จั่วเจี้ยนขมวดคิ้ว มองที่เท้าของนางเห็นว่ายังมีผ้าพันแผล และมองที่แขนของนางก็พบว่ามีผ้าพันแผล ใช่นางบาดยังบาดเจ็บ แต่นางก็ดูสบายดีแล้วนี่ก่อนหน้านี้ต่อให้บาดเจ็บเลือดอาบร่าง หยางอี้หงก็ยังคงสามารถควงดาบยิงธนูอยู่บนหลังม้าได้สบาย“อาหง เจ้าใจเสาะตั้งแต่เมื่อใด แผลเล็กน้อยก็ทำให้ซื่อจื่อลำบากแล้ว รีบ
แผนของเสนาบดีฝ่ายขวาล้มเหลว คนที่เขาส่งไปสังหารจูชางหลางได้ข่าวว่าเสียชีวิตในสมรภูมิรบทั้งหมดเสนาบดีฝ่ายขวาย่อมไม่เชื่อ ในเมื่อยามนี้จูชางหลางยังกลับมาโดยไร้รอยขีดข่วน แล้วคนของเขาจะตายหมดไปได้อย่างไรถึงจะสงสัยว่าแผนของตนเองจะรั่วไหล ทว่าใบหน้านั้นกลับเสแสร้งยินดีกับชัยชนะนี้ยิ่งนักจูชางหลางกล่าว
ในยามที่หยางอี้หงได้รับรู้ถึงสมรสพระราชทานของจูชางหลางกับคุณหนูฉางหมิงฟู่บุตรสาวของเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉางอิ๋นนั้นนางยังมีใจยิ้มให้เขาแล้วเอ่ยแสดงความยินดีออกไปทว่าน้ำเสียงของนางนั้นฟังอย่างไรก็ดูเสแสร้ง จูชางหลางไม่เห็นใบหน้าของนางด้วยใบหน้างามอยู่ภายใต้หน้ากากดำที่สวมทับเอาไว้ ใบหน้าของเขายังคงราบเรีย
จั่วเจี้ยนชะงักค้าง เขาก้มหน้าต่ำลงเล็กน้อยดวงตานั้นฉายแววสับสนยิ่งนัก จูชางหลางหัวเราะหยัน“เจ้าเที่ยวรู้ความรู้สึกคนอื่นไปทั่ว ทว่ากลับละเลยความรู้สึกของตนเองหรือ”“ซื่อจื่อ”น้ำเสียงของจั่วเจี้ยนช่างแผ่วเบานัก บัดนี้เขายอมรับว่ากำลังสับสนกับความรู้สึกของตนเองอยู่ไม่น้อย ห่วงนางในฐานะสหาย น้องสาว
หยางอี้หงตกตะลึง นางได้ยินบิดาเอ่ยเรียกชื่อนางอย่างชัดเจน กระบี่ในมือของนางตกลงพื้น หยางอี้หงได้สติแล้ว หางตาของนางมีน้ำไหลออกมา“ท่านพ่อ จำข้าได้แล้วหรือเจ้าคะ”“หงเอ๋อร์ กินข้าวหรือยัง เจ้าดื่มนี่สิรสชาติดียิ่ง”เหมือนความทรงจำนั้นจะขาดหายไปอีกครั้ง สายตาที่มองนางกลับกลายเป็นว่างเปล่าเช่นเดิมหยาง
เห็นนางร้องไห้เช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาก่อนที่จะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าร่างบาง ก้มลงพยุงนางให้ลุกขึ้นแล้วเอ่ยว่า“แม้ว่าเหล้าจะไม่ช่วยให้ความทุกข์หมดไป ทว่าการดื่มให้เมามายก็ช่วยให้ลืมเลือนไปได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง อี้หงเจ้าจะดื่มกับข้าหรือไม่”หยางอี้หงมองเขา“พี่เจี้ยน”จั่วเจี้ยนไม่ได้เอ่ยคำใดอีก เขาด
จูชางหลางเห็นใบหน้างามชัดเจน ดวงตาของนางยังบวมช้ำ ทั้งยังมีกลิ่นเหล้าคละคลุ้ง จูชางหลางขยับเข้ามาใกล้ในขณะที่หยางอี้หงถอยร่นไปด้านหลังน้ำเสียงเยียบเย็นเอ่ยขึ้น“ดื่มเหล้ามาหรือ ด้วยเหตุใด”หยางอี้หงไม่อาจปิดบังอำพรางได้ เมื่อเขาถามย่อมเป็นความเคยชินที่ต้องตอบคำถาม มิเช่นนั้นจะได้รับโทษ นางหันหน้าหน
บัดนี้เขาดันนางจนติดผนังอีกครั้ง สองมือกักขังนางเอาไว้ไม่ให้ร่างเล็กขยับหยางอี้หงยกมือกำเสื้อของเขาเอาไว้ พร้อมกับยันร่างสูงไม่ให้เบียดเข้ามา จูชางหลางหัวเราะต่ำ“ลืมฐานะตนเองกระทั่งกล้าขัดคำสั่งข้าแล้วหรือ กระทั่งยังกล้าคิดน้อยใจข้าอีก”หยางอี้หงหุบปากเสียสนิท ในตอนนี้นางเพียงแค่อยากจะไปให้พ้นหน้า
ปีค.ศ.1970คุณนายสกุลฉางให้กำเนิดบุตรีคนแรก ผิวขาวราวหยกใบหน้าจิ้มลิ้ม ซินแสทำนายวาสนาสูงส่งยิ่งนัก ทำให้กิจการค้าขายของบิดามารดาเจริญรุ่งเรืองในยามนั้นบิดาได้หมั้นหมายเด็กหญิงเอาไว้กับบุตรชายคนโตของเพื่อนรักแห่งสกุลต้วนต้วนชางหลางเด็กชายอายุราวหกขวบกำลังจ้องมองทารกตัวน้อยที่นอนอยู่ในเปลด้วยความสน
จูชางหลางอุ้มสตรีร่างผอมขึ้นมาวางนางเอาไว้บนตักของเขาโถมร่างกายก้มกอดนางแนบแน่นจนลึกสุดหัวใจ เส้นผมของนางกลายเป็นสีขาวโพลน รวมทั้งผมของเขาเช่นกัน ยามนี้เมื่อใกล้ชิดเส้นผมขาวของคนทั้งคู่กำลังเคลียคลอซึ่งกันและกันโดยไม่อาจแยกแยะว่าเป็นผมของผู้ใดกันแน่จูชางหลางเข้าใจชีวิต มิมีผู้ใดฝืนสังขารของร่างกาย
ตอนพิเศษ ตอนที่ 1ยี่สิบปีต่อมา“ท่านตา ท่านยายแย่แล้วขอรับ”จู่ ๆ ก็มีเด็กผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาบอกเขาในเรือนสมุนไพร จูชางหลางที่กำลังนั่งยอง ๆ พร้อมกับใช้พัดโหมไฟให้ลุกโชนเพื่อต้มสมุนไพรให้กับหยางอี้หงถึงกับมือสั่นระริกทำพัดที่อยู่ในมือหลุดลงทันใดเขาวิ่งไปที่เรือนของนางอย่างรวดเร็ว หลายปีมานี้หยางอี้
มู่เหยาทอดสายตามองแผ่นน้ำเบื้องหน้าที่คล้ายกำลังเต้นรำระริกไหวไปตามแสงจันทราแล้วยิ้มงดงาม“ท่านแม่ ขอให้ท่านคุ้มครองให้ข้ามีความสุขด้วยนะเจ้าคะ”เอ่ยคำนี้แล้วนางจึงโปรยดอกไม้ลงไปเบื้องล่าง ก่อนจะเดินกลับลงมายังหมู่บ้านก่อนจะถึงทางเข้าหมู่บ้านนั่นเอง จู่ ๆ มู่เหยาก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของค
มู่เหยายิ้มไม่หุบ คำชมเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเอาใจนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะส่งผลต่อนางเพียงนี้ "หลานชายช่างปากหวานยิ่งนัก เช่นนี้สตรีใดได้พบคงไม่อาจถอนใจได้ ด้วยใบหน้างดงามเช่นนี้ต่อไปคงทำให้สตรีเสียใจอีกหลายคน"จูอี้หลางส่ายหน้า"ข้าไม่คิดหลอกสตรีใด จิตใจของข้าจะมอบให้กับสตรีที่ข้ารักเพียงผู้เดียวเช่นท่านพ่
เมื่ออยู่กันเพียงลำพังจูชางหลางจึงเอ่ยขึ้นว่า“เจ้าได้พบนางแล้วใช่หรือไม่”จูอี้หลางพยักหน้า“ท่านพ่อ เป็นท่านแม่จริงหรือ”จูชางหลางพยักหน้า“ที่นี่ไกลจากหน้าผาที่แม่เจ้าตกลงมายิ่งนัก พ่อไม่คิดว่านางจะรอดกระทั่งมีคนของหมู่บ้านนายพรานไปพบเข้าระหว่างที่นางลอยไปตามกระแสน้ำ ท่านแม่ของเจ้าลืมทุกเรื่องไปจ
จูอี้หลางขมวดคิ้ว เขาแน่ใจว่านางย่อมคือมารดาของเขา อยากจะบอกออกไปให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร ดูเหมือนว่าสตรีนางนั้นจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างจนหมดสิ้น จูอี้หลางถอนหายใจยาวเขาต้องสนิทกับเด็กคนนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อสืบถามเรื่องราวเอาไปบอกบิดา“แล้วพ่อแม่ของเจ้าเล่า”“ท่านพ่อท่านแม่ของข้าหรือ
"ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ต้องรีบปล่อยเขาออกจากเขตหมู่บ้านตามกฎ มิใช่จับเขามามัดเอาไว้เช่นนี้ เห็นท่าแล้วเจ้าอยากได้ม้าของเขาใช่หรือไม่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตราประจำตัวม้าเป็นตราราชสำนัก เจ้ากำลังนำความเดือดร้อนมาให้คนในหมู่บ้านแล้ว”มู่เยี่ยนลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป ดวงตากลมโตตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ท่านน้าของนางจ
จูอี้หลางเป็นองค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์ ตั้งแต่เกิดมาทุกคนล้วนนอบน้อมกับเขา นี่จึงเป็นครั้งแรกที่มีคนเรียกเขาว่าเจ้าหน้าขาว ทั้งยังกล้าจับเขามัดอย่างไม่กลัวเกรง ทว่าเห็นท่าทางน่ารักของเด็กหญิงผู้นี้แล้วเขากลับไม่นึกโกรธ ยังนึกชื่นชมในความกล้าหาญของนางด้วยซ้ำ“เช่นนั้นบอกข้ามาก่อนว่าข้าอยู่ที่ใด แล้วเจ