กู้ชูหน่วนมีพลังปราณรอบตัว นางต้องมีสมบัติล้ำค่าแน่ๆสมบัติอะไรกันที่ทำให้พลังปราณของนางวนเวียนอยู่รอบตัวไม่จางหายไปนานขนาดนี้?"เจี้ยงเสวี่ยเอ่ยอย่างระมัดระวัง "นายท่าน พลังปราณของพระชายาเข้มข้นมาก ยอดฝีมือทั่วไปอาจไม่สัมผัสไม่ได้ แต่ยอดฝีมือขั้นสามขึ้นไปต้องสังเกตเห็นแน่นอน พระชายาอาจถูกจับตามองได้"เมื่อนึกถึงแสงหลากสีที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า เจี้ยงเสวี่ยก็สงสัยเช่นกันว่าสมบัติขั้นห้าชิ้นนั้นตกไปอยู่ในมือของพระชายาหรือไม่แต่สมบัติมีจิตวิญญาณ พวกมันเลือกนายของตัวเอง พวกมันจะเลือกเฉพาะผู้ที่แข็งแกร่งกว่าพวกมันเท่านั้น พวกมันจะไม่มีวันเลือกผู้ที่อ่อนแอกว่าพวกเขาพระชายายังไม่ได้ขั้นหนึ่งเลย สมบัติจะเลือกนางได้อย่างไร?ทันใดนั้น แสงสีม่วงก็พุ่งออกมาจากหน้าต่างที่แตกของเรือนหน่วน ล้อมรอบเป็นวงกลมสามวงชิงเฟิงตกใจ "พระชายาบรรลุวิทยายุทธขั้นสามแล้ว พระชายาเปิดชีพจรยุทธเมื่อใดกัน? ดูเหมือนจะไม่มีใครช่วยนางเลยนะ"สีหน้าของเจี้ยงเสวี่ยแข็งทื่อ "ไม่ถูก พระชายากำลังจะบรรลุขั้นสี่ของชีพจรยุทธแล้ว"อะไรนะ......เพิ่งจะบรรลุขั้นสาม ก็จะบรรลุขั้นสี่อีกแล้วหรือ?นี่มันจะพลิกฟ้าเกินไปแล้ว
เย่จิ่งหานตกใจที่พลังภายในของเขากำลังหายไป หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าวิทยายุทธทั้งหมดของเขาจะสูญเปล่าขณะที่เขากำลังคิดว่าจะหยุดอย่างไร กู้ชูหน่วนก็หยุดดูดพลังภายในของเขา ใบหน้าเล็กๆ ที่ขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวดก็ค่อยๆ คลายออกเย่จิ่งหานรู้สึกถึงเลือดลมพลุ่งพล่าน และเลือดพิษก็ไหลออกมาแม้ว่าการรักษาของกู้ชูหน่วนจะช่วยให้บาดแผลจากพิษของเขาดีขึ้นมากแต่เขาก็ยังต้องใช้พลังภายในกดเอาไว้ยามนี้พลังภายในลดลงมาก บาดแผลจากพิษของเขาราวกับน้ำเดือดที่อาจล้นออกมาได้ทุกเมื่อเย่จิ่งหานรวบรวมพลังปราณเพื่อปรับลมหายใจ พยายามรักษาพิษบาดแผลของเขาให้คงที่กู้ชูหน่วนค่อยๆ ตื่นขึ้น พึมพำออกมาอย่างสบายใจ เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นเย่จิ่งหานนั่งอยู่หน้าเตียงของนางนางตกใจจนลุกขึ้นนั่งทันที ซ่อนแกนผลึกหิมะหมื่นปีของนางไว้"แม้ว่าเราจะเป็นสามีภรรยากัน แต่บางเรื่องก็ต้องแยกแยะให้ชัดเจน ผลึกหิมะเหล่านี้ข้าได้มาจากเขาสวินหลงด้วยความยากลำบาก ท่านจะมาแย่งข้าไม่ได้"เย่จิ่งหานขี้เกียจแม้แต่จะกลอกตาใส่นางหากเขาอยากแย่ง เมื่อครู่คงแย่งไปแล้ว จะต้องรอจนถึงยามนี้ทำไมกู้ชูหน่วนจึงสังเกตเห็นว่าใบหน้าของเย่จิ่งหานซีดเ
"เจ้างูนั่นมองอยู่" เย่จิ่งหานหาเหตุผลไม่ได้ จึงโยนความผิดให้น้องเก้าน้องเก้าแลบลิ้น ส่งเสียงฟ่อๆ หลายทีรังแกงูชัดๆ!ชอบแค่ตัวเมีย ไม่ชอบตัวผู้กู้ชูหน่วนกลอกตา "มันก็แค่งูตัวหนึ่ง จะไปรู้อะไร ท่านระแวงแม้กระทั่งงูตัวหนึ่ง นี่กลัวมันกัดกินชีวิตท่านหรืออย่างไร"หากไม่พูดถึงชีวิต เย่จิ่งหานคงจะไม่เป็นอะไร แต่พอพูดถึงสีหน้าของเขาก็ดูไม่ดีขึ้นมาทันทีเขาไม่เคยลืมว่ายามที่กู้ชูหน่วนรักษาเขา นางสั่งให้ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยจับงูจำนวนมากใส่ลงไปในอ่างยา ไม่รู้ว่าชีวิตและอวัยวะสำคัญของเขาถูกกัดกินไปกี่ครั้งหญิงสาวผู้นี้จงใจทำให้เขาอับอายหรือ?กู้ชูหน่วนอยากจะตบหน้าตัวเองสักฉาดนางพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดจริงๆ"น้องเก้า เจ้าออกไปเดินเล่นข้างนอก ห้ามเข้ามา""ฟ่อ ฟ่อ......"น้องเก้าไม่พอใจ วัวสองตัวของมัน และหมูยี่สิบตัวยังไม่มาเลย หากไปแล้วมันจะกินอะไร?น้องเก้าที่เชื่อฟังมาตลอด คราวนี้กลับดื้อดึง นอนแผ่บนโต๊ะ ไม่ยอมจากไปกู้ชูหน่วนส่งเสียงเหอ อยากจะม้วนแขนเสื้อแล้วโยนมันออกไปตัวใหญ่ไม่เชื่อฟัง ตัวเล็กก็ไม่เชื่อฟัง แต่ละคนจะต่อต้านนางใช่หรือไม่?"หากเจ้าไม่ออกไป แม้แต่เนื้อชิ้นเด
เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนกำลังจะระเบิดความโกรธ น้องเก้าก็รีบเลื้อยออกนอกหน้าต่างอย่างรวดเร็ว ไม่มีแม้แต่เงาของงูหลงเหลืออยู่เลยเจ้านี่เลื้อยเร็วกว่าบินเสียอีกกู้ชูหน่วนลุกขึ้นมาจับชีพจรของเขาอีกครั้ง และตรวจขาที่แข็งทื่อของเขาอย่างละเอียด ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า "อยากรักษาขาของท่านให้หายหรือไม่?""เจ้ามีวิธีหรือ?" ดวงตาของเย่จิ่งหานเป็นประกาย และลมหายใจของเขาก็หนักอึ้งขึ้น"ไม่มั่นใจ มีโอกาสอยู่บ้าง แต่ก็มีความเสี่ยง""ความเสี่ยงอะไร?""มีสองทางเลือก ในร่างกายของท่านมีพิษสองชนิดที่คอยควบคุมซึ่งกันและกัน ข้าสามารถแก้พิษชนิดหนึ่งของท่านได้ ส่วนอีกชนิดต้องรออีกสักพัก แต่ขาของท่านคงลุกขึ้นยืนได้ยาก และอีกทางเลือกหนึ่งคือข้าสามารถทำให้ขาของท่านลุกขึ้นยืนได้ แต่พิษทั้งสองชนิดในร่างกายของท่าน ข้าต้องหาโอกาสแก้ในภายหลัง ดูว่าท่านต้องการเลือกทางไหน แต่ไม่ว่าเลือกทางไหน ก็มีโอกาสล้มเหลว ผลของการล้มเหลวคือท่านอาจจะต้องแลกด้วยชีวิต""แล้วพิษที่เจ้าแก้ให้ข้าก่อนหน้านี้ล่ะ?" หรือว่าที่แก้มาทั้งหมดสูญเปล่า?"พิษที่แก้ให้ท่านก่อนหน้านี้ คือการค่อยๆ สลายพิษร้ายในร่างกายของท่าน แต่พิษตกค
ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยที่อยู่นอกประตูโกรธจนหน้าเขียวยี่สิบ?โอกาสน้อยเหลือเกินโอกาสสำเร็จเพียงยี่สิบหากล้มเหลว นายท่านจะต้องแลกด้วยชีวิตนายท่านจะโง่และหลงเชื่อนางได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้นายท่านต้องสูญเสียอะไรไปมากเพราะนาง"ได้ ยี่สิบก็เพียงพอแล้ว จะเริ่มเมื่อไหร่?" อย่างน้อยก็มีโอกาสมากขึ้นกว่าเดิมอะ......อะไรนะ......นายท่านตอบตกลง?เจี้ยงเสวี่ยผลักประตูเข้ามาและคุกเข่าลงข้างหนึ่ง "นายท่าน โปรดตรึกตรองซ้ำด้วย"ชิงเฟิงก็คุกเข่าลง "นายท่าน โปรดตรึกตรองซ้ำด้วย"พระชายาเจ้าเล่ห์ ใครจะรู้ว่าคำพูดของนางเชื่อถือได้หรือไม่ก่อนหน้านี้นางบอกว่าจะช่วยนายท่านรักษาพิษ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดีขึ้น"ถอยออกไป"เย่จิ่งหานเอ่ยเสียงเย็นชาเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส และกู้ชูหน่วนยังดูดพลังภายในของเขาไปเกือบหมด ร่างกายของเขาอ่อนแอถึงขีดสุดหากขาทั้งสองข้างของเขาไม่สามารถยืนได้ แม้จะเก็บพลังภายในที่เหลือไว้ได้ ก็ยังห่างชั้นจากคู่ต่อสู้ของเผ่าเทียนเฝินอยู่มากในการต่อสู้ครั้งล่าสุด เผ่าเทียนเฝินเห็นว่าขาของเขาพิการ จึงโจมตีขาของเขาโดยเฉพาะเมื่อนึกถึงความแค้นระหว่างตระกูลกับเผ่าเทียนเฝิน เย่
"หากไม่มีข้า อย่าว่าแต่ขาท่านสองข้างเลย เกรงว่าขาที่สามของท่านก็คงยืนไม่ได้"คำพูดนี้ไม่แรงเท่าใด แต่เป็นการดูถูกอย่างมากเย่จิ่งหานรู้สึกเย็นเยือกเขากัดฟันเอ่ย "เช่นนั้นเจ้าอยากลองดูหรือไม่ว่าขาที่สามของข้าจะใช้การได้หรือไม่"กู้ชูหน่วนหดคอ ถอยหลังไปหลายก้าว เพื่อรักษาระยะห่างจากเขา และเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ "ท่านเก่ง ขาที่สามของท่านเก่งที่สุดแล้ว"คำพูดแสนธรรมดาของนางแทงใจดำเย่จิ่งหานอย่างยิ่งเย่จิ่งหานยื่นมือเรียวยาวคว้าตัวนางเข้าสู่อ้อมกอด กู้ชูหน่วนลื่นตัวออกไปราวกับปลาไหลแต่มือของเย่จิ่งหานราวกับมีตา ไม่ว่านางจะหลบอย่างไรก็ยังถูกเขาคว้าไว้ในอ้อมกอด และดิ้นไม่หลุดนี่คือความแตกต่างของพลังแม้เย่จิ่งหานจะสูญเสียพลังภายในไปมาก แต่นางก็ไม่อาจต่อกรกับเขาได้ด้วยวิทยายุทธเพียงขั้นสี่ลมหายใจของเขาพ่นรดใบหน้านางเมื่อลืมตาขึ้น ก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติของเย่จิ่งหานกู้ชูหน่วนรู้สึกได้ว่าลมหายใจของเขาหนักอึ้งขึ้น หัวใจเต้นเร็วขึ้น มองนางด้วยสายตาที่ซับซ้อนราวกับจะทำอะไรบางอย่างกับนาง แต่ก็ลังเลกู้ชูหน่วนจึงทำใจให้สบาย และยิ้มเอ่ยว่า "ท่านอ๋อง ท่านหน้าแดง"เย่จิ่งหานชั
"ท่านอ๋อง ท่านควรปล่อยข้าได้แล้ว"กู้ชูหน่วนพยายามผลักเย่จิ่งหานออก แต่เขาแข็งแกร่งราวกับกำแพงทองแดง ไม่สามารถผลักออกไปได้เลยทันใดนั้น เย่จิ่งหานก็โอบกอดนางอย่างเอาแต่ใจ และประทับรอยจูบกู้ชูหน่วนตกใจชายผู้นี้กล้าทำแบบนี้กับนางจริงๆกู้ชูหน่วนดิ้นรนอย่างสุดกำลัง แต่ยิ่งนางต่อสู้ เย่จิ่งหานก็ยิ่งเอาแต่ใจกู้ชูหน่วนยกเท้าขึ้นด้วยความโกรธ และเตะไปที่จุดสำคัญของเขา"ซี้ด......"เย่จิ่งหานเจ็บปวด สูดหายใจเข้าด้วยความตะลึง และจ้องมองนางด้วยความโกรธ"เจ้าอยากให้ข้าสูญพันธุ์รึ?""คุณหนูอย่างข้าไม่ชอบถูกบังคับ ยิ่งไม่ชอบอยู่ข้างล่าง ข้าชอบอยู่ข้างบน"เอ่ยจบ กู้ชูหน่วนก็เอามือโอบคอของเขา และโจมตีเย่จิ่งหานกลับเย่จิ่งหานรู้สึกถึงความพินาศแล้วใครก็ได้บอกเขาหน่อยว่า เขาแต่งงานกับภรรยาแบบใดกัน?ทำไมเขารู้สึกเหมือนเขาเป็นภรรยาเสียเอง?บนรถม้าปรากฏบรรยากาศอันน่าอับอายคนขับรถม้าได้ยินก็หน้าแดงขณะที่พวกเขากำลังจะก้าวไปถึงขั้นสุดท้าย รถม้าก็กระแทกเข้ากับหินอย่างแรง เกือบจะพลิกคว่ำกู้ชูหน่วนเสียการทรงตัว และแทบจะกลิ้งตกลงจากรถม้าสีหน้าของเย่จิ่งหานมืดมนลง "หากเจ้ากล้าชนหินอีก
ตึง...กู้ชูหน่วนพลิกตัวลงจากม้า ท่าทางคล่องแคล่วว่องไว นางตวัดปลายเท้าเกี่ยวดาบเล่มหนึ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเข้าไปร่วมวงต่อสู้ผู้ที่มีชีพจรยุทธอยู่ที่ชั้นสี่เหมือนกัน ทว่ายังไม่ทันจะได้สัมผัสปลายเสื้อของกู้ชูหน่วนก็ถูกนางใช้มีดจ่อที่คอแล้วดวงตาของเย่จิ่งหานหรี่ลงเล็กน้อยวิธีการใช้วิทยายุทธของกู้ชูหน่วนช่างพิเศษไม่เหมือนใคร เขาดูอยู่นาน ก็ยังดูไม่ออกว่านางมาจากสำนักใดกันแน่ทว่านางเคลื่อนไหวว่องไว โจมตีและตั้งรับได้อย่างเหมาะสม จู่โจมเข้าที่จุดตายของอีกฝั่งโดยไม่ทันตั้งตัวอยู่บ่อยๆ ไม่เหมือนผู้ที่ไม่เคยฝึกวิทยายุทธมาก่อนชีพจรยุทธของนางอยู่เพียงแค่ชั้นสี่ แต่นางสามารถต่อสู้กับยอดฝีมือขั้นหนึ่งได้อย่างสูสี ไม่ได้ด้อยไปกว่าเลยเย่จิ่งหานอดไม่ได้ที่จะชื่นชมนางยิ่งกว่าเดิมเรื่องที่เขาเดินทางมารักษาอาการบาดเจ็บที่เมืองอู๋ซวงครั้งนี้ เป็นความลับสุดยอดยามนี้ตัวตนถูกเปิดเผย ไอสังหารในดวงตาของเย่จิ่งหานฉายประกายวับหนึ่งเพียงแค่เสี้ยววินาทีที่สะบัดแขนเสื้อ ยอดฝีมือขั้นหนึ่งหลายสิบคนก็สลายกลายเป็นหมอกเลือดทันที เหลือเพียงยอดฝีมือขั้นสามคนเดียวแต่ยอดฝีมือขั้นสามผู้นั้นวิ่งหน
เวินเส้าอี๋ยิ้มเยาะกับตัวเอง ด้วยความสัมพันธ์ที่ต้องตายกันไปข้างหนึ่งของสำนักซิวหลัวและเผ่าเทียนเฝิน มีหรือที่ประมุขชิงจะยอมปล่อยเขาไป หากเป็นเขาที่อยู่ในจุดนั้น เขาเองก็ไม่มีทางปล่อยประมุขชิงไปเช่นกัน เวินเส้าอี๋กวาดสายตามองผาหินแวววาวและทะเลโลหิตที่เดือดระอุ เขาเคยคิดว่าจะต้องตายด้วยน้ำมือเจ้าสำนักซิวหลัว เคยคิดว่าต้องตายด้วยน้ำมือหอเลิศหล้า เคยคิดว่าต้องตายด้วยน้ำมือของเย่จิ่งหาน สิ่งเดียวที่ไม่เคยคิดมาก่อนคือต้องมาตายในที่แห่งนี้ "สำนักซิวหลัวและเผ่าเทียนเฝินมีความแค้นอันใดต่อกันกันแน่" กู้ชูหน่วนเอ่ยถาม "เป็นแค้นที่ฝังลึกยิ่งนัก เป้าหมายในการมีชีวิตอยู่ของชาวสำนักซิวหลัวทุกคนก็คือหาแก้วมังกรให้พบ แล้วกำจัดเผ่าเทียนเฝิน อาหน่วน หากเจ้ายังเห็นข้าเป็นสหาย ก็อย่ายุ่งเรื่องนี้เลย" ประมุขชิงไม่ได้อธิบายรายละเอียด แต่จุดยืนของเขาหนักแน่น ไม่เหลือทางให้หันหลังกลับอีกแล้ว เขารวบรวมกำลังภายในไว้ที่ฝ่ามือ ยกมือขึ้นมาตั้งใจจะสะเทือนกระดูกของเวินเส้าอี๋ให้แหลก ไม่พูดถึงเรื่องที่เวินเส้าอี๋ถูกพิษดอกพันรักทำให้ทรมานราวกับตายทั้งเป็น แต่แค่กำลังภายในของเขาที่สูญไปแทบจะหมดสิ้น
กู้ชูหน่วนลุกลน อยากจะขวางการถ่ายทอดกำลังภายในให้นางของประมุขชิง ทว่ากลับช้าไปหนึ่งก้าว กำลังภายในของประมุขชิงเหมือนกับเวินเส้าอี๋ ไม่รู้ด้วยเหตุใดถึงได้ถูกนางดูดเข้าไปไม่หยุด "ข้าไม่ต้องการดูดกำลังภายในของเจ้า เจ้ารีบดึงมือออก" "ไม่เป็นไร หากเจ้าต้องการ ข้าให้เจ้าทั้งหมดจะเป็นไรไป" ประมุขชิงคลี่ยิ้ม ภายในดวงตาอ่อนโยนเต็มไปด้วยความทะนุถนอมเอ็นดู เขาไม่ได้ดึงมือออก แต่กลับพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อสยบพิษของดอกพันรัก เมื่อเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูคู่นั้นและรอยยิ้มที่คุ้นเคย กู้ชูหน่วนก็ยิ่งมั่นใจในความคิดของตน ประมุขชิงก็คืออี้เฉินเฟย กู้ชูหน่วนทั้งร้อนรนทั้งโมโหและทุกข์ทรมาน ที่ร้อนรนเพราะ นางอยากจะเอามือออกแต่กลับทำไม่ได้ ที่โมโหเพราะอี้เฉินเฟยโง่เง่านัก มีผู้ใดบ้างที่จะยอมมอบกำลังภายในที่ตนฝึกฝนมาอย่างยากลำบากให้ผู้อื่น เขาไม่รู้หรือว่านางอาจจะดูดกำลังภายในของเขาจนหมดและตายได้ ที่ทุกข์ทรมานเพราะ พิษของดอกพันรักแล่นไปทั่วทั้งร่างกายของนางยังพอว่า กำลังภายในของประมุขชิงก็หลั่งใหลไปทั่วร่างนางด้วย คล้ายกับร่างของนางถูกดึงให้ฉีกออกจากกันไม่หยุด
เวลาค่อยๆ ผ่านไปอย่างช้าๆ กู้ชูหน่วนและเวินเส้าอี๋ก็ไม่รู้ว่าทนกับคลื่นความร้อนไปเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ พวกเขาทั้งสองเหงื่อโชก ลมหายใจหอบถี่ ล้วนแต่อยู่ในจุดที่กำลังจะทนไม่ไหว ลมอุ่นพัดผ่านไป สติของกู้ชูหน่วนและเวินเส้าอี๋แตกกระเจิงโดยสิ้นเชิง ทนไม่ไหวอีกต่อไป ไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน แต่ทั้งคู่ก็คลอเคลียอยู่ด้วยกันแล้ว ในขณะที่พวกเขากำลังจะพัฒนาไปถึงขั้นสุดท้าย ยอดหน้าผาพลันปรากฏเงาร่างสีครามอาบเลือดมือเกาะเถาวัลย์ที่วางไว้ก่อนหน้านี้แล้วกระโดดลงมาจากยอดของหน้าผาด้วยความรวดเร็ว สายตาของประมุขชิงมองไปรอบๆ ด้วยความร้อนรน พยายามตามหาหญิงในความทรงจำผู้นั้น คลื่นลาวายักษ์ซัดเข้าไปเป็นระยะ ทุกครั้งที่คลื่นซัดสาด คล้ายกับยืนอยู่ใจกลางกองเพลิงแผดเผาร่างของเขาไม่หยุดหย่อน แต่เขาไร้ซึ่งความหวาดกลัว ดวงตาดื้อรั้นคู่นี้ราวกับว่าหากหากู้ชูหน่วนไม่เจอ ก็จะไม่มีทางรามือ ทันใดนั้น เขาเห็นกู้ชูหน่วนบนผาหินที่ยื่นออกไป หัวใจที่บีบรัดอยู่ของประมุขชิงพลันผ่อนคลายลงมาในพริบตา ทว่าไม่ทันไร ใจของเขาพลันตื่นตระหนกขึ้นมาอีกครั้ง เพราะแววตาของนางล่องลอย เสื้อผ้าไม่เป็นระเบียบ กำลั
เวินเส้าอี๋ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองกู้ชูหน่วน เขากลัวว่าหากมองแล้วตนจะทนไม่ไหว ตรงกลางหน้าผา ร่างของกู้ชูหน่วนและเวินเส้าอี๋ล้วนแต่ขดตัวเป็นวง ต่างก็พยายามอดกลั้นด้วยชีวิต ลมอ่อนๆ พัดโชยไป เกิดคลื่นลาวาเป็นชั้นๆ ลมที่พัดผ่านไปก็เป็นลมร้อน ไร้ซึ่งความเย็นแต่อย่างใด เจ็บปวดจนเกินจะทน เวินเส้าอี๋พยายามนั่งขัดสมาธิ ปากก็คอยสวดมนต์ไม่หยุด หวังว่าใจจะสงบลงตามธรรมชาติ กู้ชูหน่วนตวาดออกมาอย่างอดไม่ได้ "ให้ตายสิ เวลานี้แล้วยังจะสวดมนต์อะไรอีก หากสวดมนต์ได้ผล แม่หมูคงปีนต้นไม้ได้แล้ว" เขาไม่รู้บ้างเลยหรือ ว่าทันทีที่เขาเอ่ยปาก มีแต่จะกระตุ้นความต้องการที่นางอดกลั้นเอาไว้ด้วยความยากลำบากให้รุนแรงขึ้นกว่าเดิม คิ้วดกดำดั่งขุนเขาของเวินเส้าอี๋ขมวดเข้าหากัน เขาใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว ความรู้สึกนี้หากจะบอกว่า จะอยู่ก็ไม่ได้ จะตายก็ไม่ดี ไม่เกินจริงเลยสักนิด สวดมนต์ก็ไม่อาจทำให้อารมณ์ที่พลุ่งพล่านรุนแรงของเขาดีขึ้นได้แต่อย่างใด เวินเส้าอี๋จึงยอมแพ้ไป และยังคงขดตัวเป็นวงอยู่ติดกับผาหินอย่างไร้ที่พึ่ง "แม่เจ้าโว้ย ข้าทนไม่ไหวแล้ว" กู้ชูหน่วนไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเวินเส้าอี๋สมาธิดีเ
อยู่ดีๆ เหตุใดจึงถูกวางยาเสียได้ กู้ชูหน่วนพยายามคิดทบทวน ทันใดนั้นเอง นางก็พลันโมโหจนต้องตบเข่าฉาด บ้าเอ้ย... เมื่อกี้ตอนที่เวินเส้าอี๋เกาะยึดผาพลางกอดนางไว้ บนกำแพงหินมีดอกพันรักขึ้นอยู่เต็มไปหมด ดอกพันรักเป็นดอกไม้ปลุกกำหนัดที่มีฤทธิ์รุนแรงนัก ยามนี้ดอกพันรักบานสะพรั่ง ทุกที่บนกำแพงหินล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ คนธรรมดาเพียงแค่ดมกลิ่นของดอกไม้ชนิดนั้นเข้าไป ก็จะจมดิ่งลงสู่ห้วงทะเลแห่งความปรารถนา ส่วนพวกนาง......เมื่อครู่สูดกลิ่นของดอกพันรักบนกำแพงไปปริมาณมาก โดยเฉพาะมือของเวินเส้าอี๋ที่ชุ่มไปด้วยเลือดแล้วยังไปสัมผัสโดนเกสรของดอกพันรัก จึงโดนพิษเข้าไปลึกกว่านางนัก กู้ชูหน่วนอยากจะเป็นลมตายลงไปเสียตรงนั้นให้รู้แล้วรู้รอด เพิ่งข้ามมิติมาได้ไม่นาน นางก็ถูกวางยาไปแล้วสองหน อีกทั้งสองครั้งนี้ล้วนแต่เป็นยาปลุกกำนัดอานุภาพรุนแรงทั้งสิ้น "ร้อน......" เวินเส้าอี๋ปากลิ้นแห้งผาก ทรมานจนต้องฉีกคอเสื้อของตนออก กู้ชูหน่วนเอ่ยด้วยความลนลาน "เฮ้ย ข้าขอบอกเจ้าไว้ก่อน หญิงชายไม่ควรใกล้ชิดกัน เจ้าอย่าทำอะไรบุ่มบ่ามเชียวล่ะ" นางตามหาในแหวนปริภูมิจนทั่วแล้ว ยาส
นอกเจ้านายท่านหลันและคนอื่นๆ เย่จิ่งหานและพวกต่างก็รู้สึกบีบคั้นหัวใจ เย่จิ่งหานพยายามดีดดิ้นเพื่อให้หลุดจากพันธนาการแล้วออกไปตามหากู้ชูหน่วนด้วยตนเอง เขาไม่อยากจะจินตนาการเอาเองอีกต่อไปว่ากู้ชูหน่วนต้องประสบพบเจอกับเรื่องแบบใดกันแน่ถึงได้กรีดร้องอย่างกับจะขาดใจเช่นนั้น ประมุขชิงตื่นตระหนกยิ่งกว่า ร่างของเขาสั่นเทิ้มอย่างไม่อาจหยุดได้ ฝีเท้าเร่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ อาหน่วน... เจ้าอย่าเป็นอะไรไปเด็ดขาด จะต้องรอข้าก่อน หากเจ้าตาย ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติใด ข้าไม่มีวันอภัยให้เจ้าเป็นแน่ เสียงร้องที่หดหู่ดังก้องไปเรื่อยๆ ประมุขชิงมาถึงบริวเวณปากคอขวดน้ำเต้าที่กู้ชูหน่วนเพิ่งไปเมื่อครู่แล้ว บนปากคอขวด มีร่องรอยของกรงเล็บมังกรยักษ์หลงเหลืออยู่ รอยเท้าฝังลึกลงไปในพื้นดิน ทุกรอยเท้ามีความลึกหลายสิบเมตร เห็นได้เลยว่าเรี่ยวแรงที่ประทับลงไปนั้นมหาศาลเพียงใด ทอดมองออกไปยังสนามรบที่เละไม่เหลือชิ้นดีหลังจากการสู้ครั้งใหญ่ของยอดฝีมือ ประมุขชิงสั่นสะท้าน ลึกลงไปในใจรู้สึกถึงลางไม่ดีบางอย่าง อาหน่วนเคยบอกไว้ โลกนี้มีมังกรอสูรขั้นเจ็ดทั้งหมดสองตัว ตัวหนึ่งคือมังกรน้ำ อยู่ในสถ
แม้ว่ากู้ชูหน่วนจะมีชีวิตถึงหมื่นชีวิต ก็คงต้องตายอย่างแน่นอนภารกิจบนบ่าของเขานั้นหนักอึ้งนัก เขาควรจะสลัดออกไปอย่างเต็มกำลัง เพื่อรักษาพลังปราณที่เหลืออยู่ในร่างกาย แต่......ไม่รู้ทำไม เขาถึงลังเลภาพของกู้ชูหน่วนที่ดูมีชีวิตชีวาและฉลาดหลักแหลมค่อยๆ ปรากฏขึ้นในสมองของเขาพร้อมกับใบหน้าเล็กๆ ของนางที่กำลังดิ้นรนด้วยความเจ็บปวดและอดทนต่อความทุกข์ทรมานอย่างแข็งขัน เวินเส้าอี๋ก็แอบลังเลเวินเส้าอี๋รีบดึงพลังฝ่ามือของเขากลับ เขาพยายามมาหลายวิธีแต่ก็ไม่ได้ผล ทำได้เพียงเฝ้าดูพลังภายในที่เขาฝึกฝนมาหลายปี ค่อยๆ หายไปในชั่วข้ามคืน และกลายเป็นของคนอื่นเมื่อหันมองกู้ชูหน่วนอีกครั้งใบหน้าเล็กๆ ของนางขมวดเป็นปมด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าอันงดงามไร้ที่ติของนางค่อยๆ เปลี่ยนจากซีดขาวเป็นแดงระเรื่อ ในที่สุดร่างกายของนางก็เหมือนถูกไฟไหม้ ร้อนจนคนไม่กล้าสัมผัสร่างกายของนางรับพลังภายในมากเกินไปไม่ได้ พลังปราณในร่างกายของนางพุ่งชนไปมาอย่างต่อเนื่อง ราวกับจะทำลายร่างกายของนาง"วิชาดูดพลังคืออะไร" กู้ชูหน่วนอดทนต่อความเจ็บปวดระลอกแล้วระลอกเล่าอย่างอดทน แล้วกัดฟันถาม"……""เวินเส้าอี๋ รีบถอนมือเร็ว
ณ หน้าผาเวินเส้าอี๋ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา ภาพที่เห็นคือแผ่นหินที่ยื่นออกมาจากกลางหน้าผา เมื่อมองขึ้นไปด้านบนก็เห็นเมฆสีขาวจำนวนมาก ไม่รู้ว่าสูงเพียงใดเมื่อมองลงไปด้านล่างเป็นทะเลโลหิตที่เดือดพล่าน คลื่นเลือดสาดกระเซ็นเป็นระยะๆ อุณหภูมิสูงจนน่าตกใจเมื่อมองไปด้านข้าง กู้ชูหน่วนหมดสติอยู่ข้างเขา ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรเวินเส้าอี๋พยายามลุกขึ้นยืน เดินโซเซไปหากู้ชูหน่วน มือที่เต็มไปด้วยเลือดของเขาลองแตะที่จมูกของนาง ยังมีลมหายใจอ่อนๆ ทำให้ใจที่ตึงเครียดของเวินเส้าอี๋๋ผ่อนคลายลงโชคดีที่มีแผ่นหินที่ยื่นออกมานี้ มิฉะนั้นพวกเขาคงตายไปแล้วหน้าผาสูงเกินไป เขาถูกมังกรไฟทำร้ายสาหัส หากอยู่คนเดียวอาจจะขึ้นไปได้ แต่การพากู้ชูหน่วนขึ้นไปบนยอดผา ช่างยากยิ่งกว่าการปีนขึ้นสวรรค์เสียอีก"เจ้าขมวดคิ้วดูไม่ดีเลย"กู้ชูหน่วนฟื้นตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ แล้วพึมพำเสียงเบา"แค่ก แค่ก......"นางไอออกมาเป็นชุด ไอออกมาเป็นกองเลือดเวินเส้าอี๋จับชีพจรของนาง มองสีหน้าที่อ่อนแรงและซีดเซียวของนาง น้ำเสียงของเขาค่อนข้างหนักแน่น "เจ้าตกจากที่สูง ปอดและอวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บ""ข้าดวงแข็ง พญายมยังกลัวข้า
"ปัง......"กู้ชูหน่วนและเวินเส้าอี๋ตกลงมา เพียงแต่สถานที่ที่ตกลงมาไม่ใช่ทะเลโลหิต แต่ตกลงกระแทกบนแผ่นหินที่ยื่นออกมา"โอ๊ย......"กู้ชูหน่วนส่งเสียงครางเบาๆ เอวของนาง......เกือบหักแล้ว"ฟิ้ว......"เวินเส้าอี๋โยนกู้ชูหน่วนขึ้นไปในอากาศ เพื่อลดแรงกระแทกจากการตกลงมาของนาง ส่วนตัวเองก็ตกลงกระแทกบนแผ่นหินอย่างจัง แรงกระแทกนั้นรุนแรงมาก จนเขาอดไม่ได้ที่จะกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง กระดูกทั่วร่างราวกับแตกกระจาย แม้แต่อวัยวะภายในก็ยังกระเพื่อมอย่างรุนแรงทั้งสองหมดสติไปพร้อมกัน เสียงคำรามของสัตว์อสูรบนยอดผา พร้อมกับเสียงกรีดร้องโหยหวนยังคงดังต่อเนื่องในหุบเขาทางทิศตะวันตก เย่จิ่งหานและน้องเก้าราวกับรับรู้ได้ว่ากู้ชูหน่วนประสบเคราะห์ร้ายเย่จิ่งหานพยายามลุกขึ้นยืน โดยไม่สนใจสิ่งใดๆ ต้องการออกไปตามหากู้ชูหน่วน แต่ไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนทำอะไรกับเขา ไม่เพียงทำให้เขาทั้งร่างกายอ่อนแรง พลังภายในสูญสิ้น แม้แต่จะขยับตัวก็ทำไม่ได้เลย จึงทำได้เพียงร้อนใจอยู่ภายใน"หลีลั่ว ส่งคนออกไปทั้งหมด ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องนำพระชายากลับมาอย่างปลอดภัย""นายท่าน หากทำเช่นนั้น สถานะของพวกเราก็จะถูกเปิดเผย ถึงย