Share

บทที่2

Author: Ashok Kumawat
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
บทที่ 2

การตั้งเป้าหมาย

คุณตั้งเป้าหมายของคุณแล้วหรือยังถ้าใช่–คุณก็สามารถไปสู่ขั้นต่อไปที่กล่าวถึงในหนังสือเล่มนี้ถ้าไม่– ก็จงหยุดก่อน

แล้วมองไปรอบๆตัวคุณสิทุกคนทำอะไรบางอย่างลงไปก็เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของตัวเองทั้งสิ้นบางคนไปทำงานเพื่อหารายได้บางคนกำลังจะเรียนกีตาร์และบางคนกำลังฝึกร้องเพลงอยู่มนุษย์ทุกคนมีจุดประสงค์บางอย่างเสมอ

สังเกตดูพ่อและแม่ของคุณสิแม่ของคุณทำอาหารสำหรับคุณจุดประสงค์ของเธอก็เพื่อจะไม่ให้เกิดความหิวโหยพ่อของคุณไปทำงานก็เพื่อตอบสนองต่อความจำเป็นของคุณพวกเขาทั้งสองคนทำงานเพื่อที่พวกเขาและคุณจะได้มีความสุขพวกเขามีวัตถุประสงค์ในการทำงาน

พวกเขาจะทำงานหรือไม่หากพวกเขาไม่มีเป้าหมาย –"ไม่หรอก"

ดังนั้นเข้าใจสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดว่าไม่มีงานใดสำเร็จได้โดยปราศจากวัตถุประสงค์ดังนั้นคุณต้องสร้างเป้าหมายให้ชัดเจนในตอนนี้

คุณจะตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนได้อย่างไร

ให้ผมช่วยคุณนะบอกผมสักหน่อยเกี่ยวกับงานที่คุณมีความสุขหลังจากที่ได้ทำมันไปแล้ว

ต้องขอโทษด้วยโปรดอย่าบอกผมเกี่ยวกับคุณสมบัติของคุณนะผมไม่อยากทราบมัน

ให้ผมยกตัวอย่างให้คุณฟังสักเรื่องหนึ่ง

คุณโปรดปรานการร้องเพลงหรือไม่หรือคุณชอบเล่นกีตาร์บ้างไหมหรือคุณโปรดปรานอาหารใช่ไหมหรือคุณชอบดูวิดีโอหรือไม่หรือคุณชอบดูหนังกันบ้างหรือเปล่า

มันก็เป็นไปได้เช่นเดียวกันหากว่าคุณชอบทำงานอย่างอื่นคุณควรรักษาความรู้สึกนี้ไว้ในใจ

งานอะไรก็ตามที่คุณชอบที่ได้ทำคุณควรทำให้มันเป็นเป้าหมายของคุณ

เดี๋ยวรอก่อนคุณอาจจะบอกผมว่าทุกคนก็ชอบร้องเพลงกันทั้งนั้นและการดูวิดีโอมันก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนควรจะได้เป็นนักร้อง (หรืออะไรทำนองนั้น) และคุณกำลังคิดว่าฉันไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นนักร้องหรอก

ผมอยากจะบอกอะไรคุณสักอย่างให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า –

มันอาจเป็นเรื่องยากสักหน่อยที่จะประสบความสำเร็จในการทำงานที่ทุกๆคนชื่นชอบโดยทำให้มันบรรลุเป้าหมายได้แต่ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้นี่เพียงคุณจะต้องมีการแข่งขันในสนามแข่งที่ใหญ่มากแต่ถ้าคุณได้เป็นนักร้องและเพลงของคุณเข้าถึงผู้คนจำนวนมากได้ – สิ่งนี้จะบรรลุวัตถุประสงค์สองประการของคุณคือ –

(1) คุณจะได้รับเงินจำนวนมากและ

(2) คุณยังจะได้รับชื่อเสียงอีกด้วย

หากคุณนึกถึงเรื่องคุณสมบัติคุณก็สามารถบรรลุเป้าหมายได้แม้ว่าเป้าหมายจะตั้งขึ้นหลังจากนั้นก็ตาม

คุณบอกผมว่า "ฉันโปรดปรานในการกิน"

ดังนั้นจงสร้างผลิตภัณฑ์ที่คุณชอบมากๆขึ้นมาแล้วเปิดบริษัทที่คุณจะได้นำเสนอมันไปทั่วทุกมุมโลก

ถ้าคุณเลือกเป้าหมายที่สอดคล้องกับความสนใจของคุณแล้วคุณจะมีความสุขในขณะที่ทำงาน

คุณยังไม่ได้ตั้งเป้าหมายของคุณใช่ไหม

หากคุณไม่สามารถตั้งเป้าหมายให้สอดคล้องกับตัวเลือกของคุณได้ให้ผมหาคุณสมบัติของคุณในตอนนี้เลย

อืมมม …

คุณสมบัติของคุณก็เป็นเรื่องที่ดีแต่มันเป็นเวลาของการแข่งขันให้ผมคิดสักหน่อย…

ถ้าคุณจะต้องตั้งเป้าหมายบนพื้นฐานของคุณสมบัติของคุณแล้วให้นึกถึงสิ่งเหล่านี้ –

(1). ก่อนอื่นสำรวจดูว่าอะไรคือโอกาสขั้นพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติของคุณ

คุณจะทำอย่างไร – ความสามารถในการใช้อินเทอร์เน็ตได้

ตอนนี้เขียนมันลงไปบนกระดาษ

(2). ตอนนี้เขียนลงในกระดาษแผ่นเดียวกันถึงจำนวนเงินที่คุณต้องการได้รับต่อเดือน แล้วทำให้คุณมีความสุขมันอาจจะเป็น 1,000 ดอลลาร์อาจเป็น 2,000 ดอลลาร์หรือมากกว่านี้อีกสักหน่อย – 10,000 ดอลลาร์เลยไหมคุณจะต้องเขียนมันให้ชัดเจน

(3). ตอนนี้มุ่งมั่นค้นหาโอกาสให้สอดคล้องตามจำนวนเงินที่คุณต้องการ

(4). คุณมีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้วใช่หรือไม่ถ้าใช่ – ให้พยายามบรรลุเป้าหมายเดียวกันนั้น

(5). "ถ้าไม่ใช่"– จงสร้างโอกาสใหม่ให้สอดคล้องตามจำนวนเงินที่คุณปรารถนาถ้าความปรารถนาโดยรวมทั้งหมดของคุณมันใหญ่มากดังนั้นคุณต้องสร้างโอกาสใหม่ๆและคุณต้องกระจายงานด้านอื่นๆให้กับผู้อื่นได้ช่วยคุณทำด้วย

บทที่ 3

การลงมือทำ

บ่อยครั้งที่ผู้คนมักตั้งเป้าหมายแต่ไม่ลงมือทำตามเป้าหมายแล้วก็ล้มเหลว

ให้ผมอธิบายสักหน่อย "นักศึกษาคนหนึ่งจะเป็นผู้ที่มีคะแนนสูงสุดได้" – นั่นคือสิ่งที่กำหนดเป้าหมายเป้าหมายของนักศึกษาคนนั้นชัดเจนแต่เขาจะกลายเป็นผู้ที่มีคะแนนสูงสุดได้อย่างไร

นักศึกษาคนนั้นจะไม่มีวันกลายเป็นผู้ที่มีคะแนนสูงสุดได้หากว่าเขา/เธอไม่ดำเนินการตามเป้าหมายของเขา/เธอเว้นเสียแต่ว่าเขา/เธอได้ศึกษาหาความรู้

เป้าหมายของนักศึกษาจำนวนมากก็คือต้องการกลายมาเป็นบุคคลที่มีคะแนนสูงสุดแต่มีนักศึกษาเพียงไม่กี่คนที่สามารถทำได้ – เพราะว่าพวกเขาดำเนินการสอดคล้องกับเป้าหมายของพวกเขา

ดังนั้นจึงพิสูจน์ได้ว่าหากการกระทำไม่สัมพันธ์กับความปรารถนาแล้วล่ะก็ความสำเร็จก็จะไม่บังเกิดขึ้น

คุณต้องลงมือทำเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของคุณเองตัวอย่างเช่นถ้าคุณกำลังหิวมันไม่สามารถบรรเทาได้ด้วยการดื่มน้ำคุณต้องกินเพื่อบรรเทาความหิว

นั่นคืออะไรก็ตามที่คุณต้องการคุณจะต้องลงมือกระทำ

อืม …

คุณกำลังบอกผมว่าคุณได้ลงมือทำไปแล้วแต่ผลลัพธ์ไม่ได้ตามที่คุณคาดหวังหลายคนแซงหน้าคุณไปแล้ว

ผมมีคำตอบสำหรับคุณ

บทที่ 4

การทำงานอย่างเต็มกำลัง

เป้าหมายที่คุณต้องตั้งไว้สำหรับตัวเองเป้าหมายเดียวกันที่ใครหลายคนต้องตั้งไว้สำหรับตัวเองแต่เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่บรรลุเป้าหมายอะไรคือเหตุผลสำหรับเรื่องนี้ถ้าให้ผมตอบเพียงคำเดียวนั่นคือ – "ทำงานอย่างเต็มกำลัง"

ยิ่งคนทำงานหนักมากเท่าไหร่โอกาสแห่งความสำเร็จก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

เพื่อนเอ๋ย! หลายคนไปทำงานที่โรงงานในตอนเช้าและกลับมาในตอนเย็นหลายคนทำงานราวกับกรรมกรเพื่อสร้างบ้านสักหลัง

พวกเขาทุกคนต้องทำงานหนักขนาดนั้นเลยหรือ

คุณกำลังจะพูดว่า – แน่นอนว่าคนพวกนั้นได้ทำงานอย่างหนัก

ดังนั้นมันหมายความว่ายังไงทำไมคนที่ทำงานหนักถึงมีเงินไม่มากมายล่ะ

เพื่อนเอ๋ย! คุณจะทำงานหนักเพื่อปลูกต้นสะเดาและหวังว่าถ้าคุณได้ผลแอปเปิ้ลจากต้นนั้นมันจะเกิดขึ้นไหมเล่า

"ไม่สิ"

เพราะคุณต้องทำงานหนักเพื่อปลูกต้นสะเดาดังนั้นคุณจะเอาผลิตผลเป็นสะเดาไม่ใช่ลูกแอปเปิ้ล

ดังนั้นมันชัดเจนว่าการทำงานหนักแต่ทำอย่างมีทิศทางที่ถูกต้องคุณควรทำงานหนักเพื่อบรรลุเป้าหมายเท่านั้น

Related chapters

  • จุดเปลี่ยน   บทที่3

    บทที่ 5 การมุ่งความสนใจ   จงคิดเกี่ยวกับการบรรลุเป้าหมายที่คุณตั้งไว้เท่านั้นหากคุณมุ่งความสนใจไปมากกว่าหนึ่งเป้าหมายพร้อมกันโอกาสในการประสบความสำเร็จของคุณก็น้อยมาก เมื่อคุณตั้งเป้าหมายเพียงเป้าหมายเดียวสมองของคุณจะพยายามบรรลุเป้าหมายนั้นในทุกวิถีทางในสภาวะนี้ดวงจิตของคุณจะมุ่งความสนใจเพียงเป้าหมายเดียวเท่านั้น ตอนนี้ให้จินตนาการว่าคุณกำลังยืนอยู่บนเรือที่กำลังลอยน้ำอยู่คุณเห็นหมู่เกาะสองแห่งในเวลาเดียวกันใครบางคนบอกคุณว่าบนเกาะแห่งหนึ่งมีกล่องที่เต็มไปด้วยทองกับอีกเกาะหนึ่งที่มีเงินมากมายอยู่ในกล่องดังนั้นคุณจะทำอย่างไรต่อไป คุณจะเอากล่องเหล่านั้นมาพร้อมกันจากทั้งสองเกาะงั้นหรือ "ไม่ได้สิ" คุณจะเอากล่องแรกและจากนั้นจึงไปเอากล่องที่สอง นั่นคือคุณไม่สามารถบรรลุเป้าหมายสองอย่างพร้อมกันได้อันดับแรกคุณต้องทำเป้าหมายหนึ่งให้สำเร็จเสียก่อนจึงไปทำอีกเป้าหมายหนึ่งให้สำเร็จต่อจากนั้น ดังนั้นจงตั้งเป้าหมายทีละหนึ่งอย่างมุ่งความสนใจไปที่เป้าหมายเดียวในแต่ละครั้ง หากคุณต้องการประสบความสำเร็จคุณต้องมุ่งมั่น มีวิธีใดบ้างที่คุณจะสามารถเพิ่มการจดจ่อ/ กา

  • จุดเปลี่ยน   บทที่4

    บทที่ 6 อำนาจแห่งจิต   หากปราศจากอำนาจแห่งจิตก็ไม่มีงานใดสำเร็จได้คนที่มีอำนาจแห่งจิตที่มากกว่าในการทำงานโอกาสที่บุคคลนั้นจะประสบความสำเร็จในการทำงานนั้นก็มากยิ่งขึ้น แต่ทำไมอำนาจแห่งจิตถึงมีความสำคัญมากนัก ให้ผมยกตัวอย่างให้คุณฟังสักเรื่องหนึ่งเพื่อนเอ๋ย! คุณเคยเห็นมดตัวเล็กๆแบกเมล็ดข้าวสาลีที่ใหญ่กว่าขนาดตัวของมันหลายเท่าหรือไม่มดตัวเล็กๆนั้นจะแบกสิ่งที่ใหญ่กว่าน้ำหนักของมันได้อย่างไรกัน นี่คือพลังแห่งจิตตานุภาพหากคุณเข้าใจถึงสิ่งนี้คุณก็สามารถทำงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้อย่างง่ายดาย พลังใจ = พลัง + ความตั้งใจ ซึ่งหมายความว่าคุณมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จโดยพิจารณาจากความปรารถนาที่แข็งแกร่งที่มีอยู่ในตัวคุณ แต่คุณจะเพิ่มพลังจิตตานุภาพได้อย่างไร มันเป็นเรื่องทีง่ายมาก  – อะไรก็แล้วแต่ที่คุณต้องการได้รับเสริมกำลังความปรารถนานั้นให้มากยิ่งขึ้น เชื่อผมสิเพื่อนเอ๋ย! คุณสามารถทำสิ่งนี้ได้

  • จุดเปลี่ยน   บทที่5

    บทที่ 7 การจัดสรรภารกิจประจำวัน   คุณทำงานสำคัญในระหว่างวันได้เมื่อใดเช้านี้คุณทำไหมคุณทำระหว่างวันหรือไม่ทำมันได้ในช่วงตอนเย็นๆหรือไม่ บอกผมสิว่า ช่วงเวลาใดที่คุณกระฉับกระเฉงที่สุดในตลอดทั้งวันนี้ เมื่อคุณตื่นขึ้นจากการนอนนั่นคือในช่วงเช้า ดังนั้นคุณควรทำงานที่สำคัญทั้งหมดของคุณในตอนเช้าในตอนเช้าสมองของคุณจะตื่นตัวมากณเวลานี้อะไรก็ตามที่คุณต้องการที่จะเรียนรู้คุณสามารถเรียนรู้ได้อย่างง่ายดาย เมื่่อคุณตื่นขึ้นมาจากการนอนแล้วรู้สึกสดชื่นนั่นแหละในเวลานี้ความคิดที่ไร้สาระจะไม่ได้อยู่ในใจคุณอีกแล้วดังนั้นให้เลือกเวลานี้เพื่อทำงานที่สำคัญที่สุดของคุณ แบ่งงานของคุณออกเป็น 3 ส่วนในแต่ละวัน– (1). งานที่สำคัญที่สุด (2). งานบางอย่างที่สำคัญรองลงมา (3). งานที่สำคัญน้อยลงมา (4). บทบาทด้านความบันเทิง   (1). ทำงานที่สำคัญที่สุดในช่วงแรกของวันในเวลานี้อย่าคิดอะไรทั้งสิ้นมีแต่งานเท่านั้น (2). หลังจากเสร็จงานที่สำคัญที่สุดแล้วพักสักครู่เติมพลังให้ใจของคุณตอนนี้ทำงานที่สำคัญน้อยรองลงมา ถ้ามันเสร็จสมบูรณ์แล้วคุณจะต้องพักสักครู่หากคุณต้องการ

  • จุดเปลี่ยน   บทที่6

    ตอนนี้คุณรู้แล้วว่าทำไมความคิดที่รบกวนจิตใจถึงได้เข้ามาสู่โลกภายในของคุณได้ถ้าคุณต้องการกำจัดความคิดฟุ้งซ่านเหล่านี้คุณต้องปล่อยวางจากมัน คุณไม่จำเป็นต้องยับยั้งมันแต่ในระดับที่ต่ำที่สุดคุณจะต้องปล่อยวางจากสิ่งเหล่านี้ให้ได้ดังนั้นความคิดที่ไร้ประโยชน์จะไม่เข้าใกล้คุณได้เลย

  • จุดเปลี่ยน   บทที่7

    บทที่ 10 ความกังวลเกี่ยวกับอดีตและอนาคต   บ่อยครั้งที่คุณมักจะกังวลเกี่ยวกับอดีตของคุณใช่ไหมคุณมักจะห่วงเรื่องอนาคตของคุณเสมอใช่หรือไหม ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับคุณก่อนอื่นจะต้องหยุดมันเมื่อใดที่คุณกำลังคิดถึงอดีตหรืออนาคตทั้งความคิดที่ดีและไม่ดีก็ตามมันจะอยู่ในตัวคุณตลอดเวลาถ้าคุณยังไม่หยุดสิ่งเหล่านี้เวลาในปัจจุบันของคุณจะถูกทำลายลงไปถ้าเวลาปัจจุบันของคุณหายไปคุณจะไปไม่ถึงเป้าหมายได้เลย ถ้าไม่หยุดความคิดเหล่านี้ไว้ในไม่ช้าความคิดเหล่านี้จะกลายเป็นนิสัยของคุณและเมื่อมันกลายเป็นนิสัยแล้วมันจะเป็นเรื่องยากที่จะหยุดมัน หากคุณต้องการประสบความสำเร็จคุณต้องหันเหความสนใจจากความคิดในอดีตและอนาคตโดยทันที คุณจะทำเช่นนี้ได้อย่างไร ก็ด้วยการจดจ่ออยู่กับเป้าหมายในปัจจุบันยังไงเล่ายิ่งเวลาคุณอยู่กับปัจจุบันมากกว่านั้นคุณจะอยู่ห่างจากความคิดของอดีตและในอนาคต หากคุณมีอนาคตที่เฝ้ารอมานานแสนนานจงทำตัวเองให้ยุ่งอยู่กับปัจจุบันไม่ใช่นั่งโดดเดี่ยวเพียงลำพังให้พูดคุยกับผู้คนรอบข้างคุณบ้างออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆไปดูหนังกับเพื่อนๆ บ้าง ผมจะพูดง่ายๆก็คือทำตัวให้ยุ่งอยู่ตล

  • จุดเปลี่ยน   บทที่8

    บทที่ 12 ความผิดพลาดและการเรียนรู้   ให้ผมยกตัวอย่างให้สักหนึ่งเรื่อง – กาลครั้งหนึ่งมีรถบัสวิ่งมาชนรถจักรยานจากด้านหลังคนขี่จักรยานหยุดอยู่บนถนนเนื่องจากการจราจรติดขัดเนื่องจากรถบัสวิ่งมาด้วยความเร็วสูงคนขับรถบัสต้องใช้เวลาในการควบคุมรถเนื่องจากอุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้คนขี่รถจักรยานได้รับบาดเจ็บและคนขับรถบัสได้จอดรถอย่างรวดเร็วและเริ่มมีปากเสียงกับชายคนขี่จักรยานที่ได้รับบาดเจ็บ ปัญหาสำหรับคนส่วนใหญ่ในโลกใบนี้คือแม้ว่าหลังจากได้ทำสิ่งผิดพลาดลงไปแล้วพวกเขาก็ไม่ยอมรับความผิดพลาดของตัวเองแม้ว่ามีคนบอกว่าเห็นได้ชัดว่านั่นมันเป็นความผิดของเขาภูเขาแห่งความโชคร้ายแตกสลายลงบนคำพูดของคนคุณมีคนแบบนี้อยู่รอบตัวคุณหรือไม่ ใช่แน่นอน แต่คนพวกนี้จะไม่มีทางประสบความสำเร็จทำไมน่ะเหรอ เพราะคนที่ไม่เชื่อในความผิดพลาดของตัวเองคนเหล่านั้นจะไม่มีวัน       แก้ไขข้อผิดพลาดนั้นได้ตราบใดที่คนนั้นไม่ยอมแก้ไขในข้อผิดพลาดของตนไม่มีทางจะเป็นไปได้เลยที่เขาจะพัฒนาตัวเองได้   อีกมุมหนึ่งคนที่ยอมรับในความผิดพลาดของตัวเองจะแก้ไขข้อผิดพลาดของเขาบุคคลผู้นั้นย่อมพัฒนาตัวเ

  • จุดเปลี่ยน   บทที่9

    บทที่ 13 ทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้เพื่อบรรลุเป้าหมาย   คุณควรจะทำตัวให้ยุ่งอยู่เสมอเพื่อบรรลุเป้าหมาย จะเกิดอะไรขึ้นหากคุณทำเช่นนี้ ถ้าคุณทำให้ตัวเองให้ยุ่งแล้วความคิดด้านลบจะไม่เกิดขึ้นภายในจิตใจของคุณเลย ให้ผมอธิบายตัวอย่างให้คุณอีกสักเรื่องถ้าคุณสอบผ่านด้วยคะแนนสูงสุดในชั้นเรียนแต่คุณไม่ได้เรียนเป็นเวลาหนึ่งวันจะเกิดอะไรขึ้นเวลานั้นคุณจะคิดแว็บขึ้นมาว่าคุณควรจะดูหนังบางครั้งคุณอาจจะคิดว่าคุณควรออกไปสนุกกับเพื่อนคุณยังสามารถวางแผนออกไปสังสรรค์ที่ไหนสักแห่ง บอกฉันสักเรื่องหนึ่งสิคิดว่าทั้งหมดนี้คุณจะบรรลุเป้าหมายหรือไม่ ไม่สิ | ถ้าคุณเป็นนักศึกษาและต้องการที่จะบรรลุเป้าหมายของคุณดังนั้นคุณก็ควรสนใจแต่สิ่งนั้น           เรื่องการเรียนเท่านั้นความคิดที่ไร้สาระจะพาคุณออกห่างจากจุดมุ่งหมาย ดังนั้นถ้าคุณต้องการจะอยู่ให้ห่างจากความคิดที่ไร้ค่าเหล่านี้จงทำให้ตัวเองยุ่งอยู่แต่กับเป้าหมายยิ่งความคิดเหล่านี้เข้ามาในหัวคุณน้อยลงเท่าไหร่โอกาสที่คุณจะประสบความสำเร็จก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น                

  • จุดเปลี่ยน   บทที่10

    บทที่ 16 บทเรียนจากความล้มเหลว   คุณเคยล้มเหลวในชีวิตของคุณบ้างไหม "ใช่" และแน่นอนที่สุด คุณเคยเรียนรู้จากความล้มเหลวของคุณหรือไม่ "ใช่" และแน่นอนที่สุด อะไรก็ตามที่คุณเป็นในวันนี้คือสิ่งที่คุณเรียนรู้จากความผิดพลาด กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีนกตัวหนึ่งสร้างรังอยู่บนต้นไม้ในตอนที่นกทำงานเกือบเสร็จแล้วทันใดนั้นเองก็เกิดพายุลมพัดกระหน่ำและทำให้รังของมันปลิวว่อนไปในอากาศนกครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเปลี่ยนสถานที่ทำรังตอนนี้นกตัวนั้นได้สร้างรังในที่ที่ถึงแม้พายุจะเกิดขึ้นอีกก็ไม่สามารถพัดเอารังของมันไปได้อีกต่อไปนกได้สร้างรังในที่ๆไม่เหมาะสมกว่าก่อนหน้านี้ดังนั้นนกตัวนั้นหลังจากที่มันได้เรียนรู้บทเรียนจากความล้มเหลวแล้วทำให้มันกลับได้ที่ๆเหมาะสมตอนนี้นกได้ทำรังอย่างเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว   ตราบใดที่เราเรียนรู้จากความผิดพลาดของเราแล้วนั้นเราจะประสบความสำเร็จได้เสมอ     วันใดที่เราหยุดเรียนรู้จากความล้มเหลวโอกาสสำเร็จก็ลดลงตามไปด้วย ดังนั้นจงเรียนรู้จากความล้มเหลวของตัวคุณเองอยู่เสมอวิเคราะห์สิ่งนี้ทำไมคุณจึงล้มเหลวเขียนมันลงบนเศษกระดาษให้ค

Latest chapter

  • จุดเปลี่ยน   บทที่12

    บทที่ 21 วิธีการสนทนากับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ   คุณรู้หรือไม่ว่าความสำเร็จหรือความล้มเหลวของคุณขึ้นอยู่กับวิธีการพูดของคุณผมจะให้เป็นตัวอย่างสักหนึ่งเรื่อง – นักธุรกิจคนหนึ่งไปประชุมเกี่ยวกับธุรกิจของเขาเมื่อนักธุรกิจไปถึงห้องประชุมทุกคนต่างก็พูดคุยกันแต่นักธุรกิจคนนั้นนั่งเงียบๆที่เก้าอี้ของเขาเขาไม่ได้พูดคุยกับใครทั้งนั้น หลังจากนั้นสักพักการประชุมจึงเริ่มขึ้นทุกคนให้ข้อเสนอแนะในที่ประชุมแต่นักธุรกิจคนนั้นก็ยืนขึ้นในที่ของเขาและยืนกรานในข้อเสนอแนะของเขาเป็นวิธีการเสนอแนะที่แย่มากเขาปฏิเสธคำแนะนำของคนอื่นที่ได้ให้คำแนะนำ หลังจากนี้ทุกคนก็รู้สึกหงุดหงิดกับนักธุรกิจคนนั้นไม่มีใครฟังคำแนะนำของนักธุรกิจคนนั้นเลยตอนนี้ไม่มีใครต้องการทำธุรกิจกับนักธุรกิจคนนั้นนี่คือสาเหตุที่นักธุรกิจคนนั้นเริ่มต้นความล้มเหลวเสียแล้วในตอนนี้สภาพของเขาค่อยๆแย่ลง ในตัวอย่างนี้นักธุรกิจคนนั้นทำผิดพลาด – วิธีการพูดคุยกับผู้อื่นของเขานั้นต่ำกว่ามาตรฐาน ดังนั้นจึงเป็นที่ชัดเจนว่าวิธีการพูดของคุณตัดสินความสำเร็จและความล้มเหลวของคุณได้ ทีนี้ก็เกิดคำถามว่าควรมีวิธีคุยกับคนอื

  • จุดเปลี่ยน   บทที่11

    บทที่ 19 จงอย่ายอมแพ้   คุณรู้ไหมว่าคนส่วนใหญ่ในโลกนี้ยอมแพ้เมื่อพวกเขาเข้าใกล้จุดหมายผมจะให้เป็นตัวอย่างสักหนึ่งเรื่อง – เมื่อมีใครคนหนึ่งบอกคนๆหนึ่งว่ามีสมบัติล้ำค่ามากมายฝังอยู่ใต้ดินใกล้กับต้นสะเดาคุณสามารถขุดสมบัติอันล้ำค่านั้นจากตรงนั้นแล้วเอามันไปใช้ได้ใครคนนั้นมีความสุขมากที่เขาจะได้สมบัติอันล้ำค่านั่นเขาไปที่ต้นสะเดาเพื่อที่จะลงมือขุดและใครคนนั้นขุดลงไปใต้ดินได้ 5 ฟุตแต่เขายังไม่เจอสมบัติล้ำค่าตรงนั้นแต่แล้วเขาก็ยอมรับในความพ่ายแพ้ระหว่างทางเขาได้ไปต่อว่าคนที่บอกเขาเรื่องสมบัติแก่เขาคนที่เขาคิดว่าทำให้เขาถูกทำให้ดูเหมือนคนโง่ แล้วก็มีใครบางคนกำลังซ่อนตัวและแอบดูสถาณการณ์ทั้งหมดอยู่เมื่อชายคนแรกละทิ้งจากตรงนั้นชายคนที่สองก็ลงมือขุดลงไปในจุดเดียวกันทันทีใครอีกคนหนึ่งนั้นขุดหลุมลึกลงไปประมาณหนึ่งฟุตใต้พื้นดินและนำกล่องสมบัตินั้นไปชายคนที่สองนั้นได้เอาสมบัติไปแล้วจากไปพร้อมเสียงหัวเราะในความโง่เขลาเบาปัญญาของชายคนแรก ดังนั้นจงจำให้ขึ้นใจเสมอว่าคุณไม่ควรล้มเลิกคุณจะไม่ได้อะไรเลยหากว่าคุณยอมแพ้มันถ้าคุณพยายามฝ่าฟันขึ้นมากกว่านั้นอีกเพียงเล็กน้อยคุณจะประสบความ

  • จุดเปลี่ยน   บทที่10

    บทที่ 16 บทเรียนจากความล้มเหลว   คุณเคยล้มเหลวในชีวิตของคุณบ้างไหม "ใช่" และแน่นอนที่สุด คุณเคยเรียนรู้จากความล้มเหลวของคุณหรือไม่ "ใช่" และแน่นอนที่สุด อะไรก็ตามที่คุณเป็นในวันนี้คือสิ่งที่คุณเรียนรู้จากความผิดพลาด กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีนกตัวหนึ่งสร้างรังอยู่บนต้นไม้ในตอนที่นกทำงานเกือบเสร็จแล้วทันใดนั้นเองก็เกิดพายุลมพัดกระหน่ำและทำให้รังของมันปลิวว่อนไปในอากาศนกครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเปลี่ยนสถานที่ทำรังตอนนี้นกตัวนั้นได้สร้างรังในที่ที่ถึงแม้พายุจะเกิดขึ้นอีกก็ไม่สามารถพัดเอารังของมันไปได้อีกต่อไปนกได้สร้างรังในที่ๆไม่เหมาะสมกว่าก่อนหน้านี้ดังนั้นนกตัวนั้นหลังจากที่มันได้เรียนรู้บทเรียนจากความล้มเหลวแล้วทำให้มันกลับได้ที่ๆเหมาะสมตอนนี้นกได้ทำรังอย่างเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว   ตราบใดที่เราเรียนรู้จากความผิดพลาดของเราแล้วนั้นเราจะประสบความสำเร็จได้เสมอ     วันใดที่เราหยุดเรียนรู้จากความล้มเหลวโอกาสสำเร็จก็ลดลงตามไปด้วย ดังนั้นจงเรียนรู้จากความล้มเหลวของตัวคุณเองอยู่เสมอวิเคราะห์สิ่งนี้ทำไมคุณจึงล้มเหลวเขียนมันลงบนเศษกระดาษให้ค

  • จุดเปลี่ยน   บทที่9

    บทที่ 13 ทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้เพื่อบรรลุเป้าหมาย   คุณควรจะทำตัวให้ยุ่งอยู่เสมอเพื่อบรรลุเป้าหมาย จะเกิดอะไรขึ้นหากคุณทำเช่นนี้ ถ้าคุณทำให้ตัวเองให้ยุ่งแล้วความคิดด้านลบจะไม่เกิดขึ้นภายในจิตใจของคุณเลย ให้ผมอธิบายตัวอย่างให้คุณอีกสักเรื่องถ้าคุณสอบผ่านด้วยคะแนนสูงสุดในชั้นเรียนแต่คุณไม่ได้เรียนเป็นเวลาหนึ่งวันจะเกิดอะไรขึ้นเวลานั้นคุณจะคิดแว็บขึ้นมาว่าคุณควรจะดูหนังบางครั้งคุณอาจจะคิดว่าคุณควรออกไปสนุกกับเพื่อนคุณยังสามารถวางแผนออกไปสังสรรค์ที่ไหนสักแห่ง บอกฉันสักเรื่องหนึ่งสิคิดว่าทั้งหมดนี้คุณจะบรรลุเป้าหมายหรือไม่ ไม่สิ | ถ้าคุณเป็นนักศึกษาและต้องการที่จะบรรลุเป้าหมายของคุณดังนั้นคุณก็ควรสนใจแต่สิ่งนั้น           เรื่องการเรียนเท่านั้นความคิดที่ไร้สาระจะพาคุณออกห่างจากจุดมุ่งหมาย ดังนั้นถ้าคุณต้องการจะอยู่ให้ห่างจากความคิดที่ไร้ค่าเหล่านี้จงทำให้ตัวเองยุ่งอยู่แต่กับเป้าหมายยิ่งความคิดเหล่านี้เข้ามาในหัวคุณน้อยลงเท่าไหร่โอกาสที่คุณจะประสบความสำเร็จก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น                

  • จุดเปลี่ยน   บทที่8

    บทที่ 12 ความผิดพลาดและการเรียนรู้   ให้ผมยกตัวอย่างให้สักหนึ่งเรื่อง – กาลครั้งหนึ่งมีรถบัสวิ่งมาชนรถจักรยานจากด้านหลังคนขี่จักรยานหยุดอยู่บนถนนเนื่องจากการจราจรติดขัดเนื่องจากรถบัสวิ่งมาด้วยความเร็วสูงคนขับรถบัสต้องใช้เวลาในการควบคุมรถเนื่องจากอุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้คนขี่รถจักรยานได้รับบาดเจ็บและคนขับรถบัสได้จอดรถอย่างรวดเร็วและเริ่มมีปากเสียงกับชายคนขี่จักรยานที่ได้รับบาดเจ็บ ปัญหาสำหรับคนส่วนใหญ่ในโลกใบนี้คือแม้ว่าหลังจากได้ทำสิ่งผิดพลาดลงไปแล้วพวกเขาก็ไม่ยอมรับความผิดพลาดของตัวเองแม้ว่ามีคนบอกว่าเห็นได้ชัดว่านั่นมันเป็นความผิดของเขาภูเขาแห่งความโชคร้ายแตกสลายลงบนคำพูดของคนคุณมีคนแบบนี้อยู่รอบตัวคุณหรือไม่ ใช่แน่นอน แต่คนพวกนี้จะไม่มีทางประสบความสำเร็จทำไมน่ะเหรอ เพราะคนที่ไม่เชื่อในความผิดพลาดของตัวเองคนเหล่านั้นจะไม่มีวัน       แก้ไขข้อผิดพลาดนั้นได้ตราบใดที่คนนั้นไม่ยอมแก้ไขในข้อผิดพลาดของตนไม่มีทางจะเป็นไปได้เลยที่เขาจะพัฒนาตัวเองได้   อีกมุมหนึ่งคนที่ยอมรับในความผิดพลาดของตัวเองจะแก้ไขข้อผิดพลาดของเขาบุคคลผู้นั้นย่อมพัฒนาตัวเ

  • จุดเปลี่ยน   บทที่7

    บทที่ 10 ความกังวลเกี่ยวกับอดีตและอนาคต   บ่อยครั้งที่คุณมักจะกังวลเกี่ยวกับอดีตของคุณใช่ไหมคุณมักจะห่วงเรื่องอนาคตของคุณเสมอใช่หรือไหม ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับคุณก่อนอื่นจะต้องหยุดมันเมื่อใดที่คุณกำลังคิดถึงอดีตหรืออนาคตทั้งความคิดที่ดีและไม่ดีก็ตามมันจะอยู่ในตัวคุณตลอดเวลาถ้าคุณยังไม่หยุดสิ่งเหล่านี้เวลาในปัจจุบันของคุณจะถูกทำลายลงไปถ้าเวลาปัจจุบันของคุณหายไปคุณจะไปไม่ถึงเป้าหมายได้เลย ถ้าไม่หยุดความคิดเหล่านี้ไว้ในไม่ช้าความคิดเหล่านี้จะกลายเป็นนิสัยของคุณและเมื่อมันกลายเป็นนิสัยแล้วมันจะเป็นเรื่องยากที่จะหยุดมัน หากคุณต้องการประสบความสำเร็จคุณต้องหันเหความสนใจจากความคิดในอดีตและอนาคตโดยทันที คุณจะทำเช่นนี้ได้อย่างไร ก็ด้วยการจดจ่ออยู่กับเป้าหมายในปัจจุบันยังไงเล่ายิ่งเวลาคุณอยู่กับปัจจุบันมากกว่านั้นคุณจะอยู่ห่างจากความคิดของอดีตและในอนาคต หากคุณมีอนาคตที่เฝ้ารอมานานแสนนานจงทำตัวเองให้ยุ่งอยู่กับปัจจุบันไม่ใช่นั่งโดดเดี่ยวเพียงลำพังให้พูดคุยกับผู้คนรอบข้างคุณบ้างออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆไปดูหนังกับเพื่อนๆ บ้าง ผมจะพูดง่ายๆก็คือทำตัวให้ยุ่งอยู่ตล

  • จุดเปลี่ยน   บทที่6

    ตอนนี้คุณรู้แล้วว่าทำไมความคิดที่รบกวนจิตใจถึงได้เข้ามาสู่โลกภายในของคุณได้ถ้าคุณต้องการกำจัดความคิดฟุ้งซ่านเหล่านี้คุณต้องปล่อยวางจากมัน คุณไม่จำเป็นต้องยับยั้งมันแต่ในระดับที่ต่ำที่สุดคุณจะต้องปล่อยวางจากสิ่งเหล่านี้ให้ได้ดังนั้นความคิดที่ไร้ประโยชน์จะไม่เข้าใกล้คุณได้เลย

  • จุดเปลี่ยน   บทที่5

    บทที่ 7 การจัดสรรภารกิจประจำวัน   คุณทำงานสำคัญในระหว่างวันได้เมื่อใดเช้านี้คุณทำไหมคุณทำระหว่างวันหรือไม่ทำมันได้ในช่วงตอนเย็นๆหรือไม่ บอกผมสิว่า ช่วงเวลาใดที่คุณกระฉับกระเฉงที่สุดในตลอดทั้งวันนี้ เมื่อคุณตื่นขึ้นจากการนอนนั่นคือในช่วงเช้า ดังนั้นคุณควรทำงานที่สำคัญทั้งหมดของคุณในตอนเช้าในตอนเช้าสมองของคุณจะตื่นตัวมากณเวลานี้อะไรก็ตามที่คุณต้องการที่จะเรียนรู้คุณสามารถเรียนรู้ได้อย่างง่ายดาย เมื่่อคุณตื่นขึ้นมาจากการนอนแล้วรู้สึกสดชื่นนั่นแหละในเวลานี้ความคิดที่ไร้สาระจะไม่ได้อยู่ในใจคุณอีกแล้วดังนั้นให้เลือกเวลานี้เพื่อทำงานที่สำคัญที่สุดของคุณ แบ่งงานของคุณออกเป็น 3 ส่วนในแต่ละวัน– (1). งานที่สำคัญที่สุด (2). งานบางอย่างที่สำคัญรองลงมา (3). งานที่สำคัญน้อยลงมา (4). บทบาทด้านความบันเทิง   (1). ทำงานที่สำคัญที่สุดในช่วงแรกของวันในเวลานี้อย่าคิดอะไรทั้งสิ้นมีแต่งานเท่านั้น (2). หลังจากเสร็จงานที่สำคัญที่สุดแล้วพักสักครู่เติมพลังให้ใจของคุณตอนนี้ทำงานที่สำคัญน้อยรองลงมา ถ้ามันเสร็จสมบูรณ์แล้วคุณจะต้องพักสักครู่หากคุณต้องการ

  • จุดเปลี่ยน   บทที่4

    บทที่ 6 อำนาจแห่งจิต   หากปราศจากอำนาจแห่งจิตก็ไม่มีงานใดสำเร็จได้คนที่มีอำนาจแห่งจิตที่มากกว่าในการทำงานโอกาสที่บุคคลนั้นจะประสบความสำเร็จในการทำงานนั้นก็มากยิ่งขึ้น แต่ทำไมอำนาจแห่งจิตถึงมีความสำคัญมากนัก ให้ผมยกตัวอย่างให้คุณฟังสักเรื่องหนึ่งเพื่อนเอ๋ย! คุณเคยเห็นมดตัวเล็กๆแบกเมล็ดข้าวสาลีที่ใหญ่กว่าขนาดตัวของมันหลายเท่าหรือไม่มดตัวเล็กๆนั้นจะแบกสิ่งที่ใหญ่กว่าน้ำหนักของมันได้อย่างไรกัน นี่คือพลังแห่งจิตตานุภาพหากคุณเข้าใจถึงสิ่งนี้คุณก็สามารถทำงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้อย่างง่ายดาย พลังใจ = พลัง + ความตั้งใจ ซึ่งหมายความว่าคุณมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จโดยพิจารณาจากความปรารถนาที่แข็งแกร่งที่มีอยู่ในตัวคุณ แต่คุณจะเพิ่มพลังจิตตานุภาพได้อย่างไร มันเป็นเรื่องทีง่ายมาก  – อะไรก็แล้วแต่ที่คุณต้องการได้รับเสริมกำลังความปรารถนานั้นให้มากยิ่งขึ้น เชื่อผมสิเพื่อนเอ๋ย! คุณสามารถทำสิ่งนี้ได้

DMCA.com Protection Status