ณ ลานเกียร์ห้องเชียร์วิศวะ
"เอาละค่ะทุกคน ที่พี่เรียกน้องมาวันนี้ เพราะพวกพี่มีเรื่องแจ้งนะคะ ก็อย่างที่น้อง ๆ ทราบกันไปแล้วคร่าว ๆ ปีนี้คณะวิศวะของเราก็รับน้องรวมกับคณะบริหาร ซึ่งคณะอื่น ๆ ก็รับรวมเหมือนกัน มันจึงมีการประกวดที่เราต้องคัดเลือกน้องที่มีความสามารถออกไปประกวดในครั้งนี้ ซึ่งพี่ก็ได้ให้พวกน้อง ๆ เลือกกันเองมาแล้วว่าเราควรจะส่งใครเข้าประกวด แต่น้อง ๆ ไม่ต้องห่วงว่าคณะตัวเองจะไม่มีดาวหรือเดือนคณะนะคะ เพราะเดือนดาวคณะประจำรุ่นประจำปีของแต่ละรุ่นก็จะมีเหมือนเดิมค่ะ โดยการคัดเลือกของน้องและพวกพี่เอง ส่วนใครจะได้เป็นเดือนดาวประจำคณะ และคนที่ต้องเข้าประกวดเดี๋ยวพี่ปีสามจะเข้ามาแจ้งเองค่ะ" ฉันฟังพี่ปีสองอธิบายคร่าว ๆ อย่างตั้งใจ และแอบคิดว่าคงไม่มีชื่อฉัน
"เอาละครับน้อง ๆ จัดแถวนั่งให้เรียบร้อยนะครับ พวกพี่ปีสามจะลงแล้วนะครับ" ทันที่ที่พี่ก้องพี่ว้ากปีสองพูดจบ รุ่นพี่ปีสามก็ทยอยเดินเข้ามาทันที
"สวัสดีครับปีหนึ่ง" พวกพี่เขาพูดพร้อมกัน แต่นายนั่นหน้านิ่ง นิ่งมาก แถมไม่มองฉันเลยด้วยซ้ำ เป็นไรวะ หรือจะโกรธฉัน แต่ก็ดีฉันจะได้ไม่เดือดร้อน
"สวัสดีค่ะ/ครับ" พวกเราพูดขึ้นพร้อมกัน
"ที่พวกผมมาวันนี้ ผมมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ" พี่มันพูด ก่อนอื่นขอเรียกพี่มันว่าพี่ก่อนละกัน อืม... พี่ทอร์นาโด น่าจะเข้ากันดี ดูแล้วอารมณ์แปรปรวนง่ายชะมัด
"ก่อนอื่นพวกผมต้องแนะนำตัวก่อน ผมพายุเฮดว้ากปีสาม" โอ้โหอะไรจะแม่นเยี่ยงนั้นหรือออเจ้า ข้าตั้งชื่อเฉพาะให้ท่านได้เหมาะสมคล้องจองกับชื่อท่านพี่เยี่ยงนัก คำพูดแม่เกศสุรางค์เข้าสิงฉันแล้ว
"ผมดิน" พี่หน้าหล่อสเปกยัยหวานพูด
"ผมวิน" โอ๊ยสุภาพบุรุษของน้อง ไม่สินี่มันสเปกยัยพิ้งค์นี่
"ผมเหนือ"
อ่า พี่ที่ชอบกวนตีนชื่อเหนือนี้เอง สเปกยัยทิพย์ชัด ๆ หวังว่าเพื่อน ๆ ฉันคงไม่หลงคารมกับหน้าตาพี่พวกนี้หรอกนะ
"สวัสดีค่ะ เจ๊ริชชี่เองนะคะ ไม่ต้องเกร็งเด็ก ๆ เอาละ เดี๋ยวเรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า" ทันทีที่เจ๊ริชชี่พูดจบ บรรดาพี่ว้ากก็ถอยไปอยู่ข้างหลัง หลังจากนั้นก็เข้าสู่การบรรยายโดยเจ๊ริชชี่ทั้งเรื่องที่ต้องส่งและกฎกติกาที่ต้องทำตาม รวมถึงการแข่งขันกีฬาอีกด้วย ซึ่งอันสุดท้ายฉันสนใจเป็นพิเศษ มีทั้งวอลเล่ย์บอล ฟุตบอล ตะกร้อ ปิงปอง เปตอง โอ๊ย คือดี มีแต่สิ่งที่ฉันชอบ ฉันล่ะอยากจะลงให้หมดเลย แต่ผู้หญิงลงได้แค่วอลเล่ย์บอลนี่สิ เพราะเขาต้องการผู้หญิงมาเป็นเชียร์กับขึ้นสแตนด์แน่นอนทุกอย่างก็แข่งรวมกับวิศวะเช่นเคย และเราก็ต้องทำกิจกรรมร่วมกันถึงจบเทอม
"ต่อไปคือดาวเดือนประจำคณะนะคะน้อง ๆ คนที่พี่เรียกชื่อเดินออกมาข้างหน้านะคะ เริ่มจากวิศวะก่อนนะคะ น้องแดน น้องปลา น้องก้อยค่ะ ต่อไปคณะบริหารนะคะ น้องหิน น้องหวาน น้องทิพย์ น้องพิ้งค์และน้องมนต์ค่ะ นี่คือรายชื่อที่ถูกโหวตจากพี่ ๆ และเพื่อนน้องนะคะ น้องที่มีชื่อเชิญค่ะ"
What!!! คืออะไร ทำไมมีชื่อฉัน ฮือ ไม่นะอิสระของฉัน ฉันกับยัยทิพย์มองหน้ากันทันที เอาแล้วไง ความซวยมาเยือนแล้ว
"ค่ะ นี่คือโฉมหน้าที่น้อง ๆ เลือกมานะคะ ซึ่งผู้ชายก็ถือว่าเป็นเดือนของวิศวะกับบริหารไปไม่ต้องประกวดหรือแย่งตำแหน่งจากใคร เพราะมีชื่อมาชนิดละคน เป็นเอกฉันท์ว่าน้องสมควรและเหมาะสมกับตำแหน่งค่ะ" เจ๊ริชชี่พูด
"ต่อไปเป็นคำถามพี่จะถามคำถามเดียวตอบทุกคนนะคะ" เจ๊รันนี่ปีสองพูดขึ้น
"อะไรคือหน้าที่ของดาวคณะคะ" คำถามง่ายแต่ตอบอยากแฮะ
พี่เขาก็ให้ก้อยกับปลาตอบก่อน ซึ่งทั้งสองตอบได้ดีมาก แถมเธอทั้งสองยังยิ้มให้กำลังใจพวกฉันอีกด้วย สงสัยละสิว่าเราทั้งสองคณะไม่เขม่นกันมั่งเหรอ ไม่ล่ะค่ะ เราเป็นเพื่อนกัน แถมก่อนที่พวกพี่จะลงเชียร์เราต้องมาปรับพื้นฐานด้วยกันเป็นอาทิตย์ทำให้กลุ่มฉันมีฉายาด้วยล่ะ แต่ไม่บอกหรอกปล่อยให้งง
"น้องหวานคิดว่าอะไรคือหน้าที่ของดาวคณะคะ" เจ๊ริชชี่เป็นคนถาม
"ค่ะ ดาวคณะ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าดาว แสดงว่าต้องเป็นหน้าตาให้กับคณะได้ นอกจากความสวยแล้วเนี่ย ต้องมีความรู้ความสามารถเหมาะกับการเป็นดาว ทั้งยังต้องดำรงตนเป็นแบบอย่างที่ดี แต่ก็ไม่ต้องตามระเบียบของคณะมาก เพียงแค่มีความจริงใจ เสียสละ ซื่อตรงมีน้ำใจต่อเพื่อนในคณะและต่างคณะ ที่สำคัญต้องเป็นตัวของตัวเองไม่เฟคค่ะ คนเราถ้าเฟควันหนึ่งนิสัยที่แท้จริงก็ต้องออกมาแน่นอนค่ะ สรุปง่าย ๆ เลยคือ มีความรู้ความสามารถและจริงใจไม่เสแสร้งต่อคนอื่น ก็ถือว่าทำหน้าที่ดาวได้อย่างดีแล้วค่ะ" โอ้โห ยัยหวานตอบได้ดีมาก เหมาะสมกับตำแหน่งนี้มาก ซึ่งพวกฉันสามคนก็มองหน้ากันก่อนจะยิ้มอย่างมีเลศนัยไหน ๆ ตอนอยู่โรงเรียนแกก็เคยเป็นดาว นี่ก็เป็นดาวมหาลัยไปอีกละกันเนอะ
"ตอบได้ดีมากเลยนะคะเนี่ย อิอิ" เจ๊ริชชี่หัวเราะ
"แล้วน้องพิ้งค์ล่ะคะ คิดยังไงกับตำแหน่งดาว"
"อืม ก็คงเหมือนกับน้ำหวานค่ะ แต่หนูไม่สนใจตำแหน่งนี้ขอไม่พูดแล้วกันนะคะ" ยัยพิ้งค์พูดจบเจ๊ริชชี่และเจ๊รันนี่หน้าเหวอไปเลยรวมถึงคนอื่น ๆ ด้วย นี่แค่คนแรก เดี๋ยวเจอยัยทิพย์กับฉันจะหนาว
"ค่ะ ตอบได้ง่ายดีแล้วน้องทิพย์ล่ะคะ"
"สำหรับหนู ก็คล้าย ๆ หวานกับพิ้งค์ค่ะ แต่หน้าตาอย่างหนูไม่เหมาะกับตำแหน่งนี้หรอกค่ะ หน้าหนูเหมาะเป็นดาวตบมากกว่า ขอบคุณค่ะ" ยัยทิพย์พูดจบพี่เขานิ่งไปทันที นั่นแค่ยัยทิพย์เอง จะหงายแล้วเหรอคะ
"อื้มค่ะ น้องตอบชัดเจนดี แล้วน้องมนต์ล่ะคะ" พี่เขาถามอย่างมีความหวัง ฉันกระตุกยิ้มให้ทีหนึ่ง ก่อนจะพูดว่า
"อะไรคือดาวคะ ดาวคืออะไร หนูไม่เห็นจะสนใจเลย ในเมื่อเจ๊ถามหนูก็จะตอบ ง่าย ๆ เลยค่ะ น้ำหวานเหมาะเป็นดาวประจำคณะบริหาร เพราะหน้าตาสวย ใสซื่อเหมือนไม่ทันคน แต่นางเก่งมีความสามารถ ถ้าถามว่าหน้าที่ดาวคืออะไร เจ๊เลือกเพื่อนหนูเถอะค่ะ เพราะหวานตอบโจทย์เจ๊ทุกทาง อย่ามาถามคำถามเพื่อคำตอบที่ไร้สาระจากพวกหนูเลยค่ะ" ฉันพูดจบเจ๊ ๆ และคนอื่น ๆ รวมถึงพี่ว้ากมองฉันตาค้าง ฉันหันไปยิ้มกับยัยทิพย์และพิ้งค์ก่อนจะหันไปหายัยหวาน ที่ทำหน้างอนใส่ฉันอยู่
"โอเคค่ะ เจ๊เข้าใจแล้ว สรุปดาวประจำคณะวิศวะคือน้องก้อยนะคะส่วนดาวประจำคณะบริหารคือน้องหวานค่ะ" ทันทีที่เจ๊ริชชี่พูดจบ พวกฉันก็ยิ้มทันที
"ส่วนตัวแทนห้าคนที่ต้องเป็นตัวแทนไปแข่งกับคณะอื่น เป็นพวกพี่ต้องเลือกนะคะ และพวกพี่ตัดสินใจเลือกกันไว้ก่อนหน้านี่แล้ว ผู้ชายเดือนที่จะลงแข่งพี่ขอส่งแดนจากวิศวะนะคะ ส่วนดาวพี่ขอส่งหวานจากบริหารค่ะ ส่วนตัวแทนสามคนที่ต้องแข่งเต้นร้องเซ็กซี่คือ น้องพิ้งค์น้องทิพย์และน้องมนต์ค่ะ น้องคนอื่นคิดว่าไงคะ ไม่ต้องกลัวนะคะว่าจะไม่ยุติธรรมเพราะพี่คัดจากรายชื่อที่เพื่อนน้องเขียนส่งมาให้พวกพี่ช่วงเช้า ซึ่งชื่อน้องทั้งสามปรากฏเหมาะสมเป็นตัวแทนแปดสิบเปอร์เซ็นต์ค่ะ
หวังว่าน้องที่ถูกเลือกจากเพื่อน ๆ และพี่จะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดนะคะ และพรุ่งนี้ตัวแทนทั้งห้ามาพบพี่ที่ห้องประชุมหนึ่งด้วยนะคะ น้อง ๆ เชิญกลับไปนั่งที่ได้ เชิญพี่ว้ากทำหน้าที่ต่อได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ" อะไรนะ นี่มันมัดมือชกกันชัด ๆ อุตส่าห์รอดจากดาวมาได้ ยังต้องมาเกี่ยวกับพวกร้องเต้นอีกเหรอ งานหนักกว่าดาวอีกนะ จะเถียงก็ขัดไม่ได้ เจ๊ริชชี่เล่นรวบรัดซะขนาดนั้นแถมพูดยาวยิ่งกว่าอาจารย์อธิบายข้อสอบซะอีก งือ มนต์เครียด มนต์ไม่อยากเป็นจุดเด่น ใครก็ได้ช่วยมนต์ด้วย..."พวกคุณคงได้ยินกันแล้ว ใครได้รับความไว้วางใจเป็นตัวแทน ก็ขอให้ตั้งใจและทำให้เต็มที่ อย่าปีกกล้าขาแข็งกับพี่เด็ดขาด" พี่ทอร์นาโดพูด เหมือนฉันจะโดนเขาว่ากระทบเลยอะ
"เอาละ ส่วนคนที่ไม่ถูกเลือกก็ขอให้เชียร์เพื่อนอย่างจริงใจ และอย่าลืมทุกอย่างในที่นี้เป็นความลับ หากข่าวนี้รั่วไหลจากคุณคนใดคนหนึ่ง ผมไม่รับประกันความปลอดภัยกับการรับรุ่นของคุณนะครับ" พี่มันยังพูดต่อ
"และอย่าลืม อย่าพยายามสร้างปัญหาให้พี่พวกคุณอีก อย่าลืมนะครับ พวกผมจับตาดูพฤติกรรมของพวกคุณอยู่" พี่มันยังพูดต่อเมื่อไหร่จะพูดจบ เบื่อ! คนยิ่งเซ็ง ๆ อยู่
"คุณน้ำมนต์เลิกเชียร์แล้วมาพบผมที่ห้องเฮดว้ากด้วย เชิญปีสองทำหน้าที่ครับ" พี่มันพูดจบก็เดินออกไป ว่าแต่อะไรนะ ให้ฉันไปพบเหรอ
o_o
ให้ฉันไปพบ เขาจะฆ่าฉันเปล่าวะ สายตาที่มองมาขนลุกแปลก ๆ เว้ย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก"เชิญ"ตอนนี้ยัยตัวเล็กยืนอยู่ข้างหน้าผม หน้าตาไม่ต้องพูดถึง หน้านิ่งแต่ตาเหวี่ยง หึ อ่อนไปอีหนู คิดจะเล่นกับพายุหนูต้องนิ่งกว่านี้"เรียกมาทำไม""ไม่มีมารยาท ที่บ้านไม่สอนเหรอว่าคุยกับผู้ใหญ่ควรพูดยังไง""สอน แต่ฉันก็เลือกใช้กับคน""หึ เด็ก""เด็กแล้วจะทำไม""ฉันก็แค่... คนแบบเธอจะเป็นตัวแทนแข่งขัน มันไม่น่า""ทำไม คนแบบฉันมันทำไม แล้วก็ขอบอกตรงนี้เลยนะ ฉันไม่ได้เสนอว่าจะแข่ง แต่เป็นเพื่อนในรุ่นมากกว่าที่เลือกฉัน และก็จะบอกให้ ต่อให้ตายฉันก็ไม่มีวันลงแข่งหรอกชิ แค่นี้ใช่มะ เสียเวลาชะมัด" ผมแอบยิ้มมุมปากทันทีที่เธอบอกว่าจะไม่แข่ง"หยุด ฉันยังไม่อนุญาตเธอก็ออกไปไม่ได้" คนตัวเล็กมองผมอย่างไม่สบอารมณ์"แล้วจะเอายังไง""ก็ไม่ยังไง""นี่ ถ้าไม่มีอะไรฉันกลับนะ เหนื่อย ไม่อยากทะเลาะด้วย" คนตัวเล็กพูด ถึงจะพูดห้วน ๆ แต่สายตานี่ขอร้องมาก ผมควรทำยังไงดีวะ จะให้ออกไปก็ยังไงอยู่ คนเขาอุตส่าห์อยากอยู่ด้วย"เหอะ เอาเถอะ ฉันจะอนุโลมให้เธอหนึ่งวัน อย่าเพิ่งยิ้ม พรุ่งนี้เธอต้องมาพบฉันที่นี่ ตอนบ่ายสองโมงตรง""ทำไมฉันต้องมา""อย่าลืมสิน้ำมนต์ ว่าเธอมีความผิดติดตัวอยู่ เธอต้องตามล่าชื่อฉั
py pubใช่ครับ ผมอยู่ผับ ผับผมเองแหละ ก็แวะมาคลายเครียดกันนิดหน่อย พวกผมเป็นผู้ชาย ที่สำคัญโสด มันก็เป็นธรรมดาของพวกผมที่จะต้องมากินเหล้าเคล้านารี อย่าด่าพวกผมเลวเลยครับ เรียกว่าแบ่งปันความหล่อให้สาว ๆ ได้เชยชมก็พอ ซึ่งเพื่อนสามตัวของผมก็มีสาวนั่งข้างเรียบร้อย โดยเฉพาะไอ้เหนือที่ตอนนี้มันกับสาวไซซ์มหึมาแทบจะล่อกันตรงนี้อยู่ละ"มึง กูไปละ" ไอ้วินพูดจบ มันก็เดินไปกับสาวร่างเล็กที่นมไม่เล็ก"โชคดีนะพวก"พูดจบ ไอ้ดินมันก็ควงสาวผมแดงขึ้นห้องทันที ใช่ครับพวกผมมีห้องไว้ทำภารกิจที่นี่ สำหรับลงความใคร่น่ะครับ รวมถึงห้องนอนด้วย แต่ห้องนอนไม่มีใครมีสิทธิ์เข้านะครับ เพราะมันเป็นพื้นที่ส่วนตัว สาว ๆ ที่พวกผมมีอะไรด้วยก็แค่ วันไนท์สแตนด์ ไม่มีการผูกมัด มีความสุขกันทั้งสองฝ่าย พร้อมกับเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เป็นค่าตอบแทนแก่สาว ๆ"ไอ้เหนือ ห้องมีไอ้สัตว์ ไปได้แล้ว มึงจะล่อกันตรงนี้เลยหรือไง"ผมพูด ผมล่ะยอมมันจริง ๆ หื่นไม่เลือกที่จริง ๆ มันเงยหน้าจากนมผู้หญิงคนนั้นพร้อมมองผมอย่างไม่สบอารมณ์"ไปกันเถอะครับน้องหญิง จะได้ไม่มีใครมาขัดอารมณ์เราสองคนอีก" มันพูดกับผู้หญิงที่เป็นเหยื่อของมันในค่ำคืนนี้ ก่อนจะ
"ขอโทษค่ะที่สาย" มาแล้วน้องมนต์ของเจ๊"เอ่อเจ๊คะ""หนูไม่ต้องพูดขอเจ๊ทำใจแป๊บหนึ่ง เจ๊รับไม่ได้" มาถึงก็จะเอาเลยเหรอ มีไอ้พายุนั่งยิ้มมุมปากอยู่คนเดียวคงสะใจล่ะสิ หึ"เจ๊" หนูอย่าเรียกเจ๊แบบนั้นสิเจ๊ใจไม่ดี"หนูแค่จะบอกว่า หนูจะลงแข่งเอง""อืม เจ๊รู้แล้ว เดี๋ยว... หนูว่ายังไงนะ""หนูแค่จะบอกว่าหนูจะลงประกวดเอง""อ๊าย จริงเหรอ""จริงค่ะ""หนูไม่ได้โกหกเจ๊ใช่ไหมลูก""ค่ะ" หลังจากได้รับคำตอบที่น่าพึงพอใจอย่างมาก ความเครียดของตุ๊ดอย่างฉันก็หายเป็นปลิดทิ้ง หึหึ มีความสุข ฉันหันไปเหล่ตามองไอ้พายุที่ตอนนี้นั่งไม่สบอารมณ์อยู่ หัวเราะทีหลังดังกว่า"ยัยมนต์ ไหนแกบอก""พวกแกก็รู้ว่าฉันเกลียดอะไรมากที่สุด ถึงคอนโดแล้วเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง" ยังไม่ทันที่น้องพิ้งค์จะพูดจบน้องมนต์ก็ขัดขึ้นมาซะก่อน ต้องมีอะไรแน่ ๆ แต่ช่างเถอะ แค่แก๊งนี้ลงให้ฉันก็ฟินจนไม่รู้จะฟินยังไงแล้ว"ใครไปปลุกต่อมแกวะ" ซึ่งน้องหวานถามแต่น้องมนต์ก็ไม่ตอบได้เพียงส่งยิ้มร้ายให้เท่านั้น"หนูอย่ายิ้มอย่างนั้นสิจ๊ะ เจ๊กลัว" ฉันพูดติดตลกซึ่งน้องมันก็ขำ หลังจากนั้นเราก็พูดถึงกฎกติกากันอีกครั้งหนึ่ง"เจ๊ มนต์จะลงวอลเล่ย์บอลนะ""หนูจะไหวเหรอล
"อะไรพวกแก ทำไมมองฉันอย่างนั้น" ก็จะไม่ให้มนต์คนสวยถามได้ไงล่ะ ก็เพื่อนสามตัวเล่นนั่งจ้องขนาดนี้ จะกินเตี๋ยวก็กินไม่ลง"เล่ามา" อื้ม พร้อมกันเชียว"เล่าไรวะ" ฉันก็แค่แกล้งมันไปงั้นแหละ จริง ๆ ก็รู้แหละว่าพวกมันอยากรู้อะไร"ก็ใครมันไปจี้จุดแกล่ะวะ องค์ถึงได้ลง" ยัยหวานถามด้วยความอยากรู้สุด ฉันยิ้มหวานให้พวกมันหนึ่งครั้ง"ถ้าฉันจำไม่ผิด ฉันบอกพวกแกว่า ถึงคอนโดจะเล่าให้ฟัง เพราะฉะนั้นรอก่อนนะเด็ก ๆ" ฉันพูดจบก็ก้มลงกินก๋วยเตี๋ยวต่อ"พรุ่งนี้ มาพบฉันที่ห้องตอนบ่ายสอง"เพิ่งกินก๋วยเตี๋ยวได้คำเดียว เสียงไอ้เฮดว้ากก็ดังขึ้นมาในหัว"นี่! พวกแก ตอนนี้กี่โมงแล้ววะ" ปากถามแต่ก็ไม่ได้หยุดกินก๋วยเตี๋ยวแสนอร่อยของฉันเลยสักนิด"บ่ายสอง" o_o"ฮะ บ่ายสอง ตาย ตายแน่ ๆ ตาย ๆ" ฉันรีบเก็บของเข้ากระเป๋า"ใครตายยัยมนต์" ยัยพิ้งค์ถาม"ไม่มีเวลาแล้วแก ไปก่อนนะ" พูดจบฉันก็รีบวิ่ง ย้ำว่าวิ่งขึ้นตึกวิศวะห้องไอ้เฮดว้ากทันที ตายแน่ ฉันตายแน่ ป่านนี้แช่งชักหักกระดูกฉันแล้วมั้ง"ขออนุญาตค่ะ"หลังจากถึงห้องฉันก็เปิดประตูพรวดเข้าไปพร้อมกับคำขออนุญาตที่ไม่อยากฟังคำตอบรับเท่าไหร่ ก็ฉันเปิดเข้ามาแล้วหนิ สายมากด้วย แต่พอเ
ณ ห้องเก็บอุปกรณ์กีฬาวิศวะแค่ก แค่ก แค่ก"พวกวิศวะไม่เคยเข้ามาทำความสะอาดเลยเหรอวะ อ้อ เพิ่งเปิดเทอม มิน่าล่ะ ถึงใช้เราอย่างกับทาส พูดแล้วก็โมโห" ฉันได้แต่บ่นกับตัวเองแต่ทำอะไรไม่ได้ ยังไงซะฉันก็ต้องรีบทำ เพื่อที่จะได้รีบกลับ อย่างน้อยฉันก็ต้องมาใช้อุปกรณ์และโดมที่นี่ในการฝึกซ้อมวอลเล่ย์ เอาวะ คิดว่าทำให้ตัวเองละกัน หลังจากนั้นฉันก็หยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดและลงมืออย่างรวดเร็ว ผ่านไปสองชั่วโมง17:00"อ่า ห้าโมงแล้วสิ เสร็จสักที เฮ้อ เหนื่อยโว้ย" ฉันรีบเก็บอุปกรณ์และปิดห้องเก็บอุปกรณ์เพื่อที่จะกลับคอนโดร้านป้าแดง"ป้าแดงคะ วันนี้หนูขอข้าวผัดกะเพราหมูนะคะ เอ่อ ไม่ต้องเผ็ดมากนะคะ วันนี้ทั้งวันหนูกินแค่แซนด์วิชเอง เดี๋ยวปวดท้อง หนูไม่อยากฟังเพื่อนสามนางบ่น"ใช่แล้วค่ะทุกคน ฉันอยู่ที่ใต้คอนโดแล้ว ร้านข้าวป้าแดงที่ฉันชอบมาฝากท้องแทบทุกวันตอนเย็น ขอบอกว่าอร่อยมาก แซ่บเว่อร์ รสมือถูกใจฉันสุด ๆ อ้อ ส่วนนายนั่นอะเหรอ ฉันไม่เห็นหัวตั้งแต่สั่งงานฉันเสร็จเเล้วล่ะ ช่างเถอะ ฉันไม่สนใจหรอก และนับจากวันนี้นะ ฉันจะไม่คุยกับหมอนั่นด้วย คอยดูสิ ถามคำฉันก็จะตอบคำ จะไม่อะไรทั้งสิ้น โกรธ โมโห และน้อยใจ หือ ว
"ก้มหน้าลงไปครับ""เงียบ!!""ไม่เคยพูดกันหรือไง""เล่นกันดีจริง""สนุกกันพอหรือยังครับ"เงียบ ไม่มีแม้แต่เสียงลมหายใจเข้าออกของเด็กปีหนึ่งอย่างพวกฉัน นี่มันก็เพราะว่าเข้าสู่อาทิตย์ที่สองของการรับน้องแล้ว แต่พวกฉันยังไม่ได้ทำหน้าที่ ยังไม่ได้ฝึกซ้อม และเพื่อนในรุ่นก็ยังไม่ได้ทำพรอบทำฉากเลย คือตั้งแต่วันสุดท้ายที่พวกฉันพบเจ๊ริชชี่ รุ่นพี่ก็ปล่อยพวกฉันตามอัธยาศัย มีเรียกเข้าเชียร์บ้าง แต่หนักเลยคือพวกเราร้องเพลงเชียร์ไม่ได้ พวกพี่ว้ากเลยโกรธ"รุ่นพี่พูดอะไรด้วยไม่เคยได้ ว่าไม่ได้ แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้ จะเอารุ่นกันไหมครับ" ขนาดพี่เหนือยังมาทำนองนี้ แล้วอีตาพี่ทอร์นาโดของฉันล่ะ นู่นยืนหน้าถมึงทึงอยู่นู่น เขายังไม่พูดอะไรสักนิดเลยวันนี้ มันแปลก"จะเอายังไง" พูดแล้วพี่ทอร์นาโดของฉันพูดแล้ว แต่เสียงนิ่งไปนะ แบบนี้ไม่ดี"พวกเราขอโอกาสแก้ตัวอีกครั้งครับ" แดน ตัวแทนประธานรุ่นพูดขึ้น"เราเหรอ ขนาดเพื่อนคุณบางคน ยังไม่สามารถทำตามคำสั่งของผมได้เลย แล้วพวกคุณจะทำได้เหรอ" สะดุ้งเลย นี่มันว่าฉันชัด ๆ"ทำได้ค่ะ" และความอดทนฉันก็จบลง ฉันไม่สามารถทนให้เพื่อนโดนด่าแทนได้หรอก"หึ ได้ ไหนล่ะ ผ่านมาสองอาทิตย์
"ไม่แรงไปหน่อยเหรอวะ ไอ้พายุ" ไอ้วิน"ใช่ มันเหมือนประจานน้องเลยนะเว้ย" ไอ้เหนือ"ระวังเขาจะเกลียดมึงเข้าไส้ ด่าเขาไว้เยอะ" ไอ้ดิน ไอ้เชี่ยนี่ก็ปากหมาฉิบ แต่ทุกอย่างผมก็มีเหตุผลของผม ทุกสิ่งที่ออกจากปากคนเราออกไปแล้ว มีเหตุผลเสมอ แต่มันคืออะไรก็สุดรู้"พวกมึงจะบ่นเพื่อ?" ผมยักคิ้วถามพวกมันนิ่ง ๆจริง ๆ สิ่งที่ผมทำไปเมื่อครู่ มันอาจจะดูรุนแรงสำหรับรุ่นน้อง แต่ทุกอย่างที่ผมทำ มันก็มีเหตุผลเมื่อวานเด็กปีสองพวกไอ้ก้องมาบอกว่า เด็กรุ่นนี้ดื้อ แล้วก็มีนาวเด็กปีสองบริหารและคนอื่น ๆ มาบอกกับพวกผมว่ารุ่นน้องพูดด้วยไม่ได้ ติดเล่น ดื้อ บอกไม่ฟัง และเอารุ่นพี่ไปนินทาจนสนุกปาก งานที่สั่งก็ไม่เสร็จ กีฬาก็ไม่ซ้อม นี่เลยเป็นที่มาของการว้ากน้องวันนี้ครับ แต่ผมก็ผิด!!!ที่ผมบอกว่าผมผิดก็เพราะว่าผมด่าน้ำมนต์ เหมือนเป็นการประจานเธอ แต่ก็ดีเธอจะได้รู้ตัวซะบ้างว่าควรทำอะไร นี่อะไรผ่านมาสองอาทิตย์น้องไม่เคยเข้าหาผมเลย ไม่เคยคิดที่จะหาวิธีมาถามมาคุยกับผม ไม่มี! ซึ่งผมก็ไม่อะไรถ้าไม่ติดว่าคนอื่นจะต้องเดือดร้อนไปกับเธอด้วย มันดูเหมือนให้เธอแบกรับภาระไว้คนเดียว ซึ่งจริง ๆ แล้วผมต้องการให้เธอมีความรับผิดชอบ เพร
หืม ทุกคนคะ ช่วยฉันด้วยก็อิตาพี่ทอร์นาโดนี่น่ะสิ มันเห็นฉันทะเลาะกับรถพี่มันตั้งนานแล้ว แต่มันไม่ยอมออกมา มันแอบดูฉัน แอบฟังฉัน แล้วไงล่ะ ฉันก็ระเบิดอารมณ์ใส่รถพี่มันไปสะเต็มที่ หวังจะให้พี่มันเจ็บใจ แต่!!!กรรมมันก็ดั้นมาตกอยู่ที่ฉันนี่สิ นั่งหวานอมขมกลืนยังต้องขับรถให้มันขึ้นเนี่ย แล้วนี่อะไร นั่งมาตั้งนาน มันยังไม่ยอมพูดอะไรเลย แถมยังจะบอกให้ฉันขับรถไปเรื่อย ๆ ฮือ ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวชัด ๆ "นี่ จะให้ไปสะ..”เอือก!!ทำไมต้องมองแรงขนาดนั้นด้วยวะ"คุณจะให้ฉันไปส่งที่ไหนคะ" ถามออกไปแล้ว ฉันถามพี่มันออกไปแล้ว แล้วไมต้องมองหน้าเหมือนไม่พอใจด้วยวะ นี่ก็ถามดี ๆ ปะ ห้วย เดี๋ยวแม่ก็เบิดกะโหลกให้ซะหรอก"ไปคอนโดเธอ"“ฮะ” "ไปคอนโดเธอ""นะ นี่ จะบ้าหรือเปล่า บ้านคุณก็มี ทำไมไม่ให้ฉันไปส่งบ้านคุณล่ะ คุ..”"อย่าพูดมาก มีหน้าที่ขับและทำตามคำสั่งก็ขับไป ขืนเถียงต่อปากต่อคำอยู่แบบนี้ รูปและวิดีโอในเครื่อง คงจะต้องถูกส่งให้ครูวินัยเป็นแน่"ฮึ่ย โมโหค่ะ โมโห ทำอะไรไม่ได้ โกรธตัวเอง โมโหไอ้คนหน้าตายที่นั่งข้าง ๆ อย่างสบายใจ ถ้าไม่ติดว่ามีความผิดนะ ฝันไปเถอะ แล้วพี่มันไปคอนโด มันคิดอะไรไม่ด
30 นาทีต่อมาก๊อก ก๊อก ก๊อกฉันเคาะประตูเรียกคนในห้อง แต่ก็ไม่ยอมออกมาเปิด ฉันยืนชั่งใจอยู่หน้าประตูสักพัก ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปในห้อง เข้าไปก็เห็นเขานอนหันหลังให้ประตูอยู่“ลุกขึ้นมาคุยกันก่อนค่ะ” ฉันเรียกแต่คนตัวโตก็ไม่ยอมขยับพรึบฉันพลิกร่างให้เขานอนหงายก่อนจะนั่งคร่อมเขาเอาไว้ แล้วไล้มือไปตามหน้าอกของเขาช้า ๆ เขามองการกระทำของฉันนิ่ง ๆ“มนต์ขอโทษ ทีหลังจะไม่ทำแบบนี้แล้วค่ะ” ฉันบอกเขาเสียงหวาน แล้วมองเขาด้วยสายตาเชิญชวนที่สุด“อย่ามายั่ว เดี๋ยวจะไม่ได้นอน” เขอพูดแล้วจับเอวจะให้ฉันลงจากตัวเขา แต่ฉันไม่ยอม นั่งบดเบียดให้ส่วนนั้นของเขากับฉันบดเบียดกันมากกว่าเดิม“น้ำมนต์”“หายโกรธมนต์สิคะ แล้วมนต์จะหยุด นะ นะคะ” เขามองฉันนิ่งก่อนจะเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา“มาง้อแบบนี้คิดดีแล้ว” เขาถามฉันจึงพยักหน้าเขิน ๆ ให้เขาไปพรึบอะ “ขอบคุณนะครับ” ตัวของฉันถูกกดลงบนเตียงนอน ในใจเต้นตึกตัก รอคอยสัมผัสจากเขา จมูกเธอได้กลิ่นครีมอาบน้ำที่เขาใช้ ทำไมนะทั้ง ๆ ที่ห้องของเขาและฉันใช้สบู่กลิ่นเดียวกัน แต่กลับรู้สึกว่าเมื่อมันอยู่บนตัวเขาแล้วมันดันหอมกว่าซะงั้นจุ๊บ จ๊วบเขาค่อย ๆ ไล่จูบฉันตั้งแต่
1 ปีผ่านไป ทุกคนคะตอนนี้ฉันขึ้นปีสองแล้วค่ะ ส่วนเฮียพายุก็อยู่ปีสี่แล้ว ปีนี้เฮียพายุฝึกงาน เราจึงไม่ค่อยได้เจอกันนัก เจอกันอาทิตย์ละสองถึงสามวันก็เท่านั้นเองแต่ฉันไม่เคยน้อยใจเขานะคะ เข้าใจเขาซะอีก เพราะงานเขาเยอะมาก ไหนงานที่จะต้องฝึก ไหนจะงานที่ผับเขาอีก เขาไม่ป่วยก็ดีสุด ๆ แล้วค่ะ ที่สำคัญถึงเราจะไม่เจอกัน แต่เฮียพายุเขาก็หาเวลาโทรมาคุยกับฉันทุกครั้ง ทุกครั้งที่โทรมาก็จะอ้อนนั่นอ้อนนี่ไปเรื่อยตามแบบฉบับเขานั่นแหละค่ะขออัปเดตเรื่องราวของเพื่อนสักหน่อย ยัยหวานกับพี่ดินก็หลังจากที่ผ่านการระหองระแหงกันคราวนั้นได้ก็รักกันปานจะกลืนกิน ชีวิตมีแต่สีชมพูไม่อมทุกข์โศกเหมือนใครเขาส่วนคู่พิ้งค์รายนั้นพี่วินก็ตามง้อขอคืนดีจนได้ แต่กว่ายัยพิ้งค์จะคืนดีด้วย ก็ตอนมาขึ้นปีสองนี่แหละค่ะ นางบอกว่าต้องดูให้แน่ใจก่อน จะให้โอกาสแต่ละครั้งต้องคิดดี ๆ เพราะไม่อยากเสียใจส่วนคู่ที่ฉันห่วงสุดคือยัยทิพย์กับพี่เหนือนี่แหละค่ะ ตอนนี้ทะเลาะกันหนักมาก ทะเลาะจนพี่เหนือขอห่างกับมันมาเป็นเดือนแล้ว มันเล่าให้ฟังพี่เหนือเขาเบื่อและรำคาญที่มันหึงเขากับน้องข้างบ้าน ทั้ง ๆ ที่เขาบอกว่ามันไม่มีอะไร แต่นางก็ยังหึง ฉั
อื้อฉันค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเมื่อมีแสงเล็ดลอดผ่านม่านระเบียงห้องเขามา แสงแดดที่ส่องผ่าน ทำให้ฉันต้องกะพริบตาหลายครั้งเพื่อนให้คุ้นชินกับสภาพแสงในห้อง ฉันไล่สายตาไปรอบ ๆ ห้องอย่างไม่คุ้นชิน เพราะที่นี่มันไม่ใช่ห้องฉัน ก่อนจะก้มลงมองที่เอวเมื่อรู้สึกมีอะไรรัดเอวอยู่“เฮียพายุ”ทันทีที่ฉันก้มหน้าลงไปมองที่เอวก็เจอกับวงแขนที่กอดรัดเอวฉันไว้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร ว่าแต่ฉันมาอยู่ที่ห้องพี่พายุได้ยังไง นี่คอนโดเขาเหรอ เอ๊ะ ทำไมรู้สึกโหวงเหวงข้างในนะ“กรี๊ดดดด”ฉันกรี๊ดออมาอย่างตกใจ เมื่อก้อมหน้ามองดูที่คอเสื้อ ฉันไม่ได้ใส่เสื้อใน!“มนต์เป็นไร ใครทำอะไรครับ”“เฮียนั่นแหละทำอะไรมนต์”“อ๋อ นึกว่าเรื่องอะไร” เขาตอบแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ฉัน“เฮียคะ ไม่ตลกนะ”“แล้วเราคิดว่าเฮียทำอะไรละ”“เฮียจิ้มมนต์แล้วใช่ไหม”โป๊ก“โอ๊ย เฮียดีดหน้าผากมนต์ทำไม มนต์เจ็บนะ คนฉวยโอกาส”“คิดดี ๆ ถ้าเฮียจิ้มมนต์ เราจะมีแรงลุกมาโวยวายไหม” ฉันคิดตามที่เขาพูด แล้วตรวจสภาพตัวเองก็พบว่าทุกอย่างยังอยู่เหมือนเดิมขาดก็แต่เสื้อในเท่านั้นที่หายไป“แล้วเฮียทำอะไรบ้างละคะ” ฉันถามเขาพร้อมทำหน้างอ“จะให้พูดจริงเหรอ”“เฮีย!!” ฉันมองเขาทั้ง
ผมมองน้ำมนต์ด้วยความไม่พอใจไม่ใช่ว่าเธอตบรุ้งนะ แต่เพราะบนใบหน้าของเธอมีรอยแดง เป็นรอยนิ้วมือปรากฏอยู่ ผมเคยบอกเธอแล้ว ว่าอย่าทำให้ตัวเองเจ็บตัว แล้วดูตอนนี้สิหมับ“จะไปไหน”“...” เธอไม่ตอบแต่พยายามสะบัดแขนออกจากมือของผม นี่คงจะคิดเองเออเอง ว่าผมเข้าข้างรุ้งสินะ เหอะ ผมไม่ได้โง่เหมือนพระเอกในละครนะครับที่พอเห็นฉากที่นางเอกมีเรื่องกับนางร้าย แล้วจะเข้าข้างนางร้ายด่านางเอก ผมพายุครับ ผมไม่ได้โง่!!! ผมคบกับมนต์มาตั้งหลายเดือน คิดเหรอว่าผมจะไม่รู้ว่าแฟนตัวเองนิสัยยังไง“ปล่อย”“จะไปไหน อยู่คุยกันก่อน” ผมพูดกับคนที่เริ่มดื้อ คอยดูสิเดี๋ยวก็ร้องไห้ อะนั่นไงน้ำตาไหลแล้ว ผมยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย คิดมากไปเองอะมนต์“พี่พายุคะ รุ้งเจ็บ” ผมดึงมนต์เข้ามากอดไว้แน่น เมื่อเห็นเธอร้องไห้ แล้วมองไปที่ไอ้วินให้มันพยุงรุ้งขึ้นมา“แฟนผมก็เจ็บ”“พี่พายุ!” รุ้งเรียกผมอย่างไม่อยากจะเชื่อที่ผมเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเอง ส่วนยัยตัวแสบที่อยู่ในอ้อมกอดผมก็เงยหน้าขึ้นมามองผมทั้งน้ำตา จนผมต้องเอื้อมมือไปเช็ดหยดน้ำตาออกจากใบหน้าให้อย่างแผ่วเบา“แต่มนต์เขาทำร้ายรุ้งนะคะ พี่พายุควรจะปลอบรุ้งสิ”“ทำไมฉันต้องปลอบเธอ รุ้
วันสอบวันสุดท้าย“ไงพวกแกทำได้กันไหมวะ”“อื้อได้” ฉันเอ่ยถามเพื่อน ๆ ของฉัน หลังจากแกจากห้องสอบแล้วใช่ค่ะวันนี้เป็นวันที่พวกฉันสอบวันสุดท้าย ตลอดอาทิตย์นี้ ฉันกับพี่พายุก็ไม่ค่อยเจอกันเท่าไหร่เพราะว่าพี่เขาก็อ่านหนังสือเตรียมสอบเหมือน แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเขาก็ทั้งโทรทั้งไลน์มาคุยกับฉันอยู่ดี"กลับเลยไหม ไหน ๆ ก็สอบเสร็จแล้ว”“พวกแกกลับก่อนเลย ฉันขอรอเฮียพายุก่อน เฮียเขาบอกให้รอ” ฉันตอบยัยพิ้งค์ พวกมันก็พยักหน้ารับก่อนที่จะเดินแยกออกไปขออัปเดตเรื่องราวของยัยพิ้งค์กับพี่วินหน่อยนะ ตอนนี้เขาสองคนเลิกกันแล้วละ สวนพี่วินก็พยายามตามง้อ แต่ยัยพิ้งค์ไม่ยอมคืนนี้ ฉันถามมันว่าทำไม มันบอกฉันว่า วันนั้นที่มันร้องไห้มันตั้งใจจะไปง้อพี่วิน เพราะพี่วินงอนนางอยู่ แต่พอเปิดประตูเข้าไปนางกลับโดนเซอร์ไพรส์ซะเองพี่วินนอนอยู่บนเตียงกับคู่หมั้นเสื้อผ้าไม่ได้ใส่ พี่วินก็พยายามจะอธิบาย แต่นางไม่ฟังวิ่งร้องไห้ออกมา จนในที่สุดนางก็ตัดสินใจบอกเลิกพี่วิน พี่วินตัดสินใจมาพูดคุยกับพวกฉัน ขอให้พวกฉันช่วยจนพวกฉันต้องบอกพี่วินไปตรง ๆ ว่าเรื่องนี้ช่วยอะไรไม่ได้ พี่วินผูกเองก็ต้องแก้เอง แล้วฉันยังบอกพี่วินอีกว่า คนอ
ผมนั่งมองคนที่นั่งนิ่งไม่ยอมขยับตั้งแต่รถเข้ามาจอดในบ้าน ตอน แรกก็เห็นว่ายิ้มออกแล้วไม่คิดว่าจะขนาดนี้ นั่งนิ่งเป็นหินเลย“ไปครับ ไปเจอครอบครัวเฮียได้แล้ว” ผมหันไปบอกคนที่ทำหน้าจะร้องไห้อยู่ ผมเลยเลือกที่จะลงรถแล้วลงไปเปิดประตูรถให้เธอก่อนที่จะจับมือเธอลงมาจากรถ“พวกท่านจะรักมนต์ เชื่อเฮียนะครับ” ผมบอกคนตัวเล็กอีกครั้ง“ไหน คนที่มั่นใจในตัวเองไปไหนแล้ว น้ำมนต์ที่ปากหมาคนนั้นอยู่ไหนครับ หืม” ผมแกล้งว่าให้คนตัวเล็กก่อนที่ผมจะได้ค้อนวงโตจากเธอ “ไปครับ” ผมยิ้มให้เธอก่อนจะจับมือเธอเดินเข้าไปในบ้าน ไม่รู้จะเกร็งอะไรขนาดนั้น ไม่ได้พามาฆ่าสักหน่อย“อ้าวมาแล้วเหรอตายุ”“ครับคุณพ่อ แล้วนี่คุณแม่กับคุณย่าไปไหนครับ” ผมถามเมื่อไม่เห็นท่านทั้งสองคน“เข้าครัวนะ ทำอาหารรับขวัญแฟนแก”“นี่น้ำมนต์ครับ มนต์นี่พ่อเฮีย”“สวัสดีค่ะคุณลุง”“เรียกพ่อเหมือนตายุเถอะหนูมนต์”“เอ่อ ค่ะ คุณพ่อ” ผมยิ้มออกมาเมื่อเธอยอมเรียกพ่อผมว่าพ่อ ส่วนพ่อก็มองผมด้วยสายตาที่รู้ทัน ผมก็มองคนตัวเล็กที่นั่งเกร็งไม่ยอมขยับ ไม่กล้าพูด น่าเอ็นดูจริง ๆ“อ้าวตายุมาแล้วเหรอ น้องล่ะ”“อยู่นี่ไงครับคุณแม่ มนต์นี่คุณย่ากับคุณแม่ของเฮียเอง”
“ยัยมนต์”“...” ฉันไปตอบแต่มองคนตรงหน้าแทน“ขอบใจนะที่มาเป็นแบบให้”“อืม ฉันไปละ” พูดจบฉันก็จะเดินออกไปจากสตูที่เราใช้ถ่ายงาน“เดี๋ยว ระวังผู้หญิงที่ชื่อรุ้งดี ๆ ถ้าเธอพลาดเธอจะเสียใจเหมือนฉัน ครั้งหนึ่งฉันมีเคยมีแฟนและรักกันมาก แต่พอพี่เขามาเรียนต่อมาเจอกับยัยรุ้งนั่น ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป”“...”“ฉันกับเขาต้องเลิกกัน ผู้หญิงคนนี้ทำได้ทุกอย่างที่อยากได้ ไม่สนแม้กระทั่งความถูกผิด ถ้าเธอคิดว่าฉันร้าย ฉันยอมรับ แต่ผู้หญิงอย่างยัยนั่นเรียกว่าร้ายไม่ได้หรอกนะ เพราะยัยนั่นมันเลว ระวังดี ๆ ล่ะ” ฉันยืนหันหลังฟังยัยพรรณพูด สงสัยยัยรุ้งนะร้ายกว่าที่คิดแฮะคนไม่ชอบหน้ากันอย่างยัยพรรณถึงได้ออกปากเตือน“อืม ขอบใจ แค่นี้ใช่ไหม ฉันไปล่ะ”“เดี๋ยว”“อะไรอีก”“พี่พายุอะ เด็ดดีนะ เตรียมตัวให้พร้อมละ อย่าทำให้โกรธเชียวเดี๋ยวชะตา...ขาด จะหาว่าฉันไม่เตือน หึ”“ยัย..” ฉันหันไปกะว่าจะด่ายัยพรรณนี่เต็มที่ แต่มันดันเดินหนีไปแล้ว หนอยแหนะขิงว่าตัวเองได้พี่พายุงั้นเหรอ แล้วมีการบอกว่าเตรียมตัวเพราะชะตา..จะขาดอีก ยัยบ้านี่ ไม่ชอบหน้ากันยังไงก็ไม่ชอบอย่างนั้น สงสัยจะดีกันไม่ได้ ยัยอสรพิษเอ้ยตืด...ตืด...“ทำไมรับช้า
เฮ้อฉันนั่งถอนหายใจเป็นรอบที่สิบ หนักใจ หนักใจจริง ๆ“แกเป็นอะไรของแกยัยมนต์ มีเรื่องอะไร” ฉันมองหน้ายัยหวาน ที่มันนั่งมองหน้าฉัน นั่งดูฉันถอนหายใจออกมาเงียบ ๆ จนอดที่จะถามออกมาไม่ได้“ก็ คืองี้ ยัยพรรณมาขอร้องให้ฉันไปเป็นแบบให้กลุ่มนางถ่ายรูปหน่อย เพราะอาจารย์วิชานาง บอกว่า ถ้าให้ฉันไปเป็นแบบให้นางไม่ได้ พวกนางทั้งกลุ่มก็จะไม่ได้เข้าสอบ”“อ้าว ไมเป็นงั้นละ”“นางบอกฉันว่า อาจารย์สั่งงานชิ้นนี้ตั้งแต่จบกิจกรรมการแข่งขัน แต่นางไม่ชอบหน้าฉัน ค่อนข้างจะเกลียดขี้หน้า เพราะฉันชนะนาง ตามแบบฉบับพวกอีโก้สูงนั่นแหละ นางเลยไม่ยอมมาติดต่อ”“แล้ว”“ก็พออาจารย์เห็นว่ามันนานแล้วแต่กลุ่มนางยังไม่ได้ส่ง อาจารย์ก็เลยถามถึง แล้วพอนางตอบไม่ได้ อาจารย์ก็เลยบอกมาแบบนั้น”“แล้วคนอื่นไม่ได้เหรอ”“ฉันถามนางแล้ว แต่อาจารย์ไม่ยอม เพราะอาจารย์อยากให้ฉันเป็นแบบมาก เห็นว่ากลุ่มนางเป็นศูนย์รวมคนเก่ง โดยเฉพาะตากล้องนะ แล้วอาจารย์ก็อยากเป็นแบ็กหลังให้ตากล้องคนนี้ส่งภาพประกวดด้วย เลยรีเควสมาว่าขอเป็นฉันเลย”“...”“ความจริงอาจารย์บอกนางว่า ถ้านางบอกปัญหาที่มีมาตั้งแต่แรก อาจจะเปลี่ยนคนหรือธีมได้ แต่นี่มารู้ตอนนี้”“อา
“พี่พายุคะ พี่พายุ” “...”“พี่พายุคะ ตื่นค่ะ กินข้าวเร็วจะได้กินยา”“ฮือ พี่นอนก่อนนะ เอาไว้ก่อน”“ไม่ได้ค่ะ ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้!”“...”“ถ้าพี่พายุไม่ลุกขึ้นมา มนต์จะไม่คุยด้วยแล้วนะคะ”“โอ๊ย มนต์อะ” ฉันมองคนตรงหน้าที่ลุกขึ้นมานั่งหน้าบูด ตาก็แดง แก้มก็แดง สงสัยไข้จะเล่นงานแล้วแน่เลย“ไปล้างหน้าค่ะ แล้วมากินข้าว ให้ไวเลยนะคะ!”“...” เขามองหน้าฉันแล้วสะบัดหน้าหนีลุกไปล้างหน้า ก่อนจะเดินกลับมานั่งหน้าบูดที่โซฟา“กินข้าวค่ะ จะได้กินยา จะได้หาย”“...”“อย่าดื้อนะคะพี่พายุ มนต์ไม่อยากทะเลาะกับพี่นะ” เท่านั้นแหละคะ คนตรงหน้าเบ้หน้าเลย นี่อย่าบอกนะว่าจะร้องไห้นะ บ้าไปแล้ว เขาเสียสติไปแล้วแน่ ๆ“หยุดเบ้ปากเลยค่ะ ทานข้าว หยุดนะ” ฉันพูดแต่เขาก็ยังไม่ยอมกินข้าว จนฉันต้องหยิบถ้วยเข้าต้มมาใกล้ตัว ก่อนที่จะหยิบช้อนตักข้าวต้มขึ้นมาเป่าแล้วยกป้อนเขา“มาค่ะ มนต์ไม่ดุแล้ว อะนี่กินนะคะ มนต์ป้อน” เขาอ้าปากรับข้าวที่ฉันป้อนช้อนแล้วช้อนเล่า จนข้าวต้มในถ้วยหมดฮึกพอฉันเงยหน้ามองอีกที ก็ต้องตกใจและแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง ที่คนตรงหน้าพยายามห้ามเสียงร้องไห้ของตัวเอง ค่ะได้ยินไม่ผิดเขา ร้อง ไห้!!!โอ้พระเจ้