เพ่ยเพ่ยที่กำลังเลือกสมุนไพรอยู่เริ่มรู้สึกแปลกๆ ราวกับว่ามีใครกำลังจับจ้องมองนางและแอบเดินตามนางมาได้สักพักแล้ว นางจึงพยายามหาทางหลบหลีกคนผู้นั้น เพ่ยเพ่ยรีบดึงผ้าปิดหน้าขึ้นมาปิดเอาไว้ แล้วเดินเข้าไปในตรอกซอกซอย นางใช้วิชาพรางตัวและหลบหลีกจนสามารถหนีเหลยคังจนพ้น เพ่ยเพ่ยที่สลัดเหลยคังจนหลุดรีบกล
หลังจากออกจากบ้านตระกูลหลิวเพ่ยเพ่ยก็ออกเดินทางไปยังหมู่บ้านที่เชิงเขาเพื่อพูดคุยกับชาวบ้านเรื่องการสั่งซื้อสมุนไพรตัวใหม่ นางพึ่งคิดค้นสูตรยาตัวใหม่ออกมาได้ระหว่างที่นางกักตัวอยู่แต่ในเรือนเหมยฮวาช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ เพ่ยเพ่ยคิดจะทำยาแก้อักเสบออกมาทดลองใช้ดูก่อน -บ้านตระกูลหลิว- สองแฝดคุ้นเคย
ทีแรกเขาเองก็รู้สึกถูกชะตากับเด็กหญิงเป็นอย่างมากจึงได้พูดคุยกับนางอยู่นานสองนานผิดวิสัยของเขานัก ส่วนท่าทางโมโหของเด็กชายตัวจ้อยผู้นั้นมันช่างดูคุ้นตาราวกับว่าเขาเคยเห็นอากัปกิริยาแบบนี้ที่ไหนมาก่อน ยิ่งพอได้เห็นหน้าเด็กชายใกล้ๆ ก็ยิ่งทำให้ภาพของคนผู้หนึ่งซ้อนทับกับใบหน้าของเด็กชายอย่างชัดเจน อ๋อง
ทำไมเขาจะจำมิได้ว่าสหายของเขาสนิทสนมกับชายาของเขามากเพียงใด คงมิใช่ว่าคุณหนูเล็กตระกูลหลิวที่ไป๋หลิงฟงคอยย้ำนักย้ำหนาว่านางงดงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์ผู้นั้นจะเป็นชายาของเขาที่หายไป เมื่อคิดได้เช่นนั้น ความรู้สึกตื่นเต้นดีใจที่คิดว่าเขาอาจจะหานางพบแล้วในเร็ววันก็แปลเปลี่ยนเป็นความโกรธที่กำลังตีตื้นข
"ท่านแม่เชิญนั่งก่อนขอรับ" หลิวจื่อเทียนเชื้อเชิญแม่ยายของเขาให้นั่งลงยังที่นั่งข้างกันกับมารดาของเขาก่อนที่จะหันไปทักทายพี่ชายของภรรยา "มาๆ จือหยวนเจ้าก็นั่งลงก่อนสิ" จางจือหยวนคารวะนายหญิงหลิวแล้วจึงหันมาทักทายหลิวจื่อเทียน พวกเขาอายุเท่ากันแม้หลิวจื่อเทียนต้องนับว่าจือหยวนนั้นเป็นพี่เมีย แต่จื
แม้จะรู้ว่าคุณหนูหลิวนั้นรู้วิชาแพทย์แต่เขาเองก็ยังมิมั่นใจในความสามารถของนางนัก แต่ยามนี้ก็มีแค่นางที่พอจะแก้ขัดไปได้ก่อน "จือหยวนเจ้าจงรีบเร่งไปดูว่าหมอที่ให้คนไปตามตอนนี้มาถึงแล้วหรือยัง คนผู้นี้มีความสำคัญมากจะให้เขาเป็นอะไรไปมิได้" "ขอรับท่านพ่อ" สองพ่อลูกกระซิบคุยกันเพื่อมิให้ใครได้ยินบทสนท
เพ่ยเพ่ยได้แต่ยิ้มเจื่อน หากเจ้าเมืองจางรู้เข้าว่าคุณชายท่านนี้ต้องมาอยู่ในสภาพนี้เพราะเข้ามารับลูกธนูพิษแทนนาง เขายังจะขอบคุณนางอยู่หรือไม่ มิใช่ว่าเขารู้ฐานะที่แท้จริงของอู๋เหยาหมิงแล้วหรอกหรือ ถึงได้ดูเป็นห่วงและกระวนกระวายใจถึงเพียงนี้ ระหว่างรอให้คนเตรียมสมุนไพร เพ่ยเพ่ยก็คอยเช็ดเหงือที่ผุดออก
"ไปตรวจสอบให้เปิ่นหวางที่แคว้นเหอเป่ยดูว่าฝูเหวินอยู่ที่นั่นสุขสบายดีหรือไม่" อ๋องหมิงสั่งให้องครักษ์เงาไปตรวจสอบความจริงเรื่องนี้ หากจะเป็นใครสักคนที่เกี่ยวข้องกับแคว้นเหอเป่ย แล้วยังคิดจะฆ่าหวางเฟยของเขาล่ะก็ อาจจะเป็นไปได้ว่าจะเป็นนาง นางยังคิดอาฆาตเพ่ยเพ่ยอยู่อีกหรือ เขาเหมือนคนผิดหวังซ้ำสอง
-จวนตระกูลหยาง- "มากันแล้ว มากันแล้วขอรับ!" เสียงพ่อบ้านทั้งวิ่งทั้งตะโกนเรียกทุกคนในเรือนไปพร้อมๆ กัน ทุกคนวางมือจากงานที่ทำอยู่อย่างลนลานก่อนจะรีบไปรวมตัวกันที่หน้าประตูจวนเพื่อนต้อนรับอ๋องหมิงและพระชายา ระหว่างเดินทางอ๋องหมิงให้ม้าเร็วมาแจ้งตระกูลหยางล่วงหน้าแล้วว่าเขากำลังพาเพ่ยเพ่ยกลับมาชางห
เพ่ยเพ่ยมองทั้งสามและพิจารณาถึงสิ่งที่อี้ซินบอก ใช่แล้ว คนเคร่งขรึมหน้าตาไร้อารมณ์เช่นเขาความจริงแล้วไม่น่าจะมีเด็กที่ไหนอยากเล่นด้วยเลยต่างหาก อาจเป็นเพราะสัมพันธ์พ่อลูกที่ตัดอย่างไรก็ไม่ขาดกระมัง เวลาล่วงเลยมาจนถึงเวลารับสำรับเย็น ไม่น่าเชื่อว่า อาหารพื้นๆ ในเรือนหลังไม่ใหญ่แต่อาหารมื้อนี้สำหรับ
"ท่านพ่อ ท่านแม่ เมื่อไหร่จะตื่นเสียที พวกเรารอตั้งนานแล้วนะ" เด็กทั้งสองเคาะประตูอยู่หน้าห้องไม่หยุด อี้ซินมีสีหน้าซีดเผือด นางพยายามห้ามนายน้อยและคุณหนูอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่สองแฝดผู้เอาแต่ใจก็หาได้ฟังใครไม่ หลังจากที่รอบิดากับมารดามาตั้งแต่เช้า กระทั่งพวกเขารับสำรับเช้าเสร็จแล้วแต่ท่านพ่อท่
"เมื่อกี้เจ้าจูบข้าก่อน" อ๋องหมิงมองเพ่ยเพ่ยพร้อมกับมุมปากที่ยกยิ้มขึ้น หัวใจกระตุกเพราะนางไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน ทุกครั้งมีเพียงเขาที่เป็นฝ่ายจูบนางก่อนและเกือบทุกครั้งคือการบังคับให้นางต้องรับจูบจากเขา "ใช่เพคะ มิได้หรือ" "ทำไมจะมิได้ เปิ่นหวางชอบ" เพ่ยเพ่ยมอบจุมพิตแผ่วเบาบนริมฝีปากของเขาอีกครั
"แล้วหม่อมฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าหม่อมฉันพูดอันใดไปบ้าง ท่านอ๋องก็บอกหม่อมฉันสิเพคะ" "เจ้าจับหน้าเปิ่นหวาง เรียกข้าว่าอ้ปป้าแล้วยังบอกว่าหากได้จูบอ้ปป้าสักครั้งจะตั้งใจทำงาน" "หา! หม่อมฉันเนี่ยนะเพคะกล่าวเช่นนั้นออกมา" แต่ภาษาวัยรุ่นแบบนั้น ไม่ใช่แกแล้วเขาจะคิดเองได้หรือไงเล่ายัยบ้า เมื่อคิดได้เช่
"เจ้าพูดอะไรของเจ้า ยิ่งฟังเจ้าข้าก็ยิ่งงง ท่านอ๋องเคยไปรังแกเจ้าด้วยรึ" "หึ เจ้าอยากโดนรุมซ้อมดูบ้างไหมล่ะ คนของเขาเท้าหนักๆ กันทั้งนั้น เพราะอารมณ์หึงหวงอย่างมิมีเหตุผลของเขาอย่างไรล่ะ" อย่าให้เขาบรรยายเลย บุรุษยุคนี้ หน้าใหญ่ใจโต ถือว่าตนมีอำนาจก็ไม่เห็นหัวใครทั้งนั้น กดทุกคนให้อยู่ต่ำหมดไม่ว่า
อ๋องหมิงได้ยินดังนั้นก็หันขวับไปจ้องหน้าเพ่ยเพ่ย แขนแกร่งทั้งสองข้างจับข้อมือเล็กของนางแน่น แล้วดึงมือนางที่จับกุมใบหน้าของตนออก แววตาของเขาเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธแต่กลับแอบแฝงความน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้ เขายังจำได้ เมื่อครั้งที่เห็นนางเมาในคราแรกแล้วเพ้อถึงแต่อ้ปป้านั่น แค่คิดถึงเรื่องนั้นขึ้นมาเขาก็แ
อันที่จริงเรือนเหมยฮวาก็ไม่ได้ไกลอะไร แต่เพ่ยเพ่ยก็ไม่ได้ปฏิเสธนายหญิงหลิว เพราะหากไม่รับปากนาง นางก็จะคะยั้นคะยอไม่เลิก เพ่ยเพ่ยเองก็ชินกับนิสัยนายหญิงหลิวแล้ว นางชอบเวลาที่ลูกหลานอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา อ๋องหมิงต้องยอมรับว่าเหล้าโซจูที่หลินเฟิงอี้นำมานั้นค่อนข้างแรง ดื่มไปเพียงนิดก็แสบไปทั้งลำคอ
"เฟิงอี้ หวังว่าเจ้าคงจะไม่ลืมที่เคยสัญญาเอาไว้เมื่อคราวก่อน" "ย่อมไม่ลืม" หลินเฟิงอี้กระดิกนิ้วเรียกให้บ่าวคนสนิทนำไหเหล้าเข้ามา "ตามที่ขอ ข้าหมักเองกับมือ นี่โซจูตามสูตรที่ได้มาจากโชซอนเลยนะ" "ว๊าว อ้ปป้า เยี่ยมสุดๆ ไปเลย ข้าขอคารวะ หากรู้มาก่อนว่าเจ้าจะมาวันนี้ ข้าคงทำกิมจิไว้รอแล้ว" เพ่ยเพ่