Share

บทที่ 287

Penulis: มู่อวิ๋นเฉิง
โถงข้าง

กู้ซิวหมิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ กำลังรออยู่อย่างสงบ

ผ่านไปไม่นาน เมื่อเมิ่งจิ่งเหยากับกู้จิ่งซีเข้ามา ก็มองเห็นเขาที่ไม่ได้เห็นมาหนึ่งเดือนกำลังนั่งอยู่

เมิ่งจิ่งเหยาเหลือบมองเขาโดยละเอียดอย่างเก็บอาการ ก็ไม่รู้ว่าคิดผิดไปหรือไม่ ไม่เห็นเขาเป็นเวลาหนึ่งเดือน ราวกับว่าบุตรชายราคาถูกผู้นี้ไม่เหมือนเดิมอยู่เล็กน้อย เหมือนกับว่าสุขุมขึ้น และมีกลิ่นอายแห่งความโง่เขลาน้อยลง

กู้ซิวหมิงเห็นพวกเขามากันแล้ว จึงรีบลุกขึ้น คารวะพวกเขาด้วยความเคารพ “ลูกคารวะท่านพ่อ ท่านแม่ขอรับ”

เมื่อเห็นดังนั้น เมิ่งจิ่นเหยาก็เหลือบมองเขาอย่างละเอียดอีกครั้ง ดูเหมือนจะสุขุมขึ้นไม่น้อยจริง ๆ

กู้จิ่งซีกล่าวเสียงเรียบ “ไม่ต้องมากพิธี นั่งลงคุยกันเถิด”

เมื่อเขาพูดจบ เขาและเมิ่งจิ่นเหยาก็นั่งลงตรงตำแหน่งที่นั่งหลักด้านซ้ายและขวา

กู้ซิวหมิงหยิบกระดาษหนา ๆ ที่เต็มไปด้วยตัวอักษรที่ตนเองวางไว้ที่โต๊ะน้ำชาขนาดเล็กก่อนหน้านี้ขึ้นมา จากนั้นก็ก้าวเท้ามาข้างหน้า ส่งกระดาษปึกนั้นให้กับกู้จิ่งซี พลางกล่าวว่า “ท่านพ่อ นี่คือคัมภีร์กตัญญูที่ลูกคัดในระหว่างที่สำนึกผิดเรือนชิงอวี้เซวียน คัดไปแล้วหนึ่งร้อยจบ เชิญท่านตรวจ
Bab Terkunci
Lanjutkan Membaca di GoodNovel
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 288

    กู้ซิวหมิงกำลังคุกเข่า ตัวตั้งตรงไม่ขยับเขยื้อน “ท่านแม่ ลูกมีความผิด หากว่าท่านไม่ให้อภัยลูก ลูกก็จะคุกเข่าอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนขอรับ”เมื่อเมิ่งจิ่นเหยาได้ฟังก็งงงัน ไม่เข้าใจว่าเขามีแผนร้ายอันใด ขมวดคิ้วอย่างยากที่สังเกตเห็น ไม่ว่าเขาจะจริงใจหรือว่าเสแสร้ง ก็จะแสดงร่วมกันกับเขา จึงแสร้งยิ้มอย่างอ่อนโยนมีเมตตา และกล่าวด้วยเสียงอบอุ่นว่า “ระหว่างแม่กับลูกมีความบาดหมางกันข้ามคืนเสียที่ไหน? ในเมื่อเจ้าสำนึกผิดเเล้ว แม่ก็จะอภัยให้เจ้า เรื่องก่อนหน้านี้ก็ให้มันผ่านไปเถิด เจ้ารีบลุกขึ้นเร็วเข้า”“ลูกขอบคุณท่านแม่มากขอรับที่ให้อภัย ก่อนหน้านี้เป็นลูกที่ไม่ดี ต่อจากนี้ไปจะไม่ทำผิดอีกแล้วขอรับ จะกตัญญูต่อท่านพ่อท่านแม่ให้มาก” กู้ซิวหมิงกล่าวอย่างจริงใจ จนเกือบจะร้องไห้ เมื่อพูดจบก็โขกศีรษะคำนับไปทางเมิ่งจิ่นเหยาอีกสามครั้ง ถึงได้ลุกขึ้นเมิ่งจิ่นเหยาเห็นว่าหน้าผากของเขาเป็นสีแดงแล้ว ก็แอบกล่าวในใจว่า ‘โหดร้ายต่อตนเองมากทีเดียว โขกศีรษะแรงถึงเพียงนี้ จนมีรอยเลือดไหลซึมออกมา’กู้จิ่งซีมองดูบุตรชายด้วยสีหน้าที่ไม่อาจแยกแยะได้ ดวงตาลึกล้ำ จับจ้องอยู่นาน จากนั้นก็กล่าวว่า “ซิวหมิง ในเมื่อเจ้าสำนึ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 289

    เมิ่งจิ่นเหยามองดูแผ่นหลังของกู้ซิวหมิงที่เดินจากไป ดวงตาสงบและลึกล้ำ จนกระทั่งเงาร่างนั้นลับหายไปจากสายตา นางถึงได้เบนสายตากลับมา หันหน้าไปมองบุรุษที่อยู่ข้างกาย พลางถามอย่างสับสนว่า “ท่านพี่ ท่านว่าวันนี้บุตรชายคนโตคนดีของพวกเรากินยาอันใดผิดไปหรือไม่เจ้าคะ?”สีหน้าของกู้จิ่งซีชะงักเล็กน้อย ถามกลับไปว่า “ฮูหยินคิดว่าเช่นไรเล่า?”เมิ่งจิ่นเหยาก็ไม่ได้คิดที่จะแสร้งทำเป็นมารดาที่มีเมตตาอันใดต่อหน้าเขา หรี่ตาลงเล็กน้อย พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงว่า “ข้าคิดว่าถ้าเขาไม่กินยาผิด ก็คงถูกผีเข้าเจ้าค่ะ เป็นไปไม่ได้ที่จะขอโทษข้าจริง ๆ และกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนใหม่”เมื่อได้ยินดังนั้น กู้จิ่งซีก็เหลือบมองนางอย่างเรียบเฉย ไม่ได้คัดค้านคำพูดของนางเมิ่งจิ่นเหยากล่าวอย่างประหลาดใจว่า “ท่านพี่ ท่านคิดว่าเขากำลังคิดที่จะทำอันใดเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีเงียบงันไปชั่วครู่ แล้วกล่าวเสียงเรียบว่า “เขาจะทำอันใดฮูหยินไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจ ขอเพียงเขาไม่ก่อเรื่องก็พอแล้ว หากว่าก่อเรื่องขึ้นมา ข้าจะลงโทษเขาด้วยตัวเอง”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้า ขอเพียงกู้ซิวหมิงไม่มาหาเรื่องนางก่อน นางก็สามารถคิดเสียว่ากู้ซิวหมิง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 290

    หนิงตงตะลึงงัน รีบกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “เช่นนั้นให้เขาเป็นแบบเมื่อก่อนยังดีกว่าเจ้าค่ะ”เมิ่งจิ่นเหยาประหลาดใจไปชั่วขณะ จากนั้นก็ยกมุมปากขึ้นด้วยสีหน้าที่ไม่อาจคาดเดาที่จริงแล้วบุ่มบ่ามและโง่เขลาบ้างคงดีกว่า เช่นนั้นก็ง่ายต่อการรับมือ ตอนนี้เป็นเช่นนี้กลับรับมือไม่ได้โดยง่ายแล้วแต่ว่าคนผู้นี้ ผ่านความพ่ายแพ้มามากมาย ท้ายที่สุดก็จะเติบโต แผนการก็จะยิ่งลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อย ๆ กู้ซิวหมิงก็คงจะเป็นแบบนี้เช่นกัน ก่อนหน้านี้ทุกอย่างราบรื่น ตั้งแต่หนีการแต่งงานและถูกจับกลับมาก็พ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง ทำลายความภาคภูมิใจอย่างไม่มีใครเปรียบของเขา ได้เรียนรู้ที่จะอดทน และสวมหน้ากากจอมปลอมเพียงแต่ไม่รู้ว่า กู้ซิวหมิงจะเสแสร้งได้นานถึงเพียงใด......โถงโซ่วอันฮูหยินผู้เฒ่ากู้ได้รู้ว่าก็ซิวหมิงมาแล้ว ก็คิดขึ้นมาได้ในภายหลังว่า ครั้งที่แล้วเขากับซิวเหวินรวมถึงเฉิงจางทะเลาะกันจึงถูกกักบริเวณ และไม่ได้พบกับเขามาเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วนานแล้วที่ไม่ได้พบกัน ทว่ากลับไม่ได้คิดถึงขนาดนั้น คงจะเป็นเพราะว่าผิดหวังกับหลานชายผู้นี้ยิ่งนักเฝิงหมอมอเห็นท่าทางไม่ยินดียินร้ายของนาง คิดได้ว่าถึงอย่า

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 291

    กู้ซิวหมิงรีบตอบรับ “หลานจะเชื่อฟังคำสอนของท่านย่าอย่างเคร่งครัดขอรับ”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้พยักหน้าเล็กน้อย และให้เขานั่งลงเพื่อพูดคุยอีกครั้ง หลานชายทั้งสองเหมือนจะกลับไปสมัยก่อน ทั้งพูดคุยและหัวเราะ เข้ากันได้เป็นอย่างดีเวลานี้ เฝิงหมอมอรับยามาแล้ว ก็สั่งให้สาวใช้ยกน้ำเข้ามาอีกหนึ่งอ่าง และทำความสะอาดบาดแผลให้กู้ซิวหมิง จากนั้นจึงใส่ยาให้เขา เมื่อเห็นบาดแผลของเขา ก็รู้ว่าตอนที่เขาโขกศีรษะใช้แรงมากเพียงใด และนั่นไม่ใช่ทำแบบขอไปทีเลยแม้แต่น้อย หลังใส่ยา กู้ซิวหมิงก็ยังไม่ออกจากโถงโซว่อัน แต่กลับไปโถงพระเป็นเพื่อนฮูหยินผู้เฒ่ากู้ ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ท่องพระคัมภีร์ ส่วนเขาคัดพระคัมภีร์อยู่ด้านข้างและบอกว่าอยากจะคัดเพื่ออธิษฐานให้ฮูหยินผู้เฒ่ากู้พอถึงช่วงกลางวัน กู้ซิวหมิงก็ยังคงไม่กลับ และอยู่รับประทานอาหารกลางวันเป็นเพื่อนฮูหยินผู้เฒ่ากู้ที่โถงโซว่อันฮูหยินผู้เฒ่ากู้เชื่อในพระพุทธ มักจะกินอาหารมังสวิรัติและท่องบทสวด อาหารกลางวันมื้อนี้แม้แต่เนื้อหมูสับยังไม่มีเลย ล้วนเป็นผักทั้งหมด นางกลัวหลานชายไม่เคยชิน จึงสั่งสาวใช้ “ไปให้ห้องครัวทำอาหารคาวเข้ามาสองอย่าง”กู้ซิวหมิงรีบกล่าว “ท่านย่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 292

    เฝิงหมอมอตกใจ “เช่นนั้นท่านซื่อจื่อจะไม่มีภรรยาเอกได้อย่างไรเจ้าคะ?”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ถอนหายใจเบา ๆ “รอซิวหมิงหมดความหลงไหลที่มีต่อหลี่อี๋เหนียง และค่อย ๆ เข้าใจถึงความสำคัญของภรรยาเอก ไม่แน่ว่าอาจอยากแต่งภรรยาเอกก็ได้ ตอนนี้พวกเราเป็นผู้อาวุโสบีบบังคับเขา เขาคงจะไม่ยอมอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นไม่เพียงแต่ทำร้ายแม่นางดี ๆ ที่ไร้ความผิดเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นคู่รักที่ขุ่นเคืองกันอีก และเขาก็จะยิ่งชื่นชอบหลี่อี๋เหนียงมากขึ้นเรื่อย ๆ การไม่แทรกแซงอะไรจึงจะดีที่สุด”หลังจากเฝิงหมอมอฟังก็ชะงัก นางกลับลืมว่ามีหลี่อี๋เหนียงคนนี้ เพื่อหลี่อี๋เหนียงแล้ว ท่านซื่อจื่อยังกล้าหนีงานแต่งงาน หากบังคับท่านซื่อจื่อแต่งงาน ไม่แน่ว่าอาจจะหนีงานแต่งงานครั้งที่สอง เมื่อมีอีกครั้งหนึ่ง เช่นนั้นชื่อเสียงของจวนฉางซิงโหวจะต้องพังพินาศลงอย่างสิ้นเชิงต่อเรื่องนี้ ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ก็ปล่อยวางได้แล้ว ตราบใดที่หลานชายรู้ความเป็นพอ อนาคตจะยิ่งรู้ความ และเข้าใจถึงความหวังดีของผู้อาวุโสมากขึ้นด้วย จึงกล่าว “ความรักช่วงเริ่มแรกนั้นร้อนแรงที่สุด เมื่อเวลาผ่านไป ก็จะจืดจางลงมาก ตอนนี้เขากับ หลี่อี๋เหนียงอยู่ด้วยกันทั้งเช้าท

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 293

    เรือนชิงอวี้เซวียนกู้ซิวหมิงกลับมาจากโถงโซ่วอัน เพิ่งจะเข้าห้อง ก็เห็นร่างที่งดงามโผล่เข้ามาทางตนเอง เขาจึงรีบอ้าแขนกอดคนไว้ แถมยังถอยหลังไปสองก้าวด้วย“พี่ซิวหมิง ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว”แม่นางในอ้อมแขนน้ำเสียงแหบทุ้ม เหมือนกับจะร้องไห้แล้วกู้ซิวหมิงหัวใจกระตุกวูบ และรีบถาม “หว่านเอ๋อร์ เป็นอะไรหรือ? ตอนที่ข้าไม่อยู่ มีคนรังแกเจ้าใช่หรือไม่?หลี่หว่านเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นช้า ๆ ขอบตาเต็มไปด้วยน้ำตา จนใกล้จะร้องไห้ออกมา ในดวงตาก็เต็มไปด้วยความกังวล และกล่าวด้วยเสียงสะอื้นว่า “พี่ซิวหมิง ข้ากลัวมาก กลัวมากจริง ๆ เจ้าค่ะ” กู้ซิวหมิงทนเห็นนางร้องไห้ไม่ได้ จึงตบหลังนางเบา ๆ และปลอบด้วยคำพูดที่อ่อนโยน “หว่านเอ๋อร์ไม่ต้องกลัว ข้าอยู่นี่แล้ว มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นใช่หรือไม่? หากมีคนรังแกเจ้า ข้าคนนี้จะเป็นคนจัดการ และลงโทษสาวใช้ที่ไม่มีตาพวกนั้นให้ดีแทนเจ้า”“ไม่ใช่ ไม่มีใครรังแกข้าเจ้าค่ะ”หลี่หว่านเอ๋อร์ส่ายหน้าเบา ๆ น้ำตาก็ไหลพรากลงมาจากขอบตาทันที และกล่าวด้วยความกังวล “พี่ซิวหมิง ท่านออกไปเมื่อเช้า บอกว่าจะไปคารวะยามเช้าให้ท่านโหวกับฮูหยินที่เรือนเวยหรุยเซวียน แต่นานแล้วก็ยังไม่กลับ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 294

    หลี่หว่านเอ๋อร์เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “จริงหรือเจ้าคะ?”“จริงแท้แน่นอน”กู้ซิวหมิงพยักหน้า และเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่แก้มของนาง เมื่อเห็นนางร้องไห้อย่างขมขื่น ในใจก็ไม่สบายใจอย่างมากหลี่หว่านเอ๋อร์กกล่าวเสียงสะอื้น “พี่ซิวหมิง ข้ามีเพียงท่านเท่านั้น หากวันใดท่านไม่ชอบข้าแล้ว ข้าก็ไม่เหลืออะไรแล้วเจ้าค่ะ”กู้ซิวหมิงปลอบด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “เด็กโง่ ข้าจะไม่ชอบเจ้าได้อย่างไร? หากไม่ชอบเจ้า ข้าคงแต่งงานกับเมิ่งจิ่นเหยาตั้งแต่แรกแล้ว ในใจข้า หว่านเอ๋อร์เป็นแม่นางที่ดีที่สุด และใจดีที่สุดในใต้หล้า”เมื่อได้ยิน หัวใจที่กระวนกระวายของหลี่หว่านเอ๋อร์ถึงจะได้รับการปลอบโยน นางจ้องมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา ชายหนุ่มมีรูปลักษณ์ที่หล่อเหลา สง่างามยืนตระหง่านต้านลม นางรู้สึกชอบ ครั้งแรกที่เห็นชายหนุ่มอยู่ในวัด แม้ชายหนุ่มจะถูกพิษงูจนหมดสติ แต่ด้วยกริยาท่าทางอันสูงศักดิ์ที่แพร่ออกมาจากร่างกาย และรูปลักษณ์ที่หล่อเหล่าเป็นพิเศษ จึงทำให้นางหลงรักตั้งแต่แรกเห็น โดยไม่กลัวจะสร้างความเดือดร้อน ก็รีบไปหาคนในวัดมาช่วยชีวิตชายหนุ่มภายหลังพบว่าชายหนุ่มเป็นซื่อจื่อของจวนฉางซินโหว แถมยัง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 295

    กู้ซิวหมิงดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นคนละคนแล้วจริง ๆ เปลี่ยนเป็นคนที่อ่อนโยน มีความถ่อมตน และมีความก้าวหน้าในการเรียน แถมทุกวันยังไปคารวะยามเช้าให้เมิ่งจิ่นเหยา เมื่อกู้จิ่งซีเลิกงานกลับมา ก็มาที่เรือนเวยหรุยเซวียนเพื่อขอคำแนะนำจากกู้จิ่งซีความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันนี้ ทำให้เรือนใหญ่กับเรือนรองต่างตกใจ ซึ่งต้องทราบว่าก่อนหน้านี้พฤติกรรมขายหน้าเหล่านั้นของกู้ซิวหมิง พวกเขาต่างเกือบจะคิดว่ากู้ซิวหมิงไม่มีอนาคต และกลายเป็นคนไร้ความสามารถไปเสียแล้ว คิดไม่ถึงว่าตอนนี้คนที่ไร้ความสามารถไม่ต้องพยุงก็สามารถปีนขึ้นกำแพงได้บุตรอกตัญญูจู่ ๆ กลายเป็นบุตรกตัญญู เมิ่งจิ่นหยาก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน วันนี้กลางวันยาวกลางคืนสั้น นางจึงตื่นเช้าขึ้น ทุกวันหลังจากตื่นและนอนล้างตัวจะเห็นบุตรอกตัญญูเข้ามาคารวะยามเช้า ทุกครั้งล้วนแสดงความเคารพทั้งยังกตัญญู ไม่มีการทำแบบส่ง ๆ เลยแม้แต่น้อยไม่ว่ากู้ซิวหมิงจะจริงใจ หรือว่าเสแสร้ง นางล้วนต้องเล่นบทมารดาที่เมตตา ดังนั้นทุกครั้งที่มารดาและบุตรมาเจอกัน จึงไม่มีการโต้ตอบแบบเมื่อก่อน และจะมีแต่ภาพบรรยากาศที่กลมเกลียวของมารดาผู้เมตตากับลูกที่กตัญญูเท่านั้น

Bab terbaru

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 328

    ดูเหมือนเมิ่งจิ่นเหยาจะไม่รับฟังคำแนะนำ ดึงดันที่จะทำตามใจของตนเอง “จะใส่ใจทำไมว่าเขาเป็นโจรข่มขืนหรือไม่ ตราบใดที่เขาต้องการข้า ข้าก็จะไปกับเขา หากว่าเจ้ากล้าต้องการข้า ข้าก็จะไปกับเจ้าเช่นกัน”เมื่อสิ้นเสียงของนาง กู้จิ่งซีก็สีหน้าเคร่งขรึม กล่าวด้วยเสียงเย็นชาว่า “ให้พวกเขาไป เอาม้าให้พวกเขาไปตัวหนึ่ง”“แต่ว่า…”บรรดามือปราบมองหน้ากันเลิกลั่ก เมื่อได้ยินเสียงที่แสดงถึงความไม่พอใจ พวกเขาก็รู้ว่าในใจของกู้จิ่งซีกำลังเดือดดาลอยู่เป็นแน่ ทว่าพวกเขาก็สามารถเข้าใจได้ คนปกติที่ไหนเห็นภรรยาของตัวเองโวยวายจะหนีไปกับบุรุษอื่น แล้วไม่มีโทสะบ้างเล่า?มีมือปราบผู้หนึ่งกล่าวเสนอว่า “ใต้เท้า ตอนนี้ฮูหยินเป็นพวกเดียวกับฮวาหลิงเซียวแล้ว ถ้าจะทำก็ทำให้เด็ดขาดดีหรือไม่ขอรับ?”“ข้าจะดูซิว่าผู้ใดกล้าแตะต้อง?” กู้จิ่งซีสีหน้าเย็นชา ดวงตาอันแหลมคมกวาดมองไปที่บรรดามือปราบ แล้วออกคำสั่งอย่างไม่ยอมให้ผู้ใดสอดปาก “ไปเตรียมม้าให้พวกเขา!”เมื่อบรรดามือปราบได้สบเข้ากับสายตาอันแหลมคมนั้น ก็ไม่กล้าที่จะทำอันใดลับหลัง มิเช่นนั้นหากฮูหยินเป็นอันใดขึ้นมา พวกเขาก็อย่าได้คิดว่าจะมีชีวิตรอด สามีตัวจริงเป็นถึงเสนาบ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 327

    “ฮวาหลิงเซียว รีบปล่อยฮูหยินท่านนี้เดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นวันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า”เสียงร้อนรนแว่วดังมาจากด้านหลังเมื่อสาวใช้ทั้งสองหันไปมอง ก็พบว่าด้านหลังมีคนแต่งกายด้วยชุดมือปราบหลายคน กำลังจับจ้องบุรุษผู้นั้นด้วยสีหน้าตึงเครียด หากเป็นเช่นนี้ละก็ บุรุษที่จับตัวฮูหยินของพวกนางเป็นตัวประกัน ก็เป็นผู้ร้ายกระนั้นหรือ?วินาทีต่อมา ก็มีบุรุษอีกคนทะยานลงมาจากกำแพง เมื่อมองเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยของบุรุษผู้นั้น ดวงตาของหนิงตงก็เป็นประกายในฉับพลัน พลางกล่าวด้วยเสียงร้อนรนว่า “ท่านโหว รีบช่วยฮูหยินเร็วเข้าเถิดเจ้าค่ะ!”เมื่อกู้จิ่งซีมองเห็นพวกนางนายบ่าวทั้งสามคน ก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ เขารู้ว่าแม่นางน้อยอยู่ที่วัดหลิงอวิ๋น แต่คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญถึงขนาดพบกับฮวาหลิงเซียวและถูกจับเป็นตัวประกัน สายตากวาดมองไปที่ฮวาหลิงเซียว และมองไปยังแม่นางน้อยมองเห็นแค่เพียงดาบแหลมคมที่ส่องประกายเย็นเยียบจ่ออยู่ที่ลำคอของแม่นางน้อย ดวงหน้าของนางซีดขาว ดวงตาเผยให้เห็นถึงความตื่นตระหนก กำลังมองดูเขาอย่างกังวล ท่าทางหวาดกลัวและอับจนหนทางนี้ ทำให้ใจของเขาหวาดหวั่นยิ่งนักเมื่อฮวาหลิงเซียวได้ยินคำพูดของหนิงตง ก็

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 326

    ชิงชิว “แต่ว่า…”เมิ่งจิ่นเหยาขัดจังหวะคำพูดของนาง “ข้าไม่เป็นไร”ชิงชิวมองไปที่บาดแผลตรงฝ่ามือของนาง โชคยังดีที่บาดแผลไม่ลึกนัก เหมือนว่าจะไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อันใด ถึงได้พยักหน้าอย่างเชื่อฟังผ่านไปไม่นาน หนิงตงก็ไปรับอาหารเจกลับมาตอนนี้มีเพียงพวกนางสามคนนายบ่าวเท่านั้น ไม่มีคนนอกอยู่ที่นี่ เมิ่งจิ่นเหยาให้พวกนางมานั่งกินข้าวด้วยกันกับตนเอง ชิงชิวกับหนิงตงก็ไม่ได้ปฏิเสธอาหารเจของวัดหลิงอวิ๋นรสชาติไม่เลวนัก แต่ว่าภายในใจของเมิ่งจิ่นเหยากลัดกลุ้มอย่างยิ่ง ไม่มีความอยากอาหารอันใด จึงกินอาหารไปคำสองแล้วก็วางชามข้าวกับตะเกียบลงเมื่อหนิงตงเห็นว่านางไม่ได้แตะต้องอาหารเท่าใดนัก จึงกล่าวโน้มน้าวว่า “ฮูหยิน ท่านกินให้มากหน่อยเถิดเจ้าค่ะ กินน้อยถึงเพียงนี้ หากว่าอดหิวจนทำลายสุขภาพจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ? บ่าวรู้ว่าในใจของท่านเป็นทุกข์ แต่หากว่าท่านอดจนเสียสุขภาพ จะมิเป็นไปตามที่นางซุนปรารถนาหรือเจ้าคะ?”เมื่อเมิ่งจินเหยาได้ฟังดังนั้น ก็กินข้าวอีกคำสองคำ จากนั้นก็วางชามวางตะเกียบลงเมื่อเห็นดังนั้น ชิงชิวกับหนิงตงก็สบตากัน พลางลอบถอนหายใจ ทันใดนั้นก็เห็นว่าในเวลานี้ หากว่าท่านโหวอยู่ที่น

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 325

    เมิ่งจิ่นเหยาไปโถงหว่างเซิงอีกครั้ง และจุดธูปให้มารดาผู้ให้ดำเนิดนางโจวนางคุกเข่าลงบนเบาะรองนั่ง สีหน้าเหม่อลอย และเอียงศีรษะเล็กน้อย มองป้ายวิญญาณของนางโจวเงียบ ๆ โดยไม่มีการส่งเสียงใด ๆ หนิงตงกับชิงชิวคุกเข่าตามบนเบาะรองนั่งที่อยู่ด้านซ้ายและด้านขวาของนาง เห็นนางดูเงียบจนเกินไป พวกนางจึงกังวลใจอย่างมาก แต่รู้ว่าพูดปลอบใจอะไรไปก็ไร้ประโยชน์ นายหญิงของพวกนางต้องการอยู่เงียบ ๆ สักพักเดิมทีพวกนางคิดว่านางซุนเป็นแค่แม่เลี้ยงใจร้าย ใครจะคาดคิดว่านางซุนกับนายท่านจะเป็นชู้กัน และเพราะนางซุนเสียชีวิตจากการคลอดเกินกำหนด มิน่าเล่าถึงจะไม่ใช่บุตรแท้ ๆ เหมือนกัน แต่นางซุนกลับปฏิบัติต่อนายหญิงของพวกนางแย่กว่าคุณชายรองเสียอีกนี่ก็เป็นเหตุผลแล้วหากวันนี้นายหญิงไม่ได้ไปจุดธูปที่วัดหลิงอวิ๋น หลังท่านป้าที่ป่วยท่านนั้นเสียชีวิตไป ความลับนี้คาดว่านายหญิงคงจะไม่มีวันได้รู้ไปตลอดชีวิตพระอาทิตย์ตกดิน แสงสว่างของโถงหว่างเซิงก็มืดลงเรื่อย ๆ แสงพระอาทิตย์ตกดินเส้นสุดท้ายที่ส่องเข้ามาในห้องโถงหายไปตอนที่ชิงชิวกับหนิงตงกำลังโน้มน้าวให้นางกลับห้องรับรองแขก จู่ ๆ เมิ่งจิ่นเหยาก็ส่งเสียงออกมา “พวกเรา

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 324

    เมิ่งจิ่นเหยานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง และถามอีกว่า “ท่านพ่อข้าตอนแรกก็เคยมีอนุภรรยา แม้จะสนใจนางซุน แต่ท่านแม่เป็นคนตัดสินใจรับนางมาเป็นอนุภรรยาให้เขา เหตุใดถึงโกรธถึงเพียงนี้ด้วย?หญิงวัยกลางคนตอบกลับ “เพราะนายท่านหลอกฮูหยินบอกว่ามีนัดกับสหาย สุดท้ายถูกฮูหยินพบว่าพวกเขานัดกันอย่างลับ ๆ ฮูหยินรู้สึกถึงการถูกหลอกและทรยศ ก็โมโหขึ้นมาในตอนนั้น อีกอย่าง ฮูหยินเคยเจอนางซุนในงานเลี้ยง พวกนางเข้ากันได้ดี จะอย่างไรฮูหยินก็คิดไม่ถึงว่าสหายที่เพิ่งคบหากับสามีของตนเองจะมีความสัมพันธ์ลับ ข้าน้อยเดาว่า นายท่านกับนายซุนรู้จักกันมาก่อนแล้ว แต่เพียงเพราะคำสั่งของบิดามารดาและแม่สื่อ นายท่านจึงแต่งงานกับฮูหยินเจ้าค่ะ”เมื่อได้ยิน เมิ่งจิ่นเหยาก็หัวใจกระตุกวูบ นางไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน แต่รู้ว่าบิดานางจะต้องชอบนางซุนอย่างแน่นอนนางหลับตาลงและลืมตาอีกครั้ง พลางถาม “สิ่งที่เจ้าพูดมาทั้งหมดในวันนี้ มีคำโกหกบ้างหรือไม่?หญิงวัยกลางคนรีบกล่าว “คุณหนูใหญ่ ข้าน้อยพูดจริงทุกคำ หากมีคำโกหกแม้แต่น้อย ขอให้ลูกหลานของข้าน้อยไม่ได้ตายดีเจ้าค่ะ!”เมิ่งจิ่นเหยามองนางอย่างแปลกใจ สามารถมาสักการะพระพุทธได้ อย่างน้อยคง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 323

    คำพูดนี้ราวกับฟ้าผ่าตอนกลางวัน โจมตีใส่หน้าผากของเมิ่งจิ่นเหยา ทำให้สมองของนางส่งเสียงวิ้ง ๆ ไม่หยุดใบหน้าของนางไร้สี สีหน้าขาวซีดความยากที่จะเชื่อ ความเคียดแค้น ความโกรธ ความไม่เต็มใจ...อารมณ์ต่าง ๆ ผสมปนเปกัน มือที่อยู่ในแขนเสื้อสั่นเทาเล็กน้อย นางเปิดปาก แต่กลับหาเสียงของตนเองไม่เจอมารดานางคลอดยากเพราะเกิดจากการกระทำของมนุษย์?หลายปีมานี้ คนในบ้านต่างบอกว่านางเป็นตัวกาลกิณี และเกิดมาเป็นภัยกับมารดาแม้นางไม่คิดว่าตนเองเป็นตัวกาลกิณี แต่ในใจก็รู้สึกแย่ แม้กระทั่งรู้สึกว่าหากนางไม่เกิดมาก็คงจะดี เพราะมารดาเสียชีวิตเพราะคลอดนาง ตอนนั้นมีเพียงคนเดียวที่สามารถรอดชีวิต มารดานางจึงทิ้งความหวังในการมีชีวิตอยู่ให้กับนางตอนนี้จู่ ๆ ก็พบว่า มารดานางถูกคนทำร้ายจนเสียชีวิต ส่วนคนที่ทำร้ายมารดานางจนเสียชีวิตก็คือนางซุนแม่เลี้ยงที่ทรมานนางมานานหลายปี แถมบิดานางยังเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด และเป็นหนึ่งในคนร้ายอีกมีสิทธิ์อะไร?เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ความผิดของนาง แต่นางกลับแบกเอาไว้ทุกอย่าง และฆาตกรที่แท้จริงกลับอยู่อย่างมีความสุขมานานหลายปีสมควรตายจริง!บิดานางรู้เรื่องทุกอย่าง แต่กลับช่วยนาง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 322

    ชิงชิวกับหนิงตงพยุงหญิงวัยกลางคนขึ้นมาจากพื้นอย่างแข็งขันแม้หนิงตงจะไม่สุขุมเท่าชิงชิว แต่ช่วงเวลาสำคัญการข่มขู่คนก็ถือว่ามีฝีมือทีเดียว นางอดไม่ได้ที่จะอธิบาย “ท่านป้า เชิญ ฮูหยินของพวกข้าเป็นถึงฉางซินโหวฮูหยิน หากไม่ให้ความร่วมมือ พวกข้าก็จะเอาท่านเข้าคุกหลวงในข้อหาคิดร้ายกับนายหญิง”หญิงวัยกลางคนเพิ่งคิดจะต่อต้านและตะโกนให้คนช่วย เมื่อได้ยินว่าต้องเข้าคุกหลวง ทันใดนั้นก็ตกใจจนไม่กล้าขัดขืน หากนางเข้าคุกหลวง ตายไปก็ไม่เป็นไร แต่ครอบครัวของนางจะทำเช่นไรดี? คุณหนูใหญ่ก็คงไม่ปล่อยครอบครัวนางไปเช่นกัน ดังนั้นจึงตามพวกนางไปอย่างยอมจำนน ไม่กล้าแม้กระทั่งจะรบกวนให้พวกนางช่วยพยุง แต่พวกนางราวกับกลัวว่านางจะเล่นลูกไม้ จึงประคองนางไว้อย่างแน่นหนา และพาไปห้องรับรองแขกระหว่างทาง แม้ภายนอกเมิ่งจิ่นเหยาจะเย็นชา แต่ความคิดกลับสับสนวุ่นวาย และในสมองก็ยุ่งเหยิงไปหมดพอถึงห้องรับรองแขก หลังปิดประตู เมิ่งจิ่นเหยาก็เหลือบมองหญิงวัยกลางคนที่ป่วย และให้นางนั่งลงก่อน จากนั้นก็ถามอย่างเข้าประเด็น “การตายของท่านแม่ข้า มีความลับซ่อนอยู่ หรือว่าเสียชีวิตจากการคลอดยากจริง ๆ?”ขณะที่นางกล่าว ใบหน้าก็เคร่ง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 321

    นายท่าน?เมิ่งจิ่นเหยาสีหน้าแข็งทื่อ นายท่านคนนั้นก็คือท่านตาของนางไม่ใช่หรือ?ท่านตาที่ปฏิบัติต่อนางราวกับสมบัติล้ำค่า ผู้อาวุโสที่ใจดีเช่นนั้น จะทำร้ายมารดานางได้อย่างไร?นางทำหน้าเคร่งขรึม และพูดต่อโดยใช้ฐานะของมารดานาง “เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล ท่านพ่อรักและเมตตารุ่นหลังอยู่เสมอ แล้วจะทำร้ายข้า แถมยังคุกคามชีวิตและทรัพย์สินของคนอื่นได้อย่างไร?”หญิงวัยกลางคนตกตะลึง และรู้ว่านางเข้าใจผิดแล้วก็จริง คนที่ตายไปนานขนาดนั้น ไม่สนใจเรื่องของโลกมนุษย์ ข้อมูลจะไม่ครบถ้วนก็เป็นเรื่องปกติหญิงวัยกลางคนรีบอธิบายว่า “ฮูหยิน นายท่านผู้เฒ่าเสียไปตั้งนานแล้ว ท่านซื่อจื่อได้สืบทอดตำแหน่ง นายท่านในตอนนี้คือท่านซื่อจื่อ ท่านก็เปลี่ยนจากฮูหยินของซื่อจื่อเป็นฮูหยินแล้ว ในสายตาของข้าน้อย มีเพียงฮูหยินคนเดียว นางซุนนั้นไม่ใช่เจ้าค่ะ”เมิ่งจิ่นเหยาเข้าใจ ท่านตาคนนี้เป็นคนดี แม้จะมีคนบอกว่าการตายของท่านแม่เกี่ยวข้องกับท่านตา นางก็ไม่เชื่อแต่ การตายของมารดานางเกี่ยวข้องกับท่านพ่อนางหรือ?เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมิ่งจิ่นเหยาพยายามรักษาความสงบนิ่งไว้อย่างเต็มที่ ก่อนจะรู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวที่ชัดเจน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 320

    ในราชวงศ์นี้มีฉางซินโหวแค่เพียงผู้เดียวเท่านั้น นั่นก็คือสามีของนาง และคุณหนูใหญ่ที่สตรีผู้นั้นพูดถึง จึงเป็นนางอย่างแน่นอน ผู้ที่สามารถจุดธูปกราบไหว้มารดาของนางได้ นอกจากนางแล้วยังมีผู้อื่นอีกงั้นหรือ?ผู้ที่สามารถเรียกมารดาของนางว่าฮูหยินได้ ก็มีแต่คนรับใช้เท่านั้น หรือเป็นผู้ที่ปรนนิบัติมารดาของนางในตอนนั้นอย่างนั้นหรือ?จากนั้น นางก็ได้ยินเสียงที่ดังออกมาจากข้างในอีกครั้ง เสียงนั้นเบากว่าเสียงที่ได้ยินเมื่อครู่มากนัก นางแนบกับช่องประตูถึงได้ยินเสียงนั้นอย่างยากลำบาก ได้ยินแค่เพียงเสียงของคนผู้นั้นสะอึกสะอื้นพลางกล่าวว่า “ฮูหยิน เรื่องในตอนนั้น ข้าน้อยถูกบีบบังคับเจ้าค่ะ ตอนนี้ข้าน้อยกำลังจะตาย อีกไม่นานจะลงไปขอโทษท่านด้วยตนเอง” สตรีผู้นั้นกล่าวจบ ก็ร้องไห้ออกมาอย่างแผ่วเบา ไม่ได้พูดอันใดอีกเรื่องในตอนนั้นงั้นหรือ?เรื่องอันใดในตอนนั้นอย่างงั้นหรือ?คำพูดของสตรีผู้นั้นดังสะท้อนอยู่ในสมองของเมิ่งจิ่นเหยา สมองส่งเสียงอื้ออึง เพียงชั่วพริบตาเดียว ก็มีความเป็นไปได้มากมายหลายอย่างผุดขึ้นมาภายในสมองของนาง สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือการตายของมารดานาง แต่ว่ามารดาของนางไม่ได้ตายเพรา

Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status