือ ข้าอยากจะดูว่า เพื่อให้มีรอดชีวิต เขาจะยอมฆ่าเจ้าหรือไม่”“ข้าขอเดาเพิ่มนะ คงเป็นครั้งแรกที่เจ้
กู้ชูหน่วนกะพริบตาอย่างไร้เดียงสา "เป็นพวกเจ้าเองที่พาข้าวิ่งมาตลอดทาง และมองข้าเป็นหญิงผู้อ่อนแอที่ไม่มีทางสู้ แล้วข้าจะไม่ตอบสนองความต้องการแบบผู้ชายเป็นใหญ่ของพวกเจ้าได้อย่างไร""…"เซียวอวี่เชียนโกรธจนตัวสั่นเด็กหนุ่มก็สีหน้าไม่สู้ดีมีดาบจำนวนมากขนาดนี้ หมายความว่าพวกเขาโดนฟันอย่างเปล่าประโยน์เมื่อเห็นว่ามีคนกลุ่มใหม่ล้อมพวกเขาเข้ามา กู้ชูหน่วนก็หรี่ตาลง มุมปากยกขึ้นยิ้มเยาะ "ตัวเอกมาแล้ว"ในขณะที่เซียวอวี่เชียนและเด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้น ทั้งคู่ก็แข็งทื่อดวงตาเย็นชาของเด็กหนุ่มหรี่ลงทันที หายใจหนักขึ้น ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อยกู้ชูหน่วนมองออกเขากำลังกลัว กลัวคนกลุ่มนี้เซียวอวี่เชียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง "หน้ากากกะโหลก พวกเจ้าเป็นคนของสิบสองกองธงแห่งเผ่าหมอใช่หรือไม่?เผ่าหมอ?เหอะ โลกยุทธภพมีเผ่าหมอด้วยหรือ?กู้ชูหน่วนพิจารณาอีกฝ่ายอย่างละเอียดแต่กลับพบว่าอีกฝ่ายมีเพียงสามสิบหกคนเท่านั้น แต่ละคนถือธงบุปผา และสวมเสื้อคลุมสีดำ ใบหน้าปิดด้วยหน้ากากกะโหลกศีรษะหัวหน้าคือชายหนุ่มวัยยังน้อย ผู้ซึ่งไม่ได้สวมหน้ากาก ใบหน้าดูหล่อเหลา แต่แววตากลับเผยความโหดเหี้ยมเป็นระยะ
"ปัง..."เสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับระเบิดกลางอากาศดังขึ้นอีกครั้งหญิงวัยกลางคนงถอยหลังไปหลายก้าว ใบหน้าซีดเผือก เด็กหนุ่มกระอักเลือดออกมาหนึ่งอึก อวัยวะภายในปั่นป่วนอย่างรุนแรง หากไม่เกาะผนังไว้ คงล้มลงไปแล้ว“เจ้ากล้าใช้การต่อสู้แบบแลกชีวิตมาสู้กับข้าอย่างนี้หรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่า หากสู้กันต่อ ข้าอาจไม่ตาย แต่เจ้าต้องตายแน่”“แค่ชีวิตสกปรกโสโครก ตายไปก็ตายไป” เด็กหนุ่มพยายามกลืนเลือดที่ค้างอยู่ในคอลง ให้ตัวเองดูเป็นปกติมากที่สุดหญิงวัยกลางคนตะคอก “ตกลงนางกับเจ้าเป็นอะไรกันแน่?”“ไม่เป็นอะไรทั้งนั้น แค่ไม่อยากให้เจ้าได้กระดิ่งภินวิญญาณนั่น”“ดีมาก บัญชีนี้พวกข้าเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซานจะจดจำไว้ เจ้าจงรอรับการล้างแค้นอย่างบ้าคลั่งของพวกข้าได้เลย”หญิงวัยกลางคนเบิกตาจ้องกู้ชูหน่วนและเด็กหนุ่ม ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง สุดท้ายก็ไม่รู้ว่านึกถึงอะไรจึงจากไปด้วยความแค้นหลังนางจากไป เด็กหนุ่มก็รีบกุมหน้าอกแน่น กระอักเลือดออกมาอีกหนึ่งอึกใหญ่ ขาของเขาคุกเข่าลงไปโดยไม่รู้ตัว ราวกับกำลังแบกรับความเจ็บปวดอันแสนสาหัส"ไม่เป็นไรใช่หรือไม่"กู้ชูหน่วนทิ้งเมล็ดแตงโม แล้วเดินไปหาเขา"ปัง
หญิงวัยกลางคนเดิมทีตั้งใจจะจัดการกับเด็กหนุ่มก่อน แล้วค่อยกลับมาจัดการกู้ชูหน่วน แต่ปรากฏว่าคำพูดของกู้ชูหน่วนฟังไม่เข้าหู นางจึงเปลี่ยนใจทันที"สาวน้อยปากดีนักนะ เอากระดิ่งภินวิญญาณมาให้ข้า ข้าอาจให้เจ้าตายอย่างสงบ แต่หากไม่ เจ้าจะจมกองเลือด""ข้าเป็นคนที่ใครก็มาข่มขู่ได้อย่างนั้นหรือ?" กู้ชูหน่วนเลิกคิ้วย้อนถาม"เหอะ เด็กน้อยผู้ไร้เดียงสา"หญิงวัยกลางคนส่งเสียงเหยียดหยาม นางเหยียบปลายเท้าเบาๆ แล้วปลดปล่อยหัตถ์โลหิตออกไปโจมตีกู้ชูหน่วนกู้ชูหน่วนพิงกำแพงไว้ กอดอก ยืนสงบนิ่ง ราวกับมั่นใจว่าเด็กหนุ่มต้องมาช่วยนางแน่ๆและก็เป็นอย่างที่นางคิด ขณะที่เด็กหนุ่มกำลังถูกเหล่านักฆ่าล้อมอยู่ เขาก็ยังสามารถเตะหม้อเหล็กจากร้านตีเหล็กไปขวางการโจมตีของหญิงวัยกลางคนได้ทันหม้อเหล็กสัมผัสกับหัตถ์โลหิตแล้วละลายทันทีแม้แต่เหล่านักฆ่าชุดดำก็ตกตะลึงพลังปีศาจโลหิตแข็งแกร่งมากสามารถละลายหม้อเหล็กได้ในพริบตา พลังภายในต้องแข็งแกร่งเพียงใดเด็กหนุ่มเบิกตากว้าง ไม่คาดคิดว่าพลังปีศาจโลหิตของหญิงวัยกลางคนจะร้ายกาจขนาดนี้ เขาอยากจะไปช่วยกู้ชูหน่วน แต่ถูกล้อมไว้ ชายแคระก็พุ่งเข้ามาโจมตีเขาไม่หยุด แทบอ
ชายแคระปากบอกว่าได้ แต่ดาบในมือกลับฟาดแรงขึ้นทุกที ร้องเสียงดังลั่นด้วยน้ำเสียงหยาบกร้าน“หนุ่มน้อย นางผู้นี้มีความสัมพันธ์อะไรกับเจ้าถึงได้ปกป้องนางด้วยชีวิตเช่นนี้?”เด็กหนุ่มไม่ตอบ เพียงแต่ตั้งสมาธิรับมือการต่อสู้แต่หญิงวัยกลางคนกลับหัวเราะคิกคักตอบว่า “เขาเป็นของข้า จะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับยัยขี้เหร่เล่า มากสุดก็แค่อยากได้กระดิ่งภินวิญญาณเท่านั้น”“ของที่พวกข้าเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซานต้องการ เจ้าก็กล้าแย่ง? กล้ามากเลยนะ”"ปัง..."ดาบโจมตีไม่โดนเด็กหนุ่ม แต่กลับผ่ากำแพงดินหลังเด็กหนุ่มออกเป็นสองท่อน กำแพงดินที่แข็งแกร่งพังทลายลงจนเสียงดังกึกก้อง“เจ้าห้า หลังจากวันนี้ไป เขาอาจเป็นคนของพวกเราเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซาน เจ้าลงมือเบาหน่อย อย่าทำร้ายเขาจนพิการ”“รู้แล้ว รำคาญเสียจริง”กู้ชูหน่วนยืนอยู่ข้างๆ มองการต่อสู้ในสนามด้วยท่าทีผ่อนคลายชายแคระมีกำลังมาก มีพลังภายในแก่กล้า และลงมือด้วยกำลังอันป่าเถื่อน ส่วนเด็กหนุ่มกลับมีดวงตาเย็นชาและสงบนิ่ง มือเล็กยกขึ้นเบาๆ เสียงพิณกระทบกับดาบ ทุกครั้งที่พุ่งชนกัน ดาบราวกับวัวตกลงไปในทะเลโคลน อ่อนปวกเปียก ไม่ว่าจะฟาดอย่างไรก็ไม่โดนเด็กหนุ่
กู้ชูหน่วนและเด็กหนุ่มชุดดำถูกกลุ่มคนล้อมไว้ พูดให้ถูกคือ กู้ชูหน่วนถูกพวกเขาล้อมไว้ แต่เนื่องจากเด็กหนุ่มยืนอยู่ข้างๆ นางจึงติดร่างแหไปด้วย พวกที่ล้อมพวกเขามีถึงหลายสิบคน ทุกคนสวมชุดดำปิดบังใบหน้า ถือเคียว และมีสายตาที่ไม่เป็นมิตรหัวหน้าคือชายแคระตัวเตี้ยกับหญิงวัยกลางคนผู้เย้ายวนหญิงวัยกลางคนผู้เย้ายวนส่งสายตามองเด็กหนุ่มอย่างเร้าร้อน "โอ้ หนุ่มน้อย แค่มองรูปร่างของเจ้า ข้าก็น้ำลายไหลแล้ว อยากจะให้เจ้าถอดหน้ากากออก แล้วให้ข้าได้ดูแลเจ้าดีหรือไม่""เจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซาน" เด็กหนุ่มค่อยๆ เอ่ย"เจ้าตาดีไม่เบา พวกเราหลบซ่อนอยู่ในเขาอินซานมานานหลายปี ไม่คิดว่าจะมีใครจำพวกเราได้""แล้วอีกสองคนล่ะ""แค่พวกเจ้าสองคน ไม่จำเป็นต้องใช้พวกเราทั้งสี่คนหรอก" ชายแคระแบกดาบใหญ่ ดาบนั้นสูงกว่าตัวเขา ทำให้ดูไม่สมส่วนเขาเสียงดัง หน้าตาอัปลักษ์ ตาโปน ราวกับเป็นดวงตาของปลาตาย แต่ร่างกายของเขากลับเต็มไปด้วยพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวกู้ชูหน่วนพยายามค้นหาความทรงจำในสมองของนาง นางพอจะจำได้เลือนลางเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซานมีเจ็ดคน แต่ละคนวิทยายุทธเก่งกาจและโหดเหี้ยมมาก พวกเขาฆ่าคนเป็นว่าเล่น เมื่อหล
กู้ชูหน่วนเดินมาหยุดอยู่หน้าร้านตีเหล็กกลางเมืองหลวง ริมฝีปากยกขึ้นยิ้มอย่างเกียจคร้านราวกับกำลังพูดกับตนเอง“คืนนี้มืดมิดเงียบสงบ ไม่มีใครอยู่รอบข้าง ใต้เท้าจะไม่ออกมา หรือว่าจะให้ข้าพากลับบ้านไปต้มหม้อไฟดี?”ในความมืดมิด ปรากฏเด็กหนุ่มสวมหน้ากากดำถือพิณเดินออกมาอย่างช้าๆ ร่างกายเปล่งประกายด้วยความเย็นชาเด็กหนุ่มวัยยังน้อย รูปร่างสูงโปร่งสมส่วน โดยเฉพาะชุดรัดรูปที่สวมใส่ ทำให้เห็นรูปร่างที่สมบูรณ์แบบของเขาอย่างชัดเจนหลังของเขาแบกพิณสีดำสนิท ดูสะดุดตาเป็นอย่างยิ่งท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมืดออกมาเพื่อลอบสังหาร แล้วยังแบกพิณมาด้วย คนผู้นี้ช่างมีรสนิยมจริงๆกู้ชูหน่วนพิจารณาเขาอย่างละเอียด รู้สึกว่าดูคุ้นตานางกะพริบตาปริบๆ ยิ้มเอ่ยว่า “หนุ่มน้อย รูปร่างดีจริงๆ ไม่รู้ว่าหน้าตาจะหล่อเหลาแค่ไหน หากว่าหล่อจริง ข้าอาจจะยอมให้จีบก็ได้นะ”เด็กหนุ่มหน้าตายเอ่ยเพียงประโยคเดียวว่า “ข้าต้องการเพียงกระดิ่งภินวิญญาณ”“เช่นนั้นเจ้าบอกข้าทีว่า เจ้าต้องการกระดิ่งภินวิญญาณไปทำไม หรือจะตอบว่ากระดิ่งภินวิญญาณนี้มีอะไรซ่อนอยู่ก็ได้นะ หากคำตอบของเจ้าทำให้ข้าพอใจ ข้าจะมอบมันให้เจ้า”“ข้าต้องการเพียงแ
"ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง..."อาวุธลับฝังเข้าไปในผนัง ลึกเข้าไปในเนื้อไม้สามส่วน เซียวอวี่เชียนสะดุ้งจนคอหดอาวุธลับนี้ หากโดนคนเข้าล่ะก็ คงทะลุร่างแน่นอน"ใคร? ใครลอบโจมตี?" เซียวอวี่เชียนตะโกนลั่นสำนักบัณฑิตหลวงมียอดีมือคอยปกป้องจำนวนมากเช่นนี้ ยังมีคนแอบเข้ามาฆ่าคนได้อีกหรือ? ช่างจองหองเกินไปแล้วกู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว กำกระดิ่งภินวิญญาณในมือแน่นโดยไม่รู้ตัวนางแสร้งทำเป็นผ่อนคลายและยิ้มเอ่ยว่า "ก็แค่พวกโจรขโมยชั้นต่ำ พวกเขาคงเห็นว่าข้าชนะการเดิมพันมามาก เลยเกิดความโลภน่ะ"เซียวอวี่เชียนแม้จะเจ้าสำราญไปบ้าง แต่เขาก็ไม่ได้โง่อาวุธลับสามสิบแปดเล่มนั้นมาพร้อมกับกระบวนท่าสังหาร ผู้มาเยือนไม่ได้คิดจะปล่อยให้ยัยขี้เหร่มีชีวิตอยู่และที่นี่คือสำนักบัณฑิตหลวงแม้ว่าโดยทั่วไปแล้วที่นี่จะดูไม่มีอะไรพิเศษ แต่ทุกคนก็รู้ดีว่า รอบๆ สำนักบัณฑิตหลวงมียอดฝีมือซ่อนตัวอยู่จำนวนมากเมื่อใดก็ตามที่มีคนคุกคามชีวิตนักเรียน เหล่าองครักษ์ลับก็จะออกมาปกป้องทันที"ยัยขี้เหร่ พวกโจรขโมยทั่วไปไม่มีวิทยายุทธตัวเบาที่เก่งกาจเพียงนี้หรอก ข้าว่าพวกเขาต้องการเอาชีวิตเจ้านะ""เอาชีวิตอะไรเล่า ข้าไม่ได้ล่วงเกินใครซัก
ทุกคนต่างถือว่ากระดิ่งภินวิญญาณเป็นสิ่งล้ำค่า ไม่มีใครคิดจะทุบมัน แต่กู้ชูหน่วนกลับคิดนอกกรอบทุบไปหนึ่งทียังไม่แตกกู้ชูหน่วนจึงทุบซ้ำไปซ้ำมาหลายหน แต่ก็ยังไม่แตกจนสุดท้ายนางก็เหนื่อยหอบ"กระดิ่งอะไรเนี่ย แข็งมาก ทุบเท่าไหร่ก็ไม่แตกซักที"เมื่อการทุบกระดิ่งไม่ได้ผล กู้ชูหน่วนก็ลองใช้วิธีอื่นดู เผาด้วยไฟ ลวกด้วยน้ำ แช่ด้วยยา แต่ก็ไม่มีวิธีใดได้ผลกับกระดิ่งภินวิญญาณเลยสักวิธีเดียวไม่รู้ว่ากระดิ่งภินวิญญาณทำมาจากอะไร ถึงได้แข็งแกร่งทนทานขนาดนี้ ไม่ว่าจะใช้ดาบหรือหอกก็ทำอะไรไม่ได้แม้แต่หยกจันทร์เสี้ยว ไม่ว่าจะตรวจสอบอย่างไรก็หาคำตอบไม่ได้กู้ชูหน่วนเริ่มโมโห นางจึงหยิบอิฐขึ้นมา ตั้งใจจะทุบหยกจันทร์เสี้ยวเพื่อดูโครงสร้างภายในแต่หยกชิ้นนี้มีค่าถึงห้าสิบล้านตำลึง นางจึงลังเลใจ ทำให้มือที่ถืออิฐสั่นเทาหากไม่มีสิ่งใดอยู่ภายในหยก หรือหากหยกแตกละเอียดเป็นเสี่ยงๆ เงินห้าสิบล้านตำลึงของนางก็จะสูญเปล่าขณะนี้กู้ชูหน่วนถึงได้เข้าใจว่ายามนั้นไทเฮาต้องรู้สึกเจ็บปวดมากเพียงใด"ตุ้บ..."นางกัดฟัน ก่อนจะเหวี่ยงอิฐก้อนใหญ่ทุบลงไปบนหยกอย่างแรง จนหยกงดงามแตกละเอียดหยกจันทร์เสี้ยวแตกแล้ว