"เอ่อ..."ขันทีหม่าตั้งตัวไม่ทันเซียวอวี่เชียนปาพัดในมือทิ้ง เอ่ยเสียงขุ่น "ยัยขี้เหร่ จะหมดเวลาหนึ่งก้านธูปแล้ว เจ้าช่วยตั้งใจหน่อยจะได้ไหม?""รู้แล้วน่า เร่งอยู่ได้"กู้ชูหน่วนโบกมือปัด ให้คนใช้ยกอาหารที่เหลือไปในงานนั้นนอกจากซ่างกวานฉู่และอี้เฉินเฟยแล้ว ไม่มีใครเชื่อว่ากู้ชูหน่วนจะชนะ เพราะธูปใกล้จะดับถึงก้านแล้ว ยอดฝีมือต่างวาดกันเสร็จแล้ว รอเพียงแค่กู้ชูหน่วนกู้ชูหน่วนยกพู่กันขึ้นอย่างอ้อยอิ่ง มองกระดาษมองแล้วมองอีก ราวกับลังเลว่าจะลงพู่กันตรงไหนดี ทำเอาเซียวอวี่เชียนร้อนใจจนนั่งไม่ติดที่เสียงหัวเราะดังไปทั่วงาน ประหนึ่งกำลังเยาะเย้ยกู้ชูหน่วนผ่านไปนาน กว่ากู้ชูหน่วนจะยกพู่กันขึ้น วาดดอกไม้ดอกหนึ่งลงบนกระดาษ ดอกโบตั๋นที่บานสะพรั่งดอกโบตั๋นดอกนั้นมิได้พิเศษแต่อย่างใด เรียกได้ว่าแสนธรรมดา เพียงแต่งามกว่าเมื่อเทียบกับตอนวาดหมากดำที่สำนักบัณฑิต"ประหลาดนัก เวลาสั้นๆ เพียงแค่คืนเดียว ฝีมือวาดภาพของกู้ชูหน่วนก้าวหน้าขึ้นเพียงนี้ ถึงกับวาดดอกโบตั๋นสีสันสวยงามได้เพียงนี้เชียว""ก้าวหน้าแล้วอย่างไรเล่า ก็แค่ดอกไม้ธรรมดาดอกหนึ่ง เจ้าคิดว่าจะมีประโยชน์อันใด? เลือกใครสักคนตรง
"เพ้อเจ้ออะไรของเจ้า""ข้าเพ้อเจ้อเสียที่ไหน? ภาพอธิษฐานขอพรจากสาวทอผ้ามิใช่เจ้าวาดหรอกหรือ""ข้าแค่วาดภาพอธิษฐานขอพรจากสาวทอผ้า ข้าต้องมีคนในใจด้วยหรือ?""หากในหัวเจ้าไม่มีความคิดสกปรก เจ้าจะวาดภาพอธิษฐานขอพรจากสาวทอผ้าหรือ? ที่เรียกว่ายามทิวาคำนึงหา ยามราตรีเฝ้าเพ้อฝัน เจ๋ออ๋องอ่านตำรามากมาย คนไม่เอาไหนอย่างข้ายังเข้าใจ คนอย่างท่านจะไม่เข้าใจหรือ เหอะๆ คนเรามองแต่ภายนอกมิได้จริงๆ คนบางคนภายนอกดูสุขุม แต่ความจริงแล้ว... หึๆๆ.."ทุกคนเข้าใจในทันใด ดูสิสายตาของเจ๋ออ๋องก็เปลี่ยนไปแล้วเจ๋ออ๋องท่าทางสุภาพอ่อนน้อม คิดไม่ถึงเลยว่าในใจจะโสมมเช่นนี้ ไม่รู้ลับหลังแล้วเขาสกปรกเพียงใดเจ๋ออ๋องคิดว่าแค่อยู่กับกู้ชูหน่วน เขาต้องโมโหจนอกแตกตายไปไม่รู้กี่ร้อยหนแค่ภาพอธิษฐานขอพรจากสาวทอผ้า นางกลับปั้นน้ำเป็นตัว จนเขาไม่รู้จะโต้กลับอย่างไรชื่อเสียงของเขา ต้องป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดีเพราะประโยคเดียวของนางเจ๋ออ๋องหมายจะระเบิดอารมณ์ แต่ขันทีหม่าชิงพูดขึ้นเสียก่อน"ภาพวาดของเยี่ยเฟิงคือร้อยวิหคโบยบิน"เมื่อภาพวาดคลี่ออก ทั้งงานถึงกลับต้องร้องสูดปาก บางคนถึงขั้นลุกยืนขึ้นด้วยความตกใจความประหล
ทุกคนตกตะลึงดอกโบตั๋นนั่นคือภาพวาดมิใช่หรือ?เหตุใดถึงดึงดูดผีเสื้อมากมายเช่นนั้น?หากมิได้เห็นด้วยตาของตัวเอง พวกเขาคงคิดว่าดอกโบตั๋นดอกนั้นมีอยู่จริงเอ่อ...เหลือเชื่อไปหน่อยกระมัง...รอยยิ้มบางของฮ่องเต้แคว้นเย่แข็งค้างไป คิดไม่ถึงเลยว่าจะหักมุมเช่นนี้เทพหมากล้อมตั้งสติได้คนแรก เขาเอ่ยอย่างตกตะลึง "ช่างเป็นดอกไม้ที่เหล่าผีเสื้อหลงใหล แม่หนู เจ้าทำได้อย่างไร? ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ใดสามารถวาดภาพบนกระดาษที่ดึงดูดผีเสื้อได้เช่นนี้ ""เรื่องนั่นน่ะหรือ... เพราะข้าวาดเก่งน่ะสิ" กู้ชูหน่วนขยิบตาเจ้าเล่ห์ ยิ้มอย่างมีเลศนัยซ่างกวานฉู่ อี้เฉินเฟย และเยี่ยเฟิงต่างมองไปยังแท่นฝนหมึกแล้วถึงได้เข้าใจอาจารย์สวีขยี้แล้วขยี้ตาอีก ราวกับไม่เชื่อสองตาของตัวเองภาพ...ภาพของกู้ชูหน่วนสามารถหลอกล่อผีเสื้อได้เชียวหรือ...แม่เจ้า นี่นางเป็นคนไม่เอาไหนหรือเป็นอัจฉริยะกันแน่กู้ชูหน่วนยิ้มเอ่ย "ฝ่าบาท ไม่รู้ว่าภาพผีเสื้ออาลัยบุปผาของข้านี้ พอจะเป็นที่หนึ่งได้หรือไม่"ฮ่องเต้แคว้นเย่นิ่งอึ้งอย่าว่าแต่ภาพวาดเลย ต่อให้มีดอกโบตั๋นจริงๆ อยู่ตรงหน้าก็ใช่ว่าจะดึงดูดผีเสื้อได้มากมายปานนี้หากภา
"ฝ่าบาท เจ๋ออ๋องใส่ร้ายข้า น้ำผึ้งเพียงน้อยนิดจะล่อผีเสื้อมามากมายเช่นนี้ได้อย่างไร? แถมข้าตั้งน้ำผึงไว้บนโต๊ะ แต่ไม่เห็นผีเสื้อมาสักตัว จะบอกข้าทาไว้บนภาพหรือ""เอ่อ...นั่น..." ก็เหมือนจะมีเหตุผล"ผีเสื้อสับสนรูปลักษณ์ภายนอก ก็เพราะถูกดอกไม้ปลอมดึงดูด ถึงได้เข้ามาตอมเกสร"กู้ชูหน่วนผายมือยกไหล่ ท่าทางใสซื่อเหลือหลาย "เจ๋ออ๋องพูดปาวๆ ว่าข้าใช้น้ำผึ้งเป็นกลโกง เช่นนั้นเจ๋ออ๋องลองดูไหมเล่า ดูซิว่าหากผสมน้ำผึ้งลงในน้ำหมึกแล้ว จะล่อผีเสื้อได้หรือไม่""ใช่ เจ๋ออ๋อง เจ้าลองซิ งานประลองศิลปะเช่นนี้จะสะเพร่ามิได้" ฮ่องเต้แคว้นเย่เองก็อยากรู้กู้ชูหน่วนค่อนแคะฮ่องเต้อยู่ในใจเป็นหมื่นเป็นพันหนเจ้าบื้อนี่ต้องถูกเทพสงครามกลั่นแกล้งขนาดไหน ถึงได้อยากใช้เธอหักหน้าเทพสงครามนักทุกคนมองเจ๋ออ๋องที่ผสมน้ำหมึกกับน้ำผึ้งเขาด้วยกันด้วยความสงสัยใคร่รู้ จากนั้นก็วาดดอกโบตั๋นบานสะพรั่ง หวังจะหลอกล่อหมู่ผีเสื้อผ่านไปครู่หนึ่ง แต่กลับไม่มีผีเสื้อแม้สักตัวเข้ามาเชยชมเจ๋ออ๋องไม่ยอมแพ้ ก่อนจะเทน้ำผึ้งลงในน้ำหมึกเพิ่ม แล้ววาดภาพดอกโบตั๋นอีกครั้งกู้ชูหน่วนเห็นดังนั้น ก็พลันถอยห่างจากเจ๋ออ๋องยังมีเยี่
เหตุการณ์ครั้งนี้ เจ๋ออ๋องเกือบต้องแลกด้วยชีวิตหมอหลวงหิ้วกระเป๋ายาวิ่งเขามาตรวจอาการเซียวอวี่เชียนกลืนน้ำลาย "ยัยขี้เหร่ นี่เจ้าจงใจสาดน้ำผึ้งใส่ตัวเจ๋ออ๋องหรือ""เหลวไหล นั่นเป็นเพราะข้ากลัว ป้องกันตัวเพราะเหตุคับขันต่างหาก"กลัว?นางกลัวเป็นกับเขาด้วยหรือ?เช่นนั้นแม่หมูคงปีนขึ้นต้นไม้ได้แล้วกระมัง"ยัยขี้เหร่ เหตุใดผีเสื้อถึงได้ตอมภาพดอกโบตั๋นของเจ้า? เจ้าไม่ได้ใช้กลโกงน้ำผึ้งหรอกหรือ?"กู้ชูหน่วนยิ้มชอบใจ เอ่ยเสียงยานคาง "เพราะข้าวาดเก่งต่างหาก""เชื่อกับผีน่ะสิ" เซียวอวี่เชียนเลียนน้ำเสียงนาง เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ก็สะใจที่ได้เห็นเจ๋ออ๋องอเนจอนาถเพราะตรวจหาหลักฐานว่าภาพดอกโบตั๋นของกู้ชูหน่วนนั้นใช้กลโกงใดไม่พบ รอบนี้จึงตัดสินให้กู้ชูหน่วนและเยี่ยเฟิงชนะ ครองอันดับหนึ่งร่วมกันกู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นเห็นใจ เอ่ยเสียงน่าสงสาร "เจ๋ออ๋อง ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่ได้โกง แต่เจ้าก็ไม่ยอมเชื่อ ดูสิ เหล่าผึ้งถึงได้มาประท้วง""กู้ชูหน่วน ข้าจะฆ่าเจ้า..."เจ๋ออ๋องยืนขึ้นอย่างทุลักทุเล ยากจะบีบกู้ชูหน่วนให้แหลก แต่เพราะถูกผึ้งต่อยสาหัส เขาเพิ่งลุกยืนขึ้นได้ก็ล้มคว่ำคะมำหงายเสียงอย่า
ขันทีหม่าเสียงตื่นตระหนก "รอบต่อไปคือการแข่งขันหมากล้อม เทพหมากล้อมตั้งค่ายกลวิจิตร หากผู้ใดแก้กลค่ายนี้ได้ ก็จะเป็นผู้ชนะไป"กู้ชูหน่วนฟังแล้วก็เกาหู เอ่ยอย่างสงวัย "ข้าเป็นเจ้าบ้านมิใช่หรือ? เหตุใดถึงกลายเป็นถึงผู้เฒ่าหลากล้อมไปได้""เอ่อ..."ขันทีหม่าอยากจะเตือนนางหลายสิบปีมานี้ไม่มีผู้ใดแก้ค่ายกลวิจิตรของเทพหมากล้อมได้ คราวนี้เทพหมากล้อมมาถึงสำนักบัณฑิตหลวง คงอยากจะแข่งกับอาจารย์ซ่างกวาน แต่อาจารย์ซ่างกวานกลับไม่ยอมรับคำเชิญ เทพหมากล้อมจึงต้องลงประลองศิลปะ ดูซิว่าจะมีใครล้มค่ายกลนี้ได้หมากกระดานนี้ ต่อให้อาจารย์ซ่างกวานกับคุณชายอี้ช่วยกันก็ใช้ว่าจะแก้ได้ ทางที่ดีคุณหนูสามอย่าบ้าดีเดือดนักเลยเทพหมากล้อมลูบเคราขาวพลางหัวเราะชอบใจ "แม่หนูน้อย ข้าไม่อยากเอารังแกเจ้าหรอกนะ หากเจ้าเดินหมากได้ถึงสามตา ก็ถือว่าเจ้าชนะกระดานนี้แล้ว""ตาเฒ่า เจ้าลืมไปแล้วหรือไร เจ้าแพ้ให้ข้ามาแล้วนะ แล้วหนึ่งแสนตำลึงที่ติดค้างข้าอยู่เมื่อใดจะได้"ผู้เฒ่าเทพหมากล้อมสะอึก ยิ้มเจื่อนพลางล้วงเงินหนึ่งแสนตำลึงออกมาจากอก แล้วโยนให้นาง "เมื่อครู่พลาดพลั้งไปก็เท่านั้น คราวนี้ข้าเองก็อยากเห็นนักว่าเจ้าจะทำ
คงเป็นเพราะบวมช้ำรุนแรง แม้แต่ตอนพูดเจ๋ออ๋องยังรู้สึกเจ็บปวดเกินทน เสียงที่เปล่งออกมาก็ฟังไม่ชัดเลยสักนิดกู้ชูหน่วนเอ่ยเสียงฮึดฮัด "ช่างเป็นใบหน้าที่อัปลักษณ์เหลือเกิน เฮ้อ โชคดีที่ถอนหมั้นไปแล้ว ไม่อย่างนั้นข้าคงต้องพะอืดพะอมมันเสียทุกวันเป็นแน่"ไฟโกรธของเจ๋ออ๋องโหมกระพือหญิงอัปลักษณ์เช่นนางกล้าดีอย่างไรถึงได้รังเกียจเดียจฉันท์ว่าเขาขี้เหร่"แน่จริงเจ้าก็ปลดผ้าคลุมหน้าออกสิ จะปกปิดไปใย""ข้ากลัวว่าเจ้าจะอิจฉาในใบหน้าอันงดงามของข้าน่ะสิ""แหวะ..."เจ๋ออ๋องเกือบจะอาเจียนออกมาใบหน้าแปลกประหลาดเป็นหลุมเป็นบ่อของนางนั่นหรือ ที่เขาจะอิจฉา"กู้ชูหน่วน แน่จริงก็มาเดิมพันกันอีกสักตา""ได้สิ แต่คราวนี้ถ้าต่ำกว่าสามล้านตำลึง ข้าไม่เดิมพันด้วยหรอกนะ""ได้ สามล้านตำลึงก็สามล้านตำลึง หากเจ้าเอาชนะพวกข้าห้าคนไม่ได้ นอกจากเจ้าจะต้องแก้ผ้าวิ่งหนึ่งร้อยรอบแล้ว ข้าจะตัดมือทั้งสองข้าของเจ้าด้วย"กู้ชูหน่วนตอบตกลงโดยไม่ลังเล "ได้ เช่นนั้นทุกท่านเป็นพยาน ท่านอ๋องผู้แสนโง่เขลานี้พูดกับปากตัวเองว่าจะให้เงินสามล้านตำลึงกับข้า ข้ามิได้ขูดรีดเขาแต่อย่างใด"ทุกคนหมดคำจะพูดพวกเขาไม่รู้ว่าควรจะพ
กู้ชูหน่วนคว้าก้านอ้อยขึ้นมากัดอย่างสบายใจ หันไปมองสองยอดฝีมือจากแคว้นจ้าวพลางผิวปาก"พวกเจ้าสองคนอยากเดิมพันกับข้าอีกหรือไม่?"ฉางเจินกับฉางผิงมุมปากกระตุกหญิงผู้นี้เป็นผีพนันหรืออย่างไร? คำก็เดิมพันสองคำก็เดิมพันตาเมื่อครู่พวกเขาเพิ่งแพ้ไป ทำเอาคุณชายอี้ต้องเล่นกับนางอีกตั้งเจ็ดวัน พวกเขาก็รู้สึกมากพอแล้ว จะกล้าเดิมพันอีกได้อย่างไรฉางเจินส่ายหน้า บอกไปตามตรง "คุณหนูสาม พวกเรามาประลองศิลปะ ไม่ได้มาเพี่อวางเดิมพัน ความชอบของคุณหนูสาม พวกเราเข้าใจ ขอโปรดคุณหนูสามไปถามคนอื่นเถิด""มีแต่หนอนหนังสือ น่าเบื่อชะมัด"กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้น หันไปมองอี้เฉินเฟยที่นั่งอย่างสง่างาม กระพริบตาปริบๆ พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "คุณชายอี้ ตาเมื่อกี้ เจ้าไม่นึกเสียใจใช่หรือไม่""แน่นอนว่าไม่ หลังการประลองศิลปะจบลง ข้าน้อยอี้จะทำตามบัญชาคุณหนูสามทุกประการ"ผู้ชมส่งเสียงฮือฮาเล่าลือกันว่าอี้เฉินเฟย คุณชายอี้ผู้นี้เป็นคนมีเมตตา แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะใจเย็นขนาดนี้เขาคืออัจฉริยะเลื่องชื่อ ทั้งยังเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของสำนักขงจื้อ ชาติกำเนิดสูงส่ง แต่กลับเล่นสนุกกับหญิงอัปลักษณ์ไม่เอาไหนเขาดูไม่ออกหร
ก่อนที่เด็กหนุ่มจะตอบ กู้ชูหน่วนก็ลูบคางพลางเอ่ยอย่างใจเย็นว่า “ด้วยความสามารถของเจ้า เจ้าคงคิดว่าการตัดแขนขา ควักตา และตัดหูของข้าคงง่ายดายราวกับบี้มดตัวหนึ่งใช่หรือไม่? ถ้าเช่นนั้น ทำไมเจ้าถึงต้องลำบากเขาด้วย?”“หรือว่าเขามีเรื่องบาดหมางกับเจ้า เจ้าเลยเกลียดเขา? จุ จุ จุ ดูท่าทางของเขาสิ ช่างน่าสงสารเสียจริงๆ ข้าว่าคงไม่กล้าเป็นศัตรูกับเจ้าหรอก ให้ข้าเดานะ เจ้าคงอิจฉาเขามากกว่า อิจฉาที่เขามีหน้าตาหล่อเหลากว่าเจ้า หรืออาจอิจฉาที่เขาได้ดิบได้ดีในเผ่าหมอมากกว่าเจ้า เลยคิดแผนทรมานเขา”ทุกครั้งที่กู้ชูหน่วนพูดสีหน้าของเจียงซวี่ก็ยิ่งแย่ลงไปเรื่อยๆ แววตาที่โหดเหี้ยมก็ยิ่งรุนแรงขึ้น“ดูเหมือนข้าจะเดาถูกนะ” กู้ชูหน่วนมองเด็กหนุ่มราวกับสงสารเขา“ลองดูตัวเองสิ ติดตามนายอะไรเนี่ย กลับตัวกลับใจเถิด เจ้าปกป้องข้าจนโดนแทงมาขนาดนี้ ข้าจะดูแลเจ้าอย่างดี”เด็กหนุ่มไม่แม้แต่จะมองกู้ชูหน่วน แค่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆเจียงซวี่หัวเราะลั่นทันที “เดาถูกแล้วจะอย่างไร ข้าแค่ต้องการเห็นเขาทรมาน เขาใจดีนักมิใช่หรือ ข้าอยากจะดูว่า เพื่อให้มีรอดชีวิต เขาจะยอมฆ่าเจ้าหรือไม่”“ข้าขอเดาเพิ่มนะ คงเป็นครั้งแรกที่เจ้
กู้ชูหน่วนกะพริบตาอย่างไร้เดียงสา "เป็นพวกเจ้าเองที่พาข้าวิ่งมาตลอดทาง และมองข้าเป็นหญิงผู้อ่อนแอที่ไม่มีทางสู้ แล้วข้าจะไม่ตอบสนองความต้องการแบบผู้ชายเป็นใหญ่ของพวกเจ้าได้อย่างไร""…"เซียวอวี่เชียนโกรธจนตัวสั่นเด็กหนุ่มก็สีหน้าไม่สู้ดีมีดาบจำนวนมากขนาดนี้ หมายความว่าพวกเขาโดนฟันอย่างเปล่าประโยน์เมื่อเห็นว่ามีคนกลุ่มใหม่ล้อมพวกเขาเข้ามา กู้ชูหน่วนก็หรี่ตาลง มุมปากยกขึ้นยิ้มเยาะ "ตัวเอกมาแล้ว"ในขณะที่เซียวอวี่เชียนและเด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้น ทั้งคู่ก็แข็งทื่อดวงตาเย็นชาของเด็กหนุ่มหรี่ลงทันที หายใจหนักขึ้น ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อยกู้ชูหน่วนมองออกเขากำลังกลัว กลัวคนกลุ่มนี้เซียวอวี่เชียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง "หน้ากากกะโหลก พวกเจ้าเป็นคนของสิบสองกองธงแห่งเผ่าหมอใช่หรือไม่?เผ่าหมอ?เหอะ โลกยุทธภพมีเผ่าหมอด้วยหรือ?กู้ชูหน่วนพิจารณาอีกฝ่ายอย่างละเอียดแต่กลับพบว่าอีกฝ่ายมีเพียงสามสิบหกคนเท่านั้น แต่ละคนถือธงบุปผา และสวมเสื้อคลุมสีดำ ใบหน้าปิดด้วยหน้ากากกะโหลกศีรษะหัวหน้าคือชายหนุ่มวัยยังน้อย ผู้ซึ่งไม่ได้สวมหน้ากาก ใบหน้าดูหล่อเหลา แต่แววตากลับเผยความโหดเหี้ยมเป็นระยะ
"ปัง..."เสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับระเบิดกลางอากาศดังขึ้นอีกครั้งหญิงวัยกลางคนงถอยหลังไปหลายก้าว ใบหน้าซีดเผือก เด็กหนุ่มกระอักเลือดออกมาหนึ่งอึก อวัยวะภายในปั่นป่วนอย่างรุนแรง หากไม่เกาะผนังไว้ คงล้มลงไปแล้ว“เจ้ากล้าใช้การต่อสู้แบบแลกชีวิตมาสู้กับข้าอย่างนี้หรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่า หากสู้กันต่อ ข้าอาจไม่ตาย แต่เจ้าต้องตายแน่”“แค่ชีวิตสกปรกโสโครก ตายไปก็ตายไป” เด็กหนุ่มพยายามกลืนเลือดที่ค้างอยู่ในคอลง ให้ตัวเองดูเป็นปกติมากที่สุดหญิงวัยกลางคนตะคอก “ตกลงนางกับเจ้าเป็นอะไรกันแน่?”“ไม่เป็นอะไรทั้งนั้น แค่ไม่อยากให้เจ้าได้กระดิ่งภินวิญญาณนั่น”“ดีมาก บัญชีนี้พวกข้าเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซานจะจดจำไว้ เจ้าจงรอรับการล้างแค้นอย่างบ้าคลั่งของพวกข้าได้เลย”หญิงวัยกลางคนเบิกตาจ้องกู้ชูหน่วนและเด็กหนุ่ม ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง สุดท้ายก็ไม่รู้ว่านึกถึงอะไรจึงจากไปด้วยความแค้นหลังนางจากไป เด็กหนุ่มก็รีบกุมหน้าอกแน่น กระอักเลือดออกมาอีกหนึ่งอึกใหญ่ ขาของเขาคุกเข่าลงไปโดยไม่รู้ตัว ราวกับกำลังแบกรับความเจ็บปวดอันแสนสาหัส"ไม่เป็นไรใช่หรือไม่"กู้ชูหน่วนทิ้งเมล็ดแตงโม แล้วเดินไปหาเขา"ปัง
หญิงวัยกลางคนเดิมทีตั้งใจจะจัดการกับเด็กหนุ่มก่อน แล้วค่อยกลับมาจัดการกู้ชูหน่วน แต่ปรากฏว่าคำพูดของกู้ชูหน่วนฟังไม่เข้าหู นางจึงเปลี่ยนใจทันที"สาวน้อยปากดีนักนะ เอากระดิ่งภินวิญญาณมาให้ข้า ข้าอาจให้เจ้าตายอย่างสงบ แต่หากไม่ เจ้าจะจมกองเลือด""ข้าเป็นคนที่ใครก็มาข่มขู่ได้อย่างนั้นหรือ?" กู้ชูหน่วนเลิกคิ้วย้อนถาม"เหอะ เด็กน้อยผู้ไร้เดียงสา"หญิงวัยกลางคนส่งเสียงเหยียดหยาม นางเหยียบปลายเท้าเบาๆ แล้วปลดปล่อยหัตถ์โลหิตออกไปโจมตีกู้ชูหน่วนกู้ชูหน่วนพิงกำแพงไว้ กอดอก ยืนสงบนิ่ง ราวกับมั่นใจว่าเด็กหนุ่มต้องมาช่วยนางแน่ๆและก็เป็นอย่างที่นางคิด ขณะที่เด็กหนุ่มกำลังถูกเหล่านักฆ่าล้อมอยู่ เขาก็ยังสามารถเตะหม้อเหล็กจากร้านตีเหล็กไปขวางการโจมตีของหญิงวัยกลางคนได้ทันหม้อเหล็กสัมผัสกับหัตถ์โลหิตแล้วละลายทันทีแม้แต่เหล่านักฆ่าชุดดำก็ตกตะลึงพลังปีศาจโลหิตแข็งแกร่งมากสามารถละลายหม้อเหล็กได้ในพริบตา พลังภายในต้องแข็งแกร่งเพียงใดเด็กหนุ่มเบิกตากว้าง ไม่คาดคิดว่าพลังปีศาจโลหิตของหญิงวัยกลางคนจะร้ายกาจขนาดนี้ เขาอยากจะไปช่วยกู้ชูหน่วน แต่ถูกล้อมไว้ ชายแคระก็พุ่งเข้ามาโจมตีเขาไม่หยุด แทบอ
ชายแคระปากบอกว่าได้ แต่ดาบในมือกลับฟาดแรงขึ้นทุกที ร้องเสียงดังลั่นด้วยน้ำเสียงหยาบกร้าน“หนุ่มน้อย นางผู้นี้มีความสัมพันธ์อะไรกับเจ้าถึงได้ปกป้องนางด้วยชีวิตเช่นนี้?”เด็กหนุ่มไม่ตอบ เพียงแต่ตั้งสมาธิรับมือการต่อสู้แต่หญิงวัยกลางคนกลับหัวเราะคิกคักตอบว่า “เขาเป็นของข้า จะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับยัยขี้เหร่เล่า มากสุดก็แค่อยากได้กระดิ่งภินวิญญาณเท่านั้น”“ของที่พวกข้าเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซานต้องการ เจ้าก็กล้าแย่ง? กล้ามากเลยนะ”"ปัง..."ดาบโจมตีไม่โดนเด็กหนุ่ม แต่กลับผ่ากำแพงดินหลังเด็กหนุ่มออกเป็นสองท่อน กำแพงดินที่แข็งแกร่งพังทลายลงจนเสียงดังกึกก้อง“เจ้าห้า หลังจากวันนี้ไป เขาอาจเป็นคนของพวกเราเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซาน เจ้าลงมือเบาหน่อย อย่าทำร้ายเขาจนพิการ”“รู้แล้ว รำคาญเสียจริง”กู้ชูหน่วนยืนอยู่ข้างๆ มองการต่อสู้ในสนามด้วยท่าทีผ่อนคลายชายแคระมีกำลังมาก มีพลังภายในแก่กล้า และลงมือด้วยกำลังอันป่าเถื่อน ส่วนเด็กหนุ่มกลับมีดวงตาเย็นชาและสงบนิ่ง มือเล็กยกขึ้นเบาๆ เสียงพิณกระทบกับดาบ ทุกครั้งที่พุ่งชนกัน ดาบราวกับวัวตกลงไปในทะเลโคลน อ่อนปวกเปียก ไม่ว่าจะฟาดอย่างไรก็ไม่โดนเด็กหนุ่
กู้ชูหน่วนและเด็กหนุ่มชุดดำถูกกลุ่มคนล้อมไว้ พูดให้ถูกคือ กู้ชูหน่วนถูกพวกเขาล้อมไว้ แต่เนื่องจากเด็กหนุ่มยืนอยู่ข้างๆ นางจึงติดร่างแหไปด้วย พวกที่ล้อมพวกเขามีถึงหลายสิบคน ทุกคนสวมชุดดำปิดบังใบหน้า ถือเคียว และมีสายตาที่ไม่เป็นมิตรหัวหน้าคือชายแคระตัวเตี้ยกับหญิงวัยกลางคนผู้เย้ายวนหญิงวัยกลางคนผู้เย้ายวนส่งสายตามองเด็กหนุ่มอย่างเร้าร้อน "โอ้ หนุ่มน้อย แค่มองรูปร่างของเจ้า ข้าก็น้ำลายไหลแล้ว อยากจะให้เจ้าถอดหน้ากากออก แล้วให้ข้าได้ดูแลเจ้าดีหรือไม่""เจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซาน" เด็กหนุ่มค่อยๆ เอ่ย"เจ้าตาดีไม่เบา พวกเราหลบซ่อนอยู่ในเขาอินซานมานานหลายปี ไม่คิดว่าจะมีใครจำพวกเราได้""แล้วอีกสองคนล่ะ""แค่พวกเจ้าสองคน ไม่จำเป็นต้องใช้พวกเราทั้งสี่คนหรอก" ชายแคระแบกดาบใหญ่ ดาบนั้นสูงกว่าตัวเขา ทำให้ดูไม่สมส่วนเขาเสียงดัง หน้าตาอัปลักษ์ ตาโปน ราวกับเป็นดวงตาของปลาตาย แต่ร่างกายของเขากลับเต็มไปด้วยพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวกู้ชูหน่วนพยายามค้นหาความทรงจำในสมองของนาง นางพอจะจำได้เลือนลางเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซานมีเจ็ดคน แต่ละคนวิทยายุทธเก่งกาจและโหดเหี้ยมมาก พวกเขาฆ่าคนเป็นว่าเล่น เมื่อหล
กู้ชูหน่วนเดินมาหยุดอยู่หน้าร้านตีเหล็กกลางเมืองหลวง ริมฝีปากยกขึ้นยิ้มอย่างเกียจคร้านราวกับกำลังพูดกับตนเอง“คืนนี้มืดมิดเงียบสงบ ไม่มีใครอยู่รอบข้าง ใต้เท้าจะไม่ออกมา หรือว่าจะให้ข้าพากลับบ้านไปต้มหม้อไฟดี?”ในความมืดมิด ปรากฏเด็กหนุ่มสวมหน้ากากดำถือพิณเดินออกมาอย่างช้าๆ ร่างกายเปล่งประกายด้วยความเย็นชาเด็กหนุ่มวัยยังน้อย รูปร่างสูงโปร่งสมส่วน โดยเฉพาะชุดรัดรูปที่สวมใส่ ทำให้เห็นรูปร่างที่สมบูรณ์แบบของเขาอย่างชัดเจนหลังของเขาแบกพิณสีดำสนิท ดูสะดุดตาเป็นอย่างยิ่งท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมืดออกมาเพื่อลอบสังหาร แล้วยังแบกพิณมาด้วย คนผู้นี้ช่างมีรสนิยมจริงๆกู้ชูหน่วนพิจารณาเขาอย่างละเอียด รู้สึกว่าดูคุ้นตานางกะพริบตาปริบๆ ยิ้มเอ่ยว่า “หนุ่มน้อย รูปร่างดีจริงๆ ไม่รู้ว่าหน้าตาจะหล่อเหลาแค่ไหน หากว่าหล่อจริง ข้าอาจจะยอมให้จีบก็ได้นะ”เด็กหนุ่มหน้าตายเอ่ยเพียงประโยคเดียวว่า “ข้าต้องการเพียงกระดิ่งภินวิญญาณ”“เช่นนั้นเจ้าบอกข้าทีว่า เจ้าต้องการกระดิ่งภินวิญญาณไปทำไม หรือจะตอบว่ากระดิ่งภินวิญญาณนี้มีอะไรซ่อนอยู่ก็ได้นะ หากคำตอบของเจ้าทำให้ข้าพอใจ ข้าจะมอบมันให้เจ้า”“ข้าต้องการเพียงแ
"ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง..."อาวุธลับฝังเข้าไปในผนัง ลึกเข้าไปในเนื้อไม้สามส่วน เซียวอวี่เชียนสะดุ้งจนคอหดอาวุธลับนี้ หากโดนคนเข้าล่ะก็ คงทะลุร่างแน่นอน"ใคร? ใครลอบโจมตี?" เซียวอวี่เชียนตะโกนลั่นสำนักบัณฑิตหลวงมียอดีมือคอยปกป้องจำนวนมากเช่นนี้ ยังมีคนแอบเข้ามาฆ่าคนได้อีกหรือ? ช่างจองหองเกินไปแล้วกู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว กำกระดิ่งภินวิญญาณในมือแน่นโดยไม่รู้ตัวนางแสร้งทำเป็นผ่อนคลายและยิ้มเอ่ยว่า "ก็แค่พวกโจรขโมยชั้นต่ำ พวกเขาคงเห็นว่าข้าชนะการเดิมพันมามาก เลยเกิดความโลภน่ะ"เซียวอวี่เชียนแม้จะเจ้าสำราญไปบ้าง แต่เขาก็ไม่ได้โง่อาวุธลับสามสิบแปดเล่มนั้นมาพร้อมกับกระบวนท่าสังหาร ผู้มาเยือนไม่ได้คิดจะปล่อยให้ยัยขี้เหร่มีชีวิตอยู่และที่นี่คือสำนักบัณฑิตหลวงแม้ว่าโดยทั่วไปแล้วที่นี่จะดูไม่มีอะไรพิเศษ แต่ทุกคนก็รู้ดีว่า รอบๆ สำนักบัณฑิตหลวงมียอดฝีมือซ่อนตัวอยู่จำนวนมากเมื่อใดก็ตามที่มีคนคุกคามชีวิตนักเรียน เหล่าองครักษ์ลับก็จะออกมาปกป้องทันที"ยัยขี้เหร่ พวกโจรขโมยทั่วไปไม่มีวิทยายุทธตัวเบาที่เก่งกาจเพียงนี้หรอก ข้าว่าพวกเขาต้องการเอาชีวิตเจ้านะ""เอาชีวิตอะไรเล่า ข้าไม่ได้ล่วงเกินใครซัก
ทุกคนต่างถือว่ากระดิ่งภินวิญญาณเป็นสิ่งล้ำค่า ไม่มีใครคิดจะทุบมัน แต่กู้ชูหน่วนกลับคิดนอกกรอบทุบไปหนึ่งทียังไม่แตกกู้ชูหน่วนจึงทุบซ้ำไปซ้ำมาหลายหน แต่ก็ยังไม่แตกจนสุดท้ายนางก็เหนื่อยหอบ"กระดิ่งอะไรเนี่ย แข็งมาก ทุบเท่าไหร่ก็ไม่แตกซักที"เมื่อการทุบกระดิ่งไม่ได้ผล กู้ชูหน่วนก็ลองใช้วิธีอื่นดู เผาด้วยไฟ ลวกด้วยน้ำ แช่ด้วยยา แต่ก็ไม่มีวิธีใดได้ผลกับกระดิ่งภินวิญญาณเลยสักวิธีเดียวไม่รู้ว่ากระดิ่งภินวิญญาณทำมาจากอะไร ถึงได้แข็งแกร่งทนทานขนาดนี้ ไม่ว่าจะใช้ดาบหรือหอกก็ทำอะไรไม่ได้แม้แต่หยกจันทร์เสี้ยว ไม่ว่าจะตรวจสอบอย่างไรก็หาคำตอบไม่ได้กู้ชูหน่วนเริ่มโมโห นางจึงหยิบอิฐขึ้นมา ตั้งใจจะทุบหยกจันทร์เสี้ยวเพื่อดูโครงสร้างภายในแต่หยกชิ้นนี้มีค่าถึงห้าสิบล้านตำลึง นางจึงลังเลใจ ทำให้มือที่ถืออิฐสั่นเทาหากไม่มีสิ่งใดอยู่ภายในหยก หรือหากหยกแตกละเอียดเป็นเสี่ยงๆ เงินห้าสิบล้านตำลึงของนางก็จะสูญเปล่าขณะนี้กู้ชูหน่วนถึงได้เข้าใจว่ายามนั้นไทเฮาต้องรู้สึกเจ็บปวดมากเพียงใด"ตุ้บ..."นางกัดฟัน ก่อนจะเหวี่ยงอิฐก้อนใหญ่ทุบลงไปบนหยกอย่างแรง จนหยกงดงามแตกละเอียดหยกจันทร์เสี้ยวแตกแล้ว