เสียงของพิธีกรเสี่ยวลู่ดังขึ้นอีกครั้ง"สินค้าชิ้นต่อไปที่จะประมูลคือของปิดการประมูลของเราในครั้งนี้ ยังคงเป็นแผนที่ แผนที่สมบูรณ์ ชื่อว่าแผนที่มังกรเขียว"ตู้ม......การประมูลก็ระเบิดขึ้นทันที"เจ้าพูดอะไรนะ แผนที่มังกรเขียว? เป็นแผนที่พบลูกแก้วมังกรสีเขียวใช่หรือไม่?""ใช่ ทุกคนคงรู้ดีว่าลูกแก้วมังกรหมายถึงอะไร มีลูกแก้วมังกรทั้งหมดเจ็ดลูกในโลก ได้แก่ แดง ส้ม เหลือง เขียว ฟ้า น้ำเงิน และม่วง หากต้องการค้นหาลูกแก้วมังกร ก็ต้องมีแผนที่""โอ้สวรรค์ ลูกแก้วมังกรในตำนาน รีบกลับไปรวบรวมเงิน แม้ว่าเจ้าจะขายทรัพย์สินทั้งหมดของเจ้า เจ้าก็ต้องรวบรวมเงินทั้งหมด""ท่านพ่อ การขายบ้านทันทีทำได้ยากมาก""เช่นนั้นก็เอาบ้านไปจำนองก่อน แล้วเอาเงินมา""อาฝู รีบกลับไปหาฮูหยินเร็ว และให้ฮูหยินรวบรวมเงินทั้งหมดในบ้านและให้ลูกชายข้าไปยืมเงินทุกที่ที่ทำได้ ยืมให้ได้มากที่สุด คราวนี้เราจะเสี่ยงชีวิตเพื่อประมูลแผนที่ไข่มุกสีเขียว""……"แขกทุกคนในงานประมูลแทบจะให้คนรับใช้กลับไปรวบรวมเงินแม้แต่อัครเสนาบดีกู้ที่ไม่อยากเข้าร่วมการประมูลต่อแล้ว ก็ยังหวั่นไหวอีกครั้งและให้กู้ชูอวิ๋นรีบกลับไป แม้ว่าจะต้อ
"ห้าร้อยห้าสิบล้านตำลึง" ซ่างกวานฉู่รีบตามมาติดๆการเพิ่มราคาเมื่อครู่เป็นเพียงแค่การอุ่นเครื่องเท่านั้น ยามนี้ผู้ที่เสนอราคาคือตัวเอกที่แท้จริงกู้ชูหน่วนรู้ว่าอี้เฉินเฟย ซ่างกวานฉู่ และเย่จิ่งหานจะต้องแข่งขันกันแล้ว แต่ไม่รู้ว่าสามยักษ์ใหญ่เหล่านี้ใครจะเหนือกว่ากัน"หกร้อยล้าน""หกร้อยห้าสิบล้าน""เจ็ดร้อยล้าน"ซี้ดดด......ทั้งงาน นอกจากอี้เฉินเฟยและซ่างกวานฉู่แล้ว ไม่มีใครกล้าเสนอราคาอีกเลยแม้ว่าพวกเขาจะอยากได้ไข่มุกสีเขียวมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถหาเงินมาได้มากขนาดนั้นกู้ชูหน่วนมองไปทางเย่จิ่งหานเจ้าคนนี้มองดูเฉยๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ได้เสนอราคาเลย หรือว่าเขาตั้งใจจะรอให้อี้เฉินเฟยกับซ่างกวานฉู่สู้กันเสร็จก่อนแล้วค่อยเสนอราคา?เจ็ดร้อยล้านตำลึง นี่ไม่ใช่จำนวนเงินเล็กๆ เลยนะคงจะเทียบเท่ากับเงินทั้งหมดในคลังหลวงกระมังอี้เฉินเฟยเป็นบุคคลสำคัญของแคว้นหวา ทั้งยังเป็นอาจารย์สามของสำนักหยู และยังมีอีกหลายตัวตนที่ไม่เปิดเผย เขามีเงินก็สมเหตุสมผลแต่ซ่างกวานฉู่มีอะไร เขาเอาเงินมากมายขนาดนี้มาจากไหน?หรือจะพูดว่าเขามีตัวตนลับหลังอีกมากแค่ไหนกันแน่"เจ็ดร้อยห้าสิบล้านตำลึง" อี
"อะไรนะ เขาคือเทพสงคราม"ทุกคนต่างถอยหลังด้วยความหวาดกลัว พยายามรักษาระยะห่าง เพราะกลัวว่าเย่จิ่งหานจะลงมือกับพวกเขาหากเป็นคนอื่นที่เสนอราคานี้ พวกเขาคงจะประหลาดใจมาก แต่หากเป็นเทพสงครามที่เสนอราคา ก็ไม่มีอะไรน่าแปลกใจเพราะเทพสงครามคือบุคคลสำคัญของแคว้นเย่ ทั้งศักยภาพ ความมั่งคั่ง และอิทธิพลของเขายิ่งใหญ่กว่าฮ่องเต้เสียอีกเด็กรับใช้ของอี้เฉินเฟยเอ่ยว่า "อาจารย์อี้ เราจะเพิ่มราคาอีกหรือไม่?"อี้เฉินเฟยเงียบไป ราวกับกำลังชั่งน้ำหนักมูลค่าอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงยกป้ายขึ้น "หนึ่งพันเจ็ดร้อยล้าน"อะไรนะ......คนในห้องหมายเลขเจ็ดเป็นใครกัน?เพิ่มราคาครั้งละสองร้อยล้านเงินในสายตาพวกเขาเป็นเพียงตัวเลขหรืออย่างไร?เจ๋ออ๋องโยนป้ายทิ้งอย่างหมดแรงจะประมูลไปทำไม ประมูลไปก็เปล่าประโยชน์เขาไม่สามารถประมูลได้แม้แต่เศษเสี้ยวของพวกเขาในชั่วพริบตา เจ๋ออ๋องรู้สึกว่าตนแตกต่างจากพวกเขาอย่างมาก"สองพันล้าน" เย่จิ่งหานเอ่ยชิงเฟิงเหงื่อออกที่ฝ่ามือแม้นายท่านจะมีทรัพย์สมบัติจำนวนมาก แต่การสูญเสียสองพันล้านในคราวเดียวก็ต้องทำให้บาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอนซ่างกวานฉู่หน้าตายไร้อารมณ์ มองไม่ออ
อี้เฉินเฟยพิจารณาความหมายในคำพูดของกู้ชูหน่วนอย่างถี่ถ้วนครู่หนึ่งเขาก็เข้าใจกระจ่างแจ้ง ยิ้มอย่างอ่อนโยน "สุภาพบุรุษไม่แย่งชิงสิ่งที่ผู้อื่นชื่นชอบ ในเมื่อแขกชั้นล่างชื่นชอบแผนที่ไข่มุกสีเขียวขนาดนี้ ข้าก็จะไม่แย่งแล้ว"กู้ชูหน่วนลูบปลายคาง คำพูดนี้ฟังดูคุ้นหูเหลือเกิน?แต่อี้เฉินเฟยก็มีสมองขึ้นมาบ้างแล้วสามพันล้าน......จุ จุ จุทรัพย์สมบัติของเย่จิ่งหานถูกสูบไปหมดแล้วใช่หรือไม่"สามพันล้านครั้งที่หนึ่ง สามพันล้านครั้งที่สอง สามพันล้านครั้งที่สาม ขอแสดงความยินดีกับแขกผู้มีเกียรติหมายเลขยี่สิบเก้า ได้รับแผนที่ไข่มุกสีเขียวไปครอง"ทุกคนต่างมองเย่จิ่งหานด้วยความอิจฉาในหมู่พวกเขาบางคนเคยคิดที่จะแย่งชิง แต่ฝ่ายตรงข้ามคือเทพสงครามแห่งแคว้นเย่ พวกเขาจะแย่งชิงได้อย่างไร?เด็กรับใช้ของอี้เฉินเฟยเสียดายแล้วเสียดายอีกสามพันล้านสูงเกินไป......น่าเสียดายที่อาจารย์อี้เตรียมการมานาน สุดท้ายก็ยังพลาดการประมูลเจ๋ออ๋องขมขื่นในใจ เดินออกงานประมูลอย่างอ้างว้างหางตาของซ่างกวานฉู่ฉายแววเย็นเยือก มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ายวนคนของเผ่าเทียนเฝินเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ "ดำเนินการตามแผนเดิม ต้อง
กู้ชูหน่วนรับจดหมายเชิญ แล้วเกี่ยวคางของนางอย่างเย้าแหย่ "เมื่อมีสาวงามมาเชิญ เราจะกล้าไม่มาได้อย่างไร วางใจได้ งานประมูลเฟิงเซียงสิ้นเดือนนี้ พวกเราจะไปให้ตรงเวลาแน่นอน""เช่นนั้น เสี่ยวลู่จะรอแขกผู้มีเกียรติทั้งสองท่านอยู่ที่งานประมูลเฟิงเซียง"หลังออกจากงานประมูลเฟิงเซียง เย่จิ่งหานก็ยังคงทำหน้าเย็นชาตลอดเวลาระหว่างทางกลับ พวกเขานั่งรถม้าประจำตัวของเย่จิ่งหาน กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่ารถม้าทำจากวัสดุอะไร ภายนอกดูธรรมดา แต่ภายในกลับมีพื้นที่กว้างขวางมาก สามารถดื่มชา เล่นหมากรุก หรือนอนพักผ่อนได้ อีกทั้งยังป้องกันลูกธนูพิษและอาวุธทุกชนิดได้ เมื่อสัมผัสกับรถม้า จะมีเพียงเสียงโลหะกระทบกันเท่านั้นตลอดทาง เสียงการต่อสู้ดังขึ้นเป็นระยะๆ ไม่ขาดสาย พร้อมกับเสียงร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดพื้นดินสั่นสะเทือนเป็นครั้งคราว ไม่รู้ว่าข้างนอกต่อสู้กันดุเดือดเพียงใดกู้ชูหน่วนรู้ว่าคนเหล่านี้ส่วนใหญ่มาเพื่อแย่งชิงแผนที่ไข่มุกสีเขียวของเย่จิ่งหานแต่เมื่อมองไปที่เย่จิ่งหาน เขานั่งจิบชาอ่านหนังสืออย่างสง่างามริมหน้าต่างรถม้า ราวกับไม่รับรู้ถึงการต่อสู้ภายนอกกู้ชูหน่วนเปิดม่านรถม้าดู ข้างนอกมีแต่แ
นิ้วเรียวสวยของกู้ชูหน่วนพลิกดูตำรารวมสูตรปรุงยาที่ขาดวิ่นอย่างต่อเนื่อง นางมองอย่างตั้งใจจนลืมตัว และไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาที่จวนหานอ๋องตั้งแต่เมื่อใด"เย่จิ่งหานล่ะ?" กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นถามทันทีชิงเฟิงเม้มปาก การต่อสู้ดุเดือดขนาดนั้น พระชายาของเขาไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งไม่รู้กันแน่?"นายน้อยแห่งเผ่าเทียนเฝินมาชิงแผนที่ไข่มุกสีเขียว นายท่านต่อสู้กับเขา และยามนี้ยังอยู่ในป่าไผ่ นายท่านให้ข้าพาพระชายากลับจวนก่อน""อย่างนั้นหรือ สามหมื่นล้านตำลึง ล่อตาล่อใจโจรจริง ๆ แผนที่ไข่มุกสีเขียวต้องได้รับการปกป้องอย่างดี อาจจะเป็นทรัพย์สมบัติทั้งหมดของจวนหานอ๋องก็ได้นะ" นายน้อยแห่งเผ่าเทียนเฝินบาดเจ็บไม่ใช่หรือ? เย่จิ่งหานน่าจะรับมือได้เมื่อเห็นกู้ชูหน่วนพูดเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจัง คิ้วเข้มของชิงเฟิงก็ขมวดแน่นสิ่งที่นางควรเป็นห่วงไม่ใช่นายท่านหรอกหรือ?"ข้าจะกลับไปศึกษาตำรารวมสูตรปรุงยา บอกบ่าวรับใช้ว่าห้ามใครรบกวนหากไม่มีคำสั่งจากข้า""ขอรับ"ภายในห้อง กู้ชูหน่วนจรดพู่กันเขียนตำรับยาหลายแผ่นอย่างคล่องแคล่ว แล้วส่งให้ชิวเอ๋อร์ "ไปร้านขายยา ซื้อยาตามตำรับที่ข้าให้มา กลับมามากหน่อย"
"พระชายา โปรดอย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลย ข้าน้อยก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น"เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนตั้งใจจะออกไป ชิงเฟิงก็ตกใจและเอ่ยว่า "พระชายา ท่านต้องการไปหายาใช่หรือไม่? หรือว่าท่านจะให้ใบสั่งยาแก่ข้าน้อย แล้วให้ข้าน้อยปหายามาให้""ก็ได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี""ขอรับ"ความเร็วของชิงเฟิงและคนอื่นๆ นั้นรวดเร็วมาก แต่หลังจากกลับมา คำตอบของพวกเขาก็เหมือนกับที่ชิวเอ๋อร์พูดไม่มีผิดเพี้ยน"พระชายา ข้าน้อยได้ไปหาหมอหลวงทุกคนในสำนักหมอหลวงแล้ว พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อสมุนไพรในใบสั่งยาของท่านเลย และไม่สามารถหายาเหล่านั้นมาให้ท่านได้"ด้วยความกลัวว่ากู้ชูหน่วนจะโกรธ ชิงเฟิงจึงหยุดชะงักแล้วเอ่ยต่อทันทีว่า "ข้าน้อยได้พาหมอหลวงจากสำนักหมอหลวง รวมถึงหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงมาด้วย พระชายาสามารถสอบถามพวกเขาได้โดยตรงเลย"เมื่อโบกมือ หมอจำนวนมากก็เดินเข้ามาทีละคน และทำความเคารพนาง "คารวะพระชายา ขอพระองค์ทรงพระเจริญ พันปี พันๆ ปี""พอเถอะ ข้าขอถามพวกท่าน พวกท่านไม่เคยได้ยินชื่อซานหลิง ซูเหอเซียง การบูร จริงๆ หรือ?""ทูลพระชายา พวกข้าประกอบอาชีพหมอมาหลายสิบปี บรรพบุรุษของพวกข้าก็เป็นหมอเช่นกัน พวกข้าไ
บ่าวรับใช้ในจวนอ๋องกำลังช่วยกันดับไฟ ผมของกู้ชูหน่วนถูกระเบิดจนยุ่งเหยิง ราวกับรังไก่ ชิงเฟิงจัดให้นางไปอยู่ในห้องที่ตกแต่งอย่างสวยงามอีกห้องหนึ่งภายในห้อง กู้ชูหน่วนมองกล่องยาชำระไขกระดูกขนาดใหญ่ตรงหน้า ทั้งกังวลและโล่งใจกังวลคือยาชำระไขกระดูกยังห่างไกลจากผลลัพธ์ที่นางต้องการโล่งใจคือในที่สุดก็ทำสำเร็จแล้ว"ชิวเอ๋อร์ ไปเฝ้าหน้าประตู ห้ามให้ใครเข้ามา รวมถึงท่านอ๋องด้วย""คุณหนู ท่านจะทำอะไรอีกแล้วหรือเจ้าคะ?"ชิวเอ๋อร์กลัวจนตัวสั่น ชีวิตของคุณหนูเกือบจะจบสิ้นแล้ว นางคงไม่คิดที่จะปรุงยาอีกแล้วใช่หรือไม่"เจ้ารู้อะไร รีบออกไปเถิด""แต่ว่า......"ก่อนที่ชิวเอ๋อร์จะพูดจบ กู้ชูหน่วนก็ผลักนางออกไป แล้วนั่งขัดสมาธิบนเตียง หยิบยาชำระไขกระดูกในกล่องตรงหน้ามากินหนึ่งเม็ดความร้อนไหลขึ้นมาจากตันเถียน แต่ชีพจรยุทธไม่เปิดออกเสียทีกู้ชูหน่วนกินอีกหลายเม็ด ความร้อนในตันเถียนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เส้นลมปราณทั้งเจ็ดและแปดเส้นรู้สึกสบาย แต่ชีพจรยุทธยังคงไม่เปิดออกนางขมวดคิ้ว "ใช้สมุนไพรที่คล้ายกันมาทดแทน ผลลัพธ์ก็ยังแตกต่างกันมาก ยาชำระไขกระดูกนี้แย่เกินไป"กู้ชูหน่วนกัดฟัน กลืนยาชำระไขกระ
ผู้ที่อยู่ข้างกายไม่มีการตอบสนอง กู้ชูหน่วนหันไปด้วยความสงสัย ทว่ากลับเห็นว่าอี้เฉินเฟยหมดสติไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ใบหน้าขาวซีดจนน่ากลัว กู้ชูหน่วนจับชีพจรของเขา กลับพบว่าชีพจรของเขาอ่อนมาก จนใกล้เคียงกับไม่มีชีพจรอยู่แล้ว ที่ทำให้นางตกตะลึงยิ่งไปกว่านั้นคือ พลังชีวิตของเขาดูเหมือนกำลังค่อยๆ สลายไป ชี่ขุ่นมัวภายในร่างแพร่กระจายไปยังเส้นเลือด หรือแม้แต่ไขกระดูกไม่หยุด ทำลายความสมดุลภายในร่างกายของเขา นี่คือบาดแผลที่รุนแรงถึงชีวิต ขืนปล่อยไว้ต่อไป อี้เฉินเฟยมีแต่จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่านี่คืออาการป่วยของโรคใด นางเป็นหมอมาหลายปี กลับไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่รู้ว่าควรจะรักษาเช่นไร เห็นเลือดสีแดงสดของเขาไหลออกมาไม่หยุด บริเวณที่ถูกเผาไหม้ก็เป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ กู้ชูหน่วนรีบหยิบมุกอุ่นประภพในตัวออกมา กระตุ้นกำลังภายใน ตั้งใจจะใช้มุกอุ่นประภพรักษาอาการป่วยให้เขา ถึงได้เริ่มทำแผลให้เขา "ฟ่อ ฟ่อ......" หัวใหญ่ๆ ของน้องเก้าถูไถไปที่อี้เฉินเฟย ซบไปบนตัวเขาด้วยความอาลัยอาวรณ์ คล้ายสงสาร และกังวล กู้ชูหน่วนเลิกคิ้ว "เจ้ารู้จักอี้เฉินเฟย" "ฟ่อฟ่อฟ่อ..." น้อง
ประมุขชิงบาดเจ็บสาหัส นางเองก็เจ็บหนัก เถาวัลย์ก็ยังอยู่ในสภาพการณ์สุ่มเสี่ยง บริเวณที่อยู่ไม่มีแม้แต่จุดที่จะยืนได้ พวกกู้ชูหน่วนกำลังเป็นรอง "ข้ายังมีอาวุธลับติดตัวอยู่ ก็แค่หนอนผีเสื้อตัวเดียว ข้าจัดการได้" กู้ชูหน่วนตั้งสติ หยิบอาวุธลับออกมาจากแหวนปริภูมิ ทว่ากลับได้ยินเสียงที่สั่นเครือของประมุขชิง "ไม่ใช่ตัวเดียว แต่หลายตัว" "หลายตัว ?" กู้ชูหน่วนเพ่งมองดูดีๆ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว ด้านบนของผาหินอัดแน่นไปด้วยงูเหลือมยักษ์สีขาวสลับดำ เพียงแต่สีของพวกมันใกล้เคียงกับโขดหิน บวกกับที่แต่ละตัวต่างก็กำลังขดตัวหลับอยู่ หากไม่ตั้งใจดูดีๆ ก็มองไม่เห็นแต่อย่างใด งูมากมายขนาดนี้ นางจะฆ่าได้อย่างไร อย่าว่าแต่นางที่ตอนนี้บาดเจ็บหนัก ต่อให้เป็นตอนที่พลังเต็มเปี่ยมก็ฆ่างูจำนวนมากขนาดนี้ไม่ไหว "เป็นงูไฟขั้นสอง ชอบจำศีลอยู่ในเขตร้อน แม้จะเป็นเพียงแค่ขั้นสอง พลังสังหารไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก แต่พวกมันเป็นสัตว์ที่จู่โจมเป็นฝูง สามัคคีกันมาก หากมีตัวใดบาดเจ็บ หรือตัวใดเริ่มโจมตี งูทุกตัวในฝูงก็จะกรูกันเข้ามา" ประมุขชิงอธิบาย กู้ชูหน่วนรู้สึกชาไปถึงห
ถูกไหม้หนักขนาดนี้ เหตุใดเพิ่งจะส่งกลิ่นไหม้เกรียมตอนนี้ หรือเมื่อกี้เขาฝืนตัวเองอยู่ตลอด กู้ชูหน่วนตกตะลึง "ท่านถูกมังกรไฟทำร้ายมาหรือ" ความเร็วของประมุขชิงยังคงที่ ใช้ทั้งสองมือและสองขาพยายามปีนไปด้านหน้าอย่างสุดกำลัง พลางเอ่ยด้วยท่าทางสบายๆ "ไม่เป็นไร บาดแผลเล็กน้อย" แผลเล็ก ? นี่มันแผลเล็กแบบใดกัน "ท่านวางข้าลงเถอะ ข้าปีนขึ้นไปเองได้ ท่านเจ็บหนักเกินไป หากพาข้าไปด้วย พวกเราสองคนจะไปไหนไม่รอดกันหมด" "เด็กโง่ ในเมื่อข้าบอกแล้วว่าจะพาเจ้าขึ้นข้างบน ก็จะต้องพาเจ้าขึ้นไปให้ได้ อย่ากลัวไปเลย หากเจ้าเหนื่อย ก็งีบสักพัก ตื่นขึ้นมาอีกที พวกเราก็จะขึ้นไปด้านบนกันแล้ว" ประมุขชิงพูดด้วยความผ่อนคลาย กู้ชูหน่วนกลับรู้สึกว่าลมปราณของเขาไม่เพียงพอขึ้นไปเรื่อยๆ ท่าทางก็ดูใช้แรงหนักขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าถึงขีดจำกัดแล้ว กู้ชูหน่วนดวงตาแดงก่ำ นางยื่นมือออกไปเปิดหน้ากากบนใบหน้าของเขาออก เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นเคย คืออี้เฉินเฟย... ใช่เขาจริงๆ... รูปโฉมของอี้เฉินเฟยจัดว่าเป็นชายงามอันดับต้นๆ ของใต้หล้า เครื่องหน้าของเขาคมชัด อ่อนโยน สง่างาม คิ้วดกดำดุจขุนเขาเรี
ยังดี...ที่ประมุขชิงยั้งมือกลับไปตอนที่ฝ่ามืออยู่ห่างจากกู้ชูหน่วนเพียงคืบ ไม่ได้สังหารนางจริงๆ เขาคิดไม่ถึงว่า ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย กู้ชูหน่วนจะใช้ชีวิตของตนเองปกป้องเขา ทันใดนั้น สายตาของเวินเส้าอี๋ที่มองไปยังกู้ชูหน่วนพลันเจือแววสับสน ประมุขชิงสลายพลังฝ่ามือ อัดอั้นความโกรธไว้ภายในใจ เขาเอ่ยเสียงเย็น "เวินเส้าอี๋ เจ้าจงจำไว้ วันนี้อาหน่วนใช้ชีวิตของนางช่วยเจ้าไว้ นางไม่ติดค้างอะไรเจ้าอีก เจอกันครั้งหน้า ข้าไม่มีทางปราณีอีกเป็นแน่" เวินเส้าอี๋กุมแผงอกของตนไว้แน่น ไม่มีแม้แต่แรงจะพูด กู้ชูหน่วนคลี่ยิ้ม เผยให้เห็นลักยิ้มสองข้าง "รู้อยู่แล้วว่าท่านดีที่สุด ขอบใจ ท่านวางใจเถอะ หากเขากล้าทำสิ่งใดที่ผิดต่อสำนักซิวหลัว ข้าจะเป็นคนแรกที่ไม่ปล่อยเขาไป" "ขอให้เจ้าไม่เสียใจกับการตัดสินใจวันนี้ในภายหลังแล้วกัน และอย่าลืมคำพูดของเจ้าในวันนี้ด้วย" "ไม่ลืมลืม จะลืมได้อย่างไร" "แม้ข้าจะไม่ฆ่าเขา แต่ก็จะไม่มีทางช่วยเขาแน่ เขาจะเป็นหรือตาย ล้วนแต่ต้องพึ่งชะตาของเขาเอง" กู้ชูหน่วนเข้าใจแล้ว แม้ประมุขชิงจะไม่ได้ฆ่าเขา แต่กลับทิ้งเขาไว้ที่นี่ ปล่อยเขาไปตามยถากรรม
เวินเส้าอี๋ยิ้มเยาะกับตัวเอง ด้วยความสัมพันธ์ที่ต้องตายกันไปข้างหนึ่งของสำนักซิวหลัวและเผ่าเทียนเฝิน มีหรือที่ประมุขชิงจะยอมปล่อยเขาไป หากเป็นเขาที่อยู่ในจุดนั้น เขาเองก็ไม่มีทางปล่อยประมุขชิงไปเช่นกัน เวินเส้าอี๋กวาดสายตามองผาหินแวววาวและทะเลโลหิตที่เดือดระอุ เขาเคยคิดว่าจะต้องตายด้วยน้ำมือเจ้าสำนักซิวหลัว เคยคิดว่าต้องตายด้วยน้ำมือหอเลิศหล้า เคยคิดว่าต้องตายด้วยน้ำมือของเย่จิ่งหาน สิ่งเดียวที่ไม่เคยคิดมาก่อนคือต้องมาตายในที่แห่งนี้ "สำนักซิวหลัวและเผ่าเทียนเฝินมีความแค้นอันใดต่อกันกันแน่" กู้ชูหน่วนเอ่ยถาม "เป็นแค้นที่ฝังลึกยิ่งนัก เป้าหมายในการมีชีวิตอยู่ของชาวสำนักซิวหลัวทุกคนก็คือหาแก้วมังกรให้พบ แล้วกำจัดเผ่าเทียนเฝิน อาหน่วน หากเจ้ายังเห็นข้าเป็นสหาย ก็อย่ายุ่งเรื่องนี้เลย" ประมุขชิงไม่ได้อธิบายรายละเอียด แต่จุดยืนของเขาหนักแน่น ไม่เหลือทางให้หันหลังกลับอีกแล้ว เขารวบรวมกำลังภายในไว้ที่ฝ่ามือ ยกมือขึ้นมาตั้งใจจะสะเทือนกระดูกของเวินเส้าอี๋ให้แหลก ไม่พูดถึงเรื่องที่เวินเส้าอี๋ถูกพิษดอกพันรักทำให้ทรมานราวกับตายทั้งเป็น แต่แค่กำลังภายในของเขาที่สูญไปแทบจะหมดสิ้น
กู้ชูหน่วนลุกลน อยากจะขวางการถ่ายทอดกำลังภายในให้นางของประมุขชิง ทว่ากลับช้าไปหนึ่งก้าว กำลังภายในของประมุขชิงเหมือนกับเวินเส้าอี๋ ไม่รู้ด้วยเหตุใดถึงได้ถูกนางดูดเข้าไปไม่หยุด "ข้าไม่ต้องการดูดกำลังภายในของเจ้า เจ้ารีบดึงมือออก" "ไม่เป็นไร หากเจ้าต้องการ ข้าให้เจ้าทั้งหมดจะเป็นไรไป" ประมุขชิงคลี่ยิ้ม ภายในดวงตาอ่อนโยนเต็มไปด้วยความทะนุถนอมเอ็นดู เขาไม่ได้ดึงมือออก แต่กลับพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อสยบพิษของดอกพันรัก เมื่อเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูคู่นั้นและรอยยิ้มที่คุ้นเคย กู้ชูหน่วนก็ยิ่งมั่นใจในความคิดของตน ประมุขชิงก็คืออี้เฉินเฟย กู้ชูหน่วนทั้งร้อนรนทั้งโมโหและทุกข์ทรมาน ที่ร้อนรนเพราะ นางอยากจะเอามือออกแต่กลับทำไม่ได้ ที่โมโหเพราะอี้เฉินเฟยโง่เง่านัก มีผู้ใดบ้างที่จะยอมมอบกำลังภายในที่ตนฝึกฝนมาอย่างยากลำบากให้ผู้อื่น เขาไม่รู้หรือว่านางอาจจะดูดกำลังภายในของเขาจนหมดและตายได้ ที่ทุกข์ทรมานเพราะ พิษของดอกพันรักแล่นไปทั่วทั้งร่างกายของนางยังพอว่า กำลังภายในของประมุขชิงก็หลั่งใหลไปทั่วร่างนางด้วย คล้ายกับร่างของนางถูกดึงให้ฉีกออกจากกันไม่หยุด
เวลาค่อยๆ ผ่านไปอย่างช้าๆ กู้ชูหน่วนและเวินเส้าอี๋ก็ไม่รู้ว่าทนกับคลื่นความร้อนไปเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ พวกเขาทั้งสองเหงื่อโชก ลมหายใจหอบถี่ ล้วนแต่อยู่ในจุดที่กำลังจะทนไม่ไหว ลมอุ่นพัดผ่านไป สติของกู้ชูหน่วนและเวินเส้าอี๋แตกกระเจิงโดยสิ้นเชิง ทนไม่ไหวอีกต่อไป ไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน แต่ทั้งคู่ก็คลอเคลียอยู่ด้วยกันแล้ว ในขณะที่พวกเขากำลังจะพัฒนาไปถึงขั้นสุดท้าย ยอดหน้าผาพลันปรากฏเงาร่างสีครามอาบเลือดมือเกาะเถาวัลย์ที่วางไว้ก่อนหน้านี้แล้วกระโดดลงมาจากยอดของหน้าผาด้วยความรวดเร็ว สายตาของประมุขชิงมองไปรอบๆ ด้วยความร้อนรน พยายามตามหาหญิงในความทรงจำผู้นั้น คลื่นลาวายักษ์ซัดเข้าไปเป็นระยะ ทุกครั้งที่คลื่นซัดสาด คล้ายกับยืนอยู่ใจกลางกองเพลิงแผดเผาร่างของเขาไม่หยุดหย่อน แต่เขาไร้ซึ่งความหวาดกลัว ดวงตาดื้อรั้นคู่นี้ราวกับว่าหากหากู้ชูหน่วนไม่เจอ ก็จะไม่มีทางรามือ ทันใดนั้น เขาเห็นกู้ชูหน่วนบนผาหินที่ยื่นออกไป หัวใจที่บีบรัดอยู่ของประมุขชิงพลันผ่อนคลายลงมาในพริบตา ทว่าไม่ทันไร ใจของเขาพลันตื่นตระหนกขึ้นมาอีกครั้ง เพราะแววตาของนางล่องลอย เสื้อผ้าไม่เป็นระเบียบ กำลั
เวินเส้าอี๋ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองกู้ชูหน่วน เขากลัวว่าหากมองแล้วตนจะทนไม่ไหว ตรงกลางหน้าผา ร่างของกู้ชูหน่วนและเวินเส้าอี๋ล้วนแต่ขดตัวเป็นวง ต่างก็พยายามอดกลั้นด้วยชีวิต ลมอ่อนๆ พัดโชยไป เกิดคลื่นลาวาเป็นชั้นๆ ลมที่พัดผ่านไปก็เป็นลมร้อน ไร้ซึ่งความเย็นแต่อย่างใด เจ็บปวดจนเกินจะทน เวินเส้าอี๋พยายามนั่งขัดสมาธิ ปากก็คอยสวดมนต์ไม่หยุด หวังว่าใจจะสงบลงตามธรรมชาติ กู้ชูหน่วนตวาดออกมาอย่างอดไม่ได้ "ให้ตายสิ เวลานี้แล้วยังจะสวดมนต์อะไรอีก หากสวดมนต์ได้ผล แม่หมูคงปีนต้นไม้ได้แล้ว" เขาไม่รู้บ้างเลยหรือ ว่าทันทีที่เขาเอ่ยปาก มีแต่จะกระตุ้นความต้องการที่นางอดกลั้นเอาไว้ด้วยความยากลำบากให้รุนแรงขึ้นกว่าเดิม คิ้วดกดำดั่งขุนเขาของเวินเส้าอี๋ขมวดเข้าหากัน เขาใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว ความรู้สึกนี้หากจะบอกว่า จะอยู่ก็ไม่ได้ จะตายก็ไม่ดี ไม่เกินจริงเลยสักนิด สวดมนต์ก็ไม่อาจทำให้อารมณ์ที่พลุ่งพล่านรุนแรงของเขาดีขึ้นได้แต่อย่างใด เวินเส้าอี๋จึงยอมแพ้ไป และยังคงขดตัวเป็นวงอยู่ติดกับผาหินอย่างไร้ที่พึ่ง "แม่เจ้าโว้ย ข้าทนไม่ไหวแล้ว" กู้ชูหน่วนไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเวินเส้าอี๋สมาธิดีเ
อยู่ดีๆ เหตุใดจึงถูกวางยาเสียได้ กู้ชูหน่วนพยายามคิดทบทวน ทันใดนั้นเอง นางก็พลันโมโหจนต้องตบเข่าฉาด บ้าเอ้ย... เมื่อกี้ตอนที่เวินเส้าอี๋เกาะยึดผาพลางกอดนางไว้ บนกำแพงหินมีดอกพันรักขึ้นอยู่เต็มไปหมด ดอกพันรักเป็นดอกไม้ปลุกกำหนัดที่มีฤทธิ์รุนแรงนัก ยามนี้ดอกพันรักบานสะพรั่ง ทุกที่บนกำแพงหินล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ คนธรรมดาเพียงแค่ดมกลิ่นของดอกไม้ชนิดนั้นเข้าไป ก็จะจมดิ่งลงสู่ห้วงทะเลแห่งความปรารถนา ส่วนพวกนาง......เมื่อครู่สูดกลิ่นของดอกพันรักบนกำแพงไปปริมาณมาก โดยเฉพาะมือของเวินเส้าอี๋ที่ชุ่มไปด้วยเลือดแล้วยังไปสัมผัสโดนเกสรของดอกพันรัก จึงโดนพิษเข้าไปลึกกว่านางนัก กู้ชูหน่วนอยากจะเป็นลมตายลงไปเสียตรงนั้นให้รู้แล้วรู้รอด เพิ่งข้ามมิติมาได้ไม่นาน นางก็ถูกวางยาไปแล้วสองหน อีกทั้งสองครั้งนี้ล้วนแต่เป็นยาปลุกกำนัดอานุภาพรุนแรงทั้งสิ้น "ร้อน......" เวินเส้าอี๋ปากลิ้นแห้งผาก ทรมานจนต้องฉีกคอเสื้อของตนออก กู้ชูหน่วนเอ่ยด้วยความลนลาน "เฮ้ย ข้าขอบอกเจ้าไว้ก่อน หญิงชายไม่ควรใกล้ชิดกัน เจ้าอย่าทำอะไรบุ่มบ่ามเชียวล่ะ" นางตามหาในแหวนปริภูมิจนทั่วแล้ว ยาส