เหตุการณ์ครั้งนี้ เจ๋ออ๋องเกือบต้องแลกด้วยชีวิตหมอหลวงหิ้วกระเป๋ายาวิ่งเขามาตรวจอาการเซียวอวี่เชียนกลืนน้ำลาย "ยัยขี้เหร่ นี่เจ้าจงใจสาดน้ำผึ้งใส่ตัวเจ๋ออ๋องหรือ""เหลวไหล นั่นเป็นเพราะข้ากลัว ป้องกันตัวเพราะเหตุคับขันต่างหาก"กลัว?นางกลัวเป็นกับเขาด้วยหรือ?เช่นนั้นแม่หมูคงปีนขึ้นต้นไม้ได้แล้วกระมัง"ยัยขี้เหร่ เหตุใดผีเสื้อถึงได้ตอมภาพดอกโบตั๋นของเจ้า? เจ้าไม่ได้ใช้กลโกงน้ำผึ้งหรอกหรือ?"กู้ชูหน่วนยิ้มชอบใจ เอ่ยเสียงยานคาง "เพราะข้าวาดเก่งต่างหาก""เชื่อกับผีน่ะสิ" เซียวอวี่เชียนเลียนน้ำเสียงนาง เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ก็สะใจที่ได้เห็นเจ๋ออ๋องอเนจอนาถเพราะตรวจหาหลักฐานว่าภาพดอกโบตั๋นของกู้ชูหน่วนนั้นใช้กลโกงใดไม่พบ รอบนี้จึงตัดสินให้กู้ชูหน่วนและเยี่ยเฟิงชนะ ครองอันดับหนึ่งร่วมกันกู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นเห็นใจ เอ่ยเสียงน่าสงสาร "เจ๋ออ๋อง ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่ได้โกง แต่เจ้าก็ไม่ยอมเชื่อ ดูสิ เหล่าผึ้งถึงได้มาประท้วง""กู้ชูหน่วน ข้าจะฆ่าเจ้า..."เจ๋ออ๋องยืนขึ้นอย่างทุลักทุเล ยากจะบีบกู้ชูหน่วนให้แหลก แต่เพราะถูกผึ้งต่อยสาหัส เขาเพิ่งลุกยืนขึ้นได้ก็ล้มคว่ำคะมำหงายเสียงอย่า
ขันทีหม่าเสียงตื่นตระหนก "รอบต่อไปคือการแข่งขันหมากล้อม เทพหมากล้อมตั้งค่ายกลวิจิตร หากผู้ใดแก้กลค่ายนี้ได้ ก็จะเป็นผู้ชนะไป"กู้ชูหน่วนฟังแล้วก็เกาหู เอ่ยอย่างสงวัย "ข้าเป็นเจ้าบ้านมิใช่หรือ? เหตุใดถึงกลายเป็นถึงผู้เฒ่าหลากล้อมไปได้""เอ่อ..."ขันทีหม่าอยากจะเตือนนางหลายสิบปีมานี้ไม่มีผู้ใดแก้ค่ายกลวิจิตรของเทพหมากล้อมได้ คราวนี้เทพหมากล้อมมาถึงสำนักบัณฑิตหลวง คงอยากจะแข่งกับอาจารย์ซ่างกวาน แต่อาจารย์ซ่างกวานกลับไม่ยอมรับคำเชิญ เทพหมากล้อมจึงต้องลงประลองศิลปะ ดูซิว่าจะมีใครล้มค่ายกลนี้ได้หมากกระดานนี้ ต่อให้อาจารย์ซ่างกวานกับคุณชายอี้ช่วยกันก็ใช้ว่าจะแก้ได้ ทางที่ดีคุณหนูสามอย่าบ้าดีเดือดนักเลยเทพหมากล้อมลูบเคราขาวพลางหัวเราะชอบใจ "แม่หนูน้อย ข้าไม่อยากเอารังแกเจ้าหรอกนะ หากเจ้าเดินหมากได้ถึงสามตา ก็ถือว่าเจ้าชนะกระดานนี้แล้ว""ตาเฒ่า เจ้าลืมไปแล้วหรือไร เจ้าแพ้ให้ข้ามาแล้วนะ แล้วหนึ่งแสนตำลึงที่ติดค้างข้าอยู่เมื่อใดจะได้"ผู้เฒ่าเทพหมากล้อมสะอึก ยิ้มเจื่อนพลางล้วงเงินหนึ่งแสนตำลึงออกมาจากอก แล้วโยนให้นาง "เมื่อครู่พลาดพลั้งไปก็เท่านั้น คราวนี้ข้าเองก็อยากเห็นนักว่าเจ้าจะทำ
คงเป็นเพราะบวมช้ำรุนแรง แม้แต่ตอนพูดเจ๋ออ๋องยังรู้สึกเจ็บปวดเกินทน เสียงที่เปล่งออกมาก็ฟังไม่ชัดเลยสักนิดกู้ชูหน่วนเอ่ยเสียงฮึดฮัด "ช่างเป็นใบหน้าที่อัปลักษณ์เหลือเกิน เฮ้อ โชคดีที่ถอนหมั้นไปแล้ว ไม่อย่างนั้นข้าคงต้องพะอืดพะอมมันเสียทุกวันเป็นแน่"ไฟโกรธของเจ๋ออ๋องโหมกระพือหญิงอัปลักษณ์เช่นนางกล้าดีอย่างไรถึงได้รังเกียจเดียจฉันท์ว่าเขาขี้เหร่"แน่จริงเจ้าก็ปลดผ้าคลุมหน้าออกสิ จะปกปิดไปใย""ข้ากลัวว่าเจ้าจะอิจฉาในใบหน้าอันงดงามของข้าน่ะสิ""แหวะ..."เจ๋ออ๋องเกือบจะอาเจียนออกมาใบหน้าแปลกประหลาดเป็นหลุมเป็นบ่อของนางนั่นหรือ ที่เขาจะอิจฉา"กู้ชูหน่วน แน่จริงก็มาเดิมพันกันอีกสักตา""ได้สิ แต่คราวนี้ถ้าต่ำกว่าสามล้านตำลึง ข้าไม่เดิมพันด้วยหรอกนะ""ได้ สามล้านตำลึงก็สามล้านตำลึง หากเจ้าเอาชนะพวกข้าห้าคนไม่ได้ นอกจากเจ้าจะต้องแก้ผ้าวิ่งหนึ่งร้อยรอบแล้ว ข้าจะตัดมือทั้งสองข้าของเจ้าด้วย"กู้ชูหน่วนตอบตกลงโดยไม่ลังเล "ได้ เช่นนั้นทุกท่านเป็นพยาน ท่านอ๋องผู้แสนโง่เขลานี้พูดกับปากตัวเองว่าจะให้เงินสามล้านตำลึงกับข้า ข้ามิได้ขูดรีดเขาแต่อย่างใด"ทุกคนหมดคำจะพูดพวกเขาไม่รู้ว่าควรจะพ
กู้ชูหน่วนคว้าก้านอ้อยขึ้นมากัดอย่างสบายใจ หันไปมองสองยอดฝีมือจากแคว้นจ้าวพลางผิวปาก"พวกเจ้าสองคนอยากเดิมพันกับข้าอีกหรือไม่?"ฉางเจินกับฉางผิงมุมปากกระตุกหญิงผู้นี้เป็นผีพนันหรืออย่างไร? คำก็เดิมพันสองคำก็เดิมพันตาเมื่อครู่พวกเขาเพิ่งแพ้ไป ทำเอาคุณชายอี้ต้องเล่นกับนางอีกตั้งเจ็ดวัน พวกเขาก็รู้สึกมากพอแล้ว จะกล้าเดิมพันอีกได้อย่างไรฉางเจินส่ายหน้า บอกไปตามตรง "คุณหนูสาม พวกเรามาประลองศิลปะ ไม่ได้มาเพี่อวางเดิมพัน ความชอบของคุณหนูสาม พวกเราเข้าใจ ขอโปรดคุณหนูสามไปถามคนอื่นเถิด""มีแต่หนอนหนังสือ น่าเบื่อชะมัด"กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้น หันไปมองอี้เฉินเฟยที่นั่งอย่างสง่างาม กระพริบตาปริบๆ พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "คุณชายอี้ ตาเมื่อกี้ เจ้าไม่นึกเสียใจใช่หรือไม่""แน่นอนว่าไม่ หลังการประลองศิลปะจบลง ข้าน้อยอี้จะทำตามบัญชาคุณหนูสามทุกประการ"ผู้ชมส่งเสียงฮือฮาเล่าลือกันว่าอี้เฉินเฟย คุณชายอี้ผู้นี้เป็นคนมีเมตตา แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะใจเย็นขนาดนี้เขาคืออัจฉริยะเลื่องชื่อ ทั้งยังเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของสำนักขงจื้อ ชาติกำเนิดสูงส่ง แต่กลับเล่นสนุกกับหญิงอัปลักษณ์ไม่เอาไหนเขาดูไม่ออกหร
เจ๋ออ๋องปวดไปทั้งเนื้อทั้งตัว เจ็บจนนั่งไม่ติดที่ เขาอยากจะจบหมากกระดานนี้โดยเร็ว แต่เข้าจ้องมาครึ่งค่อนวันแล้วก็เหมือนกับฉางเจินและฉางผิง ไม่รู้เลยว่าจะเดินไปทางไหน แต่เพราะร้อนรน ความเจ็บปวดของร่างกายยิ่งทำให้ทรมาน เขาแกะเกาจนถลอกไปทั้งตัวกู้ชูหน่วนเอ่ยหยอก "เจ๋ออ๋อง ทรมานปานนี้ ยอมแพ้แล้วไปรักษาตัวไม่ดีกว่าหรือ ถึงอย่างไรก็ต้องเสียสามล้านตำลึงอยู่ดี สำหรับเจ้า ข้าเชื่อว่าแค่นี้คงเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย"เจ๋ออ๋องเคยคิดว่าจะยอมแพ้ตานี้ เพราะค่ายกลวิจิตรอันแสนล้ำลึกนี้ กู้ชูหน่วนเองก็ไม่มีทางแก้ได้แน่นอนแต่พอได้ยินนางพูดดังนั้น เจ๋ออ๋องจึงฝืนอดทน กัดฟันนั่งต่อไปเงินสามล้านตำลึง นางคิดว่าเป็นสามร้อยตำลึงหรือ คิดจะทิ้งขว้างอย่างไรก็ได้?เพิ่งเสียไปสองล้านตำลึง ป่านนี้ที่บ้านคงไม่เหลืออะไรแล้ว หากยังแพ้อีกเขาคงต้องเที่ยวไปยืมเงินคนอื่นเทพหมากล้อมเดินหมากเป็นคนแรก หมากก้าวนั้นของเขาเดินเหมือนไม่ได้เดิน เพราะทั้งกระดานไม่ได้เปลี่ยนแปลงเพราะหมากตัวนั้นของเขาเลย"ตาข้าแล้วหรือ"กู้ชูหน่วนหยิบหมากขาวขึ้นมา มองไปยังหมากที่อัดแน่นเต็มกระดาน คล้ายกับลังเลว่าจะเดินไปทางไหนผู้ชมจับจ้องที่ห
"เช่นนั้นแล้วข้าไม่ได้เดินผิดใช่หรือไม่? โชคดีๆ ตกใจแทบแย่ ว่าแต่เหตุใดพวกเจ้าถึงไม่เดินเล่า? รีบเล่นให้จบ ข้าจะได้กลับไปนอนเร็วๆ"ผู้ชมมุมปากกระตุกนอนอะไรอีก?เดินอะไรเล่า?หมากนี้ตายทั้งกระดานแล้ว จะเดินไปทางไหนก็ตัน จะให้พวกเขาวางหมากตรงไหนเจ๋ออ๋องลุกลี้ลุกลน อยากจะล้มกระดานให้มันรู้แล้วรู้รอดมีแต่ทางตัน หมากล้อมเช่นนี้ใครจะเล่นได้?จากนั้นทุกครั้งที่เทพหมากล้อมเดินหมาก กู้ชูหน่วนก็ขวางเขาได้ทุกทางเขาถอย กู้ชูหน่วนก็ถอยเขาบุก กู้ชูหน่วนก็บุกหนึ่งสิ่งที่เหมือนกันก็คือ ทุกครั้งกู้ชูหน่วนจะทิ้งงานยากให้เขาเสมอ ทำเขาโมโหจะต้องทึ้งผม ไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนจงใจแกล้งเขาหรืออย่างไรเพราะนางทำหน้าใสซื่อ ยิ้มไร้เดียงสาเยี่ยเฟิงเองก็เดินไปแล้วสี่ตา แต่ละตานั้นถูกกู้ชูหน่วนสวนกลับได้ทั้งหมดฉางเจินกับฉางผิงได้แต่เฝ้าดู เพราะพวกเขาไม่มีปัญญาแม้จะเดินสักตาเจ๋ออ๋องนั่งไม่ติดที่ คันคะเยอไปทั้งตัว ใบหน้าหล่อเหลาถูกเขาเกาจนเลือดห้อ แถมยังมีส่วนลับของร่างกายอีกหลายแห่งที่ไม่อาจล้วงเกาต่อหน้าผู้อื่นได้ ทำได้เพียงอดทนเอาไว้ทว่าเขาทนต่อไปไม่ไหวแล้วหยิบหมากลงเดินอย่างขอไปทีกู้ชูห
นางยิ่งไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าเทพหมากล้อมจะคุกเข่าลงตรงหน้า เคารพนางเป็นอาจารย์เสียอย่างนั้นกู้ชูหน่วนไม่มีกะใจจะแทะอ้อยต่อไป สะบัดอ้อยในมือทิ้งแต่บังเอิญว่าสะบัดไปโดนหัวของเจ๋ออ๋อง ทำเอาเจ๋ออ๋องหัวปูนโนเป็นลูก"กู้ชูหน่วน เจ้าจงใจแกล้งข้าใช่ไหม"กู้ชูหน่วนชะงักไปสาบานต่อฟ้าดิน ครั้งนี้นางไม่ได้ตั้งใจแกล้งเขาจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าอ้อยต้นนั้นมีลูกตาหรืออย่างไร ถึงได้ชอบลงโทษคนชั่วอยู่เรื่อย"เป็นแค่คุณหนูสามของจวนอัครเสนาบดี แต่กลับกล้ากลั่นแกล้งข้าครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือไร?"ริมฝีปากของเจ๋ออ๋องบวมเจ่อมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ คำที่พูดออกมาแทบฟังไม่รู้เรื่อง ทุกคนได้ยินไม่ชัดเลยว่าเขาพูดอะไรกู้ชูหน่วนพยักหน้าขมวดคิ้ว "ข้ารู้ว่าเจ้าน้อยเนื้อต่ำใจ โธ่ แพ้ให้ข้าไม่น่าอายหรอกน่า อย่างไรเสียข้าก็เป็นคนแคว้นเย่ มิใช่คนแคว้นจ้าว แคว้นหวา หรือแคว้นฉู่ ถึงฮ่องเต้จะมอบแก้วแหวนเงินทองให้ ก็ไม่มีทางตกเป็นคนของคนแคว้นอื่น""พูดจาเหลวอะไรข้องเจ้า....""ใช่ๆ เจ้าเจ็บหนัก เจ้าวางใจเถิด ข้าจะไม่รังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า แต่เดิมพันย่อมมีแพ้ชนะ เช่นนั้นแล้วเงินสามล้านตำลึง เจ๋ออ๋องก็ยังต้องจ่าย
แคว้นฉู่และแคว้นหวากำลังห้ำหั่นกัน แทบจะปะทะกันได้ทุกเมื่อ อี้เฉินเฟยไกล่เกลี่ย "ท่านทั้งหลายใจเย็นเถิด งานประลองศิลปะนั้นจัดขึ้นเพื่อประชันฝีมือ ได้เข้าร่วมเป็นสำคัญ แพ้ชนะนั้นเป็นเรื่องรอง"อี้เฉินเฟยไม่เกี่ยวจะพูดอย่างไรก็ได้พวกเขาอุตส่าห์ตั้งอกตั้งใจ เดินทางไกลเป็นพันลี้มายังแคว้นเย่ ก็เพื่อกระดิ่งภินวิญญาณบ้าบออะไรนั่นยามนี้พ่ายแพ้แล้ว ก็เท่ากับว่าได้แต่มองผู้อื่นชิงกระดิ่งภินวิญญาณตาปริบๆพวกเขาตั้งใจว่าจะสวนกลับ แต่พอนึกดูแล้วอี้เฉินเฟยเป็นบัณฑิตคงแก่เรียน ทั้งๆ ที่มีโอกาสเป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว แต่เขากลับยอมแพ้นั่นพิสูจน์แล้วว่าเขาไม่สนใจกระดิ่งภินวิญญาณสักเท่าไร แล้วพวกเขาจะเอาหน้าที่ไหนเป็นตอกกลับความสัมพันธ์ของแคว้นหวาและแคว้นฉู่นั้นเดิมทีก็เปราะบางอยู่แล้ว แต่เปราะบางกว่าเดิมเพราะคำพูดประโยคนั้นกู้ชูหน่วนชนะแล้ว ว่าตามหลักแล้วอัครเสนาบดีกู้ก็กู้หน้าคืนได้มาบ้างแต่สีหน้าของเขายังถมึงทึงเช่นเดิมชนะเช่นนี้ ไร้ซึ่งเกียรติยศ แถมยังเป็นลูกสาวคนที่สามของเขาอีก มีแต่ยิ่งเกลียดชังเข้าไปใหญ่"ยัยขี้เหร่ชนะเสียอย่างนั้น" เซียวอวี่เชียนพึมพำกับเอง ราวกับฝันไปอย่างไรอย่างน
ครั้งนี้ นางใช้โชคเข้าปะทะชีพจรยุทธ ทุกครั้งที่ใกล้จะทะลวงชีพจรยุทธได้สำเร็จ นางจะคว้ายาชำระไขกระดูกจำนวนมากมากินเพื่อเพิ่มพลังงานเช่นเดียวกับครั้งก่อนๆ ทุกครั้งที่นางเพิ่งจะเปิดรอยแยกได้ ก็จะปิดลงทันที กู้ชูหน่วนไม่ยอมแพ้ นางทะลวงครั้งแล้วครั้งเล่าไม่รู้ว่าใช้เวลานานเท่าไหร่ ในที่สุดนางก็เปิดชีพจรยุทธได้สำเร็จ"เฮือก......"เลือดสดอีกคำไหลหยดออกมา คนอื่นทะลวงชีพจรยุทธแล้วจะรู้สึกสบายไปทั้งตัว มีพลังงานเต็มเปี่ยม แต่นางกลับเหมือนหนีความตายมาได้ และเกือบเอาชีวิตนางไปกู้ชูหน่วนคราบเลือดติดมุมปาก แต่นางก็แย้มรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมานางพยายามใช้โชคหมุนเวียนพลังงานภายในร่างกาย เปลวไฟกลุ่มหนึ่งในตันเถียนของนางกำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และร่างกายของนางก็เบาขึ้นกว่าเดิมมากนางมีพลังภายในแล้ว...... แม้ว่าพลังภายในจะอ่อนแอมากก็ตาม......การเปิดชีพจรยุทธบ่งชี้ว่านางสามารถฝึกวิชายุทธได้แล้วกู้ชูหน่วนหายใจออกมายาวและเปิดตำรารวมสูตรปรุงยาอีกครั้งยายกระดับเป็นยาที่ช่วยเพิ่มพลังภายในอย่างรวดเร็วและทะลวงผ่านหนึ่งขั้นได้กู้ชูหน่วนรู้สึกสนใจขึ้นมา"ชิงเฟิง"ชิงเฟิงทำหน้าบูดบึ้ง "พระชาย
บ่าวรับใช้ในจวนอ๋องกำลังช่วยกันดับไฟ ผมของกู้ชูหน่วนถูกระเบิดจนยุ่งเหยิง ราวกับรังไก่ ชิงเฟิงจัดให้นางไปอยู่ในห้องที่ตกแต่งอย่างสวยงามอีกห้องหนึ่งภายในห้อง กู้ชูหน่วนมองกล่องยาชำระไขกระดูกขนาดใหญ่ตรงหน้า ทั้งกังวลและโล่งใจกังวลคือยาชำระไขกระดูกยังห่างไกลจากผลลัพธ์ที่นางต้องการโล่งใจคือในที่สุดก็ทำสำเร็จแล้ว"ชิวเอ๋อร์ ไปเฝ้าหน้าประตู ห้ามให้ใครเข้ามา รวมถึงท่านอ๋องด้วย""คุณหนู ท่านจะทำอะไรอีกแล้วหรือเจ้าคะ?"ชิวเอ๋อร์กลัวจนตัวสั่น ชีวิตของคุณหนูเกือบจะจบสิ้นแล้ว นางคงไม่คิดที่จะปรุงยาอีกแล้วใช่หรือไม่"เจ้ารู้อะไร รีบออกไปเถิด""แต่ว่า......"ก่อนที่ชิวเอ๋อร์จะพูดจบ กู้ชูหน่วนก็ผลักนางออกไป แล้วนั่งขัดสมาธิบนเตียง หยิบยาชำระไขกระดูกในกล่องตรงหน้ามากินหนึ่งเม็ดความร้อนไหลขึ้นมาจากตันเถียน แต่ชีพจรยุทธไม่เปิดออกเสียทีกู้ชูหน่วนกินอีกหลายเม็ด ความร้อนในตันเถียนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เส้นลมปราณทั้งเจ็ดและแปดเส้นรู้สึกสบาย แต่ชีพจรยุทธยังคงไม่เปิดออกนางขมวดคิ้ว "ใช้สมุนไพรที่คล้ายกันมาทดแทน ผลลัพธ์ก็ยังแตกต่างกันมาก ยาชำระไขกระดูกนี้แย่เกินไป"กู้ชูหน่วนกัดฟัน กลืนยาชำระไขกระ
"พระชายา โปรดอย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลย ข้าน้อยก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น"เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนตั้งใจจะออกไป ชิงเฟิงก็ตกใจและเอ่ยว่า "พระชายา ท่านต้องการไปหายาใช่หรือไม่? หรือว่าท่านจะให้ใบสั่งยาแก่ข้าน้อย แล้วให้ข้าน้อยปหายามาให้""ก็ได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี""ขอรับ"ความเร็วของชิงเฟิงและคนอื่นๆ นั้นรวดเร็วมาก แต่หลังจากกลับมา คำตอบของพวกเขาก็เหมือนกับที่ชิวเอ๋อร์พูดไม่มีผิดเพี้ยน"พระชายา ข้าน้อยได้ไปหาหมอหลวงทุกคนในสำนักหมอหลวงแล้ว พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อสมุนไพรในใบสั่งยาของท่านเลย และไม่สามารถหายาเหล่านั้นมาให้ท่านได้"ด้วยความกลัวว่ากู้ชูหน่วนจะโกรธ ชิงเฟิงจึงหยุดชะงักแล้วเอ่ยต่อทันทีว่า "ข้าน้อยได้พาหมอหลวงจากสำนักหมอหลวง รวมถึงหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงมาด้วย พระชายาสามารถสอบถามพวกเขาได้โดยตรงเลย"เมื่อโบกมือ หมอจำนวนมากก็เดินเข้ามาทีละคน และทำความเคารพนาง "คารวะพระชายา ขอพระองค์ทรงพระเจริญ พันปี พันๆ ปี""พอเถอะ ข้าขอถามพวกท่าน พวกท่านไม่เคยได้ยินชื่อซานหลิง ซูเหอเซียง การบูร จริงๆ หรือ?""ทูลพระชายา พวกข้าประกอบอาชีพหมอมาหลายสิบปี บรรพบุรุษของพวกข้าก็เป็นหมอเช่นกัน พวกข้าไ
นิ้วเรียวสวยของกู้ชูหน่วนพลิกดูตำรารวมสูตรปรุงยาที่ขาดวิ่นอย่างต่อเนื่อง นางมองอย่างตั้งใจจนลืมตัว และไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาที่จวนหานอ๋องตั้งแต่เมื่อใด"เย่จิ่งหานล่ะ?" กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นถามทันทีชิงเฟิงเม้มปาก การต่อสู้ดุเดือดขนาดนั้น พระชายาของเขาไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งไม่รู้กันแน่?"นายน้อยแห่งเผ่าเทียนเฝินมาชิงแผนที่ไข่มุกสีเขียว นายท่านต่อสู้กับเขา และยามนี้ยังอยู่ในป่าไผ่ นายท่านให้ข้าพาพระชายากลับจวนก่อน""อย่างนั้นหรือ สามหมื่นล้านตำลึง ล่อตาล่อใจโจรจริง ๆ แผนที่ไข่มุกสีเขียวต้องได้รับการปกป้องอย่างดี อาจจะเป็นทรัพย์สมบัติทั้งหมดของจวนหานอ๋องก็ได้นะ" นายน้อยแห่งเผ่าเทียนเฝินบาดเจ็บไม่ใช่หรือ? เย่จิ่งหานน่าจะรับมือได้เมื่อเห็นกู้ชูหน่วนพูดเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจัง คิ้วเข้มของชิงเฟิงก็ขมวดแน่นสิ่งที่นางควรเป็นห่วงไม่ใช่นายท่านหรอกหรือ?"ข้าจะกลับไปศึกษาตำรารวมสูตรปรุงยา บอกบ่าวรับใช้ว่าห้ามใครรบกวนหากไม่มีคำสั่งจากข้า""ขอรับ"ภายในห้อง กู้ชูหน่วนจรดพู่กันเขียนตำรับยาหลายแผ่นอย่างคล่องแคล่ว แล้วส่งให้ชิวเอ๋อร์ "ไปร้านขายยา ซื้อยาตามตำรับที่ข้าให้มา กลับมามากหน่อย"
กู้ชูหน่วนรับจดหมายเชิญ แล้วเกี่ยวคางของนางอย่างเย้าแหย่ "เมื่อมีสาวงามมาเชิญ เราจะกล้าไม่มาได้อย่างไร วางใจได้ งานประมูลเฟิงเซียงสิ้นเดือนนี้ พวกเราจะไปให้ตรงเวลาแน่นอน""เช่นนั้น เสี่ยวลู่จะรอแขกผู้มีเกียรติทั้งสองท่านอยู่ที่งานประมูลเฟิงเซียง"หลังออกจากงานประมูลเฟิงเซียง เย่จิ่งหานก็ยังคงทำหน้าเย็นชาตลอดเวลาระหว่างทางกลับ พวกเขานั่งรถม้าประจำตัวของเย่จิ่งหาน กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่ารถม้าทำจากวัสดุอะไร ภายนอกดูธรรมดา แต่ภายในกลับมีพื้นที่กว้างขวางมาก สามารถดื่มชา เล่นหมากรุก หรือนอนพักผ่อนได้ อีกทั้งยังป้องกันลูกธนูพิษและอาวุธทุกชนิดได้ เมื่อสัมผัสกับรถม้า จะมีเพียงเสียงโลหะกระทบกันเท่านั้นตลอดทาง เสียงการต่อสู้ดังขึ้นเป็นระยะๆ ไม่ขาดสาย พร้อมกับเสียงร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดพื้นดินสั่นสะเทือนเป็นครั้งคราว ไม่รู้ว่าข้างนอกต่อสู้กันดุเดือดเพียงใดกู้ชูหน่วนรู้ว่าคนเหล่านี้ส่วนใหญ่มาเพื่อแย่งชิงแผนที่ไข่มุกสีเขียวของเย่จิ่งหานแต่เมื่อมองไปที่เย่จิ่งหาน เขานั่งจิบชาอ่านหนังสืออย่างสง่างามริมหน้าต่างรถม้า ราวกับไม่รับรู้ถึงการต่อสู้ภายนอกกู้ชูหน่วนเปิดม่านรถม้าดู ข้างนอกมีแต่แ
อี้เฉินเฟยพิจารณาความหมายในคำพูดของกู้ชูหน่วนอย่างถี่ถ้วนครู่หนึ่งเขาก็เข้าใจกระจ่างแจ้ง ยิ้มอย่างอ่อนโยน "สุภาพบุรุษไม่แย่งชิงสิ่งที่ผู้อื่นชื่นชอบ ในเมื่อแขกชั้นล่างชื่นชอบแผนที่ไข่มุกสีเขียวขนาดนี้ ข้าก็จะไม่แย่งแล้ว"กู้ชูหน่วนลูบปลายคาง คำพูดนี้ฟังดูคุ้นหูเหลือเกิน?แต่อี้เฉินเฟยก็มีสมองขึ้นมาบ้างแล้วสามพันล้าน......จุ จุ จุทรัพย์สมบัติของเย่จิ่งหานถูกสูบไปหมดแล้วใช่หรือไม่"สามพันล้านครั้งที่หนึ่ง สามพันล้านครั้งที่สอง สามพันล้านครั้งที่สาม ขอแสดงความยินดีกับแขกผู้มีเกียรติหมายเลขยี่สิบเก้า ได้รับแผนที่ไข่มุกสีเขียวไปครอง"ทุกคนต่างมองเย่จิ่งหานด้วยความอิจฉาในหมู่พวกเขาบางคนเคยคิดที่จะแย่งชิง แต่ฝ่ายตรงข้ามคือเทพสงครามแห่งแคว้นเย่ พวกเขาจะแย่งชิงได้อย่างไร?เด็กรับใช้ของอี้เฉินเฟยเสียดายแล้วเสียดายอีกสามพันล้านสูงเกินไป......น่าเสียดายที่อาจารย์อี้เตรียมการมานาน สุดท้ายก็ยังพลาดการประมูลเจ๋ออ๋องขมขื่นในใจ เดินออกงานประมูลอย่างอ้างว้างหางตาของซ่างกวานฉู่ฉายแววเย็นเยือก มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ายวนคนของเผ่าเทียนเฝินเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ "ดำเนินการตามแผนเดิม ต้อง
"อะไรนะ เขาคือเทพสงคราม"ทุกคนต่างถอยหลังด้วยความหวาดกลัว พยายามรักษาระยะห่าง เพราะกลัวว่าเย่จิ่งหานจะลงมือกับพวกเขาหากเป็นคนอื่นที่เสนอราคานี้ พวกเขาคงจะประหลาดใจมาก แต่หากเป็นเทพสงครามที่เสนอราคา ก็ไม่มีอะไรน่าแปลกใจเพราะเทพสงครามคือบุคคลสำคัญของแคว้นเย่ ทั้งศักยภาพ ความมั่งคั่ง และอิทธิพลของเขายิ่งใหญ่กว่าฮ่องเต้เสียอีกเด็กรับใช้ของอี้เฉินเฟยเอ่ยว่า "อาจารย์อี้ เราจะเพิ่มราคาอีกหรือไม่?"อี้เฉินเฟยเงียบไป ราวกับกำลังชั่งน้ำหนักมูลค่าอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงยกป้ายขึ้น "หนึ่งพันเจ็ดร้อยล้าน"อะไรนะ......คนในห้องหมายเลขเจ็ดเป็นใครกัน?เพิ่มราคาครั้งละสองร้อยล้านเงินในสายตาพวกเขาเป็นเพียงตัวเลขหรืออย่างไร?เจ๋ออ๋องโยนป้ายทิ้งอย่างหมดแรงจะประมูลไปทำไม ประมูลไปก็เปล่าประโยชน์เขาไม่สามารถประมูลได้แม้แต่เศษเสี้ยวของพวกเขาในชั่วพริบตา เจ๋ออ๋องรู้สึกว่าตนแตกต่างจากพวกเขาอย่างมาก"สองพันล้าน" เย่จิ่งหานเอ่ยชิงเฟิงเหงื่อออกที่ฝ่ามือแม้นายท่านจะมีทรัพย์สมบัติจำนวนมาก แต่การสูญเสียสองพันล้านในคราวเดียวก็ต้องทำให้บาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอนซ่างกวานฉู่หน้าตายไร้อารมณ์ มองไม่ออ
"ห้าร้อยห้าสิบล้านตำลึง" ซ่างกวานฉู่รีบตามมาติดๆการเพิ่มราคาเมื่อครู่เป็นเพียงแค่การอุ่นเครื่องเท่านั้น ยามนี้ผู้ที่เสนอราคาคือตัวเอกที่แท้จริงกู้ชูหน่วนรู้ว่าอี้เฉินเฟย ซ่างกวานฉู่ และเย่จิ่งหานจะต้องแข่งขันกันแล้ว แต่ไม่รู้ว่าสามยักษ์ใหญ่เหล่านี้ใครจะเหนือกว่ากัน"หกร้อยล้าน""หกร้อยห้าสิบล้าน""เจ็ดร้อยล้าน"ซี้ดดด......ทั้งงาน นอกจากอี้เฉินเฟยและซ่างกวานฉู่แล้ว ไม่มีใครกล้าเสนอราคาอีกเลยแม้ว่าพวกเขาจะอยากได้ไข่มุกสีเขียวมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถหาเงินมาได้มากขนาดนั้นกู้ชูหน่วนมองไปทางเย่จิ่งหานเจ้าคนนี้มองดูเฉยๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ได้เสนอราคาเลย หรือว่าเขาตั้งใจจะรอให้อี้เฉินเฟยกับซ่างกวานฉู่สู้กันเสร็จก่อนแล้วค่อยเสนอราคา?เจ็ดร้อยล้านตำลึง นี่ไม่ใช่จำนวนเงินเล็กๆ เลยนะคงจะเทียบเท่ากับเงินทั้งหมดในคลังหลวงกระมังอี้เฉินเฟยเป็นบุคคลสำคัญของแคว้นหวา ทั้งยังเป็นอาจารย์สามของสำนักหยู และยังมีอีกหลายตัวตนที่ไม่เปิดเผย เขามีเงินก็สมเหตุสมผลแต่ซ่างกวานฉู่มีอะไร เขาเอาเงินมากมายขนาดนี้มาจากไหน?หรือจะพูดว่าเขามีตัวตนลับหลังอีกมากแค่ไหนกันแน่"เจ็ดร้อยห้าสิบล้านตำลึง" อี
เสียงของพิธีกรเสี่ยวลู่ดังขึ้นอีกครั้ง"สินค้าชิ้นต่อไปที่จะประมูลคือของปิดการประมูลของเราในครั้งนี้ ยังคงเป็นแผนที่ แผนที่สมบูรณ์ ชื่อว่าแผนที่มังกรเขียว"ตู้ม......การประมูลก็ระเบิดขึ้นทันที"เจ้าพูดอะไรนะ แผนที่มังกรเขียว? เป็นแผนที่พบลูกแก้วมังกรสีเขียวใช่หรือไม่?""ใช่ ทุกคนคงรู้ดีว่าลูกแก้วมังกรหมายถึงอะไร มีลูกแก้วมังกรทั้งหมดเจ็ดลูกในโลก ได้แก่ แดง ส้ม เหลือง เขียว ฟ้า น้ำเงิน และม่วง หากต้องการค้นหาลูกแก้วมังกร ก็ต้องมีแผนที่""โอ้สวรรค์ ลูกแก้วมังกรในตำนาน รีบกลับไปรวบรวมเงิน แม้ว่าเจ้าจะขายทรัพย์สินทั้งหมดของเจ้า เจ้าก็ต้องรวบรวมเงินทั้งหมด""ท่านพ่อ การขายบ้านทันทีทำได้ยากมาก""เช่นนั้นก็เอาบ้านไปจำนองก่อน แล้วเอาเงินมา""อาฝู รีบกลับไปหาฮูหยินเร็ว และให้ฮูหยินรวบรวมเงินทั้งหมดในบ้านและให้ลูกชายข้าไปยืมเงินทุกที่ที่ทำได้ ยืมให้ได้มากที่สุด คราวนี้เราจะเสี่ยงชีวิตเพื่อประมูลแผนที่ไข่มุกสีเขียว""……"แขกทุกคนในงานประมูลแทบจะให้คนรับใช้กลับไปรวบรวมเงินแม้แต่อัครเสนาบดีกู้ที่ไม่อยากเข้าร่วมการประมูลต่อแล้ว ก็ยังหวั่นไหวอีกครั้งและให้กู้ชูอวิ๋นรีบกลับไป แม้ว่าจะต้อ