Home / รักโบราณ / จารใจทุรยศ / Chapter 12 หายไปได้อย่างไร

Share

Chapter 12 หายไปได้อย่างไร

last update Last Updated: 2025-03-04 21:29:22

            “ข้าไม่เลิกล้มความตั้งใจง่ายๆ แน่” นางตวัดแส้ในมือลงพื้นระบายอารมณ์ แต่ปลายแส้ถูกปลายเท้าของชายหนุ่ม ทำเอาอีกฝ่ายกระโดดหลบแทบไม่ทัน

            “ช่างเถอะ คนผู้นั้นต้องพิษของข้าคงไปได้ไม่ไกล พวกเจ้าลองหาอีกสักรอบ ถ้าไม่เจอ เราก็มุ่งหน้าไปตามเป้าหมายเดิม”

            “นี่เจ้า!”

            “เจ้านี่ก็เกะกะสายตาข้าเสียจริง” หญิงสาวเก็บแส้แล้วเหยียดยิ้มมองด้วยสายตาเวทนา “เอาเถิด เห็นแก่ที่เจ้าเป็นปัญญาอ่อน ข้าจะไม่ถือสา หลีกทาง!”

            “ปัญญาอ่อน?” ชายหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนเบิกตากว้าง “มารดาเถอะ! เจ้าด่าข้าเรอะ!”

เกาเทียนฉีชี้นิ้วใส่อีกฝ่ายด้วยความโมโห ไม่คิดว่าจะถูกสตรีบอบบางคนหนึ่งด่าว่าเอาเช่นนี้ ด้วยความโมโหจึงพุ่งตัวไปหมายสั่งสอนอีกฝ่าย แต่หญิงสาวพลิ้วกายหลบหลีกได้ไม่ยากเย็น ซ้ำยังอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายรุกอย่างไร้ท่วงท่าจี้สกัดจุดอีกฝ่ายแล้วยกเท้าถีบร่างสูงโปร่งกลิ้งไปบนพื้น

            “หญิงบ้า! เจ้ากล้า!”

            “ถ้าไม่หุบปาก ข้าจี้จุดใบ้เจ้าแน่” นางใช้ปลายเท้าเขี่ยร่างที่แข็งทื่ออยู่บนพื้นดิน “ทำข้าเสียเวลา อยู่นิ่งๆ สักสองสามชั่วยามเถอะ! ว่าที่สามีของข้าไม่รู้ป่านนี้ไปถึงไหนแล้ว”

            “นี่เจ้า!กลับมาก่อน!”

            เกาเทียนฉีได้แต่มองแผ่นหลังของสตรีชุดสีม่วงสดกระโจนแผ่วหายวับราวล่องหน เห็นชัดว่าวิทยายุทธ์ของนางสูงกว่าเขาแน่ ชายหนุ่มได้แต่ร้องโอดครวญในอก ร่างกายที่แข็งทื่อนอนนิ่งอยู่ใต้ต้นไม้

หวังว่าสวรรค์จะเมตตา ไม่ส่งตัวอะไรมาให้เขาต้องลำบากมากยิ่งไปกว่านี้เลย

            เสียงเด็กวัยขวบเศษร้องไห้เริ่มสงบลง เด็กสาวอุ้มเด็กน้อยลูบหลังเบาๆ เมื่อมั่นใจว่าเด็กน้อยสงบลงแล้วจึงส่งคืนมารดาให้อุ้มเข้านอน

            “ลำบากเจ้าแล้วจริงๆ”

            “พี่ชาย ท่านกล่าวหนักเกินไปแล้ว” เสิ่นฉางซีหัวเราะเบาๆ “ข้าเพียงทำตามที่เรียนรู้มาเจ้าค่ะ ลูกชายท่านร้องไห้งอแง อึดอัด พะอืดพะอม สงสัยว่ามีลมในท้องมากเกินไป ข้าจึงลองอุ้มเจ้าตัวน้อยมาแนบอก ให้คางเกยไหล่ แล้วลูบหลังเบาๆ เพื่อไล่ลม นวดบริเวณจุดกึ่งกลางของช่องท้อง หมุนวนขวาสอง

สามครั้งช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของลำไส้”

            “นี่เป็นลูกคนแรกของข้า มารดาของข้าก็เสียไปนานแล้ว พวกเราต่างก็ไร้ความรู้ เรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ยังต้องรบกวนเจ้าอีก”  

            เด็กสาวโบกไม้โบกมือไปมา “พี่สาวพี่ชายทั้งสองอย่าคิดมาก ข้าเองเพียงแค่ติดตามนายท่านรองจึงพอรู้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ หากเด็กน้อยเจ็บป่วยมากกว่านี้ ข้าไม่สามารถรักษาเขาได้”

            “ถึงอย่างไรพวกข้าต้องขอบใจเจ้ามาก” หญิงสาวเอ่ยพลางเช็ดน้ำตาที่หางตาแล้วหันไปตบต้นแขนสามีเบาๆ “ท่านพี่ไปส่งแม่นางน้อยที่เรือนสมุนไพรของนายท่านรองเถิด”

            “ได้ๆ ข้าก็ลืมไปเสียนี่” ตอนไปรับนางมาแทบจะแบกนางขึ้นหลังมาด้วยซ้ำ แต่พอลูกชายหายดีกลับลืมไปเสียได้

            “ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ” นางหัวเราะร่า “ข้าเดินในหมู่บ้านนี้ เข้าออกแทบทุกหลังคาแล้ว ระยะทางแค่นี้ข้าเดินกลับเองได้ พี่ชายอยู่ช่วยพี่สาวดูแลลูกเถิดเจ้าค่ะ”

            “แต่ว่า...”

            “อีกอย่าง ข้าอยากเดินเล่นด้วย พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก”

            “หากเป็นเช่นนั้น พวกข้าขอบใจเจ้าอีกครั้ง”

            “พี่ชายพี่สาวเรียกข้าฉางซีเถิดเจ้าค่ะ”

            “ฉางซี”

            เด็กสาวยิ้มรับแล้วขอตัวกลับ สองสามีภรรยาเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ ทำสวนสมุนไพรของนายท่านรอง เป็นคนที่ท่านหมอหวังข่ายแนะนำมา เสิ่นฉางซีก้าวเท้าออกมาช้าๆ แหงนหน้ามองท้องฟ้า นายท่านรองยังไม่กลับ นางไม่มีงานอื่นใดรออยู่ นางเผยรอยยิ้มซุกซนเดินลากขากะโผลกกะเผลก มุ่งหน้าไปยังสระน้ำบนเขาไม่ไกลนัก เพราะขาของนางไม่สามารถลงน้ำหนักได้เต็มที่ เวลาเดินจึงต้องลากขาเช่นนี้ แต่หากนางได้แหวกว่ายในสายน้ำ ยามเคลื่อนไหวนางจะไม่รู้สึกเจ็บ ตั้งแต่บาดแผลของนางหายดี ทิ้งไว้เพียงร่องรอยแผลเป็นและอาการปวดศีรษะเป็นระยะๆ นั้น  นายท่านรองสั่งให้นางฝึกตีขาในน้ำ

เดิมทีเกาเทียนฉีหาบ่าวรับใช้หญิงมาสอนนางว่ายน้ำ แต่ไม่มีสตรีคน

ไหนว่ายน้ำเป็นสักคน เขาจึงต้องสอนนางว่ายน้ำด้วยตนเอง ตอนนั้นนางแค่สิบเอ็ดขวบ แต่ก็พอเข้าใจเรื่องชายหญิงมิควรใกล้ชิดกัน อีกฝ่ายเป็นถึง ‘นายท่านรอง’ แต่เกาเทียนฉีหาได้สนใจเรื่องเหล่านั้น อดทนสอนนางจนนางว่ายน้ำได้คล่องแคล่วดุจมัจฉาตัวน้อย กลายเป็นว่านางมักหลบมาว่ายน้ำคนเดียวบ่อยๆ 

            ประกายแดดแตะต้องผิวน้ำสะท้อนระยิบระยับ สายลมพัดผ่านพากิ่งไม้เสียดสีคล้ายบทเพลงแห่งป่าเขา นกน้อยโผบินไปมา ใบหน้าหวานระบายยิ้มแล้วเหลียวมองรอบข้าง เมื่อมั่นใจว่าไม่มีผู้อื่นอยู่บริเวณนี้แล้ว นางจึงถอดเสื้อผ้าเนื้อหยาบของตนเองออก เหลือเพียงเอี๊ยมตัวในและกางเกงชั้นในบางเบา ต้นขาขวายังมีรอยแผลเป็นหนานูน แม้จะจางจนกลายเป็นสีชมพูแล้วแต่ก็ยังเห็นชัด ดวงตาของเด็กสาวจ้องมองแล้วคิดถึงวันที่เห็นเลือดเปื้อนเปรอะเต็มชุดที่สวมอยู่ ได้ยินเพียงเสียงคนรอบข้างพูดขึ้น

            ‘กระดูกหัก’

‘โหดร้ายเกินไปแล้ว’

‘กลายเป็นแผลเป็นแน่ๆ’

            มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มจางๆ ปลายเท้าค่อยๆ ยื่นลงไปในน้ำ นางนั่งอยู่ครู่หนึ่งเพื่อให้ร่างกายปรับอุณหภูมิรับกับสายน้ำ ครู่ต่อมาจึงค่อยๆ เคลื่อนตัวลงไป คราวนั้นศีรษะของนางถูกฝ่ามือร้อนราวเหล็กนาบไฟบีบศีรษะ นางเจ็บปวดจนไม่คิดว่าจะมีชีวิตรอดมาถึงวันนี้ได้ ซ้ำยังถูกกระทืบอีกหลายครั้งจนกระอักโลหิต ฝ่ามือนั้นทำให้เลือดไหลย้อมดวงตานาง สิ่งตรงหน้าจึงพร่าเลือนด้วยน้ำตาและโลหิต ในความเจ็บปวดนั้น นางยังจดจำความรู้สึกยามถูกโอบอุ้มได้อย่างนี้ดี เวลานั้น...ชายคนนั้นอายุสิบสี่ใช่ไหมนะ อายุเพียงสิบสี่แต่ร่างกายแข็งแกร่งเหลือเกิน

            ร่างบอบบางที่เริ่มมีส่วนหนานูนตามประสาเด็กสาว ดำผุดดำว่ายในสายน้ำอย่างสบายใจ เส้นผมยาวสยายคล้ายเส้นไหม นางอ้าปากเก็บกักอากาศแล้วกลั้นหายใจแล้วดำดิ่งในสายน้ำ เมื่ออยู่ในน้ำ นางสามารถเคลื่อนไหวได้อิสระ ไม่เจ็บขาข้างขวาเหมือนเวลาเดินที่ต้องลงน้ำหนักลงไป หากเวลาเดินนางไม่เจ็บปวดเหมือนว่ายน้ำเช่นนี้ก็ดีสินะ นางจะได้ไม่ต้องเดินลากขาให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะอีก

            เสิ่นฉางซี เจ้ายังไม่ชินอีกหรือ?

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • จารใจทุรยศ    Chapter 13. ความจริงหรือความฝัน

    เด็กสาวถามตัวเองแล้วม้วนตัวแหวกว่ายในสายน้ำ เสียงหัวเราะเยาะ สายตาที่มองอย่างเวทนา หรือแม้แต่ก้อนหินที่ปาใส่เพราะใบหน้ามีรอยแผลอัปลักษณ์น่าเกลียดนี้ แม้บาดแผลเหล่านี้จางลงกว่าก่อนมาก แต่...นางไม่อาจลืมทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้เลย และมันเป็นสิ่งที่ผลักดันให้นางอดทนเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป ท่านพ่อปกป้องนาง ไต้ซือซู นายท่านรอง และยังมี...ชายผู้นั้น...รวมทั้งใครต่อใครมากมายที่ดีกับนาง เพื่อให้นางได้เติบโตมีชีวิตอยู่ต่อไป นางจะต้องมีชีวิตที่ดีมีความสุขให้สมกับที่พวกเขาช่วยเหลือนางมาตลอด อากาศที่เก็บไว้ใกล้หมด แม้จะนับถือตนเองที่ดำน้ำเก่งกาจขึ้นทุกวันแต่นางมิใช่ปลา ถึงอย่างไรก็ต้องโผล่ขึ้นมาหายใจ ร่างบางโผล่ขึ้นจากใต้น้ำ อ้าปากสูดเอาอากาศเข้าเต็มปอด ทว่าร่างของนางกลับถูกรวบกอดจากด้านหลัง หญิงสาวเอี้ยวตัวหันไปมองกลับพบดวงตาร้อนแรงคู่หนึ่งจับจ้อง พร้อมกับริมฝีปากบางที่ครอบครองริมฝีปากของนาง ดวงตากลมเบิกตากว้างฉายแววตระหนกนี่ความฝันหรือความจริงเหตุใดเป็นเขา! เพราะทะนงในฝีมือตนเองจึงพลาดพลั้งเสียท่าอย่างน่าอับอายเช่นนี้

    Last Updated : 2025-03-04
  • จารใจทุรยศ    Chapter 14. ท่านไม่สบายหรือ?

    “ไฉนตัวท่านร้อนเช่นนี้!” ขนาดอยู่ในน้ำเขายังตัวร้อนราวเปลวเพลิง นางกังวลเรื่องของเขามากกว่าเรื่องที่ตนเองแทบจะเปลือยเปล่า เขาไม่เอ่ยตอบแต่หมุนตัวหมายจะว่ายน้ำไปขึ้นฝั่ง แต่นางว่ายตามมาใกล้ๆ“ท่านไม่สบายหรือ?”“พูดมาก!เจ้าเป็นหมอหรือไร!” สวินเย่ว์ตวาด หวังให้หญิงแปลกหน้าหวาดกลัว ไม่เข้ามาใกล้เขา ทว่ากลิ่นอายของหญิงสาวกลับยิ่งปลุกเร้าจนเขาเจ็บปวดไปทั่วร่าง“ข้ามิใช่หมอ” นางว่ายน้ำตามเขาจนทัน “แต่ท่าทางของท่านหากไม่เจ็บป่วยก็ต้องพิษเป็นแน่”ถ้อยคำของหญิงแปลกหน้าทำให้ชายหนุ่มชะงักไป เขามองร่างบอบบางที่ว่ายน้ำมาทันเขาแล้วคว้าข้อมือเขาไปจับไว้ แม้ดวงตาของเขาเห็นไม่กระจ่างชัด ทว่าความจริงใจของนางนั้นเขาสัมผัสได้เสิ่นฉางซียังจับชีพจรไม่แม่นยำเหมือนเกาเทียนฉี แต่กระนั้นนางรู้สึกได้ว่าชีพจรของเขาสับสนยิ่งนัก นางเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดแต่ทนกลั้น หัวใจของนางพลันเจ็บปวดไปกับเขาด้วยนางผู้เคยผ่านความเจ็บปวดอันแสนสาหัสทุรนทุรายมาแล้ว ย่อมไม่ต้องการให้ผู้ใดมาเผชิญความเจ็บปวดอีก โดยเฉพาะคนผู้นี้คือ...ผู้มีพระคุณของนาง “ท่านเดินไหวหรือไม่ จากนี้ไม่ไกลจะถึงบ้านของข้า”

    Last Updated : 2025-03-04
  • จารใจทุรยศ    Chapter 15. ต้องพิษ

    “ฆ่ า ตั ว ตาย?” เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นแล้วเอียงคออย่างงุนงง “ผู้ใดฆ่าตัวตายเจ้าคะ”“ก็เจ้าไง” เขาใช้นิ้วชี้จิ้มที่หน้าผากของเด็กหญิง “ไม่เช่นนั้นเจ้าจะเดินลงน้ำไปทำไม”“ท่านผู้มีพระคุณเข้าใจข้าน้อยผิดแล้วเจ้าค่ะ” เด็กหญิงรีบอธิบาย “นายท่านรองบอกให้ข้าน้อยลงไปแช่เท้าที่สระน้ำนี้บ่อยๆ เจ้าค่ะ ให้ข้าน้อยฝึกเดินในน้ำ” ได้ยินถ้อยคำของนางก็ทำให้เด็กหนุ่มหน้าตึงไป เขาก้าวเท้าถอยห่างนางออกมาเล็กน้อย“เช่นนั้นก็ดีแล้ว อย่าได้ลืมเชียวว่าชีวิตเจ้าเป็นของข้าแล้ว”“เจ้าค่ะ ข้าจะจำใส่ใจไว้” สวินเย่ว์ที่เดิมทีไม่คิดสนใจว่าสตรีผู้นี้จะเป็นเช่นไร แต่เมื่อความทรมานเบาบางลง แทนที่ด้วยความเสียวกระสัน เขาจึงเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาที่เคยจ้องมองเขากลับปิดลงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลเปื้อนแก้ม นางกัดริมฝีปากกลั้นเสียงร้อง แต่กระนั้นเขาย่อมรู้ได้ว่านางกำลังสะอึกสะอื้น หัวใจของเขาอ่อนยวบลงจึงโน้มหน้าลงกระซิบ“ผ่อนคลาย ประเดี๋ยวก็จบแล้ว” น้ำเสียงแหบพร่าและลมหายใจร้อนระอุ ทำให้นางพยักหน้าแล้วเบือนหน้าหนี กลัวอีกฝ่ายจะเห็นรอยแผลเป็นที่หน้าผาก กลัวเขาผลักไส กลัวเหลือเกินว่าเขาไม่สนใจนางชีวิตนางเป็นของเขาแม้เรื่องที่เก

    Last Updated : 2025-03-04
  • จารใจทุรยศ    Chapter 16.ฐานะใด

    เสิ่นฉางซีไม่กล้าเอ่ยชื่อเกาเทียนฉี นางเกรงว่าจะนำความเดือดร้อนมาสู่สกุลเกา หากจะมีเรื่องเลวร้ายใดเกิดขึ้น ก็เกิดกับนางผู้เหลือเพียงคนเดียวเถิด เพราะมองไม่เห็นแต่จับน้ำเสียงที่คล้ายไม่อยากเอ่ยอะไรมากนัก สวินเย่ว์จึงไม่เอ่ยปากซักไซ้ เพียงแค่ประหลาดใจที่นางสามารถหาเสื้อผ้าของบุรุษให้เขาผลัดเปลี่ยนได้ แรกทีเดียวคิดว่านางมี ‘สามี’ แต่นึกอีกที ‘พรหมจรรย์’ของนางนั้น เขาได้พรากมันมาแล้ว ควรนับได้ว่านางเป็นผู้หญิงของเขา “ร่างกายท่านยังไม่ฟื้นตัวดีนัก กินข้าวต้มกับผัดกุยช่ายขาวกุยช่ายขาวช่วยบำบัดอาการฟกช้ำและบำรุงสายตา เอ่อ...ท่านฝืนกินสักนิดเถิดนะ” สวินเย่ว์นิ่งไปเล็กน้อย ท่าทางนางไม่เหมือนหญิงชาวบ้านทั่วไป ถูกเขาย่ำยีแล้วยังมีเรี่ยวแรงดูแลปรนนิบัติช่วยเช็ดเนื้อตัวและผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า สองมือของนางช่างคล่องแคล่วราวกับทำเรื่องเช่นนี้จนคุ้นชิน หรือนางเป็นสาวใช้ข้างห้อง หรือเป็นสตรีที่ถูกเลี้ยงดูไว้เผื่อ... “ท่านแม่ทัพ?” หญิงสาวเรียกเขาเบาๆ เข้าใจไปว่าคนผู้นี้คงกินดีอยู่ดี ไม่ชินกับอาหารการกินเรียบง่าย นางเม้มริมฝีปากครุ่นคิด นางเกรง

    Last Updated : 2025-03-05
  • จารใจทุรยศ    Chapter 17. พิษปลุกกำหนัด

    พอคิดได้ว่าต้องกลับไป นางนึกขึ้นได้ว่าเรือนของนางนั้นเล็กนัก มีเพียงเตียงเดียวซึ่งยามนี้บุรุษผู้นั้นนอนพักผ่อนอยู่ หากนางจะนอนที่เรือนของนายท่านรองก็เกรงว่าเขาตื่นมาหรือต้องการสิ่งใดแล้วไม่มีใครดูแลจะยิ่งลำบาก นางรื้อค้นได้ผ้าห่มสำรองผืนหนาหอบกลับมาด้วย ร่างเล็กเดินลากขาข้างที่เจ็บกลับมาอีกครั้ง เรือนของนางมีเพียงห้องเดียว แค่เตียงนอนกับโต๊ะหนึ่งชุดก็แทบจะไม่มีที่เดินแล้ว ยามนี้บนเตียงของนางมีร่างสูงใหญ่เอนกายพิงหัวเตียงอยู่ “เหตุใดท่านไม่นอนพักผ่อน”นางวางผ้าห่มที่หอบมาไว้บนโต๊ะ แล้วรีบเดินเข้าไปใกล้ร่างของชายหนุ่ม ก่อนออกไปนางประคองเขาลงนอนแล้วนี่ เหตุใดลุกขึ้นมานั่งเช่นนี้นะ ใบหน้าที่มีผ้าปิดตาอยู่เอียงคอเล็กน้อยฟังเสียงที่เข้ามาใกล้ หัวคิ้วกดลงเล็กน้อยคล้ายครุ่นคิดแล้วเอ่ยปากถาม “เท้าของเจ้า?” “เท้า?” เสิ่นฉางซีก้มมองตัวเอง ไม่รู้สึกผิดปกติอันใดจึงเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง “จังหวะการเดินของเจ้าลงน้ำหนักเท้าไม่เท่ากัน เท้าเจ้าเจ็บหรือ?” เด็กสาวกะพริบตาปริบๆ นางเดินเสียงดังจนเขาจ

    Last Updated : 2025-03-05
  • จารใจทุรยศ    Chapter 18. ผู้หญิงของเขาไม่ควรใช้ชีวิตลำบากอีกต่อไป

    น้ำเสียงแหบพร่าเปี่ยมด้วยความปรารถนาเอ่ยปลอบ ค่อยๆ กดแก่นกายเข้าไปในโพรงที่คับแคบและอุ่นร้อน ความปรารถนาที่กลายเป็นเปลวเพลิงผลักดันให้เขาขยับกายดุนดันเข้าไปจนสุดทาง กดแช่ไว้เพื่อให้ร่างกายของนางปรับตัวรับกับแท่งหยกร้อนของเขา ร่างบางสั่นระริกพร้อมกับเสียงครางออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เขาถอนกายออกมาอย่างเชื่องช้าแล้วผลักดันกลับเข้าไปใหม่ ให้กลีบดอกไม้ค่อยๆ เบ่งบานรับความรัญจวนที่เกิดขึ้น ช่องท้องของนางอุ่นร้อนและเสียวซ่าน เหงื่อหลั่งออกมาจนเสื้อผ้าของนางเปียกชุ่ม การเคลื่อนไหวที่แรกเริ่มเชื่องช้าค่อยๆ เร็วขึ้น รุนแรงขึ้น และลึกล้ำจนร่างกายของนางแทบกระเด็นกระดอนเพราะแรงกระแทกกระทั้น ลมหายใจร้อนระอุรินรดอยู่บนไหล่ของนาง และเสียงหอบครางหนักหน่วงของเขา นำพาให้นางมึนเมากับรสสัมผัสร้อนแรงและหวามไหว ครั้งนี้นางสัมผัสได้ถึงความซ่านเสียวที่ทำให้ร่างกายอ่อนระทวยแทบไร้เรี่ยวแรง ปล่อยให้ร่างแกร่งจ้วงลึกดุดันจนกระทั่งร่างกายของนางสัมผัสความสุขสมที่ไม่คุ้นเคย นางหลุดปากหวีดร้องเป็นจังหวะเดียวกับที่กระแสธารชีวิตอันอุ่นร้อนหลั่งรินในกายของนางพร้อมเสียงคำรามของชายหนุ่มที่ซ้อนกายอยู่ด้านหลัง

    Last Updated : 2025-03-05
  • จารใจทุรยศ    Chapter 19. ความทรงจำอันอบอุ่น

    เสิ่นฉางซีเอ่ยแล้วประคองให้เขานั่งลงที่เก้าอี้ไม้ตัวหนึ่ง นางเผลอมองเขาราวกับกำลังมองภาพวาด แดดเช้าทอดเงาทาบทับร่างสง่างาม เขามิใช่บุรุษบอบบางแต่เป็นร่างกายของชายผู้ผ่านสนามรบมา ใช้ชีวิตในกองทัพมาห้าปี ไต่เต้าจากทหารชั้นผู้น้อยสู่การเป็นแม่ทัพ “เจ้าผ่าฟืนเองรึ” เขาถาม ด้วยไม่คิดว่ามือเล็กๆ คู่นี้ต้องทำงานหนักหนาถึงเพียงนี้ “ฟืนชิ้นไม่ใหญ่นัก ข้าทำเองทุกครั้งไป” นางหัวเราะเก้อเขิน แล้วก้มมองฝ่ามือหยาบกระด้างของตนเอง จริงซินะ เขาคงประหลาดใจที่มาเจอผู้หญิงอย่างนาง หญิงสาวตระกูลสูงศักดิ์ เขียนโคลงกลอนหรือวาดภาพ บรรเลงเพลงพิณ เรื่องเหล่านั้นนางไม่มีความรู้เอาเสียเลย “ข้าทำให้เอง” เสิ่นฉางซีเห็นเขาลุกขึ้นยืน นางก็รีบกดไหล่ให้เขานั่งลงตามเดิม สวินเย่ว์ขมวดคิ้ว ไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับเขามาก่อน โดยเฉพาะสตรีตัวเล็กๆ คนหนึ่ง “ท่านยังต้องพักผ่อน ดวงตาท่านก็ปิดอยู่ ไม่ควรทำอะไรกระทบกระเทือนจนเกินไป” เมื่อเห็นเขายอมนั่งลงตามเดิมแล้ว นางจึงรีบชักมือกลับเพราะเกรงว่ามือหยาบกระด้างของตนจะระคายผิวกายของเขา “ท่านหิวแล้วหรือไม่ ข้าทำโ

    Last Updated : 2025-03-05
  • จารใจทุรยศ    Chapter 20. ทำอาหาร

    นางหมุนตัวเดินไปเตรียมทำอาหาร เมื่อวานนางทำอาหารหลายจาน หนึ่งในนั้นมีกบนึ่งเห็ดหอม เดิมทีนางทำไว้ให้ตนเอง อย่างไรกบสองตัวนั้นก็ถูกส่งมาให้นางทำเป็นอาหารอยู่แล้ว นางกินเองก็ไม่เห็นเป็นไร แล้วทำไก่ตุ๋นเครื่องยาจีนให้เขาแทน แต่พอเขาออกมากินมื้อเที่ยง กลับถามหากบนึ่งเห็ดหอมเสียนี่ ‘ข้าทำไก่ตุ๋นเครื่องยาจีนให้ท่าน’ ‘แล้วข้าจะกินกบนึ่งเห็ดหอมของเจ้าไม่ได้รึ’ ‘แต่มันเป็นกบ’ ‘แล้วอย่างไร’ นางเห็นท่าทางของเขาเหมือนสั่งการทหารอย่างไรอย่างนั้น นางจึงได้แต่ทำตามที่เขาสั่ง คีบเนื้อกบที่เลาะกระดูกออกแล้วส่งเข้าปากของเขา ‘อืม ไม่เลว’ นางอมยิ้มแล้วป้อนเนื้อไก่จริงๆ ให้เขาอีกคำ ‘คล้ายแต่ก็แตกต่างกัน’ ‘ประสาทรับรสของท่านแม่ทัพดีเยี่ยม’ นางเอ่ยแล้วป้อนอาหารให้เขาต่อ เห็นเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยจึงชะงักไป ‘ข้าเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องพวกนี้’ ‘ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ’ ‘เจ้าไม่มีอะไรจะถามข้ารึ’ ‘ข้าควรถามอะไรเจ้าคะ’ นางถามกลับ นิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนเ

    Last Updated : 2025-03-06

Latest chapter

  • จารใจทุรยศ    Chapter 100.   เหตุใดเจ้าพูดเข่นนั้น

    นางกรีดร้องราวคนเสียสติ หลีเหว่ยไม่สนใจรีบลุกขึ้นออกจากรถม้า ทว่าเพียงแค่ลุกขึ้นยืน ผนังด้านหนึ่งของรถม้าก็เปิดออกราวกับเป็นเวทีแสดงงิ้ว เบื้องหน้ามีโต๊ะชุดหนึ่งตั้งอยู่พร้อมกับบุรุษผู้หนึ่งหน้าตาดุดันจ้องมองราวกับจะฉีกคนทั้งสองเป็นชิ้นๆ อีกหนึ่งเป็นสตรีในชุดสีม่วงที่นั่งจิบสุราด้วยท่าทีเกียจคร้าน นางหยิบถั่วทอดเข้าปากแล้วเอ่ยทั้งที่ยังเคี้ยวถั่วทอดอยู่“อะไรกัน? เท่านี้เองรึ ข้าอุตส่าห์ตระเตรียมงานอย่างดี พวกเจ้าสองคนเล่นกันแค่นี้เองหรือ? ไม่คุ้มค่าเหนื่อยของข้าเลย”หลีเหว่ยจำหญิงสาวผู้นี้ได้เป็นอย่างดี นางคือคนที่เขาเคยบังเอิญพบเจอที่โรงเตี๊ยมและยังขอให้เขาช่วยหาที่พักให้ ส่วนจางรั่วเวยถึงกับอ้าปากค้าง เพราะหญิงผู้นั้นคือคนที่มารับนางจากจวนแม่ทัพทว่าคนที่น่ากลัวที่สุดคือบุรุษที่นั่งจ้องหน้านางอยู่ “ท่านแม่ทัพ” สวินเย่ว์ส่งสัญญาณ ทหารที่อยู่ใกล้ลากตัวเสี่ยวจูที่ถูกโซ่ล่ามมือและเท้าแน่นหนามากองตรงหน้า จางรั่วเวยเห็นสภาพเสี่ยวจูแล้ว นางถึงเข่าอ่อนหมดไม่มีแรงลุกขึ้นยืน ซูหลี่น่าเหลือบมองใบหน้าถมึงทึงของสวินเย่ว์ นางยกมือกระดิกนิ้วแล้วชี้ไปยังสองหนุ่มสาวบนร

  • จารใจทุรยศ    Chapter 99.  หลับตาลง

    เสิ่นฉางซีหลับตาลง นางมิได้ฝันไปสินะ ไต้ซือซูมาเตือนสตินางและช่วยให้นางเจ็บปวดน้อยลง เอ๊ะ! ถ้าเช่นนั้น...“หยางเอ๋อร์ ท่านแม่ทัพมาเยี่ยมแม่หรือไม่”“ท่านพ่อมาดูอาการท่านแม่แล้วออกไปขอรับ”“ท่านพ่อ?” เสิ่นฉางซีประหลาดใจที่จู่ๆ บุตรชายเรียกสวินเย่ว์ว่า ‘ท่านพ่อ’ ทั้งที่ก่อนหน้านี้พยายามอย่างไรก็ยังดื้อดึงไม่ยอมเรียก หยางหยางหลบตามารดา เขาอาจเป็นเด็กเจ้าเล่ห์แต่ไม่เคยโกหกมารดาได้สักครั้ง“เจ้าต่อรองเรื่องใดกับท่านแม่ทัพ?”“ไม่มีเสียหน่อย” หยางหยางตอบตะกุกตะกัก “ท่านแม่ตื่นแล้ว หิวหรือไม่ ข้าจะไปบอกให้บ่าวรับใช้เตรียมอาหารให้ท่านนะ”หยางหยางหมุนตัวเตรียมวิ่งหนี แต่ยังช้าเกินกว่ามือเรียวของมารดาคว้าแขนของเขาไว้ได้ทัน นี่ท่านแม่มีวรยุทธ์หรือเพราะเขากลัวจนหลบไม่ทันกันแน่นะ!“เจ้ากล้าปิดบังแม่รึ”หยางหยางอ้าปากแต่พูดไม่ออก เขาหันไปขอความช่วยเหลือจากอันอัน แต่น้องชายกลับส่ายหน้าไปมาเร็วๆ เพียงการแสดงออกเช่นนี้ คนเป็นแม่อย่างเสิ่นฉางซีเข้าใจได้ทันที นางวาดขาลงจากเตียง แล้วยันกายลุกขึ้นอย่างลำบาก สองขายังคงอ่อนแรงอยู่มาก ร่างกายจึงทรุดลงไปนั่งเช่นเดิม“ท่านแม่ ท่านยังไม่แข็งแรง อย่าลงจากเตีย

  • จารใจทุรยศ    Chapter 98. สะสาง

    “ท่านต้องช่วยแก้แค้นให้มารดาของข้า” หยางหยางยืดอกแล้วปรายตามองบ่าวชายสองคนที่หิ้วปีกเสี่ยวจูออกมาพอดี “คนที่ทำให้มารดาของข้าเจ็บ มันต้องเจ็บมากกว่าที่มารดาของข้าได้รับ” เสี่ยวจูที่ได้ยินเข้าถึงกับส่ายหน้าไปมา นางถูกสวินเย่ว์เตะไปหนึ่งครั้งถึงกับกระอักเลือดออกมา เจ็บร้าวซี่โครงจนคาดว่ากระดูกคงจะหัก หากถูกโบยจะมิตายคาไม้เลยหรือ นางพยายามสะบัดตัวแล้วร้องอ้อนวอน “ท่านแม่ทัพเมตตาบ่าวด้วย บ่าวไม่รู้เรื่องใดจริงๆ เจ้าค่ะ” เสียงร้องไห้ของนางน่าเวทนายิ่ง “เรื่องทั้งหมดเป็นความคิดของฮูหยินน้อยทั้งหมดเจ้าค่ะ” สวินเย่ว์กลอกตามองแผ่นฟ้า ไม่คิดว่าชีวิตของตนต้องมาเผชิญเรื่องเช่นนี้ เขาก้มมองหยางหยางที่ถอดแบบเขาแทบจะแกะออกจากพิมพ์เดียวกัน นางเป็นเพียงหญิงชาวบ้านธรรมดา เป็นแม่ครัวในหอนางโลมแต่กลับมีจิตใจงดงาม เลี้ยงดูบุตรชายของเขาได้อย่างดีเยี่ยม ผิดกับคนเหล่านี้ที่เติบโตในสถานที่ที่ดีแต่กลับจิตใจโสมมยิ่งนัก “เรียกสิ” สวินเย่ว์เอ่ยกับหยางหยาง เด็กน้อยแอบเบ้ปากเล็กน้อยแล้วพูดเสียงเบา “ท่านพ่อ” “อะไรนะ” เขาแ

  • จารใจทุรยศ    Chapter 97. คนผู้นั้น

    “แค่หักแขนก็พอ” “ดี! ตามนั้น” “ท่านแม่ทัพ เมตตาด้วย” “เลือกเอาว่าจะตัดแขนหรือหักแขน!” ต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แน่นอนว่ายอมถูกหักดีกว่าถูกตัด และไม่อาจพูดได้ว่าทำไปตามคำสั่งของฮูหยินใหญ่ สวินเย่ว์ปรายตามององค์ชายฝูเจี๋ยแล้วหันมาสบตากับบุตรชายตนเอง “ดูแลแม่ของเจ้า ประเดี๋ยว ‘พ่อ’ กลับมา” หยางหยางพยักหน้ารับแล้วจูงมืออันอันเข้าไปด้านใน ด้านนอกมีทหารองครักษ์รายล้อม นอกจากหมอและบ่าวรับใช้หญิงสองคนแล้วไม่มีผู้ใดเข้าใกล้ได้ “อันอัน” หยางหยางเรียกน้องชายที่ร้องไห้จนดวงตาบวมช้ำ เด็กชายตัวน้อยเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงเรียก “ข้าขอบใจเจ้ามาก” หยางหยางกลั้นน้ำตาฝืนยิ้มออกมา “ข้า...” เด็กน้อยพยายามรวบรวมเสียงเพื่อเปล่งคำพูดออกมา “ข้า...”“หากไม่มีเจ้า มารดาของข้าต้องถูกคนเหล่านั้นทำร้ายบาดเจ็บสาหัสกว่านี้เป็นแน่” เด็กน้อยพูดไม่ออกแต่โผเข้ากอดหยางหยางแน่น “ข้าอยากช่วยท่านแม่ได้มากกว่านี้” “อันอัน” หยางหยางตบหลังน้องชายต่างสายเลือดเบาๆ “ท่านแม่บอกว่า เจ้าพบเรื่องเลวร้ายม

  • จารใจทุรยศ    Chapter 96. ตั้งครรภ์?

    “เย่ว์เอ๋อร์ ใจเย็นก่อน” ฮูหยินใหญ่รีบห้ามปราม เด็กคนนี้โกรธร้ายโมโหแรง สามีของนางไม่อยู่ หากเขาระเบิดอารมณ์ออกมาเกรงว่าคนรอบข้างได้ล้มตายกันแน่! “สวินเย่ว์” นางเรียกชื่อเขา เป็นครั้งแรกที่นางเรียกชื่อเขาต่อหน้าผู้อื่นเช่นนี้ เสิ่นฉางซีเองรับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น “ข้า...” “ไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น” เขาอุ้มนางไม่สนใจว่าตนเองจะเปื้อนเลือดของนาง “ตามหมอเดี๋ยวนี้! สั่งปิดจวน ห้ามผู้ใดเข้าออก ข้าสวินเย่ว์ต้องรู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้นกับคนของข้า!” “รับทราบ!” “องครักษ์เงา คุ้มครององค์ชายฝูเจี๋ย!”

  • จารใจทุรยศ    Chapter 95. บังอาจ!

    น้ำเสียงสั่งทรงอำนาจ สิ้นเสียงของเขาพลันปรากฏร่างทหารองครักษ์นับสิบยืนล้อมกายของเด็กน้อยพร้อมชักกระบี่คมปลาบออกมาเด็กน้อยวัยสี่ขวบตวาดเสียงดังเฉียบขาด แม้เป็นเพียงเด็กน้อยก็ทำเอาคนที่ยึดร่างของเขาไว้ถึงกับปล่อยมือ เด็กน้อยที่ทุกคนเข้าใจว่าเป็นใบ้ มาบัดนี้กลับพูดได้ชัดถ้อยคำ สีหน้าที่เคยหวาดกลัวอยู่เสมอไม่หลงเหลืออีกแล้ว เขากวาดตามองแววตาวาวโรจน์ทั้งที่ดวงตาเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตา “องครักษ์?” ฮูหยินใหญ่แห่งตระกูลสวินถึงกับผงะไป แม้นางจะไม่รู้เรื่องการทหารแต่รู้ว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่คนของกองทหารสวินเย่ว์เป็นแน่ นอกจากเชื้อพระวงศ์แล้ว ชนชั้นใดเล่าจะมีองครักษ์เงาเช่นนี้ “ฮูหยินใหญ่เจ้าคะ?” เสี่ยวจูเห็นใบหน้าซีดเผือดของฮูหยินใหญ่แล้วประหลาดใจนัก เหตุใดต้องเกรงกลัวเด็กตัวแค่นี้ นางยังไม่ได้ล้างแค้นที่ทำให้นางตกน้ำในครานั้น นางก้าวเท้าไปด้านหน้าหมายจะผลักเด็กน้อยให้พ้นทาง แต่ต้องชะงักไปเมื่อปลายกระบี่ชี้มาที่ปลายจมูกของนางเด็กน้อยวัยสี่ขวบสบตากับสวินเหอซื่อ แล้วหมุนตัวเดินไปหาเสิ่นฉางซีที่จ้องมองอย่างตื่นตะลึง ดวงตามีแววหม่นเศร้าและโกรธแค้น เด็กน้อยตวาดเสียงดังออกมา “ปล่อยตัวนาง!”

  • จารใจทุรยศ    Chapter 94. เกิดเรื่อง

    เสิ่นฉางนั่งเขียนรายการสินเดิมที่ยังทำไม่เสร็จ เหตุที่ทำช้าเพราะนางมักคิดเรื่องวัยเด็กของตน ตำราต่างๆ ที่มารดาสะสมไว้ ความทรงจำเก่าๆ ย้อนคืน จุดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าของนาง เสียงคนโหวกเหวกโวยวายดังที่หน้าเรือน เด็กน้อยที่อยู่บนตั่งใกล้ๆ ถึงกับผวา นางคว้าอันอันมากอดกระซิบปลอบโยน ประตูเรือนเปิดออกอย่างแรงพร้อมกับคนงานชายสามสี่คนพุ่งเข้ามา “เกิดเรื่องใดขึ้น! เหตุใดบุกเข้ามาเช่นนี้!” เสี่ยวจูวิ่งเข้ามาทั้งน้ำตานองหน้า นิ้วเรียวชี้มายังเสิ่นฉางซีแล้วตวาดด้วยความโกรธแค้น “เป็นเจ้า! เจ้าทำให้ฮูหยินน้อยแท้งบุตร! เจ้าเจตนาทำร้ายฮูหยินน้อยและบุตรของท่านแม่ทัพสวินเย่ว์!” “เป็นไปไม่ได้!” เสิ่นฉางซีส่ายหน้าไปมา นางมึนงงสับสนกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ยังไม่ทันได้สอบถามเรื่องราวเท็จจริงเป็นอย่างไร ร่างของนางถูกบ่าวชายฉุดกระชากลากออกมาจากเรือน หญิงรับใช้อีกสองคนเข้ามาคว้าร่างของอันอันไม่ให้วิ่งตาม เด็กน้อยถีบเท้าไปมาดิ้นรนขัดขืน แผดเสียงร้องไห้จ้าแต่ไม่อาจส่งเสียงพูดขอความช่วยเหลือได้ ร่างของหญิงสาวถูกลากออกไปที่ลานหน้า

  • จารใจทุรยศ    Chapter 93 ลูกชายปากแข็ง

    เสร็จงานในครัวแล้ว เสิ่นฉางซีจูงมืออันอันพร้อมตะกร้าใส่อาหารและขนมนำกลับไปที่เรือน เพื่อไม่ให้ตัวเองคิดฟุ้งซ่าน นางจึงลงมือจดบันทึกรายการสินเดิมที่ได้รับมาเมื่อหลายวันก่อน หยิบจับสิ่งใด นางก็หวนคิดถึงบิดามารดาที่ล่วงลับไปเสียทุกที ป่านนี้ทั้งสองคงมองนางมาจากบนสวรรค์ ท่านพ่อท่านแม่วางใจเถิด ลูกมีความสุขดี อันอันอยากกินหมูหวาน แต่ตั้งใจอดกลั้นรอหยางหยางกลับจากสำนักศึกษา ระหว่างนี้จึงได้แต่นั่งกินขนมของว่าง เด็กน้อยนั่งบนเก้าอี้กลมแกว่งเท้าไปมา สองมือจับขนมเปี๊ยะดอกเหมยกัดกิน เสิ่นฉางซีเห็นมุมปากของเด็กน้อยเลอะคราบแป้งขนมเปี๊ยะ จึงหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดมุมปากให้ “ท่านแม่” เสียงแผ่วเบาเอ่ยขึ้น เสิ่นฉางซีสบตากับเด็กน้อย ทว่านางกลับรู้สึกว่า แม้อันอันจะจ้องมาทางนางแต่ไม่ได้มองมาที่นาง “คิดถึงแม่หรือ?” เด็กน้อยพยักหน้าหงึกๆ เสิ่นฉางซีอุ้มร่างเด็กน้อยมานั่งบนตัก ทำเหมือนตอนที่หยางหยางยังตัวเล็กเท่าอันอัน นางมักจับลูกชายนั่งตักและอ่านตำราหรือจดรายการอาหารที่ต้องทำ แต่เวลานี้นางกำลังบันทึกรายการ ‘สินเดิม’ ที่ได้รับมา อันอั

  • จารใจทุรยศ    Chapter 92. เคราะห์กรรม

    “ข้าสามารถเขียนรายกายอาหารให้เจ้านำไปให้แม่ครัวทำให้ได้” “เจ้าทำเองไม่ได้รึ” เสี่ยวจูขมวดคิ้ว “อ้อ! เจ้าไม่ใช่แม่ครัวแล้วนี่ เป็นอนุคนโปรดของท่านแม่ทัพ ต้องขออภัยที่ข้าลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท” “ไม่เป็นไร ประเดี๋ยวข้าเข้าครัวทำให้ฮูหยินน้อยเอง” เสิ่นฉางซีตอบแล้วหันไปคุยกับอันอันด้วยภาษามือ รอบเรือนหลังนี้มีองครักษ์ลับอยู่แต่นางก็ไม่ไว้ใจ หญิงสาวจึงให้เด็กน้อยวางพู่กันแล้วหยิบผ้าเปียกเช็ดมือน้อยๆ ให้อันอัน เด็กชายตัวน้อยอมยิ้ม เขาชอบที่เสิ่นฉางซีใส่ใจดูแลเขาเช่นนี้ ในหัวสมองน้อยๆ ของเขา เอาแต่คิดหาทางจะให้นางกับหยางหยางไปอยู่กับเขาในวังหลวง “เจ้ายิ้มอะไร” เสิ่นฉางซีหัวเราะเบาๆ เห็นเด็กน้อยเอาแต่อมยิ้ม นางก็อดยิ้มตามไม่ได้ อันอันไม่ตอบแต่โผเข้ากอดขาของนาง “เจ้ากอดแม่เช่นนี้จะเดินได้อย่างไร” นางส่ายหน้าไปมาแล้วแกะมือที่รัดรอบขาออก “ไปเถิด ไปในครัวกัน เจ้าอยากกินขนมละสินะ” นางจูงมืออันอันเดินไปที่ครัวด้วยกัน “ฮูหยินน้อยไม่ค่อยอยากอาหารแต่ถ้าเป็นของว่างของกินเล่น นางจะชื่นชอบมาก” เสิ่นฉางซีพึมพำขณะที่จูงมืออันอัน “อันอัน

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status