จั่วเจี้ยนเดินออกไปข้างนอก สั่งให้คนมาโบยตนเองสามสิบไม้ก่อนจะให้คนพยุงกลับไปที่เรือนยังเรียกหาคนมาช่วยทายาถูกลงโทษรุนแรงเพียงนี้จั่วเจี้ยนคิดว่า หรือว่าซื่อจื่อลืมไปแล้วหรือว่าเขาเองก็เพิ่งอายุสิบสี่ปีเท่านั้นนะสองเดือนต่อมาร่างกายของหยางอี้หงก็หายดีแล้ว เพราะมีร่างกายที่แสนวิเศษ ร่องรอยบาดแผลอันเ
หยางอี้หงกลั้นสะอื้น เด็กน้อยอายุเพียงสิบสองขวบปี ทั้งยังเป็นเพียงแค่เด็กหญิงจะอดทนได้มากเพียงใดกันสุดท้ายนางจึงได้แต่นั่งลงคุกเข่าต่อหน้ามารดา กอดขาคู่งามของมารดาเอาไว้แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นมารดายื่นแขนมาลูบหลังของนางแล้วเอ่ยว่า“เด็กน้อยเจ้าหลงทางมาหรือ ไม่ต้องกลัวนะข้าจะให้สาวใช้พาเจ้าไปกินข้าว
หยางอี้หงเดินเข้าไปด้านในเพื่อเก็บของใช้ส่วนตัวของตนเอง ห้องข้างด้านซ้ายเป็นห้องเล็กสร้างไว้ติดกับห้องของซื่อจื่อ หยางอี้หงไม่เคยรู้มาก่อนว่าห้องนั้นแท้จริงมีไว้สำหรับนางข้างห้อง ยามซื่อจื่อเติบใหญ่คนที่อยู่ห้องนี้ต้องคอยปรนนิบัติซื่อจื่อบนเตียงหยางอี้หงเก็บของเสร็จ จั่วเจี้ยนก็พานางไปยังลานฝึกธนู
หยางอี้หงฝืนกายยืนขึ้นมาโดยมีจั่วเจี้ยนช่วยประคอง นางไม่อาจตายได้ตอนนี้หากนางตายบิดามารดาที่เลอะเลือนทั้งสองต้องไร้ที่พึ่งแล้วจั่วเจี้ยนเห็นว่านางยืนได้มั่นคงแล้ว ถึงแม้ว่าขาจะยังสั่นอยู่มากจึงเอ่ยขึ้นว่า“เจ้าไม่ต้องกลัวนะ ซื่อจื่อห้ามเจ้าหลับตาเด็ดขาดไม่เช่นนั้นเจ้าจะโดนทำโทษเข้าใจหรือไม่ ทำใจให้
ท่านป้าผู้นั้นมองนางอย่างดูแคลน ครอบครัวของหยางอี้หงหวังลอบสังหารท่านอ๋องและซื่อจื่อมีผู้ใดบ้างไม่รู้ นางแม้จะเคยเอ็นดูหยางอี้หงทว่าบัดนี้กลับรู้สึกไม่ชอบเด็กคนนี้นักแต่ในเมื่อซื่อจื่อยังคงเก็บนางไว้ ผู้ใดจะกล้าล่วงเกินนางกัน ท่านป้าหยิบยาจากมือของนางมาและเริ่มทายาให้แล้วเอ่ยว่า“มีสิ่งใดน่าดีใจกัน
ค่ำคืนนี้หยางอี้หงอยู่ในอาภรณ์ตัวในสีขาวเรียบง่าย แม้ว่าการแต่งกายจะเรียบง่ายแบบบุรุษ กระนั้นดวงหน้านั้นยังงดงามเจิดจ้าจนพลอยทำให้ดวงจันทร์ต้องอับแสงหยางอี้หงเข้ามาปรนนิบัติจูชางหลางเข้านอนเช่นทุกวัน ในยามค่ำคืนเมื่ออยู่กันเพียงลำพังนางก็ไม่ได้ใส่หน้ากากเช่นปกติ“ซื่อจื่อเจ้าคะ”หลังจากจัดที่นอนให้
ด้วยเหตุนี้จูชางหลางจึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพหัวเมืองในยามวิกาล จูอ๋องแม้จะสุขภาพไม่ดีบัดนี้ยังต้องรั้งอยู่ในวังหลวง ด้วยการศึกประชิดเพียงนี้ราชโองการนี้เป็นฝ่าบาทที่ถูกเสนาบดีฝ่ายขวายุยง ให้ส่งจูชางหลางออกนอกเมืองไม่แน่ว่าทหารเหล่านั้นที่ติดตามจูชางหลางไปอาจจะมีมือสังหารร่วมอยู่ด้วย หากจูชางห
จูชางหลางถอนหายใจแล้วบอกกับจั่วเจี้ยนว่า“ทหารที่ติดตามออกรบครานี้ ต้องระวังให้มากเจ้าให้คนที่ไว้ใจได้ตรวจสอบรายชื่อหัวหน้านายกอง จัดการคนที่น่าสงสัยให้หมดอย่าได้ให้พวกเขาได้รู้ตัว วันมะรืนเราจะออกเดินทาง”“ขอรับ” แน่นอนว่าหยางอี้หงที่อยู่ในเรือนย่อมได้ยินกงกงประกาศราชโองการชัดเจน เมื่อซื่อจื่อของน
ปีค.ศ.1970คุณนายสกุลฉางให้กำเนิดบุตรีคนแรก ผิวขาวราวหยกใบหน้าจิ้มลิ้ม ซินแสทำนายวาสนาสูงส่งยิ่งนัก ทำให้กิจการค้าขายของบิดามารดาเจริญรุ่งเรืองในยามนั้นบิดาได้หมั้นหมายเด็กหญิงเอาไว้กับบุตรชายคนโตของเพื่อนรักแห่งสกุลต้วนต้วนชางหลางเด็กชายอายุราวหกขวบกำลังจ้องมองทารกตัวน้อยที่นอนอยู่ในเปลด้วยความสน
จูชางหลางอุ้มสตรีร่างผอมขึ้นมาวางนางเอาไว้บนตักของเขาโถมร่างกายก้มกอดนางแนบแน่นจนลึกสุดหัวใจ เส้นผมของนางกลายเป็นสีขาวโพลน รวมทั้งผมของเขาเช่นกัน ยามนี้เมื่อใกล้ชิดเส้นผมขาวของคนทั้งคู่กำลังเคลียคลอซึ่งกันและกันโดยไม่อาจแยกแยะว่าเป็นผมของผู้ใดกันแน่จูชางหลางเข้าใจชีวิต มิมีผู้ใดฝืนสังขารของร่างกาย
ตอนพิเศษ ตอนที่ 1ยี่สิบปีต่อมา“ท่านตา ท่านยายแย่แล้วขอรับ”จู่ ๆ ก็มีเด็กผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาบอกเขาในเรือนสมุนไพร จูชางหลางที่กำลังนั่งยอง ๆ พร้อมกับใช้พัดโหมไฟให้ลุกโชนเพื่อต้มสมุนไพรให้กับหยางอี้หงถึงกับมือสั่นระริกทำพัดที่อยู่ในมือหลุดลงทันใดเขาวิ่งไปที่เรือนของนางอย่างรวดเร็ว หลายปีมานี้หยางอี้
มู่เหยาทอดสายตามองแผ่นน้ำเบื้องหน้าที่คล้ายกำลังเต้นรำระริกไหวไปตามแสงจันทราแล้วยิ้มงดงาม“ท่านแม่ ขอให้ท่านคุ้มครองให้ข้ามีความสุขด้วยนะเจ้าคะ”เอ่ยคำนี้แล้วนางจึงโปรยดอกไม้ลงไปเบื้องล่าง ก่อนจะเดินกลับลงมายังหมู่บ้านก่อนจะถึงทางเข้าหมู่บ้านนั่นเอง จู่ ๆ มู่เหยาก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของค
มู่เหยายิ้มไม่หุบ คำชมเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเอาใจนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะส่งผลต่อนางเพียงนี้ "หลานชายช่างปากหวานยิ่งนัก เช่นนี้สตรีใดได้พบคงไม่อาจถอนใจได้ ด้วยใบหน้างดงามเช่นนี้ต่อไปคงทำให้สตรีเสียใจอีกหลายคน"จูอี้หลางส่ายหน้า"ข้าไม่คิดหลอกสตรีใด จิตใจของข้าจะมอบให้กับสตรีที่ข้ารักเพียงผู้เดียวเช่นท่านพ่
เมื่ออยู่กันเพียงลำพังจูชางหลางจึงเอ่ยขึ้นว่า“เจ้าได้พบนางแล้วใช่หรือไม่”จูอี้หลางพยักหน้า“ท่านพ่อ เป็นท่านแม่จริงหรือ”จูชางหลางพยักหน้า“ที่นี่ไกลจากหน้าผาที่แม่เจ้าตกลงมายิ่งนัก พ่อไม่คิดว่านางจะรอดกระทั่งมีคนของหมู่บ้านนายพรานไปพบเข้าระหว่างที่นางลอยไปตามกระแสน้ำ ท่านแม่ของเจ้าลืมทุกเรื่องไปจ
จูอี้หลางขมวดคิ้ว เขาแน่ใจว่านางย่อมคือมารดาของเขา อยากจะบอกออกไปให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร ดูเหมือนว่าสตรีนางนั้นจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างจนหมดสิ้น จูอี้หลางถอนหายใจยาวเขาต้องสนิทกับเด็กคนนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อสืบถามเรื่องราวเอาไปบอกบิดา“แล้วพ่อแม่ของเจ้าเล่า”“ท่านพ่อท่านแม่ของข้าหรือ
"ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ต้องรีบปล่อยเขาออกจากเขตหมู่บ้านตามกฎ มิใช่จับเขามามัดเอาไว้เช่นนี้ เห็นท่าแล้วเจ้าอยากได้ม้าของเขาใช่หรือไม่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตราประจำตัวม้าเป็นตราราชสำนัก เจ้ากำลังนำความเดือดร้อนมาให้คนในหมู่บ้านแล้ว”มู่เยี่ยนลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป ดวงตากลมโตตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ท่านน้าของนางจ
จูอี้หลางเป็นองค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์ ตั้งแต่เกิดมาทุกคนล้วนนอบน้อมกับเขา นี่จึงเป็นครั้งแรกที่มีคนเรียกเขาว่าเจ้าหน้าขาว ทั้งยังกล้าจับเขามัดอย่างไม่กลัวเกรง ทว่าเห็นท่าทางน่ารักของเด็กหญิงผู้นี้แล้วเขากลับไม่นึกโกรธ ยังนึกชื่นชมในความกล้าหาญของนางด้วยซ้ำ“เช่นนั้นบอกข้ามาก่อนว่าข้าอยู่ที่ใด แล้วเจ