วิชานี้มีอาจารย์มาหลายคน ผู้สอนคืออาจารย์สวี พอได้ยินเสียงบ่นของเขา กู้ชูหน่วนก็อ้าปากหาววอด ฟุบลงกับโต๊ะแล้วผล็อยหลับไป"ปึง..."ทันใดนั้นก็มีคนตบโต๊ะของเธออย่างแรงจนเธอสะดุ้งตื่น"ใครกันไร้คุณธรรมเสียจริง ตบโต๊ะข้าได้อย่างไร?" กู้ชูหน่วนยกหมัดสวน"พัวะ..."หมัดนั้นต่อยเข้าที่เบ้าตาขวาของอาจารย์สวี เจ็บจนเขาร้องโอดโอย ดวงตาบวมช้ำคล้ำเขียว"กู้ชูหน่วน สามหาวนัก กล้าต่อยแม้แต่อาจารย์ ข้า...ข้าจะทูลฝ่าบาท ให้ฝ่าบาทลงโทษเจ้า""โธ่ ที่แท้ก็อาจารย์สวีนี่เอง ท่านสอนหนังสืออยู่ดีๆ แล้วมาตบโต๊ะข้าทำไมกันเล่า เขากำลังฟันเห็นโจรป่า คิดว่าโจรป่าจะทำมิดีมิร้ายข้า ข้าถึงได้คิดว่าท่านเป็นโจรป่าอย่างไรเล่า?"อาจารย์สวีโมโหจนหายใจหอบ "หลับให้ห้องเรียน ยังจะมาเถียงอีก""เมื่อวานท่านรับปากเองแล้วนี่ ว่าอนุญาตให้ข้าหลับในคาบเรียนได้? หากท่านจะกราบทูลฝ่าบาท ข้าก็ไม่ติดใจ เอาเป็นว่าเมื่อวานท่านอนุญาตให้ข้าหลับเพื่อให้ข้าท่องกลอนซูหลีประโยคสุดท้าย คนได้ยินทั้งห้อง ท่านหนีไม่พ้นหรอก"อาจารย์ทุกคนหันไปทางอาจารย์สวี อาจารย์สวีตั้งรับไม่ไหว ทำได้เพียงตวาดลั่น "เกินกำลังที่ข้าจะสั่งสอน เกินกำลังที่ข้าจ
"ใช่แล้ว""อาจารย์ เช่นนั้นพวกเราจะเลือกอย่างไร?"ทุกคนเตรียมตัวพร้อม อยากให้ข่าวดีเกิดขึ้นกับตัวเอง"ตีกลองส่งดอกไม้ พวกเราส่งต่อดอกไม้ทีละคน หากเสียงกลองหยุดแล้วดอกไม่อยู่ที่ใคร คนนั้นก็จะได้เข้ารอบชิงชนะเลิศ""นี่มันวัดดวงชัดๆ"พวกหลิ่วเยว่และเซียวอวี่เชียนต่างให้ความสนใจ"พี่ใหญ่ หากดอกไม่ส่งมาถึงพวกเราได้ พวกเราก็จะดังข้ามคืนเชียวนะ""เซียวอวี่เชียนเองก็ยิ้มหากได้ตำแหน่งคนที่สีมา ไม่แน่ว่าวันหน้าท่านพ่อจะไม่ด่าไม่ทุบตีเขาอีกไม่สิ...คนที่ต้องการตำแหน่งนี้มากที่สุดน่าจะเป็นกู้ชูหน่วนหากนางแพ้ เช่นนั้นแล้ว...สิ่งที่นางสูญเสียอาจจะเป็นชีวิตเซียวอวี่เชียนตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็จะแย่งชิงดอกไม้นั้นมาให้นางให้ได้ตีกลองส่งดอกไม้ได้เริ่มต้นขึ้น ฝ่ามือเรียวขาวของซ่างกวานฉู่หนิบดอกไม้สีแดงสดขึ้นมา เผนยิ้มสง่างาม "ส่งต่อตามลำดับ ไม่ว่าก็ห้ามเก็บดอกไม้ไว้กับตัว ไม่อยากนั้นจะถูกตัดสิทธิ์"ว่าจบเขาก็ส่งสัญญาณเมือน กู้ชูอวิ๋นรับต่อ ใบหน้างดงามสมบูรณ์แบบนั้นแดงระเรื่อด้วยขณะเดียวกัน คนด้านล่งก็เริ่มตีกลอง เสียงกลองตึงตัง กู้ชูอวิ๋นเสียดายแต่ก็จำใจส่งต่อกู้ชูหลันกับองค์ห
ทั้งห้องมีเพียงองค์หญิงตังตังและกู้ชูหลันที่ใบหน้าเหยเก เดิมที่การพนัยครั้งนี้พวกนางต้องชนะแน่นอน แต่ยามนี้กู้ชูหน่วนกลับโชคหล่นทับดอกไม้แดงอยู่ในมือนาง เช่นนั้นก็แปลว่านางคือคนที่ได้เข้ารอบชิงชนะเลิศเซียวอวี่เชียนตกใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่กระนั้นก็ไม่อาจปกปิดความดีใจได้"ยัย...ยัยขี้เหร่ เสียงกลองหยุดแล้ว เจ้าชนะแล้ว"กู้ชูหน่วนก็เองก็คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้โชคจะหล่นทับเธอ เธอยังคิดอยู่เลยว่าการจะเข้ารอบชิงชนะเลิศให้ได้ คงต้องใช้เวลาสักหน่อยนอกจากอาจารย์ซ่างกวานแล้ว อาจารย์ทุกคนต่างมุมปากกระตุกหงึกยกตำแหน่งนี้ให้นาง เท่ากับดูหมิ่นทุกสรรพสิ่ง นางเป็นแค่คนไม่เอาถ่ายคนหนึ่ง จะสู้ยอดฝีมือจากแคว้นจ้าว แคว้นหวา หรือแคว้นฉู่"กู้ชูหน่วน คุณหนูสามตระกูลกู้ เข้ารอบชิงชนะเลิศโดยมิต้องผ่านการทดสอบ" ตาเฒ่าสวีพูดอย่างไม่เต็มใจองค์หญิงตังตังลุกพรวดขึ้นมาคนแรก "อาจารย์ เช่นนี้ไม่ยุติธรรม หากไม่ใช่เพราะเซียวอวี่เชียนยื้อดอกไม้เอาไว้นานขนาดนั้น เสียงกลองคงไม่หยุดที่กู้ชูหน่วนพอดี"กู้ชูหลันพยักหน้า "องค์หญิงพูกถูกต้องเจ้าค่ะ เซียวอวี่เชียนโกง ครั้งนี้ไม่นับ"หากกู้ชูหน่วนชนะ สองแสนตำลึงของนางก
หากไม่พูดถึงอาจารย์ซ่างกวานก็แล้วไป แต่พอเอ่ยถึงเขา สีหน้าขององค์หญิงตังตังก็แย่ยิ่งไปกว่าเดิมกู้ชูหลันร้อนรน หากองค์หญิงจ่ายหนึ่งล้านตำลึงจริงๆ เช่นนั้นนางก็ต้องจ่ายสองแสนตำลึงเช่นกันหรือ?เมื่อคิดได้ดังนั้น กู้ชูหลันก็ยิ้มเย็นเอ่ย "เจ้ามิได้ใช้ความสามารถผ่านเข้ารอบเป็นสามอันดับแรก เดิมพันครั้งนี้เป็นโมฆะ""ลูกสาวอนุก็คือลูกสาวอนุ ไร้อารยะ น่ากลัวแท้""เจ้าด่าใคร ข้าไร้อารยะอย่างไร?" ต่อให้นางจะไร้อารยะแค่ไหน แต่ก็เหนือกว่ากู้ชูหน่วนหลายขุมก็แล้วกัน"ตอนพวกเราวางเดิมพัน ได้กำหนดหรือว่าห้ามใช้อาศัยดวง? ดูเหมือนว่าจะตัดสินกันที่แพ้ชนะเท่านั้นนะ?""แต่...""องค์หญิง คนชั่วบางคนแค่เงินน้อยนิด ก็ไม่ยอมจ่าย ข้าเชื่อว่าองค์หญิงอย่างท่าน คงไม่หน้าด้านหน้าทนเหมือนนางแน่นอน"องค์หญิงตังตังและกู้ชูหลันโมโหจนธาตุไฟแทบแตกกู้ชูหน่วนบีบให้พวกนางจ่ายเงินชัดๆ หากไม่จ่าย พวกนางก็จะเสียหน้าไม่เหลือชิ้นดีองค์หญิงตังตังกัดฟันกรอด "ข้ากล้าพนันก็กล้าเสีย ประเดี๋ยวให้บ่าวนำเงินหนึ่งล้านตำลึงมาส่งให้เจ้า" องค์หญิงตังตังกัดฟันจนปากสั่นยามพูดนั่นมันเงินหนึ่งล้านตำลึงเชียวนะ กลัวก็แต่จวนองค์หญิงมี
กู้ชูหลันกำกำปั้นแน่น ดวงตาเรียวยาวดุจตาหงฉายประกายความชั่วร้ายออกมาผาดหนึ่ง สุดท้ายก็กัดฟันกรอดจากไปด้วยความโกรธเกรี้ยวกู้ชูอวิ๋นและเจ๋ออ๋องแววตาลึกล้ำ มองดูกู้ชูหน่วนที่กำลังเก็บเงินอยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะแยกย้ายกันออกไปจากห้องเรียนภายในห้องเรียน เหล่าคุณชายตระกูลขุนนางจำนวนไม่น้อยหน้าเจื่อนกันเป็นแถว ปากก็เอาแต่ด่าทอสาปแช่งไม่หยุด"บ้าไปแล้วแน่ๆ เจ้าว่าไหม สำนักบัณฑิตของพวกเราอยู่ดีไม่ว่าดี จู่ๆ ก็มีที่นั่งว่างเพิ่มขึ้นมาอีกตำแหน่ง ที่น่าโมโหยิ่งกว่านั้นคือตำแหน่งนี้ดันถูกพวกโง่เง่าไม่เอาไหนได้ไปครอง หากไม่มีเรื่องพรรค์นี้ มีหรือที่ข้าจะแพ้""นั่นน่ะสิ ข้าลงไปตั้งห้าร้อยตำลึง พนันว่ากู้ชูหน่วนจะแพ้""ข้าลงไปตั้งพันห้าร้อยตำลึง""ของพวกเจ้าจะไปนับอะไร ข้าลงไปสามพันตำลึงเต็มๆ""โชคไม่เข้าข้างเอาเสียเลย ของข้าตั้งห้าพันตำลึงแหน่ะ""ไม่จริงน่า เจ้าไปเอาเงินมากมายเช่นนั้นมาจากไหน""ก็แอบขโมยพ่อข้ามาเยี่ยงไรเล่า ข้าคิดว่าต้องชนะแน่ ใครจะไปรู้...กลับบ้านข้าต้องโดนพ่อข้าเฆี่ยนตายแน่""……"ทุกคนจากไปด้วยสภาพจิตวิญญาณล่องลอย ส่วนเซียวอวี่เชียนกลับหัวเราะร่า มองไปยังเงินกองโตที่อยู่ตร
กู้ชูหน่วนอ้าปากหาวหวอดก่อนจะฟุบลงบนโต๊ะด้วยความเหนื่อยล้า ไม่นานนักเสียงลมหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอก็ดังขึ้นช้าๆทุกคนต่างนิ่งอึ้งเหตุใดนางถึงได้ใจเย็นเช่นนี้ได้เงินมาตั้งมากมายขนาดนั้น ควรจะไปฉลองสักหน่อยไม่ใช่หรอกหรืออีกอย่าง นางเป็นเทพแห่งการงีบหลับหรืออย่างไร เหตุใดถึงได้เอาแต่งีบตั้งแต่เช้ายันค่ำอยู่เรื่อยหลิ่วเยว่และอวี๋ฮุยมองไปทางเซียวอวี่เชียนเซียวอวี่เชียนกลอกตาใส่ไปทีหนึ่ง "นางให้พวกเจ้ารับไว้ พวกเจ้าก็รับไว้เถอะ แม่นางผู้นี้รักพวกพ้อง ต่อไปหากนางมีเรื่อง พวกเราก็ช่วยนางหน่อยแล้วกัน""ลูกพี่เป็นคนดียิ่งนัก สารภาพตามตรง ครอบครัวข้าเกิดวิกฤต กำลังร้อนเงิน ข้าเองก็ร้อนใจอยู่เหมือนกัน ถึงได้นำเงินเก็บออกมาลงเดิมพัน ใครจะไปคิดว่าจะแพ้ทั้งหมดเสียได้ ยังดีที่ลูกพี่ให้เงินข้าสองแสนตำลึง บ้านข้าต้องพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้แน่""ข้าเองก็เหมือนกัน บ้านข้าแม้ภายนอกจะดูมั่งคั่งมีหน้ามีตา ที่จริงแล้วก็เป็นเพียงเปลือก ยามนี้มีสองแสนตำลึงนี่ พวกเราจะได้กลับไปลืมตาอ้าปากได้ดั่งวันวานอีกครั้ง"สิ่งที่กู้ชูหน่วนไม่รู้ก็คือ เพราะการกระทำโดยไม่ได้ใส่ใจของนางเพียงเรื่องเดียว ทำให้เซียวอว
ชิวเอ๋อร์หายใจไม่ทั่วท้อง"ท่านชายเซียว ท่านมีเงิน แต่คุณหนูของข้าไม่มี อาหารที่ท่านสั่งมา ท่านต้องจ่ายเอง""จะกระวนกระวายไปใย คุณหนูของเจ้ามีเงินมากมาย""นี่อาจจะเป็นเพียงทรัพย์สินเดียวที่คุณหนูของข้ามีอยู่" ถ้าหากไม่ใช่เพราะโชคหล่นทับในคราวนี้ คุณหนูของนางหรือจะมีเงินมากมายเพียงนี้ที่น่าหงุดหงิดที่สุดก็คือ คุณหนูกลับแจกไปถึงเก้าแสนห้าหมื่นตำลึงเงินในคราวเดียวเสียง่ายๆนางแทบจะลมจับหลังจากที่ได้รู้"สาวใช้อย่างเจ้าอยู่อย่างสงบสุขไปเถอะ คุณหนูของเจ้าร้ายกาจกว่าสิ่งใด เงินแค่ล้านตำลึงเงิน นางยังไม่เคยเห็นค่า""คุณหนู..."ชิวเอ๋อร์มองดูกู้ชูหน่วนด้วยความร้อนรนนางคบเพื่อนแบบใดกันเนี่ยท่านชายเซียว ท่านชายอวี๋ ท่านชายหลิ่วล้วนแต่เป็นคุณชายเจ้าสำราญผู้ลือชื่อแห่งเมืองหลวง อยู่กับพวกเขา ชื่อเสียงของนางได้เสียหายกันหมดพอดีกู้ชูหน่วนคาบก้านดอกหญ้า สองมือประสานที่ท้ายทอย นั่งไขว้ห้างอย่างเอ้อระเหยลอยชาย ไม่มีท่าทีของความเป็นกุลสตรีเลยแม้แต่น้อยนางหัวเราะด้วยความเหนื่อยหน่าย "ชีวิตคนเรายามสุขให้เต็มที่ อย่าปล่อยจอกทองว่างเปล่าคู่แสงจันทร์"ทันทีที่ประโยคนี้หลุดออกไป เซียวอวี่เชี
เยี่ยเฟิงไม่แม้แต่จะสะทกสะท้าน ดวงตาคู่นั้นสงบนิ่งจนมองไม่ออกซึ่งความรู้สึกใดๆ ของเขาเลย"ข้ามีหน้าที่เพียงยกอาหารมาวาง หาใช่สหายสุรา""เหลวไหล เจ้ายังอยากทำงานนี้อยู่หรือไม่ วันนี้หากเจ้าไม่ดื่มกับคุณหนูท่านนี้ ต่อไปหออวิ๋นจุ้ยก็ไม่ต้อนรับเจ้าอีก"เจ้าของร้านเริ่มร้อนรนแค่ดื่มเหล้าด้วยไม่กี่แก้วก็ได้เงินมาถึงพันตำลึง เรื่องดีเช่นนี้จะหาได้จากที่ใดอีกสีหน้าของเยี่ยเฟิงยังคงเฉยชาดังเดิม แต่ทว่ามือที่ซ่อนอยู่ภายใต้แขนเสื้อของเขากำกำปั้นแน่น แสดงออกถึงความไม่สงบภายในใจชิวเอ๋อร์ออกแรงดึงแขนเสื้อกู้ชูหน่วนสุดกำลัง พลางพูดเสียงแผ่วเบาด้วยความร้อนใจ "คุณหนู ท่านเป็นหญิง มีอย่างที่ไหนที่หญิงสาวสั่งบุรุษให้ดื่มเป็นเพื่อนด้วย เกิดเรื่องนี้แพร่ออกไป ท่านจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด""หน้าของข้าก็แขวนอยู่บ้านหน้าข้าตลอดไม่ใช่หรือไง อีกอย่าง ต่อให้ไม่มีเรื่องนี้ ชื่อเสียงข้าก็ไม่ได้ดีเด่ไปสักเท่าใด""คุณหนู..."คุณหนูเฆี่ยนเซี่ยอวี่จนตาย ทั้งยังผิดใจกับคุณหนูห้า อี๋เหนียงห้า หรือแม้กระทั่งกับฮูหยินใหญ่เดิมทีนางก็กระวนกระวายมากแล้ว กลับถึงจวนไม่รู้จะต้องรับโทษหนักเพียงใด ยามนี้ยังสั่งให้ชายหนุ่
ผู้ที่อยู่ข้างกายไม่มีการตอบสนอง กู้ชูหน่วนหันไปด้วยความสงสัย ทว่ากลับเห็นว่าอี้เฉินเฟยหมดสติไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ใบหน้าขาวซีดจนน่ากลัว กู้ชูหน่วนจับชีพจรของเขา กลับพบว่าชีพจรของเขาอ่อนมาก จนใกล้เคียงกับไม่มีชีพจรอยู่แล้ว ที่ทำให้นางตกตะลึงยิ่งไปกว่านั้นคือ พลังชีวิตของเขาดูเหมือนกำลังค่อยๆ สลายไป ชี่ขุ่นมัวภายในร่างแพร่กระจายไปยังเส้นเลือด หรือแม้แต่ไขกระดูกไม่หยุด ทำลายความสมดุลภายในร่างกายของเขา นี่คือบาดแผลที่รุนแรงถึงชีวิต ขืนปล่อยไว้ต่อไป อี้เฉินเฟยมีแต่จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่านี่คืออาการป่วยของโรคใด นางเป็นหมอมาหลายปี กลับไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่รู้ว่าควรจะรักษาเช่นไร เห็นเลือดสีแดงสดของเขาไหลออกมาไม่หยุด บริเวณที่ถูกเผาไหม้ก็เป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ กู้ชูหน่วนรีบหยิบมุกอุ่นประภพในตัวออกมา กระตุ้นกำลังภายใน ตั้งใจจะใช้มุกอุ่นประภพรักษาอาการป่วยให้เขา ถึงได้เริ่มทำแผลให้เขา "ฟ่อ ฟ่อ......" หัวใหญ่ๆ ของน้องเก้าถูไถไปที่อี้เฉินเฟย ซบไปบนตัวเขาด้วยความอาลัยอาวรณ์ คล้ายสงสาร และกังวล กู้ชูหน่วนเลิกคิ้ว "เจ้ารู้จักอี้เฉินเฟย" "ฟ่อฟ่อฟ่อ..." น้อง
ประมุขชิงบาดเจ็บสาหัส นางเองก็เจ็บหนัก เถาวัลย์ก็ยังอยู่ในสภาพการณ์สุ่มเสี่ยง บริเวณที่อยู่ไม่มีแม้แต่จุดที่จะยืนได้ พวกกู้ชูหน่วนกำลังเป็นรอง "ข้ายังมีอาวุธลับติดตัวอยู่ ก็แค่หนอนผีเสื้อตัวเดียว ข้าจัดการได้" กู้ชูหน่วนตั้งสติ หยิบอาวุธลับออกมาจากแหวนปริภูมิ ทว่ากลับได้ยินเสียงที่สั่นเครือของประมุขชิง "ไม่ใช่ตัวเดียว แต่หลายตัว" "หลายตัว ?" กู้ชูหน่วนเพ่งมองดูดีๆ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว ด้านบนของผาหินอัดแน่นไปด้วยงูเหลือมยักษ์สีขาวสลับดำ เพียงแต่สีของพวกมันใกล้เคียงกับโขดหิน บวกกับที่แต่ละตัวต่างก็กำลังขดตัวหลับอยู่ หากไม่ตั้งใจดูดีๆ ก็มองไม่เห็นแต่อย่างใด งูมากมายขนาดนี้ นางจะฆ่าได้อย่างไร อย่าว่าแต่นางที่ตอนนี้บาดเจ็บหนัก ต่อให้เป็นตอนที่พลังเต็มเปี่ยมก็ฆ่างูจำนวนมากขนาดนี้ไม่ไหว "เป็นงูไฟขั้นสอง ชอบจำศีลอยู่ในเขตร้อน แม้จะเป็นเพียงแค่ขั้นสอง พลังสังหารไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก แต่พวกมันเป็นสัตว์ที่จู่โจมเป็นฝูง สามัคคีกันมาก หากมีตัวใดบาดเจ็บ หรือตัวใดเริ่มโจมตี งูทุกตัวในฝูงก็จะกรูกันเข้ามา" ประมุขชิงอธิบาย กู้ชูหน่วนรู้สึกชาไปถึงห
ถูกไหม้หนักขนาดนี้ เหตุใดเพิ่งจะส่งกลิ่นไหม้เกรียมตอนนี้ หรือเมื่อกี้เขาฝืนตัวเองอยู่ตลอด กู้ชูหน่วนตกตะลึง "ท่านถูกมังกรไฟทำร้ายมาหรือ" ความเร็วของประมุขชิงยังคงที่ ใช้ทั้งสองมือและสองขาพยายามปีนไปด้านหน้าอย่างสุดกำลัง พลางเอ่ยด้วยท่าทางสบายๆ "ไม่เป็นไร บาดแผลเล็กน้อย" แผลเล็ก ? นี่มันแผลเล็กแบบใดกัน "ท่านวางข้าลงเถอะ ข้าปีนขึ้นไปเองได้ ท่านเจ็บหนักเกินไป หากพาข้าไปด้วย พวกเราสองคนจะไปไหนไม่รอดกันหมด" "เด็กโง่ ในเมื่อข้าบอกแล้วว่าจะพาเจ้าขึ้นข้างบน ก็จะต้องพาเจ้าขึ้นไปให้ได้ อย่ากลัวไปเลย หากเจ้าเหนื่อย ก็งีบสักพัก ตื่นขึ้นมาอีกที พวกเราก็จะขึ้นไปด้านบนกันแล้ว" ประมุขชิงพูดด้วยความผ่อนคลาย กู้ชูหน่วนกลับรู้สึกว่าลมปราณของเขาไม่เพียงพอขึ้นไปเรื่อยๆ ท่าทางก็ดูใช้แรงหนักขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าถึงขีดจำกัดแล้ว กู้ชูหน่วนดวงตาแดงก่ำ นางยื่นมือออกไปเปิดหน้ากากบนใบหน้าของเขาออก เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นเคย คืออี้เฉินเฟย... ใช่เขาจริงๆ... รูปโฉมของอี้เฉินเฟยจัดว่าเป็นชายงามอันดับต้นๆ ของใต้หล้า เครื่องหน้าของเขาคมชัด อ่อนโยน สง่างาม คิ้วดกดำดุจขุนเขาเรี
ยังดี...ที่ประมุขชิงยั้งมือกลับไปตอนที่ฝ่ามืออยู่ห่างจากกู้ชูหน่วนเพียงคืบ ไม่ได้สังหารนางจริงๆ เขาคิดไม่ถึงว่า ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย กู้ชูหน่วนจะใช้ชีวิตของตนเองปกป้องเขา ทันใดนั้น สายตาของเวินเส้าอี๋ที่มองไปยังกู้ชูหน่วนพลันเจือแววสับสน ประมุขชิงสลายพลังฝ่ามือ อัดอั้นความโกรธไว้ภายในใจ เขาเอ่ยเสียงเย็น "เวินเส้าอี๋ เจ้าจงจำไว้ วันนี้อาหน่วนใช้ชีวิตของนางช่วยเจ้าไว้ นางไม่ติดค้างอะไรเจ้าอีก เจอกันครั้งหน้า ข้าไม่มีทางปราณีอีกเป็นแน่" เวินเส้าอี๋กุมแผงอกของตนไว้แน่น ไม่มีแม้แต่แรงจะพูด กู้ชูหน่วนคลี่ยิ้ม เผยให้เห็นลักยิ้มสองข้าง "รู้อยู่แล้วว่าท่านดีที่สุด ขอบใจ ท่านวางใจเถอะ หากเขากล้าทำสิ่งใดที่ผิดต่อสำนักซิวหลัว ข้าจะเป็นคนแรกที่ไม่ปล่อยเขาไป" "ขอให้เจ้าไม่เสียใจกับการตัดสินใจวันนี้ในภายหลังแล้วกัน และอย่าลืมคำพูดของเจ้าในวันนี้ด้วย" "ไม่ลืมลืม จะลืมได้อย่างไร" "แม้ข้าจะไม่ฆ่าเขา แต่ก็จะไม่มีทางช่วยเขาแน่ เขาจะเป็นหรือตาย ล้วนแต่ต้องพึ่งชะตาของเขาเอง" กู้ชูหน่วนเข้าใจแล้ว แม้ประมุขชิงจะไม่ได้ฆ่าเขา แต่กลับทิ้งเขาไว้ที่นี่ ปล่อยเขาไปตามยถากรรม
เวินเส้าอี๋ยิ้มเยาะกับตัวเอง ด้วยความสัมพันธ์ที่ต้องตายกันไปข้างหนึ่งของสำนักซิวหลัวและเผ่าเทียนเฝิน มีหรือที่ประมุขชิงจะยอมปล่อยเขาไป หากเป็นเขาที่อยู่ในจุดนั้น เขาเองก็ไม่มีทางปล่อยประมุขชิงไปเช่นกัน เวินเส้าอี๋กวาดสายตามองผาหินแวววาวและทะเลโลหิตที่เดือดระอุ เขาเคยคิดว่าจะต้องตายด้วยน้ำมือเจ้าสำนักซิวหลัว เคยคิดว่าต้องตายด้วยน้ำมือหอเลิศหล้า เคยคิดว่าต้องตายด้วยน้ำมือของเย่จิ่งหาน สิ่งเดียวที่ไม่เคยคิดมาก่อนคือต้องมาตายในที่แห่งนี้ "สำนักซิวหลัวและเผ่าเทียนเฝินมีความแค้นอันใดต่อกันกันแน่" กู้ชูหน่วนเอ่ยถาม "เป็นแค้นที่ฝังลึกยิ่งนัก เป้าหมายในการมีชีวิตอยู่ของชาวสำนักซิวหลัวทุกคนก็คือหาแก้วมังกรให้พบ แล้วกำจัดเผ่าเทียนเฝิน อาหน่วน หากเจ้ายังเห็นข้าเป็นสหาย ก็อย่ายุ่งเรื่องนี้เลย" ประมุขชิงไม่ได้อธิบายรายละเอียด แต่จุดยืนของเขาหนักแน่น ไม่เหลือทางให้หันหลังกลับอีกแล้ว เขารวบรวมกำลังภายในไว้ที่ฝ่ามือ ยกมือขึ้นมาตั้งใจจะสะเทือนกระดูกของเวินเส้าอี๋ให้แหลก ไม่พูดถึงเรื่องที่เวินเส้าอี๋ถูกพิษดอกพันรักทำให้ทรมานราวกับตายทั้งเป็น แต่แค่กำลังภายในของเขาที่สูญไปแทบจะหมดสิ้น
กู้ชูหน่วนลุกลน อยากจะขวางการถ่ายทอดกำลังภายในให้นางของประมุขชิง ทว่ากลับช้าไปหนึ่งก้าว กำลังภายในของประมุขชิงเหมือนกับเวินเส้าอี๋ ไม่รู้ด้วยเหตุใดถึงได้ถูกนางดูดเข้าไปไม่หยุด "ข้าไม่ต้องการดูดกำลังภายในของเจ้า เจ้ารีบดึงมือออก" "ไม่เป็นไร หากเจ้าต้องการ ข้าให้เจ้าทั้งหมดจะเป็นไรไป" ประมุขชิงคลี่ยิ้ม ภายในดวงตาอ่อนโยนเต็มไปด้วยความทะนุถนอมเอ็นดู เขาไม่ได้ดึงมือออก แต่กลับพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อสยบพิษของดอกพันรัก เมื่อเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูคู่นั้นและรอยยิ้มที่คุ้นเคย กู้ชูหน่วนก็ยิ่งมั่นใจในความคิดของตน ประมุขชิงก็คืออี้เฉินเฟย กู้ชูหน่วนทั้งร้อนรนทั้งโมโหและทุกข์ทรมาน ที่ร้อนรนเพราะ นางอยากจะเอามือออกแต่กลับทำไม่ได้ ที่โมโหเพราะอี้เฉินเฟยโง่เง่านัก มีผู้ใดบ้างที่จะยอมมอบกำลังภายในที่ตนฝึกฝนมาอย่างยากลำบากให้ผู้อื่น เขาไม่รู้หรือว่านางอาจจะดูดกำลังภายในของเขาจนหมดและตายได้ ที่ทุกข์ทรมานเพราะ พิษของดอกพันรักแล่นไปทั่วทั้งร่างกายของนางยังพอว่า กำลังภายในของประมุขชิงก็หลั่งใหลไปทั่วร่างนางด้วย คล้ายกับร่างของนางถูกดึงให้ฉีกออกจากกันไม่หยุด
เวลาค่อยๆ ผ่านไปอย่างช้าๆ กู้ชูหน่วนและเวินเส้าอี๋ก็ไม่รู้ว่าทนกับคลื่นความร้อนไปเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ พวกเขาทั้งสองเหงื่อโชก ลมหายใจหอบถี่ ล้วนแต่อยู่ในจุดที่กำลังจะทนไม่ไหว ลมอุ่นพัดผ่านไป สติของกู้ชูหน่วนและเวินเส้าอี๋แตกกระเจิงโดยสิ้นเชิง ทนไม่ไหวอีกต่อไป ไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน แต่ทั้งคู่ก็คลอเคลียอยู่ด้วยกันแล้ว ในขณะที่พวกเขากำลังจะพัฒนาไปถึงขั้นสุดท้าย ยอดหน้าผาพลันปรากฏเงาร่างสีครามอาบเลือดมือเกาะเถาวัลย์ที่วางไว้ก่อนหน้านี้แล้วกระโดดลงมาจากยอดของหน้าผาด้วยความรวดเร็ว สายตาของประมุขชิงมองไปรอบๆ ด้วยความร้อนรน พยายามตามหาหญิงในความทรงจำผู้นั้น คลื่นลาวายักษ์ซัดเข้าไปเป็นระยะ ทุกครั้งที่คลื่นซัดสาด คล้ายกับยืนอยู่ใจกลางกองเพลิงแผดเผาร่างของเขาไม่หยุดหย่อน แต่เขาไร้ซึ่งความหวาดกลัว ดวงตาดื้อรั้นคู่นี้ราวกับว่าหากหากู้ชูหน่วนไม่เจอ ก็จะไม่มีทางรามือ ทันใดนั้น เขาเห็นกู้ชูหน่วนบนผาหินที่ยื่นออกไป หัวใจที่บีบรัดอยู่ของประมุขชิงพลันผ่อนคลายลงมาในพริบตา ทว่าไม่ทันไร ใจของเขาพลันตื่นตระหนกขึ้นมาอีกครั้ง เพราะแววตาของนางล่องลอย เสื้อผ้าไม่เป็นระเบียบ กำลั
เวินเส้าอี๋ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองกู้ชูหน่วน เขากลัวว่าหากมองแล้วตนจะทนไม่ไหว ตรงกลางหน้าผา ร่างของกู้ชูหน่วนและเวินเส้าอี๋ล้วนแต่ขดตัวเป็นวง ต่างก็พยายามอดกลั้นด้วยชีวิต ลมอ่อนๆ พัดโชยไป เกิดคลื่นลาวาเป็นชั้นๆ ลมที่พัดผ่านไปก็เป็นลมร้อน ไร้ซึ่งความเย็นแต่อย่างใด เจ็บปวดจนเกินจะทน เวินเส้าอี๋พยายามนั่งขัดสมาธิ ปากก็คอยสวดมนต์ไม่หยุด หวังว่าใจจะสงบลงตามธรรมชาติ กู้ชูหน่วนตวาดออกมาอย่างอดไม่ได้ "ให้ตายสิ เวลานี้แล้วยังจะสวดมนต์อะไรอีก หากสวดมนต์ได้ผล แม่หมูคงปีนต้นไม้ได้แล้ว" เขาไม่รู้บ้างเลยหรือ ว่าทันทีที่เขาเอ่ยปาก มีแต่จะกระตุ้นความต้องการที่นางอดกลั้นเอาไว้ด้วยความยากลำบากให้รุนแรงขึ้นกว่าเดิม คิ้วดกดำดั่งขุนเขาของเวินเส้าอี๋ขมวดเข้าหากัน เขาใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว ความรู้สึกนี้หากจะบอกว่า จะอยู่ก็ไม่ได้ จะตายก็ไม่ดี ไม่เกินจริงเลยสักนิด สวดมนต์ก็ไม่อาจทำให้อารมณ์ที่พลุ่งพล่านรุนแรงของเขาดีขึ้นได้แต่อย่างใด เวินเส้าอี๋จึงยอมแพ้ไป และยังคงขดตัวเป็นวงอยู่ติดกับผาหินอย่างไร้ที่พึ่ง "แม่เจ้าโว้ย ข้าทนไม่ไหวแล้ว" กู้ชูหน่วนไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเวินเส้าอี๋สมาธิดีเ
อยู่ดีๆ เหตุใดจึงถูกวางยาเสียได้ กู้ชูหน่วนพยายามคิดทบทวน ทันใดนั้นเอง นางก็พลันโมโหจนต้องตบเข่าฉาด บ้าเอ้ย... เมื่อกี้ตอนที่เวินเส้าอี๋เกาะยึดผาพลางกอดนางไว้ บนกำแพงหินมีดอกพันรักขึ้นอยู่เต็มไปหมด ดอกพันรักเป็นดอกไม้ปลุกกำหนัดที่มีฤทธิ์รุนแรงนัก ยามนี้ดอกพันรักบานสะพรั่ง ทุกที่บนกำแพงหินล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ คนธรรมดาเพียงแค่ดมกลิ่นของดอกไม้ชนิดนั้นเข้าไป ก็จะจมดิ่งลงสู่ห้วงทะเลแห่งความปรารถนา ส่วนพวกนาง......เมื่อครู่สูดกลิ่นของดอกพันรักบนกำแพงไปปริมาณมาก โดยเฉพาะมือของเวินเส้าอี๋ที่ชุ่มไปด้วยเลือดแล้วยังไปสัมผัสโดนเกสรของดอกพันรัก จึงโดนพิษเข้าไปลึกกว่านางนัก กู้ชูหน่วนอยากจะเป็นลมตายลงไปเสียตรงนั้นให้รู้แล้วรู้รอด เพิ่งข้ามมิติมาได้ไม่นาน นางก็ถูกวางยาไปแล้วสองหน อีกทั้งสองครั้งนี้ล้วนแต่เป็นยาปลุกกำนัดอานุภาพรุนแรงทั้งสิ้น "ร้อน......" เวินเส้าอี๋ปากลิ้นแห้งผาก ทรมานจนต้องฉีกคอเสื้อของตนออก กู้ชูหน่วนเอ่ยด้วยความลนลาน "เฮ้ย ข้าขอบอกเจ้าไว้ก่อน หญิงชายไม่ควรใกล้ชิดกัน เจ้าอย่าทำอะไรบุ่มบ่ามเชียวล่ะ" นางตามหาในแหวนปริภูมิจนทั่วแล้ว ยาส