เพ่ยเพ่ยได้แต่ยิ้มเจื่อน หากเจ้าเมืองจางรู้เข้าว่าคุณชายท่านนี้ต้องมาอยู่ในสภาพนี้เพราะเข้ามารับลูกธนูพิษแทนนาง เขายังจะขอบคุณนางอยู่หรือไม่ มิใช่ว่าเขารู้ฐานะที่แท้จริงของอู๋เหยาหมิงแล้วหรอกหรือ ถึงได้ดูเป็นห่วงและกระวนกระวายใจถึงเพียงนี้ ระหว่างรอให้คนเตรียมสมุนไพร เพ่ยเพ่ยก็คอยเช็ดเหงือที่ผุดออก
"ไปตรวจสอบให้เปิ่นหวางที่แคว้นเหอเป่ยดูว่าฝูเหวินอยู่ที่นั่นสุขสบายดีหรือไม่" อ๋องหมิงสั่งให้องครักษ์เงาไปตรวจสอบความจริงเรื่องนี้ หากจะเป็นใครสักคนที่เกี่ยวข้องกับแคว้นเหอเป่ย แล้วยังคิดจะฆ่าหวางเฟยของเขาล่ะก็ อาจจะเป็นไปได้ว่าจะเป็นนาง นางยังคิดอาฆาตเพ่ยเพ่ยอยู่อีกหรือ เขาเหมือนคนผิดหวังซ้ำสอง
หลังจากนั้นอ๋องหมิงก็คะยั้นคะยอให้ไป๋หลิงฟงเล่าเรื่องบุตรทั้งสองรวมถึงเรื่องของเพ่ยเพ่ยให้เขาฟัง จนเขาลืมไปเลยว่ากำลังโกรธสหายอยู่ เมื่ออ๋องหมิงฟื้นตัวดีแล้วก็อยากจะออกจากเรือนรับรองแขกนี่ เขามุ่งตรงมาที่เรือนเหมยฮวา อ๋องหมิงแอบดูเพ่ยเพ่ยอยู่หน้าเรือนดังเช่นหลายวันที่ผ่านมา ตอนนี้เพ่ยเพ่ยย้ายกลับม
"ท่านนั่งลงสิ" นางนั่งลงบนตั่งในห้องหนังสือแล้วจึงพูดแกมสั่งให้เขาต้องทำตามที่นางบอก "คงถึงเวลาที่เราต้องมาคุยกันดีดีเสียที ข้ายอมรับก็ได้ว่าข้าคือเพ่ยเพ่ย แต่ข้าขอไม่รับว่าข้าเป็นชายาของท่านอ๋อง" "หมายความว่าอย่างไร เปิ่นหวางมิเข้าใจ หากเจ้าคือเพ่ยเพ่ยแล้วเจ้าจะมิใช่ชายาของข้าได้เยี่ยงไร" "หม่อ
"ท่านน่ะ มัวแต่ลุ่มหลงสตรีจนมิลืมหูลืมตา แม่นางฝูนั่นพูดอะไรท่านก็เชื่อนางไปเสียหมด ใครผลักใครตกน้ำท่านมิสืบดูให้แน่ชัดก็ไปโบ้ยความผิดให้แม่นางหยาง ความผิดเดียวที่นางมีก็คงจะผิดที่นางชอบท่านมากเกินไป แค่นางใช้ยาปลุกกำหนัดกับท่านมันจะมีปัญหาอะไรนักหนาเล่า อย่างไรพวกท่านก็แต่งงานเป็นสามีภรรยากันแล้ว ม
เขามั่นใจว่าเขารักนางเข้าเสียแล้ว ช่วงเวลาที่นางจากไปมันทำให้เข้ามั่นใจในความรู้สึกของตนเอง เขาถวิลหานาง คิดถึงนาง เป็นห่วงนาง แม้แต่ยามหลับก็ยังวนเวียนเห็นแต่ร่างของนางมาปรากฏกายในความฝัน เขาก็เป็นเช่นคนโง่งมที่รู้สึกเห็นค่าของอะไรบางอย่างเมื่อยามที่สิ่งสิ่งนั้นไม่มีอยู่แล้ว รักข้าอย่างนั้นหรือ เข
"ท่านอ๋อง!" ก็จริงของเขา นางเอาแต่ถามเขา อยากรู้ใจเขา แต่นางเองกลับไม่มั่นใจในความรู้สึกของตนเองเลยด้วยซ้ำ หรือความจริงแล้วนางเพียงแค่ไม่ยอมรับความจริงกันแน่ "หม่อมฉัน..." เพ่ยเพ่ยลังเลที่จะตอบออกไป หากพิจารณาให้ดีนางรู้ตัวดีว่านางรู้สึกดีกับเขามาก นางเริ่มชอบเขามาตั้งนานแล้วแม้แต่ตอนนี้นางก็ยังช
"ก็หม่อมฉันหนีท่านอ๋องมานี่เพคะ ให้ท่านอ๋องรู้เรื่องเช่นพวกเขานั่นจะเรียกว่าหม่อมฉันหนีพระองค์ได้อย่างไรเล่า ท่านก็ถามแปลก" "หวางเฟย เจ้าอย่าตอบคำถามข้างๆ คูๆ เช่นนี้ เจ้าไปสนิทสนมกับเขาตั้งแต่เมื่อใด" "อีกเรื่องที่ท่านอ๋องจะต้องทำความเข้าใจและรับให้ได้นะเพคะ ในโลกที่หม่อมฉันจากมาชายหญิงนั้นสามารถ
-จวนตระกูลหยาง- "มากันแล้ว มากันแล้วขอรับ!" เสียงพ่อบ้านทั้งวิ่งทั้งตะโกนเรียกทุกคนในเรือนไปพร้อมๆ กัน ทุกคนวางมือจากงานที่ทำอยู่อย่างลนลานก่อนจะรีบไปรวมตัวกันที่หน้าประตูจวนเพื่อนต้อนรับอ๋องหมิงและพระชายา ระหว่างเดินทางอ๋องหมิงให้ม้าเร็วมาแจ้งตระกูลหยางล่วงหน้าแล้วว่าเขากำลังพาเพ่ยเพ่ยกลับมาชางห
เพ่ยเพ่ยมองทั้งสามและพิจารณาถึงสิ่งที่อี้ซินบอก ใช่แล้ว คนเคร่งขรึมหน้าตาไร้อารมณ์เช่นเขาความจริงแล้วไม่น่าจะมีเด็กที่ไหนอยากเล่นด้วยเลยต่างหาก อาจเป็นเพราะสัมพันธ์พ่อลูกที่ตัดอย่างไรก็ไม่ขาดกระมัง เวลาล่วงเลยมาจนถึงเวลารับสำรับเย็น ไม่น่าเชื่อว่า อาหารพื้นๆ ในเรือนหลังไม่ใหญ่แต่อาหารมื้อนี้สำหรับ
"ท่านพ่อ ท่านแม่ เมื่อไหร่จะตื่นเสียที พวกเรารอตั้งนานแล้วนะ" เด็กทั้งสองเคาะประตูอยู่หน้าห้องไม่หยุด อี้ซินมีสีหน้าซีดเผือด นางพยายามห้ามนายน้อยและคุณหนูอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่สองแฝดผู้เอาแต่ใจก็หาได้ฟังใครไม่ หลังจากที่รอบิดากับมารดามาตั้งแต่เช้า กระทั่งพวกเขารับสำรับเช้าเสร็จแล้วแต่ท่านพ่อท่
"เมื่อกี้เจ้าจูบข้าก่อน" อ๋องหมิงมองเพ่ยเพ่ยพร้อมกับมุมปากที่ยกยิ้มขึ้น หัวใจกระตุกเพราะนางไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน ทุกครั้งมีเพียงเขาที่เป็นฝ่ายจูบนางก่อนและเกือบทุกครั้งคือการบังคับให้นางต้องรับจูบจากเขา "ใช่เพคะ มิได้หรือ" "ทำไมจะมิได้ เปิ่นหวางชอบ" เพ่ยเพ่ยมอบจุมพิตแผ่วเบาบนริมฝีปากของเขาอีกครั
"แล้วหม่อมฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าหม่อมฉันพูดอันใดไปบ้าง ท่านอ๋องก็บอกหม่อมฉันสิเพคะ" "เจ้าจับหน้าเปิ่นหวาง เรียกข้าว่าอ้ปป้าแล้วยังบอกว่าหากได้จูบอ้ปป้าสักครั้งจะตั้งใจทำงาน" "หา! หม่อมฉันเนี่ยนะเพคะกล่าวเช่นนั้นออกมา" แต่ภาษาวัยรุ่นแบบนั้น ไม่ใช่แกแล้วเขาจะคิดเองได้หรือไงเล่ายัยบ้า เมื่อคิดได้เช่
"เจ้าพูดอะไรของเจ้า ยิ่งฟังเจ้าข้าก็ยิ่งงง ท่านอ๋องเคยไปรังแกเจ้าด้วยรึ" "หึ เจ้าอยากโดนรุมซ้อมดูบ้างไหมล่ะ คนของเขาเท้าหนักๆ กันทั้งนั้น เพราะอารมณ์หึงหวงอย่างมิมีเหตุผลของเขาอย่างไรล่ะ" อย่าให้เขาบรรยายเลย บุรุษยุคนี้ หน้าใหญ่ใจโต ถือว่าตนมีอำนาจก็ไม่เห็นหัวใครทั้งนั้น กดทุกคนให้อยู่ต่ำหมดไม่ว่า
อ๋องหมิงได้ยินดังนั้นก็หันขวับไปจ้องหน้าเพ่ยเพ่ย แขนแกร่งทั้งสองข้างจับข้อมือเล็กของนางแน่น แล้วดึงมือนางที่จับกุมใบหน้าของตนออก แววตาของเขาเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธแต่กลับแอบแฝงความน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้ เขายังจำได้ เมื่อครั้งที่เห็นนางเมาในคราแรกแล้วเพ้อถึงแต่อ้ปป้านั่น แค่คิดถึงเรื่องนั้นขึ้นมาเขาก็แ
อันที่จริงเรือนเหมยฮวาก็ไม่ได้ไกลอะไร แต่เพ่ยเพ่ยก็ไม่ได้ปฏิเสธนายหญิงหลิว เพราะหากไม่รับปากนาง นางก็จะคะยั้นคะยอไม่เลิก เพ่ยเพ่ยเองก็ชินกับนิสัยนายหญิงหลิวแล้ว นางชอบเวลาที่ลูกหลานอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา อ๋องหมิงต้องยอมรับว่าเหล้าโซจูที่หลินเฟิงอี้นำมานั้นค่อนข้างแรง ดื่มไปเพียงนิดก็แสบไปทั้งลำคอ
"เฟิงอี้ หวังว่าเจ้าคงจะไม่ลืมที่เคยสัญญาเอาไว้เมื่อคราวก่อน" "ย่อมไม่ลืม" หลินเฟิงอี้กระดิกนิ้วเรียกให้บ่าวคนสนิทนำไหเหล้าเข้ามา "ตามที่ขอ ข้าหมักเองกับมือ นี่โซจูตามสูตรที่ได้มาจากโชซอนเลยนะ" "ว๊าว อ้ปป้า เยี่ยมสุดๆ ไปเลย ข้าขอคารวะ หากรู้มาก่อนว่าเจ้าจะมาวันนี้ ข้าคงทำกิมจิไว้รอแล้ว" เพ่ยเพ่