"อาสะใภ้ ท่านช่างใจดียิ่งนัก" องค์หญิงตังตังยิ้มด้วยความใสซื่อบริสุทธิ์ สั่งให้คนไปยกน้ำชามา แล้วรินให้นางด้วยตัวเองถ้วยหนึ่ง"ท่านอาสะใภ้ ตังตังขอใช้น้ำชาแทนเหล้า เพื่อแสดงความเคารพ"สายตาเย็นชาของเย่จิ่งหานฉายรีงสีอำมหิตผาดหนึ่งคนที่รู้จักเขาดีต่างก็รู้ว่า หากใส่อะไรลงไปในชาถ้วยนี้ วันนี้ก็จะเป็นวันตายของตังตัง เพราะเขาฉายไอสังหารออกมาแล้วจริงๆไม่รู้ว่าเจี้ยงเสวี่ยปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อใด พูดกระซิบเสียงเบาอยู่ข้างเย่จิ่งหาน "นายท่าน ในน้ำชาขององค์หญิงตังตังไม่มีพิษ"ไม่มีพิษ ?เช่นนั้นนางยกน้ำชากับนางเพื่อสิ่งใด"ความหวังดีขององค์หญิงตังตัง พระชายาของข้ารับไว้ด้วยใจแล้ว วันนี้เป็นคืนส่งตัวเข้าหอของข้า ข้าขอตัวก่อน"กู้ชูหน่วนกลับใจกว้าง พูดแก้ให้ด้วยท่าทางหนักแน่นมั่นใจ "ท่านอ๋อง ความตั้งใจจริงขององค์หญิงตังตัง พวกเราจะไม่รับไว้ได้อย่างไร หากทำร้ายจิตใจดวงน้อยๆ ของนางเล่า จะทำเช่นไร"เย่จิ่งหานขมวดคิ้วมุ่นพระชายาของเขาคิดจะทำการใดอีกแล้ว"องค์หญิงตังตังเรียกข้าท่านอาสะใภ้ทุกคำ ข้าฟังแล้วอารมณ์ดียิ่งนัก ต่อไปก็ต้องรักษาไว้ล่ะ" กู้ชูหน่วนพูดพลางรับถ้วยน้ำชาจากนางมา ดวงตาใสเ
กู้ชูหน่วนมองดูสายตาตกตะลึงของคนทั้งงานด้วยความพึงพอใจเดิมทีนางไม่ได้อยากทำให้เป็นเรื่องเอิกเริกเช่นนี้ แต่เป็นพวกเขาที่อยู่ดีไม่ว่าดี บีบบังคับให้นางเผยโฉมที่แท้จริงองค์หญิงตังตังพึมพำ "เจ้า...เจ้าเป็นใคร""เมื่อครู่องค์หญิงยังเรียกข้าว่าอาสะใภ้อยู่เลยไม่ใช่หรือ เหตุใดไม่รู้จักกันเสียแล้ว""เจ้า...เจ้าคือกู้ชูหน่วน ? เป็นไปได้อย่างไร รูปโฉมของเจ้าอัปลักษณ์ไม่ใช่หรือ เหตุใดถึง..." เหตุใดถึงได้งดงามเพียงนี้ก่อนหน้านี้นางคิดว่ากู้ชูอวิ๋นรูปโฉมงดงาม ยามนี้เมื่อเปรียบเทียบกัน นางกลับรู้สึกว่ากู้ชูอวิ๋นเทียบไม่ได้เลย"องค์หญิงพูดอะไรประหลาดเช่นนี้ ป่วยยังรักษาให้หายได้ รูปโฉมของข้าอัปลักษณ์ไปบ้าง ยามนี้รักษาหายแล้ว มีสิ่งใดน่าแปลกหรือ"องค์หญิงตังตังชะงักงันใบหน้านี้เด้งตึงเปล่งปลั่ง ผิวพรรณเนียนนุ่ม ราวกับทารกแรกเกิด ช่างทำให้คนอิจฉานักกู้ชูอวิ๋นสีหน้าไม่สู้ดี ร่างกายสั่นไปทั้งตัวนางเปลืองแรงไปตั้งมากมาย กว่าจะยั่วยุให้องค์หญิงตังตังกระชากผ้าคลุมของกู้ชูหน่วนได้ เดิมทีตั้งใจจะทำให้กู้ชูหน่วนอับอายขายหน้า คิดไม่ถึงว่ากลับกลายเป็นการให้โอกาสกู้ชูหน่วนได้ทำให้ทุกคนตกตะลึงรูป
แม้เสียงจะอ่อนปวกเปียกไร้พลัง ทว่ากลับแฝงไว้ด้วยความร้ายกาจ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด พวกเขาได้ยินแล้วรู้สึกขนลุกซู่ทุกที เกิดความกังวลลึกๆ ในใจ ราวกับกลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นรอยยิ้มบนใบหน้าของเย่จิ่งหานค่อยๆ เคร่งขรึงลงมา มุมปากเผยให้เห็นความถากถางดูถูกเหล่าผู้ใต้บัญชาและองครักษ์ลับของเขาเตรียมแถวตั้งรับ ประหนึ่งว่ากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจแววตาอ่อนโยนของซ่างกวานฉู่ฉายประกายเบาๆ คล้ายว่าเข้าใจอะไรบางอย่าง บนใบหน้าที่สง่างาม มีความสนใจเพิ่มขึ้นมา ดูเหมือนกำลังตั้งตารอเรื่องสนุกกู้ชูหน่วนชะงักงันเสียงนี้...ดูเหมือนจะเป็นอาโม่เขามาที่นี่ทำไม"พี่สาว ท่านใจร้ายเกินไปแล้ว ข้าเป็นคนของท่านแล้ว ท่านกลับทิ้งขว้างข้าอย่างใจดำ ไปแต่งงานกับคนอื่น"ซี้ดดด...ทุกคนสูดหายใจเข้าด้วยความตะลึงมะ...หมายความว่าอย่างไร...หานอ๋องเฟยยังไม่ทันแต่งเข้ามา ก็สวมเขาให้เทพสงครามแล้วอย่างนั้นหรือเป็นไปไม่ได้หรอกกระมังนั่นเป็นถึงเทพสงครามกระหายเลือดผู้โหดเหี้ยมหากหานอ๋องเฟยกล้าสวมเขาให้เขาจริง เทพสงครามจะยังไม่ฆ่านางได้อย่างไรกู้ชูหน่วนอยากจะสบถออกมาดังๆบ้าเอ้ยวันนี้เป็นวันมงคลของน
กู้ชูหน่วนมุมปากกระตุกเขาจงใจมาก่อกวนเท่านั้นหรือในวันพิธีเสกสมรสเช่นนี้ ทำเสียราวกับว่านางและเขามีอะไรคลุมเครือกันชิงเฟิงพูดด้วยความโกรธเกรี้ยว “สามหาว พระชายาไม่ใช่ผู้ที่จะบังอาจ…”"เฮือก......"หัวหน้าเผ่าหมอเพียงแค่โบกมือ ไอสังหารไร้รูปร่างก็พุ่งเข้าโจมตีชิงเฟิงไอสังหารนี้เหมือนจะบางเบา แต่ในความเป็นจริงเต็มไปด้วยพละกำลังที่สามารถทำลายฟ้าดินได้ หากถูกโจมตีเข้า เกรงว่าเขาคงต้องสลายกลายเป็นหมอกเลือดในทันทีรูม่านตาของชิงเฟิงพลันหดตัว อยากจะหลบ แต่กลับไม่มีที่ให้หลบรู้สึกได้ถึงความตายที่กำลังหล่นมาทับศีรษะ เขาคิดว่าตนคงต้องตายแน่แล้ว ยังดีที่นายท่านออกโรง ด้วยท่วงท่าโบกมือที่สบายๆ เช่นเดียวกัน สามารถทำลายไอสังหารของหัวหน้าเผ่าหมอที่โจมตีเข้ามาทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในระยะเวลาเพียงชั่วพริบตา ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่อาจเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทว่าชิงเฟิงกลับราวกับไปวนนรกมาแล้วรอบหนึ่ง“พระชายาของข้าสง่างาม เรียบร้อยอ่อนโยน หัวหน้าเผ่าหมอคงอิจฉาที่ข้าได้ภรรยาดี จึงได้หึงหวงกระมัง”"ตู้ม......"ทั้งงานพลันเดือดระอุทันตา แต่ละคนพากันถอยหลังกรูไม่หยุด จ้องมองหัวหน้าเผ่
แขกทั้งหลายสังเกตเห็นความผิดปกติและแยกตัวออกจากห้องโถง เพราะกลัวว่าพวกเขาอาจได้รับผลกระทบหากเทพสงครามและหัวหน้าเผ่าหมอต่อสู้กันแต่พวกเขาก็ไม่อยากพลาดศึกใหญ่ในครั้งนี้ พวกเขาจึงซ่อนตัวอยู่ข้างนอกเพื่อแอบดูกู้ชูหน่วนหาวและรู้สึกเบื่อหน่ายมาก"ชิวเอ๋อร์ พาข้ากลับห้องไปนอนที""ห้ะ......คุณหนู ท่านอ๋องกับหัวหน้าเผ่าหมอกำลังจะต่อสู้กันแล้วนะเจ้าคะ" เวลานี้คุณหนูง่วงได้อย่างไรได้ยินมาว่าหัวหน้าเผ่าหมอเป็นคนอำมหิตที่ทำเรื่องชั่วร้ายมากมาย ทั้งการข่มขืน การลักพาตัว และการปล้นสะดมกู้ชูหน่วนง่วงจนลืมตาไม่ขึ้น ขี้เกียจสนใจว่าพวกเขาจะต่อสู้กันอย่างไร และขี้เกียจสนใจว่าคนอื่นคิดอย่างไรกับนาง นางแค่อยากงีบหลับเมื่อเห็นว่าชิวเอ๋อร์ไม่นำทาง นางก็กลับไปที่ห้องด้วยตัวเอง ปิดประตูเสียงดังและนอนหลับไปชิวเอ๋อร์เปิดประตูห้องอย่างเบามือ เดิมทีคิดว่าคุณหนูของนางไม่พอใจที่งานแต่งถูกทำลาย แต่นางนึกไม่ถึงว่าในเวลาเพียงชั่วครู่ จะได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของนาง"คุณหนู ท่านใจเย็นเกินไปแล้ว ข้างนอกวุ่นวายขนาดนี้""จะเสียงดังทำไม ข้าไม่ได้นอนหลับสบายมาหลายวันแล้ว" กู้ชูหน่วนปัดมือของชิวเอ๋อร์และขี้เ
"ยัยขี้เหร่ ตื่นเร็ว"เซียวอวี่เชียนรู้จักนิสัยของนางเป็นอย่างดี หากไม่มีอันตราย นางคงหลับเป็นตาย หากมีอันตราย นางจะตื่นตัวยิ่งกว่าใคร เซียวอวี่เชียนจึงดึงนางขึ้นทันที"เจ้านี่น่ารำคาญมาก ไม่รู้หรือว่าคนเราอดนอนนานๆ ตายได้เลยนะ""ยัยขี้เหร่ นี่ข้าเอง" เซียวอวี่เชียนกะพริบตายิ้มอย่างมีความสุข แต่เมื่อเห็นชุดแต่งงานบนร่างกายของนาง รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็จางลงดวงตาของกู้ชูหน่วนเปล่งประกาย"เสี่ยวเชียนเชียน ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?"นี่ไม่ใช่ห้องหอของนางในวันแต่งงานหรอกหรือ? การรักษาความปลอดภัยของจวนหานอ๋องหละหลวมขนาดนี้เมื่อไหร่กัน?เมื่อมองไปข้างนอกอีกครั้ง ลมพัดกระโชกแรง หงส์คู่และดอกลำโพงปะทะกันครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกครั้งที่ปะทะกัน ทำให้จวนหานอ๋อง แม้กระทั่งเมืองหลวงสั่นสะเทือนอยู่เรื่อยไปให้ตายเหอะ......สองคนนี้ไม่จบไม่สิ้นอีกหรือ? ทะเลาะกันมานานแค่ไหนแล้ว ยังไม่จบอีก รบกวนคนอื่นมากเซียวอวี่เชียนยิ้ม "ยัยขี้เหร่ ข้าใช้ออกแรงอย่างมากในการขุดอุโมงค์ และออกแรงอย่างหนักในการล่อองครักษ์ลับข้างกายเย่จิ่งหานออกไป เจ้าอยากไปจากที่นี่พร้อมกับข้าหรือไม่?""ไปพร้อมกับเจ้า? หนีง
อาจารย์สวี?ท่านอาจารย์สวีอายุตั้งห้าสิบกว่าแล้ว เป็นไปได้อย่างไรที่จะเป็นคนที่ขโมยกระดิ่งภินวิญญาณของเยี่ยเฟิง?ตามคำอธิบายของเยี่ยเฟิง คนที่ขโมยกระดิ่งภินวิญญาณของเขาเป็นเด็กหนุ่มสวมหน้ากากชุดขาวที่มีวิทยายุทธสูงมาก?เซียวอวี่เชียนเอ่ยว่า "หรือว่าจะเป็นท่านอาจารย์สวีที่ส่งคนไปขโมยกระดิ่งภินวิญญาณ?"กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว นางเองก็ไม่เข้าใจสถานการณ์ แต่นางอยากจะไขความลับของกระดิ่งภินวิญญาณและค้นหาลูกแก้วมังกรในตำนาน"ไม่ว่าใครจะเป็นคนขโมยกระดิ่งภินวิญญาณ ยัยขี้เหร่ เจ้าคิดจะอยู่ในจวนหานอ๋องไปตลอดชีวิตและเป็นหานอ๋องเฟยของเขาอย่างนั้นหรือ? โลกภายนอกกว้างใหญ่มาก เจ้าไม่อยากออกไปดูบ้างรึ?""ก็ได้ เช่นนั้นเราไปกันเลย" กู้ชูหน่วนเปิดผ้าห่ม หยิบมงกุฎหงส์ และกระโดดลงไปในอุโมงค์ก่อนเซียวอวี่เชียนตะลึงยัยขี้เหร่ เพิ่งปฏิเสธไปเองไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงบอกว่าจะไปก็ไป? รีบกว่าเขาเสียอีกชิวเอ๋อร์ร้อนใจจนแทบเป็นบ้า "คุณหนู ท่านจะทำอะไรเจ้าคะ วันนี้เป็นวันแต่งงานของท่าน หากท่านอ๋องรู้เข้า ท่านอ๋องจะปล่อยท่านไปได้อย่างไร""ชิวเอ๋อร์ อาจต้องลำบากเจ้าอยู่ที่จวนหานอ๋องอีกสักพัก เย่จิ่งหานปากร้ายใจดี
"ไปกันเถอะ รีบไปกันเถอะ"กู้ชูหน่วนกวาดสายตามองไปยังลานบ้านที่ถูกทิ้งร้าง ไม่รู้ว่าเมื่อเย่จิ่งหานรู้ว่านางจากไปแล้ว เขาจะโกรธจนเป็นบ้าหรือไม่?การแต่งงานของพวกเขาเป็นเพียงการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ นางไม่เคยลืมที่จะรักษาพิษและขาของเขา เมื่อนางไขความลับของกระดิ่งภินวิญญาณได้แล้ว นางจะกลับไป"เอี๊ยด" เสียงดังขึ้นกู้ชูหน่วนเปิดประตูที่ปิดตายมานาน ภาพที่ปรากฏต่อหน้าคือหัวหน้าเผ่าหมอสีหน้าเศร้าสร้อยของหัวหน้าเผ่าหมอปรากฎใบหน้าที่สวยงามราวกับปีศาจ และดวงตาที่มีสีต่างกันก็ดูแปลกตา แต่ไม่รู้ว่าโดนใครต่อยมา ดวงตาสีฟ้าอ่อนของเขาข้างหนึ่งกลายเป็นหมีแพนด้าไปแล้วริมฝีปากสีแดงสดของเขาก็บิดเบี้ยวไปด้านข้าง มองแวบแรกดูเหมือนคนวิกลจริต เป็นความรู้สึกที่อยู่กึ่งกลางระหว่างของศักดิ์สิทธิ์กับของปลอมหัวหน้าเผ่าหมอเอ่ยอย่างเศร้าสร้อย "พี่สาวไม่ต้องการอาโม่แล้วหรือ?"เซียวอวี่เชียนเหมือนตกอยู่ในอันตราย พัดในมือของเขากำแน่น เตรียมพร้อมที่จะสะบัดออกไปได้ทุกเมื่อกู้ชูหน่วนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "โดนเย่จิ่งหานต่อยมาหรือ?""เจ็บมากเลย พี่สาวไม่ปลอบโยนอาโม่เลย"กู้ชูหน่วนพูดอย่างขบขัน "เย่จิ่งหานลงมือหนั
เดิมทีคนของเผ่าเทียนเฝินก็สงสัยในตัวนายท่านหลันอยู่แล้ว เมื่อกู้ชูหน่วนพูดเช่นนี้ คนของเผ่าเทียนเฝินก็อดไม่ได้ที่จะมองนายท่านหลันเป็นศัตรูยิ่งกว่าเดิม กู้ชูหน่วนเอ่ยออกมาเบาๆ อีกประโยค "อีกอย่างหินก้อนใหญ่จากยอดเขากลับร่วงมาบนหัวผู้อาวุโสทุกท่านของเผ่าเทียนเฝิน ทว่าพวกเจ้าทั้งหมดกลับอยู่ริม และหลบได้อย่างง่ายดาย" "กู้ชูหน่วน เจ้าหมายความเช่นไร หรือเจ้าสงสัยว่าเป็นแผนของข้ารึ" "ข้าไม่มีความกล้าที่จะพูดเช่นนั้นหรอก ชีวิตน้อยๆ ของข้ายังอยู่ในมือเจ้า" "เช่นนั้นหินก็ไม่ได้ร่วงใส่เจ้าไม่ใช่หรือ" "ข้าไม่โดนหินทับตาย เพราะข้าดวงแข็ง ใครจะรู้ว่าอีกเดี๋ยวทางที่เจ้าพาไป จะหลอกข้าไปตายหรือไม่" "หากวันนี้ข้าไม่ได้ฆ่าเจ้า ข้าจะไม่ใช่นายท่านหลันแห่งกองธงทั้งสิบสองของเผ่าหมออีก" นายท่านหลันเดือดดาล ไม่ลังเลที่จะลงมืออีกต่อไป ทุกกระบวนท่าล้วนแต่ต้องการจะสังหารกู้ชูหน่วนให้ถึงแก่ชีวิต ผู้อาวุโสเผ่าเทียนเฝินก็มีน้ำโหด้วยเช่นกัน บวกกับกู้ชูหน่วนคอยยุแยงทุกประโยค คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอจึงแตกหักกันโดยสิ้นเชิง หันมาฆ่าฟันกันเอง ผู้อาวุโสจวินพูดด้วยความฉุนเฉียว "พวกหัวขโมยอ
ไฟโทสะในใจของนายท่านหลันสุมเป็นกองใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พร้อมจะระเบิดได้ทุกเวลา เขาคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด “กู้ชูหน่วน เจ้าวกไปวนมา จะวนไปถึงไหนกัน” “พวกเจ้าให้ข้าพาพวกเจ้าไปสุดยอดเขาเพื่อตามหาแก้วมังกรไม่ใช่รึ ข้ากำลังหาทางอยู่นี่อย่างไร” นายท่านหลันโกรธจนอยากจะฟาดฝ่ามือใส่นางให้ตาย กู้ชูหน่วนพูดอย่างน้อยอกน้อยใจ “ที่แห่งนี้มีทางแยกมากมาย ข้าพยายามหาเส้นทางเต็มที่แล้ว อีกอย่างทุกเส้นทางที่ไป ล้วนแต่ผ่านความเห็นชอบของพวกเจ้าแล้ว นายท่านหลัน เจ้าจะใส่ร้ายว่าข้าจงใจพาพวกเจ้าวกไปวนมาได้อย่างไร” นายท่านหลันหงุดหงิด ทั้งๆ ที่กู้ชูหน่วนจงใจหลอกพวกเขา ทว่านางกลับเอาเหตุผลมาอ้างทุกประโยค แสร้งทำเป็นบริสุทธิ์ ทำให้เขาหาข้อกังขาไม่ได้ ทุกครั้งที่นางจะวนอยู่ที่ทางแยก นางถามพวกเขาก่อนแล้ว แต่นางแทบไม่ให้เวลาเขาดูแผนที่ก็มุ่งหน้าเดินต่อไปแล้ว ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเริ่มจะหมดความอดทน พวกเขาวนอยู่ในถ้ำมาครึ่งวันแล้ว ขืนวนต่อไป เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่น้อยนิดของพวกเขาก็จะถูกใช้จนหมด ต้องไปถึงยอดเขาให้ได้โดยเร็ว เขาเอ่ยเสียงขรึม พยายามข่มความเหลืออดไว้ในใจ “ยังต้องเดินอีกไกลเพียงใด” “เ
ครั้งนี้ เหล่าผู้อาวุโสของเผ่าเทียนเฝินเองก็ไม่ใจเย็นอีกต่อไปแล้ว อยากจะแทงกู้ชูหน่วนให้ตายเสียเดี๋ยวนั้น ทว่ากู้ชูหน่วนกลับชิงร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลออกมาเสียก่อน พลางสะอึกสะอื้น "เหล่าสหายทั้งหลาย เป็นข้าเองที่ทำร้ายพวกเจ้า หากรู้แต่แรกว่าที่นี่อันตรายถึงเพียงนี้ หากรู้แต่แรกว่าถ้าบุกเข้ามาจะทำให้พวกเจ้าตายอย่างทรมานที่นี่ ข้ายอมถูกพวกเจ้าตีตายไปเสีย แต่จะไม่ยอมยกกระดิ่งภินวิญญาณให้เด็ดขาด ข้าผิดต่อพวกเจ้า" "ข้าสมควรตาย ข้าทำผิดต่อพวกเจ้า พวกเจ้าฆ่าข้าเสียเถอะ ชีวิตคนมากมายเช่นนี้ คุณพระช่วย...ข้าควรชดใช้เช่นไร" นางร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหล ปวดใจเป็นที่สุด คนของเผ่าเทียนเฝินพลันใจอ่อนฮวบในทันที คนของเผ่าหมอก็คลายความโกรธลงไปไม่น้อย มีเพียงแค่นายท่านกองธงที่กัดฟันกรอด เส้นเลือดสีเขียวปูดจนจะระเบิดออกมา "ในเมื่อเจ้าอยากตายถึงเพียงนี้ เช่นนี้ข้าจะทำให้เจ้าสมหวัง" หัวหน้ากองธงพูดพลางฟาดฝ่ามือไปที่กะโหลกของนาง คนของเผ่าเทียนเฝินมองดูหน้าตาเฉย อยากเห็นว่ากู้ชูหน่วนคิดจะเล่นพิเรนทร์อะไร คิดไม่ถึงว่ากู้ชูหน่วนเพียงแค่ร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไม่ขยับเขยื้อน อีกทั้งยังไม่ตอบโต้ ท่าทางรอคว
เหล่าผู้อาวุโสระดับสูงเป็นกังวล ยามนี้พวกเขาต่างก็เจ็บหนัก หากฝืนตามไป ใช่ว่าจะเป็นประโยชน์ เพราะถึงอย่างไรอาการของแต่ละคนก็สาหัสปางตายกันทั้งสิ้น แต่หากไม่ไปแล้วแก้วมังกรถูกชิงไป คิดจะแย่งกลับมา เช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แล้ว พวกเขาออกตามหามาหลายปี ใช้คนไปตั้งมากมาย จนมาพบที่ตั้งของแก้วมังกรในที่สุด ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรยอมแพ้ กู้ชูหน่วนพิงอยู่ข้างโขดหิน มองดูท่าทีลังเลของพวกเขาอยู่เงียบๆ มุมปากยกยิ้มที่ยากจะสังเกตเห็น แก้วมังกรล่อตาล่อใจเสียขนาดนั้น มีหรือที่พวกเขาจะไม่ติดกับ เป็นอย่างที่นางคิดเอาไว้ คนเหล่านี้กัดฟันเค้นออกมาหนึ่งประโยค "ไป ขึ้นเขาไปดูเสียหน่อย เจ้าก็ไปกับพวกข้าด้วย" กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นตกใจ "เมื่อครู่พวกท่านเพิ่งรับปากว่าจะให้ข้าออกไปอย่างปลอดภัยไม่ใช่หรือ หรือท่านจะกลับคำพูด" "แผนที่ที่เจ้าให้มามีเพียงครึ่งเดียว นอกเสียจากเจ้าช่วยพวกข้าตามหาอีกครึ่งหรือหาแก้วมังกรพบ ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าจะได้ไปไหน" "ท่านไม่รักษาคำพูดนี่" "เช่นนั้นเจ้าอยากถูกฝังอยู่ที่นี่หรือไม่" คนของเผ่าเทียนเฝินผลักนางไปด้านหน้า กู้ชูหน่วนทำได้เพียงแค่มุ่งหน้า
ทุกคนต่างก็จ้องไปที่กู้ชูหน่วนด้วยความโกรธ กู้ชูหน่วนผงะถอยหลังไปหลายก้าว พูดด้วยความระวัง "อีกครึ่งถูกชาวเขาตานหุยชิงไป พวกเจ้าจ้องข้าก็ไม่มีประโยชน์ หากข้ามีแผนที่อีกครึ่ง อย่างไรก็ต้องส่งให้พวกเจ้าอยู่ดี" "ชาวเขาตานหุย ?" นายท่านหลันเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง "ใช่แล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าคิดว่า เหตุใดชาวเขาตานหุยถึงใจเย็นได้ขนาดนั้น รอพวกเจ้าต่อสู้อยู่ด้านนอกตั้งนาน เว้นเสียแต่นอกจากทางลงเขาเส้นนี้ บริเวณปากเขาน้ำเต้ายังมีทางอีกเส้นที่สามารถออกไปจากเขาน้ำเต้าแห่งนี้ได้ หากพวกเขาได้แก้วมังกรแล้ว ก็น่าจะลงเขาไปทางนั้นเลย" นายท่านหลันสงสัยเคลือบแคลงในคำพูดของนางเป็นอย่างยิ่ง"ทุกท่าน สตรีนางนี้ไม่เคยมีความจริงออกจากปากนาง พวกเจ้าอย่าไปเชื่อนางเด็ดขาด" ผู้อาวุโสอวิ๋นสองจิตสองใจ "คนของพวกเราเข้ามาในเขาน้ำเต้า บาดเจ็บเสียหายอย่างหนัก แต่ชาวเขาตานหุยดูเหมือนจะราบรื่นตลอดทาง อีกทั้งยังไม่พบเจออุปสรรคใดๆ เลย" เมื่อผู้อาวุโสอวิ๋นกล่าวเช่นนี้ ผู้อาวุโสจวินก็คิดขึ้นมาได้ "เป็นจริงอย่างที่พูด ตอนนั้นข้ายังสงสัยว่าเหตุใดชาวเขาตานหุยถึงได้โชคดีเพียงนี้ ไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย ยามนี้มาคิด
"เยี่ยเฟิงออกไปจากเขาน้ำเต้าแล้ว" "เจ้าซ่อนสิ่งใดเอาไว้" สีหน้าของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะกลับมานิ่งสงบอย่างรวดเร็ว นางวางมือทั้งสองข้างลง แสร้งทำเป็นพูดด้วยท่าทางสบายๆ ไม่ใส่ใจ "ข้าสตรีอ่อนแอตัวคนเดียว จะมีสิ่งใดในครอบครองได้ ก็แค่กลัวว่าชายฉกรรจ์อย่างพวกเจ้าจะเสียมารยาทกับข้าก็เท่านั้น" คำพูดนี้ของนี้ ไม่มีผู้ใดเชื่อ เพราะสีหน้าที่แสดงออกมาเล็กๆ น้อยๆ ของนางได้หักหลังนางหมดแล้ว ต่อให้นางจะนิ่งเพียงใด ทุกคนก็จับได้อยู่ดี คนของเผ่าหมอพากันเข้ามาล้อมนางเอาไว้ คนของเผ่าเทียนเฝินแม้จะนิ่งดูดาย แต่ก็ไม่ได้คิดจะปล่อยกู้ชูหน่วนไป "นังหนู ข้าขอเตือนเจ้าให้ส่งของมาดีๆ ไม่เช่นนั้น...เหอะ..." คำพูดของนายท่านหลันเต็มไปด้วยความตักเตือน นายท่านหมู่ตานกลับพูดจีบปากจีบคอ "นังเด็กคนนี้แม้จะสกปรกมอมแมมไปบ้าง แต่รูปร่างดีใช้ได้ เอามาใช้อุ่นเตียงแก้ขัดก็น่าจะไม่เลว" "เจ้า...พวกเจ้าคิดจะทำอะไร..." "ข้าบอกพวกเจ้าไว้ก่อน ข้าเป็นถึงหานอ๋องเฟย ขืนพวกเจ้ากล้าทำอะไรข้า หานอ๋องไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่" "ว่าอย่างไรนะ...เจ้าคือภรรยาของเย่จิ่งหาน เช่นนั้นพวกเราเผ่าเทียนเฝินยิ่
ด้านล่างตีนเขาของเขาน้ำเต้า คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอลงจากเขาด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส และกองทัพที่แพ้จนหมดสภาพ สีหน้าของพวกเขาต่างก็ไม่สู้ดีนัก ข่มความฉุนเฉียวเอาไว้ เลือดสีแดงสดไหลคดเคี้ยวลงมาจากร่างของพวกเขา ผู้อาวุโสจวินแห่งเผ่าเทียนเฝินเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ "หากคนเผ่าหมอของพวกเจ้าลงมือตั้งแต่แรก พวกเราก็คงไม่ต้องพ่ายแพ้จนมีสภาพเช่นนี้ แล้วปล่อยให้พวกชาวเขาตานหุยได้ประโยชน์ไป" นายท่านหลันยิ้มเยาะ "พวกเจ้าเผ่าเทียนเฝินยังเหลือยอดฝีมือจำนวนไม่น้อยไว้ระวังพวกข้า หากร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวกัน ร่วมต่อสู้ด้วยกัน มังกรอสูรขั้นเจ็ดก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกข้าลงมือ พวกเจ้าจัดการเองก็ได้แล้ว สุดท้ายแล้ว พวกเจ้าก็ไม่ไว้ใจพวกข้า" ผู้อาวุโสอวิ๋นเฟยเย่มีนิสัยใจร้อนมาแต่ไหนแต่ไร เขาเดือดดาลขึ้นมาทันที "หากพวกข้าเข้าไปพร้อมกัน ทุกคนต่างก็เจ็บหนักกันหมด หลังจากนั้นพวกเจ้าจะได้ถือโอกาสฉกฉวยผลประโยชน์ไปได้ง่ายๆ น่ะสิ" ผู้อาวุโสหวงหนึ่งในผู้อาวุโสระดับสูงติเตียน "พอได้แล้ว แทนที่จะมัวมาพูดมากอยู่ตรงนี้ ไม่สู้คิดหาหนทางว่าจะชิงแก้วมังกรมาจากชาวเขาตานหุยอย่างไรจะดีกว่า" ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเอ่ย ก
"โฮ่ว..." "โฮก..." "เฮือก..." นายท่านกองธงเผ่าหมอและมังกรอสูรต่างก็เจ็บหนัก ครั้งนี้ล้วนแต่บาดเจ็บเสียหายกันทั้งคู่ "นายหญิง นายท่านสองคนนั้นเป็นนายท่านจากอีกสองกองธง หนึ่งในนั้นนายท่านเถาฮวาถูกมังกรอสูรโจมตีบาดเจ็บสาหัส อาการปางตาย เกรงว่าคงไม่อาจรอดไปได้แล้ว มังกรอสูรก็เจ็บไม่เบาเช่นกัน กรงเล็บหักไปเล็บหนึ่งแล้ว นายหญิง พวกเราเข้าไปตอนนี้เลยดีหรือไม่" "เจ้าจะรีบไปเกิดใหม่หรืออย่างไร จะร้อนรนกระวนกระวายไปไหน" "แต่ขืนพวกเรายังไม่ไป แล้วแก้วมังกร..." "หากแก้วมังกรชิงไปได้ง่ายเพียงนั้น พวกเจ้าคงได้ไปนานแล้ว ต้องรอถึงตอนนี้อีกรึ เสี่ยวฝูกวง ข้าเห็นปกติเจ้าก็ฉลาดดีอยู่หรอก เหตุใดพอเกี่ยวกับแก้วมังกร เจ้าถึงได้กลายเป็นคนโง่แบบนี้ไปได้" แน่นอนว่าต้องโง่อยู่แล้ว เขาจะไม่กระวนกระวายได้อย่างไร คนทั้งเผ่าต่างก็ตั้งตารอแก้วมังกรเพื่อจะได้ถอนคำสาปเลือด นั่นคือชีวิตนับพันนับหมื่นชีวิต "เจ้ารอดูเถอะ เดี๋ยวพวกเขาก็จะเริ่มการโจมตีครั้งต่อไปแล้ว" ไม่ผิดไปจากที่กู้ชูหน่วนคาดการณ์ไว้ คนของเผ่าหมอและเผ่าเทียนเฝินลงมือโจมตีอีกครั้ง สู้กันสนั่นหวั่นไหว มืดฟ้ามัวดิน
ฮองเฮาฉู่และเยี่ยเฟิงไม่ยอมแยกจากัน กู้ชูหน่วนเปลืองแรงไปมากมายกว่าจะส่งพวกเขาสองคนกลับไปได้ บนฟ้ามีเสียงดังอึกทึกครึกโครมดังไม่หยุด ลมฝนโหมกระหน่ำอย่างต่อเนื่องราวกับพายุรุนแรง ยอดเขาโลหิตน้ำเต้าสั่นสะเทือนเลือนลั่น เพราะความสั่นไหวอย่างแรงของยอดเขาทำให้ลาวาประทุขึ้นมา ซัดกระเซ็นไปบนโขดหิน ดอกไม้ใบหญ้าบนโขดหินที่แสนน่าสงสารจมอยู่ใต้ลาวา นี่คือศึกใหญ่ที่มีเพียงแค่ยอดฝีมืออันดับต้นๆ เท่านั้นที่จะก่อได้ กู้ชูหน่วนเงยหน้าไปมอง กลับพบว่ากลางอากาศมีมังกรไฟตัวสีทองที่ทั้งตัวโชกไปด้วยเลือดกำลังทะยานโลดแล่นพลางกรีดร้องไม่หยุด มังกรตัวใหญ่ยักษ์เพียงแค่สะบัดปลายหาง ยอดเขาลูกเล็กๆ บริเวณใกล้เคียงก็ราบเป็นหน้ากอง ที่น่าตกตะลึงไปกว่านั้นคือ ลูกไฟที่มันพ่นออกมา มีพื้นที่แผ่ขยายไปถึงครึ่งหนึ่งของเขาโลหิตน้ำเต้า คล้ายจะแผดเผาทำลายเขาโลหิตน้ำเต้าทั้งหมดให้สิ้นซาก นอกจากมังกรไฟ ยังมีผู้อาวุโสผมขาวอีกสี่คน ฝูกวงเอ่ย "นายหญิง สี่สุดยอดผู้อาวุโสระดับสูงแห่งเผาเทียนเฝินวิทยายุทธแก่กล้านัก พวกเขาปลีกวิเวกมานานหลายปี น้อยครั้งที่จะเข้ามาข้องเกี่ยวทางโลก คิดไม่ถึงว่าคราวนี้เผ่าเทียนเฝิน