แม่ทัพหวงหยางหมิงและเซียวเหม่ยอิงนั้นไม่ได้สนใจสายตาหรือคำพูดที่แว่วมาให้พวกเขาได้ยินเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งเหล่าเชื้อพระวงศ์เข้ามาในงาน“ขอฮ่องเต้ทรงพระเจริญ หมื่นปีหมื่นหมื่นปี”“ขอฮองเฮาทรงพระเจริญ พันปีพันพันปี”“ตามสบายเถิด”“ขอบพระทัยฝ่าบาท”หลังจากที่ทุกคนทำความเคารพเรียบร้อยแล้ว งานเลี้ยงก็ดำเนินไปเรื่อย ๆ เหล่านักดนตรีและนางรำของวังหลวงต่างพากันออกมาแสดงผู้คนได้ชื่นชม“อาอิง”เซียวเหม่ยอิงกันไปหาคนที่เรียกนาง ก็เห็นเป็นองค์หญิงถังซูลี่ที่กำลังเดินมาหา“องค์หญิง” เซียวเหม่ยอิงยิ้มให้คนที่กำลังเดินมา ถังซูลี่นั้นไม่รอช้า นางรีบเดินเข้าไปกุมมือสหายของตนด้วยความคิดถึงทันที เพราะตั้งแต่มาที่นี่ นางและเซียวเหม่ยอิงก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กันอย่างเคย เพราะถังซูลี่นั้นวุ่นวายกับตำหนักของตนเองต้องจัดเตรียมอะไรหลาย ๆ อย่าง ทำให้พวกนางนั้นไม่ได้ไปมาหาสู่กันเหมือนอย่างที่อยู่แคว้นมู่ การสนิทสนมของทั้งคู่ยิ่งทำให้เป็นที่จับตามองของผู้คนในงาน ผู้ใดบ้างจะไม่รู้ว่าองค์หญิงถังซูลี่เป็นพระคู่หมั้นขององค์รัชทายาทเหลียงซินเผิง และอีกไม่นานก็จะอภิเษกสมรสกันตามธรรมเนียม หรือก็คือองค์หญิงแคว้นมู่
หวงหยางหมิงเป็นพวกไม่คิดจะรักษาหรือเสียเวลาพูดหว่านล้อมกับคนที่มาทำนิสัยไร้มารยาทกับเขาอยู่แล้ว ทั้งคู่เดินจากไปโดยไม่ได้สนใจคนที่ผู้คนที่ยืนมองดูเหตุการณ์ในตอนนี้เลยแม้แต่น้อย เซียวลี่หงรู้สึกได้ถึงสายตาหลายคู่ที่จ้องมาที่นาง สายตาหลายคู่ที่มองมานั้นเต็มไปด้วยสายตาตำหนิให้กับการกระทำของนาง ร่างงามถึงกับทรุดลงกับพื้นดินเพราะรับความอับอายนี้ไม่ไหว เพียงแค่พริบตาเดียว ไม่คิดว่าเรื่องทุกอย่างจะกลายเป็นเช่นนี้ ครั้งหนึ่งเคยมีความคิดว่าต้องการอภิเษกสมรสกับองค์รัชทายาท เพราะเป็นสิ่งที่ทุกคนเฝ้าฝัน มันใกล้เคียงอำนาจที่สุดแล้ว ทว่าตำแหน่งพระชายานั้นไม่ได้เว้นว่างไว้ เพราะถูกกำหนดไว้แล้วด้วยองค์หญิงต่างแคว้น ตัวเซียวลี่หงนั้นต้องการเป็นที่หนึ่ง นางจึงต้องถอยออกมาใหม่ แต่พอได้ยินเรื่องบุรุษปริศนาจากสหาย จุดนั้นทำให้นางสนใจ และพอได้มาเห็นใบหน้าจริง ๆ นางก็เฝ้าคอยและภาวนามาโดยตลอด มันเป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกหัวใจเต้นแรงให้กับบุรุษที่ไม่รู้แม้แต่ชื่อเสียงเรียงนามหรือชาติตระกูล ตอนที่เห็นใบหน้าแท้จริงของหวงหยาง หมิงนั้น ภายในใจก่อเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก เมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้ว บุรุษผ
จวนแม่ทัพหวงหยางหมิง“พวกนั้นกำลังเคลื่อนไหวขอรับ” จางชิงรายงานถึงความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ให้นายของตนได้ฟัง หลังจากที่ทุกจวนได้รับเทียบเชิญร่วมแสดงความยินดีจากจวนแม่ทัพหวงหยางหมิง แล้วก็เป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้ นิ้วชี้หวงหยางหมิงเคาะโต๊ะอย่างใช้ความคิด สายตาของเขาจ้องไปทางหน้าต่าง เพราะข้างนอกนั้นเซียวเหม่ยอิงกำลังดื่มของบำรุงร่างกายกับองค์หญิงถังซูลี่อย่างมีความสุข“ข้าคงต้องกำจัดขยะให้หมดเสียตอนนี้ จะได้ไม่มีใครกล้ามาทำอะไรกับเมียและลูกของข้า” หวงหยางหมิงพูดขึ้นแต่นิ้วยังเคาะโต๊ะทำงานอยู่เช่นเดิม“แต่ข้าไม่ต้องการให้จวนข้าเปื้อนเลือด ลูกข้าที่กำลังจะเกิดมาต้องมีแต่สิ่งบริสุทธิ์รอบตัว...จางชินเข้าใจที่ข้าพูดใช่หรือไม่?” แม้ว่าใบหน้าจะเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่ส่งให้กับฮูหยิน ทว่าน้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหาร จางชินได้แต่ก้มหน้าน้อมรับคำสั่งจากนายตนเองอย่างเชื่อฟัง ภายในใจเขานั้นได้แต่ไว้อาลัยให้คนเหล่านั้นที่รนหาเรื่องใส่ตนเอง ทางด้านผิงอัน อนุของแม่ทัพหวงหยางหมิงกำลังอ่านจดหมายที่นางได้รับการตอบกลับมา“อี๋เหนียงเจ้าคะ อี๋เหนียงจะยอมร่วมมือกับคุณหนูเซียวจริงหรือเจ้าคะ” สา
เหลียงซินเผิงมองคนที่กำลังทำสีหน้าที่น่ากลัวถึงกับต้องเอ่ยปากถาม“เหตุใดเจ้าถึงได้ยิ้มได้น่ากลัวเช่นนี้ แล้วกำลังมองอะไรอยู่รึ?” เหลียงซินเผิงมองตามหวงหยางหมิง ก็เห็นเป็นบุรุษคนหนึ่งที่กำลังมึนเมา“อ๋องสาม? อ๋องสามทำอะไรเจ้างั้นรึ” เหลียงซินเผิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตกใจ “กระหม่อมน่ะรึจะกล้าไปขัดใจเชื้อพระวงศ์ พระองค์กล่าวหนักเกินไปแล้ว” ใบหน้าเหลียงซินเผิงไม่มีความเชื่อในคำพูดของหวงหยางหมิงเลยแม้แต่น้อย คนอย่างเจ้านี่น่ะรึจะเกรงกลัวผู้ใด ต่อให้คนนั้นเป็นอ๋อง หากทำผิดกฎแล้ว เจ้ารายงานเสด็จพ่ออย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย ครั้งหนึ่งเคยมีน้องร่วมบิดาของเขาไปอาละวาดที่โรงเตี้ยมแล้วใช้อำนาจข่มคนในนั้น หวงหยางหมิงกำลังนั่งดื่มน้ำชาซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ ก็จัดการตามกฎทันที จนทำให้น้องของเขาวิ่งมาฟ้องเสด็จพ่อว่าถูกรังแก เสด็จพ่อก็ได้ให้คนไปเรียกหวงหยางหมิงเพื่อสอบถามความจริงที่เกิดขึ้น เหมือนหวงหยางหมิงจะรู้ว่าถูกเรียกมาพบเพราะสาเหตุอะไร ก็ได้พาพยานที่โรงเตี้ยมมาด้วย เมื่อเสด็จพ่อได้รู้ความจริงจากปากหวงหยางหมิงแล้ว ก็ได้สั่งโบยพระโอรสของตนเองที่ทำเรื่องน่าอับอายอีกทั้งยังใช้อำนาจข่มขู่ประชาชนใ
“เกิดเหตุอันใดรึ?” เซียวฟู่ซินเพิ่งมาถึงจวนของหวงหยางหมิง เนื่องจากตนต้องไปรายงานงานราชการกับฮ่องเต้ทำให้ไม่ได้มาร่วมงานด้วยตั้งแต่แรก แต่พอเดินทางมาถึงจวน ก็ได้พบเจอกับเหตุการณ์วุ่นวายจึงรู้สึกแปลกใจไม่น้อย“จะอะไรอีก ก็บุตรสาวคนรองของท่านพลอดรักกับท่านอ๋องสามที่เรือนรับรองแขกน่ะสิ”เซียวฟู่ซินได้ยินแบบนั้นถึงกับแข็งค้างไปต่อไม่ถูก เพราะไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน“ท่าน...ท่านว่าอะไร!” เซียวฟู่ซินถามย้ำอีกครั้ง บุตรสาวคนรองของเขาหมายถึงเซียวลี่หงน่ะรึ แต่คนอย่างเซียวลี่หงนั้นหรือจะไปคลุกคลีหรือชอบพอกับอ๋องสาม ผู้ใดบ้างที่ไม่รู้จักนิสัยใจคอของอ๋องคนนี้ว่าเป็นอย่างไร อีกทั้งพระชายาของท่านอ๋องสามเองก็ปากคอเราะรายยิ่งนัก วาจาของนางนั้นไม่เคยไว้หน้าผู้ใดและนิสัยใจคอของนางเองก็ร้ายกาจไม่ต่างกัน “ไปดูให้เห็นกับตาเถิด แต่ข้าว่าท่านรีบไปจะดีกว่าตอนนี้พระชายาของอ๋องสามก็อยู่ด้วยเช่นกัน” เซียวฟู่ซินได้ยินอย่างนั้นก็ไม่รอช้า เขารีบวิ่งตามคนในงานไปยังจุดเกิดเหตุทันที พอไปถึงก็พบกันผู้คนมากมายที่ยืนเรียงรายเต็มเรือนเพี้ยะ!“เลว! กล้าใช้วิธีนี้กับท่านอ๋อง เจ้าเป็นสตรีนิสัยต่ำทรามยิ่งนัก!”
หลังจากเหตุการณ์ในตอนนั้นเซียวลี่หงได้แต่งเข้าไปในฐานะอนุภรรยาของท่านอ๋องสาม เพราะนางใช้แผนสกปรก อีกทั้งชื่อเสียงของนางไม่มีดีเลยแม้แต่น้อย ชาวบ้านต่างพูดเรื่องนี้ราวกับว่าเป็นนิทานเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ พระชายาจึงให้นางเข้ามาในฐานะอนุภรรยาเท่านั้น และหลังจากที่จัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ท่านอ๋องสามและพระชายาก็ได้ออกเดินทางไปยังเมืองอู่ตามพระบัญชาขององค์ฮ่องเต้ รวมทั้งเซียวลี่หงเองก็ต้องเดินทางไปด้วยเช่นกัน เพราะการไปเมืองอู่ในครั้งนี้เป็นการไปแบบถาวรไม่มีวันกลับมา จวนแม่ทัพหวงหยางหมิง เซียวฟู่ซินและฟางเหนียงเดินทางมาหาบุตรสาวของตนเองอีกครั้ง เพราะอีกไม่กี่วันข้างหน้าพวกเขาก็จะไปจากเมืองหลวงแล้ว ฟางเหนียงได้ยื่นสมุดหลายเล่มให้บุตรสาวตนเอง“นี่คือร้านค้าที่เหลืออยู่ แม่ฝากเจ้าดูแลต่อด้วยนะอิงเอ๋อร์” ตอนนี้เซียวลี่หงแต่งออกไป สินเดิมของนางมีแค่พวกสิ่งของและเงินทอง ฟางเหนียงไม่ได้ใส่ร้านค้าพวกนี้ไปเป็นสินเดิมให้นางด้วย เพราะอย่างไรเซียวลี่หงก็ไม่สามารถดูแลพวกนี้ได้ เซียวฟู่ซินและฟางเหนียงนั้นตัดสินใจกันแล้วว่ากิจการเหล่านี้ควรมอบให้เซียวเหม่ยอิง บุตรสาวที่พวกเขาไว้ใจว่านางจ
“เจ้าคิดจะมีลูกกี่คนกัน?” องค์รัชทายาทเหลียงซินเผงอดถามสหายตนเองไม่ได้ เพราะหลังจากที่เซียวเหม่ยอิงคลอดบุตรคนแรกไปไม่ทันไร ตอนนี้สหายตัวดีของเขากำลังมีบุตรคนที่สองแล้ว “กระหม่อมเองก็ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ เพราะเรื่องนี้กระหม่อมไม่ได้เป็นคนตัดสินใจ กระหม่อมเพียงทำตามความต้องการฮูหยินตนเองเท่านั้น” คำตอบยียวนชวนโมโหทำเอาเหลียงซินเผิงมุมปากกระตุก มองดูคนที่กำลังทำสีหน้าภูมิใจอยู่ในตอนนี้ มุมปากของเขายิ่งกระตุกกว่าเดิม ความจริงเหลียงซินเผิงเองก็กำลังจะมีบุตรเป็นของตนเองเช่นกัน หลังจากที่ได้เข้าอภิเษกสมรสกับองค์หญิงถังซูลี่ไปเมื่อตอนปีที่แล้ว ซึ่งเดือนหน้าก็ครบกำหนดคลอดแล้ว เขาแค่รู้สึกหมั่นไส้คนตรงหน้าเท่านั้น ทั้งสองอ่านรายงานจากกองทัพต่าง ๆ ที่ส่งรายงานถึงความสงบเรียบร้อยตามที่ได้รับมอบหมาย เหลียงซินเผิงที่กำลังอ่านรายงานก็นึกอะไรบางอย่างออก“ไม่กี่วันก่อนข้าได้รับรายงาน ว่าน้องสาวของฮูหยินเจ้ามีชีวิตไม่สู้ดีเท่าใดนัก นางเย่อหยิ่งในตนเอง อีกทั้งไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งน้องสะใภ้ จึงถูกไล่ไปอยู่ท้ายตำหนัก เลวร้ายถึงขนาดแอบถูกวางยาขับเลือดทำให้นางต้องแท้งบุตรตนเอง”“แล้วท่านอ๋องเล่าพ่ะย่ะค่ะ”
กองทัพขนาดใหญ่เคลื่อนพลกลับมายังเมืองหลวง หลังจากที่พวกเขาได้ออกรบปกป้องบ้านเมืองเป็นเวลาช้านาน หลังจากที่ถูกแคว้นจ้าวรุกรานทำศึกประชิดแคว้น ทำให้ชินอ๋องอย่าง ‘เหลียงซินเผิง’ ทูลขออนุญาตฮ่องเต้ยกกองทัพไปทำศึกด้วยตนเองโดยมีสหายคู่ใจอย่าง ‘หวงหยางหมิง’ ที่มีตำแหน่งเป็นรองแม่ทัพประจำกองทัพออกไปรบด้วย ศึกนี้กินเวลายาวนานถึงหกปีเพราะนอกจากจะต้องป้องกันชายแดนของตัวเองแล้ว ชัยชนะครั้งนี้ยังทำให้แคว้นจ้าวและชนเผ่าตี๋ที่ยกทัพมาทำศึกกับแคว้นฉินพร้อมกันนั้นยอมศิโรราบแต่โดยดี แคว้นฉินจึงมีชื่อเสียงในการรบและกองทัพที่แข็งแกร่งสะท้านไปทั่วทุกสารทิศ แคว้นหรือชนเผ่าต่าง ๆ ที่ทีแรกตั้งใจจะทำศึกกับแคว้นฉิน ต้องพากันยกทัพกลับถิ่นฐานตัวเองโดยเร็วหลังจากที่รับรู้ว่าแคว้นจ้าวและชนเผ่าตี๋พ่ายแพ้ให้กับแคว้นฉินอย่างย่อยยับ อีกทั้งข่าวลือเรื่องความโหดเหี้ยมของแม่ทัพของชินอ๋อง แต่ผู้ที่มีชื่อเสียงที่โหดเหี้ยมกว่าจนศัตรูขนานนามว่า ‘ปีศาจหน้ากากเหล็ก’ รองแม่ทัพหวงหยางหมิง บุรุษที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ คอยระวังความปลอดภัยให้ชินอ๋องและฆ่าฟันศัตรูไม่เลือกหน้า ไม่มีคำว่าปรานีให้กับเหล่าศัตร
“เจ้าคิดจะมีลูกกี่คนกัน?” องค์รัชทายาทเหลียงซินเผงอดถามสหายตนเองไม่ได้ เพราะหลังจากที่เซียวเหม่ยอิงคลอดบุตรคนแรกไปไม่ทันไร ตอนนี้สหายตัวดีของเขากำลังมีบุตรคนที่สองแล้ว “กระหม่อมเองก็ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ เพราะเรื่องนี้กระหม่อมไม่ได้เป็นคนตัดสินใจ กระหม่อมเพียงทำตามความต้องการฮูหยินตนเองเท่านั้น” คำตอบยียวนชวนโมโหทำเอาเหลียงซินเผิงมุมปากกระตุก มองดูคนที่กำลังทำสีหน้าภูมิใจอยู่ในตอนนี้ มุมปากของเขายิ่งกระตุกกว่าเดิม ความจริงเหลียงซินเผิงเองก็กำลังจะมีบุตรเป็นของตนเองเช่นกัน หลังจากที่ได้เข้าอภิเษกสมรสกับองค์หญิงถังซูลี่ไปเมื่อตอนปีที่แล้ว ซึ่งเดือนหน้าก็ครบกำหนดคลอดแล้ว เขาแค่รู้สึกหมั่นไส้คนตรงหน้าเท่านั้น ทั้งสองอ่านรายงานจากกองทัพต่าง ๆ ที่ส่งรายงานถึงความสงบเรียบร้อยตามที่ได้รับมอบหมาย เหลียงซินเผิงที่กำลังอ่านรายงานก็นึกอะไรบางอย่างออก“ไม่กี่วันก่อนข้าได้รับรายงาน ว่าน้องสาวของฮูหยินเจ้ามีชีวิตไม่สู้ดีเท่าใดนัก นางเย่อหยิ่งในตนเอง อีกทั้งไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งน้องสะใภ้ จึงถูกไล่ไปอยู่ท้ายตำหนัก เลวร้ายถึงขนาดแอบถูกวางยาขับเลือดทำให้นางต้องแท้งบุตรตนเอง”“แล้วท่านอ๋องเล่าพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากเหตุการณ์ในตอนนั้นเซียวลี่หงได้แต่งเข้าไปในฐานะอนุภรรยาของท่านอ๋องสาม เพราะนางใช้แผนสกปรก อีกทั้งชื่อเสียงของนางไม่มีดีเลยแม้แต่น้อย ชาวบ้านต่างพูดเรื่องนี้ราวกับว่าเป็นนิทานเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ พระชายาจึงให้นางเข้ามาในฐานะอนุภรรยาเท่านั้น และหลังจากที่จัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ท่านอ๋องสามและพระชายาก็ได้ออกเดินทางไปยังเมืองอู่ตามพระบัญชาขององค์ฮ่องเต้ รวมทั้งเซียวลี่หงเองก็ต้องเดินทางไปด้วยเช่นกัน เพราะการไปเมืองอู่ในครั้งนี้เป็นการไปแบบถาวรไม่มีวันกลับมา จวนแม่ทัพหวงหยางหมิง เซียวฟู่ซินและฟางเหนียงเดินทางมาหาบุตรสาวของตนเองอีกครั้ง เพราะอีกไม่กี่วันข้างหน้าพวกเขาก็จะไปจากเมืองหลวงแล้ว ฟางเหนียงได้ยื่นสมุดหลายเล่มให้บุตรสาวตนเอง“นี่คือร้านค้าที่เหลืออยู่ แม่ฝากเจ้าดูแลต่อด้วยนะอิงเอ๋อร์” ตอนนี้เซียวลี่หงแต่งออกไป สินเดิมของนางมีแค่พวกสิ่งของและเงินทอง ฟางเหนียงไม่ได้ใส่ร้านค้าพวกนี้ไปเป็นสินเดิมให้นางด้วย เพราะอย่างไรเซียวลี่หงก็ไม่สามารถดูแลพวกนี้ได้ เซียวฟู่ซินและฟางเหนียงนั้นตัดสินใจกันแล้วว่ากิจการเหล่านี้ควรมอบให้เซียวเหม่ยอิง บุตรสาวที่พวกเขาไว้ใจว่านางจ
“เกิดเหตุอันใดรึ?” เซียวฟู่ซินเพิ่งมาถึงจวนของหวงหยางหมิง เนื่องจากตนต้องไปรายงานงานราชการกับฮ่องเต้ทำให้ไม่ได้มาร่วมงานด้วยตั้งแต่แรก แต่พอเดินทางมาถึงจวน ก็ได้พบเจอกับเหตุการณ์วุ่นวายจึงรู้สึกแปลกใจไม่น้อย“จะอะไรอีก ก็บุตรสาวคนรองของท่านพลอดรักกับท่านอ๋องสามที่เรือนรับรองแขกน่ะสิ”เซียวฟู่ซินได้ยินแบบนั้นถึงกับแข็งค้างไปต่อไม่ถูก เพราะไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน“ท่าน...ท่านว่าอะไร!” เซียวฟู่ซินถามย้ำอีกครั้ง บุตรสาวคนรองของเขาหมายถึงเซียวลี่หงน่ะรึ แต่คนอย่างเซียวลี่หงนั้นหรือจะไปคลุกคลีหรือชอบพอกับอ๋องสาม ผู้ใดบ้างที่ไม่รู้จักนิสัยใจคอของอ๋องคนนี้ว่าเป็นอย่างไร อีกทั้งพระชายาของท่านอ๋องสามเองก็ปากคอเราะรายยิ่งนัก วาจาของนางนั้นไม่เคยไว้หน้าผู้ใดและนิสัยใจคอของนางเองก็ร้ายกาจไม่ต่างกัน “ไปดูให้เห็นกับตาเถิด แต่ข้าว่าท่านรีบไปจะดีกว่าตอนนี้พระชายาของอ๋องสามก็อยู่ด้วยเช่นกัน” เซียวฟู่ซินได้ยินอย่างนั้นก็ไม่รอช้า เขารีบวิ่งตามคนในงานไปยังจุดเกิดเหตุทันที พอไปถึงก็พบกันผู้คนมากมายที่ยืนเรียงรายเต็มเรือนเพี้ยะ!“เลว! กล้าใช้วิธีนี้กับท่านอ๋อง เจ้าเป็นสตรีนิสัยต่ำทรามยิ่งนัก!”
เหลียงซินเผิงมองคนที่กำลังทำสีหน้าที่น่ากลัวถึงกับต้องเอ่ยปากถาม“เหตุใดเจ้าถึงได้ยิ้มได้น่ากลัวเช่นนี้ แล้วกำลังมองอะไรอยู่รึ?” เหลียงซินเผิงมองตามหวงหยางหมิง ก็เห็นเป็นบุรุษคนหนึ่งที่กำลังมึนเมา“อ๋องสาม? อ๋องสามทำอะไรเจ้างั้นรึ” เหลียงซินเผิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตกใจ “กระหม่อมน่ะรึจะกล้าไปขัดใจเชื้อพระวงศ์ พระองค์กล่าวหนักเกินไปแล้ว” ใบหน้าเหลียงซินเผิงไม่มีความเชื่อในคำพูดของหวงหยางหมิงเลยแม้แต่น้อย คนอย่างเจ้านี่น่ะรึจะเกรงกลัวผู้ใด ต่อให้คนนั้นเป็นอ๋อง หากทำผิดกฎแล้ว เจ้ารายงานเสด็จพ่ออย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย ครั้งหนึ่งเคยมีน้องร่วมบิดาของเขาไปอาละวาดที่โรงเตี้ยมแล้วใช้อำนาจข่มคนในนั้น หวงหยางหมิงกำลังนั่งดื่มน้ำชาซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ ก็จัดการตามกฎทันที จนทำให้น้องของเขาวิ่งมาฟ้องเสด็จพ่อว่าถูกรังแก เสด็จพ่อก็ได้ให้คนไปเรียกหวงหยางหมิงเพื่อสอบถามความจริงที่เกิดขึ้น เหมือนหวงหยางหมิงจะรู้ว่าถูกเรียกมาพบเพราะสาเหตุอะไร ก็ได้พาพยานที่โรงเตี้ยมมาด้วย เมื่อเสด็จพ่อได้รู้ความจริงจากปากหวงหยางหมิงแล้ว ก็ได้สั่งโบยพระโอรสของตนเองที่ทำเรื่องน่าอับอายอีกทั้งยังใช้อำนาจข่มขู่ประชาชนใ
จวนแม่ทัพหวงหยางหมิง“พวกนั้นกำลังเคลื่อนไหวขอรับ” จางชิงรายงานถึงความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ให้นายของตนได้ฟัง หลังจากที่ทุกจวนได้รับเทียบเชิญร่วมแสดงความยินดีจากจวนแม่ทัพหวงหยางหมิง แล้วก็เป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้ นิ้วชี้หวงหยางหมิงเคาะโต๊ะอย่างใช้ความคิด สายตาของเขาจ้องไปทางหน้าต่าง เพราะข้างนอกนั้นเซียวเหม่ยอิงกำลังดื่มของบำรุงร่างกายกับองค์หญิงถังซูลี่อย่างมีความสุข“ข้าคงต้องกำจัดขยะให้หมดเสียตอนนี้ จะได้ไม่มีใครกล้ามาทำอะไรกับเมียและลูกของข้า” หวงหยางหมิงพูดขึ้นแต่นิ้วยังเคาะโต๊ะทำงานอยู่เช่นเดิม“แต่ข้าไม่ต้องการให้จวนข้าเปื้อนเลือด ลูกข้าที่กำลังจะเกิดมาต้องมีแต่สิ่งบริสุทธิ์รอบตัว...จางชินเข้าใจที่ข้าพูดใช่หรือไม่?” แม้ว่าใบหน้าจะเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่ส่งให้กับฮูหยิน ทว่าน้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหาร จางชินได้แต่ก้มหน้าน้อมรับคำสั่งจากนายตนเองอย่างเชื่อฟัง ภายในใจเขานั้นได้แต่ไว้อาลัยให้คนเหล่านั้นที่รนหาเรื่องใส่ตนเอง ทางด้านผิงอัน อนุของแม่ทัพหวงหยางหมิงกำลังอ่านจดหมายที่นางได้รับการตอบกลับมา“อี๋เหนียงเจ้าคะ อี๋เหนียงจะยอมร่วมมือกับคุณหนูเซียวจริงหรือเจ้าคะ” สา
หวงหยางหมิงเป็นพวกไม่คิดจะรักษาหรือเสียเวลาพูดหว่านล้อมกับคนที่มาทำนิสัยไร้มารยาทกับเขาอยู่แล้ว ทั้งคู่เดินจากไปโดยไม่ได้สนใจคนที่ผู้คนที่ยืนมองดูเหตุการณ์ในตอนนี้เลยแม้แต่น้อย เซียวลี่หงรู้สึกได้ถึงสายตาหลายคู่ที่จ้องมาที่นาง สายตาหลายคู่ที่มองมานั้นเต็มไปด้วยสายตาตำหนิให้กับการกระทำของนาง ร่างงามถึงกับทรุดลงกับพื้นดินเพราะรับความอับอายนี้ไม่ไหว เพียงแค่พริบตาเดียว ไม่คิดว่าเรื่องทุกอย่างจะกลายเป็นเช่นนี้ ครั้งหนึ่งเคยมีความคิดว่าต้องการอภิเษกสมรสกับองค์รัชทายาท เพราะเป็นสิ่งที่ทุกคนเฝ้าฝัน มันใกล้เคียงอำนาจที่สุดแล้ว ทว่าตำแหน่งพระชายานั้นไม่ได้เว้นว่างไว้ เพราะถูกกำหนดไว้แล้วด้วยองค์หญิงต่างแคว้น ตัวเซียวลี่หงนั้นต้องการเป็นที่หนึ่ง นางจึงต้องถอยออกมาใหม่ แต่พอได้ยินเรื่องบุรุษปริศนาจากสหาย จุดนั้นทำให้นางสนใจ และพอได้มาเห็นใบหน้าจริง ๆ นางก็เฝ้าคอยและภาวนามาโดยตลอด มันเป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกหัวใจเต้นแรงให้กับบุรุษที่ไม่รู้แม้แต่ชื่อเสียงเรียงนามหรือชาติตระกูล ตอนที่เห็นใบหน้าแท้จริงของหวงหยาง หมิงนั้น ภายในใจก่อเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก เมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้ว บุรุษผ
แม่ทัพหวงหยางหมิงและเซียวเหม่ยอิงนั้นไม่ได้สนใจสายตาหรือคำพูดที่แว่วมาให้พวกเขาได้ยินเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งเหล่าเชื้อพระวงศ์เข้ามาในงาน“ขอฮ่องเต้ทรงพระเจริญ หมื่นปีหมื่นหมื่นปี”“ขอฮองเฮาทรงพระเจริญ พันปีพันพันปี”“ตามสบายเถิด”“ขอบพระทัยฝ่าบาท”หลังจากที่ทุกคนทำความเคารพเรียบร้อยแล้ว งานเลี้ยงก็ดำเนินไปเรื่อย ๆ เหล่านักดนตรีและนางรำของวังหลวงต่างพากันออกมาแสดงผู้คนได้ชื่นชม“อาอิง”เซียวเหม่ยอิงกันไปหาคนที่เรียกนาง ก็เห็นเป็นองค์หญิงถังซูลี่ที่กำลังเดินมาหา“องค์หญิง” เซียวเหม่ยอิงยิ้มให้คนที่กำลังเดินมา ถังซูลี่นั้นไม่รอช้า นางรีบเดินเข้าไปกุมมือสหายของตนด้วยความคิดถึงทันที เพราะตั้งแต่มาที่นี่ นางและเซียวเหม่ยอิงก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กันอย่างเคย เพราะถังซูลี่นั้นวุ่นวายกับตำหนักของตนเองต้องจัดเตรียมอะไรหลาย ๆ อย่าง ทำให้พวกนางนั้นไม่ได้ไปมาหาสู่กันเหมือนอย่างที่อยู่แคว้นมู่ การสนิทสนมของทั้งคู่ยิ่งทำให้เป็นที่จับตามองของผู้คนในงาน ผู้ใดบ้างจะไม่รู้ว่าองค์หญิงถังซูลี่เป็นพระคู่หมั้นขององค์รัชทายาทเหลียงซินเผิง และอีกไม่นานก็จะอภิเษกสมรสกันตามธรรมเนียม หรือก็คือองค์หญิงแคว้นมู่
“ท่านพี่จะถอดหน้ากากจริง ๆ หรือเจ้าคะ” เซียวเหม่ยอิงถามหวง หยางหมิงขณะที่กำลังแต่งตัวให้สามี“ทำไมรึ? หรือว่าเจ้าหึงหวงข้า?”“ข้าไม่ได้หมายความแบบนั้นเจ้าค่ะ”“แค่อิงเอ๋อร์บอกว่าหึงหวงข้า ข้าก็พร้อมที่จะกลับไปใส่หน้ากากเช่นเดิมแล้ว” เซียวเหม่ยอิงมองดูใบหน้าที่ยียวนกวนประสาทนาง ฝ่ามือถึงกับกระตุกฟาดลงที่ท่อนแขนหนาอย่างอดไม่ได้เพี้ยะ!“โอ๊ย! ยอมแล้ว ๆ”หวงหยางหมิงถึงกับร้องเสียงหลงเพราะถูกฮูหยิน ของตนนั้นฟาดเข้าที่ท่อนแขนอย่างจัง ความจริงแล้วหวงหยางหมิงนั้นไม่รู้สึกเจ็บเท่าใดนัก แต่ที่ร้องออกไปเพื่อไม่ให้เซียวเหม่ยอิงตีซ้ำเป็นรอบที่สอง เพราะเขากลัวว่ามืองาม ๆ ของนางนั้นจะบอบช้ำต่างหาก หวงหยางหมิงนั้นไม่พูดเปล่า เขาดึงตัวเซียวเหม่ยอิงมากอด พร้อมกับอธิบายถึงเหตุผลที่ตนนั้นจะไม่ใส่หน้ากากอีกต่อไป“ข้าแค่คิดว่าแต่นี้ต่อไป คงไม่จำเป็นที่จะต้องใส่หน้ากากอีกต่อไปแล้ว...” หวงหยางหมิงเอาคางเกยไว้ที่ไหล่ของฮูหยินตนเองพร้อมกับพูดต่อ“อิงเอ๋อร์อย่ากังวลไปเลย อย่าลืมว่าข้าได้พระราชโองการนั้นมาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่มีใครสามารถบังคับข้าได้ แม้แต่ฝ่าบาทเองก็เช่นกัน” เซียวเหม่ยอิงเข้าใจ
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องทำได้เพราะอาอิงของข้าเก่งขนาดนี้” องค์หญิงถังซูลี่กล่าวด้วยความดีใจปนเอ็นดู ทันทีที่ถังซูลี่ได้รับรายงานจากคนรับใช้ที่นางให้ไปช่วยเหลือเซียวเหม่ยอิง ว่าสหายของนางนั้นหาทางแก้พิษได้สำเร็จแล้วก็รีบเดินทางมาพร้อมเหลียงซินเผิงที่เรือนรับรองของทั้งคู่ทันที“องค์หญิงกล่าวได้ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ อิงเอ๋อร์ของกระหม่อมเก่งมากจริง ๆ " เหลียงซินเผิงถึงกับหลุดหัวเราะออกมาหลังจากที่ได้ยินคำพูดจากปากสหายตนเอง เพราะแต่ละฝ่ายต่างพากันแย่งชิงในตัวเซียวเหม่ยอิงทั้งนั้นหวงหยางหมิงเจ้าหึงหวงภรรยาเจ้าเกินไปแล้ว“ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะความเมตตาจากองค์หญิงเพคะ” ที่เซียวเหม่ยอิงพูดนั้นไม่เกินจริงเลยแม้แต่น้อย หากไม่ได้องค์หญิงถังซูลี่สอนทางด้านพิษและสมุนไพรยาต่าง ๆ ที่ถังซูลี่หามาให้ นางและสามีคงไม่มีวันนี้อย่างแน่นอน ถังซูลี่ได้ยินอย่างนั้น นางก็กุมมือเซียวเหม่ยอิงอย่างอ่อนโยน“เจ้าถ่อมตัวเกินไปแล้ว ข้าเคยบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ เป็นสหายกันอย่าได้ถือเป็นบุญคุณเลย” เซียวเหม่ยอิงมองถังซูลี่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความขอบคุณ เกิดมาจนป่านนี้เพิ่งรู้คำว่า 'สหาย' ที่แท้จริงเป็นอย่า