หยางอี้หงบัดนี้ตัวคนเดียวแล้ว ด้วยองครักษ์ของนางต่างบาดเจ็บล้มตายด้วยต้านกำลังคนมากมายไม่ไหว ศัตรูผู้หนึ่งจึงเอ่ยขึ้น“องครักษ์หน้ากากดำ ยอมให้ข้าจับตัวแต่โดยดีเถิด ข้าไม่อยากลงมือกับสตรี” ทั้งยังมองที่ขาของนางและแขนข้างนั้นที่โดนฟัน มีเพียงแสงจันทร์กระจ่างที่พอให้เห็นใบหน้าของคน จึงทำให้พวกเขาไม่อ
หยางอี้หงไม่รอช้าแล้ว บัดนี้นางพุ่งเข้าโจมตีคนพวกนั้นอย่างรวดเร็ว ยังมีธนูอีกหลายดอกพุ่งตรงเข้ามาช่วยนางสังหารศัตรู ร่างสูงใหญ่ปรากฏกายแล้ว มีคนสองคนและกองทัพองครักษ์อีกไม่กี่คนที่ติดตามมากระทั่งนางได้ยินเสียงของจั่วเจี้ยน“อาหงพี่มาช่วยแล้ว”หยางอี้หงยิ้มทั้งยังกวัดแกว่งกระบี่ในมือ นางลืมความเจ็บไ
กล่าวจบจูชางหลางพลันเป่าปาก ม้าดำตัวใหญ่วิ่งมาทางนี้อย่างรู้งาน หยางอี้หงถูกเขาดันร่างแล้วเอ่ยว่า“อาหงรีบขึ้นม้า”หยางอี้หงเอ่ยเร่งรีบ “พี่เจี้ยนแล้วพบกัน”หลังจากจูชางหลางสังหารศัตรูไปแล้ว เขาก็กระโดดขึ้นม้าตัวเดียวกันกับหยางอี้หง ควบตะบึงตรงไปที่ฝั่งตะวันออกอย่างรวดเร็ว ระหว่างทางเจอกับทัพกบฏที่
“พวกเจ้าเป็นผู้ใด”เสียงของคนผู้หนึ่งดังขึ้น เขาเป็นบุรุษอายุราวสี่สิบกว่าปี ใบหน้านั้นเหี้ยมเกรียมยิ่งนักจูชางหลางทำท่าทางหวาดกลัว ยังถือดาบในมือแต่ท่าทางนั้นยังเสแสร้งเหมือนจะยกดาบไม่ไหวแล้ว ตอบคำถามเสียงสั่น“ข้าเป็นพ่อค้าที่คิดข้ามชายแดน คาดไม่ถึงว่าจะถูกโจรดักปล้นระหว่างทางจึงได้พาฮูหยินหนีมา
หากเป็นผู้อื่นคงถูกหัวหน้าหมู่บ้านขับไล่ไปแล้ว ทว่าเมื่อเห็นภรรยาของคนผู้นั้นผู้เฒ่าพลันรู้สึกถูกชะตายิ่งนัก ยังมีสายตาที่คุณชายท่านนี้มองภรรยาของตน แม่เฒ่าดูออกว่าภายในสายตานั้นมีความห่วงใยอยู่ลึกซึ้งเพียงใดสายตาคู่นั้นของจูชางหลางทำให้แม่เฒ่าหวนคิดถึงสามีที่จากไปเนิ่นนานของตนเองผู้ชราทอดถอนหายใจ
คงเป็นที่นางบอก หัวหน้าหมู่บ้านผู้นี้คงรู้สึกถูกชะตากับหยางอี้หงจริง ๆตกดึกคืนนี้จูชางหลางคอยดูแลหยางอี้หงตามที่ผู้เฒ่ากำชับไม่ห่าง เป็นเพราะเหงื่อของนางออกมากจนเปียกชื้นเสื้อผ้า เขาจึงตัดสินใจถอดเสื้อผ้าของนางออก แล้วคลุมร่างบางเอาไว้ด้วยผ้าห่มผืนบางปกปิดร่างกายของนางเอาไว้ในส่วนที่ต้องปกปิดด้วยร
เช้าวันนี้หยางอี้หงก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว นางยังพบว่าจูชางหลางคอยอยู่เคียงข้างนางไม่ห่าง เมื่อคืนนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้นมาหยางอี้หงย่อมรู้ตัวถึงแม้ว่านางจะมีไข้สูงทว่านางไม่ได้หมดสติในยามที่เขาเช็ดตัวและป้อนยาให้นั้น นางมิได้เหนียมอายด้วยรู้สึกสบายจากความร้อนที่อัดแน่นอยู่ภายในร่างกายทว่าบัดนี้ความรู้สึ
จูชางหลางนับว่าเล่นละครตบตาคนได้เป็นอย่างดี เขาดูแลเอาใจใส่นางประดุจสามีที่ทุ่มเทและรักภรรยาลึกซึ้ง จนได้รับเสียงชื่นชมไม่น้อยจากคนในหมู่บ้านในแต่ละคืนเพื่อให้การแสดงละครในครานี้สมจริง จูชางหลางจึงต้องนอนเตียงเดียวกันกับหยางอี้หงวันแรกหลังจากหยางอี้หงไม่มีอาการไข้แล้ว คนสองคนจึงต้องนอนเตียงเดียวกั
ปีค.ศ.1970คุณนายสกุลฉางให้กำเนิดบุตรีคนแรก ผิวขาวราวหยกใบหน้าจิ้มลิ้ม ซินแสทำนายวาสนาสูงส่งยิ่งนัก ทำให้กิจการค้าขายของบิดามารดาเจริญรุ่งเรืองในยามนั้นบิดาได้หมั้นหมายเด็กหญิงเอาไว้กับบุตรชายคนโตของเพื่อนรักแห่งสกุลต้วนต้วนชางหลางเด็กชายอายุราวหกขวบกำลังจ้องมองทารกตัวน้อยที่นอนอยู่ในเปลด้วยความสน
จูชางหลางอุ้มสตรีร่างผอมขึ้นมาวางนางเอาไว้บนตักของเขาโถมร่างกายก้มกอดนางแนบแน่นจนลึกสุดหัวใจ เส้นผมของนางกลายเป็นสีขาวโพลน รวมทั้งผมของเขาเช่นกัน ยามนี้เมื่อใกล้ชิดเส้นผมขาวของคนทั้งคู่กำลังเคลียคลอซึ่งกันและกันโดยไม่อาจแยกแยะว่าเป็นผมของผู้ใดกันแน่จูชางหลางเข้าใจชีวิต มิมีผู้ใดฝืนสังขารของร่างกาย
ตอนพิเศษ ตอนที่ 1ยี่สิบปีต่อมา“ท่านตา ท่านยายแย่แล้วขอรับ”จู่ ๆ ก็มีเด็กผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาบอกเขาในเรือนสมุนไพร จูชางหลางที่กำลังนั่งยอง ๆ พร้อมกับใช้พัดโหมไฟให้ลุกโชนเพื่อต้มสมุนไพรให้กับหยางอี้หงถึงกับมือสั่นระริกทำพัดที่อยู่ในมือหลุดลงทันใดเขาวิ่งไปที่เรือนของนางอย่างรวดเร็ว หลายปีมานี้หยางอี้
มู่เหยาทอดสายตามองแผ่นน้ำเบื้องหน้าที่คล้ายกำลังเต้นรำระริกไหวไปตามแสงจันทราแล้วยิ้มงดงาม“ท่านแม่ ขอให้ท่านคุ้มครองให้ข้ามีความสุขด้วยนะเจ้าคะ”เอ่ยคำนี้แล้วนางจึงโปรยดอกไม้ลงไปเบื้องล่าง ก่อนจะเดินกลับลงมายังหมู่บ้านก่อนจะถึงทางเข้าหมู่บ้านนั่นเอง จู่ ๆ มู่เหยาก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของค
มู่เหยายิ้มไม่หุบ คำชมเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเอาใจนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะส่งผลต่อนางเพียงนี้ "หลานชายช่างปากหวานยิ่งนัก เช่นนี้สตรีใดได้พบคงไม่อาจถอนใจได้ ด้วยใบหน้างดงามเช่นนี้ต่อไปคงทำให้สตรีเสียใจอีกหลายคน"จูอี้หลางส่ายหน้า"ข้าไม่คิดหลอกสตรีใด จิตใจของข้าจะมอบให้กับสตรีที่ข้ารักเพียงผู้เดียวเช่นท่านพ่
เมื่ออยู่กันเพียงลำพังจูชางหลางจึงเอ่ยขึ้นว่า“เจ้าได้พบนางแล้วใช่หรือไม่”จูอี้หลางพยักหน้า“ท่านพ่อ เป็นท่านแม่จริงหรือ”จูชางหลางพยักหน้า“ที่นี่ไกลจากหน้าผาที่แม่เจ้าตกลงมายิ่งนัก พ่อไม่คิดว่านางจะรอดกระทั่งมีคนของหมู่บ้านนายพรานไปพบเข้าระหว่างที่นางลอยไปตามกระแสน้ำ ท่านแม่ของเจ้าลืมทุกเรื่องไปจ
จูอี้หลางขมวดคิ้ว เขาแน่ใจว่านางย่อมคือมารดาของเขา อยากจะบอกออกไปให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร ดูเหมือนว่าสตรีนางนั้นจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างจนหมดสิ้น จูอี้หลางถอนหายใจยาวเขาต้องสนิทกับเด็กคนนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อสืบถามเรื่องราวเอาไปบอกบิดา“แล้วพ่อแม่ของเจ้าเล่า”“ท่านพ่อท่านแม่ของข้าหรือ
"ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ต้องรีบปล่อยเขาออกจากเขตหมู่บ้านตามกฎ มิใช่จับเขามามัดเอาไว้เช่นนี้ เห็นท่าแล้วเจ้าอยากได้ม้าของเขาใช่หรือไม่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตราประจำตัวม้าเป็นตราราชสำนัก เจ้ากำลังนำความเดือดร้อนมาให้คนในหมู่บ้านแล้ว”มู่เยี่ยนลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป ดวงตากลมโตตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ท่านน้าของนางจ
จูอี้หลางเป็นองค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์ ตั้งแต่เกิดมาทุกคนล้วนนอบน้อมกับเขา นี่จึงเป็นครั้งแรกที่มีคนเรียกเขาว่าเจ้าหน้าขาว ทั้งยังกล้าจับเขามัดอย่างไม่กลัวเกรง ทว่าเห็นท่าทางน่ารักของเด็กหญิงผู้นี้แล้วเขากลับไม่นึกโกรธ ยังนึกชื่นชมในความกล้าหาญของนางด้วยซ้ำ“เช่นนั้นบอกข้ามาก่อนว่าข้าอยู่ที่ใด แล้วเจ