องค์หญิงตังตังราวกับถูกสาดด้วยน้ำเย็นยะเยือกทั้งอ่าง หนาววูบวาบตั้งแต่หัวจรดเท้าคำพูดนี้บ้าดีเดือดยิ่งนัก หากเป็นคนอื่นพูด คงต้องถูกประหารเก้าชั่วโคตรไปนานแล้ว แต่เป็นลานประมูลเฟิงเซียง ความหมายจึงแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง"พาตัวไป""ปล่อยข้า ข้าคือองค์หญิง พวกเจ้ากล้าทำเช่นนี้กับข้า ข้าจะให้เสด็จพี่ประหารพวกเจ้าเก้าชั่วโคตร ปล่อยข้า..."องค์หญิงแห่งรัชสมัยถูกจับไปจองจำต่อหน้าฝูงชนเพราะติดหนี้ เป็นเรื่องที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นในลานประมูลเฟิงเซียงผู้คนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวลานประมูลเฟิงเซียงมากขึ้นกว่าเดิมสีหน้าของเสี่ยวลู่พลิกเปลี่ยนเร็วเสียยิ่งกว่าพลิกหน้าหนังสือ ท่าทางจองหองเย็นชาเมื่อครู่นี้ พลันเปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้มกว้างในชั่วพริบตา รอยยิ้มนี้หวานจนแทบจะสังหารคนได้"ตอนนี้พวกเราจะเริ่มประมูลของชิ้นถัดไปกันต่อ ของประมูลชิ้นต่อไปคือยาอายุวัฒนะซึ่งเป็นยาเม็ดขั้นสาม ทุกคนต่างก็รู้กันดี ไม่ว่าจะชายหญิงผู้เฒ่าหรือเด็ก ขอเพียงแค่กินยาอายุวัฒนะเข้าไป ไม่เพียงแต่ทำให้เยาว์วัยลงไปมากกว่าสิบห้าปี ทั้งยังเพิ่มความยืนยาวให้อายุได้มากกว่าสิบปี ยาอายุวัฒนะขั้นสาม อย่าว่าแต่แคว้นเย่ ต่อให้
กู้ชูอวิ๋นเอ่ย "สามสิบล้านตำลึง""สามสิบสามล้านตำลึง""สามสิบสี่ล้านตำลึง""สามสิบแปดล้านตำลึง""สี่สิบล้านตำลึง"ในงาน หลายคนเสนอราคาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าใครจะเสนอราคาเท่าไหร่ กู้ชูอวิ๋นก็จะเสนอราคาสูงสุดต่อไปเสมอกู้ชูหน่วนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกู้ชูอวิ๋นเอาเงินจำนวนมากมาจากไหน?แม้ว่าองค์หญิงตังตังจะโง่ แต่นางไม่ได้โง่ขนาดนั้น หากไม่มีเงิน นางคงไม่กล้าที่จะเสนอราคาแบบนี้แน่ๆดูเหมือนเมื่อครู่นางแค่แกล้งทำเป็นไม่มีเงิน ไม่ได้ไม่มีจริงๆในขณะที่กู้ชูหน่วนกำลังคิดว่าจะหลอกเอาเงินทั้งหมดของนางมาดีหรือไม่ เย่จิ่งหานที่นั่งอยู่ข้างกายนางก็ยกป้ายขึ้นมาอย่างกะทันหัน "แปดสิบล้านตำลึง""เฮือก......"ทั้งงานมีแต่เสียงสูดหายใจเข้าด้วยความตะลึงแปดสิบล้านตำลึง......ราคานี้สูงเกินไปจริงๆกู้ชูอวิ๋นชะงักไป นางนึกไม่ถึงเลยว่าเย่จิ่งหานที่เงียบมาตลอดทั้งคืนจะเสนอราคาสูงลิ่วเช่นนี้แปดสิบล้านตำลึง......นางจะสู้ได้อย่างไร?กู้ชูหน่วนกระซิบว่า "แปดสิบล้านตำลึงเลยนะ ท่านบ้าไปแล้วหรือ? ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายาอายุวัฒนะนี้จะได้ผลจริงหรือไม่ ต่อให้ได้ผลจริง ก็คงแค่ทำให้หน้าตาเปล่งปลั่ง ผิวพ
กู้ชูหน่วนตกตะลึงให้ยาอายุวัฒนะนางทำไม?นางมิได้อยากได้ยาอายุวัฒนะซักหน่อยเมื่อหันมองเย่จิ่งหานอีกครั้ง ในดวงตาที่เย็นชาดั่งน้ำแข็งนั้น ดูเหมือนจะมีรอยยิ้มแฝงอยู่กู้ชูหน่วนแทบคิดว่านางตาฝาดไป"ให้ข้า?" นางเอ่ยด้วยความตกตะลึง"อืม ให้เจ้า หากเจ้าไม่ชอบก็ทิ้งไปได้เลย"คนในงานประมูลต่างพากันตกตะลึงทิ้งรึ?นั่นมันเงินตั้งหนึ่งร้อยล้านตำลึงเลยนะในใจของสองสามีภรรยาคู่นี้ เงินหนึ่งร้อยล้านตำลึงมีค่าแค่ตำลึงเดียวหรืออย่างไร?เหล่าบรรดาสตรีในงานประมูลต่างพากันเอามือปิดปาก มองพวกเขาด้วยความอิจฉา"ดูสิ คู่สามีภรรยาคู่นั้นรักกันมากขนาดไหน หนุ่มน้อยคนนั้นยอมทุ่มเงินตั้งหนึ่งร้อยล้านตำลึงเพื่อให้ภรรยายิ้มได้ ข้าอิจฉาพวกเขาแทบแย่""ใช่เลย ของข้าน่ะขี้เหนียวมาก อย่าว่าแต่หนึ่งร้อยล้านตำลึงเลย แค่สิบตำลึงเขาก็ยังต้องมานั่งคิดบัญชีกับข้า แต่งงานกันมาตั้งหลายปีแล้ว เขายังไม่เคยให้อะไรข้าเลยสักอย่าง""ไม่เปรียบเทียบก็ไม่เจ็บปวดจริงๆ""โอ้สวรรค์ หากข้าเป็นผู้หญิงคนนั้น ข้าคงซึ้งจนน้ำตาไหลแน่ๆ""แต่ดูเหมือนว่าบนใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นจะไม่มีร่องรอยของความสุขเลยสักนิด หรือว่านางจะตื่นเต้น
เสี่ยวลู่โบกมือ และทันใดนั้นก็มีคนเก็บแผนที่ม้วนหนังแกะโบราณนางยิ้มเอ่ยว่า "ในแผนที่นี้มีสัญลักษณ์บางอย่างที่เราไม่เข้าใจ บางทีเราอาจจะพบสถานที่ที่แผนที่ระบุไว้ผ่านสัญลักษณ์เหล่านี้ ยามนี้ราคาเริ่มต้นคือห้าแสนตำลึง"ทั้งงานเงียบสงัดไม่มีใครเสนอราคาเพิ่มแผนที่ที่ดูไม่ออก กลับมีราคาถึงห้าแสนตำลึงเงิน มากเกินไปจริงๆคงมีแต่คนโง่ถึงยอมเสียเงินซื้อเศษกระดาษ"ไม่มีใครเสนอราคาเพิ่มเลยหรือ? แม้ว่าแผนที่จะอ่านไม่ออก แต่แค่พูดถึงม้วนหนังแกะโบราณแล้ว คุณค่าก็ประเมินค่าไม่ได้แล้ว ทุกคนสามารถพิจารณาเป็นของสะสมได้""ถึงจะเป็นของสะสม ก็แพงไปอยู่ดี""ใช่แล้ว สมัยนี้เงินทองหายากมาก ข้าว่าข้ามการประมูลชิ้นนี้ไปเลยดีกว่า แล้วไปต่อรายการต่อไป จะได้ไม่เสียเวลา""ชิ้นต่อไป ชิ้นต่อไป......"เสี่ยวลู่ไม่สนใจเสียงเรียกร้องของฝูงชน แต่หันไปมองทิศทางของกู้ชูหน่วน "แขกผู้มีเกียรติหมายเลขยี่สิบแปด ไม่ทราบว่าพวกท่านจะประมูลแผนที่นี้หรือไม่"กู้ชูหน่วนกำลังจะเสนอราคา แต่ก็เหลือบไปเห็นกู้ชูอวิ๋นมองนางด้วยสายตาประหลาดแม้แต่เจ๋ออ๋องบนชั้นสองก็มองนางด้วยสายตาแปลกๆนางเกรงว่าคนทั้งสองจะจงใจประมูลราคาแข่ง
"สิบเอ็ดล้านตำลึง" กู้ชูอวิ๋นเอ่ยกู้ชูหน่วนยกเปลือกตาขึ้นอย่างเกียจคร้าน พึมพำกับตัวเองว่า "ม้วนหนังแกะโบราณที่อ่านอะไรไม่ออกสักอย่าง ยังมีคนกล้าให้ราคาสูงถึงสิบเอ็ดล้านตำลึง จุๆ ๆ ในเมื่อเจ้าชอบมากขนาดนี้ ข้ายกให้เจ้าก็แล้วกัน""……"กู้ชูอวิ๋นขมวดคิ้วแม้ว่ากู้ชูหน่วนจะดูสงบนิ่ง ไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา แต่นางก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า กู้ชูหน่วนต้องการแผนที่นี้มาก หรือว่านางจะคาดเดาผิดไป?หลังจากที่ราคาถูกเสนอขึ้นไปถึงสิบเอ็ดล้านตำลึง ทั้งงานก็เงียบสนิท ไม่มีใครเสนอราคาเพิ่มอีกแม้แต่ซ่างกวานฉู่ก็ไม่ได้เสนอราคาเพิ่มเสี่ยวลู่ยิ้มเอ่ยว่า "แขกผู้มีเกียรติหมายเลขสิบหกช่างใจใหญ่จริงๆ เสนอราคาสูงถึงสิบเอ็ดล้านตำลึง แผนที่หนังแกะโบราณนี้ถือว่าได้พบกับเจ้าของที่คู่ควรแล้ว"อัครเสนาบดีกู้แทบจะเป็นลมเขายกมือขึ้นตบหน้ากู้ชูอวิ๋นอย่างแรง"นังอกตัญญู เงินสิบเอ็ดล้านตำลึงนี้ เจ้าต้องหาทางจ่ายเอง ข้าจะไม่ให้เงินเจ้าแม้แต่ตำลึงเดียว"เสียงของอัครเสนาบดีกู้ดังมากผู้คนในการประมูลถูกดึงดูด บางคนที่มีสายตาแหลมคมก็ร้องออกมาทันที"เอ๊ะ นี่ไม่ใช่ท่านอัครเสนาบดีกู้แห่งแคว้นเย่ของเราหรอกหรือ? ผ
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะกู้ชูหน่วนอัครเสนาบดีกู้โกรธจนสะบัดแขนเสื้อจากไปกู้ชูอวิ๋นลูกสาวคนที่สองที่เคยคิดว่าเป็นความภาคภูมิใจของเขา บัดนี้กลับกลายเป็นความอัปยศอดสู ทำให้เขาไม่อาจยอมรับได้"สิบเอ็ดล้านตำลึงครั้งที่หนึ่ง สิบเอ็ดล้านตำลึงครั้งที่สอง สิบเอ็ดล้านตำลึง......"กู้ชูหน่วนขยิบตาแวววาวให้กับห้องหมายเลขเจ็ดบนชั้นสองอี้เฉินเฟยในห้องหมายเลขเจ็ดบนชั้นสองเข้าใจทันที จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "สิบสองล้านตำลึง"กู้ชูอวิ๋นถอนหายใจด้วยความโล่งอกเล็กน้อยแต่ในไม่ช้า หัวใจของนางก็เต้นแรงขึ้นอีกครั้ง นางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติฝีเท้าที่กำลังจะจากไปของอัครเสนาบดีกู้หยุดชะงัก แล้วหันหลังกลับมาคว้าป้ายประมูลจากมือนาง พร้อมกับตะโกนเสียงต่ำ "คนไร้ประโยชน์ ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ ข้าไม่น่ามีลูกสาวอย่างเจ้าเลย""ท่านพ่อ แขกในห้องหมายเลขเจ็ดน่าจะเป็นคนที่เพิ่งช่วยน้องสามจ่ายเงิน หากเรายังคงเพิ่มราคา พวกเขาก็จะเพิ่มตาม""ยังไม่ต้องว่าแขกในห้องหมายเลขเจ็ดจะเป็นคนที่ช่วยกู้ชูหน่วนจ่ายเงินหรือไม่ ต่อให้ใช่ แล้วเกี่ยวอะไรกับเรา? แค่ภาพวาดเก่าๆ ทำไมเราต้องประมูลในราคาสูงขนาดนั้นด้วย?""น้องสามทำให
มือที่ข้อกระดูกชัดเจนของอี้เฉินเฟยเคาะลงบนโต๊ะ มุมปากของเขายกยิ้ม พร้อมเอ่ยอย่างสุภาพว่า "หนึ่งร้อยล้านตำลึง""หนึ่งร้อยห้าสิบล้านตำลึง""หนึ่งร้อยห้าสิบล้านตำลึง""สองร้อยล้านตำลึง"กู้ชูหน่วนยกมือลูบหน้าผากด้วยความเจ็บปวดแผนที่นี้ นางไม่อยากได้แล้ว ใครอยากได้ก็เอาไปเถิดสองร้อยล้านตำลึง......พวกเขาสองคนประมูลกันไปได้อย่างไร?กู้ชูหน่วนมองแผนที่ รู้สึกเจ็บปวดในใจนางอยากได้ แต่ก็ไม่อยากจ่ายถึงสองร้อยล้านตำลึงเย่จิ่งหานยิ้มเยาะ จะแข่งกันเรื่องเงินใช่หรือไม่?"สองร้อยห้าสิบล้านตำลึง"ตู้ม......ในงานประมูล หลายคนตกใจจนเป็นลมสองร้อยห้าสิบล้านตำลึง......พวกเขาหูฝาดไปหรือไม่?นี่แผนที่อะไรกัน ถึงได้มีราคาสูงขนาดนี้กู้ชูหน่วนพยายามพยักหน้าไปที่ห้องหมายเลขเจ็ดบนชั้นสอง บอกให้อี้เฉินเฟยหยุดประมูลได้แล้วเด็กรับใช้ของอี้เฉินเฟยกุมถ้วยน้ำชาและมือสั่นระริก"อาจารย์อี้ แม่นางกู้บอกให้เราหยุดการประมูล หรือว่าเราทำตามที่แม่นางกู้บอกดีหรือไม่""สามร้อยล้านตำลึง" อี้เฉินเฟยเอ่ยกู้ชูหน่วนอยากจะตายเสียให้ได้สามร้อยล้านตำลึง ให้เงินนางดีกว่าเสี่ยวลู่เอ่ยอย่างตื่นเต้น "แผน
เสียงของพิธีกรเสี่ยวลู่ดังขึ้นอีกครั้ง"สินค้าชิ้นต่อไปที่จะประมูลคือของปิดการประมูลของเราในครั้งนี้ ยังคงเป็นแผนที่ แผนที่สมบูรณ์ ชื่อว่าแผนที่มังกรเขียว"ตู้ม......การประมูลก็ระเบิดขึ้นทันที"เจ้าพูดอะไรนะ แผนที่มังกรเขียว? เป็นแผนที่พบลูกแก้วมังกรสีเขียวใช่หรือไม่?""ใช่ ทุกคนคงรู้ดีว่าลูกแก้วมังกรหมายถึงอะไร มีลูกแก้วมังกรทั้งหมดเจ็ดลูกในโลก ได้แก่ แดง ส้ม เหลือง เขียว ฟ้า น้ำเงิน และม่วง หากต้องการค้นหาลูกแก้วมังกร ก็ต้องมีแผนที่""โอ้สวรรค์ ลูกแก้วมังกรในตำนาน รีบกลับไปรวบรวมเงิน แม้ว่าเจ้าจะขายทรัพย์สินทั้งหมดของเจ้า เจ้าก็ต้องรวบรวมเงินทั้งหมด""ท่านพ่อ การขายบ้านทันทีทำได้ยากมาก""เช่นนั้นก็เอาบ้านไปจำนองก่อน แล้วเอาเงินมา""อาฝู รีบกลับไปหาฮูหยินเร็ว และให้ฮูหยินรวบรวมเงินทั้งหมดในบ้านและให้ลูกชายข้าไปยืมเงินทุกที่ที่ทำได้ ยืมให้ได้มากที่สุด คราวนี้เราจะเสี่ยงชีวิตเพื่อประมูลแผนที่ไข่มุกสีเขียว""……"แขกทุกคนในงานประมูลแทบจะให้คนรับใช้กลับไปรวบรวมเงินแม้แต่อัครเสนาบดีกู้ที่ไม่อยากเข้าร่วมการประมูลต่อแล้ว ก็ยังหวั่นไหวอีกครั้งและให้กู้ชูอวิ๋นรีบกลับไป แม้ว่าจะต้อ
บนเวทีแสดงวิทยายุทธสำนักบัณฑิตหลวง เหล่าบัณฑิตที่มาเข้าร่วมงานประชุมสวินหลงยืนเรียงกันเป็นห้าแถว อาจารย์บุ๋นบู๊สิบกว่าคนยืนอยู่บนเวที ปากอ้าๆ หุบๆ แนะนำกฎของงานประชุมสวินหลง"บัณฑิตที่มายืนอยู่ ณ ที่นี้ได้ ล้วนแต่เป็นผู้ที่สำนักบัณฑิตหลวงคัดสรรมาอย่างดี ปีที่ผ่านมามีเพียงบัณฑิตปีนั้นๆ เท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมงานประชุมสวินหลงได้ แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ เพื่อที่จะเฟ้นหาผู้มีความสามารถ จึงได้อนุญาตให้บัณฑิตยอดเยี่ยมของปีก่อนๆ ก็สามารถเข้าร่วมได้เช่นกัน""เขาสวินหลงเป็นหุบเขาแห่งมหาสมบัติของแคว้นเย่ ทุกคนต่างรู้ดี ในอดีตโบราณกาล ที่นั่นเคยเกิดสงครามใหญ่หลายครั้ง ถือเป็นร่องรอยของสนามรบที่หลงเหลือจากโบราณมา ข้างในไม่ได้มีเพียงแค่สัตว์ป่าดุร้าย ดอกไม้ประหลาดหรือหญ้าพิษ ยังมีสมบัติต่างๆ ที่หลงเหลืออยู่ ในนั้นเต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่าขั้นสองขึ้นไป หากโชคดี อาจหาสมบัติล้ำค่าขั้นสี่เจอก็เป็นได้""ไม่ว่าพวกเจ้าจะพบสมบัติล้ำค่าใดในเขาสวินหลง ล้วนแต่จะกลายเป็นของพวกเจ้าเอง หากพวกเจ้าโชคไม่ดี ไม่พบสิ่งใดเลย เช่นนั้นก็จะไม่ได้อะไรเลย พวกเจ้ามีเวลาในเขาสวินหลงสามวัน หลังจากสามวัน งานประชุมสวินหลงครั้
กู้ชูอวิ๋นเยื้องย่างอ่อนโยน โน้มตัวเล็กน้อย ก่อนจะแสดงความเคารพด้วยท่าที่ตรงตามมาตรฐานหนึ่งที น้ำเสียงไพเราะกังวาน "ชูอวิ๋นคาราวะหานอ๋องเฟย และคุณชายเซียว"เซียวอวี่เชียนหันหน้าไปทางอื่น ส่งเสียงค่อนแคะในลำคอ ขี้เกียจแม้แต่จะชายตามองกู้ชูอวิ๋นสักครั้งท่าทางทั้งหมดนี้ของเซียวอวี่เชียนแสดงให้เห็นว่าเซียวอวี่เชียนรังเกียจกู้ชูอวิ๋น ไม่อยากจะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ใดๆ ทั้งสิ้นตงฟางเจ๋อที่มีนิสัยค่อนข้างใจร้อน พลันเดือดดาลทันที "คุณหนูรองกู้ใจกว้างโอบอ้อม ทำความเคารพพวกเจ้าด้วยความสุภาพ ทว่าพวกเจ้ากลับจองหอง จงใจทำตัวอยู่เหนือกว่า พวกเจ้าคิดว่าฐานะของตนสูงส่งถึงได้ดูถูกทุกคนเช่นนั้นหรือ"ตงฟางเจ๋อไม่ได้พูดว่าเจ้า แต่เป็นพวกเจ้า เหมารวมกู้ชูหน่วนเข้ามาด้วยเซียวอวี่เชียนกำลังจะระเบิดอารมณ์ ทว่ากู้ชูหน่วนขวางเขาไว้ นางก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว สองมือกอดอก ในปากคาบดอกหญ้าหนึ่งต้น ท่าทางอวดเบ่งและบ้าบิ่น“สหาย หากเจ้ามีฐานะเช่นพวกข้า เจ้าก็ทำตัวสูงส่ง ดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นได้เหมือนกัน”ซี้ดดด...ทุกคนต่างก็สูดหายใจเข้าลึกด้วยความตะลึงตงฟางเจ๋อเป็นถึงยอดฝีมือขั้นหนึ่ง แม้ชาติตระกูลจะสู้
"เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า"เซียวอวี่เชียนถอนหายใจยาวเหยียดตอนนั้นเทพสงครามฉุนเฉียวเช่นนั้น เขาคิดว่ายัยขี้เหร่จะต้องไม่ได้มีจุดจบที่ดีแน่หลายวันที่ผ่านมานี้ เขาพยามคิดหาหนทางหนีออกไปจากจวนแม่ทัพเพื่อไปเยี่ยมยัยขี้เหร่ที่จวนหานอ๋อง แต่ช่วยไม่ได้ที่ถูกปิดตายอยู่ในห้อง ไม่ว่าเขาจะคิดหาทนทางเพียงไรก็หนีออกไปไม่ได้"ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว"เขาพูดพลางเหลือบไปมองหน้าท้องของนางปราดหนึ่งนี่ก็ผ่านไปหลายวันแล้ว เหตุใดท้องของนางยังแบนราบเช่นนี้ หรือสารอาหารจะไม่เพียงพอแต่สีหน้าของนางดูเหมือนจะดีกว่าแต่ก่อนเยอะ แม้แต่ราศีที่เปล่งออกมาก็เปลี่ยนไป ไม่เหมือนคนที่ใช้ชีวิตอย่างตรอมตรมเลยสักนิด"เหลือเวลาอีกเท่าไหร่กว่าจะถึงพิธีแต่งงานของเจ้า""งานประชุมสวินหลงเสร็จสิ้นก็ต้องจัดแล้ว แต่เจ้าวางใจ ข้าไม่มีทางแต่งกับนางเด็ดขาด"กู้ชูหน่วนแค่นหัวเราะ "แน่นอนว่าแต่งกับนางไม่ได้"ผู้ที่มารยาร้อยเล่มเกวียน ประพฤติไม่ชอบอย่างกู้ชูอวิ๋น จะแต่งมาทำอะไร"ยัยขี้เหร่ เจ้าไม่อยากให้ข้าแต่งกับนางจริงๆ ใช่หรือไม่"เอิ่ม......เซียวอวี่เชียนจะตื่นเต้นขนาดนี้ไปทำไมในฐานะเพื่อน นางย่อมไม่อยากให้เซียวอวี่เชียนแต
"ทูลพระชายา นายท่านไปพำนักที่เรือนชิวเฟิงชั่วคราว อีกสองสามวันก็จะกลับมาแล้ว"เรือนชิวเฟิง ?ไปที่นั่นทำไม"เขาได้รับบาดเจ็บหรือ" กู้ชูหน่วนถามอย่างระแวดระวัง"หามิได้ นายท่านไม่ได้ไปที่เรือนชิวเฟิงมาระยะหนึ่งแล้ว จึงอาจอยากอยู่ที่นั่นสักสองสามวัน ข้าน้อยก็ไม่ทราบแน่ชัด หน้าที่ของข้าน้อยคือปกป้องคุ้มครองพระชายา"กู้ชูหน่วนกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย รู้สึกอยู่ตลอดว่าความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นงานประชุมสวินหลงที่สำนักบัณฑิตหลวงจะจัดผลัดออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งผลัดมาจนถึงวันนี้นางเงยหน้าขึ้นไปมองฟ้าเจ็ดวันก่อน นางรับปากเสี่ยวลู่ ลานประมูลเฟิงเซียงไว้แล้วว่าวันนี้จะไปตามเวลาที่นัด แต่หากไปลานประมูลเฟิงเซียง เช่นนั้นก็ไปร่วมงานประชุมสวินหลงไม่ได้ระหว่างที่นางกำลังลังเลว่าจะไปร่วมงานประมูลเฟิงเซียงหรืองานประชุมสวินหลงดี บ่าวรับใช้ก็เข้ามารายงานกะทันหัน"พระชายา ลานประมูลเฟิงเซียงส่งข่าวมาว่า ยกเลิกงานประมูลวันนี้ เลื่อนไปจัดในอีกสิบวันให้หลัง ลานประมูลขอเชิญท่านไปเข้าร่วมในอีกสิบวันข้างหน้า"บังเอิญเพียงนี้เลยรึหรือลานประมูลเฟิงเซียงจะรู้ว่าวันนี้นางอยากไปร่วมงานประชุมสวินหลง
ครั้งนี้ นางใช้โชคเข้าปะทะชีพจรยุทธ ทุกครั้งที่ใกล้จะทะลวงชีพจรยุทธได้สำเร็จ นางจะคว้ายาชำระไขกระดูกจำนวนมากมากินเพื่อเพิ่มพลังงานเช่นเดียวกับครั้งก่อนๆ ทุกครั้งที่นางเพิ่งจะเปิดรอยแยกได้ ก็จะปิดลงทันที กู้ชูหน่วนไม่ยอมแพ้ นางทะลวงครั้งแล้วครั้งเล่าไม่รู้ว่าใช้เวลานานเท่าไหร่ ในที่สุดนางก็เปิดชีพจรยุทธได้สำเร็จ"เฮือก......"เลือดสดอีกคำไหลหยดออกมา คนอื่นทะลวงชีพจรยุทธแล้วจะรู้สึกสบายไปทั้งตัว มีพลังงานเต็มเปี่ยม แต่นางกลับเหมือนหนีความตายมาได้ และเกือบเอาชีวิตนางไปกู้ชูหน่วนคราบเลือดติดมุมปาก แต่นางก็แย้มรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมานางพยายามใช้โชคหมุนเวียนพลังงานภายในร่างกาย เปลวไฟกลุ่มหนึ่งในตันเถียนของนางกำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และร่างกายของนางก็เบาขึ้นกว่าเดิมมากนางมีพลังภายในแล้ว...... แม้ว่าพลังภายในจะอ่อนแอมากก็ตาม......การเปิดชีพจรยุทธบ่งชี้ว่านางสามารถฝึกวิชายุทธได้แล้วกู้ชูหน่วนหายใจออกมายาวและเปิดตำรารวมสูตรปรุงยาอีกครั้งยายกระดับเป็นยาที่ช่วยเพิ่มพลังภายในอย่างรวดเร็วและทะลวงผ่านหนึ่งขั้นได้กู้ชูหน่วนรู้สึกสนใจขึ้นมา"ชิงเฟิง"ชิงเฟิงทำหน้าบูดบึ้ง "พระชาย
บ่าวรับใช้ในจวนอ๋องกำลังช่วยกันดับไฟ ผมของกู้ชูหน่วนถูกระเบิดจนยุ่งเหยิง ราวกับรังไก่ ชิงเฟิงจัดให้นางไปอยู่ในห้องที่ตกแต่งอย่างสวยงามอีกห้องหนึ่งภายในห้อง กู้ชูหน่วนมองกล่องยาชำระไขกระดูกขนาดใหญ่ตรงหน้า ทั้งกังวลและโล่งใจกังวลคือยาชำระไขกระดูกยังห่างไกลจากผลลัพธ์ที่นางต้องการโล่งใจคือในที่สุดก็ทำสำเร็จแล้ว"ชิวเอ๋อร์ ไปเฝ้าหน้าประตู ห้ามให้ใครเข้ามา รวมถึงท่านอ๋องด้วย""คุณหนู ท่านจะทำอะไรอีกแล้วหรือเจ้าคะ?"ชิวเอ๋อร์กลัวจนตัวสั่น ชีวิตของคุณหนูเกือบจะจบสิ้นแล้ว นางคงไม่คิดที่จะปรุงยาอีกแล้วใช่หรือไม่"เจ้ารู้อะไร รีบออกไปเถิด""แต่ว่า......"ก่อนที่ชิวเอ๋อร์จะพูดจบ กู้ชูหน่วนก็ผลักนางออกไป แล้วนั่งขัดสมาธิบนเตียง หยิบยาชำระไขกระดูกในกล่องตรงหน้ามากินหนึ่งเม็ดความร้อนไหลขึ้นมาจากตันเถียน แต่ชีพจรยุทธไม่เปิดออกเสียทีกู้ชูหน่วนกินอีกหลายเม็ด ความร้อนในตันเถียนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เส้นลมปราณทั้งเจ็ดและแปดเส้นรู้สึกสบาย แต่ชีพจรยุทธยังคงไม่เปิดออกนางขมวดคิ้ว "ใช้สมุนไพรที่คล้ายกันมาทดแทน ผลลัพธ์ก็ยังแตกต่างกันมาก ยาชำระไขกระดูกนี้แย่เกินไป"กู้ชูหน่วนกัดฟัน กลืนยาชำระไขกระ
"พระชายา โปรดอย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลย ข้าน้อยก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น"เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนตั้งใจจะออกไป ชิงเฟิงก็ตกใจและเอ่ยว่า "พระชายา ท่านต้องการไปหายาใช่หรือไม่? หรือว่าท่านจะให้ใบสั่งยาแก่ข้าน้อย แล้วให้ข้าน้อยปหายามาให้""ก็ได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี""ขอรับ"ความเร็วของชิงเฟิงและคนอื่นๆ นั้นรวดเร็วมาก แต่หลังจากกลับมา คำตอบของพวกเขาก็เหมือนกับที่ชิวเอ๋อร์พูดไม่มีผิดเพี้ยน"พระชายา ข้าน้อยได้ไปหาหมอหลวงทุกคนในสำนักหมอหลวงแล้ว พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อสมุนไพรในใบสั่งยาของท่านเลย และไม่สามารถหายาเหล่านั้นมาให้ท่านได้"ด้วยความกลัวว่ากู้ชูหน่วนจะโกรธ ชิงเฟิงจึงหยุดชะงักแล้วเอ่ยต่อทันทีว่า "ข้าน้อยได้พาหมอหลวงจากสำนักหมอหลวง รวมถึงหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงมาด้วย พระชายาสามารถสอบถามพวกเขาได้โดยตรงเลย"เมื่อโบกมือ หมอจำนวนมากก็เดินเข้ามาทีละคน และทำความเคารพนาง "คารวะพระชายา ขอพระองค์ทรงพระเจริญ พันปี พันๆ ปี""พอเถอะ ข้าขอถามพวกท่าน พวกท่านไม่เคยได้ยินชื่อซานหลิง ซูเหอเซียง การบูร จริงๆ หรือ?""ทูลพระชายา พวกข้าประกอบอาชีพหมอมาหลายสิบปี บรรพบุรุษของพวกข้าก็เป็นหมอเช่นกัน พวกข้าไ
นิ้วเรียวสวยของกู้ชูหน่วนพลิกดูตำรารวมสูตรปรุงยาที่ขาดวิ่นอย่างต่อเนื่อง นางมองอย่างตั้งใจจนลืมตัว และไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาที่จวนหานอ๋องตั้งแต่เมื่อใด"เย่จิ่งหานล่ะ?" กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นถามทันทีชิงเฟิงเม้มปาก การต่อสู้ดุเดือดขนาดนั้น พระชายาของเขาไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งไม่รู้กันแน่?"นายน้อยแห่งเผ่าเทียนเฝินมาชิงแผนที่ไข่มุกสีเขียว นายท่านต่อสู้กับเขา และยามนี้ยังอยู่ในป่าไผ่ นายท่านให้ข้าพาพระชายากลับจวนก่อน""อย่างนั้นหรือ สามหมื่นล้านตำลึง ล่อตาล่อใจโจรจริง ๆ แผนที่ไข่มุกสีเขียวต้องได้รับการปกป้องอย่างดี อาจจะเป็นทรัพย์สมบัติทั้งหมดของจวนหานอ๋องก็ได้นะ" นายน้อยแห่งเผ่าเทียนเฝินบาดเจ็บไม่ใช่หรือ? เย่จิ่งหานน่าจะรับมือได้เมื่อเห็นกู้ชูหน่วนพูดเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจัง คิ้วเข้มของชิงเฟิงก็ขมวดแน่นสิ่งที่นางควรเป็นห่วงไม่ใช่นายท่านหรอกหรือ?"ข้าจะกลับไปศึกษาตำรารวมสูตรปรุงยา บอกบ่าวรับใช้ว่าห้ามใครรบกวนหากไม่มีคำสั่งจากข้า""ขอรับ"ภายในห้อง กู้ชูหน่วนจรดพู่กันเขียนตำรับยาหลายแผ่นอย่างคล่องแคล่ว แล้วส่งให้ชิวเอ๋อร์ "ไปร้านขายยา ซื้อยาตามตำรับที่ข้าให้มา กลับมามากหน่อย"
กู้ชูหน่วนรับจดหมายเชิญ แล้วเกี่ยวคางของนางอย่างเย้าแหย่ "เมื่อมีสาวงามมาเชิญ เราจะกล้าไม่มาได้อย่างไร วางใจได้ งานประมูลเฟิงเซียงสิ้นเดือนนี้ พวกเราจะไปให้ตรงเวลาแน่นอน""เช่นนั้น เสี่ยวลู่จะรอแขกผู้มีเกียรติทั้งสองท่านอยู่ที่งานประมูลเฟิงเซียง"หลังออกจากงานประมูลเฟิงเซียง เย่จิ่งหานก็ยังคงทำหน้าเย็นชาตลอดเวลาระหว่างทางกลับ พวกเขานั่งรถม้าประจำตัวของเย่จิ่งหาน กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่ารถม้าทำจากวัสดุอะไร ภายนอกดูธรรมดา แต่ภายในกลับมีพื้นที่กว้างขวางมาก สามารถดื่มชา เล่นหมากรุก หรือนอนพักผ่อนได้ อีกทั้งยังป้องกันลูกธนูพิษและอาวุธทุกชนิดได้ เมื่อสัมผัสกับรถม้า จะมีเพียงเสียงโลหะกระทบกันเท่านั้นตลอดทาง เสียงการต่อสู้ดังขึ้นเป็นระยะๆ ไม่ขาดสาย พร้อมกับเสียงร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดพื้นดินสั่นสะเทือนเป็นครั้งคราว ไม่รู้ว่าข้างนอกต่อสู้กันดุเดือดเพียงใดกู้ชูหน่วนรู้ว่าคนเหล่านี้ส่วนใหญ่มาเพื่อแย่งชิงแผนที่ไข่มุกสีเขียวของเย่จิ่งหานแต่เมื่อมองไปที่เย่จิ่งหาน เขานั่งจิบชาอ่านหนังสืออย่างสง่างามริมหน้าต่างรถม้า ราวกับไม่รับรู้ถึงการต่อสู้ภายนอกกู้ชูหน่วนเปิดม่านรถม้าดู ข้างนอกมีแต่แ