หากไม่พูดถึงอาจารย์ซ่างกวานก็แล้วไป แต่พอเอ่ยถึงเขา สีหน้าขององค์หญิงตังตังก็แย่ยิ่งไปกว่าเดิมกู้ชูหลันร้อนรน หากองค์หญิงจ่ายหนึ่งล้านตำลึงจริงๆ เช่นนั้นนางก็ต้องจ่ายสองแสนตำลึงเช่นกันหรือ?เมื่อคิดได้ดังนั้น กู้ชูหลันก็ยิ้มเย็นเอ่ย "เจ้ามิได้ใช้ความสามารถผ่านเข้ารอบเป็นสามอันดับแรก เดิมพันครั้งนี้เป็นโมฆะ""ลูกสาวอนุก็คือลูกสาวอนุ ไร้อารยะ น่ากลัวแท้""เจ้าด่าใคร ข้าไร้อารยะอย่างไร?" ต่อให้นางจะไร้อารยะแค่ไหน แต่ก็เหนือกว่ากู้ชูหน่วนหลายขุมก็แล้วกัน"ตอนพวกเราวางเดิมพัน ได้กำหนดหรือว่าห้ามใช้อาศัยดวง? ดูเหมือนว่าจะตัดสินกันที่แพ้ชนะเท่านั้นนะ?""แต่...""องค์หญิง คนชั่วบางคนแค่เงินน้อยนิด ก็ไม่ยอมจ่าย ข้าเชื่อว่าองค์หญิงอย่างท่าน คงไม่หน้าด้านหน้าทนเหมือนนางแน่นอน"องค์หญิงตังตังและกู้ชูหลันโมโหจนธาตุไฟแทบแตกกู้ชูหน่วนบีบให้พวกนางจ่ายเงินชัดๆ หากไม่จ่าย พวกนางก็จะเสียหน้าไม่เหลือชิ้นดีองค์หญิงตังตังกัดฟันกรอด "ข้ากล้าพนันก็กล้าเสีย ประเดี๋ยวให้บ่าวนำเงินหนึ่งล้านตำลึงมาส่งให้เจ้า" องค์หญิงตังตังกัดฟันจนปากสั่นยามพูดนั่นมันเงินหนึ่งล้านตำลึงเชียวนะ กลัวก็แต่จวนองค์หญิงมี
กู้ชูหลันกำกำปั้นแน่น ดวงตาเรียวยาวดุจตาหงฉายประกายความชั่วร้ายออกมาผาดหนึ่ง สุดท้ายก็กัดฟันกรอดจากไปด้วยความโกรธเกรี้ยวกู้ชูอวิ๋นและเจ๋ออ๋องแววตาลึกล้ำ มองดูกู้ชูหน่วนที่กำลังเก็บเงินอยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะแยกย้ายกันออกไปจากห้องเรียนภายในห้องเรียน เหล่าคุณชายตระกูลขุนนางจำนวนไม่น้อยหน้าเจื่อนกันเป็นแถว ปากก็เอาแต่ด่าทอสาปแช่งไม่หยุด"บ้าไปแล้วแน่ๆ เจ้าว่าไหม สำนักบัณฑิตของพวกเราอยู่ดีไม่ว่าดี จู่ๆ ก็มีที่นั่งว่างเพิ่มขึ้นมาอีกตำแหน่ง ที่น่าโมโหยิ่งกว่านั้นคือตำแหน่งนี้ดันถูกพวกโง่เง่าไม่เอาไหนได้ไปครอง หากไม่มีเรื่องพรรค์นี้ มีหรือที่ข้าจะแพ้""นั่นน่ะสิ ข้าลงไปตั้งห้าร้อยตำลึง พนันว่ากู้ชูหน่วนจะแพ้""ข้าลงไปตั้งพันห้าร้อยตำลึง""ของพวกเจ้าจะไปนับอะไร ข้าลงไปสามพันตำลึงเต็มๆ""โชคไม่เข้าข้างเอาเสียเลย ของข้าตั้งห้าพันตำลึงแหน่ะ""ไม่จริงน่า เจ้าไปเอาเงินมากมายเช่นนั้นมาจากไหน""ก็แอบขโมยพ่อข้ามาเยี่ยงไรเล่า ข้าคิดว่าต้องชนะแน่ ใครจะไปรู้...กลับบ้านข้าต้องโดนพ่อข้าเฆี่ยนตายแน่""……"ทุกคนจากไปด้วยสภาพจิตวิญญาณล่องลอย ส่วนเซียวอวี่เชียนกลับหัวเราะร่า มองไปยังเงินกองโตที่อยู่ตร
กู้ชูหน่วนอ้าปากหาวหวอดก่อนจะฟุบลงบนโต๊ะด้วยความเหนื่อยล้า ไม่นานนักเสียงลมหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอก็ดังขึ้นช้าๆทุกคนต่างนิ่งอึ้งเหตุใดนางถึงได้ใจเย็นเช่นนี้ได้เงินมาตั้งมากมายขนาดนั้น ควรจะไปฉลองสักหน่อยไม่ใช่หรอกหรืออีกอย่าง นางเป็นเทพแห่งการงีบหลับหรืออย่างไร เหตุใดถึงได้เอาแต่งีบตั้งแต่เช้ายันค่ำอยู่เรื่อยหลิ่วเยว่และอวี๋ฮุยมองไปทางเซียวอวี่เชียนเซียวอวี่เชียนกลอกตาใส่ไปทีหนึ่ง "นางให้พวกเจ้ารับไว้ พวกเจ้าก็รับไว้เถอะ แม่นางผู้นี้รักพวกพ้อง ต่อไปหากนางมีเรื่อง พวกเราก็ช่วยนางหน่อยแล้วกัน""ลูกพี่เป็นคนดียิ่งนัก สารภาพตามตรง ครอบครัวข้าเกิดวิกฤต กำลังร้อนเงิน ข้าเองก็ร้อนใจอยู่เหมือนกัน ถึงได้นำเงินเก็บออกมาลงเดิมพัน ใครจะไปคิดว่าจะแพ้ทั้งหมดเสียได้ ยังดีที่ลูกพี่ให้เงินข้าสองแสนตำลึง บ้านข้าต้องพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้แน่""ข้าเองก็เหมือนกัน บ้านข้าแม้ภายนอกจะดูมั่งคั่งมีหน้ามีตา ที่จริงแล้วก็เป็นเพียงเปลือก ยามนี้มีสองแสนตำลึงนี่ พวกเราจะได้กลับไปลืมตาอ้าปากได้ดั่งวันวานอีกครั้ง"สิ่งที่กู้ชูหน่วนไม่รู้ก็คือ เพราะการกระทำโดยไม่ได้ใส่ใจของนางเพียงเรื่องเดียว ทำให้เซียวอว
ชิวเอ๋อร์หายใจไม่ทั่วท้อง"ท่านชายเซียว ท่านมีเงิน แต่คุณหนูของข้าไม่มี อาหารที่ท่านสั่งมา ท่านต้องจ่ายเอง""จะกระวนกระวายไปใย คุณหนูของเจ้ามีเงินมากมาย""นี่อาจจะเป็นเพียงทรัพย์สินเดียวที่คุณหนูของข้ามีอยู่" ถ้าหากไม่ใช่เพราะโชคหล่นทับในคราวนี้ คุณหนูของนางหรือจะมีเงินมากมายเพียงนี้ที่น่าหงุดหงิดที่สุดก็คือ คุณหนูกลับแจกไปถึงเก้าแสนห้าหมื่นตำลึงเงินในคราวเดียวเสียง่ายๆนางแทบจะลมจับหลังจากที่ได้รู้"สาวใช้อย่างเจ้าอยู่อย่างสงบสุขไปเถอะ คุณหนูของเจ้าร้ายกาจกว่าสิ่งใด เงินแค่ล้านตำลึงเงิน นางยังไม่เคยเห็นค่า""คุณหนู..."ชิวเอ๋อร์มองดูกู้ชูหน่วนด้วยความร้อนรนนางคบเพื่อนแบบใดกันเนี่ยท่านชายเซียว ท่านชายอวี๋ ท่านชายหลิ่วล้วนแต่เป็นคุณชายเจ้าสำราญผู้ลือชื่อแห่งเมืองหลวง อยู่กับพวกเขา ชื่อเสียงของนางได้เสียหายกันหมดพอดีกู้ชูหน่วนคาบก้านดอกหญ้า สองมือประสานที่ท้ายทอย นั่งไขว้ห้างอย่างเอ้อระเหยลอยชาย ไม่มีท่าทีของความเป็นกุลสตรีเลยแม้แต่น้อยนางหัวเราะด้วยความเหนื่อยหน่าย "ชีวิตคนเรายามสุขให้เต็มที่ อย่าปล่อยจอกทองว่างเปล่าคู่แสงจันทร์"ทันทีที่ประโยคนี้หลุดออกไป เซียวอวี่เชี
เยี่ยเฟิงไม่แม้แต่จะสะทกสะท้าน ดวงตาคู่นั้นสงบนิ่งจนมองไม่ออกซึ่งความรู้สึกใดๆ ของเขาเลย"ข้ามีหน้าที่เพียงยกอาหารมาวาง หาใช่สหายสุรา""เหลวไหล เจ้ายังอยากทำงานนี้อยู่หรือไม่ วันนี้หากเจ้าไม่ดื่มกับคุณหนูท่านนี้ ต่อไปหออวิ๋นจุ้ยก็ไม่ต้อนรับเจ้าอีก"เจ้าของร้านเริ่มร้อนรนแค่ดื่มเหล้าด้วยไม่กี่แก้วก็ได้เงินมาถึงพันตำลึง เรื่องดีเช่นนี้จะหาได้จากที่ใดอีกสีหน้าของเยี่ยเฟิงยังคงเฉยชาดังเดิม แต่ทว่ามือที่ซ่อนอยู่ภายใต้แขนเสื้อของเขากำกำปั้นแน่น แสดงออกถึงความไม่สงบภายในใจชิวเอ๋อร์ออกแรงดึงแขนเสื้อกู้ชูหน่วนสุดกำลัง พลางพูดเสียงแผ่วเบาด้วยความร้อนใจ "คุณหนู ท่านเป็นหญิง มีอย่างที่ไหนที่หญิงสาวสั่งบุรุษให้ดื่มเป็นเพื่อนด้วย เกิดเรื่องนี้แพร่ออกไป ท่านจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด""หน้าของข้าก็แขวนอยู่บ้านหน้าข้าตลอดไม่ใช่หรือไง อีกอย่าง ต่อให้ไม่มีเรื่องนี้ ชื่อเสียงข้าก็ไม่ได้ดีเด่ไปสักเท่าใด""คุณหนู..."คุณหนูเฆี่ยนเซี่ยอวี่จนตาย ทั้งยังผิดใจกับคุณหนูห้า อี๋เหนียงห้า หรือแม้กระทั่งกับฮูหยินใหญ่เดิมทีนางก็กระวนกระวายมากแล้ว กลับถึงจวนไม่รู้จะต้องรับโทษหนักเพียงใด ยามนี้ยังสั่งให้ชายหนุ่
"เอ๊ะ เสี่ยวเชียนเชียนหึงหรอกเหรอ มามามา คุณหนูอย่างข้าจะทะนุถนอมเจ้าเป็นอย่างดีเอง"เซียวอวี่เชียนปัดมือกู้ชูหน่วนออกอย่างไม่เกรงใจ หันไปตวาดใส่เยี่ยเฟิงด้วยความโมโห "อย่างไรเจ้าก็เป็นบัณฑิตผู้มีวิชาความรู้ มาดื่มเหล้าเป็นเพื่อนสตรีมันใช่เรื่องที่ไหน ยังไม่รีบไปอีก"เยี่ยเฟิงมากล้นด้วยสติปัญญา เป็นเพียงบริกรธรรมดา ถูกเซียวอวี่เชียนดุด่าดูถูกเช่นนี้ ผู้คนต่างก็เชื่อว่าเยี่ยเฟิงจะต้องอาละวาดเป็นแน่ คิดไม่ถึงว่าเขาเพียงแค่ลุกขึ้น แล้วยกมือขึ้นมาทำท่าคาราวะเขาด้วยความสุภาพนอบน้อม แล้วถึงจะหันหลังเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงแค่แผ่นหลังที่ดูอาจหาญมาดมั่น"เอ้า อย่าเพิ่งไปสิ ข้ายังไม่ได้ดื่มกับเจ้าดีๆ เลย""ยัยขี้เหร่ เจ้ายังเป็นหญิงอยู่หรือไม่""เสี่ยวเชียนเชียน ข้าว่าเจ้าชักจะไม่น่ารักขึ้นทุกทีแล้ว"เซียวอวี่เชียนพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองอย่างสุดแรงเกิด จะได้ไม่ทำนางโกรธจนอกแตกตายไปเสียก่อนหลังจากที่ผ่านเรื่องของซ่างกวานฉู่และเยี่ยเฟิงมา เขาก็เข้าใจสักทีว่าหญิงผู้นี้บ้ากามเห็นผู้ใดหน้าตาดีหน่อยไม่ได้ เกิดอาการอยากจะห่อกลับบ้านอยู่ร่ำไป"คุณหนู ท่านไปหยามเกียรติบัณฑิตเยี่ยทำไมเจ้าคะ"
"นายท่าน เห็นแล้วใช่หรือไม่ คุณหนูสามหยิ่งผยองอวดดี ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง นางไม่เพียงแต่ไม่เห็นอี๋เหนียงอย่างข้าอยู่ในสายตา แม้แต่ท่านก็ไม่อยู่ในสายตานาง"อี๋เหนียงห้ากล่าวฟ้องด้วยความสะอึกสะอื้น ราวกับว่ากู้ชูหน่วนทำความผิดร้ายแรงเกินกว่าจะอภัยได้ก็ไม่ปานอัครเสนาบดีกู้เดิมทีก็อดกลั้นโทสะไว้เต็มอก เวลานี้เห็นลูกสาวที่ขี้ขลาดและอ่อนแอมาโดยตลอดกล้าเพิกเฉยมองข้ามเขา ความโกรธก็เพิ่มเป็นทวีคูณอย่างห้ามไม่อยู่กู้ชูหลันยิ้มได้ใจ ยิ่งอัครเสนาบดีกู้โกรธมากเท่าใดก็ยิ่งดี จะได้ช่วยนางระบายความคับแค้นนี้ได้ด้วยทุกคนในจวนเห็นว่าไม่ใช่เรื่องของตน จึงไม่มีผู้ใดเป็นเดือดเป็นร้อน รอแต่จะดูเรื่องสนุก"กู้ชูหน่วน เจ้ายังเห็นพ่ออย่างข้าอยู่ในสายตาอยู่หรือไม่"อี๋เหนียงห้าบอกว่านางเฆี่ยนเซี่ยอวี่จนตายอย่างไร้เหตุผล ทั้งยังทุบนางไปหลายที เขาไม่เชื่อหลันเอ๋อร์บอกว่านางไม่เพียงแค่ชกอาจารย์ ทั้งยังตบหน้าองค์หญิงอีกหลายที เขาก็ไม่อยากจะเชื่อยามนี้...บุตรสาวคนที่สามที่อยู่ตรงหน้า หาได้มีท่าทางอ่อนแอบอบบาง ไม่สู้คนอย่างเดิมแล้วเวลานี้นางดูสะดุดตาไม่เหมือนผู้ใด แผ่รังสีความอวดดีโอหังไม่ไว้หน้าใครท
"นายท่านได้โปรดเมตตา ท่านจะตีฆ่าตายก็ได้ แต่คุณหนูร่างกายบอบบาง ไม่อาจทนไม้กระบองห้าสิบทีได้ นางจะทนไม่ไหว"กู้ชูหน่วนดึงชิวเอ๋อร์ขึ้นมา พูดด้วยความโกรธเกรี้ยว "ไม่ได้เรื่อง ทำขายขี้หน้าคุณหนูของเจ้าหมด ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือไง นอกจากข้า เจ้าไม่จำเป็นต้องคุกเข่าให้คนอื่น""คุณหนู..."ชิวเอ๋อร์น้ำตาไหล เวลานี้แล้ว เหตุใดคุณหนูยังสติเลอะเลือนอยู่อีก"ยังจะนิ่งอยู่ทำไม จัดการ"อัครเสนาบดีกู้เดือดดาล เขาไม่เชื่อว่าวันนี้เขาจะจัดการลูกสาวตัวเองไม่ได้บนใบหน้าของกู้ชูหลันและคนอื่นๆ สะท้อนให้เห็นสีหน้ามีความสุขบนความทุกข์ผู้อื่น รอดูกู้ชูหน่วนโดนโบยจนต้องร้องขอชีวิตเหล่าบ่าวรับใช้เข้าไปด้วยความดุดันขึงขัง กู้ชูหน่วนหยิบป้ายอาญาสิทธิ์สีทองป้ายหนึ่งออกมาจากในอ้อมอกอย่างใจเย็น ด้านบนมีตัวอักษรคำว่าอาญาสิทธิ์ตัวโตเขียนเอาไว้ทันทีที่เห็นป้ายอาญาสิทธิ์แผ่นนั้น เหล่าบ่าวรับใช้ก็พากันชะงักงันอัครเสนาบดีกู้หน้าพลันเปลี่ยนสีทันทีป้ายอาญาสิทธิ์นั่นเป็นป้ายอาญาสิทธิ์ที่อดีตฮ่องเต้ทรงพระราชทานให้องค์หญิงเจาหลิงไม่ใช่หรอกหรืออดีตฮ่องเต้ทรงรักใคร่เอ็นดูองค์หญิงเจาหลิงเป็นที่สุด จนอยากจะส่ง
ก่อนที่เด็กหนุ่มจะตอบ กู้ชูหน่วนก็ลูบคางพลางเอ่ยอย่างใจเย็นว่า “ด้วยความสามารถของเจ้า เจ้าคงคิดว่าการตัดแขนขา ควักตา และตัดหูของข้าคงง่ายดายราวกับบี้มดตัวหนึ่งใช่หรือไม่? ถ้าเช่นนั้น ทำไมเจ้าถึงต้องลำบากเขาด้วย?”“หรือว่าเขามีเรื่องบาดหมางกับเจ้า เจ้าเลยเกลียดเขา? จุ จุ จุ ดูท่าทางของเขาสิ ช่างน่าสงสารเสียจริงๆ ข้าว่าคงไม่กล้าเป็นศัตรูกับเจ้าหรอก ให้ข้าเดานะ เจ้าคงอิจฉาเขามากกว่า อิจฉาที่เขามีหน้าตาหล่อเหลากว่าเจ้า หรืออาจอิจฉาที่เขาได้ดิบได้ดีในเผ่าหมอมากกว่าเจ้า เลยคิดแผนทรมานเขา”ทุกครั้งที่กู้ชูหน่วนพูดสีหน้าของเจียงซวี่ก็ยิ่งแย่ลงไปเรื่อยๆ แววตาที่โหดเหี้ยมก็ยิ่งรุนแรงขึ้น“ดูเหมือนข้าจะเดาถูกนะ” กู้ชูหน่วนมองเด็กหนุ่มราวกับสงสารเขา“ลองดูตัวเองสิ ติดตามนายอะไรเนี่ย กลับตัวกลับใจเถิด เจ้าปกป้องข้าจนโดนแทงมาขนาดนี้ ข้าจะดูแลเจ้าอย่างดี”เด็กหนุ่มไม่แม้แต่จะมองกู้ชูหน่วน แค่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆเจียงซวี่หัวเราะลั่นทันที “เดาถูกแล้วจะอย่างไร ข้าแค่ต้องการเห็นเขาทรมาน เขาใจดีนักมิใช่หรือ ข้าอยากจะดูว่า เพื่อให้มีรอดชีวิต เขาจะยอมฆ่าเจ้าหรือไม่”“ข้าขอเดาเพิ่มนะ คงเป็นครั้งแรกที่เจ้
กู้ชูหน่วนกะพริบตาอย่างไร้เดียงสา "เป็นพวกเจ้าเองที่พาข้าวิ่งมาตลอดทาง และมองข้าเป็นหญิงผู้อ่อนแอที่ไม่มีทางสู้ แล้วข้าจะไม่ตอบสนองความต้องการแบบผู้ชายเป็นใหญ่ของพวกเจ้าได้อย่างไร""…"เซียวอวี่เชียนโกรธจนตัวสั่นเด็กหนุ่มก็สีหน้าไม่สู้ดีมีดาบจำนวนมากขนาดนี้ หมายความว่าพวกเขาโดนฟันอย่างเปล่าประโยน์เมื่อเห็นว่ามีคนกลุ่มใหม่ล้อมพวกเขาเข้ามา กู้ชูหน่วนก็หรี่ตาลง มุมปากยกขึ้นยิ้มเยาะ "ตัวเอกมาแล้ว"ในขณะที่เซียวอวี่เชียนและเด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้น ทั้งคู่ก็แข็งทื่อดวงตาเย็นชาของเด็กหนุ่มหรี่ลงทันที หายใจหนักขึ้น ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อยกู้ชูหน่วนมองออกเขากำลังกลัว กลัวคนกลุ่มนี้เซียวอวี่เชียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง "หน้ากากกะโหลก พวกเจ้าเป็นคนของสิบสองกองธงแห่งเผ่าหมอใช่หรือไม่?เผ่าหมอ?เหอะ โลกยุทธภพมีเผ่าหมอด้วยหรือ?กู้ชูหน่วนพิจารณาอีกฝ่ายอย่างละเอียดแต่กลับพบว่าอีกฝ่ายมีเพียงสามสิบหกคนเท่านั้น แต่ละคนถือธงบุปผา และสวมเสื้อคลุมสีดำ ใบหน้าปิดด้วยหน้ากากกะโหลกศีรษะหัวหน้าคือชายหนุ่มวัยยังน้อย ผู้ซึ่งไม่ได้สวมหน้ากาก ใบหน้าดูหล่อเหลา แต่แววตากลับเผยความโหดเหี้ยมเป็นระยะ
"ปัง..."เสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับระเบิดกลางอากาศดังขึ้นอีกครั้งหญิงวัยกลางคนงถอยหลังไปหลายก้าว ใบหน้าซีดเผือก เด็กหนุ่มกระอักเลือดออกมาหนึ่งอึก อวัยวะภายในปั่นป่วนอย่างรุนแรง หากไม่เกาะผนังไว้ คงล้มลงไปแล้ว“เจ้ากล้าใช้การต่อสู้แบบแลกชีวิตมาสู้กับข้าอย่างนี้หรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่า หากสู้กันต่อ ข้าอาจไม่ตาย แต่เจ้าต้องตายแน่”“แค่ชีวิตสกปรกโสโครก ตายไปก็ตายไป” เด็กหนุ่มพยายามกลืนเลือดที่ค้างอยู่ในคอลง ให้ตัวเองดูเป็นปกติมากที่สุดหญิงวัยกลางคนตะคอก “ตกลงนางกับเจ้าเป็นอะไรกันแน่?”“ไม่เป็นอะไรทั้งนั้น แค่ไม่อยากให้เจ้าได้กระดิ่งภินวิญญาณนั่น”“ดีมาก บัญชีนี้พวกข้าเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซานจะจดจำไว้ เจ้าจงรอรับการล้างแค้นอย่างบ้าคลั่งของพวกข้าได้เลย”หญิงวัยกลางคนเบิกตาจ้องกู้ชูหน่วนและเด็กหนุ่ม ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง สุดท้ายก็ไม่รู้ว่านึกถึงอะไรจึงจากไปด้วยความแค้นหลังนางจากไป เด็กหนุ่มก็รีบกุมหน้าอกแน่น กระอักเลือดออกมาอีกหนึ่งอึกใหญ่ ขาของเขาคุกเข่าลงไปโดยไม่รู้ตัว ราวกับกำลังแบกรับความเจ็บปวดอันแสนสาหัส"ไม่เป็นไรใช่หรือไม่"กู้ชูหน่วนทิ้งเมล็ดแตงโม แล้วเดินไปหาเขา"ปัง
หญิงวัยกลางคนเดิมทีตั้งใจจะจัดการกับเด็กหนุ่มก่อน แล้วค่อยกลับมาจัดการกู้ชูหน่วน แต่ปรากฏว่าคำพูดของกู้ชูหน่วนฟังไม่เข้าหู นางจึงเปลี่ยนใจทันที"สาวน้อยปากดีนักนะ เอากระดิ่งภินวิญญาณมาให้ข้า ข้าอาจให้เจ้าตายอย่างสงบ แต่หากไม่ เจ้าจะจมกองเลือด""ข้าเป็นคนที่ใครก็มาข่มขู่ได้อย่างนั้นหรือ?" กู้ชูหน่วนเลิกคิ้วย้อนถาม"เหอะ เด็กน้อยผู้ไร้เดียงสา"หญิงวัยกลางคนส่งเสียงเหยียดหยาม นางเหยียบปลายเท้าเบาๆ แล้วปลดปล่อยหัตถ์โลหิตออกไปโจมตีกู้ชูหน่วนกู้ชูหน่วนพิงกำแพงไว้ กอดอก ยืนสงบนิ่ง ราวกับมั่นใจว่าเด็กหนุ่มต้องมาช่วยนางแน่ๆและก็เป็นอย่างที่นางคิด ขณะที่เด็กหนุ่มกำลังถูกเหล่านักฆ่าล้อมอยู่ เขาก็ยังสามารถเตะหม้อเหล็กจากร้านตีเหล็กไปขวางการโจมตีของหญิงวัยกลางคนได้ทันหม้อเหล็กสัมผัสกับหัตถ์โลหิตแล้วละลายทันทีแม้แต่เหล่านักฆ่าชุดดำก็ตกตะลึงพลังปีศาจโลหิตแข็งแกร่งมากสามารถละลายหม้อเหล็กได้ในพริบตา พลังภายในต้องแข็งแกร่งเพียงใดเด็กหนุ่มเบิกตากว้าง ไม่คาดคิดว่าพลังปีศาจโลหิตของหญิงวัยกลางคนจะร้ายกาจขนาดนี้ เขาอยากจะไปช่วยกู้ชูหน่วน แต่ถูกล้อมไว้ ชายแคระก็พุ่งเข้ามาโจมตีเขาไม่หยุด แทบอ
ชายแคระปากบอกว่าได้ แต่ดาบในมือกลับฟาดแรงขึ้นทุกที ร้องเสียงดังลั่นด้วยน้ำเสียงหยาบกร้าน“หนุ่มน้อย นางผู้นี้มีความสัมพันธ์อะไรกับเจ้าถึงได้ปกป้องนางด้วยชีวิตเช่นนี้?”เด็กหนุ่มไม่ตอบ เพียงแต่ตั้งสมาธิรับมือการต่อสู้แต่หญิงวัยกลางคนกลับหัวเราะคิกคักตอบว่า “เขาเป็นของข้า จะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับยัยขี้เหร่เล่า มากสุดก็แค่อยากได้กระดิ่งภินวิญญาณเท่านั้น”“ของที่พวกข้าเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซานต้องการ เจ้าก็กล้าแย่ง? กล้ามากเลยนะ”"ปัง..."ดาบโจมตีไม่โดนเด็กหนุ่ม แต่กลับผ่ากำแพงดินหลังเด็กหนุ่มออกเป็นสองท่อน กำแพงดินที่แข็งแกร่งพังทลายลงจนเสียงดังกึกก้อง“เจ้าห้า หลังจากวันนี้ไป เขาอาจเป็นคนของพวกเราเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซาน เจ้าลงมือเบาหน่อย อย่าทำร้ายเขาจนพิการ”“รู้แล้ว รำคาญเสียจริง”กู้ชูหน่วนยืนอยู่ข้างๆ มองการต่อสู้ในสนามด้วยท่าทีผ่อนคลายชายแคระมีกำลังมาก มีพลังภายในแก่กล้า และลงมือด้วยกำลังอันป่าเถื่อน ส่วนเด็กหนุ่มกลับมีดวงตาเย็นชาและสงบนิ่ง มือเล็กยกขึ้นเบาๆ เสียงพิณกระทบกับดาบ ทุกครั้งที่พุ่งชนกัน ดาบราวกับวัวตกลงไปในทะเลโคลน อ่อนปวกเปียก ไม่ว่าจะฟาดอย่างไรก็ไม่โดนเด็กหนุ่
กู้ชูหน่วนและเด็กหนุ่มชุดดำถูกกลุ่มคนล้อมไว้ พูดให้ถูกคือ กู้ชูหน่วนถูกพวกเขาล้อมไว้ แต่เนื่องจากเด็กหนุ่มยืนอยู่ข้างๆ นางจึงติดร่างแหไปด้วย พวกที่ล้อมพวกเขามีถึงหลายสิบคน ทุกคนสวมชุดดำปิดบังใบหน้า ถือเคียว และมีสายตาที่ไม่เป็นมิตรหัวหน้าคือชายแคระตัวเตี้ยกับหญิงวัยกลางคนผู้เย้ายวนหญิงวัยกลางคนผู้เย้ายวนส่งสายตามองเด็กหนุ่มอย่างเร้าร้อน "โอ้ หนุ่มน้อย แค่มองรูปร่างของเจ้า ข้าก็น้ำลายไหลแล้ว อยากจะให้เจ้าถอดหน้ากากออก แล้วให้ข้าได้ดูแลเจ้าดีหรือไม่""เจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซาน" เด็กหนุ่มค่อยๆ เอ่ย"เจ้าตาดีไม่เบา พวกเราหลบซ่อนอยู่ในเขาอินซานมานานหลายปี ไม่คิดว่าจะมีใครจำพวกเราได้""แล้วอีกสองคนล่ะ""แค่พวกเจ้าสองคน ไม่จำเป็นต้องใช้พวกเราทั้งสี่คนหรอก" ชายแคระแบกดาบใหญ่ ดาบนั้นสูงกว่าตัวเขา ทำให้ดูไม่สมส่วนเขาเสียงดัง หน้าตาอัปลักษ์ ตาโปน ราวกับเป็นดวงตาของปลาตาย แต่ร่างกายของเขากลับเต็มไปด้วยพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวกู้ชูหน่วนพยายามค้นหาความทรงจำในสมองของนาง นางพอจะจำได้เลือนลางเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซานมีเจ็ดคน แต่ละคนวิทยายุทธเก่งกาจและโหดเหี้ยมมาก พวกเขาฆ่าคนเป็นว่าเล่น เมื่อหล
กู้ชูหน่วนเดินมาหยุดอยู่หน้าร้านตีเหล็กกลางเมืองหลวง ริมฝีปากยกขึ้นยิ้มอย่างเกียจคร้านราวกับกำลังพูดกับตนเอง“คืนนี้มืดมิดเงียบสงบ ไม่มีใครอยู่รอบข้าง ใต้เท้าจะไม่ออกมา หรือว่าจะให้ข้าพากลับบ้านไปต้มหม้อไฟดี?”ในความมืดมิด ปรากฏเด็กหนุ่มสวมหน้ากากดำถือพิณเดินออกมาอย่างช้าๆ ร่างกายเปล่งประกายด้วยความเย็นชาเด็กหนุ่มวัยยังน้อย รูปร่างสูงโปร่งสมส่วน โดยเฉพาะชุดรัดรูปที่สวมใส่ ทำให้เห็นรูปร่างที่สมบูรณ์แบบของเขาอย่างชัดเจนหลังของเขาแบกพิณสีดำสนิท ดูสะดุดตาเป็นอย่างยิ่งท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมืดออกมาเพื่อลอบสังหาร แล้วยังแบกพิณมาด้วย คนผู้นี้ช่างมีรสนิยมจริงๆกู้ชูหน่วนพิจารณาเขาอย่างละเอียด รู้สึกว่าดูคุ้นตานางกะพริบตาปริบๆ ยิ้มเอ่ยว่า “หนุ่มน้อย รูปร่างดีจริงๆ ไม่รู้ว่าหน้าตาจะหล่อเหลาแค่ไหน หากว่าหล่อจริง ข้าอาจจะยอมให้จีบก็ได้นะ”เด็กหนุ่มหน้าตายเอ่ยเพียงประโยคเดียวว่า “ข้าต้องการเพียงกระดิ่งภินวิญญาณ”“เช่นนั้นเจ้าบอกข้าทีว่า เจ้าต้องการกระดิ่งภินวิญญาณไปทำไม หรือจะตอบว่ากระดิ่งภินวิญญาณนี้มีอะไรซ่อนอยู่ก็ได้นะ หากคำตอบของเจ้าทำให้ข้าพอใจ ข้าจะมอบมันให้เจ้า”“ข้าต้องการเพียงแ
"ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง..."อาวุธลับฝังเข้าไปในผนัง ลึกเข้าไปในเนื้อไม้สามส่วน เซียวอวี่เชียนสะดุ้งจนคอหดอาวุธลับนี้ หากโดนคนเข้าล่ะก็ คงทะลุร่างแน่นอน"ใคร? ใครลอบโจมตี?" เซียวอวี่เชียนตะโกนลั่นสำนักบัณฑิตหลวงมียอดีมือคอยปกป้องจำนวนมากเช่นนี้ ยังมีคนแอบเข้ามาฆ่าคนได้อีกหรือ? ช่างจองหองเกินไปแล้วกู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว กำกระดิ่งภินวิญญาณในมือแน่นโดยไม่รู้ตัวนางแสร้งทำเป็นผ่อนคลายและยิ้มเอ่ยว่า "ก็แค่พวกโจรขโมยชั้นต่ำ พวกเขาคงเห็นว่าข้าชนะการเดิมพันมามาก เลยเกิดความโลภน่ะ"เซียวอวี่เชียนแม้จะเจ้าสำราญไปบ้าง แต่เขาก็ไม่ได้โง่อาวุธลับสามสิบแปดเล่มนั้นมาพร้อมกับกระบวนท่าสังหาร ผู้มาเยือนไม่ได้คิดจะปล่อยให้ยัยขี้เหร่มีชีวิตอยู่และที่นี่คือสำนักบัณฑิตหลวงแม้ว่าโดยทั่วไปแล้วที่นี่จะดูไม่มีอะไรพิเศษ แต่ทุกคนก็รู้ดีว่า รอบๆ สำนักบัณฑิตหลวงมียอดฝีมือซ่อนตัวอยู่จำนวนมากเมื่อใดก็ตามที่มีคนคุกคามชีวิตนักเรียน เหล่าองครักษ์ลับก็จะออกมาปกป้องทันที"ยัยขี้เหร่ พวกโจรขโมยทั่วไปไม่มีวิทยายุทธตัวเบาที่เก่งกาจเพียงนี้หรอก ข้าว่าพวกเขาต้องการเอาชีวิตเจ้านะ""เอาชีวิตอะไรเล่า ข้าไม่ได้ล่วงเกินใครซัก
ทุกคนต่างถือว่ากระดิ่งภินวิญญาณเป็นสิ่งล้ำค่า ไม่มีใครคิดจะทุบมัน แต่กู้ชูหน่วนกลับคิดนอกกรอบทุบไปหนึ่งทียังไม่แตกกู้ชูหน่วนจึงทุบซ้ำไปซ้ำมาหลายหน แต่ก็ยังไม่แตกจนสุดท้ายนางก็เหนื่อยหอบ"กระดิ่งอะไรเนี่ย แข็งมาก ทุบเท่าไหร่ก็ไม่แตกซักที"เมื่อการทุบกระดิ่งไม่ได้ผล กู้ชูหน่วนก็ลองใช้วิธีอื่นดู เผาด้วยไฟ ลวกด้วยน้ำ แช่ด้วยยา แต่ก็ไม่มีวิธีใดได้ผลกับกระดิ่งภินวิญญาณเลยสักวิธีเดียวไม่รู้ว่ากระดิ่งภินวิญญาณทำมาจากอะไร ถึงได้แข็งแกร่งทนทานขนาดนี้ ไม่ว่าจะใช้ดาบหรือหอกก็ทำอะไรไม่ได้แม้แต่หยกจันทร์เสี้ยว ไม่ว่าจะตรวจสอบอย่างไรก็หาคำตอบไม่ได้กู้ชูหน่วนเริ่มโมโห นางจึงหยิบอิฐขึ้นมา ตั้งใจจะทุบหยกจันทร์เสี้ยวเพื่อดูโครงสร้างภายในแต่หยกชิ้นนี้มีค่าถึงห้าสิบล้านตำลึง นางจึงลังเลใจ ทำให้มือที่ถืออิฐสั่นเทาหากไม่มีสิ่งใดอยู่ภายในหยก หรือหากหยกแตกละเอียดเป็นเสี่ยงๆ เงินห้าสิบล้านตำลึงของนางก็จะสูญเปล่าขณะนี้กู้ชูหน่วนถึงได้เข้าใจว่ายามนั้นไทเฮาต้องรู้สึกเจ็บปวดมากเพียงใด"ตุ้บ..."นางกัดฟัน ก่อนจะเหวี่ยงอิฐก้อนใหญ่ทุบลงไปบนหยกอย่างแรง จนหยกงดงามแตกละเอียดหยกจันทร์เสี้ยวแตกแล้ว