แม้ราชกิจของจูชางหลางจะยุ่งเพียงใด ทว่าเขาก็ไม่เคยละเลยนางอีกเลยแม้แต่ครั้งเดียวจูชางหลางแต่งตั้งจั่วเจี้ยนเป็นแม่ทัพใหญ่ มอบทหารที่แต่เดิมเคยอยู่ในการดูแลของเสนาบดีฝ่ายขวาให้จั่วเจี้ยนทั้งหมดหยางอี้หงได้พบจั่วเจี้ยนเพียงครั้งเดียว ดูเหมือนว่าจั่วเจี้ยนบัดนี้ปฏิบัติตนเหินห่างจากนาง ทั้งยังไม่อาจพู
ทว่าความลับเรื่องชาติกำเนิดของนาง นอกจากเขา ยังมีบิดาและคนไว้ใจเท่านั้นที่รู้ เหตุการณ์ลอบสังหารเขาเมื่อหลายปีก่อนนั้นเกิดในจวนอ๋อง คนนอกจะล่วงรู้ได้อย่างไรจูชางหลางใคร่ครวญโดยละเอียด ถึงแม้ว่าจะไม่อยากให้อัครเสนาบดีที่นับเป็นพ่อตาของเขาเข้ามายุ่งเกี่ยว แต่ในยามนี้เขาย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้
จั่วเจี้ยนประสานมือทำความเคารพจูชางหลาง เอ่ยน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย ถึงเขาจะรู้สึกเจ็บปวดใจทว่าเมื่อเห็นหยางอี้หงและจูชางหลางล้วนมีความสุขในยามที่อยู่ด้วยกัน ความรู้สึกของเขาที่มีต่อนางจึงนับว่าเล็กน้อยยิ่งนัก“ฝ่าบาทกระหม่อมขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“อาเจี้ยนข้ากำลังจะมีลูกจริง ๆ ใช่หรือไม่”จ
“ฝ่าบาทตั้งแต่ทรงครองราชย์ ก็ได้ยกย่องบุตรสาวกระหม่อมเป็นฮองเฮา แต่งตั้งกระหม่อมเป็นอัครมหาเสนาบดีทั้งยังเป็นผู้สำเร็จราชการในยามที่ฝ่าบาทต้องเสด็จออกนอกวัง เรื่องนี้กระหม่อมซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณนักพ่ะย่ะค่ะ”“เรื่องเหล่านี้ล้วนอยู่ในข้อตกลงระหว่างท่านกับท่านพ่อมิใช่หรือ ข้าย่อมรักษาสัญญาอยู่แล้
จูชางหลางดื่มยาปลุกกำหนัดด้วยความจำใจ หากเขาไม่ดื่มยานี่แน่นอนว่าเขาคงไม่มีอารมณ์ที่จะร่วมหอกับฮองเฮาเป็นแน่เมื่อมาถึงตำหนักของฮองเฮาที่โคมไฟถูกจุดสว่างตลอดทางกลับทำให้เท้าของจูชางหลางหยุดชะงัก จู่ ๆ เขาก็คิดถึงใบหน้างามของหยางอี้หงที่หากรู้เรื่องก็คงเสียใจเป็นอย่างมากทว่าหากเขาไม่ทำเช่นนี้และเกิด
จูชางหลางเข้ามาในกายของนางโดยไม่ได้เล้าโลม สองมือของเขาไม่ได้กอดร่างของนางเอาไว้ ทว่ากลับยันฝ่ามือทั้งสองข้างเอาไว้บนที่นอนเพื่อพยุงกายฉางหมิงฟู่ยังบริสุทธิ์จึงรู้สึกเจ็บแสบจนร่างราวกับกำลังแหลกสลายทว่าเพื่อให้บรรลุหน้าที่ จูฉางหลางย่อมคิดเพียงแต่จะทำให้สำเร็จ ถึงนางจะคับแคบและรู้ว่านางเจ็บ ก็ยังพ
หลังจากเข้าห้องหอกับฉางหมิงฟู่เป็นเวลาเดือนกว่าตามกำหนดที่หมอหลวงจัดให้ หลังจากนั้นไม่นานก็ปรากฏว่าฉางหมิงฟู่ตั้งครรภ์ สร้างความยินดีให้เกิดแก่ราชสำนักเป็นอย่างยิ่งอัครมหาเสนาบดีนั้นเมื่อสมดั่งใจแล้วเขาก็ไม่คิดหาเรื่องกับหยางอี้หงตามที่รับปาก และยังสามารถจับไส้ศึกและลงโทษได้ในที่สุดเรื่องของหยางอี
เดิมทีคิดว่าฝ่าบาทอาจจะยังพอมีพระทัยที่จะไปส่งนางบ้าง ทว่าบัดนี้เพียงเขาเอ่ยคำนี้แล้วก็มิได้สนใจตนเอง กลับหันไปมองหยางอี้หงด้วยดวงตารักใคร่ฉางหมิงฟู่กลับตำหนักด้วยความโกรธแค้น ไฟแค้นนี้สุมอยู่ในอกจนแทบจะแผดเผาร่างกายของตนให้กลายเป็นเถ้าถ่านนางกรีดร้องแล้วเอ่ยขึ้น“ไปตามท่านพ่อให้ข้า ผู้ใดก็ได้ไปตา
ปีค.ศ.1970คุณนายสกุลฉางให้กำเนิดบุตรีคนแรก ผิวขาวราวหยกใบหน้าจิ้มลิ้ม ซินแสทำนายวาสนาสูงส่งยิ่งนัก ทำให้กิจการค้าขายของบิดามารดาเจริญรุ่งเรืองในยามนั้นบิดาได้หมั้นหมายเด็กหญิงเอาไว้กับบุตรชายคนโตของเพื่อนรักแห่งสกุลต้วนต้วนชางหลางเด็กชายอายุราวหกขวบกำลังจ้องมองทารกตัวน้อยที่นอนอยู่ในเปลด้วยความสน
จูชางหลางอุ้มสตรีร่างผอมขึ้นมาวางนางเอาไว้บนตักของเขาโถมร่างกายก้มกอดนางแนบแน่นจนลึกสุดหัวใจ เส้นผมของนางกลายเป็นสีขาวโพลน รวมทั้งผมของเขาเช่นกัน ยามนี้เมื่อใกล้ชิดเส้นผมขาวของคนทั้งคู่กำลังเคลียคลอซึ่งกันและกันโดยไม่อาจแยกแยะว่าเป็นผมของผู้ใดกันแน่จูชางหลางเข้าใจชีวิต มิมีผู้ใดฝืนสังขารของร่างกาย
ตอนพิเศษ ตอนที่ 1ยี่สิบปีต่อมา“ท่านตา ท่านยายแย่แล้วขอรับ”จู่ ๆ ก็มีเด็กผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาบอกเขาในเรือนสมุนไพร จูชางหลางที่กำลังนั่งยอง ๆ พร้อมกับใช้พัดโหมไฟให้ลุกโชนเพื่อต้มสมุนไพรให้กับหยางอี้หงถึงกับมือสั่นระริกทำพัดที่อยู่ในมือหลุดลงทันใดเขาวิ่งไปที่เรือนของนางอย่างรวดเร็ว หลายปีมานี้หยางอี้
มู่เหยาทอดสายตามองแผ่นน้ำเบื้องหน้าที่คล้ายกำลังเต้นรำระริกไหวไปตามแสงจันทราแล้วยิ้มงดงาม“ท่านแม่ ขอให้ท่านคุ้มครองให้ข้ามีความสุขด้วยนะเจ้าคะ”เอ่ยคำนี้แล้วนางจึงโปรยดอกไม้ลงไปเบื้องล่าง ก่อนจะเดินกลับลงมายังหมู่บ้านก่อนจะถึงทางเข้าหมู่บ้านนั่นเอง จู่ ๆ มู่เหยาก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของค
มู่เหยายิ้มไม่หุบ คำชมเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเอาใจนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะส่งผลต่อนางเพียงนี้ "หลานชายช่างปากหวานยิ่งนัก เช่นนี้สตรีใดได้พบคงไม่อาจถอนใจได้ ด้วยใบหน้างดงามเช่นนี้ต่อไปคงทำให้สตรีเสียใจอีกหลายคน"จูอี้หลางส่ายหน้า"ข้าไม่คิดหลอกสตรีใด จิตใจของข้าจะมอบให้กับสตรีที่ข้ารักเพียงผู้เดียวเช่นท่านพ่
เมื่ออยู่กันเพียงลำพังจูชางหลางจึงเอ่ยขึ้นว่า“เจ้าได้พบนางแล้วใช่หรือไม่”จูอี้หลางพยักหน้า“ท่านพ่อ เป็นท่านแม่จริงหรือ”จูชางหลางพยักหน้า“ที่นี่ไกลจากหน้าผาที่แม่เจ้าตกลงมายิ่งนัก พ่อไม่คิดว่านางจะรอดกระทั่งมีคนของหมู่บ้านนายพรานไปพบเข้าระหว่างที่นางลอยไปตามกระแสน้ำ ท่านแม่ของเจ้าลืมทุกเรื่องไปจ
จูอี้หลางขมวดคิ้ว เขาแน่ใจว่านางย่อมคือมารดาของเขา อยากจะบอกออกไปให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร ดูเหมือนว่าสตรีนางนั้นจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างจนหมดสิ้น จูอี้หลางถอนหายใจยาวเขาต้องสนิทกับเด็กคนนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อสืบถามเรื่องราวเอาไปบอกบิดา“แล้วพ่อแม่ของเจ้าเล่า”“ท่านพ่อท่านแม่ของข้าหรือ
"ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ต้องรีบปล่อยเขาออกจากเขตหมู่บ้านตามกฎ มิใช่จับเขามามัดเอาไว้เช่นนี้ เห็นท่าแล้วเจ้าอยากได้ม้าของเขาใช่หรือไม่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตราประจำตัวม้าเป็นตราราชสำนัก เจ้ากำลังนำความเดือดร้อนมาให้คนในหมู่บ้านแล้ว”มู่เยี่ยนลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป ดวงตากลมโตตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ท่านน้าของนางจ
จูอี้หลางเป็นองค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์ ตั้งแต่เกิดมาทุกคนล้วนนอบน้อมกับเขา นี่จึงเป็นครั้งแรกที่มีคนเรียกเขาว่าเจ้าหน้าขาว ทั้งยังกล้าจับเขามัดอย่างไม่กลัวเกรง ทว่าเห็นท่าทางน่ารักของเด็กหญิงผู้นี้แล้วเขากลับไม่นึกโกรธ ยังนึกชื่นชมในความกล้าหาญของนางด้วยซ้ำ“เช่นนั้นบอกข้ามาก่อนว่าข้าอยู่ที่ใด แล้วเจ