"นายท่านหลัน ประมุขสูงสุดแห่งตระกูลหลัน เขานิสัยโหดเหี้ยม ฆ่าคนเหมือนผักปลา ชอบทรมานคน ทั้งยังมีรสนิยมประหลาดด้านนั้น เยี่ยเฟิงแสนน่าสงสาร เพิ่งอายุได้ห้าปี ก็ถูกเขาย่ำยีเสียแล้ว"แม่เฒ่าเยี่ยเล่าถึงเรื่องราวอันเจ็บปวด ระทมใจจนต้องกุมหน้าอกเอาไว้ อารมณ์อ่อนไหวนักกู้ชูหน่วนและเซียวอวี่เชียนมองหน้ากัน นึกถึงบาดแผลฟกช้ำบนตัวเยี่ยเฟิง ก็เข้าใจในทันทีว่าถูกย่ำยีนั้นหมายความว่าอย่างไร?สีหน้าของทั้งสองไม่สู้ดีนัก เซียวอวี่เชียนเดือดดาลขึ้นมาในทันใด "เพิ่งจะห้าขวบ เขาเป็นอสูรกายหรืออย่างไร? เหตุใดถึงทำได้ลงคอ?""ข้าเป็นแม่ครัว เดิมทำกับข้าวให้กับพวกองครักษ์ที่เรือนทาส แต่เพราะทำอาหารอร่อยจึงถูกบังคับให้ย้ายไปทำอาหารในตระกูล วันนั้นข้าเป็นกับตาว่าเยี่ยเฟิงถูกทรมานจนแทบขาดใจ ช่างน่าอนาถนัก เด็กอายุห้าขวบถูกทารุณปานนั้น ช่างน่าสงสารเหลือเกิน"ไม่รู้ว่านึกอะไรขึ้นได้ ร่างทั้งร่างของแม่เฒ่าเยี่ยจึงได้สั่นสะท้าน"ข้าอยากเอายาให้เขา แต่ก็กลัวจะโดนหางเลข ทำได้เพียงมองเขาหลบเลียแผลตัวเองอยู่ห่างๆ ครั้งนั้นเขานอนซบอยู่บนเตียงครึ่งเดือนเต็มๆ เกือบเอาชีวิตไม่รอด""ข้าเคยเห็นเยี่ยเฟิงคิดจะฆ่าตัวตา
"เพราะข้าให้ซาลาเปาลูกหนึ่งกับเขา ปีนั้นเขาอายุหกขวบ คนหนึ่งในกลุ่มของเขาลอบฆ่านายท่านหลัน ถูกจับแล้วสับทั้งเป็น หลังจากเก้าคนที่เหลือถูกซ้อมจนน่วมแล้ว ก็ถูกจับไปทิ้งหลังเขาหิมะ""ฤดูหนาวปีนั้นหนาวนัก หิมะตกหนักไม่หยุด บนภูเขาหิมะไม่มีของกิน ทั้งยังมีหมาป่าหิมะพลุกพล่าน แปดคนที่เหลือตายหมด เหลือเขาเพียงคนเดียว ข้าเห็นเขาทั้งหนาวทั้งหิวทั้งทรมาน จึงแอบเอาซาลาเปาให้เขาลูกหนึ่ง เพราะเหตุนั้น... เขาถึงเห็นข้าเหมือนครอบครัว""ต่อมาสามีฆ่าผิดใจกับพ่อบ้านผู้ดูแลจึงถูกฆ่า ลูกๆ ที่น่าสงสารของข้าก็โดนหางเลข ตายก่อนวัยอันควร ข้าเองก็ชีวิตพลิกผัน ถูกส่งไปเป็นบ่าวรับใช้ของแม่ครัว ทั้งยังป่วยหนัก นั่นคือช่วงเวลาอันมืดมนของข้า โชคดีที่เยี่ยเฟิงตอบแทบบุญคุณซาลาเปาลูกนั้น ดูแลข้ามาตลอด หากไม่มีเขา ข้าคงสิ้นไปตั้งนานแล้ว""ตัวเขาเองยังกินไม่อิ่มนอนไม่อุ่น แต่ยังเก็บของที่ดีที่สุดไว้ให้ข้า หลายปีมานี้ เขาดูแลข้าทุกสิ่งทุกอย่าง เพียงเพราะซาลาเปาลูกเดียวที่ข้าให้เขา""ครึ่งปีก่อนหน้านี้ ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับเขา เป็นครั้งแรกที่เขาขัดขืนนายท่านหลัน นายท่านหลันเดือดดาลนัก ควักลูกตาของข้าทั้งส
"เขามีสติปัญญา เขามีฝีมือ หากไม่มีข้า บางทีเขาอาจหาทางหลุดพ้นจากเผ่าหมอได้ แต่เขายังพาตัวถ่วงอย่างข้าไปด้วย ยอมลำบากทุกข์ทน""ครึ่งปีมานี้เขาแบกข้าตะเวนไปหมู่บ้านแล้วหมู่บ้านเล่า ต่อให้ชีวิตของพวกเราจะลำบากเพียงใด เขาก็ไม่เคยลักขโมยเงินแม้แต่อีแปะเดียว แล้วก็ไม่มีทางทำเรื่องเลวร้ายด้วย""ข้าให้ซาลาเปาเขาแค่ลูกเดียว เขายังดีกับข้าถึงเพียงนี้ พวกเจ้าว่าคนเช่นนี้ จะฆ่าเจ้าสำนักที่มีพระคุณต่อเขาได้หรือ"แม่เฒ่าเยี่ยพูดจบอารมณ์ก็พลันอ่อนไหว เสียงสะอึกสะอื้น ทั้งยังคุกเข่าลงให้กับกู้ชูหน่วนและเซียวอวี่เชียน"เจ้าทั้งสอง ข้ารู้ว่าข้าชาติกำเนิดต่ำต้อย ไม่มีสิทธิ์ร้องขอพวกเจ้า แต่ข้าก็ยังอยากอ้อนวอนพวกเจ้า โปรดช่วยเยี่ยเฟิงด้วยเถิด เขาเป็นเด็กซื่อตรงคนหนึ่ง เขาไม่มีทางฆ่าคนแน่นอน""ท่านย่า ท่านรีบลุกขึ้นเถิด"กู้ชูหน่วนประคองนางยืนขึ้น แม่เฒ่าเยี่ยกลับไม่ยอมลุก กลับกันยังโขกหัวจรดพื้นอย่างแรง"ข้าขอร้องพวกเจ้าละ เยี่ยเฟิงโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่ง นอกจากคนแก่อย่างข้าแล้ว เขาไม่มีเพื่อน ไม่มีครอบครัวข้างกายแม้สักคน เขาพูดไม่ค่อยเก่ง คนอื่นใส่ร้ายเขา เขาก็พูดแก้ตัวไม่เป็น ได้แต่เงียบอย่างเดียว"
หลังกลับจากหมู่บ้านเสี่ยวเหอชุน ฟ้าก็มืดแล้วแต่ที่คาดไม่ถึงก็คือ เยี่ยเฟิงก็กลับมาเร็วกว่าที่คิดเขาเปลี่ยนชุดใหม่ทั้งตัว เนื้อผ้าหยาบ ทว่าตัดเย็บอย่างประณีต"เสื้อผ้าของเจ้า ข้าซักเรียบร้อยแล้ว แต่ว่ามีรอยขาดอยู่แห่งหนึ่ง ขอโทษด้วย... เสื้อผ้าเจ้าราคาเท่าไหร่ ข้าจะชดใช้ให้"อาจเป็นเพราะริมฝีปากบวมเบ่ง ซ้ำใบหน้ายังมีรอยฟกช้ำและรอยฝ่ามือ เยี่ยเฟิงจึงคลุมหน้าด้วยผ้าโปร่งสีดำ ปกปิดร่อยรอยพวกนั้นเผยให้เห็นเพียงตาสองข้างของเขาท่าทีเขาไม่สู้ดีนัก ในตามีแต่เส้นเลือดฝอยแดงฉาน แต่เพราะเปลี่ยนชุดใหม่ หากมองจากภายนอกจึงไม่เห็นบาดแผลมากมายบนตัวเขาเซียวอวี่เชียนยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ "แค่เสื้อผ้าผืนเดียว ขาดก็ขาดไปเถอะ จะทิ้งก็ได้ ร่างกายเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง""ดีขึ้นมาแล้ว ขอบใจ"แววตาของเยี่ยเฟิงไหววูบ ค่อยๆ ก้มหน้าลง ไม่กล้าสบตาพวกเขากู้ชูหน่วนพลันยิ้มบาง เดินอ้อยอิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าเยี่ยเฟิง ชี้ไปที่เสื้อผ้าที่พับเป็นระเบียบเรียบร้อยในมือเขา ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม"เยี่ยเฟิง เจ้ารู้หรือไม่ว่าเสื้อตัวนี้ทำมาจากผ้าอะไร?"เยี่ยเฟิงชะงักไปเซียวอวี่เชียนเองก็พลันตกใจไม่เข้าใจว่านาง
จวนเจ๋ออ๋องหรูหราโอ่อ่า สมยศฐาบรรดาศักดิ์เจ๋ออ๋องย้ายออกไปแล้ว แต่ในจวนยังเหลือบ่าวไพร่ที่ไม่มีที่ไปอยู่มากมาย กู้ชูหน่วนเมตตาให้พวกเขาอยู่ต่อไป ทั้งยังเปลี่ยนป้ายจากจวนเจ๋ออ๋องเป็นเรือนหน่วนเจ๋ออ๋องนับว่ารักษาคำพูด ไม่ได้เอาของมีค่าในจวนอ๋องไปด้วยเลย กู้ชูหน่วนเข้าครัวเอง ทำโจ๊กตุ๋นยาให้เยี่ยเฟิง ทั้งยังอาหารค่ำมื่้อสำหรับสามคนอาหารรสเลิศนั้นเป็นเพียงเรื่องรอง แต่ประเด็นคือโจ๊กตุ๋นยาชามนั้นเซียวอวี่เชียนชาติตระกูลดี โจ๊กตุ๋นยานั่นใช้วัตถุดิบใดบ้าง เขามองปราดเดียวก็รู้"ยัยขี้เหร่ ของข้าเล่า""ของอร่อยเยอะแยะขนาดนี้ยังไม่พออีกหรือ?" กู้ชูหน่วนถลึงตาใส่เขา บ่งบอกว่าเขากำลังพูดจาเพ้อเจ้อ"กินๆ จะกินให้เจ้าล่มจมไปเลย""รีบกินเถอะ" กู้ชูหน่วนกินพลางช้อนตามอง บอกให้เยี่ยเฟิงกินด้วยกันเยี่ยเฟิงเหม่อมองอาหารเรียงรายบนโต๊ะ ดวงตาแดงก่ำนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย"คิดอะไรอยู่น่ะ เจ้ากินได้แต่โจ๊กตรงหน้านั่นแหละ จานอื่นไม่ใช่ของเจ้า""ข้าไม่หิว"เยี่ยเฟิงผลักโจ๊กตุ๋นยาตรงหน้าออกเขาชาติกำเนิดต่ำต้อย แต่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้จักของดีแต่ก่อนยามปรนนิบัตินายท่านหลัน เขาเองก็เคยเห็นโจ๊กที่ต
ชิงเฟิงเข็นเย่จิ่งหานออกมาประหนึ่งดวงจันทร์ท่ามกลางหมู่ดาว ข้างกายมีเจี้ยงเสวี่ยตามติด สองฝั่งมีองครักษ์จากจวนหานอ๋องเย่จิ่งหานสีหน้าเย็นชา ความหนาวเหน็บนั้นเหมือนกำลังแผ่ซ่านไปรอบกายเขาเขากำลังโมโหแต่กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าเพราะอะไร รู้สึกเพียงแค่ว่าในความโมโหนั้นแฝงไปด้วยความเศร้า ฮึดฮัดเหมือนหญิงเง้างอนนางยกเนื้อจานใหญ่ตรงหน้าขึ้นมา ยิ้มตาหยีทั้งสองข้าง เค้นรอยยิ้มออกมา "ท่านอ๋อง ท่านมาขอข้าวกินหรือ?"เย่จิ่งหานเลิกคิ้ว มองอาหารละลานตาบนโต๊ะกับชายงามสองคนที่นั่งสองฝั่งซ้ายขวาของนาง แทบอยากจะฟาดนางเสียให้เข็ดเขายังไม่ทันตายนางก็เริ่มเที่ยวเกี้ยวหนุ่มแล้วหรือ?"ดูท่าแล้ว วันนี้อ๋องเฟยของข้าคงสำราญดีแท้"เย่จิ่งหานเน้นหนักคำว่าอ๋องเฟยสองพยางค์นั้น น้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงไปด้วยคำเตือนชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยจ้องไปทางกู้ชูหน่วนอย่างไม่พอใจหูทวนลมกับคำพูดของนายท่านก็แล้วไปแต่กลับนี่เพิ่งถอนพิษของนายท่านได้ครึ่งทางก็ล้มเลิกเสียแล้ว นี่นางลืมนางท่านไปแล้วหรือ?กู้ชูหน่วนยิ้มเจื่อน "ก็พอไหวๆ"ตั้งแต่ข้ามการเวลามา นางก็ไม่เคยได้นอนหลับอย่างสงบสุขเลยสักคืน ความสงบสุขอยู่ที่ไหน?เม
"งั้นรึ?" เย่จิ่งหานไม่เชื่อ"จริงเสียยิ่งกว่าจริง ท่านรอก่อน ข้าจะไปยกมาให้ท่าน"ร่างอรชรในชุดสีชมพูเดินออกไป ไม่นานก็ยกถ้วยโจ๊กตุ๋นยากลับมา โจ๊กตุ๋นยานั้นเย็นชืดแถมยังไหม้เกรียมอีกต่างหาก แต่หากดูให้ดีแล้ววัตถุดิบภายในนั้นเคี่ยวมาจากยาชั้นยอดทั้งนั้น"เพิ่งเคยเคี่ยวโจ๊กครั้งแรก คุมไฟไม่ค่อยดีนัก แต่ก็พอกินได้""โจ๊กเย็นหมดแล้ว" สีหน้าของเย่จิ่งหานดีขึ้นมาเล็กน้อยถ้วยของเขาไหม้ แต่ถ้วยของเยี่ยเฟิงกลับไม่ไหม้ หรือว่าถ้วยนี้นางเพิ่งเคี่ยวเองครั้งแรกจริงๆ?"เย็นแล้วถึงจะอร่อย โจ๊กร้อนจะลวกคอเอา ข้าตั้งใจเป่าให้เย็น ท่านลองชิมดูว่าอร่อยหรือไม่"ชิงเฟิงเบ้ปาก "โจ๊กไหม้ขนาดนี้ ร่างกายของนายท่านสูงส่ง จะให้กินโจ๊กไหม้ได้อย่างไร"กู้ชูหน่วนโต้กลับเสียงขึงขัง "ร่างกายนายท่านเจ้าสูงส่ง เพียงพลิกฝ่ามือก็เรียกฟ้าเรียกฝนได้ มีโจ๊กตุ๋นยาแบบใดที่เขาอยากกินแล้วไม่ได้กิน แต่โจ๊กชามนี้ข้าเป็นคนทำเองกับมือ คุณค่าอยู่ที่ความตั้งใจ เจ้าเข้าใจหรือไม่"ชิงเฟิงแทบกระอักเลือดคุณหนูสามแค่หาข้ออ้างมาประเหลาะนายท่านชัดๆ แถมยังพูดเป็นตุเป็นตะอีกต่างหากเขามั่นใจเลยว่านางไม่มีทางเคี่ยวโจ๊กชามนี้ให้นาย
"…"กู้ชูหน่วนพอจะเข้าใจแล้วไม่ว่าจะเฉไฉอย่างไรเขาก็จะกินโจ๊กตุ๋นยาถ้วยนั้นให้ได้เหอะโจ๊กตุ๋นยาที่ราคาเท่ากับที่ดินทั้งเมือง เขากลับกล้าเอ่ยปากร้องขอนางอุตส่าห์เอาโจ๊กไหม้ที่จะโยนให้หมากินมาให้เขาแทนแล้วแท้ๆกู้ชูหน่วนกัดฟันกรอด "ได้ หากท่านอยากกิน ข้าจะเคี่ยวให้ท่านกินเอง"คิดจะชุบมือเปิบกินโจ๊กนาง ไม่กลัวตายหรือไร?เมื่อเห็นสีหน้าของนาง เย่จิ่งหานและคนอื่นๆ ก็พลันตระหนกแม่นี่ ร้ายนักเชียว คงไม่ได้คิดจะทำอะไรแผลงๆ หรอกกระมัง"ท่านอ๋อง ท่านกินโจ๊กหมดแล้ว นี่ก็ดึกมากแล้ว ได้เวลากลับไปพักผ่อนแล้วกระมังเพคะ?"กู้ชูหน่วนส่งแขกกลายๆ แต่เย่จิ่งหานกลับทำไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งยังพูดประโยคกำกวมอีก"เจ้าถอนพิษข้าไปแค่ครึ่งเดียว" ความหมายโดยนัยก็คือ ถอนพิษได้ครึ่งทางแล้วก็หนีหายไป เจ้าไม่คิดจะรับผิดชอบเลยหรือ?กู้ชูหน่วนกุมหน้าผาก "พี่ใหญ่ ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าให้แช่ยาไปก่อนหนึ่งเดือน ตอนนี้ยังไม่ถึงหนึ่งเดือนเลย""เจ้าคิดหาวิธีซิ อย่าให้เจ้าพวกนั้นกัดข้าได้อีก" เย่จิ่งหานเค้นเสียงรอดไรฟันให้ตายสิเจ้าผู้ชายปากแข็งนี่ เหตุผลที่มาที่นี่หลักๆ แล้วคือให้นางคิดหาวิธีไม่ให้อรพิษพว
อินต้ากุ่ยกับนายท่านหลันสบตากันกัน พวกเขาล้วนเห็นเจตนาฆ่าในดวงตาของอีกฝ่ายกู้ชูหน่วนอาจจะเกี่ยวพันกับสำนักซิวหลัว และยังฆ่าคนแคระเจี่ยน ยุยงเทพสงครามให้โจมตีเขาหมายวิญญาณ ทำให้พวกเขาล้มตายไปจำนวนมาก แม้แต่เขาหมายวิญญาณก็ถูกทำลายไปเกินครึ่งหากไม่ฆ่านาง ก็คงไม่สามารถคลายความแค้นในใจได้ขอเพียงคนเหล่านี้ถูกฆ่าทั้งหมด ถึงเวลานั้นก็ไม่มีหลักฐาน และหัวหน้าเผ่าหมออาจจะไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นคนฆ่าด้วยซ้ำสิ่งที่นายท่านหลันเกลียดที่สุดคือความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนของนางกับเยี่ยเฟิงเยี่ยเฟิงเป็นคนของเขา ชีวิตนี้มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถแตะต้องได้ แม้แต่ความตายก็มีเพียงเขาเท่านั้นที่ฆ่าได้กู้ชูหน่วนถอยหลังไปหลายก้าวและเอ่ยเสียงดังว่า "พวกเจ้ารีบไปเร็ว ไปหาเย่จิ่งหาน""ไป? นอกจากนรกแล้ว พวกเจ้าไปที่ไหนไม่ได้ทั้งสิ้น"เจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซานและพวกนายท่านหลันยืนอยู่ในทิศทางเดียว แล้วก่อตัวเป็นวงล้อมปิดกั้นเส้นทางของพวกเขาพวกเขาทั้งหก ไม่ว่าใคร ล้งนเป็นยอดฝีมือผู้เลื่องชื่อแห่งยุค โดยเฉพาะนายท่านหลันกับอินต้ากุ่ย ซึ่งหาคู่ต่อสู้บนโลกได้ยากยิ่งแต่ที่นี่ พวกเขาทั้งหมดเป็นคนแก่และคนพิการ ไม่ม
กู้ชูหน่วนค่อนข้างรู้สึกแปลกๆ และเมื่อหันศีรษะไปเห็นนายท่านหลันผู้มีสีหน้ามืดมนจนน่ากลัว นางก็ตกใจจนตัวสั่น"คนทำให้คนตกใจจนตายได้เลยนะ"ผู้พิทักษ์ซานเงื้อค้อนฟาดไปข้างหน้าด้วยความโกรธ "นังผู้หญิงสมควรตาย ไม่เพียงยุยงเทพสงครามโจมตีเขาหมายวิญญาณ ยังกล้ายุแหย่ให้แตกแยกกันอีก สมควรตายนัก"สีหน้าขององครักษ์ลับเปลี่ยนไป พลิกดาบยาวในมือ ปัดป้องค้อนเหล็กขนาดใหญ่"ปัง ปัง ปัง......"เพียงชั่วครู่ ก็ปะทะกันไปหลายสิบกระบวนท่าแล้ว"ตู้ม......"เสียงดังสนั่น องครักษ์ลับกระอักเลือด ผู้พิทักษ์ซานกลับไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย ชัยชนะและความพ่ายแพ้จึงปรากฏขึ้นทันทีกู้ชูหน่วนยิ้มเยาะ "ทำไม พูดความจริงแล้วโกรธจนทนไม่ได้รึ? นายท่านหลัน ไม่ใช่ว่าข้าว่าเจ้านะ เจ้านี่หน้าไม่อายเสียจริงๆ พวกเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซานเห็นเจ้าเป็นพี่ เป็นสหาย แต่เจ้ากลับหลอกแม้กระทั่งพวกเขา"พลังภายในมือของนายท่านหลันรวมตัวเป็นลูกไฟ และเห็นได้ชัดว่าขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ดวงตาที่ไร้ซึ่งอุณหภูมินั้นก็จ้องมองไปที่กู้ชูหน่วน ราวกับว่ากู้ชูหน่วนกลายเป็นคนตายไปแล้วเยี่ยเฟิงคลานขึ้นอย่างยากลำบาก และเตือนด้วยเสียงสั่นเครือ
สวีซานเหนียงหัวเราะเยือกเย็น "นังหนู ข้าจะบอกพวกเจ้าตามตรงแล้วกัน นายท่านหลันกับพวกเราสนิทกันนัก เจ้าจะว่าร้ายผู้ใดก็ได้ แต่กลับชี้ไปที่เขา เจ้าคิดว่าพวกเราจะเชื่อเจ้าหรือ อีกอย่าง พวกเราก็เพิ่งกลับมาจากเขาหมายวิญญาณ"กู้ชูหน่วนเหยียดหยันในใจช่างสมเป็นปลาข้องเดียวกันเสียจริง มีเพื่อนที่วิปริตอย่างนายท่านหลัน ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาน่าขยะแขยงขนาดนี้กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นตกใจ "เป็นไปไม่ได้ ในเมื่อพวกเจ้าเป็นเพื่อนของนายท่านหลัน นายท่านหลันยังหลอกพวกเจ้าได้ลงอีกหรือ"สวีซานเหนียงและคนอื่นๆ ขมวดคิ้วมุ่นกู้ชูหน่วนถอนหายใจอย่างจนปัญญา "เจ้าคิดว่าเหตุใดหานอ๋องถึงส่งทหารไปที่เขาหมายวิญญาณเล่า เป็นเพราะข้าอย่างนั้นหรือ พวกเจ้าช่างใสซื่อเหลือเกิน เทพสงครามบุกเขาหมายวิญญาณ เพียงเพราะกระดิ่งภินวิญญาณอยู่ที่นายท่านหลันก็เท่านั้น ไม่เช่นนั้นเขาจะยอมทำเพื่อสตรีเพียงผู้เดียว ทั้งยังเป็นหญิงอัปลักษณ์ เพื่อผิดใจกับหัวหน้าเผ่าหมอได้อย่างไร"เดิมทีตีเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซานให้ตาย พวกเขาก็ไม่มีทางเชื่อคำพูดของกู้ชูหน่วนแต่เหตุการณ์ตรงหน้า คำพูดนี้ของนาง ฟังดูมีเหตุผลยิ่งนักเทพสงครามคือผู้ใด เขาต้อง
เจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซาน ไม่ว่าคนไหนก็ล้วนแต่เป็นบุคคลสำคัญที่เลื่องชื่อในยุทธภพ โดยเฉพาะอินต้ากุ่ย ลูกพี่ใหญ่ของเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซาน วิทยายุทธสูงล้ำถึงขั้นที่แม้แต่เทพและปีศาจก็ไม่อาจคาดเดา แทบจะสูสีคู่คี่กับนายท่านหลันได้เลยยามนี้พวกเขาทั้งสามปรากฏตัวขึ้นที่นี่พร้อมกัน คิดว่าต้องไม่ประสงค์ดีเป็นแน่องครักษ์ลับคุ้มกันกู้ชูหน่วน พูดเสียงกร้าว "พวกเราคือคนของเทพสงครามหานอ๋อง ใต้เท้าไม่ใช่คนของเผ่าเทียนเฝิน แล้วก็ไม่ใช่คนของเผ่าหมอ จะช่วยไว้หน้ากันได้หรือไม่"จู่ๆ สวีซานเหนียงก็หัวเราะออกมาด้วยความคุ้มคลั่ง ดวงตาคู่นั้นจ้องเขม็งไปยังเยี่ยเฟิงที่บาดแผลเต็มตัว มีทั้งความชื่นชอบ ความโกรธ ซับซ้อนยากจะเข้าใจ"ไว้หน้าพวกเจ้างั้นรึ ตอนนั้นที่นังเด็กนั่นกับเจ้าเด็กคนนั้นฆ่าพี่น้องของข้า เคยไว้หน้าพวกข้าหรือไม่"ดวงตาทั้งสองข้างของสวีเจิ้นบอดสนิท มองไม่เห็นรูม่านตา เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด "ยังมีดวงตาของข้า ลูกตาทั้งสองข้างของข้าถูกควักออกไป ล้วนแต่เป็นเพราะพวกเจ้า แค้นนี้ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ก็ต้องสะสางให้รู้เรื่อง"แม้ตาทั้งสองข้างของสวีเจิ้นจะมืดบอด แต่ความสามารถในการฟังกลับเป็นเล
ด้านบนมีค้างคาวกินคน ด้านล่างมีฝูงงูพิษวิธีการเช่นนี้ช่างโหดร้ายเกินไปองครักษ์ลับพากันเลียนแบบฝูกวง ใช้กำลังภายในของตนโจมตีฝูงค้างคาว พยายามปกป้องกู้ชูหน่วนสุดกำลังที่ตนมีกู้ชูหน่วนเอ่ย "เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ฝูกวง เจ้าคิดหาวิธีตามหาผู้อาวุโสที่แซ่ตงผู้นั้น แล้วคุมตัวนางไว้ ไม่เช่นนั้นพวกเราไม่มีผู้ใดหนีรอดไปได้แน่""แต่หากข้าน้อยไปแล้ว นายหญิงจะทำเช่นไร""ข้ามีวิธีของข้า ข้าจะคุ้มกันเจ้า เจ้ารีบไป ไม่เช่นนั้นรอจนเจ้าใช้กำลังภายในหมด อยากจะจัดการนางก็คงไม่ไหวแล้ว"ฝูกวงกวาดสายตามองดูสถานการณ์การต่อสู้รอบๆสภาพการณ์ตรงหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่นักผู้ใต้บัญชาของเย่จิ่งหานแต่ละรายต่างได้รับบาดเจ็บไม่มากก็น้อยเยี่ยเฟิงบาดเจ็บสาหัส ทั้งยังต้องปกป้องแม่เฒ่าเยี่ย ไม่มีความสามารถในการต่อสู้แล้วที่ยังสู้ได้ก็มีเพียงแค่เขากับองครักษ์ลับของเย่จิ่งหานจำนวนไม่กี่คนหากประวิงเวลาต่อไป เกรงว่าพวกเขาจะต้องตายเพราะใช้กำลังภายในจนหมดจริงๆคิดได้เช่นนี้ ฝูกวงจึงทำได้เพียงแค่กัดฟันพูด "ข้าพอจะรู้ตำแหน่งที่นางอยู่ นายหญิง อดทนไว้ ข้าน้อยจะใช้เวลาให้น้อยที่สุดหานางให้เจอ แล้วจะจัดการนางเสีย""ด
ท่ามกลางความมืด มีเสียงซู่ซู่ดังมาจากกอหญ้าทันทีที่กู้ชูหน่วนและคนอื่นๆ หันไปก็อดตกตะลึงไม่ได้ งูพิษที่กำลังแลบลิ้นขู่ฟ่อๆ หลายตัวกำลังเลื้อยเข้ามาทางพวกเขาจากทุกทิศงูพวกนี้มีหลายสายพันธุ์ หลากสีสันปะปนอยู่ด้วยกัน พุ่งเข้ามาฉกราวกับมีเป้าหมายอยู่แล้วทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็รู้ว่างูทุกตัวล้วนแต่มีพิษร้ายแรง หากทุกฉก ชีวิตพวกเขาก็คงหาไม่"เหตุใดถึงได้มีงูมากมายเพียงนี้" ไม่รู้ว่าใครในกลุ่มตะโกนออกมาฝูกวงเอ่ยเสียงขรึม "นายหญิง คงเป็นผู้อาวุโสตงเผ่าเทียนเฝิน นางสันทัดเรื่องการควบคุมแมลง งูและมดมีพิษ""มีวิธีจัดการหรือไม่""นอกเสียจากฆ่าผู้อาวุโสตง หรือไม่ก็คุมตัวนางไว้ แต่โดยปกติแล้วนางจะควบคุมผ่านการใช้เวทคาถาจากที่ที่อยู่แสนไกล พวกเราไม่รู้ตำแหน่งของนาง"เขาเองก็ไม่กล้าทิ้งนายหญิงไป ด้วยเกรงว่านายหญิงจะมีอันตรายฝูงงูเลื้อยเข้ามาใกล้ องครักษ์ลับห้อมล้อมกู้ชูหน่วนและคนอื่นๆ ไว้ตรงกลางโดยอัตโนมัติ ทุกคนชักดาบเอามาเล็งไปที่ฝูงงูทว่าฝูงงูมีมากเกินไป ฟันไปตัวหนึ่ง ก็มีอีกตัวเข้ามาอีก เลื้อยกันเข้ามายั้วเยี้ย ไม่มีทางฟันให้หมดไปได้เข็มเงินของกู้ชูหน่วนถูกยิงออกไป ฟึ่บฟึ่บฟึ่บ
อีกด้าน กู้ชูหน่วนกำลังพาฝูกวงมุ่งหน้าไปยังเขาหมายวิญญาณเขาหมายวิญญาณทั้งลูกสนั่นหวั่นไหว นางซวนเซทรงตัวไม่อยู่ มองดูสิ่งมหึมาที่อยู่กลางฟ้าด้วยความตกตะลึงหากไม่ได้เห็นกับตา นางไม่มีทางเชื่อว่าจะมีคนสามารถเปลี่ยนน้ำให้กลายเป็นมังกร เปลี่ยนใบไม้ให้กลายเป็นเฟิ่งหวงได้ อีกทั้งยังเป็นมังกรและเฟิ่งหวงที่ดูสมจริง ไอสังหารรุนแรงถึงขนาดนี้"ช่างเป็นพละกำลังที่กล้าแกร่งยิ่งนัก" กู้ชูหน่วนตะลึงอยู่ในใจจะต้องเป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจเพียงใดถึงได้มีความสามารถเช่นนี้สีหน้าของฝูกวงดูไม่สู้ดี ใบหน้าตุ๊กตาที่ดูจิ้มลิ้มฉายให้เห็นแววความเกลียดชังปราดหนึ่ง"เผ่าเทียนเฝิน คนของเผ่าเทียนเฝินเริ่มต่อสู้กับเทพสงครามแล้ว นั่นคือหนึ่งในกระบวนท่าเด็ดของหัวหน้าเผ่ารุ่นต่อไปของเผ่าเทียนเฝินผลึกวารีหมื่นลี้""ผลึกวารีหมื่นลี้ ?""ขอรับ ในช่วงที่พลังของเขากำลังโชติช่วง เขาสามารถใช้น้ำแข็งผนึกเขาหมายวิญญาณทั้งลูก และช่วงชิงทั้งหมดที่นี่ไปในชั่วพริบตา" แต่หลังจากที่เขาใช้ผลึกวารีแล้ว เขาเองจะเจ็บหนัก เขาจึงไม่ใช้กระบวนท่านี้ง่ายๆตลอดทั้งชีวิตของเขา บางทีอาจจะใช้เพียงครั้งเดียว ครั้งนั้นคือการใช้มาจัดการกับ
เย่จิ่งหานเล่นขลุ่ยหยกขาวในมือด้วยท่าทางหน่ายคร้าน ริมฝีปากเรียวบางเปล่งออกมาหนึ่งประโยค"แค่เขาหมายวิญญาณเล็กๆ ข้าอยากจะตีก็ตี จำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบจากเจ้าหรือ"บ้าบ้าคลั่งเกินไปแล้ว...เย่จิ่งหานวิทยายุทธสูงส่ง พลังอำนาจแข็งกล้าวิทยายุทธของหัวหน้าเผ่าหมอไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา พลังอำนาจก็ไม่ได้น้อยไปกว่าเขา ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเผ่าเทียนเฝินที่คอยจ้องตามันเย่จิ่งหานพูดเช่นนี้ เป็นการฉีกหน้าหัวหน้าเผ่าหมออย่างไม่ต้องสงสัยหรือควรจะพูดว่า ตอนที่เขาส่งทหารไปตีเขาหมายวิญญาณ ก็เท่ากับท้าทายอำนาจของหัวหน้าเผ่าหมอ แตกหักกับเขาโดยสิ้นเชิงหัวหน้าเผ่าหมอหัวเราะเจ้าเล่ห์ ดวงตาสีฟ้าอ่อนเผยให้เห็นความเย้ายวนที่ชวนให้คนหวาดกลัวชายชุดขาวยืนอยู่ใต้แสงจันทร์ ลมเย็นพัดเสื้อของเขาไหวสะบัด ราวกับจะติดปีกเป็นเซียนได้ทุกเมื่อภายใต้หน้ากากผีเสื้อ ดวงตาใสเป็นประกายเผยให้เห็นความชอบใจ เหมือนกำลังรอดูฉากเด็ดอยู่ทว่าประโยคต่อไปของหัวหน้าเผ่าหมอกลับทำให้ชายชุดขาวเกิดความสับสนว้าวุ่นเล็กน้อย"พวกเจ้าทั้งสองสู้กันไป หากสู้ไม่ไหว ข้าจะสู้แทนเอง"ทุกคน "..."นี่คือคำพูดที่หัวหน้าเผ่าหมอควรจะพูดเช
"ไม่นาน เพิ่งจะเดือนกว่าเท่านั้น" เย่จิ่งหานแม้จะกำลังยิ้ม แต่รอยยิ้มก็ไม่ได้ส่งไปที่ดวงตาเช่นกันหนึ่งเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมา เขาหลงกลแผนของเผ่าเทียนเฝิน ทำให้ถูกพิษ สูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวไป สุดท้ายก็ถูกนางผู้นั้นลากเข้าไปในกองหญ้า จากนั้น...เมื่อคิดถึงค่ำคืนนั้น ไอความหนาวเหน็บของเย่จิ่งหานก็รุนแรงขึ้นกว่าเดิม"เทพสงครามดูน่าเกรงไม่ลดไปจากตอนนั้นเลย การต่อสู้อย่างดุเดือด สังหารผู้อาวุโสเผ่าเทียนเฝินของข้าไปถึงสิบหกคน ช่างเก่งกาจยิ่งนัก""ไม่เก่งกาจเท่าเผ่าเทียนเฝินหรอก ที่ทำเป็นแค่เรื่องไร้ศักดิ์ศรีลับหลังผู้อื่นเท่านั้น"ประโยคเดียวของเย่จิ่งหานทำให้ถึงทางตัน บรรยากาศพลันครุกรุ่นความบาดหมางเคียดแค้นของทั้งสอง เกิดขึ้นนานแล้ว ระหว่างนี้ผ่านมาหลายสิบรุ่น ไม่ใช่สิ่งที่จะสะสางได้วันสองวันเชื้อเพลิงสงครามพร้อมจะลุกโชนได้ทุกเมื่อการปะทะกันระหว่างยอดฝีมือเช่นนี้ ผู้อื่นในเหตุการณ์ไม่มีใครกล้าเข้าร่วม เพียงแค่ถอยหลังไปหลายก้าว เพื่อที่จะได้ไม่ต้องโดนลูกหลงในขณะที่สงครามกำลังจะเริ่มพลันมีเงาร่างสีแดงเพลิงอีกร่างลงมาจากกลางอากาศผู้ที่มาก็เป็นชายหนุ่มวัยเยาว์ เพียงแต่เ