ผ่านไปเพียงสองเค่อห้าวตงก็กลับมาพร้อมกับหมอท่าทางสูงวัยคนหนึ่ง "ท่านหมอ เชิญเข้าไปได้เลยเจ้าค่ะ คุณหนูเพิ่งจะตื่นพอดี ตอนนี้รอท่านอยู่ด้านในแล้ว" อี้ซินได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ด้านนอกก็รู้ว่าเป็นหานห้าวตงจึงได้เดินออกมาดู พร้อมกับเชิญท่านหมอให้เข้าไปดูอาการคุณหนู เมื่อท่านหมอเดินเข้ามาในห้องนอนเขา
อี้ซินมองดูคุณหนูด้วยความเห็นอกเห็นใจ แม้นางจะยังเด็กและมิได้มีประสบการณ์ แต่นางก็รู้ว่าเรื่องแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันของสตรีเรือนหลังนั้นน่ากลัวเพียงใด ขนาดนางเข้าไปเป็นสาวใช้ในจวนคหบดีเพียงไม่กี่เดือนก็ยังได้เห็นมาแล้วไม่น้อย "พวกเจ้าทั้งสองต้องช่วยข้าปิดบังเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ตอนนี้ยังไม่ต้อง
หลายวันผ่านไปสมุนไพรที่ตากเอาไว้นั้นเริ่มจะแห้งหมดแล้ว เพ่ยเพ่ยนำสมุนไพรเหล่านั้นมาบดให้เป็นผง เตรียมนำมาผสมเพื่อหาสูตรยาที่ลงตัว โดยมีบ่าวทั้งสองของนางคอยเป็นลูกมืออยู่ อี้ซินและห้าวตงรู้สึกอึ้งและประหลาดใจมากที่นายหญิงของตนนั้นรอบรู้ไปเสียทุกอย่าง แถมยังรู้เรื่องการแพทย์และสมุนไพรเป็นอย่างดี ผิดว
"ท่านอามิต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ มันเป็นเพียงยาระงับอาการปวด หากว่าสาวใช้ของท่านอาเกิดเป็นอะไรร้ายแรงขึ้นมาซือเย่จะคอยดูแลอย่างใกล้ชิดเองเจ้าค่ะ อีกเรื่องที่ท่านอาคงยังมิทราบคือข้าเป็นหมอน่ะเจ้าค่ะ " "เช่นนั้นก็ย่อมได้ ในเมื่ออี้เอ๋อไว้ใจและตกลงร่วมทำการค้ากับเจ้าแล้ว ข้าย่อมต้องเชื่อใจเจ้า" หลานของน
หลายวันต่อมา เพ่ยเพ่ยได้ทดลองยากับคนที่มีไข้เป็นครั้งแรก นางรู้สึกตื่นเต้นมากและผลการทดสอบก็เป็นไปได้ด้วยดี ข้ารับใช้ในจวนตระกูลหลิวผู้นั้นเนื่องจากเพิ่งเดินทางกลับมาจากการไปค้าขายร่วมกับคุณชายหลิวยังต่างเมือง เพราะอากาศที่เปลี่ยนแปลงกะทันหันทำให้เขาไม่สบายเป็นไข้หวัดมาหลายวันแล้ว เพ่ยเพ่ยจึงได้ทด
เพ่ยเพ่ยนั่งมองดูปลา ในใจเฝ้าคิดแต่ว่าจะทำตัวยาอะไรเพิ่มดี นางเอามือลูบวนบนท้องที่ยามนี้เริ่มนูนขึ้นมาให้เห็นบ้างแล้ว หากมิได้สังเกตให้ดีก็อาจไม่ทราบว่านางกำลังตั้งครรภ์ เพราะว่านางเป็นคที่รูปร่างผอมบาง เวลาที่ใส่ชุดหลวมๆ จึงทำให้คนดูไม่ออก ยามนี้นางมิมีอาการแพ้ใดใดแล้ว ก่อนหน้านี้นางก็มีอาการแพ้ท้
"เจ้าว่ากระไรนะ มีอันใดหาย? " หลิงจื่อเทียนถามเพ่ยเพ่ยขึ้นด้วยความสงสัย "ดูท่าแล้วคงจะเป็นของสำคัญเจ้าถึงได้มีสีหน้าร้อนรนเช่นนี้ ข้าช่วยเจ้าหาดีกว่า ว่าแต่เจ้าทำสิ่งใดหายนะ ข้าฟังมิค่อยถนัด" "เอ่อ...มิหายเจ้าค่ะ เย่เอ๋อหาเจอแล้วเจ้าค่ะ" เพ่ยเพ่ยรีบกำจี้หยกที่ห้อยอยู่ที่เอวแล้วทำท่าชูมันขึ้นมาให
"ท่านรองแม่ทัพ เราพอจะขายยาที่มีอยู่สามในสี่ส่วนให้ท่านนำไปใช้ก่อนได้ เพราะที่นี่เราผลิตยาออกมาตลอดอยู่แล้ว หากท่านต้องการมากกว่านี้ อย่างไรท่านลองไปติดต่อญาติผู้น้องของข้าที่ชางหลางดู" "ยานี้ก็มีขายที่ชางหลางด้วยอย่างนั้นรึ" "ขอรับท่านรองแม่ทัพ เพิ่งเริ่มจำหน่ายไปเมื่อเดือนก่อน ญาติผู้น้องของข้าท
-จวนตระกูลหยาง- "มากันแล้ว มากันแล้วขอรับ!" เสียงพ่อบ้านทั้งวิ่งทั้งตะโกนเรียกทุกคนในเรือนไปพร้อมๆ กัน ทุกคนวางมือจากงานที่ทำอยู่อย่างลนลานก่อนจะรีบไปรวมตัวกันที่หน้าประตูจวนเพื่อนต้อนรับอ๋องหมิงและพระชายา ระหว่างเดินทางอ๋องหมิงให้ม้าเร็วมาแจ้งตระกูลหยางล่วงหน้าแล้วว่าเขากำลังพาเพ่ยเพ่ยกลับมาชางห
เพ่ยเพ่ยมองทั้งสามและพิจารณาถึงสิ่งที่อี้ซินบอก ใช่แล้ว คนเคร่งขรึมหน้าตาไร้อารมณ์เช่นเขาความจริงแล้วไม่น่าจะมีเด็กที่ไหนอยากเล่นด้วยเลยต่างหาก อาจเป็นเพราะสัมพันธ์พ่อลูกที่ตัดอย่างไรก็ไม่ขาดกระมัง เวลาล่วงเลยมาจนถึงเวลารับสำรับเย็น ไม่น่าเชื่อว่า อาหารพื้นๆ ในเรือนหลังไม่ใหญ่แต่อาหารมื้อนี้สำหรับ
"ท่านพ่อ ท่านแม่ เมื่อไหร่จะตื่นเสียที พวกเรารอตั้งนานแล้วนะ" เด็กทั้งสองเคาะประตูอยู่หน้าห้องไม่หยุด อี้ซินมีสีหน้าซีดเผือด นางพยายามห้ามนายน้อยและคุณหนูอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่สองแฝดผู้เอาแต่ใจก็หาได้ฟังใครไม่ หลังจากที่รอบิดากับมารดามาตั้งแต่เช้า กระทั่งพวกเขารับสำรับเช้าเสร็จแล้วแต่ท่านพ่อท่
"เมื่อกี้เจ้าจูบข้าก่อน" อ๋องหมิงมองเพ่ยเพ่ยพร้อมกับมุมปากที่ยกยิ้มขึ้น หัวใจกระตุกเพราะนางไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน ทุกครั้งมีเพียงเขาที่เป็นฝ่ายจูบนางก่อนและเกือบทุกครั้งคือการบังคับให้นางต้องรับจูบจากเขา "ใช่เพคะ มิได้หรือ" "ทำไมจะมิได้ เปิ่นหวางชอบ" เพ่ยเพ่ยมอบจุมพิตแผ่วเบาบนริมฝีปากของเขาอีกครั
"แล้วหม่อมฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าหม่อมฉันพูดอันใดไปบ้าง ท่านอ๋องก็บอกหม่อมฉันสิเพคะ" "เจ้าจับหน้าเปิ่นหวาง เรียกข้าว่าอ้ปป้าแล้วยังบอกว่าหากได้จูบอ้ปป้าสักครั้งจะตั้งใจทำงาน" "หา! หม่อมฉันเนี่ยนะเพคะกล่าวเช่นนั้นออกมา" แต่ภาษาวัยรุ่นแบบนั้น ไม่ใช่แกแล้วเขาจะคิดเองได้หรือไงเล่ายัยบ้า เมื่อคิดได้เช่
"เจ้าพูดอะไรของเจ้า ยิ่งฟังเจ้าข้าก็ยิ่งงง ท่านอ๋องเคยไปรังแกเจ้าด้วยรึ" "หึ เจ้าอยากโดนรุมซ้อมดูบ้างไหมล่ะ คนของเขาเท้าหนักๆ กันทั้งนั้น เพราะอารมณ์หึงหวงอย่างมิมีเหตุผลของเขาอย่างไรล่ะ" อย่าให้เขาบรรยายเลย บุรุษยุคนี้ หน้าใหญ่ใจโต ถือว่าตนมีอำนาจก็ไม่เห็นหัวใครทั้งนั้น กดทุกคนให้อยู่ต่ำหมดไม่ว่า
อ๋องหมิงได้ยินดังนั้นก็หันขวับไปจ้องหน้าเพ่ยเพ่ย แขนแกร่งทั้งสองข้างจับข้อมือเล็กของนางแน่น แล้วดึงมือนางที่จับกุมใบหน้าของตนออก แววตาของเขาเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธแต่กลับแอบแฝงความน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้ เขายังจำได้ เมื่อครั้งที่เห็นนางเมาในคราแรกแล้วเพ้อถึงแต่อ้ปป้านั่น แค่คิดถึงเรื่องนั้นขึ้นมาเขาก็แ
อันที่จริงเรือนเหมยฮวาก็ไม่ได้ไกลอะไร แต่เพ่ยเพ่ยก็ไม่ได้ปฏิเสธนายหญิงหลิว เพราะหากไม่รับปากนาง นางก็จะคะยั้นคะยอไม่เลิก เพ่ยเพ่ยเองก็ชินกับนิสัยนายหญิงหลิวแล้ว นางชอบเวลาที่ลูกหลานอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา อ๋องหมิงต้องยอมรับว่าเหล้าโซจูที่หลินเฟิงอี้นำมานั้นค่อนข้างแรง ดื่มไปเพียงนิดก็แสบไปทั้งลำคอ
"เฟิงอี้ หวังว่าเจ้าคงจะไม่ลืมที่เคยสัญญาเอาไว้เมื่อคราวก่อน" "ย่อมไม่ลืม" หลินเฟิงอี้กระดิกนิ้วเรียกให้บ่าวคนสนิทนำไหเหล้าเข้ามา "ตามที่ขอ ข้าหมักเองกับมือ นี่โซจูตามสูตรที่ได้มาจากโชซอนเลยนะ" "ว๊าว อ้ปป้า เยี่ยมสุดๆ ไปเลย ข้าขอคารวะ หากรู้มาก่อนว่าเจ้าจะมาวันนี้ ข้าคงทำกิมจิไว้รอแล้ว" เพ่ยเพ่