บทที่ 51ต่อไปให้เรียกข้าว่าเฟิงมิ่งจูช่วงเวลายามซื่อ (ประมาณ 10 โมงเช้า) นั้นเป็นเวลาที่โรงเตี๊ยมนั้นถือได้ว่ายุ่งมาก แต่เมื่อครอบครัวของเฟิงมิ่งจูปรากฎตัว พวกนางเดินลงมาด้านล่างจากบันไดของโรงเตี้ยมนั้นทุกคนที่อยู่ในห้องโถงต่างก็หยุดกิจกรรมที่ทำอยู่และต่างก็หันไปมอง4คนที่เดินลงมาทันที (จากชั้น 6 นะน่าจะเหนื่อยเอาการอยู่ 555)เสี่ยวเอ้อที่เห็นครอบครัวของนางเดินลงมาต่างก็รีบวิ่งมาเพื่อจะให้ความช่วยเหลือ ก็แม้สวยหล่อกันทั้งครอบครัวแบบนี้พวกเขาอยากจะรับใช้นะสิ“แม่นาง จะให้พวกข้าน้อยเรียกรถม้าให้หรือไม่ขอรับ” หนึ่งในนั้นเมื่อวิ่งมาถึงก็รีบถามทันที“ไม่จำเป็น เชิญคุณหนูด้านนี้ขอรับ”เป็นจางเซี่ยโหย่วที่เดิมมาเอ่ยขึ้น“ใต้เท้าหวังได้ส่งคนมาเพื่อดูแม่นางจ้าวเม่ยและคุณหนูแล้วอยู่ด้านนอกขอรับ” จ้าวเว่ยเว่ยนั้นเหลือบตามองเฟิงมิ่งจูเล็กน้อยจากนั้นก็เอ่ยว่า ก่อนที่ท่านแม่จะเอ่ยขึ้นมาว่า “ต่อไปให้เรียกข้าว่าเฟิงมิ่งจูเถิดเจ้าค่ะนั้นชื่อแซ่เดิมของข้า” เฟิงมิ่งจูนั้นไม่คิดจะปิดบังตัวเองอีกแล้ว จึงได้บอกกับนายทหารคนสนิทของใต้เท้าหวังออกไปเช่นนั้น“เออ ได้ขอรับแม่นางเฟิง ด้านนี้ขอรับคนรับนี้เป็นคนข
บทที่ 52 สามีของข้าตกน้ำตายไปหลายปีแล้ว“มันเกิดอะไรกันขึ้นที่นี่?” น้ำเสียงทุ้มแผ่วเบาประดุจสายลมอ่อนพัดใบไผ่ดังขึ้นจากด้านหลังที่เป็นห้องพิเศษอีกห้องที่อยู่อีกฟากหนึ่ง“เสด็จอา!!! เสด็จอา!!! ช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ ช่วยข้าด้วย” หยางหรู่อี้องค์หญิงใหญ่ขององค์ฮ่องเต้หยางเฟยหลงฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเมื่อได้ยินเสียงก็เงยหน้าไปมองทันทีเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ด้านหลังของแม่นางคนที่ช่วยนางเอาไว้ ก็เอ่ยเรียกขึ้นมา และรีบจูงมือของเฟิงมิ่งจูเดินมาให้ผู้ที่มาใหม่ทันทีเมื่อเฟิงมิ่งจูถูกองค์หญิงใหญ่จูงนางก็ไม่รู้จะทำเช่นไร เพราะจะให้สลัดมือออกก็คงจะไม่ได้นี่คือองค์หญิงนะมิใช่สามัญชนคนธรรมดาเช่นพวกนาง นางจำต้องเดินตามแรงจูงนั้น เมื่อเดินมาถึงนางค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองสบตากับผู้ที่มาให้ ที่องค์หญิงใหญ่เรียกว่าท่านอานั้นเองหยางไป่หลง หรือชินอ๋อง กำลังทานอาหารเที่ยงอยู่ได้ยินเสียงดังวุ่นวายด้านนอกและได้ยินเสียงตะโกนว่าลอบสังหาร และคำว่าองค์หญิงใหญ่…เขาจึงได้วางตะเกียบที่กำลังละเลียดกินอาหารอยู่และรีบวิ่งออกมา เมื่อตอนที่เขามาถึงมือสังหารทั้งสองก็ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว ดูเหมือนว่าจะเป็นเพราะแม่นางที่ใส่ชุดที
บทที่ 53 การแข่งขันบทกวี“แปลงโฉมเช่นนั้นรึ” หวังเทียนซานเอ่ยถามนายทหารคนสนิทที่วันนี้เขาส่งให้ตามไปดูแลครอบครัวของนางทั้งวัน แน่นอนว่าเขามีเหตุผลที่ส่งคนสนิทไป เพราะว่าจะได้สังเกตดูเจ้าเม่ยว่าจริงๆ แล้วนางเป็นคนเช่นไรนั้นเอง แต่เมื่อจางเซี่ยโหย่วกลับมาเล่าให้เขาฟังปรากฏว่าตอนนี้นางไม่แม้แต่จะใช้รูปโฉมเดิมที่เป็นชาวบ้านธรรมดา นางถึงกลับใช้ชื่อแซ่ของตัวเองเลย เช่นนี้มันก็เหมือนกับเป็นการบอกพวกเขากลายๆ ว่านางไม่ต้องการจะยุ่งเกี่ยวกับลูก ‘ควาย’ สมองเสื่อมของเขาแล้วนะสิ ไม่ได้ แบบนี้ไม่ได้เป็นอย่างยิ่งเลย ถึงลูกเขาจะโง่เป็นควายแต่เขาไม่โง่นะ เขาฉลาดมากถึงได้ดึงทั้งสองคนมาที่เมืองหลวงได้ ก่อนที่จะถูกเจ้าควายน้อยชอบหาปลาคนนั้นทำให้พวกนางหนีไป...“แล้วรูปร่างหน้าตาของนางเล่าเป็นเช่นไร งดงามมากหรือไม่?" ใต้เท้าหวังเอ่ยถามในขณะนั้นเองด้านนอกควายน้อยก็เดินมาที่ประตูแล้ว เขาเดินเบาๆมาพวกที่คุยกันอยู่จึงไม่ได้ยินเสียง“นางเซียน!นั้นคือนางเซียนจากสวรรค์ชัดๆ ขอรับใต้เท้านางงดงามประหนึ่งนางเซียนจากสวรรค์ทีเดียว ใต้เท้าก็ทราบว่าข้านั้นเรื่องผู้หญิงนั้นหากในเมืองหลวงแห่งนี้เรียกข้าว่าอันดับสอง ก็คงไม
บทที่ 54 ไม่ต้องห่วงข้า! ท่านไม่ต้องรอข้า!เมื่อรถม้าของตระกูลหวังขับออกมานอกเมืองได้ระยะหนึ่งซึ่งตอนนี้บนถนนนั้นรถม้าและผู้คนไม่ค่อยเยอะแล้ว เฟิงมิงจูที่อดทนมานานก็ไม่ไหวแล้วกับการขับรถม้าแบบกินลมชมทิวทัศน์ของท่านจางเซี่ยโหย่ว นางจึงได้เอ่ยขึ้นมาในที่สุด“เออ! เออ! ท่านจางเจ้าคะ พอดีว่าข้าอยากจะลองขับรถม้าคันนี้ดูเจ้าค่ะ จะได้เป็นการฝึกไปในตัวด้วย อีกอย่างบริเวณนี้ก็ไม่ค่อยมีคนแล้ว หากว่าท่านไม่ว่าอะไร เรามาลองเปลี่ยนที่กันดีหรือไม่เจ้าคะ” เฟิงมิ่งจูส่งยิ้มที่ดูไร้เดียงสาประหนึ่งสาวน้อยที่อยากจะหัดขี่ม้าเป็นครั้งแรกอย่างไรอย่างนั้นนายทหารจางเซี่ยโหย่วไหนเลยจะทานทนต่อสายตาเช่นนี้ได้เขาจึงได้ขยับออกจากที่คนขับเพื่อให้แม่นางเฟิงมิ่งจูได้ลองขับดูสักเล็กน้อย ขณะนั้นเองเด็กๆ ที่เข้าไปนั่งในรถม้ากันแล้วต่างก็มองหน้ากันเลิ่กลั่กเลยทีเดียวพลางคิดในใจว่ามันจะดีย์หรือท่านจางเซี่ยโหย่ว!!!!จากนั้นพวกเขาก็หันเข้ามุมของตัวเองทันที และยึดเอาไว้แน่นทีเดียว ส่วนท่านจางเซี่ยโหย่วที่จะต้องนั่งด้านหน้าเพื่อบอกทางกับท่านแม่นั้น เขานั่งหลังตรงสง่าผ่าเผยดุจชายชาติทหารของแท่ร์จริงๆ เขาปัดชายเสื้อเล็กน้อย
บทที่ 55 โจรปล้น…ปล้นโจรเมื่อพวกนางเห็นท่านจางเซี่ยโหย่ววิ่งอย่างเร็วเหมือนกลัวว่าพวกนางจะเรียกให้เขากลับมาอย่างไรอย่างนั้น 3 พี่น้องมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเป็นอันเข้าใจกันว่าเพราะอะไรท่านจางถึงได้วิ่งเร็วขนาดนั้น ส่วนท่านแม่นั้นยังคงมองชะเง้อคอมองหาเขาอย่างเป็นห่วงเป็นใยเผื่อว่าท่านจางจะเปลี่ยนใจมาขึ้นรถม้ากลับเข้าเมืองกับนาง“ท่านแม่เจ้าค่ะข้าว่าท่านจางคงเข็ด.เออ..เออ...คงมีธุระจริงๆ เพราะดูเขารีบร้อนมากเลย ถ้าอย่างนั้นพวกเรากลับกันเถอะเจ้าค่ะ แต่ว่าพวกเรากินอะไรกันบ้างแล้วท่านแม่ก็ เออ ก็ไม่ต้องรีบมากนะเจ้าคะ”จ้าวเว่ยเว่ยเป็นตัวแทนน้องๆ บอกกับท่านแม่ เพราะถึงจะเคยชินอย่างไร แต่ถึงกับปล่อยมือ กางแขนสองข้างเป็นไททานิกแบบนั้นนางก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ และไหนจะยกเท้าขึ้นหนึ่งข้างอีก ขับรถม้าแบบนี้มันก็ออกจะเกินไปอยู่นะเจ้าค่ะท่านแม๊…ไม่ใช้ว่าขากลับท่านแม่จะมีโชว์ตีลังกาด้วยนี้คือ...เออ พวกเขาก็...เออ...“ได้ลูกรักแม่จะขับแบบธรรมดาก็แล้วกันคราวนี้เอาแบบช้าๆ ชมวิวไหมลูก เพราะขามาแม่รีบอยากแสดงให้ท่านจางเห็นถึงความชำนาญมากไปหน่อยแม่กลัวเขาไม่รู้ว่าแม่ขับรถม้าได้นะจ๊ะ แต่ว่าขากลับเอาแบบธรรมด
บทที่ 56 สองแม่ลูกปีศาจเมื่อสองแม่ลูกออกมาจากรังโจร กระเป๋าก็ตุงทีเดียว ทั้งเงินทองของมีค่ามากมายที่พวกมันดักปล้นชาวบ้านมาหลายปี ถูกสองแม่ลูกกวาดเรียบ แม้แต่พวกอาหารข้าวสารแป้ง เนื้อสัตว์ตากแห้งที่พวกมันทำเอาไว้สำหรับหน้าหนาว เพียงแต่เหลือเอาไว้ให้พอกินประมาณ 3 เดือนเท่านั้น และท่านแม่ยังได้ส่งคำเตือนไว้อีกว่า“หากพวกเจ้ายังคิดที่จะทำอาชีพนี้อยู่ ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะตามปล้นพวกเจ้าต่อไป ไม่ว่าพวกเจ้าจะซ่องสุมอยู่ที่ไหนข้าก็ตามหาจนพบแน่นอน หากพวกเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้เลย แต่ครั้งหน้ามันจะไม่ใช่การยิงที่ชายโครงแล้ว อาวุธเทพของข้ามันจะพุ่งเข้าหัวใจพวกเจ้าแทน จำได้หมดหรือไม่ แต่หากว่าอยากจะกลับตัวกลับใจให้ส่งตัวแทนไปหาข้าที่จวนเฟิง ข้าชื่อเฟิงมิงจู ห่างจากที่นี่ไปไม่ไกล ข้าคิดว่าพวกเจ้าคงจะหาเจอ..อ้าวท่องสิ ท่องจนกว่าจะจำได้แล้วเอาไปบอกครอบครัวของพวกเจ้าเสีย”ท่านแม่ให้บรรดาเมียโจรท่องประโยคที่นางบอกให้พวกนางไปบอกสามีของตัวเองที่ตอนนี้พวกเขาต่างแยกย้ายกันออกปล้นนางกับลูกสาวได้ปรึกษากันแล้ว หากว่าซ่องโจรกลุ่มนี้อยากกลับตัวกลับใจมาทำงานสุจริตพวกนางก็จะให้พวกเขามาเป็นคนงานที่ไร่ ที่กำลัง
บทที่ 57 ย้ายเข้าจวนใหม่จ้าวเว่ยเว่ยนั้นเห็นท่านแม่เดินดูด้านนั้นด้านนี้อยู่พักหนึ่งก็เดินกลับมาเหมือนจะบอกว่าไม่มีทางอื่นให้เข้า“ท่านแม่เจ้าค่ะหากว่า ‘เปิด’ ประตูเข้าไม่ได้ เช่นนั้นพวกเราก็ ‘พัง’ มันเข้าไปสิเจ้าคะ นี้เจ้าค่ะคนละกระบอกยิงมันให้ประตูกระจุยไปเลยเข้าจะดูสิว่ามันจะเปิดได้หรือไม่”สิ้นเสียงของจ้าวเว่ยเว่ยที่ตอนนี้นางดึงเอาปืนสั้นออกมาให้ท่านแม่คนละกระบอก นางกะจะยิงประตูให้พังไปเลยหากว่าหาทางเข้าไม่ได้“เอาเช่นนั้นหรือลูกรัก”ท่านแม่รับปืนมาและขึ้นไกปืนทันทีอย่างคล่องแคล่วเสียด้วย ก่อนที่พวกนางสองแม่ลูกจะทันได้ยิงประตูบานนั้นทันใดนั้นประตูที่ปิดแน่นสนิทจนท่านแม่ผลักเท่าไหร่ก็เปิดไม่ออกก็ค่อยๆ แง้มออกมาและเปิดออกกว้างทันทีจ้าวเว่ยเว่ย มุมปากกระตุกหนึ่งครั้งพลางคิดว่า นึกว่าต้องให้ใช้กำลังเสียอีก พวกนางมาถึงก็ถูกรับน้องเลยนะ…เมื่อพวกนางเดินเข้ามาภายในตัวเรือน สิ่งแรกที่พวกนางเห็นคือภาพวาดพู่กันโบราณขนาดใหญ่บนผนังที่วาดขึ้นมาด้วยหมึกสีดำด้วยฝีมืออันประณีตในภาพนั้นเป็นรูปชายวัยกลางคนที่หน้าตาขึงขัง จ้าวเว่ยเว่ยประหลาดใจว่าทำไมเจ้าของเดิมถึงไม่เก็บภาพนี้ไปด้วยจ้าวเว่ยเว่ยเหล
บทที่58 สุราชนิดนี้เรียกว่า'เบียร์ไฮเนเก็น'เมื่อจ้าวเว่ยเว่ยเดินมาเปิดประตูจวนนายทหารจางเซี่ยโหย่วก็เดินเข้ามาข้างในจวนทันที เขาดีใจที่คนมาเปิดประตูคือท่านหมอ“คือว่าใต้เท้าหวังให้ข้ามาถามเรื่องของแต่งเรือนนะขอรับว่าพวกท่านอยากจะได้อย่างไร ท่านนายจะ.....จะ..”ขณะนั้นเองสายตาของเขาก็มองเข้าไปในเรือนที่ถูกตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงามและมีเครื่องแต่งเรือนหลายชิ้นที่บ้างก็ดูแปลกตา บ้างก็คุ้นเคยตาแต่ว่าเมื่อถูกจัดว่าเอาไว้คู่กับเครื่องเรือนแบบโบราณกับดูกลมกลืนและสวยงามน่าอยู่อย่างที่สุด เขาไม่เคยเห็นการตกแต่งเรือนที่ไหนจะสวยงามน่าตื่นตะลึงแบบนี้มาก่อน และที่สำคัญ...พวกนางเอามาได้อย่างไร และเอามาตอนไหนกัน...จ้าวเว่ยเว่ยที่รอให้เขาพูดต่อแต่ก็เงียบอยู่นานหลังจากที่เขามองเข้าไปในเรือนและเห็นการตกแต่งของพวกนาง นางรู้ว่าเขาคงจะสงสัยว่าพวกนางเอาของตกแต่งเหล่านี้มาจากไหนเพราะเรือนเพิ่งจะขายให้เมื่อวาน ความจริงยังไม่ได้ทำสัญญากันด้วยซ้ำ“ข้าคิดว่าคงไม่ต้องแล้วขอรับเพราะเรือนของพวกท่านตกแต่งเอาไว้ได้สวยงามน่าอยู่มากเหลือเกินแล้ว แล้วนี่พวกท่านทำอะไรกันอยู่ขอรับ ทำไมข้าได้กลิ่นหอมเนื้อย่างขนาดนี่ขอรับ”
ตอนพิเศษ บทส่งท้าย ท่านราชครูหวังหย่งเล่อหลังพิธีแต่งงานของคุณชายหวังหย่งเล่อและเฟิงมิ่งจู่ผ่านมา 6 เดือน ตอนนี้อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันปีใหม่เช้าวันที่หนาวเหน็บหิมะตกโปรยปรายบรรยากาศเหมาะสมกับการเฉลิมฉลองเป็นอย่างยิ่งและอีก 2 วันก็จะถึงวันปีใหม่แล้ว จวนเฟิงตอนนี้ถือได้ว่าคึกคักขึ้นมาไม่น้อย เพราะตั้งแต่ที่เฟิงฮองเฮาแต่งออกไปที่แคว้นต้าเจียง บรรดาคนไข้ต่างๆ ก็ลดลงมากทำให้จวนเฟิงไม่ค่อยได้รับแขกที่เป็นคนไข้อีกแล้ว แต่ทว่าบ้านพักฟื้นนั้นกลับไม่เคยว่างเลยก็ว่าได้ มันถูกจองเต็มกันข้ามปีกันเลยทีเดียว จนเฟิงฮองเฮานั้นชักจะสงสัยแล้วว่าที่นางทำนั้นคือ บ้านพักตากอากาศหรือสถานพักฟื้นสำหรับคนป่วยกันแน่ ส่วนเรื่องความวุ่นวายที่เริ่มกลับมาที่จวนเฟิงอีกครั้งนั้นมาจากสาเหตุนี้เรื่องแรกคือท่านหวังหย่งเล่อที่มีศักดิ์เป็นพ่อต่อขององค์ฮ่องเต้แคว้นต้าเจียง ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นราชครูของไท่จื่อของแคว้นต้าหมิงนั้นเอง เขาได้กลายเป็นขุนนางใหญ่ของต้าหมิงมีหน้าที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ที่เขามีให้กับองค์ไท่จื่อ โดยเฉพาะด้านวรยุทธ์ที่สูงส่งของเขาและกาพย์กลอน แต่ในด้านการเข้าสังคมนั้นองค์ฮ่องเต้หยางเฟยหล
บทที่ 116 ตอนพิเศษ...คืนเข้าหอมีค่าดั่งทองพันชั่ง (ท่านพ่อท่านแม่)ภายในห้องหอที่ประดับประดาด้วยดอกไม้สีชมพูอ่อนระเรื่อ แสงเทียนระยิบระยับส่องกระทบกับผนังสีทองอร่าม กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้และน้ำมันหอมระเหยอบอวลไปทั่วห้องเฟิงมิ่งจู่นั่งก้มอยู่บนเตียงที่ประดับตกแต่งเอาไว้อย่างประณีตสวยงามสมกับเป็นเตียงของบ่าวสาว สีแดงที่ตัดเย็บอย่างประณีตและสวยงามอลังการสมกับเป็นชุดแต่งงานของคู่รักคู่ครองที่เคยอยู่ร่วมกันมานานปี นางกำลังรอให้เจ้าบ่าว หวังหย่งเล่อของนางที่ตอนนี้กำลังยกดื่มสุราอยู่กับเหล่าขุนนาง ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงเดินเข้ามา ในขณะนั้นข้างกายของเฟิงมิ่งจู่นั้นมีบ่าวรับใช่ขั้นหนึ่งที่หวังฮูหยินส่งมาเพื่อดูแลและแนะนำพิธีการต่างๆ อยู่ต้องทราบว่าก่อนหน้านี้ที่ทั้งสองแต่งงานกันนั้นพวกเขาทำด้วยความรีบร้อนและไม่ได้มีพิธีการใดๆ เลยนอกจากกราบไหว้ฟ้าดินกันสองคน เพราะครอบครัวจ้าวนั้นไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของพวกเขา มาตอนนี้หวังหย่งเล่อนั้นต้องการที่จะทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามประเพณีทั้งหมดไม่ให้ขาดแม้แต่ขั้นตอนเดียว เขาบอกกับทุกคนว่านี่เป็นวิธีการบอกรักและให้เกียรติฮูหยินของเขาอย่างหนึ่ง ซึ่งทุก
บทที่ 114 ตอนพิเศษ 3 คิดถึงเหลือเกิน..ที่รักของข้าหลังพิธีแต่งงานอันยิ่งใหญ่ของทั้งสองแคว้นผ่านไปชีวิตผู้คนทั้งสองแคว้นต่างก็อยู่กันอย่างปรกติสุข เพราะทั้งสองแคว้นนั้นต่างก็ช่วยเหลือและพึ่งพาอาศัยกัน ตอนนี้ราคาของเกลือและน้ำตาลนั้นลดลงมาเป็นอย่างมากแล้ว เพราะการผลิตที่เข้มงวดและเพิ่มกำลังออกมาเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนของทั้งสองแคว้นได้มีสินค้าที่ดีและมีคุณภาพและราคายุติธรรมออกมาขาย ประชาชนจึงพออกพอใจการบริหารและดูแลพวกเขามาก ตอนนี้ไม่ว่าจะไปทางไหนก็มีแต่คนยกย่องสรรเสริญฮ่องเต้และราชวงค์ ไม่ว่าพวกเขาเดินทางไปทางไหนผู้คนก็จะทรงพระเจริญไปทั่ว เหล่าราชวงค์ พระสนมนางในต่างก็มีความสุขกันทั่วหน้าด้วยเช่นกัน เพราะว่าตอนนี้การเงิน การทอง และเบี้ยหวัดของพวกนางนั้นฮ่องเต็ได้เพิ่มให้มาขึ้นแล้ว ตอนนี้พวกนางสามารถซื้อครีม ซื้อกระเป๋ารองเท้าตามแบบเว่ยฮองเฮาได้แล้วไม่ว่านางจะออกแบบสิ่งที่เว่ยฮองเฮาเรียกว่า คอลเลกชั่น ออกมากี่คอลเลกชั่นพวกนางก็สามารถสั่งซื้อได้ทันที ความสุขจึงได้เกิดขึ้นภายในวังมังกรของฮ่องเต้หยางเฟยหลงแล้วแต่ทว่าสิ่งเหล่านั้นหาได้เกิดขึ้นกับวังหลงหว่างฝู่ ของชินอ๋องอย่างสิ้นเชิง เวล
ตอนที่ 113 ตอนพิเศษ2 ฮันนีมูนที่ปารีสดึกดื่นคืนหนึ่งภายใต้แสงจันทร์นวลฉายแสงระยิบระยับลงบนผิวน้ำใสของทะเลสาบหูซีอันเลื่องชื่อบรรยากาศเงียบสงบ ไร้เสียงรบกวนเหลือเพียงเสียงคลื่นกระทบฝั่งแผ่วเบาฮ่องเต้ฉู่อี้เทียนที่ทรงว่างจากภาระงานราชการพระองค์เอ่ยชวนเฟิงฮองเฮาอันเป็นที่รักกลับมาที่แคว้นต้าหมิง โดยทิ้งเหล่าองค์ชายและองค์หญิงให้กับทางแม่ยายและพ่อตาดูแล ฮ่องเต้ฉู่อี้เทียนทรงจับมือเฟิงฮองเฮาสุดที่รัก พาท่านล่องเรือไม้ลำน้อยออกสู่กลางทะเลสาบ สายลมเย็นพัดโชยมาแตะใบหน้า กลิ่นหอมของดอกไม้ป่าโชยมาตามสายลม บรรยากาศโรแมนติกโอบล้อม ฉู่อี้เทียนที่มีเฟิงฮองเฮาอิงแอบอยู่ในอ้อมแขน เขาก้มลงมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก ทรงเอ่ยขึ้นว่า"คืนนี้น้องหญิงช่างงดงามเหลือเกิน" ก่อนจะจุมพิตลงบนผมที่มีกลิ่นหอมของดอกกุหลาบอ่อนๆ ของนางเฟิงฮองเฮาเงยหน้าขึ้นมา นางยื่นหน้าขึ้นมาจูบที่คางของเขาเบาๆ และยิ้มอย่างอ่อนหวาน ก่อนจะเอ่ยตอบว่า“ท่านพี่ก็เช่นกัน คืนนี้ท่านดูหล่อเหลาเป็นพิเศษข้าชอบ”พูดเสร็จก็ยื่นหน้าไปจุมพิตเขาอีก 2 ทีฉู่อี้เทียนยิ้มทรงโอบไหล่เฟิงฮองเฮาเข้าไว้เขาค่อยๆ ถอนหายใจออกมาอย่างมีความสุข และ
บทที่ 113 ตอนพิเศษ 1 CPR มิใช่การจุมพิตแต่เป็นการช่วยชีวิต“เพี๊ยะ!”ใบหน้าอันหล่อเหลาของคุณชายถงเจี้ยนหลานหันไปตาแรงตบของฝ่ามือเล็กๆ นั้น เขาค่อยๆ หันหน้ากลับมาและมองมือเล็กที่ยังคงเปียกชื้นอยู่ ซึ่งตอนนี้มันแดงก่ำเพราะการใช้กำลัง และแน่นอนบนใบหน้าของเขาก็ปรากฎรอยแดงขึ้นมาทันทีเช่นกัน“เจ้า..เจ้าคนสารเลว เจ้าเป็นโจรเด็ดบุปผาหรืออย่างไรกัน ทำไมถึงได้ทำกับข้ากลางวันแสกๆเช่นนี้” เสียงเล็กหวาน แว๊ดขึ้นมาใส่เขาอีกครั้งหนึ่ง นางน่าจะตกใจจนลืมไปว่าตัวเองเพิ่งจะตกน้ำจนหมดสติไป ตอนนี้ถงเจี้ยนหลานยังคงหาเสียงของตัวเองไม่เจอและเขาก็ค่อนข้างตกใจเหมือนกันที่อยู่ๆ ก็โดนตบเช่นนี้ เขาที่เป็นถึงเจ้ากระทรวงสาธารณสุขที่ยิ่งใหญ่แห่งแคว้นต้าหมิง ช่วยชีวิตคนแล้วโดนตบ รู้ถึงไหนอายถึงนั้นจริงๆ แล้ว!!!!ย้อนไปเมื่อ หนึ่งเคอก่อนหน้านี้ ถงเจี้ยนหลานที่ปีนี้อายุอานามเข้า35ปีแล้ว แต่ว่าเขายังไม่แต่งงาน ตอนนี้เขากำลังอ่านหนังสือแพทย์ที่ท่านอาจารย์ซึ่งก็คือฮองเฮาแห่งแคว้นตาเจียงให้มา ในหนังสือแพทย์เล่มนั้นสอนเรื่องการผ่าตัดที่ซับซ้อนทำให้เขาสนใจมาก ตอนนี้คุณชายถงเจี้ยนหลานนั้นมีตำแหน่งใหญ่โตเป็นถึงเจ้ากระทรวงสาธา
บทที่ 112 การจากลา (จบ)พิธีแต่งงานระหว่างสองแคว้น ต้าเจียงและต้าหมิง จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติ ด้วยการเฉลิมฉลองที่ยาวนานถึง 7 วัน 7 คืน ประชาชนต่างมาร่วมแสดงความยินดีอย่างล้นหลาม สร้างความชื่นมื่นทั่วทั้งแคว้นต้าเจียง นับเป็นงานสมรสที่ยิ่งใหญ่และทรงเกียรติที่สุดในยุคสมัยสามเดือนผ่านไป ภายในพระตำหนัก ฮ่องเต้ฉู่อี้เทียนในเวลานี้กำลังนอนเอนอยู่บนแท่นบรรทมอันหนานุ่มที่ฮองเฮาทรงเตรียมไว้เป็นพิเศษ ข้างกายของพระองค์มีจานมะนาวฝานบางๆ วางอยู่ ถัดจากนั้นเป็นถาดผลไม้รสเปรี้ยวหลากหลายชนิด ตั้งเรียงไว้เพื่อช่วยบรรเทาอาการอยากอาเจียนที่ฮ่องเต้กำลังประสบ ฮ่องเต้ฉู่อี้เทียนหลับตาแน่น คิ้วขมวดเป็นปม พร้อมกับอมมะนาวไว้ในปากเพื่อบรรเทาความรู้สึกคลื่นไส้ที่ไม่หายไปง่ายๆขันทีประจำพระองค์ยืนอยู่ใกล้ๆ คอยมองด้วยความเป็นห่วง แม้ว่าฮองเฮา ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะตรวจและบอกไปแล้วว่านี่เป็นอาการปรกติของผู้ชายที่ "แพ้ท้องแทนเมีย" ซึ่งไม่ร้ายแรงและจะหายไปเองเมื่อเวลาผ่านไป แต่ความทุกข์ทรมานที่ฮ่องเต้ต้องเผชิญทุกครั้งที่มีอาการอยากอาเจียน ทำให้ขันทีอดที่จะรู้สึกไม่สบายใจตามไปด้วยไม่ได้ฮ่องเต้ฉู่อี้เทีย
บทที่ 111 แต่งงานด้วยความสำเร็จในการป้องกันและควบคุมโรคระบาดครั้งนี้ ฮ่องเต้หยางเฟยหลงทรงรู้สึกพอพระทัยอย่างยิ่ง พระองค์ทรงเห็นถึงความร่วมมือและความเสียสละของประชาชนที่ช่วยกันฝ่าฟันวิกฤตใหญ่หลวงนี้มาได้ ด้วยความยินดี พระองค์ทรงตกรางวัลให้กับเหล่าขุนนาง ตั้งแต่ตำแหน่งสูงสุดจนถึงคนงานเก็บขยะที่ทำงานอย่างหนัก ทุกคนได้รับการยกย่องในความพยายามและความตั้งใจบรรยากาศในเมืองเต็มไปด้วยความชื่นชมและความสุข แม้จะเพิ่งผ่านหายนะครั้งใหญ่ แต่การปลอบขวัญและการสนับสนุนจากฮ่องเต้ที่ประชาชนรัก ทำให้ทุกคนมีกำลังใจและพร้อมที่จะก้าวต่อไป อีกคนหนึ่งที่ประชาชนไม่มีทางลืมบุญคุณได้คือ จวิ่นจู่เว่ยเว่ย ผู้หญิงเก่งของแคว้นต้าหมิง นางเป็นผู้ที่นำความรู้และความสามารถมาช่วยเหลือแคว้นในยามที่ต้องการมากที่สุดตอนนี้ ครอบครัวหลายๆ ครอบครัวที่มีลูกสาว ต่างก็ปรารถนาให้ลูกหลานของตนได้เรียนแพทย์และพยาบาลเช่นเดียวกับจวิ่นจู่เว่ยเว่ย พวกเขาเห็นว่านี่เป็นวิธีที่ลูกสาวของพวกเขาจะสามารถช่วยเหลือแคว้นและชุมชนในยามที่ลำบาก เช่นเดียวกับที่จวิ่นจู่ได้ทำ สตรีในแคว้นต้าหมิงได้รับแรงบันดาลใจจากนาง ทำให้เกิดความตื่นตัวในการศึกษาและพ
บทที่ 110 ผ่านพ้นหายนะครั้งใหญ่วันเวลาผันผ่านไปไวราวกับสายลมพัด แคว้นต้าหมิงหลังจากเผชิญหน้ากับฤดูฝนที่ยาวนานและโหดร้าย ก็ต้องพบกับภัยแล้งที่จวิ่นจู่เคยเอ่ยเตือนเอาไว้จริงๆ อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่แคว้นต้าหมิงได้เตรียมการรับมือไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ทั้งจากการให้ความช่วยเหลือจากแคว้นต้าเจียง ทำให้พวกเขาสามารถผ่านพ้นภัยแล้งนี้ไปได้ แม้ว่าจะเป็นไปอย่างทุลักทุเล แต่ก็ไม่ถึงกับสิ้นหวังประชาชนในแคว้นต้าหมิง แม้จะเผชิญอุปสรรคมากมายในปีนี้ แต่พวกเขากลับรู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้งใจ เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้ของพวกเขาไม่เคยทอดทิ้ง ไม่ว่าช่วงเวลาจะยากลำบากเพียงใด พระองค์ทรงจัดหาอาหาร น้ำดื่ม และแม้แต่แจกเงินเพื่อบรรเทาทุกข์ ช่วยให้ประชาชนสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากมาได้ด้วยการสนับสนุนและส่งเสริมอย่างต่อเนื่องจากราชสำนัก ทำให้ประชาชนในแคว้นต้าหมิงมีกำลังใจและแรงใจมากขึ้น พวกเขาตระหนักดีว่าฮ่องเต้ของพวกเขาทรงห่วงใยและคอยดูแลไม่เพียงแค่ในยามที่บ้านเมืองสงบสุข แต่ยังรวมถึงในยามที่เกิดวิกฤติอย่างนี้ด้วย ความเชื่อมั่นในผู้นำเพิ่มพูนขึ้น และประชาชนต่างพร้อมใจกันที่จะฟื้นฟูบ้านเมือง และสู้ต่อไปด้วยคว
บทที่109 ข้าต้องการเวลา“ต่อไปนี้สำนักแห่งนี้คือสำนักพลังจิตเฟิงหวง ข้าคือรองเจ้าสำนัก ส่วนเจ้าสำนักตัวจริงนั้นยังไม่มา คิดว่าอีกไม่นานนางก็คงจะว่างมาที่นี่”หวังหย่งเล่อที่ตอนนี้เดินขึ้นไปนั่งบนตำแหน่งเจ้าสำนักและพูดขึ้นมา“งานสกปรกทุกชนิดที่พวกเจ้าเคยทำให้หยุดให้หมด และเปิดรับลูกศิษย์ใหม่อีกครั้ง ส่วนพวกเจ้ามีทางเลือก เพียงหนึ่งทางเท่านั้นคือ สวามิภักดิ์ต่อข้าเพียงคนเดียว”เมื่อเขาเอ่ยเสร็จ ก็มีเสียงเล็กๆ ดังขึ้นมาจากแถวด้านหลังสุดของเหล่าศิษย์เก่าของสำนัก เอ่ยเบาๆ เหมือนคุยกันเองสองคนว่า“หากว่ามีแค่ทางเดียวจะเรียกว่าทางเลือกได้อย่างไรกัน เขาเรียกว่าบังคับ!!!”จากนั้นสายตาเกือบสิบคู่ก็พุ่งไปหาเจ้าของเสียงนั้นทันที ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเห็นด้วยที่เจ้านี่พูด แต่เจ้าจำเป็นต้องพูดออกมารึ เจ้าโง่!! สายตาประนามเหล่านั้นทำให้เจ้าคนที่พูดแทบจะเงยหน้าไม่ขึ้นเลยทีเดียว....เจ้านั้นเหมือนจะรู้ตัวว่าคิดเสียงดังไปจึงได้ค่อยๆ ก้มหน้ามองหามดหาแมลงบนพื้นอย่างแข็งขันไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาอีกเลย…“ส่วนงานที่พวกเจ้าจะรับต่อไปนั้นคืองานสำนักคุ้มภัย รับดูแลคุ้มครองสินค้าและบุคคลสำคัญของทั้งสองแคว้น และคอยช่วย