เมื่อคนนอกมองแวบแรก พวกเขาคิดว่าเป็นเพียงสร้อยข้อมือเล็กเส้นหนึ่งเท่านั้นกู้ชูหน่วนระงับความตกตะลึงในใจและยังคงปฏิเสธ "ไม่ได้ เจ้ามีเก้าหัว จะดึงดูดความสนใจเกินไป รีบลงไปซะ"น้องเก้าทำปากจู๋ มองกู้ชูหน่วนด้วยความเสียใจไม่รู้ว่ามันขยับตัวอย่างไร หัวของมันหดเล็กลงเรื่อยๆ จากเก้าหัว หดเหลือเจ็ดหัว ห้าหัว สามหัว และสุดท้ายหดเหลือเพียงหัวเดียว"……"กู้ชูหน่วนและเซียวอวี่เชียนพูดไม่ออกนี่มันงูอะไรเนี่ย?ไม่เพียงแปลงร่างได้ แต่ยังหดหัวได้อีกด้วยกู้ชูหน่วนถอนหายใจ "เห็นแก่ที่เจ้าช่วยข้าหาของล้ำค่าอย่างเต็มที่ ข้าจะยอมพาเจ้าไปด้วยเป็นการชั่วคราว แต่ห้ามก่อเรื่องเด็ดขาด มิเช่นนั้นข้าจะทิ้งเจ้าไว้ที่เขาสวินหลง เข้าใจหรือไม่?"น้องเก้าหมุนตัววนอยู่บนมือของนาง ส่งเสียงฟู่อย่างมีความสุขเป็นระยะๆ และขดตัวอยู่บนข้อมือของกู้ชูหน่วนอย่างละโมบเพื่อหลับใหลเซียวอวี่เชียนส่งเสียงฮึดฮัด "เรื่องประหลาดเกิดขึ้นตลอดเลย ปีนี้มีมากเป็นพิเศษ งูใหญ่ตัวนี้ข้าสู้ไม่ได้ หลบไปให้ไกลๆ ดีกว่า"ขณะที่กำลังจะจากไปตามล่าสมบัติ พวกเขาก็พบกับเจ๋ออ๋องและบัณฑิตหลายคนจากสำนักบัณฑิตหลวงเจ๋ออ๋องเผยสีหน้ายินดีและอ
"หรือว่าพวกเขาต้องการใช้กลิ่นหอมของหมูย่างดึงดูดสมบัติอะไรบางอย่าง?""มีความเป็นไปได้ มิเช่นนั้นหมูจำนวนมากขนาดนี้ พวกเขาจะกินหมดได้อย่างไร""ไป เราไปดูกัน"เหล่าบัณฑิตพูดเสร็จก็ไปเลย พวกเขารวมกลุ่มกันแอบไปดู เจ๋ออ๋องเดิมทีไม่อยากไป แต่ทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว จึงตามไปด้วยจากระยะไกล พวกเขาเห็นกองไฟหลายกองที่พวกเขาก่อขึ้น เซียวอวี่เชียนกำลังย่างหมูอย่างเร่งรีบจนเหงื่อท่วมตัวกู้ชูหน่วนกำลังโบกพัดไปมา พร้อมกับโรยเครื่องเทศบนเนื้อหมูและสัตว์ที่กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อยคืองูตัวเล็กงูตัวเล็ก เล็กกว่าตะเกียบเสียอีก แต่กินเก่งอย่างน่าประหลาดใจ มันกัดกินเนื้อหมูคำแล้วคำเล่า โดยไม่กลัวว่าท้องจะแตกไม่รู้ว่าเป็นเพราะเห็นพวกเขากำลังแอบดูหรือไม่ งูตัวเล็กจึงเงยหัวขึ้น และส่งเสียงขู่พวกเขาเมื่อมองไปที่พื้น แม้แต่เศษกระดูกของเนื้อหมูป่าก็ไม่มีสักชิ้น ขณะนั้น พวกเขาไม่รู้ว่าเนื้อหมูเหล่านั้นหายไปไหนหลังจากเสียงขู่ของงูตัวเล็กดังขึ้น งูจำนวนมากจากระยะไกลก็พุ่งเข้ามา งูเหล่านี้มีสีสันหลากหลายและมีหลายสายพันธุ์ พวกมันพุ่งเป้าไปที่เหล่าบัณฑิตที่มาแอบดูสีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปมาก งูเหล่าน
"ก็อย่างที่เห็น สิงโตอัคคีตัวนี้ก็ไม่รู้เป็นอะไร จู่ๆ ก็หลีกทางให้ นี่เป็นโอกาสทองที่หาได้ยากยิ่ง หากพลาดไป เกรงว่าการจะหนีออกมาอีกครั้งคงยากยิ่งกว่าปีนขึ้นสวรรค์แน่"เจ๋ออ๋องเดินกลับมา เอ่ยเสียงเย็นชา "สิงโตอัคคีเป็นสัตว์อสูรขั้นสองสูงสุด แม้แต่พวกเจ้าสี่คนรวมกันก็ยังสู้มันตัวเดียวไม่ได้ นับประสาอะไรกับที่นี่มีสิงโตอัคคีอยู่เต็มไปหมด""ไม่ต้องเป็นห่วง หากเจ๋ออ๋องกลัว ก็ไปก่อนเถิด"เจ๋ออ๋องเตือนด้วยความหวังดี แต่กลับถูกเมินเฉย ทำให้ความโกรธพุ่งทะยานขึ้นบัณฑิตคนอื่นๆ รีบดึงเจ๋ออ๋องออกไป "ท่านอ๋อง นางอยากตายก็ปล่อยให้นางตายไปเถิด พวกเรารีบไปจากที่นี่กันก่อน พระสนมเหลียนมีท่านเป็นโอรสแค่องค์เดียว หากท่านเป็นอะไรไป พระสนมเหลียนจะทำอย่างไร"เจ๋ออ๋องยังคงอยากไปเกลี่ยกล่อมกู้ชูหน่วน แต่กู้ชูหน่วนไม่ฟัง เขาพาพวกเซียวอวี่เชียนเดินหน้าต่อ เมื่อคนอื่นๆ เห็นดังนั้น ก็รีบดึงเจ๋ออ๋องออกไป กลัวว่าหากช้าไปแม้แต่นิดเดียว พวกเขาจะกลายเป็นอาหารของสัตว์อสูรนอกภูเขาใหญ่ เจ๋ออ๋องได้รับบาดเจ็บ เดินวนไปวนมา มองเข้าไปในส่วนลึกของภูเขาใหญ่อย่างกระวนกระวายสองชั่วยามแล้ว พวกนางยังไม่ออกมาอีก? หรือว่าจะถ
กู้ชูหน่วนออกคำสั่งอย่างเผด็จการ "เอาถุงกระสอบทั้งหมดมาวางไว้ตรงนั้น วางเรียงกันเป็นถุงๆ สิบถุงต่อหนึ่งกลุ่ม"ทุกคนตกตะลึงจนอ้าปากค้าง กลับเห็นสิงโตอัคคีเชื่อฟังอย่างว่าง่าย วางถุงกระสอบลงบนพื้น สิบถุงต่อหนึ่งกลุ่ม ไม่มากไม่น้อย และสิงโตอัคคีแต่ละตัวก็ยืนอยู่ด้านข้างอย่างต้อยต่ำราวกับมด ปล่อยให้กู้ชูหน่วนออกคำสั่งต่ออย่างเงียบๆสิงโตอัคคีเหล่านี้ไม่รู้ว่าไปทำงานหนักอะไรมา แต่ละตัวหอบถี่มากทุกคนขยี้ตาไม่ได้ตาฝาด สิงโตอัคคีเหล่านี้เชื่อฟังกู้ชูหน่วนจริงๆโลกนี้จะมหัศจรรย์เกินไปแล้ว?กู้ชูหน่วนไม่ได้มีวิทยายุทธ สิงโตอัคคีขั้นสองสูงสุดกลับกลัวนางราวกับเสือหลิ่วเยว่และอวี๋ฮุยเชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ เริงร่ากับสายตาตกตะลึงของทุกคน"พวกเจ้าไปได้แล้ว"ทันทีที่กู้ชูหน่วนพูดจบ สิงโตอัคคีแต่ละตัววิ่งหนีไปอย่างบ้าคลั่ง ในพริบตาก็หายลับไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้เป็นเพียงภาพลวงตาฟิ้ว......จะไปแล้วรึ?สิงโตอัคคีเชื่อฟังขนาดนี้เลยหรือ?ในแววตาของกู้ชูอวิ๋นฉายแววเคียดแค้นวูบหนึ่ง ก่อนจะกลับมาอ่อนหวานดังเดิมมียอดฝีมือจำนวนมากตามสังหารนาง แต่กลับปล่อยให้น
ทุกคนเงยหน้าขึ้น กลับเห็นกลุ่มสีดำที่เป็นสิงโตอัคคีพุ่งเข้ามาเมื่อสัตว์อสูรเหล่านี้ปรากฏตัว พวกมันก็ล้อมพวกเขาไว้ทั้งหมด รอคำสั่งของกู้ชูหน่วน โดยยกนางขึ้นเป็นนายเหนือหัว และพร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของนางทุกเมื่อสีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปมาก พวกเขาถอยหลังด้วยความหวาดกลัว มองดูฉากที่อยู่ตรงหน้าอย่างหวาดผวากู้ชูหน่วนลูบหัวสิงโตอัคคีตัวหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างกายนางไม่ไกลนัก และมองจางเชาด้วยรอยยิ้มที่ไม่อาจคาดเดาได้ "จะฆ่าข้ารึ? เจ้าว่า เจ้ามีแค่คนเดียว แต่ข้ามีลูกน้องจำนวนมาก จะส่งเจ้าไปให้ตัวไหนดีล่ะ?"จางเชากลืนน้ำลาย เขาไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องราวจะพลิกผันไปได้เพียงนี้เขาแค่อยากได้ใจสาวงามเท่านั้นอยากได้สมบัติจากกู้ชูหน่วนเท่านั้นต่อหน้าบัณฑิตจำนวนมาก เขาไม่อยากเสียหน้า และไม่อยากเสียชีวิต เขาจึงได้แต่ประนีประนอม "กู้ชูหน่วนอย่าใช้อสูรรังแกคน""ข้าจะใช้อสูรรังแกคนแล้วจะทำไม? หากเก่งจริง เจ้าก็เรียกสัตว์เลี้ยงออกมาสักฝูงสิ""เจ้า......" จางเชาพูดไม่ออกเสียงของกู้ชูหน่วนไพเราะ อ่อนหวาน และน่าฟัง แต่คำพูดกลับทำให้คนขนลุกซู่ "ข้ามีทางเลือกให้เจ้าสามทาง หนึ่งคือตัดแขนตัวเองทิ้งซะ ส
แสงสีขาววาบผ่าน กู้ชูหน่วนและคนอื่นๆ ก็ปรากฏตัวที่สำนักบัณฑิตหลวง และตรงหน้านางคือเหล่าอาจารย์หลายสิบคนของสำนักบัณฑิตอาจารย์ทั้งหลายมองบัณฑิตที่คืนกระสอบให้กับกู้ชูหน่วนด้วยสีหน้าประหลาดใจหญ้า......หญ้า......หญ้าหลายสิบกระสอบ?นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?อาจารย์สวีถามอย่างงุนงงว่า "กู้ชูหน่วน เจ้าเก็บหญ้าพวกนี้มาจำนวนมากทำไม?""ท่านอาจารย์ ข้าจำได้ว่าก่อนจะเข้าไปในเขาสวินหลง พวกท่านเคยบอกว่าการเข้าไปในเขาสวินหลงเป็นการฝึกฝนพวกเรา และยังเป็นการให้รางวัลแก่พวกเราด้วย ไม่ว่าพวกเราจะพบสมบัติอะไรในนั้น ก็เป็นของของพวกเรา""ใช่ พวกข้าเคยพูดเช่นนั้นจริง" แต่ว่ามันเกี่ยวอะไรกับการเก็บหญ้าออกมา?"นี่ไง นี่คือสมบัติที่ข้าตามหา" กู้ชูหน่วนยิ้มพลางชี้ไปยังสมุนไพรหลายสิบกระสอบที่อยู่ตรงหน้านางด้วยนิ้วเรียวสวยทุกคนแทบเป็นลมพวกเขาไม่เคยได้ยินใครเรียกหญ้าว่าเป็นสมบัติมาก่อนไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนเข้าไปในเขาสวินหลงเพื่อไปเล่นตลกหรือไม่ซ่างกวานฉู่ผู้สุภาพอ่อนโยนมองด้วยแววตาแห่งการสำรวจ ราวกับกำลังวิเคราะห์แสงสีรุ้งบนท้องฟ้าเมื่อครู่ว่าเกี่ยวข้องกับกู้ชูหน่วนหรือไม่อาจารย์เฉินถามว่า "มีใคร
"หากเจ้ากล้าเผาสมุนไพรเหล่านี้ของข้า ข้ารับรองว่าจะเผาเจ้าจนท่านพญายมยังจำเจ้าไม่ได้ พวกเจ้าทั้งหลาย ขนสมุนไพรเหล่านี้ไปห้องตะวันตก"ชิงเฟิงรู้สึกขนลุกขึ้นมาแม้จวนอ๋องจะใหญ่โต แต่ก็ไม่ควรทำเช่นนี้ เอาห้องหรูหราของจวนอ๋องไปวางหญ้าเช่นนี้ หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปคงโดนหัวเราะเยาะตายเลย"ชิงเฟิง ไปฆ่าวัวสองตัว หมูสิบตัว ส่งคนเอาไปที่ห้องข้า""อ้าก......พระชายา ท่านจะเอาเนื้อวัวและเนื้อหมูไปขายหรือ?"กู้ชูหน่วนอดเขกหัวเขาหนึ่งทีไม่ได้นางเหมือนแม่ค้าขายเนื้อที่ไหนกัน"ข้ากินเองไม่ได้รึ?""กิน......เอง?"ชิงเฟิงเกาท้ายทอย จะกินมากขนาดนี้คนเดียวได้อย่างไร?"เหนียงเหนียง ข้าน้อยจะให้คนทำอาหารอร่อยๆ มาเยอะๆ จะต้อนรับเพื่อนของท่านอย่างดีแน่นอน""ฟ่อ ฟ่อ......"งูหยกตัวน้อยที่พันอยู่ข้อมือของกู้ชูหน่วนส่งเสียงฮึดฮัดอย่างมีความสุข ทันทีที่ได้ยินเรื่องอาหาร ก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันทีชิงเฟิงเพิ่งสังเกตเห็นงูตัวน้อยที่พันอยู่ข้อมือของนางงูตัวนั้นเล็กมาก ตัวเป็นสีหยก พันอยู่บนมือของนางราวกับกำไลข้อมือ หากไม่สังเกตให้ดี จะมองไม่ออกเลยว่านี่คืองูชิงเฟิงเข้าใจทันที จึงรีบเอ่ยว่า "พ
กู้ชูหน่วนมีพลังปราณรอบตัว นางต้องมีสมบัติล้ำค่าแน่ๆสมบัติอะไรกันที่ทำให้พลังปราณของนางวนเวียนอยู่รอบตัวไม่จางหายไปนานขนาดนี้?"เจี้ยงเสวี่ยเอ่ยอย่างระมัดระวัง "นายท่าน พลังปราณของพระชายาเข้มข้นมาก ยอดฝีมือทั่วไปอาจไม่สัมผัสไม่ได้ แต่ยอดฝีมือขั้นสามขึ้นไปต้องสังเกตเห็นแน่นอน พระชายาอาจถูกจับตามองได้"เมื่อนึกถึงแสงหลากสีที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า เจี้ยงเสวี่ยก็สงสัยเช่นกันว่าสมบัติขั้นห้าชิ้นนั้นตกไปอยู่ในมือของพระชายาหรือไม่แต่สมบัติมีจิตวิญญาณ พวกมันเลือกนายของตัวเอง พวกมันจะเลือกเฉพาะผู้ที่แข็งแกร่งกว่าพวกมันเท่านั้น พวกมันจะไม่มีวันเลือกผู้ที่อ่อนแอกว่าพวกเขาพระชายายังไม่ได้ขั้นหนึ่งเลย สมบัติจะเลือกนางได้อย่างไร?ทันใดนั้น แสงสีม่วงก็พุ่งออกมาจากหน้าต่างที่แตกของเรือนหน่วน ล้อมรอบเป็นวงกลมสามวงชิงเฟิงตกใจ "พระชายาบรรลุวิทยายุทธขั้นสามแล้ว พระชายาเปิดชีพจรยุทธเมื่อใดกัน? ดูเหมือนจะไม่มีใครช่วยนางเลยนะ"สีหน้าของเจี้ยงเสวี่ยแข็งทื่อ "ไม่ถูก พระชายากำลังจะบรรลุขั้นสี่ของชีพจรยุทธแล้ว"อะไรนะ......เพิ่งจะบรรลุขั้นสาม ก็จะบรรลุขั้นสี่อีกแล้วหรือ?นี่มันจะพลิกฟ้าเกินไปแล้ว
เวินเส้าอี๋ยิ้มเยาะกับตัวเอง ด้วยความสัมพันธ์ที่ต้องตายกันไปข้างหนึ่งของสำนักซิวหลัวและเผ่าเทียนเฝิน มีหรือที่ประมุขชิงจะยอมปล่อยเขาไป หากเป็นเขาที่อยู่ในจุดนั้น เขาเองก็ไม่มีทางปล่อยประมุขชิงไปเช่นกัน เวินเส้าอี๋กวาดสายตามองผาหินแวววาวและทะเลโลหิตที่เดือดระอุ เขาเคยคิดว่าจะต้องตายด้วยน้ำมือเจ้าสำนักซิวหลัว เคยคิดว่าต้องตายด้วยน้ำมือหอเลิศหล้า เคยคิดว่าต้องตายด้วยน้ำมือของเย่จิ่งหาน สิ่งเดียวที่ไม่เคยคิดมาก่อนคือต้องมาตายในที่แห่งนี้ "สำนักซิวหลัวและเผ่าเทียนเฝินมีความแค้นอันใดต่อกันกันแน่" กู้ชูหน่วนเอ่ยถาม "เป็นแค้นที่ฝังลึกยิ่งนัก เป้าหมายในการมีชีวิตอยู่ของชาวสำนักซิวหลัวทุกคนก็คือหาแก้วมังกรให้พบ แล้วกำจัดเผ่าเทียนเฝิน อาหน่วน หากเจ้ายังเห็นข้าเป็นสหาย ก็อย่ายุ่งเรื่องนี้เลย" ประมุขชิงไม่ได้อธิบายรายละเอียด แต่จุดยืนของเขาหนักแน่น ไม่เหลือทางให้หันหลังกลับอีกแล้ว เขารวบรวมกำลังภายในไว้ที่ฝ่ามือ ยกมือขึ้นมาตั้งใจจะสะเทือนกระดูกของเวินเส้าอี๋ให้แหลก ไม่พูดถึงเรื่องที่เวินเส้าอี๋ถูกพิษดอกพันรักทำให้ทรมานราวกับตายทั้งเป็น แต่แค่กำลังภายในของเขาที่สูญไปแทบจะหมดสิ้น
กู้ชูหน่วนลุกลน อยากจะขวางการถ่ายทอดกำลังภายในให้นางของประมุขชิง ทว่ากลับช้าไปหนึ่งก้าว กำลังภายในของประมุขชิงเหมือนกับเวินเส้าอี๋ ไม่รู้ด้วยเหตุใดถึงได้ถูกนางดูดเข้าไปไม่หยุด "ข้าไม่ต้องการดูดกำลังภายในของเจ้า เจ้ารีบดึงมือออก" "ไม่เป็นไร หากเจ้าต้องการ ข้าให้เจ้าทั้งหมดจะเป็นไรไป" ประมุขชิงคลี่ยิ้ม ภายในดวงตาอ่อนโยนเต็มไปด้วยความทะนุถนอมเอ็นดู เขาไม่ได้ดึงมือออก แต่กลับพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อสยบพิษของดอกพันรัก เมื่อเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูคู่นั้นและรอยยิ้มที่คุ้นเคย กู้ชูหน่วนก็ยิ่งมั่นใจในความคิดของตน ประมุขชิงก็คืออี้เฉินเฟย กู้ชูหน่วนทั้งร้อนรนทั้งโมโหและทุกข์ทรมาน ที่ร้อนรนเพราะ นางอยากจะเอามือออกแต่กลับทำไม่ได้ ที่โมโหเพราะอี้เฉินเฟยโง่เง่านัก มีผู้ใดบ้างที่จะยอมมอบกำลังภายในที่ตนฝึกฝนมาอย่างยากลำบากให้ผู้อื่น เขาไม่รู้หรือว่านางอาจจะดูดกำลังภายในของเขาจนหมดและตายได้ ที่ทุกข์ทรมานเพราะ พิษของดอกพันรักแล่นไปทั่วทั้งร่างกายของนางยังพอว่า กำลังภายในของประมุขชิงก็หลั่งใหลไปทั่วร่างนางด้วย คล้ายกับร่างของนางถูกดึงให้ฉีกออกจากกันไม่หยุด
เวลาค่อยๆ ผ่านไปอย่างช้าๆ กู้ชูหน่วนและเวินเส้าอี๋ก็ไม่รู้ว่าทนกับคลื่นความร้อนไปเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ พวกเขาทั้งสองเหงื่อโชก ลมหายใจหอบถี่ ล้วนแต่อยู่ในจุดที่กำลังจะทนไม่ไหว ลมอุ่นพัดผ่านไป สติของกู้ชูหน่วนและเวินเส้าอี๋แตกกระเจิงโดยสิ้นเชิง ทนไม่ไหวอีกต่อไป ไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน แต่ทั้งคู่ก็คลอเคลียอยู่ด้วยกันแล้ว ในขณะที่พวกเขากำลังจะพัฒนาไปถึงขั้นสุดท้าย ยอดหน้าผาพลันปรากฏเงาร่างสีครามอาบเลือดมือเกาะเถาวัลย์ที่วางไว้ก่อนหน้านี้แล้วกระโดดลงมาจากยอดของหน้าผาด้วยความรวดเร็ว สายตาของประมุขชิงมองไปรอบๆ ด้วยความร้อนรน พยายามตามหาหญิงในความทรงจำผู้นั้น คลื่นลาวายักษ์ซัดเข้าไปเป็นระยะ ทุกครั้งที่คลื่นซัดสาด คล้ายกับยืนอยู่ใจกลางกองเพลิงแผดเผาร่างของเขาไม่หยุดหย่อน แต่เขาไร้ซึ่งความหวาดกลัว ดวงตาดื้อรั้นคู่นี้ราวกับว่าหากหากู้ชูหน่วนไม่เจอ ก็จะไม่มีทางรามือ ทันใดนั้น เขาเห็นกู้ชูหน่วนบนผาหินที่ยื่นออกไป หัวใจที่บีบรัดอยู่ของประมุขชิงพลันผ่อนคลายลงมาในพริบตา ทว่าไม่ทันไร ใจของเขาพลันตื่นตระหนกขึ้นมาอีกครั้ง เพราะแววตาของนางล่องลอย เสื้อผ้าไม่เป็นระเบียบ กำลั
เวินเส้าอี๋ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองกู้ชูหน่วน เขากลัวว่าหากมองแล้วตนจะทนไม่ไหว ตรงกลางหน้าผา ร่างของกู้ชูหน่วนและเวินเส้าอี๋ล้วนแต่ขดตัวเป็นวง ต่างก็พยายามอดกลั้นด้วยชีวิต ลมอ่อนๆ พัดโชยไป เกิดคลื่นลาวาเป็นชั้นๆ ลมที่พัดผ่านไปก็เป็นลมร้อน ไร้ซึ่งความเย็นแต่อย่างใด เจ็บปวดจนเกินจะทน เวินเส้าอี๋พยายามนั่งขัดสมาธิ ปากก็คอยสวดมนต์ไม่หยุด หวังว่าใจจะสงบลงตามธรรมชาติ กู้ชูหน่วนตวาดออกมาอย่างอดไม่ได้ "ให้ตายสิ เวลานี้แล้วยังจะสวดมนต์อะไรอีก หากสวดมนต์ได้ผล แม่หมูคงปีนต้นไม้ได้แล้ว" เขาไม่รู้บ้างเลยหรือ ว่าทันทีที่เขาเอ่ยปาก มีแต่จะกระตุ้นความต้องการที่นางอดกลั้นเอาไว้ด้วยความยากลำบากให้รุนแรงขึ้นกว่าเดิม คิ้วดกดำดั่งขุนเขาของเวินเส้าอี๋ขมวดเข้าหากัน เขาใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว ความรู้สึกนี้หากจะบอกว่า จะอยู่ก็ไม่ได้ จะตายก็ไม่ดี ไม่เกินจริงเลยสักนิด สวดมนต์ก็ไม่อาจทำให้อารมณ์ที่พลุ่งพล่านรุนแรงของเขาดีขึ้นได้แต่อย่างใด เวินเส้าอี๋จึงยอมแพ้ไป และยังคงขดตัวเป็นวงอยู่ติดกับผาหินอย่างไร้ที่พึ่ง "แม่เจ้าโว้ย ข้าทนไม่ไหวแล้ว" กู้ชูหน่วนไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเวินเส้าอี๋สมาธิดีเ
อยู่ดีๆ เหตุใดจึงถูกวางยาเสียได้ กู้ชูหน่วนพยายามคิดทบทวน ทันใดนั้นเอง นางก็พลันโมโหจนต้องตบเข่าฉาด บ้าเอ้ย... เมื่อกี้ตอนที่เวินเส้าอี๋เกาะยึดผาพลางกอดนางไว้ บนกำแพงหินมีดอกพันรักขึ้นอยู่เต็มไปหมด ดอกพันรักเป็นดอกไม้ปลุกกำหนัดที่มีฤทธิ์รุนแรงนัก ยามนี้ดอกพันรักบานสะพรั่ง ทุกที่บนกำแพงหินล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ คนธรรมดาเพียงแค่ดมกลิ่นของดอกไม้ชนิดนั้นเข้าไป ก็จะจมดิ่งลงสู่ห้วงทะเลแห่งความปรารถนา ส่วนพวกนาง......เมื่อครู่สูดกลิ่นของดอกพันรักบนกำแพงไปปริมาณมาก โดยเฉพาะมือของเวินเส้าอี๋ที่ชุ่มไปด้วยเลือดแล้วยังไปสัมผัสโดนเกสรของดอกพันรัก จึงโดนพิษเข้าไปลึกกว่านางนัก กู้ชูหน่วนอยากจะเป็นลมตายลงไปเสียตรงนั้นให้รู้แล้วรู้รอด เพิ่งข้ามมิติมาได้ไม่นาน นางก็ถูกวางยาไปแล้วสองหน อีกทั้งสองครั้งนี้ล้วนแต่เป็นยาปลุกกำนัดอานุภาพรุนแรงทั้งสิ้น "ร้อน......" เวินเส้าอี๋ปากลิ้นแห้งผาก ทรมานจนต้องฉีกคอเสื้อของตนออก กู้ชูหน่วนเอ่ยด้วยความลนลาน "เฮ้ย ข้าขอบอกเจ้าไว้ก่อน หญิงชายไม่ควรใกล้ชิดกัน เจ้าอย่าทำอะไรบุ่มบ่ามเชียวล่ะ" นางตามหาในแหวนปริภูมิจนทั่วแล้ว ยาส
นอกเจ้านายท่านหลันและคนอื่นๆ เย่จิ่งหานและพวกต่างก็รู้สึกบีบคั้นหัวใจ เย่จิ่งหานพยายามดีดดิ้นเพื่อให้หลุดจากพันธนาการแล้วออกไปตามหากู้ชูหน่วนด้วยตนเอง เขาไม่อยากจะจินตนาการเอาเองอีกต่อไปว่ากู้ชูหน่วนต้องประสบพบเจอกับเรื่องแบบใดกันแน่ถึงได้กรีดร้องอย่างกับจะขาดใจเช่นนั้น ประมุขชิงตื่นตระหนกยิ่งกว่า ร่างของเขาสั่นเทิ้มอย่างไม่อาจหยุดได้ ฝีเท้าเร่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ อาหน่วน... เจ้าอย่าเป็นอะไรไปเด็ดขาด จะต้องรอข้าก่อน หากเจ้าตาย ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติใด ข้าไม่มีวันอภัยให้เจ้าเป็นแน่ เสียงร้องที่หดหู่ดังก้องไปเรื่อยๆ ประมุขชิงมาถึงบริวเวณปากคอขวดน้ำเต้าที่กู้ชูหน่วนเพิ่งไปเมื่อครู่แล้ว บนปากคอขวด มีร่องรอยของกรงเล็บมังกรยักษ์หลงเหลืออยู่ รอยเท้าฝังลึกลงไปในพื้นดิน ทุกรอยเท้ามีความลึกหลายสิบเมตร เห็นได้เลยว่าเรี่ยวแรงที่ประทับลงไปนั้นมหาศาลเพียงใด ทอดมองออกไปยังสนามรบที่เละไม่เหลือชิ้นดีหลังจากการสู้ครั้งใหญ่ของยอดฝีมือ ประมุขชิงสั่นสะท้าน ลึกลงไปในใจรู้สึกถึงลางไม่ดีบางอย่าง อาหน่วนเคยบอกไว้ โลกนี้มีมังกรอสูรขั้นเจ็ดทั้งหมดสองตัว ตัวหนึ่งคือมังกรน้ำ อยู่ในสถ
แม้ว่ากู้ชูหน่วนจะมีชีวิตถึงหมื่นชีวิต ก็คงต้องตายอย่างแน่นอนภารกิจบนบ่าของเขานั้นหนักอึ้งนัก เขาควรจะสลัดออกไปอย่างเต็มกำลัง เพื่อรักษาพลังปราณที่เหลืออยู่ในร่างกาย แต่......ไม่รู้ทำไม เขาถึงลังเลภาพของกู้ชูหน่วนที่ดูมีชีวิตชีวาและฉลาดหลักแหลมค่อยๆ ปรากฏขึ้นในสมองของเขาพร้อมกับใบหน้าเล็กๆ ของนางที่กำลังดิ้นรนด้วยความเจ็บปวดและอดทนต่อความทุกข์ทรมานอย่างแข็งขัน เวินเส้าอี๋ก็แอบลังเลเวินเส้าอี๋รีบดึงพลังฝ่ามือของเขากลับ เขาพยายามมาหลายวิธีแต่ก็ไม่ได้ผล ทำได้เพียงเฝ้าดูพลังภายในที่เขาฝึกฝนมาหลายปี ค่อยๆ หายไปในชั่วข้ามคืน และกลายเป็นของคนอื่นเมื่อหันมองกู้ชูหน่วนอีกครั้งใบหน้าเล็กๆ ของนางขมวดเป็นปมด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าอันงดงามไร้ที่ติของนางค่อยๆ เปลี่ยนจากซีดขาวเป็นแดงระเรื่อ ในที่สุดร่างกายของนางก็เหมือนถูกไฟไหม้ ร้อนจนคนไม่กล้าสัมผัสร่างกายของนางรับพลังภายในมากเกินไปไม่ได้ พลังปราณในร่างกายของนางพุ่งชนไปมาอย่างต่อเนื่อง ราวกับจะทำลายร่างกายของนาง"วิชาดูดพลังคืออะไร" กู้ชูหน่วนอดทนต่อความเจ็บปวดระลอกแล้วระลอกเล่าอย่างอดทน แล้วกัดฟันถาม"……""เวินเส้าอี๋ รีบถอนมือเร็ว
ณ หน้าผาเวินเส้าอี๋ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา ภาพที่เห็นคือแผ่นหินที่ยื่นออกมาจากกลางหน้าผา เมื่อมองขึ้นไปด้านบนก็เห็นเมฆสีขาวจำนวนมาก ไม่รู้ว่าสูงเพียงใดเมื่อมองลงไปด้านล่างเป็นทะเลโลหิตที่เดือดพล่าน คลื่นเลือดสาดกระเซ็นเป็นระยะๆ อุณหภูมิสูงจนน่าตกใจเมื่อมองไปด้านข้าง กู้ชูหน่วนหมดสติอยู่ข้างเขา ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรเวินเส้าอี๋พยายามลุกขึ้นยืน เดินโซเซไปหากู้ชูหน่วน มือที่เต็มไปด้วยเลือดของเขาลองแตะที่จมูกของนาง ยังมีลมหายใจอ่อนๆ ทำให้ใจที่ตึงเครียดของเวินเส้าอี๋๋ผ่อนคลายลงโชคดีที่มีแผ่นหินที่ยื่นออกมานี้ มิฉะนั้นพวกเขาคงตายไปแล้วหน้าผาสูงเกินไป เขาถูกมังกรไฟทำร้ายสาหัส หากอยู่คนเดียวอาจจะขึ้นไปได้ แต่การพากู้ชูหน่วนขึ้นไปบนยอดผา ช่างยากยิ่งกว่าการปีนขึ้นสวรรค์เสียอีก"เจ้าขมวดคิ้วดูไม่ดีเลย"กู้ชูหน่วนฟื้นตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ แล้วพึมพำเสียงเบา"แค่ก แค่ก......"นางไอออกมาเป็นชุด ไอออกมาเป็นกองเลือดเวินเส้าอี๋จับชีพจรของนาง มองสีหน้าที่อ่อนแรงและซีดเซียวของนาง น้ำเสียงของเขาค่อนข้างหนักแน่น "เจ้าตกจากที่สูง ปอดและอวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บ""ข้าดวงแข็ง พญายมยังกลัวข้า
"ปัง......"กู้ชูหน่วนและเวินเส้าอี๋ตกลงมา เพียงแต่สถานที่ที่ตกลงมาไม่ใช่ทะเลโลหิต แต่ตกลงกระแทกบนแผ่นหินที่ยื่นออกมา"โอ๊ย......"กู้ชูหน่วนส่งเสียงครางเบาๆ เอวของนาง......เกือบหักแล้ว"ฟิ้ว......"เวินเส้าอี๋โยนกู้ชูหน่วนขึ้นไปในอากาศ เพื่อลดแรงกระแทกจากการตกลงมาของนาง ส่วนตัวเองก็ตกลงกระแทกบนแผ่นหินอย่างจัง แรงกระแทกนั้นรุนแรงมาก จนเขาอดไม่ได้ที่จะกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง กระดูกทั่วร่างราวกับแตกกระจาย แม้แต่อวัยวะภายในก็ยังกระเพื่อมอย่างรุนแรงทั้งสองหมดสติไปพร้อมกัน เสียงคำรามของสัตว์อสูรบนยอดผา พร้อมกับเสียงกรีดร้องโหยหวนยังคงดังต่อเนื่องในหุบเขาทางทิศตะวันตก เย่จิ่งหานและน้องเก้าราวกับรับรู้ได้ว่ากู้ชูหน่วนประสบเคราะห์ร้ายเย่จิ่งหานพยายามลุกขึ้นยืน โดยไม่สนใจสิ่งใดๆ ต้องการออกไปตามหากู้ชูหน่วน แต่ไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนทำอะไรกับเขา ไม่เพียงทำให้เขาทั้งร่างกายอ่อนแรง พลังภายในสูญสิ้น แม้แต่จะขยับตัวก็ทำไม่ได้เลย จึงทำได้เพียงร้อนใจอยู่ภายใน"หลีลั่ว ส่งคนออกไปทั้งหมด ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องนำพระชายากลับมาอย่างปลอดภัย""นายท่าน หากทำเช่นนั้น สถานะของพวกเราก็จะถูกเปิดเผย ถึงย