บทที่ 37 งานเลี้ยงสกุลเสวียนและแล้วก็ถึงวันเปิดร้านเครื่องหอมสกุลเสวียนตั้งแต่วันนั้นที่ฮูหยินชราอาการหนักไป๋จิ้งหานก็หายหน้าไปเช่นกัน กระทั่งนางรู้ข่าวว่าฮูหยินชราอาการเป็นปกติแล้วเขาก็ยังไม่กลับมาวันนี้ไป๋จิ้งหานก็ยังไม่อยู่ เหยียนซือเหยียนจึงแต่งกายงดงามด้วยอาภรณ์ผ้าไหมสีขาว ใบหน้างดงามสะอาดบ
เหยียนซือเหยียนปลายตามองอาภรณ์ของอี้ชิงแล้วก็พลันรู้สึกขบขันไม่น้อย เสื้อผ้าสีสันฉูดฉาด ปักดิ้นเงินดิ้นทองด้วยลวดลายดูไร้รสนิยมเป็นคนบ้านนอกเช่นนี้ แน่นอนว่าที่เมืองหลวงไม่นิยมกันนานแล้ว เห็นท่าว่าเมืองหลงเซิงจะมีรสนิยมการแต่งกายตามหลังเมืองหลวงอยู่ถึงสองปีทีเดียวอืม...อีกอย่างนางเห็นสีสันเช่นนี้แล
บทที่ 38 ผู้ที่โดดเด่นค่ำคืนแห่งงานเลี้ยงเปิดร้านเครื่องหอมสกุลเสวียน เมืองหลงเซิงเต็มไปด้วยบรรยากาศอันคึกคัก ทั่วทั้งบริเวณประดับประดาไปด้วยโคมไฟหลากสี ทอแสงเจิดจ้าส่องกระทบผืนฟ้า แม้ว่าคืนนี้แสงจันทร์จะถูกบดบังด้วยเมฆหม่น ทว่าความสว่างจากคบไฟก็เพียงพอให้เห็นว่าผู้คนที่มาร่วมงานล้วนแต่เป็นบุคคลชั้
บทที่ 39 ทนไม่ไหวในขณะที่ผู้คนต่างจับจ้องเหยียนซือเหยียน อี้ชิงที่ถูกแย่งความสนใจไปในพริบตากลับกำมือแน่น นางไม่คิดว่าสตรีที่แต่งกายธรรมดาสามัญเช่นเหยียนซือเหยียนจะกลายเป็นที่สนใจของทุกคนเพียงแค่ก้าวเข้ามาในงานดวงตาของอี้ชิงเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ทว่าภายนอกกลับยังคงแสร้งยิ้มอย่างอ่อนหวานเอ่ยว่า“นา
“ข้าต้องพากลับ เพราะว่า...เพราะว่า...ได้เวลาแล้ว ฮูหยินของท่านโหวควรมีกฎเกณฑ์แน่ชัด”เขากล่าวไปเช่นนั้นแต่ไม่รู้ว่านี่คือกฎอันใดกันแน่หลี่จื้อและหลี่หลงสองพี่น้องสบตากัน ก่อนจะเห็นชัดเจนว่าไหน้ำส้มของนายท่านของพวกเขาแตกกระจายแล้วแท้ ๆ ยังปากแข็งอยู่ได้หลี่จื้อแกล้งเอ่ยขึ้น“ท่านหึงฮูหยินน้อยหรือขอ
บทที่ 40 เขาเปลี่ยนไปเหยียนซือเหยียนก่นด่าตนเองในใจ คิดว่าตนเองกำลังเลอะเลือนแล้วที่เห็นว่าเขามองนางด้วยสายตาอ่อนโยนลึกซึ้งเช่นนั้นเมื่อสักครู่นางคงดื่มสุราไปมาก จึงทำให้สายตาพร่าเลือนไป๋จิ้งหานกระโดดขึ้นบนหลังม้านั่งด้านหลังนาง จากนั้นก็ยอกมือโอบรอบร่างบางกุมบังเหียน เหยียนซือเหยียนพลันสัมผัสได้
“หากข้าจะบอกท่านว่า ท่านเคยฝันว่าท่านวางยาพิษข้า และข้าคิดว่าจะเกิดขึ้นจริงท่านจะว่าอย่างไร ข้าคนนี้ไม่ว่าฝันอันใดล้วนแม่นยำไม่ผิดเพี้ยน”“ข้าไม่ได้วางยาพิษเจ้า”จากนั้นก็ก้มต่ำลงมามองนาง “เป็นเจ้าที่วางยาพิษข้ามิใช่หรือ”เหยียนซือเหยียนเงยหน้ามองเขาทันควัน“ไป๋จิ้งหาน ท่านหมายความว่าอย่างไร!”เสียงข
บทที่ 41 คนใจร้ายในเวลานั้นไป๋จิ้งหานก็ปรากฏกายพร้อมกับอี้ชิงที่จับมือของไป๋จิ้งหานอย่างใกล้ชิดเหยียนซือเหยียนมองมือของพวกเขาที่เกาะกุมกันแน่นจากนั้นเม้มปากทำใจให้สงบ บอกตนเองว่าอย่าได้อิจฉาริษยาเป็นอันขาด และในเวลานี้ไป๋จิ้งหานก็ปล่อยมือของอี้ชิงแล้วเขาเดินตรงมาหานางจากนั้นก็สำรวจร่างเล็กอย่างระม
ปีค.ศ.1970คุณนายสกุลฉางให้กำเนิดบุตรีคนแรก ผิวขาวราวหยกใบหน้าจิ้มลิ้ม ซินแสทำนายวาสนาสูงส่งยิ่งนัก ทำให้กิจการค้าขายของบิดามารดาเจริญรุ่งเรืองในยามนั้นบิดาได้หมั้นหมายเด็กหญิงเอาไว้กับบุตรชายคนโตของเพื่อนรักแห่งสกุลต้วนต้วนชางหลางเด็กชายอายุราวหกขวบกำลังจ้องมองทารกตัวน้อยที่นอนอยู่ในเปลด้วยความสน
จูชางหลางอุ้มสตรีร่างผอมขึ้นมาวางนางเอาไว้บนตักของเขาโถมร่างกายก้มกอดนางแนบแน่นจนลึกสุดหัวใจ เส้นผมของนางกลายเป็นสีขาวโพลน รวมทั้งผมของเขาเช่นกัน ยามนี้เมื่อใกล้ชิดเส้นผมขาวของคนทั้งคู่กำลังเคลียคลอซึ่งกันและกันโดยไม่อาจแยกแยะว่าเป็นผมของผู้ใดกันแน่จูชางหลางเข้าใจชีวิต มิมีผู้ใดฝืนสังขารของร่างกาย
ตอนพิเศษ ตอนที่ 1ยี่สิบปีต่อมา“ท่านตา ท่านยายแย่แล้วขอรับ”จู่ ๆ ก็มีเด็กผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาบอกเขาในเรือนสมุนไพร จูชางหลางที่กำลังนั่งยอง ๆ พร้อมกับใช้พัดโหมไฟให้ลุกโชนเพื่อต้มสมุนไพรให้กับหยางอี้หงถึงกับมือสั่นระริกทำพัดที่อยู่ในมือหลุดลงทันใดเขาวิ่งไปที่เรือนของนางอย่างรวดเร็ว หลายปีมานี้หยางอี้
มู่เหยาทอดสายตามองแผ่นน้ำเบื้องหน้าที่คล้ายกำลังเต้นรำระริกไหวไปตามแสงจันทราแล้วยิ้มงดงาม“ท่านแม่ ขอให้ท่านคุ้มครองให้ข้ามีความสุขด้วยนะเจ้าคะ”เอ่ยคำนี้แล้วนางจึงโปรยดอกไม้ลงไปเบื้องล่าง ก่อนจะเดินกลับลงมายังหมู่บ้านก่อนจะถึงทางเข้าหมู่บ้านนั่นเอง จู่ ๆ มู่เหยาก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของค
มู่เหยายิ้มไม่หุบ คำชมเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเอาใจนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะส่งผลต่อนางเพียงนี้ "หลานชายช่างปากหวานยิ่งนัก เช่นนี้สตรีใดได้พบคงไม่อาจถอนใจได้ ด้วยใบหน้างดงามเช่นนี้ต่อไปคงทำให้สตรีเสียใจอีกหลายคน"จูอี้หลางส่ายหน้า"ข้าไม่คิดหลอกสตรีใด จิตใจของข้าจะมอบให้กับสตรีที่ข้ารักเพียงผู้เดียวเช่นท่านพ่
เมื่ออยู่กันเพียงลำพังจูชางหลางจึงเอ่ยขึ้นว่า“เจ้าได้พบนางแล้วใช่หรือไม่”จูอี้หลางพยักหน้า“ท่านพ่อ เป็นท่านแม่จริงหรือ”จูชางหลางพยักหน้า“ที่นี่ไกลจากหน้าผาที่แม่เจ้าตกลงมายิ่งนัก พ่อไม่คิดว่านางจะรอดกระทั่งมีคนของหมู่บ้านนายพรานไปพบเข้าระหว่างที่นางลอยไปตามกระแสน้ำ ท่านแม่ของเจ้าลืมทุกเรื่องไปจ
จูอี้หลางขมวดคิ้ว เขาแน่ใจว่านางย่อมคือมารดาของเขา อยากจะบอกออกไปให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร ดูเหมือนว่าสตรีนางนั้นจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างจนหมดสิ้น จูอี้หลางถอนหายใจยาวเขาต้องสนิทกับเด็กคนนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อสืบถามเรื่องราวเอาไปบอกบิดา“แล้วพ่อแม่ของเจ้าเล่า”“ท่านพ่อท่านแม่ของข้าหรือ
"ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ต้องรีบปล่อยเขาออกจากเขตหมู่บ้านตามกฎ มิใช่จับเขามามัดเอาไว้เช่นนี้ เห็นท่าแล้วเจ้าอยากได้ม้าของเขาใช่หรือไม่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตราประจำตัวม้าเป็นตราราชสำนัก เจ้ากำลังนำความเดือดร้อนมาให้คนในหมู่บ้านแล้ว”มู่เยี่ยนลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป ดวงตากลมโตตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ท่านน้าของนางจ
จูอี้หลางเป็นองค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์ ตั้งแต่เกิดมาทุกคนล้วนนอบน้อมกับเขา นี่จึงเป็นครั้งแรกที่มีคนเรียกเขาว่าเจ้าหน้าขาว ทั้งยังกล้าจับเขามัดอย่างไม่กลัวเกรง ทว่าเห็นท่าทางน่ารักของเด็กหญิงผู้นี้แล้วเขากลับไม่นึกโกรธ ยังนึกชื่นชมในความกล้าหาญของนางด้วยซ้ำ“เช่นนั้นบอกข้ามาก่อนว่าข้าอยู่ที่ใด แล้วเจ