แม้จะไม่เข้าใจแน่ชัดว่านางหมายถึงสิ่งใด แต่ถ้าหมายถึงความประสงค์ดีที่มีต่อนางแล้ว นางไม่มีอะไรที่ต้องระแวงเขาทั้งสิ้น "เจ้าย่อมไว้ใจข้าได้ ข้ามิมีทางคิดร้ายกับเจ้า" "ข้าถูกคนร้ายตามล่าจริง แต่ข้าเองก็จงใจหนีมาด้วยเช่นกัน" "เจ้าจงใจหนีมางั้นรึ! เจ้าทำไมถึงทำเช่นนี้ มิรู้หรือว่าทุกคนเป็นห่วงเจ้ามาก
"แล้วเจ้ายังอยากที่จะปิดบังความจริงเขาอยู่อย่างนั้นหรือ เจ้าจะอยู่ผู้เดียวที่นี่ได้เยี่ยงไร จะอยู่เป็นแม่หม้ายลูกติดให้ผู้คนครหานินทากระนั้นหรือ แล้วใครจะช่วยเจ้าเลี้ยงดูบุตร เจ้าจงคิดให้ดีดีเพ่ยเพ่ย" "พี่หลิงฟง ก็มิใช่ว่าจะไม่มีหญิงหม้ายสามีตายที่เลี้ยงดูบุตรธิดาเพียงลำพังเสียเมื่อไหร่ มันมิใช่เรื
ความจริงนั่นเป็นเพียงแค่ข้ออ้างที่เขาใช้ปิดบังผู้อื่นเพื่อที่จะมาเยี่ยมนาง เพราะเรื่องซื้อขายยาเขาสามารถให้ลูกน้องทำแทนได้อยู่แล้ว เขามาดูเพ่ยเพ่ยเพื่อให้มั่นใจว่านางปลอดภัยดีและทุกครั้งที่มาเขาก็จะนำเอาของฝากจากคนตระกูลหยางมาด้วยเสมอ หลังจากที่พบกันคราแรกไป๋หลิงฟงก็ได้นำจดหมายจากเพ่ยเพ่ยไปมอบให้แ
เหตุการณ์คลอดบุตรผ่านไปด้วยดี หลังจากที่หมอจางเข้ามาและช่วยฝังเข็มให้เพ่ยเพ่ยยังพอมีสติและคลอดบุตรได้ต่อ เพ่ยเพ่ยคลอดลูกแฝดชายหญิงน่ารักน่าชัง น้ำหนักตัวของทารกอยู่ในเกณฑ์ดีมิมีอะไรน่าเป็นห่วง แม้จะยังไม่สามารถบอกได้ว่าเด็กทั้งสองหน้าเหมือนใครเพราะว่าทั้งคู่ยังเด็กมาก แต่หมอตำแยก็พูดมิหยุดเลยว่านาย
"นายหญิงเจ้าคะ นายน้อยกับคุณหนูดูจะตื่นเต้นกันมากเลยเจ้าค่ะ" "ก็แหงล่ะสิได้ออกจากบ้านทั้งที เห็นทีว่าพวกเขาจะเบื่อข้าเสียแล้ว" "จริงไหม" เพ่ยเพ่ยบ่นน้อยใจกับอี้ซินก่อนจะหันไปพูดกับสองแฝดเสียงหวาน อี้ซินอุ้มคุณหนูเล็กไว้ในอ้อมแขน ห้าวตงเองก็เดินจูงมือคุณชายน้อยแล้วเดินตามหลังเพ่ยเพ่ยในขณะที่เดินเล
เพ่ยเพ่ยที่กำลังเลือกสมุนไพรอยู่เริ่มรู้สึกแปลกๆ ราวกับว่ามีใครกำลังจับจ้องมองนางและแอบเดินตามนางมาได้สักพักแล้ว นางจึงพยายามหาทางหลบหลีกคนผู้นั้น เพ่ยเพ่ยรีบดึงผ้าปิดหน้าขึ้นมาปิดเอาไว้ แล้วเดินเข้าไปในตรอกซอกซอย นางใช้วิชาพรางตัวและหลบหลีกจนสามารถหนีเหลยคังจนพ้น เพ่ยเพ่ยที่สลัดเหลยคังจนหลุดรีบกล
หลังจากออกจากบ้านตระกูลหลิวเพ่ยเพ่ยก็ออกเดินทางไปยังหมู่บ้านที่เชิงเขาเพื่อพูดคุยกับชาวบ้านเรื่องการสั่งซื้อสมุนไพรตัวใหม่ นางพึ่งคิดค้นสูตรยาตัวใหม่ออกมาได้ระหว่างที่นางกักตัวอยู่แต่ในเรือนเหมยฮวาช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ เพ่ยเพ่ยคิดจะทำยาแก้อักเสบออกมาทดลองใช้ดูก่อน -บ้านตระกูลหลิว- สองแฝดคุ้นเคย
ทีแรกเขาเองก็รู้สึกถูกชะตากับเด็กหญิงเป็นอย่างมากจึงได้พูดคุยกับนางอยู่นานสองนานผิดวิสัยของเขานัก ส่วนท่าทางโมโหของเด็กชายตัวจ้อยผู้นั้นมันช่างดูคุ้นตาราวกับว่าเขาเคยเห็นอากัปกิริยาแบบนี้ที่ไหนมาก่อน ยิ่งพอได้เห็นหน้าเด็กชายใกล้ๆ ก็ยิ่งทำให้ภาพของคนผู้หนึ่งซ้อนทับกับใบหน้าของเด็กชายอย่างชัดเจน อ๋อง
-จวนตระกูลหยาง- "มากันแล้ว มากันแล้วขอรับ!" เสียงพ่อบ้านทั้งวิ่งทั้งตะโกนเรียกทุกคนในเรือนไปพร้อมๆ กัน ทุกคนวางมือจากงานที่ทำอยู่อย่างลนลานก่อนจะรีบไปรวมตัวกันที่หน้าประตูจวนเพื่อนต้อนรับอ๋องหมิงและพระชายา ระหว่างเดินทางอ๋องหมิงให้ม้าเร็วมาแจ้งตระกูลหยางล่วงหน้าแล้วว่าเขากำลังพาเพ่ยเพ่ยกลับมาชางห
เพ่ยเพ่ยมองทั้งสามและพิจารณาถึงสิ่งที่อี้ซินบอก ใช่แล้ว คนเคร่งขรึมหน้าตาไร้อารมณ์เช่นเขาความจริงแล้วไม่น่าจะมีเด็กที่ไหนอยากเล่นด้วยเลยต่างหาก อาจเป็นเพราะสัมพันธ์พ่อลูกที่ตัดอย่างไรก็ไม่ขาดกระมัง เวลาล่วงเลยมาจนถึงเวลารับสำรับเย็น ไม่น่าเชื่อว่า อาหารพื้นๆ ในเรือนหลังไม่ใหญ่แต่อาหารมื้อนี้สำหรับ
"ท่านพ่อ ท่านแม่ เมื่อไหร่จะตื่นเสียที พวกเรารอตั้งนานแล้วนะ" เด็กทั้งสองเคาะประตูอยู่หน้าห้องไม่หยุด อี้ซินมีสีหน้าซีดเผือด นางพยายามห้ามนายน้อยและคุณหนูอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่สองแฝดผู้เอาแต่ใจก็หาได้ฟังใครไม่ หลังจากที่รอบิดากับมารดามาตั้งแต่เช้า กระทั่งพวกเขารับสำรับเช้าเสร็จแล้วแต่ท่านพ่อท่
"เมื่อกี้เจ้าจูบข้าก่อน" อ๋องหมิงมองเพ่ยเพ่ยพร้อมกับมุมปากที่ยกยิ้มขึ้น หัวใจกระตุกเพราะนางไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน ทุกครั้งมีเพียงเขาที่เป็นฝ่ายจูบนางก่อนและเกือบทุกครั้งคือการบังคับให้นางต้องรับจูบจากเขา "ใช่เพคะ มิได้หรือ" "ทำไมจะมิได้ เปิ่นหวางชอบ" เพ่ยเพ่ยมอบจุมพิตแผ่วเบาบนริมฝีปากของเขาอีกครั
"แล้วหม่อมฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าหม่อมฉันพูดอันใดไปบ้าง ท่านอ๋องก็บอกหม่อมฉันสิเพคะ" "เจ้าจับหน้าเปิ่นหวาง เรียกข้าว่าอ้ปป้าแล้วยังบอกว่าหากได้จูบอ้ปป้าสักครั้งจะตั้งใจทำงาน" "หา! หม่อมฉันเนี่ยนะเพคะกล่าวเช่นนั้นออกมา" แต่ภาษาวัยรุ่นแบบนั้น ไม่ใช่แกแล้วเขาจะคิดเองได้หรือไงเล่ายัยบ้า เมื่อคิดได้เช่
"เจ้าพูดอะไรของเจ้า ยิ่งฟังเจ้าข้าก็ยิ่งงง ท่านอ๋องเคยไปรังแกเจ้าด้วยรึ" "หึ เจ้าอยากโดนรุมซ้อมดูบ้างไหมล่ะ คนของเขาเท้าหนักๆ กันทั้งนั้น เพราะอารมณ์หึงหวงอย่างมิมีเหตุผลของเขาอย่างไรล่ะ" อย่าให้เขาบรรยายเลย บุรุษยุคนี้ หน้าใหญ่ใจโต ถือว่าตนมีอำนาจก็ไม่เห็นหัวใครทั้งนั้น กดทุกคนให้อยู่ต่ำหมดไม่ว่า
อ๋องหมิงได้ยินดังนั้นก็หันขวับไปจ้องหน้าเพ่ยเพ่ย แขนแกร่งทั้งสองข้างจับข้อมือเล็กของนางแน่น แล้วดึงมือนางที่จับกุมใบหน้าของตนออก แววตาของเขาเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธแต่กลับแอบแฝงความน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้ เขายังจำได้ เมื่อครั้งที่เห็นนางเมาในคราแรกแล้วเพ้อถึงแต่อ้ปป้านั่น แค่คิดถึงเรื่องนั้นขึ้นมาเขาก็แ
อันที่จริงเรือนเหมยฮวาก็ไม่ได้ไกลอะไร แต่เพ่ยเพ่ยก็ไม่ได้ปฏิเสธนายหญิงหลิว เพราะหากไม่รับปากนาง นางก็จะคะยั้นคะยอไม่เลิก เพ่ยเพ่ยเองก็ชินกับนิสัยนายหญิงหลิวแล้ว นางชอบเวลาที่ลูกหลานอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา อ๋องหมิงต้องยอมรับว่าเหล้าโซจูที่หลินเฟิงอี้นำมานั้นค่อนข้างแรง ดื่มไปเพียงนิดก็แสบไปทั้งลำคอ
"เฟิงอี้ หวังว่าเจ้าคงจะไม่ลืมที่เคยสัญญาเอาไว้เมื่อคราวก่อน" "ย่อมไม่ลืม" หลินเฟิงอี้กระดิกนิ้วเรียกให้บ่าวคนสนิทนำไหเหล้าเข้ามา "ตามที่ขอ ข้าหมักเองกับมือ นี่โซจูตามสูตรที่ได้มาจากโชซอนเลยนะ" "ว๊าว อ้ปป้า เยี่ยมสุดๆ ไปเลย ข้าขอคารวะ หากรู้มาก่อนว่าเจ้าจะมาวันนี้ ข้าคงทำกิมจิไว้รอแล้ว" เพ่ยเพ่