บทที่ 13 ทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้เพื่อบรรลุเป้าหมาย คุณควรจะทำตัวให้ยุ่งอยู่เสมอเพื่อบรรลุเป้าหมาย จะเกิดอะไรขึ้นหากคุณทำเช่นนี้ ถ้าคุณทำให้ตัวเองให้ยุ่งแล้วความคิดด้านลบจะไม่เกิดขึ้นภายในจิตใจของคุณเลย ให้ผมอธิบายตัวอย่างให้คุณอีกสักเรื่องถ้าคุณสอบผ่านด้วยคะแนนสูงสุดในชั้นเรียนแต่คุณไม่ได้เรียนเป็นเวลาหนึ่งวันจะเกิดอะไรขึ้นเวลานั้นคุณจะคิดแว็บขึ้นมาว่าคุณควรจะดูหนังบางครั้งคุณอาจจะคิดว่าคุณควรออกไปสนุกกับเพื่อนคุณยังสามารถวางแผนออกไปสังสรรค์ที่ไหนสักแห่ง บอกฉันสักเรื่องหนึ่งสิคิดว่าทั้งหมดนี้คุณจะบรรลุเป้าหมายหรือไม่ ไม่สิ | ถ้าคุณเป็นนักศึกษาและต้องการที่จะบรรลุเป้าหมายของคุณดังนั้นคุณก็ควรสนใจแต่สิ่งนั้น เรื่องการเรียนเท่านั้นความคิดที่ไร้สาระจะพาคุณออกห่างจากจุดมุ่งหมาย ดังนั้นถ้าคุณต้องการจะอยู่ให้ห่างจากความคิดที่ไร้ค่าเหล่านี้จงทำให้ตัวเองยุ่งอยู่แต่กับเป้าหมายยิ่งความคิดเหล่านี้เข้ามาในหัวคุณน้อยลงเท่าไหร่โอกาสที่คุณจะประสบความสำเร็จก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
บทที่ 16 บทเรียนจากความล้มเหลว คุณเคยล้มเหลวในชีวิตของคุณบ้างไหม "ใช่" และแน่นอนที่สุด คุณเคยเรียนรู้จากความล้มเหลวของคุณหรือไม่ "ใช่" และแน่นอนที่สุด อะไรก็ตามที่คุณเป็นในวันนี้คือสิ่งที่คุณเรียนรู้จากความผิดพลาด กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีนกตัวหนึ่งสร้างรังอยู่บนต้นไม้ในตอนที่นกทำงานเกือบเสร็จแล้วทันใดนั้นเองก็เกิดพายุลมพัดกระหน่ำและทำให้รังของมันปลิวว่อนไปในอากาศนกครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเปลี่ยนสถานที่ทำรังตอนนี้นกตัวนั้นได้สร้างรังในที่ที่ถึงแม้พายุจะเกิดขึ้นอีกก็ไม่สามารถพัดเอารังของมันไปได้อีกต่อไปนกได้สร้างรังในที่ๆไม่เหมาะสมกว่าก่อนหน้านี้ดังนั้นนกตัวนั้นหลังจากที่มันได้เรียนรู้บทเรียนจากความล้มเหลวแล้วทำให้มันกลับได้ที่ๆเหมาะสมตอนนี้นกได้ทำรังอย่างเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว ตราบใดที่เราเรียนรู้จากความผิดพลาดของเราแล้วนั้นเราจะประสบความสำเร็จได้เสมอ วันใดที่เราหยุดเรียนรู้จากความล้มเหลวโอกาสสำเร็จก็ลดลงตามไปด้วย ดังนั้นจงเรียนรู้จากความล้มเหลวของตัวคุณเองอยู่เสมอวิเคราะห์สิ่งนี้ทำไมคุณจึงล้มเหลวเขียนมันลงบนเศษกระดาษให้ค
บทที่ 19 จงอย่ายอมแพ้ คุณรู้ไหมว่าคนส่วนใหญ่ในโลกนี้ยอมแพ้เมื่อพวกเขาเข้าใกล้จุดหมายผมจะให้เป็นตัวอย่างสักหนึ่งเรื่อง – เมื่อมีใครคนหนึ่งบอกคนๆหนึ่งว่ามีสมบัติล้ำค่ามากมายฝังอยู่ใต้ดินใกล้กับต้นสะเดาคุณสามารถขุดสมบัติอันล้ำค่านั้นจากตรงนั้นแล้วเอามันไปใช้ได้ใครคนนั้นมีความสุขมากที่เขาจะได้สมบัติอันล้ำค่านั่นเขาไปที่ต้นสะเดาเพื่อที่จะลงมือขุดและใครคนนั้นขุดลงไปใต้ดินได้ 5 ฟุตแต่เขายังไม่เจอสมบัติล้ำค่าตรงนั้นแต่แล้วเขาก็ยอมรับในความพ่ายแพ้ระหว่างทางเขาได้ไปต่อว่าคนที่บอกเขาเรื่องสมบัติแก่เขาคนที่เขาคิดว่าทำให้เขาถูกทำให้ดูเหมือนคนโง่ แล้วก็มีใครบางคนกำลังซ่อนตัวและแอบดูสถาณการณ์ทั้งหมดอยู่เมื่อชายคนแรกละทิ้งจากตรงนั้นชายคนที่สองก็ลงมือขุดลงไปในจุดเดียวกันทันทีใครอีกคนหนึ่งนั้นขุดหลุมลึกลงไปประมาณหนึ่งฟุตใต้พื้นดินและนำกล่องสมบัตินั้นไปชายคนที่สองนั้นได้เอาสมบัติไปแล้วจากไปพร้อมเสียงหัวเราะในความโง่เขลาเบาปัญญาของชายคนแรก ดังนั้นจงจำให้ขึ้นใจเสมอว่าคุณไม่ควรล้มเลิกคุณจะไม่ได้อะไรเลยหากว่าคุณยอมแพ้มันถ้าคุณพยายามฝ่าฟันขึ้นมากกว่านั้นอีกเพียงเล็กน้อยคุณจะประสบความ
บทที่ 21 วิธีการสนทนากับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณรู้หรือไม่ว่าความสำเร็จหรือความล้มเหลวของคุณขึ้นอยู่กับวิธีการพูดของคุณผมจะให้เป็นตัวอย่างสักหนึ่งเรื่อง – นักธุรกิจคนหนึ่งไปประชุมเกี่ยวกับธุรกิจของเขาเมื่อนักธุรกิจไปถึงห้องประชุมทุกคนต่างก็พูดคุยกันแต่นักธุรกิจคนนั้นนั่งเงียบๆที่เก้าอี้ของเขาเขาไม่ได้พูดคุยกับใครทั้งนั้น หลังจากนั้นสักพักการประชุมจึงเริ่มขึ้นทุกคนให้ข้อเสนอแนะในที่ประชุมแต่นักธุรกิจคนนั้นก็ยืนขึ้นในที่ของเขาและยืนกรานในข้อเสนอแนะของเขาเป็นวิธีการเสนอแนะที่แย่มากเขาปฏิเสธคำแนะนำของคนอื่นที่ได้ให้คำแนะนำ หลังจากนี้ทุกคนก็รู้สึกหงุดหงิดกับนักธุรกิจคนนั้นไม่มีใครฟังคำแนะนำของนักธุรกิจคนนั้นเลยตอนนี้ไม่มีใครต้องการทำธุรกิจกับนักธุรกิจคนนั้นนี่คือสาเหตุที่นักธุรกิจคนนั้นเริ่มต้นความล้มเหลวเสียแล้วในตอนนี้สภาพของเขาค่อยๆแย่ลง ในตัวอย่างนี้นักธุรกิจคนนั้นทำผิดพลาด – วิธีการพูดคุยกับผู้อื่นของเขานั้นต่ำกว่ามาตรฐาน ดังนั้นจึงเป็นที่ชัดเจนว่าวิธีการพูดของคุณตัดสินความสำเร็จและความล้มเหลวของคุณได้ ทีนี้ก็เกิดคำถามว่าควรมีวิธีคุยกับคนอื
บทที่ 1 จุดเริ่มต้นของชีวิต-ความปรารถนา ความปรารถนาของเราเป็นพื้นฐานของชีวิตทั้งหมดของเราการกระทำของเราคือการตัดสินใจบนพื้นของความปรารถนาของเรา ไม่ใช่ความจริงหรอกหรือ ให้ผมแสดงตัวอย่างสักเรื่อง–ถ้าฉันต้องการได้คะแนนสูงสุดในชั้นเรียนฉันจะทำอย่างไรฉันจะเรียนให้มากกว่านั้นอย่างแน่นอน จึงเป็นที่ชัดเจนว่าการกระทำของเราเป็นไปตามความปรารถนาของเรา แต่มันยังไม่ชัดเจนว่าความปรารถนานั้นเป็นพื้นฐานของชีวิตทั้งชีวิตลองนึกภาพต้นไม้เล็กๆที่กำลังเหี่ยวเฉาดูสิแต่หากคุณรดน้ำให้กับต้นไม้นั้นโดยทันทีหลังจากเวลาผ่านไปต้นไม้นั้นก็จะฟื้นตัวและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว มันเริ่มเติบโตขึ้นด้วยการที่คุณรดน้ำต้นไม้เพียงเท่านั้นหรอกหรือ "ไม่หรอก" มีความปรารถนาทในดำรงชีวิตอยู่ในพืชนั้นอยู่แล้วดังนั้นเมื่อคุณรดน้ำลงไปต้นไม้จะดูดซึมมันทันทีและเจริญเติบโตต่อไปหากต้นไม้ไม่มีความปรารถนาในการดำรงชีวิตแล้วละก็มันจะมีทางรอดชีวิตไหม เช่นนั้นมันชัดเจนแล้วว่าความปรารถนาเป็นพื้นฐานของการมีชีวิตเพราะฉะนั้นชีวิตจึงดำรงอยู่ไม่ได้หากปราศจากความปรารถนา ดังนั้นคุณแสวงหาจุดหมายปลายทางเพี
บทที่ 2 การตั้งเป้าหมาย คุณตั้งเป้าหมายของคุณแล้วหรือยังถ้าใช่–คุณก็สามารถไปสู่ขั้นต่อไปที่กล่าวถึงในหนังสือเล่มนี้ถ้าไม่– ก็จงหยุดก่อน แล้วมองไปรอบๆตัวคุณสิทุกคนทำอะไรบางอย่างลงไปก็เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของตัวเองทั้งสิ้นบางคนไปทำงานเพื่อหารายได้บางคนกำลังจะเรียนกีตาร์และบางคนกำลังฝึกร้องเพลงอยู่มนุษย์ทุกคนมีจุดประสงค์บางอย่างเสมอ สังเกตดูพ่อและแม่ของคุณสิแม่ของคุณทำอาหารสำหรับคุณจุดประสงค์ของเธอก็เพื่อจะไม่ให้เกิดความหิวโหยพ่อของคุณไปทำงานก็เพื่อตอบสนองต่อความจำเป็นของคุณพวกเขาทั้งสองคนทำงานเพื่อที่พวกเขาและคุณจะได้มีความสุขพวกเขามีวัตถุประสงค์ในการทำงาน พวกเขาจะทำงานหรือไม่หากพวกเขาไม่มีเป้าหมาย –"ไม่หรอก" ดังนั้นเข้าใจสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดว่าไม่มีงานใดสำเร็จได้โดยปราศจากวัตถุประสงค์ดังนั้นคุณต้องสร้างเป้าหมายให้ชัดเจนในตอนนี้ คุณจะตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนได้อย่างไร ให้ผมช่วยคุณนะบอกผมสักหน่อยเกี่ยวกับงานที่คุณมีความสุขหลังจากที่ได้ทำมันไปแล้ว ต้องขอโทษด้วยโปรดอย่าบอกผมเกี่ยวกับคุณสมบัติของคุณนะผมไม่อยากทราบมัน ให้ผมยกตัวอย่างให้คุณฟังสักเร
บทที่ 5 การมุ่งความสนใจ จงคิดเกี่ยวกับการบรรลุเป้าหมายที่คุณตั้งไว้เท่านั้นหากคุณมุ่งความสนใจไปมากกว่าหนึ่งเป้าหมายพร้อมกันโอกาสในการประสบความสำเร็จของคุณก็น้อยมาก เมื่อคุณตั้งเป้าหมายเพียงเป้าหมายเดียวสมองของคุณจะพยายามบรรลุเป้าหมายนั้นในทุกวิถีทางในสภาวะนี้ดวงจิตของคุณจะมุ่งความสนใจเพียงเป้าหมายเดียวเท่านั้น ตอนนี้ให้จินตนาการว่าคุณกำลังยืนอยู่บนเรือที่กำลังลอยน้ำอยู่คุณเห็นหมู่เกาะสองแห่งในเวลาเดียวกันใครบางคนบอกคุณว่าบนเกาะแห่งหนึ่งมีกล่องที่เต็มไปด้วยทองกับอีกเกาะหนึ่งที่มีเงินมากมายอยู่ในกล่องดังนั้นคุณจะทำอย่างไรต่อไป คุณจะเอากล่องเหล่านั้นมาพร้อมกันจากทั้งสองเกาะงั้นหรือ "ไม่ได้สิ" คุณจะเอากล่องแรกและจากนั้นจึงไปเอากล่องที่สอง นั่นคือคุณไม่สามารถบรรลุเป้าหมายสองอย่างพร้อมกันได้อันดับแรกคุณต้องทำเป้าหมายหนึ่งให้สำเร็จเสียก่อนจึงไปทำอีกเป้าหมายหนึ่งให้สำเร็จต่อจากนั้น ดังนั้นจงตั้งเป้าหมายทีละหนึ่งอย่างมุ่งความสนใจไปที่เป้าหมายเดียวในแต่ละครั้ง หากคุณต้องการประสบความสำเร็จคุณต้องมุ่งมั่น มีวิธีใดบ้างที่คุณจะสามารถเพิ่มการจดจ่อ/ กา
บทที่ 6 อำนาจแห่งจิต หากปราศจากอำนาจแห่งจิตก็ไม่มีงานใดสำเร็จได้คนที่มีอำนาจแห่งจิตที่มากกว่าในการทำงานโอกาสที่บุคคลนั้นจะประสบความสำเร็จในการทำงานนั้นก็มากยิ่งขึ้น แต่ทำไมอำนาจแห่งจิตถึงมีความสำคัญมากนัก ให้ผมยกตัวอย่างให้คุณฟังสักเรื่องหนึ่งเพื่อนเอ๋ย! คุณเคยเห็นมดตัวเล็กๆแบกเมล็ดข้าวสาลีที่ใหญ่กว่าขนาดตัวของมันหลายเท่าหรือไม่มดตัวเล็กๆนั้นจะแบกสิ่งที่ใหญ่กว่าน้ำหนักของมันได้อย่างไรกัน นี่คือพลังแห่งจิตตานุภาพหากคุณเข้าใจถึงสิ่งนี้คุณก็สามารถทำงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้อย่างง่ายดาย พลังใจ = พลัง + ความตั้งใจ ซึ่งหมายความว่าคุณมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จโดยพิจารณาจากความปรารถนาที่แข็งแกร่งที่มีอยู่ในตัวคุณ แต่คุณจะเพิ่มพลังจิตตานุภาพได้อย่างไร มันเป็นเรื่องทีง่ายมาก – อะไรก็แล้วแต่ที่คุณต้องการได้รับเสริมกำลังความปรารถนานั้นให้มากยิ่งขึ้น เชื่อผมสิเพื่อนเอ๋ย! คุณสามารถทำสิ่งนี้ได้
บทที่ 21 วิธีการสนทนากับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณรู้หรือไม่ว่าความสำเร็จหรือความล้มเหลวของคุณขึ้นอยู่กับวิธีการพูดของคุณผมจะให้เป็นตัวอย่างสักหนึ่งเรื่อง – นักธุรกิจคนหนึ่งไปประชุมเกี่ยวกับธุรกิจของเขาเมื่อนักธุรกิจไปถึงห้องประชุมทุกคนต่างก็พูดคุยกันแต่นักธุรกิจคนนั้นนั่งเงียบๆที่เก้าอี้ของเขาเขาไม่ได้พูดคุยกับใครทั้งนั้น หลังจากนั้นสักพักการประชุมจึงเริ่มขึ้นทุกคนให้ข้อเสนอแนะในที่ประชุมแต่นักธุรกิจคนนั้นก็ยืนขึ้นในที่ของเขาและยืนกรานในข้อเสนอแนะของเขาเป็นวิธีการเสนอแนะที่แย่มากเขาปฏิเสธคำแนะนำของคนอื่นที่ได้ให้คำแนะนำ หลังจากนี้ทุกคนก็รู้สึกหงุดหงิดกับนักธุรกิจคนนั้นไม่มีใครฟังคำแนะนำของนักธุรกิจคนนั้นเลยตอนนี้ไม่มีใครต้องการทำธุรกิจกับนักธุรกิจคนนั้นนี่คือสาเหตุที่นักธุรกิจคนนั้นเริ่มต้นความล้มเหลวเสียแล้วในตอนนี้สภาพของเขาค่อยๆแย่ลง ในตัวอย่างนี้นักธุรกิจคนนั้นทำผิดพลาด – วิธีการพูดคุยกับผู้อื่นของเขานั้นต่ำกว่ามาตรฐาน ดังนั้นจึงเป็นที่ชัดเจนว่าวิธีการพูดของคุณตัดสินความสำเร็จและความล้มเหลวของคุณได้ ทีนี้ก็เกิดคำถามว่าควรมีวิธีคุยกับคนอื
บทที่ 19 จงอย่ายอมแพ้ คุณรู้ไหมว่าคนส่วนใหญ่ในโลกนี้ยอมแพ้เมื่อพวกเขาเข้าใกล้จุดหมายผมจะให้เป็นตัวอย่างสักหนึ่งเรื่อง – เมื่อมีใครคนหนึ่งบอกคนๆหนึ่งว่ามีสมบัติล้ำค่ามากมายฝังอยู่ใต้ดินใกล้กับต้นสะเดาคุณสามารถขุดสมบัติอันล้ำค่านั้นจากตรงนั้นแล้วเอามันไปใช้ได้ใครคนนั้นมีความสุขมากที่เขาจะได้สมบัติอันล้ำค่านั่นเขาไปที่ต้นสะเดาเพื่อที่จะลงมือขุดและใครคนนั้นขุดลงไปใต้ดินได้ 5 ฟุตแต่เขายังไม่เจอสมบัติล้ำค่าตรงนั้นแต่แล้วเขาก็ยอมรับในความพ่ายแพ้ระหว่างทางเขาได้ไปต่อว่าคนที่บอกเขาเรื่องสมบัติแก่เขาคนที่เขาคิดว่าทำให้เขาถูกทำให้ดูเหมือนคนโง่ แล้วก็มีใครบางคนกำลังซ่อนตัวและแอบดูสถาณการณ์ทั้งหมดอยู่เมื่อชายคนแรกละทิ้งจากตรงนั้นชายคนที่สองก็ลงมือขุดลงไปในจุดเดียวกันทันทีใครอีกคนหนึ่งนั้นขุดหลุมลึกลงไปประมาณหนึ่งฟุตใต้พื้นดินและนำกล่องสมบัตินั้นไปชายคนที่สองนั้นได้เอาสมบัติไปแล้วจากไปพร้อมเสียงหัวเราะในความโง่เขลาเบาปัญญาของชายคนแรก ดังนั้นจงจำให้ขึ้นใจเสมอว่าคุณไม่ควรล้มเลิกคุณจะไม่ได้อะไรเลยหากว่าคุณยอมแพ้มันถ้าคุณพยายามฝ่าฟันขึ้นมากกว่านั้นอีกเพียงเล็กน้อยคุณจะประสบความ
บทที่ 16 บทเรียนจากความล้มเหลว คุณเคยล้มเหลวในชีวิตของคุณบ้างไหม "ใช่" และแน่นอนที่สุด คุณเคยเรียนรู้จากความล้มเหลวของคุณหรือไม่ "ใช่" และแน่นอนที่สุด อะไรก็ตามที่คุณเป็นในวันนี้คือสิ่งที่คุณเรียนรู้จากความผิดพลาด กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีนกตัวหนึ่งสร้างรังอยู่บนต้นไม้ในตอนที่นกทำงานเกือบเสร็จแล้วทันใดนั้นเองก็เกิดพายุลมพัดกระหน่ำและทำให้รังของมันปลิวว่อนไปในอากาศนกครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเปลี่ยนสถานที่ทำรังตอนนี้นกตัวนั้นได้สร้างรังในที่ที่ถึงแม้พายุจะเกิดขึ้นอีกก็ไม่สามารถพัดเอารังของมันไปได้อีกต่อไปนกได้สร้างรังในที่ๆไม่เหมาะสมกว่าก่อนหน้านี้ดังนั้นนกตัวนั้นหลังจากที่มันได้เรียนรู้บทเรียนจากความล้มเหลวแล้วทำให้มันกลับได้ที่ๆเหมาะสมตอนนี้นกได้ทำรังอย่างเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว ตราบใดที่เราเรียนรู้จากความผิดพลาดของเราแล้วนั้นเราจะประสบความสำเร็จได้เสมอ วันใดที่เราหยุดเรียนรู้จากความล้มเหลวโอกาสสำเร็จก็ลดลงตามไปด้วย ดังนั้นจงเรียนรู้จากความล้มเหลวของตัวคุณเองอยู่เสมอวิเคราะห์สิ่งนี้ทำไมคุณจึงล้มเหลวเขียนมันลงบนเศษกระดาษให้ค
บทที่ 13 ทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้เพื่อบรรลุเป้าหมาย คุณควรจะทำตัวให้ยุ่งอยู่เสมอเพื่อบรรลุเป้าหมาย จะเกิดอะไรขึ้นหากคุณทำเช่นนี้ ถ้าคุณทำให้ตัวเองให้ยุ่งแล้วความคิดด้านลบจะไม่เกิดขึ้นภายในจิตใจของคุณเลย ให้ผมอธิบายตัวอย่างให้คุณอีกสักเรื่องถ้าคุณสอบผ่านด้วยคะแนนสูงสุดในชั้นเรียนแต่คุณไม่ได้เรียนเป็นเวลาหนึ่งวันจะเกิดอะไรขึ้นเวลานั้นคุณจะคิดแว็บขึ้นมาว่าคุณควรจะดูหนังบางครั้งคุณอาจจะคิดว่าคุณควรออกไปสนุกกับเพื่อนคุณยังสามารถวางแผนออกไปสังสรรค์ที่ไหนสักแห่ง บอกฉันสักเรื่องหนึ่งสิคิดว่าทั้งหมดนี้คุณจะบรรลุเป้าหมายหรือไม่ ไม่สิ | ถ้าคุณเป็นนักศึกษาและต้องการที่จะบรรลุเป้าหมายของคุณดังนั้นคุณก็ควรสนใจแต่สิ่งนั้น เรื่องการเรียนเท่านั้นความคิดที่ไร้สาระจะพาคุณออกห่างจากจุดมุ่งหมาย ดังนั้นถ้าคุณต้องการจะอยู่ให้ห่างจากความคิดที่ไร้ค่าเหล่านี้จงทำให้ตัวเองยุ่งอยู่แต่กับเป้าหมายยิ่งความคิดเหล่านี้เข้ามาในหัวคุณน้อยลงเท่าไหร่โอกาสที่คุณจะประสบความสำเร็จก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
บทที่ 12 ความผิดพลาดและการเรียนรู้ ให้ผมยกตัวอย่างให้สักหนึ่งเรื่อง – กาลครั้งหนึ่งมีรถบัสวิ่งมาชนรถจักรยานจากด้านหลังคนขี่จักรยานหยุดอยู่บนถนนเนื่องจากการจราจรติดขัดเนื่องจากรถบัสวิ่งมาด้วยความเร็วสูงคนขับรถบัสต้องใช้เวลาในการควบคุมรถเนื่องจากอุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้คนขี่รถจักรยานได้รับบาดเจ็บและคนขับรถบัสได้จอดรถอย่างรวดเร็วและเริ่มมีปากเสียงกับชายคนขี่จักรยานที่ได้รับบาดเจ็บ ปัญหาสำหรับคนส่วนใหญ่ในโลกใบนี้คือแม้ว่าหลังจากได้ทำสิ่งผิดพลาดลงไปแล้วพวกเขาก็ไม่ยอมรับความผิดพลาดของตัวเองแม้ว่ามีคนบอกว่าเห็นได้ชัดว่านั่นมันเป็นความผิดของเขาภูเขาแห่งความโชคร้ายแตกสลายลงบนคำพูดของคนคุณมีคนแบบนี้อยู่รอบตัวคุณหรือไม่ ใช่แน่นอน แต่คนพวกนี้จะไม่มีทางประสบความสำเร็จทำไมน่ะเหรอ เพราะคนที่ไม่เชื่อในความผิดพลาดของตัวเองคนเหล่านั้นจะไม่มีวัน แก้ไขข้อผิดพลาดนั้นได้ตราบใดที่คนนั้นไม่ยอมแก้ไขในข้อผิดพลาดของตนไม่มีทางจะเป็นไปได้เลยที่เขาจะพัฒนาตัวเองได้ อีกมุมหนึ่งคนที่ยอมรับในความผิดพลาดของตัวเองจะแก้ไขข้อผิดพลาดของเขาบุคคลผู้นั้นย่อมพัฒนาตัวเ
บทที่ 10 ความกังวลเกี่ยวกับอดีตและอนาคต บ่อยครั้งที่คุณมักจะกังวลเกี่ยวกับอดีตของคุณใช่ไหมคุณมักจะห่วงเรื่องอนาคตของคุณเสมอใช่หรือไหม ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับคุณก่อนอื่นจะต้องหยุดมันเมื่อใดที่คุณกำลังคิดถึงอดีตหรืออนาคตทั้งความคิดที่ดีและไม่ดีก็ตามมันจะอยู่ในตัวคุณตลอดเวลาถ้าคุณยังไม่หยุดสิ่งเหล่านี้เวลาในปัจจุบันของคุณจะถูกทำลายลงไปถ้าเวลาปัจจุบันของคุณหายไปคุณจะไปไม่ถึงเป้าหมายได้เลย ถ้าไม่หยุดความคิดเหล่านี้ไว้ในไม่ช้าความคิดเหล่านี้จะกลายเป็นนิสัยของคุณและเมื่อมันกลายเป็นนิสัยแล้วมันจะเป็นเรื่องยากที่จะหยุดมัน หากคุณต้องการประสบความสำเร็จคุณต้องหันเหความสนใจจากความคิดในอดีตและอนาคตโดยทันที คุณจะทำเช่นนี้ได้อย่างไร ก็ด้วยการจดจ่ออยู่กับเป้าหมายในปัจจุบันยังไงเล่ายิ่งเวลาคุณอยู่กับปัจจุบันมากกว่านั้นคุณจะอยู่ห่างจากความคิดของอดีตและในอนาคต หากคุณมีอนาคตที่เฝ้ารอมานานแสนนานจงทำตัวเองให้ยุ่งอยู่กับปัจจุบันไม่ใช่นั่งโดดเดี่ยวเพียงลำพังให้พูดคุยกับผู้คนรอบข้างคุณบ้างออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆไปดูหนังกับเพื่อนๆ บ้าง ผมจะพูดง่ายๆก็คือทำตัวให้ยุ่งอยู่ตล
ตอนนี้คุณรู้แล้วว่าทำไมความคิดที่รบกวนจิตใจถึงได้เข้ามาสู่โลกภายในของคุณได้ถ้าคุณต้องการกำจัดความคิดฟุ้งซ่านเหล่านี้คุณต้องปล่อยวางจากมัน คุณไม่จำเป็นต้องยับยั้งมันแต่ในระดับที่ต่ำที่สุดคุณจะต้องปล่อยวางจากสิ่งเหล่านี้ให้ได้ดังนั้นความคิดที่ไร้ประโยชน์จะไม่เข้าใกล้คุณได้เลย
บทที่ 7 การจัดสรรภารกิจประจำวัน คุณทำงานสำคัญในระหว่างวันได้เมื่อใดเช้านี้คุณทำไหมคุณทำระหว่างวันหรือไม่ทำมันได้ในช่วงตอนเย็นๆหรือไม่ บอกผมสิว่า ช่วงเวลาใดที่คุณกระฉับกระเฉงที่สุดในตลอดทั้งวันนี้ เมื่อคุณตื่นขึ้นจากการนอนนั่นคือในช่วงเช้า ดังนั้นคุณควรทำงานที่สำคัญทั้งหมดของคุณในตอนเช้าในตอนเช้าสมองของคุณจะตื่นตัวมากณเวลานี้อะไรก็ตามที่คุณต้องการที่จะเรียนรู้คุณสามารถเรียนรู้ได้อย่างง่ายดาย เมื่่อคุณตื่นขึ้นมาจากการนอนแล้วรู้สึกสดชื่นนั่นแหละในเวลานี้ความคิดที่ไร้สาระจะไม่ได้อยู่ในใจคุณอีกแล้วดังนั้นให้เลือกเวลานี้เพื่อทำงานที่สำคัญที่สุดของคุณ แบ่งงานของคุณออกเป็น 3 ส่วนในแต่ละวัน– (1). งานที่สำคัญที่สุด (2). งานบางอย่างที่สำคัญรองลงมา (3). งานที่สำคัญน้อยลงมา (4). บทบาทด้านความบันเทิง (1). ทำงานที่สำคัญที่สุดในช่วงแรกของวันในเวลานี้อย่าคิดอะไรทั้งสิ้นมีแต่งานเท่านั้น (2). หลังจากเสร็จงานที่สำคัญที่สุดแล้วพักสักครู่เติมพลังให้ใจของคุณตอนนี้ทำงานที่สำคัญน้อยรองลงมา ถ้ามันเสร็จสมบูรณ์แล้วคุณจะต้องพักสักครู่หากคุณต้องการ
บทที่ 6 อำนาจแห่งจิต หากปราศจากอำนาจแห่งจิตก็ไม่มีงานใดสำเร็จได้คนที่มีอำนาจแห่งจิตที่มากกว่าในการทำงานโอกาสที่บุคคลนั้นจะประสบความสำเร็จในการทำงานนั้นก็มากยิ่งขึ้น แต่ทำไมอำนาจแห่งจิตถึงมีความสำคัญมากนัก ให้ผมยกตัวอย่างให้คุณฟังสักเรื่องหนึ่งเพื่อนเอ๋ย! คุณเคยเห็นมดตัวเล็กๆแบกเมล็ดข้าวสาลีที่ใหญ่กว่าขนาดตัวของมันหลายเท่าหรือไม่มดตัวเล็กๆนั้นจะแบกสิ่งที่ใหญ่กว่าน้ำหนักของมันได้อย่างไรกัน นี่คือพลังแห่งจิตตานุภาพหากคุณเข้าใจถึงสิ่งนี้คุณก็สามารถทำงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้อย่างง่ายดาย พลังใจ = พลัง + ความตั้งใจ ซึ่งหมายความว่าคุณมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จโดยพิจารณาจากความปรารถนาที่แข็งแกร่งที่มีอยู่ในตัวคุณ แต่คุณจะเพิ่มพลังจิตตานุภาพได้อย่างไร มันเป็นเรื่องทีง่ายมาก – อะไรก็แล้วแต่ที่คุณต้องการได้รับเสริมกำลังความปรารถนานั้นให้มากยิ่งขึ้น เชื่อผมสิเพื่อนเอ๋ย! คุณสามารถทำสิ่งนี้ได้