แชร์

บทที่ 283

ผู้เขียน: มู่อวิ๋นเฉิง
คราวนี้ นางเฉินกลับไม่ได้ขัดแย้งกับนางจาง ตรงกันข้ามกลับกล่าวอย่างปลอบใจว่า “พี่สะใภ้ใหญ่อย่ากังวลเกินไปนักเลย ภรรยาของซิวหย่วนสุขภาพดีมากมาโดยตลอด น่าจะไม่มีปัญหาอันใด ข้าได้ยินมาว่าเจี่ยงฮูหยินล้มป่วย ภรรยาของซิวหย่วนกลับไปเยี่ยมเยียนเจี่ยงฮูหยิน บางทีหลายวันมานี้อาจจะยุ่งอยู่แต่ดูแลเจี่ยงฮูหยินจึงเหน็ดเหนื่อยมากเกินไป ถึงได้เป็นลมล้มลง”

นางจางรู้สึกแต่เพียงว่านางเฉินไม่จริงใจ จึงชะงักฝีเท้า พลางเหลือบมองไปที่นางเฉิน หลังจากนั้นก็ก้าวเดินต่อไป ถึงอย่างไรก็อดรนทนไหว จึงไม่ได้ทะเลาะกับนางต่อ อย่างไรลูกสะใภ้ก็สำคัญกว่า

นางเฉินสบเข้ากับสายตาของนางจาง รู้ว่าแววตานั้นของนางหมายความว่าเช่นไร จึงโมโหขึ้นมาในฉับพลัน แอบด่าว่าอยู่ในใจ ‘เอาความคิดของคนถ่อยมาคาดเดาจิตใจของวิญญูชน!’

สะใภ้ทั้งสามคนมาถึงเรือนของนางเจี่ยงกับกู้ซิวหย่วน

เวลานั้น หมอประจำตระกูลก็ถือกล่องยา พลางก้าวเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ เมื่อมองเห็นพวกนางทั้งสามคน ก็เตรียมที่จะคารวะพวกนาง

นางจางกลับโบกไม้โบกมือ “เอาเถิด ไม่จำเป็นต้องมากพิธี รีบไปดูฮูหยินของคุณชายใหญ่เร็วเข้า”

เมื่อหมอประจำตระกูลได้ยินคำพูดของนางจาง ก็รีบรับคำ พล
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 284

    เมื่อมองเห็นท่าทางที่เหมือนดั่งคาคกขึ้นวอของนางจาง ภายในใจของนางเฉินก็รู้สึกเหมือนถูกกดขี่ หากรู้แต่เนิ่น ๆ ว่าเป็นเช่นนี้ นางก็คงไม่ตามมาด้วยหรอก พอมาแล้วยังต้องมาฟังนางจางพูดโอ้อวดไร้สาระนี่อีกช่วงนี้นางก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้พยายามหาแม่นางที่อายุเหมาะสมให้กับซิ่วหง เพียงแต่มารดาของแม่นางไม่ยอมปล่อยเท่านั้น บางทีคงจะถูกผลกระทบจากคนสารเลวกู้ซิวหมิงนั่น ยังไม่แต่งงานกับภรรยาเอกก็รับอนุภรรยาเสียแล้ว ทั้งยังให้อนุภรรยามาอยู่ในเรือนหลักที่เป็นของภรรยาเอก โปรดปรานอนุภรรยาในทุกวิถีทาง เป็นลางบอกว่าหลงไหลอนุจนทำลายภรรยาเอกอย่างแน่นอนซิวหงในฐานะพี่ชาย ชื่อเสียงได้รับผลกระทบ ครอบครัวที่มีบุตรสาว เกรงว่าซิวหงก็จะเป็นคนเช่นนี้เหมือนกัน จึงต้องพลอยเดือดร้อนโดยที่ไม่ได้เกี่ยวข้องไปด้วย มีแต่ต้องรอให้เรื่องราวต่าง ๆ สงบลงแล้ว จึงค่อยเอ่ยถึงเรื่องการแต่งงานของซิวหงอีกทีนางจางเห็นว่านางไม่ตอบกลับ ในที่สุดก็ชนะได้สักครั้ง จึงกล่าวอีกว่า “เจ้าก็อย่าได้ตำหนิที่พี่สะใภ้ปากมากไปเลย พี่สะใภ้เพียงแค่เห็นว่าซิวหงก็อายุไม่น้อยแล้ว เรื่องการแต่งงานควรมีการกำหนดได้แล้ว ที่เรียกว่าสร้างครอบครัวและสร้างฐานะ หลั

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 285

    ช่วงบ่ายยามเซิน ผ่านช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดของวันไปแล้วนางจางไปที่โถงโซ่วอัน เตรียมจะนำข่าวดีเรื่องภรรยาของซิวหย่วนไปบอกแก่แม่สามี เมื่อเช้านางทำให้แม่สามีไม่พอใจ ตอนนี้มีเรื่องที่น่ายินดี ไม่แน่ว่าพอแม่สามีมีความสุขแล้ว ก็จะได้ลืมเรื่องเมื่อเช้าก็เป็นได้ และโทสะที่มีต่อนางจะได้หายไปฮูหยินผู้เฒ่ากู้เพิ่งจะตื่นจากการนอนกลางวัน เมื่อรู้ว่านางมาแล้ว ภายในใจรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ไม่รู้ว่านางสร้างปัญหาอันใดขึ้นมาอีก ไม่อยากพบนางเลย ทว่าในเมื่อนางมาแล้ว ก็คงต้องให้สาวใช้ไปเชิญนางเข้ามาเพียงไม่นาน นางจางก็เข้ามา เมื่อเห็นแม่สามีนั่งอยู่ที่ด้านบน สีหน้าสงบนิ่ง ดูไม่ออกว่ามีความสุขหรือว่าไม่มีความสุข นางก็ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวเพื่อคารวะ “คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้กล่าวอย่างเฉยเมย “นั่งลงแล้วค่อยพูดคุยกันเถิด”“เจ้าค่ะ!”นางจางรับคำ พลางก้าวเดินไปยังตำแหน่งที่ต่ำกว่าฮูหยินผู้เฒ่ากู้แล้วนั่งลง หลักจากนั้นก็บอกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้ากับฮูหยินผู้เฒ่ากู้ ท้ายที่สุดก็พูดเรื่องที่ภรรยาของซิวหย่วนได้รับการวินิจฉัยว่าตั้งครรภ์มากว่าหนึ่งเดือนแล้วเมื่อฮูหยินกู้ได้ฟัง ร่อยร

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 286

    กู้จิ่งซีเห็นนางจ้องมองมือของตนเองตาปริบ ๆ จึงมองไปตามสายตาของนาง พบว่าตนเองกำลังคีบซาลาเปาน้ำแกงลูกสุดท้ายอยู่ คิดว่านางอยากกิน จึงเอาซาลาเปาวางไว้บนจานของนาง พลางกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ฮูหยินกินเถิด”เมิ่งจิ่นเหยาประหลาดใจ ก้มหน้ามองซาลาเปาที่อยู่บนจานอย่างงุนงง “ให้ข้าหรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีแย้มยิ้ม “เมื่อครู่ฮูหยินมองมือของข้าอยู่ตลอด มิใช่ว่าอยากกินซาลาเปาลูกนี้หรอกหรือ?”สีหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาชะงักค้าง อันที่จริงคือนางรู้สึกว่ามือของเขาดูดี จึงอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองอยู่หลายครั้งหลายครา คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำให้เกิดการเข้าใจผิดเอาได้ ความงามทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดจริง ๆ ด้วย จึงรีบกล่าวปกปิดว่า “ข้าเพียงแค่ละโมบเท่านั้นเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านพี่มาก”กู้จิ่งซีไม่ได้คิดอันใดมาก กล่าวแต่เพียงว่า “หากฮูหยินชอบ เช่นนั้นก็กินให้เยอะ ๆ เถิด ถ้าไม่พอ พรุ่งนี้เช้าค่อยให้ห้องครัวทำมาอีก”เมิ่งจิ่นเหยาตอบกลับว่า “ไม่ต้องแล้วเจ้าค่ะ พรุ่งนี้กินอาหารอย่างอื่น กินเหมือนกันทุกวันจะเบื่อเอาได้ ต้องหลากหลายหน่อยถึงจะดีเจ้าค่ะ” กู้จิ่งซียิ้มพลางกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าฮูหยินจะชอบกินมากสินะ?”เมิ่งจิ่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 1

    จวนหย่งชางป๋อเป็นตระกูลขุนนางตกอับ แต่เมิ่งจิ่นเหยาผู้เป็นบุตรีคนโตของภรรยาเอกกลับได้ตบแต่งเข้าจวนฉางซินโหวที่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ เป็นฮูหยินของซื่อจื่อ[1] ใครบ้างจะไม่บอกว่าเมิ่งจิ่นเหยาโชคดี?อย่างไรก็ตาม เมิ่งจิ่นเหยากลับไม่คิดเช่นนั้น หากนางโชคดีจริง เหตุใดคู่หมั้นจึงไม่มารับตัวเจ้าสาวด้วยตนเองในวันวิวาห์? แต่ให้คุณชายรองของจวนฉางซินโหวอุ้มไก่ตัวผู้มาที่จวนหย่งชางป๋อเพื่อรับตัวเจ้าสาวแทนเท่านั้น โดยให้เหตุผลว่าไม่สบาย จึงไม่อาจมารับด้วยตนเองทั้ง ๆ ที่หลายวันก่อนนางเห็นกู้ซิวหมิงผู้เป็นซื่อจื่อดูแข็งแรงกระฉับกระเฉงดี เหตุใดจู่ ๆ ก็ล้มป่วยจนลุกจากเตียงไม่ขึ้น มารับตัวเจ้าสาวไม่ได้กันเล่า? พูดตามตรงคือจวนฉางซินโหวไม่ได้ให้ความสำคัญกับการแต่งงานครั้งนี้ ดังนั้นถึงได้ดูแคลนนางเช่นนี้ หากท่านปู่ของนางยังอยู่ ต่อให้ล้มป่วยจริง ตราบใดที่ไม่ถึงขั้นลุกจากเตียงไม่ไหว ก็คงจะมารับตัวเจ้าสาวด้วยตนเองการแต่งงานกระชั้นชิดแล้ว แม่เลี้ยงกับบิดาอยากเชื่อมสัมพันธ์กับจวนฉางซินโหว ไฉนเลยจะละทิ้งการแต่งงานดี ๆ ที่กำหนดไว้เมื่อสิบปีก่อนนี้? ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าจะทำให้นางไม่ได้รับความเป็นธรร

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 2

    เมื่อสิ้นเสียงกล่าวของนาง ทุกคนล้วนตกตะลึงไม่หยุดบัดนี้จวนหย่งชางป๋อไม่ใช่จวนหย่งชางป๋อเหมือนเมื่อสิบกว่าปีก่อนแล้ว หลังจากที่หย่งชางป๋อผู้เฒ่าเสียชีวิต หย่งชางป๋อคนปัจจุบันมีความสามารถพื้น ๆ ธรรมดา ทายาทผู้สืบทอดบรรดาศักดิ์มีอายุเพียงสิบสองปี ยังไม่ได้เข้ารับราชการ ปัจจุบันยังไม่สามารถตั้งตัวได้ บุตรชายคนโตที่เกิดจากอนุภรรยาก็มีอายุเพียงสิบสามปีเช่นกัน จวนหย่งชางป๋อตกอับแล้ว แม้กู้ซิวหมิงหลบหนีงานแต่งงาน สกุลกู้ก็ยังจัดพิธีวิวาห์ตามกำหนดการ ตบแต่งเมิ่งจิ่นเหยาเข้าสกุลส่วนเมิ่งจิ่นเหยาก็ยอมตามน้ำไป แต่งงานกับกู้ซิวหมิง เป็นฮูหยินของซื่อจื่อที่แต่งงานอย่างถูกต้องตามประเพณี แม้สตรีนางอื่นได้รับความรักความโปรดปรานจากกู้ซิวหมิงอีกเพียงใด สุดท้ายก็เป็นได้เพียงอนุภรรยาที่ไม่มีหน้ามีตาเท่านั้น วันหน้าค่อยจัดการในภายหลังทว่าบัดนี้เมิ่งจิ่นเหยากลับบอกว่าจะเปลี่ยนตัวเจ้าบ่าว?จวนฉางซินโหวมีสามบ้าน บ้านใหญ่กับบ้านรองล้วนเกิดจากอนุภรรยา บ้านสามคือบุตรที่เกิดจากภรรยาเอก ซึ่งเกิดจากฮูหยินผู้เฒ่ากู้ หลังจากที่ท่านโหวผู้เฒ่าเสียชีวิตแล้วก็ได้มีการสืบทอดตำแหน่งฉางซินโหวคนใหม่ ฉางซินโหวกู้จิ่งซีม

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 3

    ทุกคนมองไปตามทิศทางที่เมิ่งจิ่นเหยาชี้ หลังจากที่สายตาทอดมองบนร่างของกู้จิ่งซี พวกเขาก็พากันสูดลมหายใจเย็นเยียบเมิ่งจิ่นเหยาบ้าไปแล้วหรือนี่? เดิมทีกู้จิ่งซีเป็นว่าที่พ่อสามีของนาง บัดนี้ว่าที่ลูกสะใภ้จะกลายเป็นว่าที่ภรรยาหรือ?หากกู้จิ่งซีและกู้ซิวหมิงเป็นคนรุ่นเดียวกัน เช่นนั้นคงไม่มีปัญหาอะไร แต่กู้จิ่งซีเป็นบิดาของกู้ซิวหมิง เป็นผู้อาวุโส แล้วผู้อาวุโสจะแต่งภรรยาที่ควรเป็นเด็กรุ่นหลังได้อย่างไร?นี่มันผิดหลักจริยธรรมกู้จิ่งซีเป็นผู้ที่แม้ภูเขาไท่ซานถล่มตรงหน้าก็ยังไม่เปลี่ยนสีหน้า แต่เมื่อได้ยินคำกล่าวอันน่าตกตะลึงของว่าที่ลูกสะใภ้ สีหน้าของเขาก็แตกร้าวในพริบตา ก่อนจะหรี่ตามองเมิ่งจิ่นเหยาเมื่อเมิ่งจิ่นเหยาสบสายตาอันเย็นชาของกู้จิ่งซี หัวใจของนางก็สั่นเทิ้ม หากบอกว่าไม่ประหม่าไม่หวาดกลัว นั่นคงเป็นการโกหก ทว่านางเลือกเด็กรุ่นหลานสองคนนั้นของสกุลกู้ไม่ได้ แต่กู้จิ่งซีกลับเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด นางไม่มีทางถอยแล้ว หากกลับไปที่สกุลเมิ่ง สถานการณ์ก็คงไม่ดีไปกว่าการอยู่ในสกุลกู้ กู้ซิวหมิงทำผิดต่อนาง ทำให้นางเป็นที่ขบขันในวันวิวาห์ นางไม่อาจเป็นเจ้าสาวของกู้ซิวหมิง เช่นนั้นก

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 4

    “หนึ่งคำนับฟ้าดิน!”“สองคำนับบิดามารดา!”“สามีภรรยาคำนับกันและกัน!”“พิธีเสร็จสิ้น ส่งตัวเข้าห้องหอ!”งานแต่งงานที่เหลวไหลเป็นไปไม่ได้แต่กลับกลายเป็นความจริง เมิ่งจิ่นเหยาไม่ได้เป็นฮูหยินของซื่อจื่อ แต่กลายเป็นฮูหยินของฉางซินโหวแทนบรรดาแขกเหรื่อต่างมึนงง รู้สึกว่าเข้าร่วมงานแต่งงานมามากมาย ทว่าครั้งนี้เป็นงานที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุด ช่วงเวลาว่างหลังดื่มชารับประทานอาหารจะมีเรื่องใหม่ให้พูดคุยกันแล้ว และพวกเขายังเป็นประจักษ์พยานที่ได้เห็นกับตาตัวเองอีกด้วยต้องกล่าวว่าเมิ่งจิ่นเหยามีสายตาแหลมคมมาก กู้จิ่งซีมีทั้งความสามารถและรูปลักษณ์ที่โดดเด่น บัดนี้เขาดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดีศาลต้าหลี่ หากไม่ใช่เพราะช่วยเหลือฮ่องเต้จนได้รับบาดเจ็บ เป็นโรคที่มิอาจกล่าวได้ และถูกคู่หมั้นถอนหมั้นจนหมดกำลังใจเรื่องแต่งงานมาตลอด ก็คงไม่ถึงตาให้เมิ่งจิ่นเหยามาเก็บตกไปได้คนของบ้านใหญ่กับบ้านรองก็มึนงงเช่นกัน เรื่องเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป คิดไม่ถึงว่าฮูหยินผู้เฒ่ากู้จะเห็นด้วยกับเรื่องเหลวไหลพรรค์นี้ได้ อีกทั้งกู้จิ่งซีที่เคร่งครัดมาตลอดก็แต่งงานกับว่าที่ลูกสะใภ้ในตอนแรกเช่นกัน พรุ่งนี้บ้านของพวกเขาย่อมก

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 5

    หลังจากแขกเหรื่อแยกย้ายกลับกันไปหมดแล้ว กู้จิ่งซีก็กลับมาที่เรือนของตัวเอง ภายในเรือนจุดโคมไฟสว่างไสววันนี้เขาดื่มไปไม่น้อย เมาได้ห้าหกส่วนแล้ว เขานวดหว่างคิ้ว เหลือบมองไปทางห้องหลัก ตัวเขาเองก็คิดว่าเรื่องมันเหลวไหล เห็นชัดว่าเป็นลูกสะใภ้ สุดท้ายกลับจับพลัดจับผลู กลายเป็นเขาที่แต่งงานกับว่าที่ลูกสะใภ้แทนนี่เป็นเรื่องที่ออกนอกลู่นอกทางที่สุดที่เขาเคยทำตลอดยี่สิบเก้าปีที่ผ่านมา เมื่อเมิ่งจิ่นเหยาเลือกเขาอย่างแน่วแน่ ดึงดันที่จะแต่งงานกับเขา เมื่อเขาสบสายตาที่เด็ดเดี่ยวของเมิ่งจิ่นเหยา เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดความคิดแบบไหนถึงดลใจให้ตอบตกลงโดยไม่รู้ตัวในขณะนั้น เมิ่งจิ่นเหยาลบเครื่องสำอางออกแล้ว หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก็นั่งรออยู่ในห้องด้วยความกระสับกระส่าย เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู นางจึงคลายมือที่กำแน่นออก เชยตามองไปก็เห็นบุรุษร่างสูงตระหง่านราวกับต้นสน ก้าวเดินเข้ามาอย่างมั่นคง เวลานี้ไม่มีผู้ชมรอบข้างคอยชมละคร สภาพจิตใจของนางกลับไม่ได้สงบนิ่งไปกว่าตอนที่มีผู้ชมอยู่เลย นางฝืนเดินเข้ามาโดยแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น พยายามทำหน้าที่ภรรยาอย่างเต็มที่ เอ่ยถามอย่างนอบน้อมว่

บทล่าสุด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 286

    กู้จิ่งซีเห็นนางจ้องมองมือของตนเองตาปริบ ๆ จึงมองไปตามสายตาของนาง พบว่าตนเองกำลังคีบซาลาเปาน้ำแกงลูกสุดท้ายอยู่ คิดว่านางอยากกิน จึงเอาซาลาเปาวางไว้บนจานของนาง พลางกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ฮูหยินกินเถิด”เมิ่งจิ่นเหยาประหลาดใจ ก้มหน้ามองซาลาเปาที่อยู่บนจานอย่างงุนงง “ให้ข้าหรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีแย้มยิ้ม “เมื่อครู่ฮูหยินมองมือของข้าอยู่ตลอด มิใช่ว่าอยากกินซาลาเปาลูกนี้หรอกหรือ?”สีหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาชะงักค้าง อันที่จริงคือนางรู้สึกว่ามือของเขาดูดี จึงอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองอยู่หลายครั้งหลายครา คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำให้เกิดการเข้าใจผิดเอาได้ ความงามทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดจริง ๆ ด้วย จึงรีบกล่าวปกปิดว่า “ข้าเพียงแค่ละโมบเท่านั้นเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านพี่มาก”กู้จิ่งซีไม่ได้คิดอันใดมาก กล่าวแต่เพียงว่า “หากฮูหยินชอบ เช่นนั้นก็กินให้เยอะ ๆ เถิด ถ้าไม่พอ พรุ่งนี้เช้าค่อยให้ห้องครัวทำมาอีก”เมิ่งจิ่นเหยาตอบกลับว่า “ไม่ต้องแล้วเจ้าค่ะ พรุ่งนี้กินอาหารอย่างอื่น กินเหมือนกันทุกวันจะเบื่อเอาได้ ต้องหลากหลายหน่อยถึงจะดีเจ้าค่ะ” กู้จิ่งซียิ้มพลางกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าฮูหยินจะชอบกินมากสินะ?”เมิ่งจิ่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 285

    ช่วงบ่ายยามเซิน ผ่านช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดของวันไปแล้วนางจางไปที่โถงโซ่วอัน เตรียมจะนำข่าวดีเรื่องภรรยาของซิวหย่วนไปบอกแก่แม่สามี เมื่อเช้านางทำให้แม่สามีไม่พอใจ ตอนนี้มีเรื่องที่น่ายินดี ไม่แน่ว่าพอแม่สามีมีความสุขแล้ว ก็จะได้ลืมเรื่องเมื่อเช้าก็เป็นได้ และโทสะที่มีต่อนางจะได้หายไปฮูหยินผู้เฒ่ากู้เพิ่งจะตื่นจากการนอนกลางวัน เมื่อรู้ว่านางมาแล้ว ภายในใจรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ไม่รู้ว่านางสร้างปัญหาอันใดขึ้นมาอีก ไม่อยากพบนางเลย ทว่าในเมื่อนางมาแล้ว ก็คงต้องให้สาวใช้ไปเชิญนางเข้ามาเพียงไม่นาน นางจางก็เข้ามา เมื่อเห็นแม่สามีนั่งอยู่ที่ด้านบน สีหน้าสงบนิ่ง ดูไม่ออกว่ามีความสุขหรือว่าไม่มีความสุข นางก็ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวเพื่อคารวะ “คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้กล่าวอย่างเฉยเมย “นั่งลงแล้วค่อยพูดคุยกันเถิด”“เจ้าค่ะ!”นางจางรับคำ พลางก้าวเดินไปยังตำแหน่งที่ต่ำกว่าฮูหยินผู้เฒ่ากู้แล้วนั่งลง หลักจากนั้นก็บอกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้ากับฮูหยินผู้เฒ่ากู้ ท้ายที่สุดก็พูดเรื่องที่ภรรยาของซิวหย่วนได้รับการวินิจฉัยว่าตั้งครรภ์มากว่าหนึ่งเดือนแล้วเมื่อฮูหยินกู้ได้ฟัง ร่อยร

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 284

    เมื่อมองเห็นท่าทางที่เหมือนดั่งคาคกขึ้นวอของนางจาง ภายในใจของนางเฉินก็รู้สึกเหมือนถูกกดขี่ หากรู้แต่เนิ่น ๆ ว่าเป็นเช่นนี้ นางก็คงไม่ตามมาด้วยหรอก พอมาแล้วยังต้องมาฟังนางจางพูดโอ้อวดไร้สาระนี่อีกช่วงนี้นางก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้พยายามหาแม่นางที่อายุเหมาะสมให้กับซิ่วหง เพียงแต่มารดาของแม่นางไม่ยอมปล่อยเท่านั้น บางทีคงจะถูกผลกระทบจากคนสารเลวกู้ซิวหมิงนั่น ยังไม่แต่งงานกับภรรยาเอกก็รับอนุภรรยาเสียแล้ว ทั้งยังให้อนุภรรยามาอยู่ในเรือนหลักที่เป็นของภรรยาเอก โปรดปรานอนุภรรยาในทุกวิถีทาง เป็นลางบอกว่าหลงไหลอนุจนทำลายภรรยาเอกอย่างแน่นอนซิวหงในฐานะพี่ชาย ชื่อเสียงได้รับผลกระทบ ครอบครัวที่มีบุตรสาว เกรงว่าซิวหงก็จะเป็นคนเช่นนี้เหมือนกัน จึงต้องพลอยเดือดร้อนโดยที่ไม่ได้เกี่ยวข้องไปด้วย มีแต่ต้องรอให้เรื่องราวต่าง ๆ สงบลงแล้ว จึงค่อยเอ่ยถึงเรื่องการแต่งงานของซิวหงอีกทีนางจางเห็นว่านางไม่ตอบกลับ ในที่สุดก็ชนะได้สักครั้ง จึงกล่าวอีกว่า “เจ้าก็อย่าได้ตำหนิที่พี่สะใภ้ปากมากไปเลย พี่สะใภ้เพียงแค่เห็นว่าซิวหงก็อายุไม่น้อยแล้ว เรื่องการแต่งงานควรมีการกำหนดได้แล้ว ที่เรียกว่าสร้างครอบครัวและสร้างฐานะ หลั

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 283

    คราวนี้ นางเฉินกลับไม่ได้ขัดแย้งกับนางจาง ตรงกันข้ามกลับกล่าวอย่างปลอบใจว่า “พี่สะใภ้ใหญ่อย่ากังวลเกินไปนักเลย ภรรยาของซิวหย่วนสุขภาพดีมากมาโดยตลอด น่าจะไม่มีปัญหาอันใด ข้าได้ยินมาว่าเจี่ยงฮูหยินล้มป่วย ภรรยาของซิวหย่วนกลับไปเยี่ยมเยียนเจี่ยงฮูหยิน บางทีหลายวันมานี้อาจจะยุ่งอยู่แต่ดูแลเจี่ยงฮูหยินจึงเหน็ดเหนื่อยมากเกินไป ถึงได้เป็นลมล้มลง”นางจางรู้สึกแต่เพียงว่านางเฉินไม่จริงใจ จึงชะงักฝีเท้า พลางเหลือบมองไปที่นางเฉิน หลังจากนั้นก็ก้าวเดินต่อไป ถึงอย่างไรก็อดรนทนไหว จึงไม่ได้ทะเลาะกับนางต่อ อย่างไรลูกสะใภ้ก็สำคัญกว่านางเฉินสบเข้ากับสายตาของนางจาง รู้ว่าแววตานั้นของนางหมายความว่าเช่นไร จึงโมโหขึ้นมาในฉับพลัน แอบด่าว่าอยู่ในใจ ‘เอาความคิดของคนถ่อยมาคาดเดาจิตใจของวิญญูชน!’สะใภ้ทั้งสามคนมาถึงเรือนของนางเจี่ยงกับกู้ซิวหย่วนเวลานั้น หมอประจำตระกูลก็ถือกล่องยา พลางก้าวเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ เมื่อมองเห็นพวกนางทั้งสามคน ก็เตรียมที่จะคารวะพวกนางนางจางกลับโบกไม้โบกมือ “เอาเถิด ไม่จำเป็นต้องมากพิธี รีบไปดูฮูหยินของคุณชายใหญ่เร็วเข้า”เมื่อหมอประจำตระกูลได้ยินคำพูดของนางจาง ก็รีบรับคำ พล

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 282

    เมื่อได้ฟังคำพูดเช่นนี้ ดูเหมือนกับว่ามารดาใหญ่จงใจปฏิบัติต่อลูกอนุอย่างไม่เป็นธรรมสีหน้าของนางเฉินบึ้งตึง เกิดโทสะอยู่ภายในจนแทบทนไม่ไหว กล่าวย้อนอย่างประชดประชันว่า “สถานะของครอบครัวเป็นเรื่องรอง ความเหมาะสมเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ก็แม้แต่ท่านแม่ยังพอใจตระกูลหลิว ไม่เหมือนกับจวนอู่อันป๋อ ที่เหมาะสมคู่ควรกับจวนฉางซินโหวของพวกเรา แต่ว่ามีเรื่องที่ต้องกังวลมากมายก่ายกอง การแต่งงานที่ผู้อื่นต่างไม่เห็นความสำคัญ แต่พี่สะใภ้ใหญ่กลับเห็นมันเป็นสิ่งล้ำค่า”นางจางเกิดโทสะ “เจ้า...”นางเฉินเห็นนางประสบกับความพ่ายแพ้ ไม่ต้องพูดถึงว่าในใจมีความสุขมากมายแค่ไหน ยกมุมปากขึ้นพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงประชดประชันว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านอย่าเพิ่งรีบโมโหข้าเลย พรุ่งนี้ท่านก็ต้องพาเซวียนอี๋ไปล่องเรือกับอู่อันป๋อฮูหยินแล้ว อู่อันป๋อนั้นรูปงาม ทั้งยังเป็นซื่อจื่อแห่งจวนป๋อ ไม่แน่ว่าเซวียนอี๋อาจจะชอบพอจริง ๆ ก็เป็นได้ พี่สะใภ้ใหญ่ก็รู้จักนิสัยของเซวียนอี๋ดีนี่เจ้าคะ หากชอบพอก็ต้องการที่จะได้มา ไม่ได้มาก็ร้องไห้โวยวาย ท่านควรไปพูดกับเซวียนอี๋ให้ชัดเจนก่อนจะดีกว่า ทำให้พรุ่งนี้นางมีสติขี้นมาบ้าง”เมื่อได้ยินด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 281

    ฮูหยินผู้เฒ่ากู้มองดูสะใภ้ใหญ่ที่ไม่หมดห่วง แค่รู้สึกโมโหและหมดหนทาง จิตใจว้าวุ่นยิ่งนัก ตอนแรกหากไม่ใช่เพราะว่าเจ้าใหญ่ชื่นชอบ นางก็คงไม่ให้นางจางเข้าตระกูลกู้หรอก ทว่าเป็นเรื่องที่แน่นอนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว นางจึงทำได้เพียงมองดูนางจางในชีวิตที่เหลืออยู่ อย่าให้นางจางเลอะเลือนก่อปัญหาสีหน้าของนางแสดงถึงความเหนื่อยล้า พลางโบกมือไปมา “พวกเจ้าทั้งหมดออกไปก่อนเถิด ข้าเหนื่อยแล้ว”นางจางเห็นแม่สามีสีหน้าย่ำแย่ ก็รู้ว่าตนเองทำให้แม่สามีไม่พอใจแล้ว ภายในใจรู้สึกไม่เป็นสุข จึงไม่กล้าอยู่ขวางหูขวางตาแม่สามีต่อไป จึงรีบกล่าวว่า “ท่านแม่ เช่นนั้นท่านพักผ่อนให้ดีเถิดเจ้าค่ะ สะใภ้ไม่รบกวนท่านแล้ว”เมิ่งจิ่นเหยากับนางเฉินจึงให้ฮูหยินผู้เฒ่าพักผ่อนให้มาก จากนั้นก็จากไปพร้อมกันกับนางจางหลังจากที่พวกนางไปแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ก็หายใจออกอย่างขุ่นมัว ด่าว่าเสียงต่ำว่า “สารเลวจริง ๆ ไม่มีเวลาให้ได้สงบสุข เอาแต่สร้างปัญหามาทำร้ายเด็ก ๆ ”เฝิงหมอมอรีบกล่าวว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าโปรดระงับโทสะเถิดเจ้าค่ะ”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ขมวดคิ้ว กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “อายุตั้งกี่สิบปีแล้ว ทำอันใดยังไม่สุขุมอยู่อีก

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 280

    ดังนั้น อู่อันป๋อฮูหยินถึงคิดจะให้บุตรชายคนโตสายตรงที่ขึ้นเป็นซื่อจื่อแล้วแต่งงานกับเซวียนอี๋ เช่นนี้อู่อันป๋อซื่อจื่อก็จะได้รับการสนับสนุนจากจวนฉางซินโหวแห่งนี้ และบรรเทาความกดดันของเรือนใหญ่ได้ แถมเซวียนอี๋ฐานะต่ำกว่าก็ง่ายที่จะควบคุม อู่อันป๋อฮูหยินถูกแม่สามีควบคุมมานานเช่นนั้น เป็นลูกสะใภ้อดทนจนกลายเป็นแม่สามี จะต้องควบคุมลูกสะใภ้อย่างแน่นอน แต่นางจางกลับแยกแยะไม่ได้ และดูไม่ออก บรรยากาศเงียบไปนานมาก นางจางถึงจะกล่าวอย่างอึกอักว่า “ท่านแม่ ลูกสะใภ้ ลูกสะใภ้ไม่ได้คิดไกลถึงขนาดนั้น ขอบคุณท่านแม่ที่ตักเตือน แต่ลูกสะใภ้นัดกับอู่อันป๋อฮูหยินไว้แล้วว่าจะไปล่องเรือ นี่ควรจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้เห็นท่าทางโง่เขลาแยกแยะไม่ออกของนางก็โมโห และดุด่าด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ความยุ่งเหยิงที่เจ้าเป็นคนก่อก็จัดการเอาเอง แต่อย่าผลักเด็กเข้าไปในหลุมไฟ เรื่องแต่งงานของซิวหย่วนก่อนหน้านี้เจ้าก็เกือบจะทำอะไรเลอะเลือน ตอนนี้ถึงตาเซวียนอี๋ เจ้ายังมาทำแบบเดิมอีก ข้าว่าเจ้าไม่เคยสำนึกตนเลย”นางจางถูกดุจนก้มหน้าไม่กล้าพูดขัด เพียงแค่ไม่พอใจเล็กน้อยเท่านั้น เพราะน้องสะใภ้ทั้งสองยังอยู่ แม่สามีก

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 279

    ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ฟังสะใภ้ใหญ่พูดถึงคุณชายจากตระกูลเหล่านี้ ไม่มีพึงพอใจเลยสักคน และคนที่ไม่พอใจมากที่สุดคืออู่อันป๋อซื่อจื่อ แต่ลูกสะใภ้กลับพึงพอใจอู่อันป๋อมากที่สุด เมื่อเห็นท่าทีที่ลำพองใจของลูกสะใภ้ใหญ่ นางก็ตอบกลับอย่างราบเรียบ “ข้าคิดว่าไม่เท่าใดนัก โดยเฉพาะอู่อันป๋อซื่อจื่อ”ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา สีหน้าของนางจางแข็งทื่อในชั่วพริบตา และรู้สึกว่าแม่สามีไม่เห็นด้วยกับนาง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะทนเห็นเรือนใหญ่ดีไม่ได้ หรือทนเห็นเซวียนอี๋แต่งงานได้ดีไม่ได้กันแน่ จึงถามกลับ “ท่านแม่ ลูกสะใภ้เห็นว่าอู่อันป๋อซื่อจื่อก็ดี เหตุใดท่านถึงไม่พอใจเจ้าคะ?”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้กล่าวด้วยเสียงเรียบ “อู่อันป๋อซื่อจื่อดีมาก ฐานะครอบครัวก็ดี ในอนาคตหากอู่อันป๋อเสียชีวิต เขายังสามารถสืบทอดตำแหน่งขุนนางได้ หากเซวียนอี๋แต่งเข้าไป อนาคตก็คือฮูหยินของท่านป๋อ”เมื่อได้ยิน สีหน้าของนางจางก็อ่อนลง และกล่าวอย่างไม่เข้าใจ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นท่านแม่เหตุใดถึงคิดว่าไม่ดีเล่าเจ้าคะ?​ เซวียนอี๋แต่งเข้าไปก็ดีแล้ว ภายหลังจะได้ช่วยสนับสนุนบ้านมารดาด้วย”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “สะใภ้ใหญ่ เซวียนอ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 278

    แต่โดยรวมแล้ว หลานสาวคนโตก็ไม่ใช่คนเลวร้ายจนไม่อาจให้อภัยได้ นอกจากรังแกเซวียนหลิงแล้ว ก็ไม่เคยเป็นฝ่ายทำร้ายใคร เพียงแต่คนเป็นบิดามารดาไม่ได้อบรมสั่งสอนให้ดี เลยเลี้ยงเด็กดีในทางที่ผิด หากต่อไปไม่พบเจอกับเรื่องอะไร นิสัยนี้เกรงว่าจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้วหลังจากนั้น ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ก็ชักสายตากลับ และกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “เซวียนอี๋ เซวียนหลิงกลับไปก่อนเถอะ”ทันทีที่กู้เซวียนอี๋กับกู้เซวียนหลิงได้ยิน ก็รู้ว่าเหล่าอาวุโสมีเรื่องต้องพูดคุยกัน จึงตอบรับอย่างเชื่อฟัง และออกจากโถงโซ่วอันไปหลังจากนั้น ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ก็ไล่สาวใช้ที่ปรนนิบัติให้ออกไป จึงเหลือเพียงเฝิงหมอมอ รวมทั้งลูกสะใภ้อีกสามคนเท่านั้นนางจางอดสงสัยไม่ได้ จึงถาม “ท่านแม่ ท่านมีเรื่องสำคัญอะไรจะปรึกษากับพวกเราหรือเจ้าคะ?”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “สะใภ้ใหญ่ สะใภ้รอง เซวียนอี๋กับเซวียนหลิงเด็กทั้งสองถึงวัยปักปิ่น และถึงวัยที่จะพูดคุยเรื่องแต่งงานได้แล้ว พวกเจ้าเป็นมารดามีบุคคลที่ถูกใจหรือยัง?”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ นางเฉินก็รีบกล่าวทันที “ท่านแม่ เรื่องงานแต่งของเซวียนหลิง ปีนี้ลูกสะใภ้ให้ความสำคัญอยู่ตลอด

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status