กู้ชูหน่วนดวงตาฉายประกายวับหนึ่ง ก่อนจะจ้องไปที่กระดิ่งภินวิญญาณไม่รู้เพราะเหตุใด นางมักจะรู้สึกอยู่เสมอว่ากระดิ่งภินวิญญาณสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ชี้ให้นางเดินไปด้านหน้าด้านหน้ามีบัณฑิตของสำนักบัณฑิตหลวงรวมตัวอยู่จำนวนไม่น้อย พร้อมทั้งมีเสียงร้องตกใจที่หาของล้ำค่าเจอออกมาจากในนั้นอวี๋ฮุยพูดด้วยความร้อนรน "ลูกพี่ พวกเราก็ไปดูกันเถอะ ดูว่าจะเจออะไรบ้างหรือไม่""จะรีบร้อนไปใย ที่แห่งนี้มีมุมอับซ่อนเร้นอยู่ ฝั่งซ้ายมือไม่ไกลออกไปยังมีถ้ำอีกแห่ง พวกเราไปที่ถ้ำกันก่อน""ห้ะ...ไปที่ถ้ำทำไม"เซียวอวี่เชียนเขกกะโหลกพวกเขาคนละที "ยัยขี้เหร่สั่งให้พวกเจ้าไป พวกเจ้าก็ไป เหตุใดถึงมากความเช่นนี้"ทั้งสี่คน ชายสามหญิงหนึ่งเดินย่องเข้าไปถึงถ้ำ ถ้ำไม่ใหญ่มาก จุได้เพียงแค่พวกเขาสี่คน รอบๆ ที่แห่งนี้ล้วนแต่เป็นผนังดิน หลิ่วเยว่อวี๋ฮุยพลิกแผ่นดินหาอยู่ครึ่งค่อนวันก็ไม่เจอของล้ำค่าใด ในใจเริ่มร้อนรนขึ้นมาเล็กน้อยกู้ชูหน่วนหยิบขวดยาออกมาสิบกว่าขวด โยนลงตรงหน้าพวกเขา "แบ่งกันเองแล้วกันนะ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็จำเป็นต้องเพิ่มความแข็งแกร่งอยู่เสมอ มีแค่แข็งแกร่งพอ ถึงจะไม่โดนผู้อื่นรังแก"เซียวอวี่เช
แต่เหตุใดนางกินยาไปไม่ต่ำกว่าร้อยเม็ด อีกทั้งยังเป็นยาชำระไขกระดูกชั้นดีทั้งหมด ถึงจะสามารถเปิดประตูชั้นแรกไปได้แบบถูๆ ไถๆหลิ่วเยว่อวี๋ฮุยพูดด้วยความตื่นเต้น "ลูกพี่ ท่านดีกับพวกข้ายิ่งนัก ชีพจรยุทธของข้าเพิ่มขึ้นมาอีกเท่าหนึ่งแล้ว น่าเสียดายที่ข้าสติปัญญาโง่เขลา กินยาชำระไขกระดูกไปตั้งสองเม็ดแล้วยังเพิ่งจะทำลายขีดจำกัดได้แค่ชั้นเดียว"กู้ชูหน่วนรู้สึกว่า ประโยคนี้ของพวกเขาทั้งสองกำลังโจมตีนางอยู่หากพวกเขาสติปัญญหาไม่ดีเช่นนั้นหากรู้ว่านางกินยาไปร้อยกว่าเม็ด ถึงจะฝืนเปิดชีพจรยุทธชั้นแรกได้ พวกเขาจะไม่ตกใจแย่เลยหรือกู้ชูหน่วนรีบเปลี่ยนบทสนทนา "ยังมีอีกตั้งหลายเม็ด เหตุใดไม่กินให้เยอะๆ หน่อยเล่า ดูซิว่าจะขึ้นไปได้ถึงชั้นไหน"เซียวอวี่เชียนกลอกตามองบนใส่นางไปหนึ่งที "เจ้าคิดว่ายาชำระไขกระดูกคือข้าว จะกินเท่าไหร่ก็ได้หรืออย่างไร พวกข้ากินไปสองสามเม็ดก็ถึงขีดจำกัดแล้ว ขืนกินต่อไป ร่างมีแต่จะระเบิดตาย"เอิ่ม......เช่นนั้นนางกินติดต่อกันเจ็ดวัน ในปริมาณหลายร้อยเม็ด เหตุใดไม่เห็นเป็นไรเลย"ยัยขี้เหร่ ไม่เช่นนั้นเจ้าก็กินสักเม็ดสิ ดูว่าจะเปิดชีพจรยุทธได้หรือไม่ พวกข้าสามคนจะใช้ปรา
เซียวอวี่เชียนตอกกลับไป "ขำๆๆ มีสิ่งใดน่าขำ พวกข้าเต็มใจจะเก็บหญ้า ไปล่วงเกินอะไรพวกเจ้าหรือ ไปๆๆ รีบไปให้พ้น"หลิ่วเยว่อวี๋ฮุยเองก็รีบพากันไล่ผู้อื่นไป ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องมีหน้ามีตาอะไร"ยัยขี้เหร่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าทำลายขีดจำกัดชีพจรยุทธได้แล้ว ยามนี้เป็นชั้นที่เจ็ดแล้ว รอข้าทำลายขีดจำกัดไปถึงชั้นที่เก้า ก็จะสามารถเข้าสู่ขั้นหนึ่งได้แล้ว หลังจากนั้นก็จะได้ไม่ต้องกลัวมู่หรงเฉินและตงฟางเจ๋ออีก""ลูกพี่ พวกข้าสองคนก็ทำลายขีดจำกัดขึ้นอีกไปชั้นแล้ว นี่คือยาสร้างฐานปราณที่ยังเหลืออยู่ ท่านรีบเก็บไว้ให้ดี ยานี้มูลค่าสูงนัก หากบัณฑิตคนอื่นๆ ในสำนักบัณฑิตรู้เข้า ไม่แน่อาจจจะมาแย่งเช่นไรก็ได้"นอกจากอิจฉา กู้ชูหน่วนก็มีแต่ความอิจฉายาสร้างฐานปราณเพียงเม็ดเดียวพวกเขาก็สามารถทำลายขีดจำกัดได้แล้ว เหตุใดนางยังค้างอยู่ที่ชั้นที่สองของทางยุทธอยู่อีก ไม่ว่านางจะกินยาไปเยอะเพียงใด ก็ไม่มีวี่แววว่าจะทำลายขีดจำกัดได้เลยหลิ่วเยว่เอ่ย "ลูกพี่ พวกเรายังต้องหาที่หลบซ่อนจากมู่หรงเฉินและตงฟางเจ๋อหรือไม่"กู้ชูหน่วน "……"นางมายังเขาสวินหลง เพื่อจะซ่อนตัวจากพวกเขาสองคนเสียเมื่อไหร่"พวกเจ้าลองด
"พวกเขาเพิ่งบอกไปไม่ใช่หรือว่าทางทิศตะวันออกเฉียงใต้มีสัตว์ร้ายน่ะ อีกอย่างทิศตะวันออกเฉียงใต้มีคนอยู่น้อย หากพวกตงฟางเจ๋อตามมาจะทำเช่นไร"กู้ชูหน่วนฉีกยิ้มกว้าง ดวงตาเต็มไปด้วยแผนการเซียวอวี่เชียนและคนอื่นๆ รู้สึกเย็นวาบที่หลังขึ้นมาอย่างประหลาด นางผู้นี้กำลังวางแผนอะไรอีกแล้ว"หลิ่วเยว่ อวี๋ฮุย พวกเจ้าสองคนเก็บสมุนไพรต่อไป เก็บในที่ที่มีคนอยู่เยอะ เซียวอวี่เชียน เจ้ามากับข้า""ห้ะ...พวกเราเก็บมาเยอะขนาดนี้แล้ว ยังต้องเก็บอีกรึ""นั่นน่ะสิ พวกเรามาหาสมบัติล้ำค่าที่เขาสวินหลงนะ เก็บแบบนี้ต่อไป พวกเราไม่มีเวลาหาสมบัติล้ำค่าแน่""สมบัติมีอยู่ทุกที่ไม่ใช่หรือ พวกเขามองไม่ออก ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าจะต้องมีสายตาที่แหลมคมเป็นแน่ รอข้ากลับมา พวกเจ้าต้องเก็บให้ได้อย่างน้อยสองถุงกระสอบใหญ่ หากเก็บไม่ได้ พวกเจ้าได้เจอดีแน่" กู้ชูหน่วนกำลังยิ้ม ทว่าภายในรอยยิ้มแฝงไว้ด้วยความข่มขู่ไม่รอหลิ่วเยว่อวี๋ฮุยตอบตกลง กู้ชูหน่วนดึงตัวเซียวอวี่เชียนไปแล้ววิทยายุทธของเซียวอวี่เชียนไปถึงชั้นที่เจ็ดของเส้นทางยุทธแล้ว ขอเพียงแค่ทำลายขีดจำกัดชั้นที่เก้าได้ ก็จะสามารถเข้าสู่ขั้นหนึ่ง แน่นอนว่าความสามารถในก
มู่หรงเฉินและตงฟางเจ๋อตะลีตะลาน เสือดาวมีมากเกินไป อีกทั้งยังล้วนแต่เป็นสัตว์อสูรขั้นหนึ่ง เหตุใดเขาสวินหลงถึงได้มีสัตว์อสูรมากมายเช่นนี้ตรงหน้าคือเหว กู้ชูหน่วนมีความกล้าที่จะกระโดดลงไป แต่พวกเขากลับไม่มีความกล้าพอ ทั้งสองคนเล็งหาโอกาส วิ่งหนีไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้พวกเขารวดเร็วว่องไว ทว่าความเร็วของเสือดาวไวยิ่งกว่า ที่ซวยไปกว่านั้นคือ ทิศตะวันตกเฉียงใต้ก็มีเสือดาวอีกกลุ่มกระโจนเข้ามาด้วยเช่นกัน หน้าของมู่หรงเฉินพลันเปลี่ยนสี ผลักตงฟางเจ๋อเข้าไปแทบจะในทันทีด้วยสัญชาตญาณ ส่วนตนวิ่งเผ่นออกไปอีกทางตงฟางเจ๋อผู้น่าสงสารถูกมู่หรงเฉินผลักเช่นนี้ ต่อให้อยากวิ่งหนีเพียงใดก็ไม่ทันแล้ว ถูกกลุ่มสัตว์อสูรฉีกเป็นชิ้นๆ และเขมือบทั้งเป็นทันที"ตึงตึงตึง......"ฝูงเสือดาวพากันไล่ไปทางมู่หรงเฉิน พื้นดินสั่นไหวไม่หยุดราวกับเกิดแผ่นดินไหวด้านล่างหน้าผากที่อยู่ตรงครึ่งหนึ่งของเชิงเขากู้ชูหน่วนมือข้างหนึ่งคว้าเถาวัลย์ มืออีกข้างโอบเอวเซียวอวี่เชียนเอาไว้ สายตาเยือกเย็นทอดมองขึ้นไปยังทะเลหมอก ภายในดวงตาเผยให้เห็นความหนาวเหน็บเซียวอวี่เชียนหัวใจเต้นตึกตักยอดฝีมือขั้นหนึ่ง ถูกสัตว์อสูรกินไปอย
นางเปิดแหวนปริภูมิ หยิบสารหนูออกมาทาบนร่างของนางและเซียวอวี่เชียน"ถือโอกาสตอนที่มันกำลังหลับอยู่ พวกเราแอบเข้าไปหยิบผลึกหิมะออกมา หากมันไม่รู้สึกตัว พวกเราค่อยอ้อมเข้าไปในถ้ำ หากมันรู้ตัวแล้ว เจ้าก็ฉวยโอกาสนี้เข้าถ้ำไป ค้นหาดูว่าด้านในมีสมบัติล้ำค่าอะไรหรือไม่""แล้วเจ้าจะทำเช่นไร""วางใจ ข้าย่อมมีวิธีรับมือของข้า""ไม่ได้ เจ้าเพิ่งจะเปิดชีพจรยุทธได้ งูหลามสองหัวตัวนี้เป็นถึงสัตว์อสูรขั้นสอง เจ้ารับมือไม่ไหวหรอก"กู้ชูหน่วนสองมือกอดออก มองเขาด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย สายตาคู่นั้นดูเหมือนกำลังหัวเราะเยาะ นางอ่อนแอขนาดนั้นเสียเมื่อไหร่เซียวอวี่เชียนชะงัก รีบชิงพูดก่อน "ข้าเข้าไปขโมยผลึกหิมะ เจ้าแอบเข้าไป เอาแบบนี้แหละ""ได้สิ"ได้สิ ?ง่ายขนาดนี้เลยหรือนี่ไม่กลัวว่าจะเกิดเรื่องกับเขาเลยหรืออย่างไรมองดูสายตาของกู้ชูหน่วนอีกครั้ง เต็มไปด้วยความมั่นใจเซียวอวี่เชียนอัดอั้นตันใจ แต่กลับทำได้เพียงแค่ค่อยๆ ย่องไปข้างหน้าเบาๆ พยายามไม่ทำให้งูหลามสองหัวตกใจตื่นห้าก้าว สี่ก้าว สามก้าว...เหลือเพียงแค่สองก้าวก็จะเอาผลึกหิมะมาได้แล้ว ดวงตาเซียวอวี่เชียนเผยให้เห็นความปลื้มปริ่ม ขณะที่กำลั
"เจ้าไปก่อน" กู้ชูหน่วนดันเซียวอวี่เชียนไปด้านหน้า จากนั้นพลิกมือขวาออกไป เข็มพิษพลันพุ่งทางไปงูหลามราวกับเม็ดฝนซัดสาดงูหลามตัวนั้นยังคงแข็งแกร่งมั่นคงดุจกำแพง เข็มพิษหลายสิบเล่มพุ่งเข้าไปบนตัวมัน เสมือนพุ่งเข้าใส่เครื่องโลหะ มีแค่เสียงแก๊งแก๊งดังขึ้นก่อนจะร่วงลงมาพร้อมกัน ไม่มีครั้งใดที่โดนเข้าจังๆ"เฮือก......"งูเหลือมไม่กลัวสารเหลือง ลิ้นเป็นแฉกพลันพ่นเปลวไฟที่ลุกโชนออกมาเปลวไฟอุณหภูมิสูงมาก แม้จะอยู่ไกล แต่ก็ยังถูกแผดเผาจนร้อนไปทั้งตัวกู้ชูหน่วนเกือบจะสติหลุด "บ้าเอ้ย นี่มันมังกรไฟหรืองูไฟ เหตุใดถึงพ่นไฟได้ด้วย""ยัยขี้เหร่ ไฟของมันมีพิษ หากโดนตัวอาจจะตายจากพิษและการกัดกร่อนได้"เซียวอวี่เชียนกางพัดออกดังฟรึ่บ ก่อนจะดึงกลไกลทำให้พัดที่ประณีตงดงามกลายเป็นอาวุธในพริบตา พุ่งไปทางหัวของงูหลามพร้อมกับกำลังภายในที่ครุกกรุ่นของเซียวอวี่เชียนงูหลามพ่นไฟลูกโตออกมาอีกครั้ง พัดถูกแรงสั่นสะเทือนปลิวกลับไป หากไม่ใช่เพราะเซียวอวี่เชียนตาเร็วมือไวหลบได้ทันเวลา เกรงว่าคงจะถูกพัดของตนย้อนกลับมาฆ่าเสียแล้วการโจมตีหลายครั้งทำให้งูหลามเดือดดาล ผงาดร่างขึ้นแล้วโฉบลงมาด้วยความเร็วดุจสายฟ้
เซียวอวี่เชียนเกือบจะน้ำตาไหลออกมาเจ็บ......เจ็บมือจะแย่อยู่แล้วนี่มันใช่การตีงูที่ไหนกัน นี่มันการชกหินชัดๆเซียวอวี่เชียนถูกหางงูกระแทบบาดเจ็บกู้ชูหน่วนก็ถูกงูหลามกระแทกจนเจ็บเช่นกันวิทยายุทธปะทะกับสัตว์อสูรขั้นสอง ทั้งยังมีพละกำลังที่ต่างกันอย่างมาก นับว่าเป็นงานยากสำหรับพวกเขาจริงๆกู้ชูหน่วนเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก พยายามข่มความปวดระบมของอวัยวะภายในนางเข้าใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้หากไม่จัดการเจ้างูเน่าตัวนี้ อย่าว่าแต่ผลึกหิมะ เกรงว่าแม้แต่ชีวิตของเขาก็คงรักษาไว้ไม่อยู่แม้ถ้ำจะกว้างใหญ่ แต่ลำตัวของงูเหลือมก็ใหญ่มากอยู่แล้ว กู้ชูหน่วนใช้กำลังภายใน กระโดดหลบซ้ายขวา พยายามจะทำให้งูเหลือมใช้แรงออกไปให้ได้มากที่สุดหลังจากที่ต่อสู้กันหลายครั้ง กู้ชูหน่วนมองออกแล้วว่าจุดเดียวของมันที่ค่อนข้างจะอ่อนแออยู่ที่บริเวณท้อง นางพลิกฝ่ามือ ทันใดนั้นมีดสั้นพลันปรากฏขึ้นในมือกู้ชูหน่วนหาโอกาส คิดจะกรีดท้องมันออก ตัดอวัยวะภายในทั้งหมดของมันให้ขาด ปลิดชีวิตมันเสียแต่นางคิดไม่ถึงว่า ลึกเข้าไปในถ้ำ สิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาพลันอ้าปากกว้าง เพียงแค่คำเดียวก็กลืนสัตว์อสูรขั้นสองยาวยี่สิบกว่าเม
เดิมทีคนของเผ่าเทียนเฝินก็สงสัยในตัวนายท่านหลันอยู่แล้ว เมื่อกู้ชูหน่วนพูดเช่นนี้ คนของเผ่าเทียนเฝินก็อดไม่ได้ที่จะมองนายท่านหลันเป็นศัตรูยิ่งกว่าเดิม กู้ชูหน่วนเอ่ยออกมาเบาๆ อีกประโยค "อีกอย่างหินก้อนใหญ่จากยอดเขากลับร่วงมาบนหัวผู้อาวุโสทุกท่านของเผ่าเทียนเฝิน ทว่าพวกเจ้าทั้งหมดกลับอยู่ริม และหลบได้อย่างง่ายดาย" "กู้ชูหน่วน เจ้าหมายความเช่นไร หรือเจ้าสงสัยว่าเป็นแผนของข้ารึ" "ข้าไม่มีความกล้าที่จะพูดเช่นนั้นหรอก ชีวิตน้อยๆ ของข้ายังอยู่ในมือเจ้า" "เช่นนั้นหินก็ไม่ได้ร่วงใส่เจ้าไม่ใช่หรือ" "ข้าไม่โดนหินทับตาย เพราะข้าดวงแข็ง ใครจะรู้ว่าอีกเดี๋ยวทางที่เจ้าพาไป จะหลอกข้าไปตายหรือไม่" "หากวันนี้ข้าไม่ได้ฆ่าเจ้า ข้าจะไม่ใช่นายท่านหลันแห่งกองธงทั้งสิบสองของเผ่าหมออีก" นายท่านหลันเดือดดาล ไม่ลังเลที่จะลงมืออีกต่อไป ทุกกระบวนท่าล้วนแต่ต้องการจะสังหารกู้ชูหน่วนให้ถึงแก่ชีวิต ผู้อาวุโสเผ่าเทียนเฝินก็มีน้ำโหด้วยเช่นกัน บวกกับกู้ชูหน่วนคอยยุแยงทุกประโยค คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอจึงแตกหักกันโดยสิ้นเชิง หันมาฆ่าฟันกันเอง ผู้อาวุโสจวินพูดด้วยความฉุนเฉียว "พวกหัวขโมยอ
ไฟโทสะในใจของนายท่านหลันสุมเป็นกองใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พร้อมจะระเบิดได้ทุกเวลา เขาคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด “กู้ชูหน่วน เจ้าวกไปวนมา จะวนไปถึงไหนกัน” “พวกเจ้าให้ข้าพาพวกเจ้าไปสุดยอดเขาเพื่อตามหาแก้วมังกรไม่ใช่รึ ข้ากำลังหาทางอยู่นี่อย่างไร” นายท่านหลันโกรธจนอยากจะฟาดฝ่ามือใส่นางให้ตาย กู้ชูหน่วนพูดอย่างน้อยอกน้อยใจ “ที่แห่งนี้มีทางแยกมากมาย ข้าพยายามหาเส้นทางเต็มที่แล้ว อีกอย่างทุกเส้นทางที่ไป ล้วนแต่ผ่านความเห็นชอบของพวกเจ้าแล้ว นายท่านหลัน เจ้าจะใส่ร้ายว่าข้าจงใจพาพวกเจ้าวกไปวนมาได้อย่างไร” นายท่านหลันหงุดหงิด ทั้งๆ ที่กู้ชูหน่วนจงใจหลอกพวกเขา ทว่านางกลับเอาเหตุผลมาอ้างทุกประโยค แสร้งทำเป็นบริสุทธิ์ ทำให้เขาหาข้อกังขาไม่ได้ ทุกครั้งที่นางจะวนอยู่ที่ทางแยก นางถามพวกเขาก่อนแล้ว แต่นางแทบไม่ให้เวลาเขาดูแผนที่ก็มุ่งหน้าเดินต่อไปแล้ว ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเริ่มจะหมดความอดทน พวกเขาวนอยู่ในถ้ำมาครึ่งวันแล้ว ขืนวนต่อไป เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่น้อยนิดของพวกเขาก็จะถูกใช้จนหมด ต้องไปถึงยอดเขาให้ได้โดยเร็ว เขาเอ่ยเสียงขรึม พยายามข่มความเหลืออดไว้ในใจ “ยังต้องเดินอีกไกลเพียงใด” “เ
ครั้งนี้ เหล่าผู้อาวุโสของเผ่าเทียนเฝินเองก็ไม่ใจเย็นอีกต่อไปแล้ว อยากจะแทงกู้ชูหน่วนให้ตายเสียเดี๋ยวนั้น ทว่ากู้ชูหน่วนกลับชิงร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลออกมาเสียก่อน พลางสะอึกสะอื้น "เหล่าสหายทั้งหลาย เป็นข้าเองที่ทำร้ายพวกเจ้า หากรู้แต่แรกว่าที่นี่อันตรายถึงเพียงนี้ หากรู้แต่แรกว่าถ้าบุกเข้ามาจะทำให้พวกเจ้าตายอย่างทรมานที่นี่ ข้ายอมถูกพวกเจ้าตีตายไปเสีย แต่จะไม่ยอมยกกระดิ่งภินวิญญาณให้เด็ดขาด ข้าผิดต่อพวกเจ้า" "ข้าสมควรตาย ข้าทำผิดต่อพวกเจ้า พวกเจ้าฆ่าข้าเสียเถอะ ชีวิตคนมากมายเช่นนี้ คุณพระช่วย...ข้าควรชดใช้เช่นไร" นางร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหล ปวดใจเป็นที่สุด คนของเผ่าเทียนเฝินพลันใจอ่อนฮวบในทันที คนของเผ่าหมอก็คลายความโกรธลงไปไม่น้อย มีเพียงแค่นายท่านกองธงที่กัดฟันกรอด เส้นเลือดสีเขียวปูดจนจะระเบิดออกมา "ในเมื่อเจ้าอยากตายถึงเพียงนี้ เช่นนี้ข้าจะทำให้เจ้าสมหวัง" หัวหน้ากองธงพูดพลางฟาดฝ่ามือไปที่กะโหลกของนาง คนของเผ่าเทียนเฝินมองดูหน้าตาเฉย อยากเห็นว่ากู้ชูหน่วนคิดจะเล่นพิเรนทร์อะไร คิดไม่ถึงว่ากู้ชูหน่วนเพียงแค่ร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไม่ขยับเขยื้อน อีกทั้งยังไม่ตอบโต้ ท่าทางรอคว
เหล่าผู้อาวุโสระดับสูงเป็นกังวล ยามนี้พวกเขาต่างก็เจ็บหนัก หากฝืนตามไป ใช่ว่าจะเป็นประโยชน์ เพราะถึงอย่างไรอาการของแต่ละคนก็สาหัสปางตายกันทั้งสิ้น แต่หากไม่ไปแล้วแก้วมังกรถูกชิงไป คิดจะแย่งกลับมา เช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แล้ว พวกเขาออกตามหามาหลายปี ใช้คนไปตั้งมากมาย จนมาพบที่ตั้งของแก้วมังกรในที่สุด ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรยอมแพ้ กู้ชูหน่วนพิงอยู่ข้างโขดหิน มองดูท่าทีลังเลของพวกเขาอยู่เงียบๆ มุมปากยกยิ้มที่ยากจะสังเกตเห็น แก้วมังกรล่อตาล่อใจเสียขนาดนั้น มีหรือที่พวกเขาจะไม่ติดกับ เป็นอย่างที่นางคิดเอาไว้ คนเหล่านี้กัดฟันเค้นออกมาหนึ่งประโยค "ไป ขึ้นเขาไปดูเสียหน่อย เจ้าก็ไปกับพวกข้าด้วย" กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นตกใจ "เมื่อครู่พวกท่านเพิ่งรับปากว่าจะให้ข้าออกไปอย่างปลอดภัยไม่ใช่หรือ หรือท่านจะกลับคำพูด" "แผนที่ที่เจ้าให้มามีเพียงครึ่งเดียว นอกเสียจากเจ้าช่วยพวกข้าตามหาอีกครึ่งหรือหาแก้วมังกรพบ ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าจะได้ไปไหน" "ท่านไม่รักษาคำพูดนี่" "เช่นนั้นเจ้าอยากถูกฝังอยู่ที่นี่หรือไม่" คนของเผ่าเทียนเฝินผลักนางไปด้านหน้า กู้ชูหน่วนทำได้เพียงแค่มุ่งหน้า
ทุกคนต่างก็จ้องไปที่กู้ชูหน่วนด้วยความโกรธ กู้ชูหน่วนผงะถอยหลังไปหลายก้าว พูดด้วยความระวัง "อีกครึ่งถูกชาวเขาตานหุยชิงไป พวกเจ้าจ้องข้าก็ไม่มีประโยชน์ หากข้ามีแผนที่อีกครึ่ง อย่างไรก็ต้องส่งให้พวกเจ้าอยู่ดี" "ชาวเขาตานหุย ?" นายท่านหลันเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง "ใช่แล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าคิดว่า เหตุใดชาวเขาตานหุยถึงใจเย็นได้ขนาดนั้น รอพวกเจ้าต่อสู้อยู่ด้านนอกตั้งนาน เว้นเสียแต่นอกจากทางลงเขาเส้นนี้ บริเวณปากเขาน้ำเต้ายังมีทางอีกเส้นที่สามารถออกไปจากเขาน้ำเต้าแห่งนี้ได้ หากพวกเขาได้แก้วมังกรแล้ว ก็น่าจะลงเขาไปทางนั้นเลย" นายท่านหลันสงสัยเคลือบแคลงในคำพูดของนางเป็นอย่างยิ่ง"ทุกท่าน สตรีนางนี้ไม่เคยมีความจริงออกจากปากนาง พวกเจ้าอย่าไปเชื่อนางเด็ดขาด" ผู้อาวุโสอวิ๋นสองจิตสองใจ "คนของพวกเราเข้ามาในเขาน้ำเต้า บาดเจ็บเสียหายอย่างหนัก แต่ชาวเขาตานหุยดูเหมือนจะราบรื่นตลอดทาง อีกทั้งยังไม่พบเจออุปสรรคใดๆ เลย" เมื่อผู้อาวุโสอวิ๋นกล่าวเช่นนี้ ผู้อาวุโสจวินก็คิดขึ้นมาได้ "เป็นจริงอย่างที่พูด ตอนนั้นข้ายังสงสัยว่าเหตุใดชาวเขาตานหุยถึงได้โชคดีเพียงนี้ ไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย ยามนี้มาคิด
"เยี่ยเฟิงออกไปจากเขาน้ำเต้าแล้ว" "เจ้าซ่อนสิ่งใดเอาไว้" สีหน้าของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะกลับมานิ่งสงบอย่างรวดเร็ว นางวางมือทั้งสองข้างลง แสร้งทำเป็นพูดด้วยท่าทางสบายๆ ไม่ใส่ใจ "ข้าสตรีอ่อนแอตัวคนเดียว จะมีสิ่งใดในครอบครองได้ ก็แค่กลัวว่าชายฉกรรจ์อย่างพวกเจ้าจะเสียมารยาทกับข้าก็เท่านั้น" คำพูดนี้ของนี้ ไม่มีผู้ใดเชื่อ เพราะสีหน้าที่แสดงออกมาเล็กๆ น้อยๆ ของนางได้หักหลังนางหมดแล้ว ต่อให้นางจะนิ่งเพียงใด ทุกคนก็จับได้อยู่ดี คนของเผ่าหมอพากันเข้ามาล้อมนางเอาไว้ คนของเผ่าเทียนเฝินแม้จะนิ่งดูดาย แต่ก็ไม่ได้คิดจะปล่อยกู้ชูหน่วนไป "นังหนู ข้าขอเตือนเจ้าให้ส่งของมาดีๆ ไม่เช่นนั้น...เหอะ..." คำพูดของนายท่านหลันเต็มไปด้วยความตักเตือน นายท่านหมู่ตานกลับพูดจีบปากจีบคอ "นังเด็กคนนี้แม้จะสกปรกมอมแมมไปบ้าง แต่รูปร่างดีใช้ได้ เอามาใช้อุ่นเตียงแก้ขัดก็น่าจะไม่เลว" "เจ้า...พวกเจ้าคิดจะทำอะไร..." "ข้าบอกพวกเจ้าไว้ก่อน ข้าเป็นถึงหานอ๋องเฟย ขืนพวกเจ้ากล้าทำอะไรข้า หานอ๋องไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่" "ว่าอย่างไรนะ...เจ้าคือภรรยาของเย่จิ่งหาน เช่นนั้นพวกเราเผ่าเทียนเฝินยิ่
ด้านล่างตีนเขาของเขาน้ำเต้า คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอลงจากเขาด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส และกองทัพที่แพ้จนหมดสภาพ สีหน้าของพวกเขาต่างก็ไม่สู้ดีนัก ข่มความฉุนเฉียวเอาไว้ เลือดสีแดงสดไหลคดเคี้ยวลงมาจากร่างของพวกเขา ผู้อาวุโสจวินแห่งเผ่าเทียนเฝินเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ "หากคนเผ่าหมอของพวกเจ้าลงมือตั้งแต่แรก พวกเราก็คงไม่ต้องพ่ายแพ้จนมีสภาพเช่นนี้ แล้วปล่อยให้พวกชาวเขาตานหุยได้ประโยชน์ไป" นายท่านหลันยิ้มเยาะ "พวกเจ้าเผ่าเทียนเฝินยังเหลือยอดฝีมือจำนวนไม่น้อยไว้ระวังพวกข้า หากร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวกัน ร่วมต่อสู้ด้วยกัน มังกรอสูรขั้นเจ็ดก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกข้าลงมือ พวกเจ้าจัดการเองก็ได้แล้ว สุดท้ายแล้ว พวกเจ้าก็ไม่ไว้ใจพวกข้า" ผู้อาวุโสอวิ๋นเฟยเย่มีนิสัยใจร้อนมาแต่ไหนแต่ไร เขาเดือดดาลขึ้นมาทันที "หากพวกข้าเข้าไปพร้อมกัน ทุกคนต่างก็เจ็บหนักกันหมด หลังจากนั้นพวกเจ้าจะได้ถือโอกาสฉกฉวยผลประโยชน์ไปได้ง่ายๆ น่ะสิ" ผู้อาวุโสหวงหนึ่งในผู้อาวุโสระดับสูงติเตียน "พอได้แล้ว แทนที่จะมัวมาพูดมากอยู่ตรงนี้ ไม่สู้คิดหาหนทางว่าจะชิงแก้วมังกรมาจากชาวเขาตานหุยอย่างไรจะดีกว่า" ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเอ่ย ก
"โฮ่ว..." "โฮก..." "เฮือก..." นายท่านกองธงเผ่าหมอและมังกรอสูรต่างก็เจ็บหนัก ครั้งนี้ล้วนแต่บาดเจ็บเสียหายกันทั้งคู่ "นายหญิง นายท่านสองคนนั้นเป็นนายท่านจากอีกสองกองธง หนึ่งในนั้นนายท่านเถาฮวาถูกมังกรอสูรโจมตีบาดเจ็บสาหัส อาการปางตาย เกรงว่าคงไม่อาจรอดไปได้แล้ว มังกรอสูรก็เจ็บไม่เบาเช่นกัน กรงเล็บหักไปเล็บหนึ่งแล้ว นายหญิง พวกเราเข้าไปตอนนี้เลยดีหรือไม่" "เจ้าจะรีบไปเกิดใหม่หรืออย่างไร จะร้อนรนกระวนกระวายไปไหน" "แต่ขืนพวกเรายังไม่ไป แล้วแก้วมังกร..." "หากแก้วมังกรชิงไปได้ง่ายเพียงนั้น พวกเจ้าคงได้ไปนานแล้ว ต้องรอถึงตอนนี้อีกรึ เสี่ยวฝูกวง ข้าเห็นปกติเจ้าก็ฉลาดดีอยู่หรอก เหตุใดพอเกี่ยวกับแก้วมังกร เจ้าถึงได้กลายเป็นคนโง่แบบนี้ไปได้" แน่นอนว่าต้องโง่อยู่แล้ว เขาจะไม่กระวนกระวายได้อย่างไร คนทั้งเผ่าต่างก็ตั้งตารอแก้วมังกรเพื่อจะได้ถอนคำสาปเลือด นั่นคือชีวิตนับพันนับหมื่นชีวิต "เจ้ารอดูเถอะ เดี๋ยวพวกเขาก็จะเริ่มการโจมตีครั้งต่อไปแล้ว" ไม่ผิดไปจากที่กู้ชูหน่วนคาดการณ์ไว้ คนของเผ่าหมอและเผ่าเทียนเฝินลงมือโจมตีอีกครั้ง สู้กันสนั่นหวั่นไหว มืดฟ้ามัวดิน
ฮองเฮาฉู่และเยี่ยเฟิงไม่ยอมแยกจากัน กู้ชูหน่วนเปลืองแรงไปมากมายกว่าจะส่งพวกเขาสองคนกลับไปได้ บนฟ้ามีเสียงดังอึกทึกครึกโครมดังไม่หยุด ลมฝนโหมกระหน่ำอย่างต่อเนื่องราวกับพายุรุนแรง ยอดเขาโลหิตน้ำเต้าสั่นสะเทือนเลือนลั่น เพราะความสั่นไหวอย่างแรงของยอดเขาทำให้ลาวาประทุขึ้นมา ซัดกระเซ็นไปบนโขดหิน ดอกไม้ใบหญ้าบนโขดหินที่แสนน่าสงสารจมอยู่ใต้ลาวา นี่คือศึกใหญ่ที่มีเพียงแค่ยอดฝีมืออันดับต้นๆ เท่านั้นที่จะก่อได้ กู้ชูหน่วนเงยหน้าไปมอง กลับพบว่ากลางอากาศมีมังกรไฟตัวสีทองที่ทั้งตัวโชกไปด้วยเลือดกำลังทะยานโลดแล่นพลางกรีดร้องไม่หยุด มังกรตัวใหญ่ยักษ์เพียงแค่สะบัดปลายหาง ยอดเขาลูกเล็กๆ บริเวณใกล้เคียงก็ราบเป็นหน้ากอง ที่น่าตกตะลึงไปกว่านั้นคือ ลูกไฟที่มันพ่นออกมา มีพื้นที่แผ่ขยายไปถึงครึ่งหนึ่งของเขาโลหิตน้ำเต้า คล้ายจะแผดเผาทำลายเขาโลหิตน้ำเต้าทั้งหมดให้สิ้นซาก นอกจากมังกรไฟ ยังมีผู้อาวุโสผมขาวอีกสี่คน ฝูกวงเอ่ย "นายหญิง สี่สุดยอดผู้อาวุโสระดับสูงแห่งเผาเทียนเฝินวิทยายุทธแก่กล้านัก พวกเขาปลีกวิเวกมานานหลายปี น้อยครั้งที่จะเข้ามาข้องเกี่ยวทางโลก คิดไม่ถึงว่าคราวนี้เผ่าเทียนเฝิน