Share

บทที่ 125  

Author: มู่อวิ๋นเฉิง
last update Last Updated: 2024-12-10 17:00:01
เห็นกู้ซิวหมิงยืนกรานหนักแน่น กู้จิ่งซีก็ไม่มากวาจาอีก ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็จัดการไล่บุตรชายที่ไม่รู้จักคิดออกไป ไม่เห็นแล้วค่อยสงบใจได้สักหน่อย

เมิ่งจิ่นเหยามองเงาแผ่นหลังของกู้ซิวหมิงที่สืบเท้าเดินจากไปอย่างรวดเร็วแล้ว ก็จมดิ่งสู่ห้วงความคิดของตนเอง นางคิดถึงข้อสันนิษฐานอย่างหนึ่งเมื่อไม่กี่วันก่อนขึ้นมา เมื่อผูกโยงกับท่าทีของกู้ซิวหมิงที่แสดงออกในวันนี้แล้ว จำต้องคิดมากอย่างอดไม่ได้ บางทีกู้จิ่งซีอาจตั้งใจรับกู้ซิวเหวินเป็นบุตรบุญธรรมของบ้านสามจริงก็เป็นไปได้?

กู้จิ่งซีเห็นนางเอาแต่มองไปยังทางที่บุตรชายเดินออกไปตาไม่กะพริบ จิตใจเหม่อลอย คล้ายว่ามีความคิดบางอย่าง จึงโบกมือ บอกเป็นนัยให้สาวใช้ทั้งหมดล่าถอยออกไป ก่อนที่ริมฝีปากบางจะขยับเล็กน้อย เปล่งเสียงราบเรียบเอ่ยออกมา “ฮูหยิน เขามิใช่คู่ครองที่ดี”

ได้ยินเสียงนั้น เมิ่งจิ่นเหยาค่อยหลุดจากภวังค์ มองกู้จิ่งซีอย่างงุนงงอยู่นานครู่ใหญ่ ถึงจะเข้าใจว่าสิ่งที่กู้จิ่งซีเอ่ยหมายถึงอะไร หรือจะคิดว่านางยังมีความรู้สึกอะไรกับกู้ซิวหมิง เพราะฉะนั้นถึงได้จงใจตักเตือนนางให้รีบหันกลับมาในทางที่ถูกต้อง?

นางหัวเราะออกมาเบา ๆ รู้สึกว่ากู้จิ่งซีคิ
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 126

    ตอนนี้พอรู้ว่าอีกฝ่ายก็ยังไม่เคยลองมาก่อน นางก็รู้สึกสมดุลขึ้นมาทันที และไม่รู้สึกเสียเปรียบแล้ว แม้ตายนางก็ยังเป็นสาวพรหมจรรย์อยู่ ส่วนกู้จิ่งซีก็บริสุทธิ์จนตายเช่นกัน เช่นนี้ถือว่ายุติธรรมมากกู้จิ่งซีรู้สึกฉงนกับวาจาของนางเล็กน้อย ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งถึงเข้าใจขึ้นมา ที่แท้แม่นางน้อยผู้นี้ตัดสินเรื่องที่เขาเหมาะจะเป็นคู่ชีวิตที่ดีหรือไม่เช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือภายภาคหน้า ขอเพียงเขาไม่เคยแตะต้องหญิงอื่นก็พอแล้วทันใดนั้นกู้จิ่งซีก็ถามขึ้นว่า “นอกเหนือจากนี้เล่า?”เมิ่งจิ่นเหยาถามกลับด้วยรอยยิ้มว่า “นอกจากนี้ ท่านพี่แค่ทำหน้าที่อันสามีพึงกระทำก็พอแล้ว ต่างว่ากันว่าท่านฉางซินโหวเป็นผู้มีเกียรติสูงส่ง ท่านพี่คงไม่ปฏิบัติกับภรรยาพกพร่องกระมัง?”“ไม่” กู้จิ่งซีเอ่ยอย่างไม่คิด สัญญากับนางด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ฮูหยินวางใจได้ เจ้าจะมีเกียรติทุกอย่างที่ฮูหยินของจวนโหวพึงมี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกินหรือเครื่องนุ่งห่ม ข้าก็จะไม่ให้ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย”ระหว่างสามีภรรยาเปิดใจคุยกันครั้งแรก เมิ่งจิ่นเหยารู้สึกพอใจมากจนยิ้มแก้มปริ ก่อนจะยิ้มตาหยีเอ่ย “ท่านพี่เป็นคนกล่าวเองนะเจ้า

    Last Updated : 2024-12-10
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 127

    กู้จิ่งซีเห็นแม่นางน้อยดูประหลาดใจในตอนแรก ไม่นานก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง และไม่รู้ว่ากำลังพึมพำอะไรอยู่ในใจเขาจึงกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “หากต่อไปฮูหยินมีเรื่องสงสัยอันใด อย่าได้เก็บซ่อนไว้ในใจและคาดเดาส่งเดชถามข้ามาได้เลย ตราบใดที่เป็นเรื่องที่สามารถพูดกับเจ้าได้อย่างเปิดเผย ข้าล้วนบอกเจ้าได้ทุกอย่าง”เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึง และเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สายตาก็จับจ้องใบหน้าที่หล่อเหลาสง่างามของเขาอีกครั้ง พลางถามอย่างสงสัย “ขอถามท่านพี่ว่า เรื่องแบบใด ที่ไม่สามารถพูดได้อย่างเปิดเผยหรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีตอบกลับ “เรื่องที่เกี่ยวข้องกับงานราชการไม่สามารถพูดได้”เมิ่งจิ่นเหยาสีหน้าดูประหลาดใจ “เช่นนั้นหากไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานราชการก็สามารถพูดได้หมดเลยใช่หรือไม่เจ้าคะ?”กู้จิ่งซีสีหน้าชะงักไปเล็กน้อย ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง จากนั้นก็เพิ่มเงื่อนไขอีกข้อหนึ่ง “ขึ้นอยู่กับสถานการณ์”เมื่อได้ยิน เมิ่งจิ่นเหยาก็เม้มริมฝีปาก และกล่าวว่า “อ้อ” อย่างหมดอารมณ์ จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วย เช่นนั้นน่าจะมีเรื่องมากมายที่ไม่สามารถพูดได้ ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้เขาคิดอย่างไรต่อกู้ซิวหมิงบุตรชายที่ไม่รู้ความค

    Last Updated : 2024-12-10
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 128

    หลี่หว่านเอ๋อร์ถูกส่งกลับบ้านของตนเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนแรกกลับมาก็ดีใจ เพียงแต่เวลานานเข้า กู้ซิวหมิงยังไม่ส่งคนมาแจ้งข่าวแก่นางเสียที ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะกระวนกระวาย ทั้งยังเฝ้ารอด้วยความกังวลนานครึ่งเดือนกว่า ในที่สุดก็มีแม่สื่อมาหานาง บิดามารดาของนางเสียชีวิตทั้งคู่ นางจึงพึ่งพาท่านปู่เพื่อดำรงชีวิต บัดนี้ท่านปู่ก็จากไปแล้ว เมื่อแม่สื่อมาหานาง นางจึงตอบตกลงในทันที ถึงอย่างไรแม้แต่ร่างกายของนางก็มอบให้กู้ซิวหมิงแล้ว นางก็กลัวอีกว่าหากแสร้งทำเป็นเล่นตัวและกล่าวว่าขอพิจารณาดูก่อน สกุลกู้จะไม่พอใจจนเปลี่ยนความคิด และไม่ยอมให้นางเข้าจวนการรับอนุภรรยากับการแต่งภรรยาแตกต่างกัน โดยที่ไม่มีสามหนังสือหกพิธีการ ไม่จำเป็นต้องมีพิธีการใด ๆ ยิ่งไม่ต้องมีหนังสือแต่งงาน เพียงแค่แม่สื่อเดินเข้ามา หากตกลงกันได้ ก็จะเลือกวันมงคล จากนั้นใช้เกี้ยวเล็ก ๆ หามไปยังบ้านฝ่ายชาย ซึ่งเกี้ยวก็ไม่สามารถเข้าทางประตูหลัก ทำได้เพียงเข้าทางประตูข้างเท่านั้นอีกสิบวันจะเป็นวันมงคล กู้ซิวหมิงจึงไปขออนุญาตบิดา และหลังจากได้รับอนุญาตจากบิดา ก็ตัดสินใจพาหลี่หว่านเอ๋อร์เข้าจวนในวันนั้นเลยกู้ซิวหมิงจะแต่งอนุภรรยา

    Last Updated : 2024-12-10
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 129

    เรือนชิงอวี้เซวียนหลังกำหนดวันรับหญิงสาวที่รักเข้ามาในจวน กู้ซิวหมิงแทบจะถูกความดีใจจนเสียสติ แต่เมื่อคิดว่าหญิงสาวที่รักต้องยอมทนเป็นได้เพียงอนุภรรยา เขาก็โทษตนเองอย่างมาก หากเขาไม่พาหว่านเอ๋อร์หนีตามกันจนเสียชื่อเสียง หว่านเอ๋อร์ก็คงได้เป็นภรรยาเอกเพื่อชดเชยให้กับคนรัก กู้ซิวหมิงจึงตั้งใจสั่งให้สาวใช้ตกแต่งเรือนในแบบที่หว่านเอ๋อร์ชอบด้วยตนเอง แถมยังสั่งให้สาวใช้ซื้อพวกของเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับหญิงสาวกลับมาด้วยจำนวนหนึ่งสาวใช้ของเรือนชิงอวี้เซวียนเห็นเขาให้ความสำคัญกับหลี่อี๋เหนียงเช่นนี้ ทั้ง ๆ แค่รับอนุภรรยา แต่กลับใส่ใจเหมือนแต่งภรรยา ในใจก็ชั่งน้ำหนักเรียบร้อยแล้วว่าหลังหลี่อี๋เหนียงเข้ามาอยู่ในจวน ควรจะใช่ท่าทีแบบใดไปปรนนิบัติ“ท่านซื่อจื่อช่างใส่ใจต่อหลี่อี๋เหนียงเสียจริง”“ใส่ใจมาก แต่ท่านซื่อจื่อยังไม่ได้แต่งภรรยาเอก และเมื่อรอให้ภรรยาเอกซึ่งแต่งงานตามประเพณีเข้ามา แม่นางหลี่ก็ไม่อาจอยู่เหนือฮูหยินของซื่อจื่อได้”“ข้าไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น ท่านซื่อจื่อสามารถทำให้อี๋เหนียงเข้ามาในจวนได้ก่อน นั่นก็พิสูจน์แล้วว่าในใจของเขาภรรยาเอกเทียบไม่ได้กับอี๋เหนียงท่านนี้เลย ถึงอย

    Last Updated : 2024-12-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 130

    เมื่อกู้ซิวหมิงฟังจบ ถึงนึกขึ้นมาได้ว่าน้องชายกำลังจะไปร่ำเรียนที่สำนักศึกษาหลิงชาน ในบรรดาพวกเขาสี่พี่น้อง มีเพียงลูกพี่ลูกน้องที่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ และแม้แต่เขาที่อยู่ในฐานะซื่อจื่อ ก็ไม่เคยได้รับการที่บิดาเข้าประตูไปขอที่นั่งจากหัวหน้าของสำนักศึกษาหลิงชานเลยสุดท้ายแล้วเขาไม่ใช่บุตรชายแท้ ๆ บิดาก็ไม่ทุ่มเทต่อเขามากนัก เมื่อเปรียบเทียบเขาในฐานะหลานชายที่เคยรับเลี้ยงมา น้องสี่เป็นหลานชายแท้ ๆ ของบิดา และความสัมพันธ์กับบิดาก็แน่นแฟ้นกว่าเขาเขาเจ็บปวดอยู่ในใจ แต่กลับยังคงฝืนรักษารอยยิ้มเอาไว้ และกล่าวแสดงความยินดีไปทางน้องชาย “น้องสี่ ได้ยินว่าเจ้าจะไปร่ำเรียนที่สำนักศึกษาหลิงชานแล้ว ยินดีด้วยนะ”กู้ซิวเหวินตอบรับอย่างง่ายดายเหมือนน้ำไหล “ก็ยินดีกับพี่สามที่ได้หญิงงามเป็นภรรยาด้วยนะขอรับ”ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกไป กู้ซิวเหวินก็นึกคำพูดของบิดามารดาขึ้นมาได้อีกว่า พี่สามยังไม่แต่งภรรยาก็รับอนุเข้ามาเสียก่อน มันเหลวไหลยิ่งนัก และการแสดงความยินดีของเขานี้ดูเหมือนไม่ค่อยเหมาะสม จึงรีบเปลี่ยนเรื่องกลับไปทันที “ความจริงที่ข้าสามารถไปสำนักศึกษาหลิงชานได้ ต้องขอบคุณท่านอาสามมากเลยขอรับ

    Last Updated : 2024-12-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 131

    เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึงเล็กน้อย ครู่ต่อมาก็ได้ตระหนักว่าคำพูดนี้ของกู้ซิวหมิงหมายความเช่นไร พลางมองกู้ซิวหมิงด้วยสีหน้าแปลกประหลาด กู้ซิวเหวินปฏิบัติต่อนาง เห็นได้ชัดว่าเป็นความเคารพและกตัญญูที่ผู้น้อยมีต่อผู้อาวุโส ไม่มีความหมายที่เกินเลยแม้แต่น้อย คนผู้นี้มีความคิดผิดปกติเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?นางยิ้มอย่างเย้ยหยันพลางกล่าวอย่างหยอกเย้า “ลูกเอ๋ย ผู้ที่นำความอับอายมาสู่บิดาของเจ้ากับตระกูล มิใช่ตัวเจ้าเองหรอกหรือ?”ดวงตาอันงดงามของสาวน้อยเปล่งประกายอ่อนโยน รอยยิ้มแจ่มใสน่ามอง ดวงตาสดใสและฟันขาวสวยงามจนทำให้ไม่อาจละสายตาทว่ากู้ซิวหมิงกลับรู้สึกว่าน่ารังเกียจ ราวกับแม่เลี้ยงชั่วร้าย คนถ่อยเถลิงอำนาจที่กำลังมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น และเยาะเย้ยเขา จากอับอายจึงกลายเป็นโทสะ “นั่นมิใช่เพราะท่านหรอกหรือ? ข้ากับหว่านเอ๋อร์มีใจตรงกัน หากไม่ใช่เพราะท่านมาแทรกตรงกลาง ข้าจะหนีการแต่งงานได้เช่นไรกัน?”เมิ่งจิ่นเหยาถามกลับ “ผู้ใหญ่เป็นคนกำหนดการหมั้นหมายให้ เกี่ยวอันใดกับข้า? ในเมื่อเจ้าไม่อยากแต่ง ไยถึงไม่ยกเลิกงานแต่งเล่า?”ขณะนางพูด ก็มองเห็นสีหน้าของกู้ซิวหมิงชะงักค้างไป จึงกล่าวต่อว่า “พู

    Last Updated : 2024-12-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 132

    ก็เมื่อตอนเช้า นางกับนางจาง และนางเฉิน สะใภ้ทั้งสามรวมตัวกันพูดคุยเรื่องสัพเพเหระอยู่ด้วยกัน นางจางกับนางเฉินต่างก็บ่นกับนางว่ากู้ซิวหมิงเหลวไหลเองก็ช่างเถิด ยังมาทำให้พี่น้องต้องลำบากไปด้วย บอกว่าซิวหงกับซิวเหวินยังไม่หมั้นหมาย ตอนนี้มาก่อเรื่องน่าขันเช่นนี้ บ้านอื่นที่มีบุตรีคงหลีกเลี่ยงที่จะคิดมากไม่ได้ริมฝีปากของกู้ซิวหมิงขยับอยู่ชั่วครู่ เงียบดั่งคนเป็นใบ้ เขาไม่คิดเลยว่าจะเป็นเช่นนี้เมิ่งจิ่นเหยายิ้มมุมปากพลางพูดว่า “ลูกเอ๋ย ครั้งหน้าก่อนที่จะทำเรื่องโง่เขลา ต้องคิดให้รอบคอบก่อนค่อยทำ อย่าได้ทำเรื่องโง่เง่าอีกเลย ทำตัวเหมือนบุตรคหบดีที่ไม่ได้ความอย่างไรอย่างนั้น ข้ากับบิดาของเจ้าทนขายหน้าผู้อื่นไม่ได้แล้ว” เมื่อกู้ซิวหมิงได้ฟังประโยคนี้ ก็ราวกับโดนเหยียบหาง เดือดดาลอย่างที่สุด “ผู้ใดเป็นบุตรชายของเจ้า?”เมิ่งจิ่นเหยากะพริบตาอย่างไร้เดียงสา แย้มยิ้มพลางถามกลับไป “บุตรของข้า ก็คือเจ้ามิใช่หรือ?”กู้ซิวหมิงยิ่งมีโทสะมากขึ้น โกรธเสียจนใบหน้าบิดเบี้ยว “เจ้ามันสตรีหน้าไม่อาย หากไม่ใช่เพราะเจ้าแต่งงานกับบิดาข้าอย่างหน้าไม่อาย ข้ากับเจ้าจะมีความสัมพันธ์ที่เหลวไหลเช่นนี้หรือ?”“ล

    Last Updated : 2024-12-11
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 133

    เมื่อครู่ยังอวดดียิ่งนัก พอเห็นบิดาของเขามา ก็เปลี่ยนสีหน้าในทันที ใช้ท่าทีของผู้ที่เป็นเหยื่อมาร้องทุกข์กับบิดาของเขา ทั้ง ๆ ที่คนถูกยั่วให้โมโหเป็นฟืนเป็นไฟคือเขาแท้ ๆ ใครรังแกใครกันแน่?โจวอวิ่นตะลึงงันเล็กน้อย การเปลี่ยนสีหน้าของฮูหยินรวดเร็วเกินไปหน่อยหรือไม่? เพียงแต่ ปฏิกิริยาตอบสนองนี้ของท่านซื่อจื่อช่างเชื่องช้าเหลือเกิน ตอนที่ฮูหยินพูดจาอ่อนโยน ก็ควรจะระแวดระวัง จากนั้นก็แสร้งทำเป็นมารดาเมตตาบุตรกตัญญูด้วยกันกับฮูหยินต่อไป หลังจากที่ท่านโหวผ่านไปแล้วค่อยมาทะเลาะกันต่อกู้จิ่งซีไร้ซึ่งทางเลือก เดิมทีเขาคิดว่าเด็กสองคนนี้น่าจะทะเลาะกันเสร็จแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กสาวผู้นั้นจะเล่นไม้นี้กับเขาอีก คราวนี้ถึงเขาไม่คิดจะยุ่งก็คงต้องยุ่งแล้วบรรยากาศเงียบงันไปชั่วขณะ กู้ซิวหมิงเหลือบมองเมิ่งจิ่นเหยาด้วยสายตาเชือดเฉือนอย่างไม่สบอารมณ์ สายตาเช่นนั้นราวกับกำลังบอกว่า ‘สตรีชั่วร้าย เจ้าจงใจเป็นแน่!’เมิ่งจิ่นเหยาอ่านแววตาของเขาออก จึงขยิบตาไปทางเขา พลางตอบรับเขาอย่างไร้เสียง ‘ก็จงใจน่ะสิ!’ทว่านางคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่ากู้ซิวหมิงจะขาดความระแวดระวังถึงเพียงนี้ ในขณะที่นางเปลี่ยนท่าทีกะทั

    Last Updated : 2024-12-12

Latest chapter

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 176  

    ท่านพ่อรักเมิ่งจิ่นเหยามากเพียงนั้น ก็ไม่แน่เมิ่งจิ่นเหยาอาจคอยพูดข้างหมอน ท่านพ่อถึงได้ช่วยพาเมิ่งเฉิงจางเข้าสำนักศึกษาหลิงซานด้วย สำนักศึกษาหลิงซาน แม้แต่เขาที่เป็นบุตรชายยังไม่สามารถเข้าเรียนได้เลยด้วยซ้ำ แต่ท่านพ่อกลับพาคนอื่นเข้าไป หนำซ้ำยังช่วยพาเข้าไปถึงสองคน ในใจเขารู้สึกไม่ยินยอม กวาดสายตาประเมินเมิ่งเฉิงจางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าไปหนึ่งที ส่งเสียงฮึ่มออกมาเบาๆ “จริงอย่างที่ว่าหนึ่งคนบรรลุเซียน หมูหมากาไก่ก็พลอยได้ขึ้นสวรรค์ด้วย พอพี่สาวไต่เต้าขึ้นมาจนได้ดี คนเป็นน้องชายก็พลอยได้รับผลประโยชน์ไปด้วย” ถ้อยคำนี้แม้มิได้ชี้ชัด ทว่าความหมายกลับชัดเจนในตัว ว่ากำลังถากถางเมิ่งเฉิงจางที่อาศัยความสัมพันธ์ของพี่สาว เพื่อให้พี่เขยช่วยพาตนเองเข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลิงซาน เมิ่งเฉิงจางสีหน้ามืดครึ้มลงในทันใด สีหน้าของกู้ซิวเหวินก็ดูย่ำแย่เช่นกัน พี่สามไม่เข้าใจเรื่องราวอะไร ทว่าเขาเข้าใจกระจ่าง น้องชายของน้าสะใภ้สามท่านนี้แม้อายุยังน้อย แต่ก็เป็นคนที่เก่งกาจมีพรสวรรค์อย่างแท้จริง พี่สามไม่ทำความเข้าใจให้ดี แต่อาศัยจินตนาการเพ้อเจ้อของตนเองเข้าใจผิดไปว่าอีกฝ่ายต้องใช้เส้นสาย เขาดึงหน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 175  

    แสงอาทิตย์ยามเช้าตรู่ช่างอ่อนโยน เหมาะสำหรับเดินเล่นยิ่งนัก กู้ซิวเหวินต้อนรับผู้มาเยือนอย่างกระตือรือร้นและเป็นมิตร พาเมิ่งเฉิงจางเข้ามาเยี่ยมชมภายในจวน ทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในจวนได้ครู่หนึ่ง ระหว่างทางก็ถูกใครบางคนเรียกให้เข้าไปหา ก่อนจะขอปลีกตัวออกไปสักพัก ก็ได้บอกให้เมิ่งเฉิงจางเดินชมสภาพแวดล้อมไปก่อนพลาง ๆ เมิ่งเฉิงจางเห็นทัศนียภาพงดงามโดดเด่น ครู่เดียวก็หลงใหลไปกับความงดงามของทัศนียภาพ คิดไม่ถึงว่าเดินไปเดินมาสุดท้ายจะหลงทาง มีเส้นทางอยู่มากมาย ไม่รู้ว่าควรเดินเส้นทางใดเพื่อกลับไปจุดเดิม ครั้นกู้ซิวเหวินกลับมาไม่เห็นคน ก็รู้ทันทีว่าเขาน่าจะหลงทางแล้ว จึงรีบออกตามหาทันที ระหว่างทางบังเอิญเจอกู้ซิวหมิงและหลี่อี๋เหนียงเดินเข้ามา สองคนกำลังเดินเล่นอย่างสบายใจ คุยกันบ้าง หัวเราะกันบ้าง ในแววตาเจือความพิสมัยลุ่มลึกหวานชื่น บุรุษเก่งกาจมีความสามารถสตรีโฉมงามเพริศพริ้ง มองปราดเดียวก็เห็นถึงความเหมาะสมอย่างยิ่ง เขาเดินเข้าไปทักท่าน “พี่สาม หลี่อี๋เหนียง” หลายวันที่ผ่านมาหลี่อี๋เหนียงได้เรียนรู้ระเบียบประเพณีแล้ว เข้าใจชัดเจนว่าเมื่อใดที่ตนพบเจ้านายไม่ว่าเป็นท่านใดในจวนล

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 174  

    คล้ายว่าการนอนหงายจะทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย นางจึงพลิกตัวนอนตะแคงข้าง ขดตัว และยังคงร้องไห้ไม่หยุด นี่คงจะกำลังฝันร้ายอยู่สินะ กู้จิ่งซีมองแม่นางน้อยกำลังร้องไห้ และเสียงสะอื้นไห้ยิ่งดังขึ้นทุกเสี้ยวขณะ เขาที่ไม่เคยมีประสบการณ์ปลอบโยนเด็กน้อยมาก่อนค่อนข้างทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรก่อนดี หากเป็นเช่นนี้ต่อไป จนสาวใช้ที่อยู่เฝ้ายามดึกข้างนอกได้ยินเข้า อาจจะคิดไปไกลถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ เขาครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเลื่อนมือไปลูบแผ่นหลังของแม่นางน้อยอย่างประดักประเดิด และปลอบโยนด้วยเสียงอบอุ่นว่า “ฮูหยินอย่าร้องไห้เลย ไม่เป็นอะไรแล้ว อย่าร้องไห้เลย” ไม่รู้ใช่เพราะได้ยินเสียงนี้หรือไม่ เมิ่งจิ่นเหยาเขยิบเข้ามาข้างกายเขาตามสัญชาตญาณ อิงแอบเขาไว้และยังคงร้องไห้ต่อไป กู้จิ่งซีจำต้องยอมรับชะตากรรมไป ได้แต่ภาวนาให้นางรีบหยุดสะอื้น ไม่เช่นนั้นหากคนอื่นได้ยินเข้าจะดูไม่งาม กลางดึกผู้คนเงียบสงัดหากมีเสียงสะอื้นไห้ของนางแว่วดังออกมาจากห้องนอน ต่อให้จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก็หนีไม่พ้นต้องถูกเข้าใจผิดแน่ “ฮูหยินอย่าร้องไห้เลย ไม่ต้องร้องแล้ว มันก็แค่ฝันร้าย” กู้จิ่งซีปลอบโยนด้วย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 173  

    คืนนั้น เมิ่งจิ่นเหยาฝัน ในฝันเฉิงอวี่กำลังร้องไห้โยเยไม่ยอมดื่มยา ตู้อี๋เหนียงแม้ใช้เสียงนุ่มนวลปลอบโยนอยู่นานครู่ใหญ่แล้วแต่ก็ยังไม่เป็นผล เห็นเจ้าตัวเล็กร้องไห้จนหน้าแดง แม้กระทั่งลมหายใจก็เริ่มไม่เป็นจังหวะ ตู้อี๋เหนียงกลัวว่าเจ้าเด็กน้อยร้องไห้จนขาดใจ ก็ไม่กล้าบังคับให้เจ้าเด็กน้อยดื่มยาอีก ได้แต่ปลอบโยนด้วยเสียงนุ่มนวล “เฉิงอวี่เด็กดี เฉิงอวี่ไม่อยากกิน เช่นนั้นก็ไม่ต้องกินแล้วนะ” เอ่ยพลางก็หันไปส่งสายตาให้สาวใช้ข้างกาย สาวใช้ผงกศีรษะ รีบออกไปตามหาคนช่วยกู้สถานการณ์ ทว่าสาวใช้แค่คิดจะออกไป เมิ่งจิ่นเหยาตัวน้อยก็เข้ามาพอดี ตู้อี๋เหนียงเห็นนาง ราวกับเห็นดวงดาวช่วยชีวิต เผยรอยยิ้มอบอุ่นออกมา “คุณหนูใหญ่ท่านมาแล้ว เฉิงอวี่ไม่ยอมดื่มยาอีกแล้ว ท่านช่วยมาปลอบโยนเขาหน่อยเถิด เขาเชื่อฟังท่านที่สุดแล้ว” “พี่…แค่ก…พี่หญิงใหญ่” เฉิงอวี่เห็นนาง ทันใดนั้นก็หยุดร้อง และยื่นมือออกมาขอให้นางกอด เมิ่งจิ่นเหยาตัวน้อยก้าวขาสั้น ๆ วิ่งเข้าไปหา ให้สาวใช้อุ้มขึ้นเตียงแล้ว นางก็ยื่นมือออกไปกอดน้องชายที่ป่วยอยู่ พลางเอ่ยวาจาปลอบโยนด้วยเสียงอ้อแอ้ของเด็กน้อย “เฉิงอวี่เด็กดี ดื่มยานี่อีกแค่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 172  

    เมิ่งจิ่นเหยาหน้าถอดสี คิดถึงท่าทางหมดอาลัยตายอยากเมื่อสักครู่ของตนเองขึ้นมา ช่างน่าอับอายขายหน้าเสียจริง นางลดมือลงอย่างกระอักกระอ่วน เอ่ยด้วยใบหน้าเหยเก “แล้วอย่างไร คนเราก็ต้องมีช่วงเวลาที่ความคิดเพี้ยนผิดไปบ้าง ฟังถ้อยคำตักเตือนของท่านพี่แล้ว ข้าเองก็คงไม่ทำอะไรเช่นนั้นอีกแล้วเจ้าค่ะ” นางเอ่ยพลาง ก็ผินใบหน้าไปทางอื่น ขอบตาแดงรื้น รีบกะพริบตารัว ๆ หวังจะไล่น้ำตาให้ไหลย้อนกลับไป ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุขุมว่า “แม้เฉิงอวี่จะวัยเพียงสองขวบ แต่เขาก็รักทะนุถนอมข้ามาก ๆ ตอนเด็กที่ข้าเคยสะดุดก้อนหิน จนตนเองหกล้มเขายังเจ็บปวดหัวใจอย่างกับอะไรดี เด็กน้อยคนนั้นด่าทอสาปแช่งเจ้าหินก้อนนั้นอยู่นานเชียว ด่าว่ามันนิสัยไม่ดี หากเขาเห็นข้าได้รับบาดเจ็บ เขาต้องเจ็บหัวใจแน่” กู้จิ่งซีฟังอยู่อย่างเงียบเชียบ แม้เขาจะอาศัยในครอบครัวที่พอจะเรียกได้ว่ารักใคร่ปรองดองกันบ้าง แต่ก็ไม่เคยมีน้องชายแบบนี้มาก่อน เขากับพี่ชายมิได้มีความผูกพันกันแน่นแฟ้นอะไร พี่ชายทั้งสองคนแม้อาวุโสกว่า แต่ก็ยำเกรงเขา ให้ความเคารพเขามาก ความสนิทสนมใกล้ชิดจึงมีไม่เพียงพอ เขาเอ่ยด้วยเสียงอบอุ่น “เช่นนั้นฮูหยินโปรดจำใส่ใจ อย่าให

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 171  

    ผ่านไปนานครู่ใหญ่ เมิ่งจิ่นเหยาช้อนสายตาขึ้น มองกู้จิ่งซีตาไม่กะพริบ สายตาคู่นั้นเป็นประกายจนน่าตกใจ คล้ายกับมองเห็นหญ้าฟางช่วยชีวิตในยามเข้าตาจน ก็ถามด้วยความตื่นเต้น “สำหรับเรื่องการหาเรื่องให้ผู้อื่นอารมณ์เสีย ท่านพี่มีความคิดเห็นว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?” กู้จิ่งซีเห็นแม่นางน้อยกลับมาฮึกเหิมมีพลังได้รวดเร็วเพียงนั้น ก็แอบถอนหายใจโล่งอกออกมากับตนเอง มีเรี่ยวแรงกลับมาสู้ต่อนั่นก็ดีแล้ว ท่าทางหมดอาลัยตายอยากเมื่อครู่ ทำให้กลัวว่านางจะคิดสั้นมากเสียจริง ดรุณีน้อยวัยเพียงสิบกว่าขวบ ชีวิตเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น หากต้องจบลงไปแบบนั้นแล้วก็น่าเสียดายเหลือเกิน เขาครุ่นคิดบางอย่าง “ฮูหยินต้องรับความผิดโดยไม่เป็นธรรมเช่นนั้นแล้ว ถึงคราวต้องคืนความผิดนี้กลับสู่คนร้ายตัวจริง” เมิ่งจิ่นเหยามุ่นหัวคิ้วขึ้น พริบตาเดียวก็ห่อเหี่ยวลงมา “เรื่องผ่านไปตั้งสิบเอ็ดปีแล้ว เบาะแสจากเมื่อปีก่อนนั้นคงจะถูกลบเลือนจางหายไปตามเวลาแล้ว อาศัยเพียงลมปากไม่มีหลักฐาน คิดจะจับตัวคนทำผิดกลับมาคงไม่ง่ายแล้วเจ้าค่ะ” กู้จิ่งซีถาม “เรื่องนี้นอกจากเจ้าแล้ว ยังมีผู้ใดรู้อีกบ้าง?” เมิ่งจิ่นเหยาตอบตามความจริง “ท่านปู่รู้

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 170

    นางตอบคำถามที่กู้จิ่งซีถามมาก่อนหน้านี้ “ถูกกระทำเจ้าคะ”เมื่อกล่าวจบ น้ำเสียงของนางก็สะอื้นเล็กน้อย พลางกล่าวต่อว่า “ตอนนั้นไม่มีคนบังคับข้า เป็นเพียงความผิดพลาดที่ให้เกิดขึ้นเท่านั้น ข้าถึงได้รู้ว่าตนเองตกหลุมพรางโดยไม่ได้เตรียมตัวป้องกันเลยแม้แต่น้อย อยากจะแก้ไขแต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว”กู้จิ่งซีตอบกลับ “ผู้ที่ไม่รู้ย่อมไม่มีความผิด นั่นมิใช่ความผิดของเจ้า เป็นความผิดของผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด”“มิใช่งั้นหรือเจ้าคะ?”เมิ่งจิ่นเหยากระซิบแผ่วเบา แววตาว่างเปล่า ท่าทางเหม่อลอยเล็กน้อย เมื่อนึกถึงร่างเย็นยะเยียบเล็ก ๆ ที่นอนอยู่ภายในโลงศพ ในใจของนางก็บีบรัดจนเจ็บขึ้นมา เดิมทีเฉิงอวี่ไม่จำเป็นต้องตาย“ต้องไม่ใช่อยู่แล้ว”กู้จิ่งซีให้คำตอบยืนยัน เมื่อเห็นนางจมอยู่ในความโศกเศร้า โทษตนเองและรู้สึกผิด เกลียดชังอย่างถึงที่สุด ก็สามารถคาดเดาได้ว่าคนผู้นั้นจะต้องสำคัญกับนางมากเป็นแน่ จึงถามนางต่อ “มิสู้ฮูหยินลองบอกกับข้าก่อนสักหน่อยได้หรือไม่ ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”เมิ่งจิ่นเหยาเงยหน้ามองบุรุษที่อยู่อยู่ตรงหน้า คิดในใจว่าผู้ที่ชอบธรรมและน่าเกรงขามเช่นเสนาบดีกู้คงไม่แพร่เรื่องนี้อ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 169

    แม่นางน้อยนั่งอย่างงงงัน ก็ไม่รู้ว่าภายในใจกำลังคิดอะไรอยู่ ทว่าอารมณ์ค่อนข้างมั่นคงกู้จิ่งซีถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฮูหยิน ตอนนี้สามารถบอกได้แล้วหรือไม่?”บอกอันใดเจ้าคะ?เมิ่งจิ่นเหยาเงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจเหตุผลกู้จิ่งซีตอบกลับไปว่า “บอกว่าวันนี้เจ้าไปที่ไหนและทำอันใดมาบ้าง?”เมิ่งจิ่นเหยาก้มศีรษะลง เงียบงันไปชั่วครู่แล้วตอบด้วยเสียงแผ่วเบา “กลับไปบ้านมารดามาเจ้าค่ะ”มีคับข้องใจปกคลุมอยู่ในน้ำเสียง รวมถึงความเกลียดชังที่ยากจะดูออกสีหน้าของกู้จิ่งซีชะงักไปชั่วครู่ ดูเหมือนแม่นางน้อยจะไม่เคยรู้สึกน้อยใจเพราะเรื่องของบ้านมารดามาก่อน เพราะว่าไม่ใส่ใจ ดังนั้นจิตใจจึงสงบนิ่งดังสายน้ำ จากนั้นจึงถามต่อว่า “เหตุใดอยู่ ๆ ถึงได้กลับไปบ้านมารดาเล่า?”เมิ่งจิ่นเหยาตอบตามความจริง “พ่อบ้านบอกว่าท่านย่าล้มป่วย จึงกลับไปดูสักหน่อยเจ้าคะ คิดไม่ถึงว่าจะทำเพื่อเรื่องอื่น น้องรองผ่านการประเมินของสำนักศึกษาหลิงซาน และใกล้จะได้ไปร่ำเรียนที่สำนักศึกษาหลิงซาน เมิ่งเฉิงซิงกลับไม่ผ่านการประเมิน พวกท่านย่าของข้ารู้ว่าท่านกับหัวหน้าสำนักศึกษาหลิงซานเป็นสหายต่างวัยกัน จึงให้ข้ามาพูดกับท่าน ให้ไปห

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 168

    ยามที่บุรุษดูแลใครสักคนท่าทางอ่อนโยน พิถีพิถัน การเคลื่อนไหวชำนิชำนาญ ราวกับเคยทำมาแล้วหลายครั้งหลายคราเมิ่งจิ่นเหยาดูเหมือนจะมองเห็นเงาร่างของท่านปู่ผ่านกู้จิ่งซีได้อย่างเลือนราง ท่านปู่ตามใจเพียงแค่นางเท่านั้น ไม่เพียงแต่ตัดแต่งเล็บให้นาง ยังมัดผมเป็นเปียเล็ก ๆ สองข้างให้นาง และเล่านิทานให้นางฟังด้วยกู้จิ่งซีในเวลานี้ดูคล้ายกับท่านปู่อยู่บ้าง แต่กลับไม่ใช่ท่านปู่ เขาอ่อนโยน ส่วนท่านปู่คือความรักและเมตตาเมิ่งจิ่นเหยาอยากรู้ “ก่อนหน้านี้ท่านพี่เคยดูแลเด็กอยู่บ่อยครั้งหรือเจ้าคะ?”เด็กที่นางพูด หมายถึงกู้ซิวหมิงการเคลื่อนไหวของกู้จิ่งซีหยุดชะงักไปชั่วครู่ มองดูนางพลางยิ้มแล้วกล่าวว่า “เปล่าหรอก นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าดูแลเด็ก โชคดีที่เด็กว่านอนสอนง่าย ไม่ก่อกวนเท่าใดนัก มิเช่นนั้นข้าคงดูแลไม่ไหว” เมื่อเมิ่งจิ่นเหยาได้ฟัง ก็ก้มหน้าลงไม่มองเขา ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ พลางกล่าวเสียงแผ่วเบา “ท่านพี่เป็นท่านโหว จะมาดูแลผู้อื่นได้อย่างไรกัน? ให้สาวใช้มาทำให้ก็พอแล้วเจ้าค่ะ”กู้จิ่งซียิ้มมุมปาก กล่าวตามเหตุตามผล “หากว่าเจ้าอยากให้สาวใช้มาดูแล จะอยู่ภายในห้องเพียงลำพังได้อย่างไร

DMCA.com Protection Status