มุกอุ่นประภพดึงดูดเขาเป็นอย่างมากตำรารวมสูตรปรุงยาดึงดูดเขายิ่งกว่าสองชิ้นแรกประมูลมาไม่ได้ก็แล้วกันไป ชิ้นที่สามต่อให้ต้องทุ่มหมดตัว เขาก็จะต้องประมูลมาให้ได้ ไม่มีทางปล่อยให้เสียไปอีกเด็ดขาดดวงตาที่อ่อนโยนของซ่างกวานฉู่เหลือบขึ้นมามองเล็กน้อย ดูเหมือนจะมีความสนใจในของชิ้นที่สามนี้อยู่บ้างทว่าไม่นานนักเขาก็ก้มหน้าลงไปต้มชาต่อ ราวกับว่าความสนใจนั้นมีเพียงแค่น้อยนิดเท่านั้นดวงตาของชิงเฟิงฉายประกายสว่าง "นายท่าน ตำรับยาโบราณไม่เลว ไม่เช่นนั้นพวกเราก็...""จะรีบร้อนไปใย ของดีล้วนแต่อยู่ด้านหลัง"ด้านหลัง ?ด้านหลังมีของดีอะไรหรือนายท่านจะรู้แล้วว่าของประมูลชิ้นสุดท้ายคืออะไรดวงตาที่ใสเป็นประกายของกู้ชูหน่วนฉายให้เห็นแววตาที่ต่างออกไปของประมูลชิ้นแรก นางอยากจะลองทำตามวิธีของนางเอง ดูว่าจะสามารถกลั่นยาปี้อวี้ได้หรือไม่ ถึงได้ยอมซื้อมาในราคาที่สูงลิ่วของประมูลชิ้นที่สอง นางอยากจะประมูลไปให้เยี่ยเฟิง มุกอุ่นประภพเม็ดนี้ มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นเม็ดที่ถูกชิงไปจากเยี่ยเฟิงส่วนของประมูลชิ้นที่สาม เป็นสิ่งที่นางสนใจเองข้ามมิติย้อนกลับมายังอดีต เพราะไม่มีวิทยายุทธ
"นั่นสิ รีบไล่นางออกไปเถอะ จะได้ไม่มีผู้ใดก่อกวน"เหล่าแขกในงานประมูลต่างพากันขับไล่นาง ก็ดีจะได้ตัดคู่แข่งไปได้หนึ่งคนเสี่ยวลู่ยิ้มพิมพ์ใจ ท่าทางใจเย็น สง่างามแฝงไว้ด้วยเสน่ห์แบบหญิงสาว น้ำเสียงของนางใสหวานราวกับนกขมิ้นจากหุบเขา "แขกหมายเลขยี่สิบแปดไม่ได้ติดค้างเงินลานประมูล ตามกฎ งานประมูลไม่มีสิทธิ์ไล่ผู้ใด""เห็นๆ กันอยู่ว่าเมื่อครู่นางไม่มีเงินห้าสิบล้านตำลึงมาจ่าย""แต่สหายของนางจ่ายแทนนางแล้ว พวกเราลานประมูลดูแค่เงิน ไม่สนว่าผู้ใดจ่ายแทนนาง"เสี่ยวลู่พูดเช่นนี้ เป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่าพวกเขาไม่มีทางไล่กู้ชูหน่วนออกไป จากมุมของพวกเขา ไม่มีความจำเป็นจะต้องไล่นางออกไปจริงๆ อย่างไรนางก็ไม่ได้ติดค้างเงินสักแดงเดียวกู้ชูหน่วนมองไปทางองค์หญิงตังตัง คลี่ยิ้มหยอกเย้า "พวกเจ้ารีบร้อนจะไล่ข้าไปเช่นนี้ คงไม่ใช่เพราะจ่ายไม่ไหวหรอกนะ"องค์หญิงตังตังยกป้ายขึ้นมา เอ่ยเสียงดังลั่นทันที "ยี่สิบเอ็ดล้านตำลึง"นางแพศยา สายตาเช่นนั้นคืออะไรเห็นได้ชัดเลยว่านางกำลังโอหังอวดดี"สามสิบล้านตำลึง"เฮือก…ทุกคนกระอักเลือดอีกครั้งยี่สิบเอ็ดล้านตำลึงเพิ่มเป็นสามสิบล้านตำลึง นางจริงจั
กู้ชูหน่วนหรี่ตาลงเล็กน้อย พินิจดูปรมาจารย์ฟงตาเฒ่าจากที่ไหน คิดจะมาแย่งตำรารวมสูตรปรุงยากับนางหรือนางเอ่ยพร้อมยกป้าย "แปดสิบล้านตำลึง""แปดสิบห้าล้านตำลึง""เก้าสิบล้านตำลึง"เฮือก...ทุกคนต่างก็ตะลึงงันตำรารวมสูตรปรุงยาเล่มเดียวราคาขึ้นไปถึงเก้าสิบล้านตำลึง...นี่เป็นราคาที่สูงลิ่วเลยทีเดียว แม้จะเป็นฮ่องเต้หรือเชื้อพระวงศ์ ก็ยากจะมีเงินมากขนาดนี้ได้ปรมาจารย์ฟงยิ้มด้วยความเมตตา พลางลูบเคราสีขาวมัวของเขา "นังหนูเข้าใจการปรุงยาหรือไม่""ไม่เข้าใจ""เช่นนั้นข้างกายเจ้ามีผู้ที่ปรุงยาได้หรือ""ไม่มี""หากเป็นเช่นนี้ นังหนูต้องการจะประมูลตำรารวมสูตรปรุงยาเพื่อนำไปมอบให้ใครอย่างนั้นหรือ""ก็ไม่ใช่ ข้าเห็นว่าบันทึกหนังแกะของโบราณงามดี ข้าอยากประมูลมา ตอนอารมณ์ดีก็นำมาหนุนนอนเป็นหมอน"ซี้ดดด...ทั่วทั้งงานเริ่มชุลมุนวุ่นวายหญิงผู้นี้บ้าไปแล้วหรืออย่างไรจะนำตำรารวมสูตรปรุงยาไปทำหมอนเช่นนั้นรึนั่นมีมูลล่าถึงเก้าสิบล้านตำลึงเชียวนะอีกอย่าง ผู้ใดบ้างที่จะไม่เห็นตำรารวมสูตรปรุงยาเป็นสมบัติล้ำค่าแม้แต่ปรมาจารย์ฟงก็มีท่าทีประหลาดใจกับคำตอบเช่นนี้ของกู้ชูหน่วน"นังหนู ห
"แต่ร้อยห้าสิบล้านก็มากเกินไป หากของประมูลชิ้นต่อไปนางยังคงต้องการประมูลอีกละก็ พวกเรา...""ต่อให้ต้องสิ้นเนื้อประดาตัว ก็จะสนองความพอใจของนาง""ขอรับ..."ในโถงงานประมูล ดวงตาที่ใสเป็นประกายของเสี่ยวลู่เบ่งบานไปด้วยรอยยิ้มชวนหลง"หมายเลขยี่สิบแปดเสนอราคาหนึ่งร้อยห้าสิบล้านตำลึง ยังมีผู้ใดจะเพิ่มอีกหรือไม่ หากไม่มี ตำรารวมสูตรปรุงยาก็จะตกเป็นของแขกผู้มีเกียรติหมายเลขยี่สิบแปด"ล้อกันเล่นใช่ไหมผู้ใดจะกล้าเสนอราคาต่อตำรารวมสูตรปรุงยาเป็นเพียงแค่ส่วนที่เหลืออยู่เท่านั้น ไม่ใช่ฉบับสมบูรณ์เสียหน่อย อีกทั้งยังผ่านมาเป็นสองพันกว่าปีแล้ว ต่อให้ตำรารวมสูตรปรุงยาจะยอดเยี่ยมเพียงใด แต่ผ่านมาเนิ่นนานขนาดนั้น ผู้ใดจะล่วงรู้ได้ว่าสมุนไพรหลายชนิดสูญพันธ์ไปแล้วหรือไม่แล้วผู้ใดจะรู้ได้ว่าตำรารวมสูตรปรุงยาจะดีจริงอย่างที่เล่าขานกันหรือไม่ปรมาจารย์ฟงอยากจะเพิ่มราคาต่อ แต่หนึ่งร้อยห้าสิบล้านตำลึงทำให้เขาลังเลอีกทั้งเห็นตอนที่กู้ชูหน่วนขานราคาหนึ่งร้อยห้าสิบล้านตำลึงออกมา ไม่มีสีหน้าท่าทางประหม่าใดๆ เลยแม้แต่น้อย สายตาแน่วแน่ สงบนิ่ง ดวงตาที่ใสสว่างคู่นั้นยิ่งแฝงไว้ด้วยแววตาเจ้าเล่ห์คนเช่นน
จ่ายเงินไปแล้ว ตำรารวมสูตรปรุงยาย่อมตกเป็นของกู้ชูหน่วนทุกคนต่างก็มองตำรารวมสูตรปรุงยาในมือของนางตาละห้อย ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาและเกลียดชังกู้ชูหน่วนกวาดสายตามองทุกคนในลานประมูลรอบหนึ่ง ความรู้สึกรีบร้อนอยากจะเปิดตำรารวมสูตรปรุงยาดูพลันดับสลายไปในพริบตานางยกไปไว้ด้านหลัง ทำเป็นหมอนวางไว้ที่ท้ายทอย ก่อนจะตะโกนออกมาด้วยความสบายตัว "สายตาข้าหลักแหลมใช้ได้เลย บันทึกหนังแกะเล่มนี้นำมาทำเป็นหมอนช่างสบายยิ่งนัก""……"เสียของทำเสียของอย่างแรงตำรารวมสูตรปรุงยาถูกนางประมูลไป ช่างเปล่าประโยชน์ยิ่งนักองค์หญิงตังตังด่าด้วยความเกรี้ยวกราด "เจ้า...เหตุใดถึงได้หน้าไม่อายเพียงนี้"กู้ชูหน่วนตอบอย่างมาดมั่น "ข้าใช้เงินของข้า ซื้อของที่ต้องการ หน้าไม่อายเช่นไร หากเจ้าอยากได้ เช่นนั้นเจ้าก็แค่เพิ่มราคา หรือข้าไปบังคับไม่ให้เจ้าเพิ่มราคาประมูลต่อแล้วหรือ""องค์หญิง ช่างเถอะ ของประมูลชิ้นต่อไป หากพวกเราชอบ นางก็ชอบ พวกเราเสนอราคาสูงๆ ประมูลมาเลย อย่าให้นางสมหวังก็พอ นางใช้เงินไปตั้งร้อยห้าสิบล้านตำลึงแล้ว ในตัวจะต้องมีเงินอยู่ไม่มากแล้วเป็นแน่" เสี่ยวลวี่กอดขานางเอาไว้แน่นปรนน
อี้เฉินเฟยยิ้มอย่างสง่าผ่าเผย สายตาที่มองไปทางกู้ชูหน่วนเต็มไปด้วยความมั่นใจ "ไม่จำเป็นต้องประมูล ขอเพียงแค่พวกเราต้องการ ย่อมมีคนนำคัมภีร์ซือจิงฉบับสมบูรณ์มาให้พวกเราแน่ จะเสียเงินโดยไม่จำเป็นไปใย""ห้ะ..."ผู้ใดจะใจกว้างถึงขั้นมอบซือจิงฉบับสมบูรณ์ให้พวกเขาหรือว่า...อาจารย์รู้อยู่แล้วว่าผู้ใดจะประมูลได้คงไม่ใช่ว่าอาจารย์อี้รู้ว่าแม่นางกู้จะประมูลอีก จึงตั้งใจจะออกเงินแทนนางอีกหรอกนะนี่แตกต่างจากการประมูลเองตรงไหน"คัมภีร์ซือจิงบทกวีฟงหย่าซ่งฉบับสมบูรณ์ ราคาเริ่มประมูลสามล้านตำลึง"สามล้านตำลึงอีกแล้ว...ครั้งนี้คงจะไม่ดึงราคาขึ้นไปสูงลิ่วอีกหรอกนะ"สี่ล้านตำลึง""ห้าล้านตำลึง""ห้าล้านห้าแสนตำลึง""หกล้านสองแสนตำลึง""เจ็ดล้านตำลึง""เจ็ดล้านหนึ่งแสนตำลึง"เพียงพริบตาเดียว คัมภีร์ซือจิงก็มีมูลค่าถึงเจ็ดสิบกว่าล้านตำลึงแล้วองค์หญิงตังตังมึนงงคัมภีร์รวมบทกวีเก่าๆ ไม่กี่เล่ม เหตุใดถึงมีราคามากเพียงนี้แม้นางจะเป็นองค์หญิงที่ได้รับความโปรดปรานมากที่สุดในยามนี้ แต่จะให้นางเอาเงินออกมามากมายขนาดนี้ในคราวเดียว นางทำไม่ลง คนเหล่านี้ไปเอาเงินมาจากไหนกัน เหตุใดแต่ละคนถึงไ
"สิบแปดล้านตำลึง"อัครเสนาบดีกู้โกรธเกรี้ยว "ลูกพ่อ หากเจ้ายังจะประมูลต่อ ต่อไปก็ไม่ต้องมาเรียกข้าว่าพ่อแล้ว เงินพวกนี้ เจ้าก็คิดหาหนทางไปจ่ายเองด้วย"ในห้องพิเศษที่ชั้นสอง เสี่ยวลวี่รินน้ำหนึ่งแก้วเข้ามา พูดอย่างไม่สบอารมณ์ "องค์หญิง บ่าวเพิ่งได้ยินมาว่า กู้ชูอวิ๋นคุณหนูรองแห่งจวนอัครเสนาบดีแอบชอบอาจารย์ซ่างกวาน เมื่อวานยังทำของกินเล่นไปให้อาจารย์ซ่างกวานด้วย แต่ถูกเขาปฏิเสธ นางร้อนรนจะประมูลคัมภีร์ซือจิงให้ได้เช่นนี้ คิดว่าคงจะนำไปมอบให้อาจารย์ซ่างกวานเป็นแน่""ว่าอย่างไรนะ เจ้าพูดอะไร กู้ชูอวิ๋น นังแพศยา กล้าเฝ้าฝันถึงอาจารย์ซ่างกวานเช่นนั้นหรือ""เพคะ บ่าวได้ยินหลายคนเขาพูดกัน""นางแพศยาผู้นี้ เหมือนกับกู้ชูหน่วนไม่มีผิด ไม่แปลกใจเลยที่เป็นพี่น้องพ่อเดียวกัน เชอะ พวกนางอยากได้คัมภีร์ซือจิงใช่หรือไม่ ข้าไม่มีทางให้พวกนางสมหวังหรอก"องค์หญิงตังตังยกป้าย "ยี่สิบห้าล้านตำลึง"ซี้ดดด...คนจำนวนไม่น้อยพากันมองไปทางองค์หญิงตังตังนางยกป้ายแย่งประมูลครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ไม่เคยได้เลยสักครั้งครั้งนี้หรือว่าจะเอาจริง จะประมูลไปให้ได้เลยใช่หรือไม่"ยี่สิบหกล้านตำลึง""ยี่สิบแปดล้
แม่เจ้า ต่อให้เป็นเงินที่แย่งชิงมา แต่ก็ต้องใช้เวลาไม่น้อยไม่ใช่หรือคัมภีร์ซือจิงมีมูลค่ามาก ถึงขั้นที่เรียกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่ไม่อาจประเมินค่าได้ แต่ร้อยห้าสิบล้านตำลึง จะมากเกินไปหรือเปล่าไฟโทสะที่อัดอั้นอยู่ในใจขององค์หญิงตังตังลุกโชนขึ้นเรื่อยๆ ทว่ากลับไม่กล้าเพิ่มราคาอีกแล้วกู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นมาด้วยท่าทางได้ใจ พลางพูดหยอกเย้า "แขกผู้มีเกียรติชั้นบน เป็นอะไรไป ไม่มีเงินเลยไม่กล้าเพิ่มราคาแล้วหรือ ในเมื่อไม่มีเงิน ก็รีบไสหัวออกไปให้ไวจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องขายหน้าใคร ถึงอย่างไรก็ไม่มีของชิ้นไหนที่เจ้าประมูลได้อยู่แล้ว ทำได้เพียงแค่โก่งราคาไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น"องค์หญิงตังตังที่เดิมอยากจะยอมแพ้ เมื่อได้ยินคำพูดของนางก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ พูดโดยไม่สนสิ่งใด "ร้อยหกสิบล้านตำลึง"นางเพิ่มราคาครั้งนี้ เพิ่มไปสิบล้านตำลึงในคราวเดียวเสี่ยวลวี่เป็นลมหมดสติไปเสียตรงนั้นหลังจากที่ตะโกนออกมา องค์หญิงตังตังก็รู้สึกเสียใจอยู่ไม่น้อยเงินมากมายขนาดนี้ นางไม่มีปัญญาจ่ายหากเสด็จแม่รู้ จะต้องเอ็ดนางตายแน่องค์หญิงตังตังหวังว่ากู้ชูหน่วนจะเพิ่มราคาอีก ทว่ากู้ชูหน่วนกลับยกนิ้วหัวแ
เดิมทีคนของเผ่าเทียนเฝินก็สงสัยในตัวนายท่านหลันอยู่แล้ว เมื่อกู้ชูหน่วนพูดเช่นนี้ คนของเผ่าเทียนเฝินก็อดไม่ได้ที่จะมองนายท่านหลันเป็นศัตรูยิ่งกว่าเดิม กู้ชูหน่วนเอ่ยออกมาเบาๆ อีกประโยค "อีกอย่างหินก้อนใหญ่จากยอดเขากลับร่วงมาบนหัวผู้อาวุโสทุกท่านของเผ่าเทียนเฝิน ทว่าพวกเจ้าทั้งหมดกลับอยู่ริม และหลบได้อย่างง่ายดาย" "กู้ชูหน่วน เจ้าหมายความเช่นไร หรือเจ้าสงสัยว่าเป็นแผนของข้ารึ" "ข้าไม่มีความกล้าที่จะพูดเช่นนั้นหรอก ชีวิตน้อยๆ ของข้ายังอยู่ในมือเจ้า" "เช่นนั้นหินก็ไม่ได้ร่วงใส่เจ้าไม่ใช่หรือ" "ข้าไม่โดนหินทับตาย เพราะข้าดวงแข็ง ใครจะรู้ว่าอีกเดี๋ยวทางที่เจ้าพาไป จะหลอกข้าไปตายหรือไม่" "หากวันนี้ข้าไม่ได้ฆ่าเจ้า ข้าจะไม่ใช่นายท่านหลันแห่งกองธงทั้งสิบสองของเผ่าหมออีก" นายท่านหลันเดือดดาล ไม่ลังเลที่จะลงมืออีกต่อไป ทุกกระบวนท่าล้วนแต่ต้องการจะสังหารกู้ชูหน่วนให้ถึงแก่ชีวิต ผู้อาวุโสเผ่าเทียนเฝินก็มีน้ำโหด้วยเช่นกัน บวกกับกู้ชูหน่วนคอยยุแยงทุกประโยค คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอจึงแตกหักกันโดยสิ้นเชิง หันมาฆ่าฟันกันเอง ผู้อาวุโสจวินพูดด้วยความฉุนเฉียว "พวกหัวขโมยอ
ไฟโทสะในใจของนายท่านหลันสุมเป็นกองใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พร้อมจะระเบิดได้ทุกเวลา เขาคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด “กู้ชูหน่วน เจ้าวกไปวนมา จะวนไปถึงไหนกัน” “พวกเจ้าให้ข้าพาพวกเจ้าไปสุดยอดเขาเพื่อตามหาแก้วมังกรไม่ใช่รึ ข้ากำลังหาทางอยู่นี่อย่างไร” นายท่านหลันโกรธจนอยากจะฟาดฝ่ามือใส่นางให้ตาย กู้ชูหน่วนพูดอย่างน้อยอกน้อยใจ “ที่แห่งนี้มีทางแยกมากมาย ข้าพยายามหาเส้นทางเต็มที่แล้ว อีกอย่างทุกเส้นทางที่ไป ล้วนแต่ผ่านความเห็นชอบของพวกเจ้าแล้ว นายท่านหลัน เจ้าจะใส่ร้ายว่าข้าจงใจพาพวกเจ้าวกไปวนมาได้อย่างไร” นายท่านหลันหงุดหงิด ทั้งๆ ที่กู้ชูหน่วนจงใจหลอกพวกเขา ทว่านางกลับเอาเหตุผลมาอ้างทุกประโยค แสร้งทำเป็นบริสุทธิ์ ทำให้เขาหาข้อกังขาไม่ได้ ทุกครั้งที่นางจะวนอยู่ที่ทางแยก นางถามพวกเขาก่อนแล้ว แต่นางแทบไม่ให้เวลาเขาดูแผนที่ก็มุ่งหน้าเดินต่อไปแล้ว ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเริ่มจะหมดความอดทน พวกเขาวนอยู่ในถ้ำมาครึ่งวันแล้ว ขืนวนต่อไป เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่น้อยนิดของพวกเขาก็จะถูกใช้จนหมด ต้องไปถึงยอดเขาให้ได้โดยเร็ว เขาเอ่ยเสียงขรึม พยายามข่มความเหลืออดไว้ในใจ “ยังต้องเดินอีกไกลเพียงใด” “เ
ครั้งนี้ เหล่าผู้อาวุโสของเผ่าเทียนเฝินเองก็ไม่ใจเย็นอีกต่อไปแล้ว อยากจะแทงกู้ชูหน่วนให้ตายเสียเดี๋ยวนั้น ทว่ากู้ชูหน่วนกลับชิงร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลออกมาเสียก่อน พลางสะอึกสะอื้น "เหล่าสหายทั้งหลาย เป็นข้าเองที่ทำร้ายพวกเจ้า หากรู้แต่แรกว่าที่นี่อันตรายถึงเพียงนี้ หากรู้แต่แรกว่าถ้าบุกเข้ามาจะทำให้พวกเจ้าตายอย่างทรมานที่นี่ ข้ายอมถูกพวกเจ้าตีตายไปเสีย แต่จะไม่ยอมยกกระดิ่งภินวิญญาณให้เด็ดขาด ข้าผิดต่อพวกเจ้า" "ข้าสมควรตาย ข้าทำผิดต่อพวกเจ้า พวกเจ้าฆ่าข้าเสียเถอะ ชีวิตคนมากมายเช่นนี้ คุณพระช่วย...ข้าควรชดใช้เช่นไร" นางร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหล ปวดใจเป็นที่สุด คนของเผ่าเทียนเฝินพลันใจอ่อนฮวบในทันที คนของเผ่าหมอก็คลายความโกรธลงไปไม่น้อย มีเพียงแค่นายท่านกองธงที่กัดฟันกรอด เส้นเลือดสีเขียวปูดจนจะระเบิดออกมา "ในเมื่อเจ้าอยากตายถึงเพียงนี้ เช่นนี้ข้าจะทำให้เจ้าสมหวัง" หัวหน้ากองธงพูดพลางฟาดฝ่ามือไปที่กะโหลกของนาง คนของเผ่าเทียนเฝินมองดูหน้าตาเฉย อยากเห็นว่ากู้ชูหน่วนคิดจะเล่นพิเรนทร์อะไร คิดไม่ถึงว่ากู้ชูหน่วนเพียงแค่ร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไม่ขยับเขยื้อน อีกทั้งยังไม่ตอบโต้ ท่าทางรอคว
เหล่าผู้อาวุโสระดับสูงเป็นกังวล ยามนี้พวกเขาต่างก็เจ็บหนัก หากฝืนตามไป ใช่ว่าจะเป็นประโยชน์ เพราะถึงอย่างไรอาการของแต่ละคนก็สาหัสปางตายกันทั้งสิ้น แต่หากไม่ไปแล้วแก้วมังกรถูกชิงไป คิดจะแย่งกลับมา เช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แล้ว พวกเขาออกตามหามาหลายปี ใช้คนไปตั้งมากมาย จนมาพบที่ตั้งของแก้วมังกรในที่สุด ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรยอมแพ้ กู้ชูหน่วนพิงอยู่ข้างโขดหิน มองดูท่าทีลังเลของพวกเขาอยู่เงียบๆ มุมปากยกยิ้มที่ยากจะสังเกตเห็น แก้วมังกรล่อตาล่อใจเสียขนาดนั้น มีหรือที่พวกเขาจะไม่ติดกับ เป็นอย่างที่นางคิดเอาไว้ คนเหล่านี้กัดฟันเค้นออกมาหนึ่งประโยค "ไป ขึ้นเขาไปดูเสียหน่อย เจ้าก็ไปกับพวกข้าด้วย" กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นตกใจ "เมื่อครู่พวกท่านเพิ่งรับปากว่าจะให้ข้าออกไปอย่างปลอดภัยไม่ใช่หรือ หรือท่านจะกลับคำพูด" "แผนที่ที่เจ้าให้มามีเพียงครึ่งเดียว นอกเสียจากเจ้าช่วยพวกข้าตามหาอีกครึ่งหรือหาแก้วมังกรพบ ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าจะได้ไปไหน" "ท่านไม่รักษาคำพูดนี่" "เช่นนั้นเจ้าอยากถูกฝังอยู่ที่นี่หรือไม่" คนของเผ่าเทียนเฝินผลักนางไปด้านหน้า กู้ชูหน่วนทำได้เพียงแค่มุ่งหน้า
ทุกคนต่างก็จ้องไปที่กู้ชูหน่วนด้วยความโกรธ กู้ชูหน่วนผงะถอยหลังไปหลายก้าว พูดด้วยความระวัง "อีกครึ่งถูกชาวเขาตานหุยชิงไป พวกเจ้าจ้องข้าก็ไม่มีประโยชน์ หากข้ามีแผนที่อีกครึ่ง อย่างไรก็ต้องส่งให้พวกเจ้าอยู่ดี" "ชาวเขาตานหุย ?" นายท่านหลันเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง "ใช่แล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าคิดว่า เหตุใดชาวเขาตานหุยถึงใจเย็นได้ขนาดนั้น รอพวกเจ้าต่อสู้อยู่ด้านนอกตั้งนาน เว้นเสียแต่นอกจากทางลงเขาเส้นนี้ บริเวณปากเขาน้ำเต้ายังมีทางอีกเส้นที่สามารถออกไปจากเขาน้ำเต้าแห่งนี้ได้ หากพวกเขาได้แก้วมังกรแล้ว ก็น่าจะลงเขาไปทางนั้นเลย" นายท่านหลันสงสัยเคลือบแคลงในคำพูดของนางเป็นอย่างยิ่ง"ทุกท่าน สตรีนางนี้ไม่เคยมีความจริงออกจากปากนาง พวกเจ้าอย่าไปเชื่อนางเด็ดขาด" ผู้อาวุโสอวิ๋นสองจิตสองใจ "คนของพวกเราเข้ามาในเขาน้ำเต้า บาดเจ็บเสียหายอย่างหนัก แต่ชาวเขาตานหุยดูเหมือนจะราบรื่นตลอดทาง อีกทั้งยังไม่พบเจออุปสรรคใดๆ เลย" เมื่อผู้อาวุโสอวิ๋นกล่าวเช่นนี้ ผู้อาวุโสจวินก็คิดขึ้นมาได้ "เป็นจริงอย่างที่พูด ตอนนั้นข้ายังสงสัยว่าเหตุใดชาวเขาตานหุยถึงได้โชคดีเพียงนี้ ไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย ยามนี้มาคิด
"เยี่ยเฟิงออกไปจากเขาน้ำเต้าแล้ว" "เจ้าซ่อนสิ่งใดเอาไว้" สีหน้าของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะกลับมานิ่งสงบอย่างรวดเร็ว นางวางมือทั้งสองข้างลง แสร้งทำเป็นพูดด้วยท่าทางสบายๆ ไม่ใส่ใจ "ข้าสตรีอ่อนแอตัวคนเดียว จะมีสิ่งใดในครอบครองได้ ก็แค่กลัวว่าชายฉกรรจ์อย่างพวกเจ้าจะเสียมารยาทกับข้าก็เท่านั้น" คำพูดนี้ของนี้ ไม่มีผู้ใดเชื่อ เพราะสีหน้าที่แสดงออกมาเล็กๆ น้อยๆ ของนางได้หักหลังนางหมดแล้ว ต่อให้นางจะนิ่งเพียงใด ทุกคนก็จับได้อยู่ดี คนของเผ่าหมอพากันเข้ามาล้อมนางเอาไว้ คนของเผ่าเทียนเฝินแม้จะนิ่งดูดาย แต่ก็ไม่ได้คิดจะปล่อยกู้ชูหน่วนไป "นังหนู ข้าขอเตือนเจ้าให้ส่งของมาดีๆ ไม่เช่นนั้น...เหอะ..." คำพูดของนายท่านหลันเต็มไปด้วยความตักเตือน นายท่านหมู่ตานกลับพูดจีบปากจีบคอ "นังเด็กคนนี้แม้จะสกปรกมอมแมมไปบ้าง แต่รูปร่างดีใช้ได้ เอามาใช้อุ่นเตียงแก้ขัดก็น่าจะไม่เลว" "เจ้า...พวกเจ้าคิดจะทำอะไร..." "ข้าบอกพวกเจ้าไว้ก่อน ข้าเป็นถึงหานอ๋องเฟย ขืนพวกเจ้ากล้าทำอะไรข้า หานอ๋องไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่" "ว่าอย่างไรนะ...เจ้าคือภรรยาของเย่จิ่งหาน เช่นนั้นพวกเราเผ่าเทียนเฝินยิ่
ด้านล่างตีนเขาของเขาน้ำเต้า คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอลงจากเขาด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส และกองทัพที่แพ้จนหมดสภาพ สีหน้าของพวกเขาต่างก็ไม่สู้ดีนัก ข่มความฉุนเฉียวเอาไว้ เลือดสีแดงสดไหลคดเคี้ยวลงมาจากร่างของพวกเขา ผู้อาวุโสจวินแห่งเผ่าเทียนเฝินเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ "หากคนเผ่าหมอของพวกเจ้าลงมือตั้งแต่แรก พวกเราก็คงไม่ต้องพ่ายแพ้จนมีสภาพเช่นนี้ แล้วปล่อยให้พวกชาวเขาตานหุยได้ประโยชน์ไป" นายท่านหลันยิ้มเยาะ "พวกเจ้าเผ่าเทียนเฝินยังเหลือยอดฝีมือจำนวนไม่น้อยไว้ระวังพวกข้า หากร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวกัน ร่วมต่อสู้ด้วยกัน มังกรอสูรขั้นเจ็ดก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกข้าลงมือ พวกเจ้าจัดการเองก็ได้แล้ว สุดท้ายแล้ว พวกเจ้าก็ไม่ไว้ใจพวกข้า" ผู้อาวุโสอวิ๋นเฟยเย่มีนิสัยใจร้อนมาแต่ไหนแต่ไร เขาเดือดดาลขึ้นมาทันที "หากพวกข้าเข้าไปพร้อมกัน ทุกคนต่างก็เจ็บหนักกันหมด หลังจากนั้นพวกเจ้าจะได้ถือโอกาสฉกฉวยผลประโยชน์ไปได้ง่ายๆ น่ะสิ" ผู้อาวุโสหวงหนึ่งในผู้อาวุโสระดับสูงติเตียน "พอได้แล้ว แทนที่จะมัวมาพูดมากอยู่ตรงนี้ ไม่สู้คิดหาหนทางว่าจะชิงแก้วมังกรมาจากชาวเขาตานหุยอย่างไรจะดีกว่า" ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเอ่ย ก
"โฮ่ว..." "โฮก..." "เฮือก..." นายท่านกองธงเผ่าหมอและมังกรอสูรต่างก็เจ็บหนัก ครั้งนี้ล้วนแต่บาดเจ็บเสียหายกันทั้งคู่ "นายหญิง นายท่านสองคนนั้นเป็นนายท่านจากอีกสองกองธง หนึ่งในนั้นนายท่านเถาฮวาถูกมังกรอสูรโจมตีบาดเจ็บสาหัส อาการปางตาย เกรงว่าคงไม่อาจรอดไปได้แล้ว มังกรอสูรก็เจ็บไม่เบาเช่นกัน กรงเล็บหักไปเล็บหนึ่งแล้ว นายหญิง พวกเราเข้าไปตอนนี้เลยดีหรือไม่" "เจ้าจะรีบไปเกิดใหม่หรืออย่างไร จะร้อนรนกระวนกระวายไปไหน" "แต่ขืนพวกเรายังไม่ไป แล้วแก้วมังกร..." "หากแก้วมังกรชิงไปได้ง่ายเพียงนั้น พวกเจ้าคงได้ไปนานแล้ว ต้องรอถึงตอนนี้อีกรึ เสี่ยวฝูกวง ข้าเห็นปกติเจ้าก็ฉลาดดีอยู่หรอก เหตุใดพอเกี่ยวกับแก้วมังกร เจ้าถึงได้กลายเป็นคนโง่แบบนี้ไปได้" แน่นอนว่าต้องโง่อยู่แล้ว เขาจะไม่กระวนกระวายได้อย่างไร คนทั้งเผ่าต่างก็ตั้งตารอแก้วมังกรเพื่อจะได้ถอนคำสาปเลือด นั่นคือชีวิตนับพันนับหมื่นชีวิต "เจ้ารอดูเถอะ เดี๋ยวพวกเขาก็จะเริ่มการโจมตีครั้งต่อไปแล้ว" ไม่ผิดไปจากที่กู้ชูหน่วนคาดการณ์ไว้ คนของเผ่าหมอและเผ่าเทียนเฝินลงมือโจมตีอีกครั้ง สู้กันสนั่นหวั่นไหว มืดฟ้ามัวดิน
ฮองเฮาฉู่และเยี่ยเฟิงไม่ยอมแยกจากัน กู้ชูหน่วนเปลืองแรงไปมากมายกว่าจะส่งพวกเขาสองคนกลับไปได้ บนฟ้ามีเสียงดังอึกทึกครึกโครมดังไม่หยุด ลมฝนโหมกระหน่ำอย่างต่อเนื่องราวกับพายุรุนแรง ยอดเขาโลหิตน้ำเต้าสั่นสะเทือนเลือนลั่น เพราะความสั่นไหวอย่างแรงของยอดเขาทำให้ลาวาประทุขึ้นมา ซัดกระเซ็นไปบนโขดหิน ดอกไม้ใบหญ้าบนโขดหินที่แสนน่าสงสารจมอยู่ใต้ลาวา นี่คือศึกใหญ่ที่มีเพียงแค่ยอดฝีมืออันดับต้นๆ เท่านั้นที่จะก่อได้ กู้ชูหน่วนเงยหน้าไปมอง กลับพบว่ากลางอากาศมีมังกรไฟตัวสีทองที่ทั้งตัวโชกไปด้วยเลือดกำลังทะยานโลดแล่นพลางกรีดร้องไม่หยุด มังกรตัวใหญ่ยักษ์เพียงแค่สะบัดปลายหาง ยอดเขาลูกเล็กๆ บริเวณใกล้เคียงก็ราบเป็นหน้ากอง ที่น่าตกตะลึงไปกว่านั้นคือ ลูกไฟที่มันพ่นออกมา มีพื้นที่แผ่ขยายไปถึงครึ่งหนึ่งของเขาโลหิตน้ำเต้า คล้ายจะแผดเผาทำลายเขาโลหิตน้ำเต้าทั้งหมดให้สิ้นซาก นอกจากมังกรไฟ ยังมีผู้อาวุโสผมขาวอีกสี่คน ฝูกวงเอ่ย "นายหญิง สี่สุดยอดผู้อาวุโสระดับสูงแห่งเผาเทียนเฝินวิทยายุทธแก่กล้านัก พวกเขาปลีกวิเวกมานานหลายปี น้อยครั้งที่จะเข้ามาข้องเกี่ยวทางโลก คิดไม่ถึงว่าคราวนี้เผ่าเทียนเฝิน