หยางอี้หงพ่นเลือดในปากออกมา ยังยิ้มเย็นชา“ท่านนี่มันตายยากจริง ๆ ถูกพิษร้ายแรงเช่นนี้ยังยืนอยู่ได้”ฮ่องเต้หลี่จินทรุดลงกับพื้นเมื่อรู้สึกปวดหนึบที่หัวใจ หยางอี้หงไม่มีเวลาสังหารเขาแล้วเมื่อได้ยินเสียงองครักษ์กรูกันเข้ามาคนผู้นี้อย่างไรก็ไม่รอดเป็นแน่ พิษนี้ร้ายแรงทั้งหากไม่ได้รับยาถอนพิษภายในหนึ่
ครึ่งเดือนต่อมาหลังจากหยางอี้หงฟื้นขึ้นมาในเรือนของตนเองที่จวนของจูอ๋องอันคุ้นเคยบัดนี้จูชางหลางได้กลายเป็นฮ่องเต้ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จูเป็นที่เรียบร้อยแล้วนางนั่งฟังจี่จินเล่าเรื่องราวอย่างออกรสราวกับว่าเพิ่งได้รับชมงิ้วโรงใหญ่มาเรื่องหนึ่งแล้วเอามาเล่าต่อให้ผู้ที่ชื่นชอบนิทานเรื่องนี้ได้ฟังใน
ใบหน้าของหยางอี้หงยังราบเรียบ นางย่อมรู้อยู่แล้วว่าหากจูชางหลางครองราชย์คนที่ต้องขึ้นเป็นฮองเฮาก็ย่อมเป็นฉางหมิงฟู่“คุณหนูบ่าวคิดว่าไม่ยุติธรรมเลย คุณหนูเสี่ยงชีวิตสังหารอดีตฮ่องเต้ ทว่าบัดนี้กลับต้องแอบมารักษาตัวเองอยู่เงียบ ๆ ในจวนอ๋อง ตำแหน่งฮองเฮายังเหมาะสมกับคุณหนูของบ่าวมากกว่าเจ้าค่ะ ฝ่าบาทก
ในความเงียบนั้นจู่ ๆ บิดาของนางก็เอ่ยขึ้น“ไปหรือ ไม่ไปข้าไม่ไปที่ใดทั้งนั้น”“ท่านพ่อ ท่านพูดกับข้าแล้ว”หยางอี้หงดีใจยิ่งนัก ทว่าบิดาของนางกลับหันมาจ้องนางเขม็ง“ข้าไม่ไป ข้าไม่ไป เจ้าออกไป ออกไป”ท่านพ่อของนางเอ่ยปากขับไล่ หยางอี้หงเห็นบิดาใกล้จะคุ้มคลั่งอีก คิดในใจว่าในหากเขายังคุ้มคลั่งนางคงต้อ
จี่จินตัดสินใจเข้าวังหลวงเพื่อส่งข่าวเรื่องหยางอี้หงจะจากไปด้วยตนเอง ทว่านางเป็นเพียงบ่าวนางหนึ่งไม่อาจผ่านประตูวังเข้าไปได้จี่จินจึงร้องตะโกนอยู่ตรงนั้นด้วยไม่ยอมแพ้ เอ่ยน้ำเสียงเย็นเยียบ“พวกเจ้าถือดีอย่างไรมาหยุดข้า ข้าจะเข้าเฝ้าฝ่าบาท หลีกทางข้าจะเข้าเฝ้าฝ่าบาท ข้าเป็นบ่าวในจวนจูอ๋องมีเรื่องด่ว
หยางอี้หงแทบไม่เชื่อในสิ่งที่นางได้ยิน เมื่อเงยหน้าขึ้นมองคนผู้นั้นท่ามกลางฝุ่นคละคลุ้งและแสงสลัวในยามเย็นที่สาดส่องทาบทับร่างกายหล่อเหลา จูชางหลางอยู่ในชุดอาภรณ์สีเหลืองปักลวดลายมังกรสง่างามส่องประกายเจิดจ้ากระทั่งหยางอี้หงรู้สึกดวงตาพร่ามัว“ซื่อจื่อ”น้ำเสียงเคร่งขรึมเครียดเขม็งเอ่ยขึ้น“เจ้าทาสผ
เมื่อเห็นม้าศึกของฝ่าบาทกำลังพุ่งมาด้วยความเร็ว ทหารส่งสัญญาณให้เปิดประตูวังทันใด จูชางหลางควบม้าพาร่างงามมาจนถึงตำหนักของตนเอง ทั้งยังอุ้มนางลงจากหลังม้าก้าวเท้าด้วยความเร็วแทบจะเป็นเหาะ พานางเข้ามาด้านใน“ไสหัวไปให้หมด”เขาเอ่ยคำนี้ทันใดเมื่อก้าวเข้ามาถึงตำหนักใน นางกำนัลรวมทั้งกงกงต่างถวายคำนับแล
จูชางหลางกัดริมฝีปากล่างของนาง แล้วก้มลงดูดถันชูชันอย่างกระหาย ลากลิ้นมาดูดที่ลำคอขาวผ่อง บัดนี้ร่างขาวราวหิมะของนางล้วนเต็มไปด้วยรอยช้ำจากการกระทำของเขาหยางอี้หงกัดปากข่มเสียงครางเอาไว้ ยามนี้สองมือใหญ่ประคองใบหน้าของนางเอาไว้ จุมพิตเบา ๆ ที่ริมฝีปาก เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“หยางอี้หง ข้าอนุญาตให้
ปีค.ศ.1970คุณนายสกุลฉางให้กำเนิดบุตรีคนแรก ผิวขาวราวหยกใบหน้าจิ้มลิ้ม ซินแสทำนายวาสนาสูงส่งยิ่งนัก ทำให้กิจการค้าขายของบิดามารดาเจริญรุ่งเรืองในยามนั้นบิดาได้หมั้นหมายเด็กหญิงเอาไว้กับบุตรชายคนโตของเพื่อนรักแห่งสกุลต้วนต้วนชางหลางเด็กชายอายุราวหกขวบกำลังจ้องมองทารกตัวน้อยที่นอนอยู่ในเปลด้วยความสน
จูชางหลางอุ้มสตรีร่างผอมขึ้นมาวางนางเอาไว้บนตักของเขาโถมร่างกายก้มกอดนางแนบแน่นจนลึกสุดหัวใจ เส้นผมของนางกลายเป็นสีขาวโพลน รวมทั้งผมของเขาเช่นกัน ยามนี้เมื่อใกล้ชิดเส้นผมขาวของคนทั้งคู่กำลังเคลียคลอซึ่งกันและกันโดยไม่อาจแยกแยะว่าเป็นผมของผู้ใดกันแน่จูชางหลางเข้าใจชีวิต มิมีผู้ใดฝืนสังขารของร่างกาย
ตอนพิเศษ ตอนที่ 1ยี่สิบปีต่อมา“ท่านตา ท่านยายแย่แล้วขอรับ”จู่ ๆ ก็มีเด็กผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาบอกเขาในเรือนสมุนไพร จูชางหลางที่กำลังนั่งยอง ๆ พร้อมกับใช้พัดโหมไฟให้ลุกโชนเพื่อต้มสมุนไพรให้กับหยางอี้หงถึงกับมือสั่นระริกทำพัดที่อยู่ในมือหลุดลงทันใดเขาวิ่งไปที่เรือนของนางอย่างรวดเร็ว หลายปีมานี้หยางอี้
มู่เหยาทอดสายตามองแผ่นน้ำเบื้องหน้าที่คล้ายกำลังเต้นรำระริกไหวไปตามแสงจันทราแล้วยิ้มงดงาม“ท่านแม่ ขอให้ท่านคุ้มครองให้ข้ามีความสุขด้วยนะเจ้าคะ”เอ่ยคำนี้แล้วนางจึงโปรยดอกไม้ลงไปเบื้องล่าง ก่อนจะเดินกลับลงมายังหมู่บ้านก่อนจะถึงทางเข้าหมู่บ้านนั่นเอง จู่ ๆ มู่เหยาก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของค
มู่เหยายิ้มไม่หุบ คำชมเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเอาใจนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะส่งผลต่อนางเพียงนี้ "หลานชายช่างปากหวานยิ่งนัก เช่นนี้สตรีใดได้พบคงไม่อาจถอนใจได้ ด้วยใบหน้างดงามเช่นนี้ต่อไปคงทำให้สตรีเสียใจอีกหลายคน"จูอี้หลางส่ายหน้า"ข้าไม่คิดหลอกสตรีใด จิตใจของข้าจะมอบให้กับสตรีที่ข้ารักเพียงผู้เดียวเช่นท่านพ่
เมื่ออยู่กันเพียงลำพังจูชางหลางจึงเอ่ยขึ้นว่า“เจ้าได้พบนางแล้วใช่หรือไม่”จูอี้หลางพยักหน้า“ท่านพ่อ เป็นท่านแม่จริงหรือ”จูชางหลางพยักหน้า“ที่นี่ไกลจากหน้าผาที่แม่เจ้าตกลงมายิ่งนัก พ่อไม่คิดว่านางจะรอดกระทั่งมีคนของหมู่บ้านนายพรานไปพบเข้าระหว่างที่นางลอยไปตามกระแสน้ำ ท่านแม่ของเจ้าลืมทุกเรื่องไปจ
จูอี้หลางขมวดคิ้ว เขาแน่ใจว่านางย่อมคือมารดาของเขา อยากจะบอกออกไปให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร ดูเหมือนว่าสตรีนางนั้นจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างจนหมดสิ้น จูอี้หลางถอนหายใจยาวเขาต้องสนิทกับเด็กคนนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อสืบถามเรื่องราวเอาไปบอกบิดา“แล้วพ่อแม่ของเจ้าเล่า”“ท่านพ่อท่านแม่ของข้าหรือ
"ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ต้องรีบปล่อยเขาออกจากเขตหมู่บ้านตามกฎ มิใช่จับเขามามัดเอาไว้เช่นนี้ เห็นท่าแล้วเจ้าอยากได้ม้าของเขาใช่หรือไม่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตราประจำตัวม้าเป็นตราราชสำนัก เจ้ากำลังนำความเดือดร้อนมาให้คนในหมู่บ้านแล้ว”มู่เยี่ยนลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป ดวงตากลมโตตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ท่านน้าของนางจ
จูอี้หลางเป็นองค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์ ตั้งแต่เกิดมาทุกคนล้วนนอบน้อมกับเขา นี่จึงเป็นครั้งแรกที่มีคนเรียกเขาว่าเจ้าหน้าขาว ทั้งยังกล้าจับเขามัดอย่างไม่กลัวเกรง ทว่าเห็นท่าทางน่ารักของเด็กหญิงผู้นี้แล้วเขากลับไม่นึกโกรธ ยังนึกชื่นชมในความกล้าหาญของนางด้วยซ้ำ“เช่นนั้นบอกข้ามาก่อนว่าข้าอยู่ที่ใด แล้วเจ