แชร์

บทที่ 190

ผู้เขียน: มู่อวิ๋นเฉิง
เมิ่งจิ่นเหยารีบส่ายหน้า และกล่าวอธิบายอย่างกระอักกระอ่วนว่า “ข้า เมื่อครู่ข้ายังไม่ทันตั้งตัวเจ้าค่ะ”

กู้จิ่งซีเม้มริมฝีปากและยิ้มเล็กน้อย พลางกล่าวติดตลกด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “เช่นนั้นครั้งหน้าฮูหยินตอบช้าลงหน่อยก็ได้ และตอนที่ยังตั้งตัวไม่ทัน ก็อย่าถามฉีอวิ้นเหวินอีกว่ากู้เย่าหลิงคือผู้ใด มิเช่นนั้นครั้งหน้าคนอื่นจะคิดว่าพวกเราไม่คุ้นเคยกันจริง ๆ ”

สีหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาบึ้งตึงเล็กน้อย และฝืนยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนแต่ยังคงสุภาพออกมา พลางจ้องมองเขาอย่างโกรธเคือง คนอื่นหยอกล้อก็ช่างเถอะ เขาจะหยอกล้อทำไม? เขาไม่เคยกล่าวถึงฉายานามของตนเองเลย ยังคงเป็นมารดาเขาที่เคยกล่าวถึงครั้งหนึ่ง แต่ก็แค่ครั้งนั้น ปกติไม่ได้เรียกฉายาเขา ส่วนใหญ่จะเรียกว่าท่านพี่ ดังนั้นจึงลืมไปในภายหลัง

เมื่อเห็นสถานการณ์ กู้จิ่งซีก็ไม่หยอกล้อนางอีก และหันไปมองฉีอวิ้นเหวิน พลางถามอย่างสงสัยว่า “ข้าให้ฮูหยินของข้าเข้ามา ไม่ได้เรียกเจ้าเสียหน่อย เจ้ามาทำไมหรือ?”

ฉีอวิ้นเหวินฉุนกับคำพูดนี้เล็กน้อย หรือเขาไม่ควรมาปรากฏตัว?

เขายักไหล่อย่างจนใจ “ตอนที่ข้ามา บ่าวรับใช้ของจวนเจ้าบอกว่าเจ้าอยู่ในห้องหนังสือ ข้าจึงให้เขาพาข้
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 191

    เมิ่งจิ่นเหยาพูดไม่ออกในชั่วขณะนั้น นางเหลือบมองกู้จิ่งซี พลางกล่าวด้วยความสับสน “ท่านพี่ให้ข้ามาที่นี่ มีเรื่องอันใดให้ทำงั้นหรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “ฮูหยิน พวกเรามานั่งลงพูดคุยกันก่อนเถิด”เมิ่งจิ่นเหยาตะลึงเล็กน้อย พยักหน้าในทันที ก้าวเท้าไปที่หน้าเก้าอี้แล้วนั่งลง ภายในใจกำลังสงสัยว่าสตรีที่อยู่แต่ในเรือนเช่นนางจะสามารถทำอันใดได้ เรื่องภายในราชสำนักนางก็ไม่เข้าใจเสียหน่อยกู้จิ่งซีก้าวมาอยู่ด้านหน้าโต๊ะเขียนอักษร หยิบซองจดหมายขึ้นมาหนึ่งซอง หลังจากนั้นก็หมุนตัว เดินไปหานาง แล้วนั่งลงตรงข้าง ๆ นาง จากนั้นก็นำซองจดหมายในมือส่งให้นาง “ฮูหยิน เจ้าลองดูสิ่งนี้ก่อน”เมิ่งจิ่นเหยารับซองจดหมาย สายตาถอดมองลงไปที่หน้าซอง บนนั้นว่างเปล่า ไม่ได้เขียนว่าเป็นจดหมายให้ใคร นางเงยหน้ามองกู้จิ่งซีอย่างไม่เข้าใจ หมายจะสอบถามกู้จิ่งซีกล่าว “ฮูหยินลองอ่านดูก่อนเถิด”เมิ่งจิ่นเหยารับคำ เปิดซองจดหมาย แล้วหยิบกระดาษที่อยู่ภายในออกมา กระดาษมีอยู่สองสามแผ่น นางดูคร่าว ๆ อยู่ชั่วครู่ เมื่อเห็นว่าเป็นข้อมูลของนางซุนมารดาเลี้ยง ก็ตั้งใจขึ้นมาในฉับพลัน ตั้งสมาธิอ่านอย่างละเอียดนี่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 192

    เมื่อเมิ่งจิ่นเหยาฟังจบ ดวงตาก็เป็นประกายการตัดศีรษะก็ไม่เลว การแขวนคอก็ดีมากเช่นกัน เมื่อถึงเวลานายบ่าวคู่นั้นก็จะได้รับการลงโทษบนเวทีเดียวกัน คนหนึ่งถูกตัดศีรษะในที่สาธารณะ คนหนึ่งถูกแขวนคอตายด้วยเชือกป่าน เพื่อเซ่นไหว้ดวงวิญญาณของเฉิงอวี่ที่อยู่บนสวรรค์เมื่อกู้จิ่งซีเห็นใบหน้าของแม่นางน้อยเต็มไปด้วยความลิงโลด ก็รู้สึกแต่เพียงว่าแม่นางน้อยดีใจมากเกินไป จนมองข้ามสิ่งอื่น ถึงแม้ในใจไม่อยากให้นางเจ็บช้ำ ทว่าจำเป็นจะต้องเตือนนาง “เพียงแต่ บุตรธิดาฟ้องร้องบิดามารดา ถือว่าไม่กตัญญู ความผิดของการไม่กตัญญูจะต้องถูกลงโทษด้วยเช่นกัน ขอฮูหยินทบทวนดูให้รอบคอบ ข้าไม่อยากให้มีวันใดวันหนึ่งที่ข้าต้องไปเยี่ยมเจ้าในคุกหลวงบ่อย ๆ ” สีหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาชะงักค้างไปชั่วขณะ ในตอนนั้นที่นางซุนยักยอกสินเดิมของมารดาผู้ให้กำเนิดนาง นางยืมอำนาจของจวนฉางซินโหวในการบีบบังคับให้พวกเขาคืนสินเดิมก่อน แล้วใช้เหตุผลในการข่มขู่ว่าจะแจ้งต่อทางการในครั้งนั้นเป็นเพราะว่านางมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม มีหลักฐานพร้อมทั้งอำนาจของจวนฉางซินโหวคอยกดดัน ไม่จำเป็นต้องแจ้งต่อทางการ พวกเขาก็คืนกลับมาแล้ว ดังนั้นนางถึงสามารถพู

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 193

    เมิ่งจิ่นเหยาจ้องมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ พลางกล่าวอย่างมีโทสะ “ท่านก็เป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากกฎหมายนี้เหมือนกัน”กู้จิ่งซียิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ มองดูที่แม่นางน้อยที่โกรธอย่างหนัก จนใจอยู่บ้าง ทว่าก็สามารถเข้าใจความโมโหของนางที่เกิดขึ้นมาอย่างฉับพลันได้ ผู้ที่ถูกขูดรีดเผชิญหน้ากับผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ หากยังมีสีหน้าปกติอยู่ก็แปลกแล้ว จึงกล่าวอย่างอ่อนโยน “ฮูหยินอย่าโมโหไปเลย หากฮูหยินไม่ยินดี ข้าก็สามารถละทิ้งผลประโยชน์เช่นนี้ได้เหมือนกัน”เมิ่งจิ่นเหยาเลิกหางคิ้ว พลางถามด้วยสีหน้าที่คาดไม่ถึง “ท่านคิดจะละทิ้งอย่างไรงั้นหรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หากภายภาคหน้าข้ากระทำความผิด ก็จะลงนามในหนังสือหย่า เช่นนี้พวกเราก็จะยกเลิกความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา ถึงตอนนั้นฮูหยินก็สามารถนำหลักฐานไปฟ้องร้องข้าโดยไม่ต้องถูกคุมขังได้แล้วละ”เมื่อสิ้นเสียง เมิ่งจิ่นเหยาก็ตกตะลึง พลางมองไปที่กู้จิ่งซีด้วยความมึนงง เมื่อหวนกลับไปนึกถึงประโยคนี้อีกครั้ง โทสะที่มีอยู่บนใบหน้าก็มลายลงอย่างรวดเร็ว นางช่างไม่ได้เรื่องยิ่งนัก ถูกเอาใจด้วยคำพูดประโยคเช่นนี้ หัวใจดวงน้อย ๆ ที่ขุ่นเคือ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 194

    เมื่อเมิ่งจิ่นเหยาได้ฟัง ก็เงยหน้าขึ้นมามองเขาอย่างกะทันหัน เมื่อมองเห็นมุมปากที่แย้มยิ้มของเขาดวงตาก็สว่างไสวขึ้นมาในฉับพลัน พลางถามอย่างรีบร้อน “คดีนั้นมีจุดจบเช่นไรเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีกล่าวต่อ “ที่เหมือนกันคือบิดากับมารดาเกิดมีปากเสียงกัน ระหว่างที่โต้เถียงกันเกิดลงไม้ลงมือกันขึ้น บิดาเข้าไปในครัวแล้วหยิบมีดทำครัวขึ้นมาฟันมารดาสิบห้าครั้ง มารดาเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ในตอนที่บุตรชายกลับถึงบ้าน เห็นมารดาถูกฆ่าตายอยู่ที่นั่น บิดาถือมีดทำครัวอยู่ในมือ จึงตะโกนเรียกเพื่อนบ้านมาจับบิดาในทันที สุดท้ายบุตรฟ้องร้องว่าบิดาสังหารมารดา พยานและหลักฐานครบถ้วน บิดาถูกตัดสินให้ตัดศีรษะ ทว่าบุตรชายถูกตัดสินว่าไร้ความผิด และไม่มีพฤติกรรมที่อกตัญญู” นี่คือผลลัพธ์ที่ตนเองต้องการ ทว่าเมิ่งจิ่นเหยากลับรู้สึกไม่ค่อยพึงพอใจอีกครั้ง พลางตั้งคำถามขึ้นมา “เช่นนั้นเหตุใดคดีความครั้งแรก ท่านจึงไม่สามารถตัดสินเช่นนี้ได้เจ้าคะ? ในเมื่อคดีที่สองสามารถกระทำได้ ไยคดีในครั้งแรกถึงไม่พยายามทำให้ได้เล่าเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีตอบ “นั่นก็เพราะว่ามีเหตุผลอย่างไรเล่า”เมื่อเมิ่งจิ่นเหยาได้ฟังก็งุนงง ถามอย่างไม่อาจเข้าใจได้ “

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 195

    คำพูดของบุรุษอ่อนโยนและโน้มน้าวใจ เยียวยาอารมณ์โกรธของเมิ่งจิ่นเหยาอย่างช้า ๆ เดิมทีนางยังรู้สึกขุ่นเคือง โกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เกลียดชังผู้ที่เสนอกฎหมายฉบับนี้ ทว่าตอนนี้กลับรู้สึกจนใจ ในเวลาเดียวกันภายในใจยังเกิดความรู้สึกว่าไร้พลังเพียงชั่วครู่ นางก็เงยหน้ามองกู้จิ่งซีอย่างไม่มีเหตุผล ภายในใจมีความหวังเพิ่มขึ้น หากมีคนอย่างกู้จิ่งซีเพิ่มขึ้นสักหน่อย กฎหมายที่ไม่สมเหตุสมผลพวกนี้ก็คงจะถูกปรับปรุงอย่างช้า ๆ นางจ้องมองกู้จิ่งซีเป็นเวลานาน กล่าวอย่างอึกอักว่า “ท่านพี่ เมื่อครู่ข้าไม่ควรพาลโมโหท่านเลยเจ้าค่ะ”กู้จิ่งซีส่ายศีรษะแผ่วเบาอย่างไม่เก็บมาใส่ใจ พลางกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “ไม่เป็นไร ฮูหยินว่ากันด้วยเหตุผล และเป็นผู้ที่รู้เหตุรู้ผล เมื่อครู่เป็นเพียงแค่ความโมโหชั่ววูบเท่านั้น”เมิ่งจิ่นเหยาราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง จับจ้องเขาอย่างกระตือรือร้น “เสนาบดีศาลต้าหลี่สามารถมีส่วนร่วมในการบัญญัติและแก้ไขกฎหมายได้ใช่ไหมเจ้าคะ?”เมื่อได้ฟัง กู้จิ่งซีก็อดที่จะยิ้มออกมาอย่างจนใจไม่ได้ จึงยิ้มพลางกล่าวว่า “ฮูหยิน ข้าขอแนะนำเจ้าว่าอย่าคาดหวังกับสามีของเจ้านักเลย อันที่จริงสามีของเจ้าไ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 196

    “ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเปิดเผย ก็เพราะว่าเฉียวหมอมอคอยจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้เขาอยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด ข้าสามารถใช้ประโยชน์จากจุดนี้ได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ จับจุดอ่อนของเฉียวหมอมอ และทำให้เฉียวหมอมอเปลี่ยนฝ่าย ขอเพียงเฉียวหมอมอยอมแปรพักตร์ เรื่องราวต่อจากนี้ก็ง่ายดายมากขึ้นแล้ว”กู้จิ่งซีเหลือบมองนางอย่างชื่นชม พยักหน้าพลางกล่าวว่า “ฮูหยินเฉลียวฉลาด ต่อจากนี้มีเรื่องอันใดที่ต้องการให้ข้าทำหรือไม่?”เมิ่งจิ่นเหยาครุ่นคิดอย่างจริงจังอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นก็ปฏิเสธอย่างอ้อม ๆ “ขอบคุณท่านพี่มากเจ้าค่ะ เพียงแต่ในช่วงระยะเวลานี้น่าจะไม่ต้องเจ้าค่ะข้าอยากลองดูด้วยตัวเองสักหน่อย หากว่ามีสิ่งใดที่ต้องการ ข้าจะมายืมกำลังของท่านพี่อีกครั้งเจ้าค่ะ?”กู้จิ่งซีกล่าวเตือน “ก็ได้ เพียงแต่ฮูหยินอย่าได้ทำอะไรบุ่มบ่าม ต้องคิดให้รอบด้าน ส่วนเรื่องกำลังคน เมื่อใดที่ฮูหยินต้องการสามารถบอกข้าได้ทันที”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้าแผ่วเบา สอดกระดาษกลับเข้าไปในซองจดหมาย พลางเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ท่านพี่ ตอนนี้มองดูก็สายมากแล้ว หากไม่มีธุระอันใดละก็ มิสู้พวกเรากลับเรือนเวยหรุยเซวียนก่อน ประเดี๋ยวค่อยกินอาหารเย็นดีไหมเจ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 197

    เช้าวันรุ่งขึ้นกู้จิ่งซีถึงศาลาว่าการศาลต้าหลี่เพื่อทำหน้าที่ สหายร่วมงานคนสนิทฉีอวิ้นเหวินเห็นเขามาทำงาน ก็เดิมตามต้อย ๆ อยู่ข้างกาย มองเขาด้วยดวงตาสว่างไสว หลายครั้งหลายคราที่อยากจะพูดแต่ก็ไม่พูดออกมาเขานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน อ่านม้วนคดีที่เสนอมาจากทุกหนทุกแห่ง เสนาบดีศาลต้าหลี่มีเขาที่มีเอกสิทธิ์ มีสถานที่ทำงานส่วนตัว ฉีอวิ้นเหวินจึงย้ายม้วนคดีที่ตนเองต้องอ่านมาที่นี่ด้วย มาอ่านด้วยกันกับเขาเพียงแต่ กู้จิ่งซีเพิกเฉยเขามาตลอด และอ่านม้วนคดีอย่างตั้งใจ มีบางครั้งบางคราวที่ไม่มีสมาธิ แล้วสบตากับเขา ก็มักจะรู้สึกว่าแปลกประหลาดยิ่งนัก จนกระทั่งในภายหลังถูกสายตาของเขามองจนรู้สึกกระอักกระอ่วน ไม่มีกะจิตกะใจทำงาน จึงได้วางม้วนคดีที่อยู่ในมือฉบับนั้นลง พลางถามเสียงทุ้ม “ฉีโม่ไป๋ เจ้าเป็นโรคที่ตากระนั้นหรือ?”ฉีอวิ้นเหวินส่ายศีรษะโดยไม่รู้ตัว “ปะ เปล่านี่ ไยเจ้าถึงถามเช่นนี้?”กู้จิ่งซีขมวดคิ้ว เมื่อประสานกับดวงตาที่ลุกโชนของเขา ก็รู้สึกหนาวเย็นขึ้นมาอีกครั้ง พลางกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “เช่นนั้นเจ้าเอาแต่จับจ้องข้าทำไมกัน? ข้ามิใช่ภรรยาของเจ้าเสียหน่อย”ฉีอวิ้นเหวินส่ายศีรษะอีกครั้ง “ไ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 198

    ฉีอวิ้นเหวินขยับปากจะพูด แต่แล้วก็กลืนคำพูดที่มาถึงริมฝีปากกลับไปอีกครั้ง พลางเหลือบมองไปที่สหายสนิท ภายในใจรู้สึกเสียดายยิ่งนัก กู้จิ่งซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “มีม้วนคดีจากที่ต่าง ๆ เสนอมาใหม่เป็นกอง ไปอ่านก่อนเถิด”ฉีอวิ้นเหวินส่งเสียงตอบรับ “ได้” และไม่ได้เอ่ยถึงหัวข้อสนทนานี้อีกอย่างรู้ว่าอะไรควรไม่ควร และยุ่งอยู่กับม้วนคดีอีกครั้งเพียงชั่วพริบตา ก็ถึงเวลาเที่ยงตรงฮูหยินของฉีอวิ้นเหวินส่งอาหารกลางวันมาให้ไม่เพียงแต่ฮูหยินของฉีอวิ้นเหวินเท่านั้น มีใต้เท้าบางคนที่แต่งงานแล้ว ก็จะได้รับอาหารกลางวันที่ฮูหยินส่งมาในเวลากลางวันเป็นครั้งคราวเช่นกัน ยกเว้นสามีภรรยาที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีเท่าใดนักที่แทบจะไม่เคยได้รับเลยถึงอย่างไรห้องครัวของศาลต้าหลี่ พ่อครัวก็เป็นเพียงพ่อครัวธรรมดาเท่านั้น อาหารที่ทำออกมาไม่ได้ถือว่าอร่อยมากนัก แค่พอถู ๆ ไถ ๆ อาหารก็ทั่วไป จะอร่อยเหมือนกับอาหารที่บ้านได้เช่นไรกัน? อาหารที่บ้านต่อให้ไม่ใช่อาหารหายาก ทว่าก็ตั้งใจนำส่วนผสมที่เรียบง่ายทำออกมาให้ได้รสชาติที่ดีที่สุดภรรยาที่สงสารสามีของตนเองว่าจะกินอาหารไม่ดี ต่างก็มาส่งอาหารให้สามีเป็นครั้งคราว ปร

บทล่าสุด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 340

    กู้จิ่งซีค่อนข้างประหลาดใจ “เจ้าใช้วิธีใด ถึงทำให้เขารับสารภาพเร็วขนาดนั้น?”ฉีอวิ้นเหวินหยักไหล่ หัวเราะพลางกล่าว “นั่นไม่ใช่ความดีความชอบของข้า เมื่อวานมีแม่นางคนหนึ่งมาพบเขา ไม่รู้พูดอะไร เขาก็รับสารภาพแล้ว”เมื่อได้ยิน กู้จิ่งซีก็ขมวดคิ้วแน่น และสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง “แม่นางผู้นั้นรู้ได้อย่างไรว่าเขาถูกจับตัว?”ฉีอวิ้นเหวินเหลือบมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ และถามกลับว่า “โจรขโมยหญิงงามที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ และชั่วร้ายถูกจับตัวได้แล้ว เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เมื่อคืนข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว หรือว่าเจ้าไม่รู้หรือ? ก็จริง น้องสะใภ้ป่วยแล้ว เจ้าไม่มีกระจิตกระใจจะสนใจเรื่องอื่นก็ปกติ”กู้จิ่งซีปรากฏสายตาที่รู้ทันออกมาฉีอวิ้นเหวินกล่าวอีกว่า “ข้าเห็นแม่นางผู้นั้นแต่งกายเป็นสาวชาวยุทธจักร ซึ่งน่าจะเป็นชาวยุทธจักร และคาดว่าจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขา แต่ว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญมากนัก เพราะตอนนี้ไขคดีได้ก็พอแล้ว”......จวนฉางซินโหวกู้ซิวหมิงมาคารวะยามเช้าให้เมิ่งจิ่นเหยา เขามาสายก้าวหนึ่ง กู้จิ่งซีเพิ่งออกไป เขาก็เพิ่งจะมาถึงนับตั้งแต่การกักบริเวณสิ้นสุดลง ตราบใดที

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 339

    เมิ่งจิ่นเหยาก็ไม่ปิดบัง และเล่าเรื่องที่พบหญิงวัยกลางคนในวัดหลินอวิ๋นเมื่อวานตอนบ่ายให้ฟังรอบหนึ่งพูดถึงช่วงสุดท้าย นางก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “สวรรค์มีตาจริง ๆ จู่ ๆ ข้าก็ฉุกคิดอยากจะไปจุดธูปให้ท่านแม่ที่โถงหว่างเซิงของวัดหลิงอวิ๋น จึงได้พบอดีตบ่าวรับใช้ของท่านแม่ ท่านป้าท่านนั้นป่วยหนักมาก และเหลือเวลาไม่มากแล้ว หากเมื่อวานข้าไม่ได้ไปเจอนางที่วัดหลิงอวิ๋น ความลับนั้นคาดว่าข้าจะไม่มีทางรู้ไปตลอดกาลเจ้าค่ะ”กู้จิ้งซีสีหน้ามืดมนลง พลางละอายใจต่อวิธีที่พ่อตานั้นทำอย่างมาก แม้จะแต่งงานตามคำสั่งของบิดามารดาและการจับคู่ของแม่สื่อ พลางไม่มีความรักระหว่างชายหญิงต่อแม่ยายเขา จะปิดบังความจริงเพราะรู้สึกผิดก็ช่าง ยังปล่อยให้มารดาและแม่เลี้ยงปฏิบัติต่อบุตรสาวที่บริสุทธิ์อย่างรุนแรงอีกเขาเห็นแม่นางน้อยที่โกรธแค้นผสมปนเปกัน ก็ตบหลังมือของแม่นางน้อยเหมือนจะปลอบใจ และกล่าวอย่างเป็นนัยว่า “ฮูหยิน วิญญาณของแม่ยายที่อยู่บนสวรรค์จะไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่”เมื่อได้ยิน สีหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็ชะงักไป พลางสบตาเข้ากับสายตาที่มีความหมายลึกซึ้งของเขา ก็เข้าใจความหมายของเขา และยกรอยยิ้มที่อันตรายขึ้น “จริงด้วย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 338

    เมิ่งจิ่นเหยาถามเสียงเบาว่า “ท่านหมอ เป็นอย่างไรบ้าง?”หมอประจำจวนเก็บนิ้วมือทั้งสามข้อที่อยู่บนแขนของเมิ่งจิ่นเหยากลับลงไป พลางตอบกลับ “ฮูหยิน ท่านมีปมในใจจนเกิดอาการซึมเศร้า แถมยังได้รับความเย็นเกินไปอีก จึงทำให้จู่ ๆ ก็ไข้ขึ้นสูง และจำเป็นต้องใช้ยาคลายเครียดเสียหน่อยก็จะดีขึ้นขอรับ”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้า “รบกวนท่านหมอแล้ว”“ไม่รบกวนขอรับ” หมอประจำจวนรีบส่ายหน้า และกล่าวอีกว่า “แต่ว่า ฮูหยินร่างกายอ่อนแอ ควรจะบำรุงร่างกายให้ดีตั้งแต่ยังสาวถึงจะได้นะขอรับ”มิ่งจิ่นเหยาฟังจบ ก็ไม่แปลกใจแม้แต่น้อย เพราะนางรู้มาโดยตลอดว่าตนเองร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยง่าย โดยเฉพาะช่วงที่อากาศเย็น หากไม่ระวังนิดหน่อยก็จะเป็นหวัด เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านมารดา นางไม่มีความพร้อมที่จะดูแลตนเอง ตอนนี้อยู่บ้านสามี นางใส่ใจเรื่องการกินมากขึ้น และได้ดื่มน้ำแกงบำรุงร่างกายอยู่เป็นประจำ ช่วงนี้นางจึงรู้สึกดีมาก สีหน้าก็ดูดีขึ้นแล้วนางกล่าวเสียงอ่อนโยน “ปกติข้าก็ดูแลตนเองอยู่แล้ว รบกวนท่านหมอจัดยาคลายเครียดให้ข้าก็พอ”หมอประจำจวนฟังจบ ก็จ่ายยาคลายเครียดให้นาง และให้สาวใช้ตามเขาไปเอายากลับมาต้มหลังหมอประจำจวนจากไป

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 337

    บนรถม้าชิงชิวกับหนิงตงที่แทบไม่ได้นอนทั้งคืนนั่งพิงกัน และเผลอหลับไปเมิ่งจิ่นเหยาหายป่วยได้ไม่นาน ยังรู้สึกมึนศีรษะ คนทั้งคนก็หมดเรี่ยวแรง จึงเอนหลังพิงผนังรถม้าและหลับตาพักสมองทันใดนั้น รถม้าก็สั่นสะเทือน ท้ายทอยของนางกระแทกเล็กน้อย จึงรีบนั่งตัวตรง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ศีรษะกระแทกอีกกู้จิ่งซีเห็นแม่นางน้อยขมวดคิ้ว พยายามฝืนให้มีชีวิตชีวาขึ้น นั่งตัวหลังตรง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงยื่นมือโอบนางเข้ามาในอ้อมแขน และให้นางพิงหน้าอกของตนเอง เมื่อสบตาเข้ากับสายตาที่ตกใจของนาง ก็กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “หากฮูหยิน อ่อนเพลีย ก็พิงข้าแล้วนอนเสียเถอะ”ตอนนี้เมิ่งจิ่นเหยารู้สึกทั้งตัวไม่มีแรง ศีรษะยังมึน ๆ อยู่ จึงไม่เกรงใจเขา และพิงอยู่บนตัวเขาด้วยความสบายใจอย่าดูถูกแม้กู้จิ่งซีดูจะตัวไม่ใหญ่มาก แต่หน้าอกกว้างใหญ่ พิงอยู่บนตัวเขาอบอุ่นสบายตัว แถมได้กลิ่นดอกกล้วยไม้ที่หอมละมุนจากตัวของเขา ก็รู้สึกสบายใจอย่างอธิบายไม่ถูก แต่กลับไม่มีอาการง่วงเลยบางทีเพราะถูกผู้ชายกอดไว้ในอ้อมแขนเช่นนี้ เลยรู้สึกไม่คุ้นชินหรืออาจเป็นเพราะได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นตึกตักอยู่ข้างหู มันดังก้องอยู่ที่หู

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 336

    ท่าทางที่ดูป่วยเช่นนี้ ดูน่าเป็นห่วงยิ่งนักคนที่มีไข้ขึ้นสูง ไม่ควรห่มผ้าจนอบอ้าว ไม่เช่นนั้นอาการป่วยจะแย่ลง เขาจึงเปิดผ้าห่มบางออกให้แม่นางน้อยผ่านไปไม่นาน หนิงตงก็ยกอ่างน้ำอุ่นมาด้วยความรีบร้อน โชคดีที่วัดหลิงอวิ๋นมีคนเข้ามาสักการะอย่างเนืองแน่น ปกติจะมีผู้แสวงบุญมาค้างคืน และมีผู้แสวงบุญจำนวนไม่น้อยที่มาจากครอบครัวร่ำรวย ดังนั้นเพื่อความสะดวกสบายของแขก ตอนกลางคืนภายในวัดก็มีกักเก็บน้ำร้อนไว้หนิงตงวางอ่างทองแดง พลางถาม “ท่านโหว น้ำอุ่นยกเข้ามาแล้ว ต้องทำอย่างไรหรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีตอบกลับ “เช็ดหน้าผาก คอ รักแร้ และแขนขาให้ฮูหยินเพื่อระบายความร้อน”หนิงตงตอบรับ ยกอ่างทองแดงมาข้างหน้าทันที พลางวางอ่างน้ำไว้บนเก้าอี้ที่อยู่หน้าเตียง และเตรียมจะถอดเสื้อผ้าให้นายหญิง ก็มองไปทางกู้จิ่งซีโดยไม่รู้ตัว พบว่าเขาหันหลังให้พวกนาง นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างโต๊ะน้ำชาเมื่อเห็นดังนั้น หนิงตงก็ตกตะลึงเล็กน้อย และแอบพูดในใจว่า ท่านโหวเป็นสุภาพบุรุษจริง ๆ แม้จะเป็นสามีภรรยากับฮูหยิน ก็ไม่ได้ฉวยโอกาสเอาเปรียบหนิงตงไม่คิดอะไรมาก ก็ถอดเสื้อผ้าให้เมิ่งจิ่นเหยาด้วยความเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว และเช็ดตั

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 335

    ในวินาทีนั้น เมิ่งจิ่นเหยาทำจิตใจให้สงบ ก้มหน้าลงมอง เห็นว่าบาดแผลที่มือซ้ายใช้ผ้าพันแผลพันไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อมองเพียงแวบแรกดูท่าทางเหมือนว่าบาดเจ็บสาหัส จึงกล่าวออกมาอย่างอดไม่ได้ว่า “ตอนนี้เลือดไม่ซึมออกมาแล้ว อันที่จริงไม่พันแผลก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”กู้จิ่งซีเหลือบมองนาง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ถึงแม้ไม่ใช่บาดแผลสาหัส แต่หากไม่พันแผล เมื่อชนหรือกระแทกเข้าโดยไม่ระวังแล้วเลือดไหลออกมาอีก ไม่เป็นผลดีต่อการฟื้นตัว โดยเฉพาะบาดแผลที่ข้อศอก เนื้อผ้าเสียดสีก็อาจเจ็บได้เช่นกัน”เมิ่งจิ่นเหยาตะลึงเล็กน้อย แล้วพยักหน้าในทันทีหลังจากนั้นไม่นาน นางก็ถูกมือของกู้จิ่งซีดึงดูดความสนใจไป มือคู่นั้นเรียวยาวและขาวสะอาด ข้อต่อชัดเจน ราวกับหยกขาวที่แกะสลักอย่างประณีต ดูแล้วสบายตาสบายใจนักเมื่อหลุดออกจากความคิด นางก็ใจลอยอีกครั้งผ่านไปเป็นเวลานาน กู้จิ่งซีช่วยนางพันแผลจนเสร็จ และปล่อยมือของนาง เมื่อเห็นว่ามือขวาของนางยังยกอยู่ ก็กล่าวว่า “ฮูหยิน เสร็จแล้ว”แต่เมิ่งจิ่นเหยาดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดของเขา เขาจึงเรียกอีกครั้ง “ฮูหยิน?”เวลานี้ เมิ่งจิ่นเหยาถึงค่อย ๆ ได้สติกลับมา และพบกับส

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 334

    เขากำลังเตรียมจะปลอบโยนนางสักหลายประโยค ทำให้อารมณ์ของแม่นางน้อยสงบลง แล้วค่อยถามให้ชัดเจนอีกครั้งว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่ ทว่าเวลานี้ หนิงตงได้ยกอ่างน้ำสะอาดเข้ามา เขาจึงกลืนคำพูดที่ติดอยู่ตรงริมฝีปากกลับเข้าไปหนิงตงนำอ่างน้ำมาวางไว้บนโต๊ะ ถามด้วยน้ำเสียงนอบน้อมว่า “นายท่าน ให้ใช้น้ำในอ่างเช่นไรเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีกล่าวกำชับ “ไปหาผ้าสะอาด ๆ มา”หนิงตงรับคำ ไม่นานก็หาผ้าเช็ดหน้าสะอาดที่อยู่ในสัมภาระมาหนึ่งผืน ผ้านี้เตรียมไว้สำหรับให้นายหญิงของนางใช้ล้างหน้ากู้จิ่งซีเหลือบมองไปที่แม่นางน้อย ลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็รับผ้าเช็ดหน้ามา กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้าคนเดียวก็พอแล้ว เจ้าออกไปก่อนเถิด”หนิงตงเหลือบมองนายหญิง เมื่อเห็นว่านายหญิงไม่ได้เอ่ยปากบอกให้นางอยู่ต่อ ก็รับคำแล้วถอยออกไปกู้จิ่งซีกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “มาล้างบาดแผลสักหน่อย ตอนที่เจ้าล้มลงไปเนื้อหนังถลอก แล้วบาดแผลก็เปื้อนฝุ่นด้วย”เมื่อได้ฟังดังนั้น เมิ่งจิ่นเหยาไม่ได้ลังเล ลุกขึ้นแล้วเดินมากู้จิ่งซีดึงมือของนาง ช่วยนางทำความสะอาดบาดแผลที่ฝ่ามือด้วยท่าทีที่อ่อนโยนเมื่อบาดแผลสัมผัสกับน้ำ เมิ่งจิ่นเหยาเจ็บปวดเส

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 333

    กู้จิ่งซีจับจ้องนางอย่างไม่วางตา พลางถามด้วยเสียงอ่อนโยน “ฮูหยิน วันนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้นงั้นหรือ?”เมื่อได้ฟังดังนั้น ใบหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็เต็มไปด้วยความงุนงง พลางถามกลับไปว่า“เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ท่านพี่ก็เห็นหมดแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ?”นางกล้าพูดได้เลยว่า นางโตถึงเพียงนี้แล้ว ยังไม่เคยเจอเรื่องที่ตื่นเต้นระทึกขวัญเช่นนี้มาก่อน เพียงชั่วพริบตาเดียวที่รอดพ้นจากความตาย ชีวิตนี้ไม่คิดจะพบเจออีกเป็นครั้งที่สองกู้จิ่งซีเห็นสีหน้าของนางงุนงง ไม่ได้จงใจแสร้งทำเป็นฟังไม่เข้าใจ จึงสัมผัสที่ฝ่ามือของนางอย่างแผ่วเบา พลางถามต่อว่า “เกิดอันใดขึ้นกับมือนี้ของเจ้า? ล้มลงไม่สามารถเกิดบาดแผลเช่นนี้ได้”เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึงไปชั่วขณะ ก้มหน้ามองฝ่ามือของตนเอง บนฝ่ามือยังมีผลงานชิ้นเอกของตนเองเมื่อบ่ายอยู่ เมื่อคิดถึงเรื่องที่พบกับสตรีวัยกลางคนผู้นั้นขึ้นมาได้ ดวงตาของนางก็หม่นลงในฉับพลัน และอยากจะกำมือของตนเองแน่นอีกครั้งโดยไม่รู้ตัวกู้จิ่งซีที่สายตาเฉียบคมและมือไว รีบกุมมือทั้งสองข้างของนางไว้แน่น ขัดขวางการกระทำของนาง เล็บของนางจะได้ไม่บาดบาดแผลและมีเลือดไหลซึมออกมาอีกเล็บของแม่นางน้อยไ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 332

    เมื่อกู้จิ่งซีได้ฟังก็รู้สึกใจอ่อน พลางกล่าวอย่างอ่อนโยน “ให้ข้าดูหน่อย” เมื่อกล่าวจบ เขาก็ยอบกายลง ยกชายกระโปรงของนางขึ้น เตรียมจะดูอาการบาดเจ็บของนาง เมิ่งจิ่นเหยาสีหน้าชะงักค้าง กำลังจะเอ่ยปากขัดขวาง ทว่าเมื่อกลับมาคิดดูอีกทีแล้ว ต่างก็เป็นสามีภรรยาที่นอนหลับอยู่บนเตียงเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องรักษาขอบเขตระหว่างชายหญิงอันใดหลังจากกู้จิ่งซียกชายกระโปรงของนางขึ้นแล้ว มือหนึ่งก็จับไปที่ข้อเท้าขวาของนาง ส่วนอีกข้างม้วนขากางเกงของนางขึ้น เมื่อม้วนขากางเกงไปจนถึงเหนือหัวเข่า ก็จะเห็นได้ว่าตรงหัวเข่าที่ถูกกระแทกตอนล้ม เป็นรอยฟกช้ำไปเรียบร้อยแล้ว ทว่าไม่ได้ร้ายแรงนักกู้จิ่งซีเห็นว่าบาดแผลไม่หนักมาก จึงวางขานางลง แล้วไปดูบาดแผลที่ข้อศอกของนางนางล้มลงไปข้างหน้า บาดแผลตรงข้อศอกจึงชัดเจนมากนัก เสื้อผ้าในฤดูร้อนจะค่อนข้างบางเบา เสื้อผ้าบริเวณข้อศอกล้วนมีร่องรอยขีดข่วนอย่างชัดเจนพอพับแขนเสื้อของนาง ก็เผยให้เห็นแขนที่ขาวราวกับหิมะ เมื่อพลิกข้อศอกก็สามารถมองเห็นได้ว่าผิวหนังถลอกและมีเลือดออกที่แขนทั้งสองข้างของนาง ผิวหนังโดยรอบบวมแดงเล็กน้อย บาดแผลนี้เมื่ออยู่บนมือที่เดิมทีขาวสะอาดไร้ที่ติรา

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status