แชร์

บทที่ 45

ผู้เขียน: มู่อวิ๋นเฉิง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-11 18:53:17
“สงบเสงี่ยมสักหน่อย คราวหน้าข้าอาจจะไม่ได้อยู่ด้วย”

ชายหนุ่มทำสีหน้าเรียบนิ่งยามที่เอ่ยคำพูดประโยคนี้ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความจนปัญญาเล็กน้อย แต่ดูเหมือนไม่ได้โกรธเลย

เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึงเล็กน้อย ไม่นานก็ยิ้มหวานพลางถามว่า “ท่านพี่ ท่านเป็นห่วงว่าข้าจะโดนบุตรชายของท่านรังแกหรือ?”

กู้จิ่งซีเหลือบมองนางด้วยสายตาราบเรียบ ไม่ตอบอะไร

เมิ่งจิ่นเหยาไม่สนใจว่าเขาจะตอบหรือไม่ นางยิ้มไม่หุบ เอ่ยเสียงดังอย่างรวดเร็วว่า “ท่านพี่วางใจได้ อาศัยแค่เขารังแกข้าไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ”

เมื่อได้ยินคำกล่าว กู้จิ่งซีก็หน้ากระตุก รู้ว่านางไม่อาจทำตัวสงบเสงี่ยมได้เลย เผลอ ๆ อาจจะยังชอบทำเรื่องนี้โดยไม่รู้สึกเหนื่อยหน่าย มองซิวหมิงเป็นเรื่องสนุก เขาจึงกล่าวอย่างจนใจว่า “ฮูหยิน อยู่ดี ๆ เจ้าไปหาเรื่องเขาเพื่ออะไร?”

เมิ่งจิ่นเหยาไม่เห็นด้วยกับคำพูดนี้ เอ่ยแย้งว่า “ท่านพี่ ข้าหาเรื่องเขาที่ไหนกัน? นี่เป็นเพราะได้ยินว่าเขามีไข้สูงไม่ยอมลดเลยตั้งใจมาดูแลเอาใจใส่เขาเป็นพิเศษไม่ใช่หรือ?”

คำกล่าวนี้เอ่ยอย่างสง่างามผ่าเผย กู้จิ่งซีไม่เชื่อเลยแม้แต่คำเดียว เขามองแม่นางน้อยทำหน้าอ่อนโยนใจดี ราวกับมารดาแสนดีที่ห่วงใยบุตร
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 46

    หนิงตง ชิงชิวและชุนหลิ่วคอยรับใช้ข้าง ๆเมิ่งจิ่นเหยาถามขึ้นฉับพลันว่า “ชุนหลิ่ว ปีนี้เจ้าอายุเท่าไรแล้ว? ทำงานในจวนโหวมานานเพียงใดแล้ว?”ชุนหลิ่วตอบตามความจริงว่า “ปีนี้ข้าน้อยอายุสิบหกแล้วเจ้าค่ะ ถูกฮูหยินผู้เฒ่าซื้อกลับมาพร้อมกับเซี่ยจู๋ เข้ามาในจวนโหวได้สี่ปีแล้ว ก่อนหน้านี้ทำงานอยู่ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่า ปีที่แล้วถูกส่งมาที่เรือนเวยหรุยเซวียนเจ้าค่ะ”เมิ่งจิ่นเหยาถามอีกว่า “เช่นนั้นเจ้าน่าจะรู้เรื่องในจวนไม่น้อยเลยสินะ? เล่าให้ข้าฟังโดยละเอียดสิ”ชุนหลิ่วตอบรับ นางย่อมเล่าสิ่งที่รู้โดยไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อย บอกนิสัยของเจ้านายแต่ละคนในจวนหลังจากฟังคำบรรยายของชุนหลิ่วจบ เมิ่งจิ่นเหยาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย กู้ซิวหมิงเป็นคนอ่อนโยนสง่างาม รู้มารยาท รู้ประสีประสา ได้รับความรักความโปรดปรานจากผู้อาวุโสเป็นอย่างยิ่ง?อ่อนโยนสง่างาม รู้มารยาท รู้ประสีประสาใกล้เคียงกับกู้ซิวหมิงตรงไหนกัน? เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นลูกอกตัญญูที่ไม่มีความรับผิดชอบ ประพฤติตนเลวทราม อีกทั้งไม่สำนึกผิดต่อสิ่งที่กระทำผิดเลยแม้แต่น้อย ถึงขนาดที่ผลักความรับผิดชอบให้ผู้เสียหายเด็กรุ่นหลังเช่นนี้ ผู้อื่นชอบหรือไม่นางไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 47

    จวนฉางซิงโหวครอบครองพื้นที่กว้างใหญ่กว่าจวนหย่งชางป๋อมากนัก มีการตกแต่งประดับประดาอย่างงดงาม มีทั้งศาลาและอาคาร สะพานเล็ก ๆ ที่มีสายน้ำไหล มีครบทุกอย่างที่ควรมี สภาพที่เจริญรุ่งเรืองภายในจวนไม่ใช่สิ่งที่จวนหย่งชางป๋อที่ตกอับสามารถเทียบได้เลย จวนหย่งชางป๋อในเวลานี้ทำได้เพียงอาศัยกิจการรากฐานจากบรรพบุรุษมารักษาหน้าตาในฉากหน้าเท่านั้นเมิ่งจิ่นเหยาเดินชมจวนหลังใหญ่ที่หากไม่มีเรื่องเหนือความคาดหมาย นางจะต้องอาศัยอยู่ที่นี่ไปชั่วชีวิต นอกจากบ้านใหญ่ บ้านรองและโถงโซ่วอันของฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว นางล้วนเดินชมทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในจวนได้คร่าว ๆ แล้ว เมื่อลงมาจากบนสะพานเล็ก เมิ่งจิ่นเหยาเห็นนางจางเดินตรงมาหาก็ชะงักฝีเท้าไปเล็กน้อย หลังจากนั้นนางค่อยเดินไปหานางจาง แล้วร้องเรียกด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “พี่สะใภ้ใหญ่”ความจริงนางจางก็เห็นนางกับสาวใช้ทั้งสองคนเดินเล่นอยู่ไกล ๆ แล้ว จึงตั้งใจเดินมาหานาง ก่อนจะผงกศีรษะเบา ๆ แล้วถามว่า “ถึงฤดูใบไม้ผลิแล้ว ดอกไม้ภายในสวนนี้เบ่งบานพอดี น้องสะใภ้สามก็มาชมดอกไม้ด้วยหรือ?” เมิ่งจิ่นเหยาตอบกลับว่า “ถือโอกาสว่าง ๆ เดินเล่นในจวน ทำความคุ้นเคยกับสภาพแวด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 48

    เมิ่งจิ่นเหยาเอ่ยอย่างเข้าอกเข้าใจว่า “ท่านพี่เป็นขุนนางสำคัญในราชสำนัก ยุ่งกับงานราชการ จะมาอยู่ในเรือนหลังเป็นเพื่อนสตรีตัวเล็ก ๆ อย่างข้าบ่อย ๆ ได้ที่ไหนกัน?”เมื่อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา นางจางก็นึกถึงสามีที่ไม่เอาไหนของตน ได้ตำแหน่งงานว่าง ๆ โดยอาศัยบารมีของครอบครัว อยู่มาหลายปีแล้วก็ไม่เคยสร้างชื่อเสียงอันใด ในขณะที่น้องสามได้รับความชื่นชมจากปวงประชา แต่ก็ไม่ช่วยให้พี่ชายมีอนาคตที่ดี หลายปีที่ผ่านมาสามีก็เอาแต่ดำรงตำแหน่งระดับต่ำว่าง ๆ ที่ไม่มีอำนาจอย่างแท้จริงหลายปีมานี้เขาว่างงานมาก ทุกวันแค่ไปที่ว่าการเพื่อขานชื่อ เวลาที่เหลือถ้าไม่ได้ไปเข้าสังคมอย่างที่อ้างไว้ก็อยู่ที่บ้าน หลายปีก่อนเขายังอยู่เป็นเพื่อนนาง ปัจจุบันนางแก่ชราแล้ว เขาจึงใช้เวลาพักผ่อนหย่อนใจอยู่ในห้องของอนุภรรยาเจ้าเล่ห์เหล่านั้น โชคดีที่นางคุมเข้มมาตลอด ไม่เคยให้ลูกอนุภรรยาออกมาให้ระคายเคืองใจผ่านไปสักพัก นางจางก็ฝืนยิ้มออกมา “น้องสะใภ้สามช่างเข้าอกเข้าใจเสียจริง น้องสามได้แต่งงานกับภรรยาเช่นเจ้า ช่างโชคดีจริง ๆ”เมิ่งจิ่นเหยาตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ใหญ่ได้แต่งงานกับภรรยาที่เพียบพร้อมด้วยคุณธรรมเช่นพี่สะใภ้ให

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 49

    พี่สะใภ้น้องสะใภ้เดินเล่นกันอยู่พักใหญ่ เมิ่งจิ่นเหยาถึงค่อยแยกกับนางจาง หลังจากที่รอให้นางจางเดินจากไปไกลแล้ว ชิงชิวอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า “ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยินใหญ่มีเจตนาร้ายแอบแฝง ท่านต้องระวังตัวหน่อยนะเจ้าคะ”หนิงตงรีบเสริมว่า “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ฮูหยินใหญ่ไม่หวังดี คำพูดทุกคำล้วนแฝงความนัยเอาไว้ทั้งนั้น” เมิ่งจิ่นเหยาปรายตามองเงาหลังของจางซื่อที่ใกล้จะหายลับไปแล้ว ก่อนจะหรี่ตาเล็กน้อยแล้วเอ่ยอย่างช้า ๆ ว่า “อืม สกุลกู้ที่ว่ากันว่าครอบครัวกลมเกลียวก็ไม่นับว่าสงบสุขมากนัก” วิธีการของจางซื่อนั้นคาดเดาได้ไม่ยากเลย ขอเพียงนางต่อสู้กับกู้ซิวหมิงขึ้นมา หากนางพ่ายแพ้ วันหน้าชีวิตย่อมไม่ได้ใช้ชีวิตเป็นสุขเป็นแน่ หากนางชนะ ซื่อจื่อก็คงจะเปลี่ยนคน ตำแหน่งซื่อจื่อของจวนฉางซิงโหวนั้นเลื่อนลอย กู้จิ่งซีมีโรคที่มิอาจบอกใครได้ ไม่อาจมีบุตรของตัวเอง กู้ซิวหย่วนบุตรชายคนโตของนางจางเป็นหลานชายคนโตของจวนโหว ครอบครองคำว่าคนโตไว้จึงอยู่ใกล้กับตำแหน่งซื่อจื่อมากที่สุด ดังนั้นนางจางย่อมหวังให้นางต่อสู้กับกู้ซิวหมิง หลังจากนั้นก็เป็นเฒ่าประมงที่ได้ผลประโยชน์นางจางวางแผนการได้ดีทีเดียว แ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 50

    “เจ้ายังจะบอกว่าไม่ได้รับความไม่เป็นธรรมอีกเหรอ?” ซ่งซินหนิงมองนางอย่างฉุนเฉียวแวบหนึ่ง ขอบตาแดงขึ้นทันที เสียงสะอึกสะอื้นแล้ว “เป็นแบบนี้แล้ว เจ้าหลอกข้าได้ที่ไหน? เจ้าคนสารเลวกู้ซิวหมิงหลบหนีการแต่งงานในวันแต่งงาน จะไม่ได้รับความไม่เป็นธรรมได้อย่างไร?” เมิ่งจิ่นเหยาจูงนางมานั่งลงแล้วเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “กู้ซิวหมิงหนีการแต่งงานไปแล้ว แต่สกุลกู้ไม่ได้มีเพียงเขาเท่านั้นที่เป็นบุรุษที่ยังไม่ได้แต่งงาน การแต่งงานถึงยังจัดขึ้นราบรื่นไม่ใช่หรือ” ซ่งซินหนิงสูดจมูก บังคับให้น้ำตากลับไปก่อนจะตอบว่า “การแต่งงานจัดขึ้นราบรื่น แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนนอกกุเรื่องเจ้าว่าอย่างไรบ้าง?” แม้เมิ่งจิ่นเหยาไม่ได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษ แต่ก็คาดเดาได้ว่าคนเหล่านั้นปั้นเรื่องของนางว่าอย่างไร จึงหัวเราะพลางเอ่ยว่า “บอกว่าสกุลเมิ่งเลี้ยงดูบุตรสาวไร้ยางอาย แต่งงานกับบุตรชายไม่ได้ก็จะแต่งงานกับบิดาแทน? เช่นนั้นก็ดีมากเหมือนกัน คนที่โดนนินทาไม่ได้มีแค่ข้าคนเดียว ยังมีบิดาผู้แสนดีและมารดาเลี้ยงผู้แสนดีของข้าด้วย แม้แต่สกุลก็ไม่สามารถโชคดีรอดพ้นไปได้ ถึงอย่างไรสกุลกู้ก็เลี้ยงดูบุตรอกตัญญูที่ไม่ได้รับการอบร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 51

    เมิ่งจิ่นเหยามองสหายสนิทที่โศกเศร้าเสียแทนนาง ท่าทางซีดเซียวนั้นเห็นได้ชัดว่าเพราะเป็นห่วงนาง ไม่ได้นอนหลับสนิทมาหลายวัน นางรู้สึกซาบซึ้งใจไม่หยุด นอกจากสาวใช้สองคนข้างกายนางแล้ว บนโลกนี้ก็มีเพียงอาหนิงเท่านั้นที่เป็นห่วงและเสียใจกับเรื่องที่นางต้องเผชิญนางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำตาที่ไหลซึมจากหางตาของซ่งซินหนิงเบา ๆ แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “อาหนิง เป็นเพราะข้าไม่ได้โง่งม ดังนั้นถึงไม่ได้เลือกคุณชายรองหรือคุณชายสี่”ซ่งซินหนิงไม่เข้าใจ “หมายความว่าอย่างไร?” เมิ่งจิ่นเหยาเอ่ยอย่างไม่เดือดร้อนว่า “พวกเขาเป็นเด็กจากบ้านใหญ่และบ้านรองที่เกิดจากอนุภรรยา ส่วนกู้ซิวหมิงเป็นซื่อจื่อของจวนโหว หากเลือกระหว่างพวกเขา แม้ว่าจะกลายเป็นพี่สะใภ้หรือน้องสะใภ้ของกู้ซิวหมิงได้สำเร็จ แต่ท้ายที่สุดยังคงอยู่ต่ำกว่าเขาหนึ่งขั้น คุณชายรองกับคุณชายสี่สามารถปกป้องข้าได้ที่ไหนกัน? มีเพียงกู้จิ่งซีคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้ เขาเป็นบิดาของกู้ซิวหมิง สามารถปราบกู้ซิวหมิงได้” ซ่งซินหนิงได้ยินคำกล่าวก็อึ้งไป ก่อนจะใคร่ครวญคำพูดของนางอย่างละเอียด ผ่านไปเนิ่นนานถึงค่อยพยักหน้าเบา ๆ แล้วเปลี่ยนเป็นถามอีกว่า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 52

    เมิ่งจิ่นเหยาค่อนข้างแปลกใจ ก่อนจะถามอย่างสนใจว่า “นางพูดจาดี ๆ เพื่อข้าหรือ? นางพูดว่าอะไรหรือ?”“นางบอกว่า” ซ่งซินหนิงกระแอมไอเบา ๆ สองครั้ง แล้วบีบเสียงเลียนแบบน้ำเสียงของเมิ่งจิ่นอวี้ “พวกเจ้าพูดเหลวไหลอะไร? พี่หญิงใหญ่ของข้ากับพี่เขยใหญ่รักใคร่กลมเกลียวกัน ถึงไม่ได้ถูกเมินเฉย วันที่พี่หญิงใหญ่กลับบ้าน ทุกคนในสกุลเมิ่งของเราเห็นชัดเจนว่าพี่เขยใหญ่ปฏิบัติต่อพี่หญิงใหญ่เรียกได้ว่ารักใคร่เอาใจใส่อย่างยิ่ง” เมื่อกล่าวจบ เมิ่งจิ่นเหยาก็เลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “เมิ่นจิ่นอวี้เรียนรู้ที่จะฉลาดขึ้นแล้ว แต่ว่าสมองของนางคิดเรื่องการณ์ไกลมากนักไม่ได้หรอก น่าจะเป็นแม่เลี้ยงของข้าที่สอนมาดี”ซ่งซินหนิงยังไม่ทันตั้งสติกลับมา “หมายความว่าอะไร?”เมิ่งจิ่นเหยายกมุมปากเป็นรอยยิ้มเยาะหยัน ก่อนจะกล่าวเหน็บแนมว่า “ข้ามีชีวิตที่ดีในสกุลกู้ ได้รับความรักจากสามี ต่อให้ครอบครัวสามีของข้าไม่ได้สนับสนุนพวกเขา แต่พวกเขาก็สามารถได้รับผลประโยชน์จากในนั้น เมื่อออกจากบ้านผู้อื่นจะเห็นแก่จวนฉางซินโหว ไว้หน้าบาง ๆ พวกเขาเล็กน้อย ดังนั้น พวกเขาทำให้ข้าเสื่อมเสียชื่อเสียงข้างนอก มีประโยชน์อัน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 53

    “ข้าคิดไม่ถึงจริง ๆ นะ ทั้งหมดต้องโทษลูกน้องที่ทำงานไม่ได้เรื่อง ข่าวจึงไม่ถูกต้อง”ฉีอวิ้นเหวินทำหน้าไร้เดียงสา และจนปัญญาเล็กน้อย นึกถึงบทสนทนาที่ลอบฟังเมื่อครู่นี้ เขาก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ก่อนจะขยิบตาให้กู้จิ่งซี แล้วเอ่ยหยอกล้อว่า “ตาแก่ คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ปกติเจ้าดูเหมือนพระ แต่ยังมักมากด้วยเนี่ยนะ” “...”กู้จิ่งซีไร้คำพูดตอบโต้ไปชั่วขณะ เรื่องในคืนวันก่อนนั้นเป็นความเข้าใจผิดจริง ๆ คิดไม่ถึงว่าแม่นางน้อยผู้นั้นยังจะเล่าให้สหายสนิทฟังว่าเขาเป็นคนมักมาก ส่วนตาแก่อะไรนั่น เขาคิดว่าตนเองยังหนุ่ม ยังห่างไกลจากการกลายเป็นตาแก่อีกหลายสิบปีเมื่อเห็นเขาเงียบไม่พูดไม่จา ฉีอวิ้นเหวินก็ประหลาดใจ มองสหายสนิทตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพิจารณารอบหนึ่ง เมื่อมองดูรูปลักษณ์ที่แต่งกายงดงามเหมาะสม เคร่งขรึมจริงจัง ไม่ใกล้เคียงกับคนมักมากเลย เขาจึงเอ่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อและสงสัยใคร่รู้ว่า “เย่าหลิง เจ้าคงไม่ได้มักมากจริง ๆ หรอกใช่หรือไม่? เจ้าดูเคร่งขรึมตรงไปตรงไปมามาก มองไม่ออกเลยจริง ๆ” กู้จิ่งซีปรายตามองเขาแวบหนึ่ง “เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?” ฉีอวิ้นเหวินใคร่ครวญแล้วหัวเราะพลางกล่าวว่า “ภร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-11

บทล่าสุด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 176  

    ท่านพ่อรักเมิ่งจิ่นเหยามากเพียงนั้น ก็ไม่แน่เมิ่งจิ่นเหยาอาจคอยพูดข้างหมอน ท่านพ่อถึงได้ช่วยพาเมิ่งเฉิงจางเข้าสำนักศึกษาหลิงซานด้วย สำนักศึกษาหลิงซาน แม้แต่เขาที่เป็นบุตรชายยังไม่สามารถเข้าเรียนได้เลยด้วยซ้ำ แต่ท่านพ่อกลับพาคนอื่นเข้าไป หนำซ้ำยังช่วยพาเข้าไปถึงสองคน ในใจเขารู้สึกไม่ยินยอม กวาดสายตาประเมินเมิ่งเฉิงจางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าไปหนึ่งที ส่งเสียงฮึ่มออกมาเบาๆ “จริงอย่างที่ว่าหนึ่งคนบรรลุเซียน หมูหมากาไก่ก็พลอยได้ขึ้นสวรรค์ด้วย พอพี่สาวไต่เต้าขึ้นมาจนได้ดี คนเป็นน้องชายก็พลอยได้รับผลประโยชน์ไปด้วย” ถ้อยคำนี้แม้มิได้ชี้ชัด ทว่าความหมายกลับชัดเจนในตัว ว่ากำลังถากถางเมิ่งเฉิงจางที่อาศัยความสัมพันธ์ของพี่สาว เพื่อให้พี่เขยช่วยพาตนเองเข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลิงซาน เมิ่งเฉิงจางสีหน้ามืดครึ้มลงในทันใด สีหน้าของกู้ซิวเหวินก็ดูย่ำแย่เช่นกัน พี่สามไม่เข้าใจเรื่องราวอะไร ทว่าเขาเข้าใจกระจ่าง น้องชายของน้าสะใภ้สามท่านนี้แม้อายุยังน้อย แต่ก็เป็นคนที่เก่งกาจมีพรสวรรค์อย่างแท้จริง พี่สามไม่ทำความเข้าใจให้ดี แต่อาศัยจินตนาการเพ้อเจ้อของตนเองเข้าใจผิดไปว่าอีกฝ่ายต้องใช้เส้นสาย เขาดึงหน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 175  

    แสงอาทิตย์ยามเช้าตรู่ช่างอ่อนโยน เหมาะสำหรับเดินเล่นยิ่งนัก กู้ซิวเหวินต้อนรับผู้มาเยือนอย่างกระตือรือร้นและเป็นมิตร พาเมิ่งเฉิงจางเข้ามาเยี่ยมชมภายในจวน ทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในจวนได้ครู่หนึ่ง ระหว่างทางก็ถูกใครบางคนเรียกให้เข้าไปหา ก่อนจะขอปลีกตัวออกไปสักพัก ก็ได้บอกให้เมิ่งเฉิงจางเดินชมสภาพแวดล้อมไปก่อนพลาง ๆ เมิ่งเฉิงจางเห็นทัศนียภาพงดงามโดดเด่น ครู่เดียวก็หลงใหลไปกับความงดงามของทัศนียภาพ คิดไม่ถึงว่าเดินไปเดินมาสุดท้ายจะหลงทาง มีเส้นทางอยู่มากมาย ไม่รู้ว่าควรเดินเส้นทางใดเพื่อกลับไปจุดเดิม ครั้นกู้ซิวเหวินกลับมาไม่เห็นคน ก็รู้ทันทีว่าเขาน่าจะหลงทางแล้ว จึงรีบออกตามหาทันที ระหว่างทางบังเอิญเจอกู้ซิวหมิงและหลี่อี๋เหนียงเดินเข้ามา สองคนกำลังเดินเล่นอย่างสบายใจ คุยกันบ้าง หัวเราะกันบ้าง ในแววตาเจือความพิสมัยลุ่มลึกหวานชื่น บุรุษเก่งกาจมีความสามารถสตรีโฉมงามเพริศพริ้ง มองปราดเดียวก็เห็นถึงความเหมาะสมอย่างยิ่ง เขาเดินเข้าไปทักท่าน “พี่สาม หลี่อี๋เหนียง” หลายวันที่ผ่านมาหลี่อี๋เหนียงได้เรียนรู้ระเบียบประเพณีแล้ว เข้าใจชัดเจนว่าเมื่อใดที่ตนพบเจ้านายไม่ว่าเป็นท่านใดในจวนล

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 174  

    คล้ายว่าการนอนหงายจะทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย นางจึงพลิกตัวนอนตะแคงข้าง ขดตัว และยังคงร้องไห้ไม่หยุด นี่คงจะกำลังฝันร้ายอยู่สินะ กู้จิ่งซีมองแม่นางน้อยกำลังร้องไห้ และเสียงสะอื้นไห้ยิ่งดังขึ้นทุกเสี้ยวขณะ เขาที่ไม่เคยมีประสบการณ์ปลอบโยนเด็กน้อยมาก่อนค่อนข้างทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรก่อนดี หากเป็นเช่นนี้ต่อไป จนสาวใช้ที่อยู่เฝ้ายามดึกข้างนอกได้ยินเข้า อาจจะคิดไปไกลถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ เขาครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเลื่อนมือไปลูบแผ่นหลังของแม่นางน้อยอย่างประดักประเดิด และปลอบโยนด้วยเสียงอบอุ่นว่า “ฮูหยินอย่าร้องไห้เลย ไม่เป็นอะไรแล้ว อย่าร้องไห้เลย” ไม่รู้ใช่เพราะได้ยินเสียงนี้หรือไม่ เมิ่งจิ่นเหยาเขยิบเข้ามาข้างกายเขาตามสัญชาตญาณ อิงแอบเขาไว้และยังคงร้องไห้ต่อไป กู้จิ่งซีจำต้องยอมรับชะตากรรมไป ได้แต่ภาวนาให้นางรีบหยุดสะอื้น ไม่เช่นนั้นหากคนอื่นได้ยินเข้าจะดูไม่งาม กลางดึกผู้คนเงียบสงัดหากมีเสียงสะอื้นไห้ของนางแว่วดังออกมาจากห้องนอน ต่อให้จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก็หนีไม่พ้นต้องถูกเข้าใจผิดแน่ “ฮูหยินอย่าร้องไห้เลย ไม่ต้องร้องแล้ว มันก็แค่ฝันร้าย” กู้จิ่งซีปลอบโยนด้วย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 173  

    คืนนั้น เมิ่งจิ่นเหยาฝัน ในฝันเฉิงอวี่กำลังร้องไห้โยเยไม่ยอมดื่มยา ตู้อี๋เหนียงแม้ใช้เสียงนุ่มนวลปลอบโยนอยู่นานครู่ใหญ่แล้วแต่ก็ยังไม่เป็นผล เห็นเจ้าตัวเล็กร้องไห้จนหน้าแดง แม้กระทั่งลมหายใจก็เริ่มไม่เป็นจังหวะ ตู้อี๋เหนียงกลัวว่าเจ้าเด็กน้อยร้องไห้จนขาดใจ ก็ไม่กล้าบังคับให้เจ้าเด็กน้อยดื่มยาอีก ได้แต่ปลอบโยนด้วยเสียงนุ่มนวล “เฉิงอวี่เด็กดี เฉิงอวี่ไม่อยากกิน เช่นนั้นก็ไม่ต้องกินแล้วนะ” เอ่ยพลางก็หันไปส่งสายตาให้สาวใช้ข้างกาย สาวใช้ผงกศีรษะ รีบออกไปตามหาคนช่วยกู้สถานการณ์ ทว่าสาวใช้แค่คิดจะออกไป เมิ่งจิ่นเหยาตัวน้อยก็เข้ามาพอดี ตู้อี๋เหนียงเห็นนาง ราวกับเห็นดวงดาวช่วยชีวิต เผยรอยยิ้มอบอุ่นออกมา “คุณหนูใหญ่ท่านมาแล้ว เฉิงอวี่ไม่ยอมดื่มยาอีกแล้ว ท่านช่วยมาปลอบโยนเขาหน่อยเถิด เขาเชื่อฟังท่านที่สุดแล้ว” “พี่…แค่ก…พี่หญิงใหญ่” เฉิงอวี่เห็นนาง ทันใดนั้นก็หยุดร้อง และยื่นมือออกมาขอให้นางกอด เมิ่งจิ่นเหยาตัวน้อยก้าวขาสั้น ๆ วิ่งเข้าไปหา ให้สาวใช้อุ้มขึ้นเตียงแล้ว นางก็ยื่นมือออกไปกอดน้องชายที่ป่วยอยู่ พลางเอ่ยวาจาปลอบโยนด้วยเสียงอ้อแอ้ของเด็กน้อย “เฉิงอวี่เด็กดี ดื่มยานี่อีกแค่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 172  

    เมิ่งจิ่นเหยาหน้าถอดสี คิดถึงท่าทางหมดอาลัยตายอยากเมื่อสักครู่ของตนเองขึ้นมา ช่างน่าอับอายขายหน้าเสียจริง นางลดมือลงอย่างกระอักกระอ่วน เอ่ยด้วยใบหน้าเหยเก “แล้วอย่างไร คนเราก็ต้องมีช่วงเวลาที่ความคิดเพี้ยนผิดไปบ้าง ฟังถ้อยคำตักเตือนของท่านพี่แล้ว ข้าเองก็คงไม่ทำอะไรเช่นนั้นอีกแล้วเจ้าค่ะ” นางเอ่ยพลาง ก็ผินใบหน้าไปทางอื่น ขอบตาแดงรื้น รีบกะพริบตารัว ๆ หวังจะไล่น้ำตาให้ไหลย้อนกลับไป ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุขุมว่า “แม้เฉิงอวี่จะวัยเพียงสองขวบ แต่เขาก็รักทะนุถนอมข้ามาก ๆ ตอนเด็กที่ข้าเคยสะดุดก้อนหิน จนตนเองหกล้มเขายังเจ็บปวดหัวใจอย่างกับอะไรดี เด็กน้อยคนนั้นด่าทอสาปแช่งเจ้าหินก้อนนั้นอยู่นานเชียว ด่าว่ามันนิสัยไม่ดี หากเขาเห็นข้าได้รับบาดเจ็บ เขาต้องเจ็บหัวใจแน่” กู้จิ่งซีฟังอยู่อย่างเงียบเชียบ แม้เขาจะอาศัยในครอบครัวที่พอจะเรียกได้ว่ารักใคร่ปรองดองกันบ้าง แต่ก็ไม่เคยมีน้องชายแบบนี้มาก่อน เขากับพี่ชายมิได้มีความผูกพันกันแน่นแฟ้นอะไร พี่ชายทั้งสองคนแม้อาวุโสกว่า แต่ก็ยำเกรงเขา ให้ความเคารพเขามาก ความสนิทสนมใกล้ชิดจึงมีไม่เพียงพอ เขาเอ่ยด้วยเสียงอบอุ่น “เช่นนั้นฮูหยินโปรดจำใส่ใจ อย่าให

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 171  

    ผ่านไปนานครู่ใหญ่ เมิ่งจิ่นเหยาช้อนสายตาขึ้น มองกู้จิ่งซีตาไม่กะพริบ สายตาคู่นั้นเป็นประกายจนน่าตกใจ คล้ายกับมองเห็นหญ้าฟางช่วยชีวิตในยามเข้าตาจน ก็ถามด้วยความตื่นเต้น “สำหรับเรื่องการหาเรื่องให้ผู้อื่นอารมณ์เสีย ท่านพี่มีความคิดเห็นว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?” กู้จิ่งซีเห็นแม่นางน้อยกลับมาฮึกเหิมมีพลังได้รวดเร็วเพียงนั้น ก็แอบถอนหายใจโล่งอกออกมากับตนเอง มีเรี่ยวแรงกลับมาสู้ต่อนั่นก็ดีแล้ว ท่าทางหมดอาลัยตายอยากเมื่อครู่ ทำให้กลัวว่านางจะคิดสั้นมากเสียจริง ดรุณีน้อยวัยเพียงสิบกว่าขวบ ชีวิตเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น หากต้องจบลงไปแบบนั้นแล้วก็น่าเสียดายเหลือเกิน เขาครุ่นคิดบางอย่าง “ฮูหยินต้องรับความผิดโดยไม่เป็นธรรมเช่นนั้นแล้ว ถึงคราวต้องคืนความผิดนี้กลับสู่คนร้ายตัวจริง” เมิ่งจิ่นเหยามุ่นหัวคิ้วขึ้น พริบตาเดียวก็ห่อเหี่ยวลงมา “เรื่องผ่านไปตั้งสิบเอ็ดปีแล้ว เบาะแสจากเมื่อปีก่อนนั้นคงจะถูกลบเลือนจางหายไปตามเวลาแล้ว อาศัยเพียงลมปากไม่มีหลักฐาน คิดจะจับตัวคนทำผิดกลับมาคงไม่ง่ายแล้วเจ้าค่ะ” กู้จิ่งซีถาม “เรื่องนี้นอกจากเจ้าแล้ว ยังมีผู้ใดรู้อีกบ้าง?” เมิ่งจิ่นเหยาตอบตามความจริง “ท่านปู่รู้

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 170

    นางตอบคำถามที่กู้จิ่งซีถามมาก่อนหน้านี้ “ถูกกระทำเจ้าคะ”เมื่อกล่าวจบ น้ำเสียงของนางก็สะอื้นเล็กน้อย พลางกล่าวต่อว่า “ตอนนั้นไม่มีคนบังคับข้า เป็นเพียงความผิดพลาดที่ให้เกิดขึ้นเท่านั้น ข้าถึงได้รู้ว่าตนเองตกหลุมพรางโดยไม่ได้เตรียมตัวป้องกันเลยแม้แต่น้อย อยากจะแก้ไขแต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว”กู้จิ่งซีตอบกลับ “ผู้ที่ไม่รู้ย่อมไม่มีความผิด นั่นมิใช่ความผิดของเจ้า เป็นความผิดของผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด”“มิใช่งั้นหรือเจ้าคะ?”เมิ่งจิ่นเหยากระซิบแผ่วเบา แววตาว่างเปล่า ท่าทางเหม่อลอยเล็กน้อย เมื่อนึกถึงร่างเย็นยะเยียบเล็ก ๆ ที่นอนอยู่ภายในโลงศพ ในใจของนางก็บีบรัดจนเจ็บขึ้นมา เดิมทีเฉิงอวี่ไม่จำเป็นต้องตาย“ต้องไม่ใช่อยู่แล้ว”กู้จิ่งซีให้คำตอบยืนยัน เมื่อเห็นนางจมอยู่ในความโศกเศร้า โทษตนเองและรู้สึกผิด เกลียดชังอย่างถึงที่สุด ก็สามารถคาดเดาได้ว่าคนผู้นั้นจะต้องสำคัญกับนางมากเป็นแน่ จึงถามนางต่อ “มิสู้ฮูหยินลองบอกกับข้าก่อนสักหน่อยได้หรือไม่ ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”เมิ่งจิ่นเหยาเงยหน้ามองบุรุษที่อยู่อยู่ตรงหน้า คิดในใจว่าผู้ที่ชอบธรรมและน่าเกรงขามเช่นเสนาบดีกู้คงไม่แพร่เรื่องนี้อ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 169

    แม่นางน้อยนั่งอย่างงงงัน ก็ไม่รู้ว่าภายในใจกำลังคิดอะไรอยู่ ทว่าอารมณ์ค่อนข้างมั่นคงกู้จิ่งซีถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฮูหยิน ตอนนี้สามารถบอกได้แล้วหรือไม่?”บอกอันใดเจ้าคะ?เมิ่งจิ่นเหยาเงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจเหตุผลกู้จิ่งซีตอบกลับไปว่า “บอกว่าวันนี้เจ้าไปที่ไหนและทำอันใดมาบ้าง?”เมิ่งจิ่นเหยาก้มศีรษะลง เงียบงันไปชั่วครู่แล้วตอบด้วยเสียงแผ่วเบา “กลับไปบ้านมารดามาเจ้าค่ะ”มีคับข้องใจปกคลุมอยู่ในน้ำเสียง รวมถึงความเกลียดชังที่ยากจะดูออกสีหน้าของกู้จิ่งซีชะงักไปชั่วครู่ ดูเหมือนแม่นางน้อยจะไม่เคยรู้สึกน้อยใจเพราะเรื่องของบ้านมารดามาก่อน เพราะว่าไม่ใส่ใจ ดังนั้นจิตใจจึงสงบนิ่งดังสายน้ำ จากนั้นจึงถามต่อว่า “เหตุใดอยู่ ๆ ถึงได้กลับไปบ้านมารดาเล่า?”เมิ่งจิ่นเหยาตอบตามความจริง “พ่อบ้านบอกว่าท่านย่าล้มป่วย จึงกลับไปดูสักหน่อยเจ้าคะ คิดไม่ถึงว่าจะทำเพื่อเรื่องอื่น น้องรองผ่านการประเมินของสำนักศึกษาหลิงซาน และใกล้จะได้ไปร่ำเรียนที่สำนักศึกษาหลิงซาน เมิ่งเฉิงซิงกลับไม่ผ่านการประเมิน พวกท่านย่าของข้ารู้ว่าท่านกับหัวหน้าสำนักศึกษาหลิงซานเป็นสหายต่างวัยกัน จึงให้ข้ามาพูดกับท่าน ให้ไปห

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 168

    ยามที่บุรุษดูแลใครสักคนท่าทางอ่อนโยน พิถีพิถัน การเคลื่อนไหวชำนิชำนาญ ราวกับเคยทำมาแล้วหลายครั้งหลายคราเมิ่งจิ่นเหยาดูเหมือนจะมองเห็นเงาร่างของท่านปู่ผ่านกู้จิ่งซีได้อย่างเลือนราง ท่านปู่ตามใจเพียงแค่นางเท่านั้น ไม่เพียงแต่ตัดแต่งเล็บให้นาง ยังมัดผมเป็นเปียเล็ก ๆ สองข้างให้นาง และเล่านิทานให้นางฟังด้วยกู้จิ่งซีในเวลานี้ดูคล้ายกับท่านปู่อยู่บ้าง แต่กลับไม่ใช่ท่านปู่ เขาอ่อนโยน ส่วนท่านปู่คือความรักและเมตตาเมิ่งจิ่นเหยาอยากรู้ “ก่อนหน้านี้ท่านพี่เคยดูแลเด็กอยู่บ่อยครั้งหรือเจ้าคะ?”เด็กที่นางพูด หมายถึงกู้ซิวหมิงการเคลื่อนไหวของกู้จิ่งซีหยุดชะงักไปชั่วครู่ มองดูนางพลางยิ้มแล้วกล่าวว่า “เปล่าหรอก นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าดูแลเด็ก โชคดีที่เด็กว่านอนสอนง่าย ไม่ก่อกวนเท่าใดนัก มิเช่นนั้นข้าคงดูแลไม่ไหว” เมื่อเมิ่งจิ่นเหยาได้ฟัง ก็ก้มหน้าลงไม่มองเขา ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ พลางกล่าวเสียงแผ่วเบา “ท่านพี่เป็นท่านโหว จะมาดูแลผู้อื่นได้อย่างไรกัน? ให้สาวใช้มาทำให้ก็พอแล้วเจ้าค่ะ”กู้จิ่งซียิ้มมุมปาก กล่าวตามเหตุตามผล “หากว่าเจ้าอยากให้สาวใช้มาดูแล จะอยู่ภายในห้องเพียงลำพังได้อย่างไร

DMCA.com Protection Status