“วันนี้กลับบ้านยังไง เดี๋ยวแฟรงก์ไปส่ง” แฟรงก์เดินเข้าไปถามคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ กว่าจะแข่งฟุตบอลเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบสองทุ่ม ผลออกมาคือทีมเขาเป็นฝ่ายชนะแบบขาดลอย “กลับพร้อมฟริน เห็นฟรินบอกว่าจะไปส่ง” “ตามนั้น” แฟรงก์พยักหน้ารับรู้ ไม่ได้ถามอะไรเซ้าซี้ พวกเขาสองคนเคยไปบ้านดาวเหนือค่อนข้างบ่อย เลยทำให้รู้จักและสนิทกับพ่อแม่ของเธอไปด้วย “หมวยเพิ่งส่งข้อความมาบอกว่าวันนี้ซ้อมแข่งกีฬาสีเลิกสองทุ่ม มึงแวะไปรับน้องที่โรงเรียนด้วย” ฟรินที่เดินตามหลังมาพูดขึ้น หมวยของพวกเขาคือเฟย์วาน้องสาวคนเล็ก “เออ! เดี๋ยวกูไปรับไอ้หมวยเอง มึงจะทำอะไรก็รีบไปเถอะ” “…..” “พกไว้เผื่อได้ใช้” แฟรงก์หันซ้ายมองขวากระซิบบอก ก่อนจะยัดถุงยางอนามัยใส่กระเป๋าให้กางเกงน้องชาย ของแบบนี้มันต้องมีเตรียมพร้อมตลอดเวลา “มึงเก็บไว้ใช้เองเถอะ สำหรับกูไม่จำเป็น” สายตาคู่คมเหลือบมองไปยังดาวเหนือที่กำลังก้มหน้าก้มตายืนเก็บของอยู่ไม่ไกล เธอไม่ได้รับรู้หรือสนใจพวกเขาเลยสักนิด “จะสดว่างั้น” “…..” “ไม่ต้องรีบเอาหลานมาฝากกูนะ กูยังหล่อเท่ห์ขนาดนี้ไม่พร้อมเป็นลุงให้ลูกมึง” “ไม่รับปาก” ฟรินกระตุกยิ้มเล็กน้อย ถือวิสาสะดึงมวนบุห
มหาวิทยาลัย “ดาวเหนือ!” เสียงเพื่อนสนิทร้องเรียก ทำเอาดาวเหนือถึงกับสะดุ้งในขณะที่กำลังนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย “อะไรเจ้าขา ตะ…ตกใจหมดเลย” “ฉันพูดกับแกอยู่นะ มัวใจลอยอะไรอยู่” เจ้าขาเหลือบสายตามองยังเพื่อนสาวอย่างสงสัย หลายวันมานี้ท่าทางของดาวเหนือดูแปลกไปจนสังเกตได้ “คิดเรื่องเรียนน่ะ” “ฉันถามว่าเที่ยงนี้จะกินข้าวกับอะไร” “อยากกินราดหน้า” “ใจตรงกัน งั้นเอาร้านเดิมนะ” “อืม” “วันนี้ไม่ไปหาแฝดเหรอ” ซอลเอ่ยถาม “ไม่ไป” “ทำไมหลายวันนี้ไม่ไป เห็นปกติตัวติดกันยิ่งกว่าอะไร” ปกติดาวเหนือต้องไปวอแวสองแฝดทุกวัน หรือถ้าไม่ไปสองแฝดก็จะโทรตามโทรจิกให้ไปหาจนได้ “…..” หญิงสาวยกมือขึ้นลูบหน้าอย่างคิดไม่ตก ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ที่ฟรินสารภาพความในใจวันนั้น เธอก็เอาแต่หลบหน้า ไม่โทรหา ไม่ส่งข้อความ ไม่รับสาย “ฉันได้ข่าวมาว่าแฟรงก์เฉดหัวยัยวันใหม่ดาวบริหารทิ้งแล้วนะ ยัยนั่นเพิ่งประกาศคบกันเมื่อเดือนที่แล้วเองอ่ะ” ซอลกระซิบกระซาบถามอย่างสอดรู้สอดเห็น สองฝาแฝดแฟรงก์ฟรินนั้นธรรมดาที่ไหนทั้งหล่อทั้งรวย สาวๆ ในมหา’ลัยพากันมองตามตาเป็นมัน “ไม่รู้เหมือนกัน แฟรงก์ไม่ได้พูดอะไรให้ฉันฟังเลย” “แต
คลับแห่งหนึ่ง“ผัวมาตาม”“ปากเสีย ใครให้พูดเรื่องอัปมงคล” เจ้าขาถึงกลับเลิ่กลั่กหลังจากได้ยินในสิ่งที่มินดาบอก วันนี้เธอแอบหนีแฟนมาเที่ยว“ไม่ได้หมายถึงแก แต่ฉันหมายถึงยัยแม่ชี”“อะไร?” ดาวเหนือเงยหน้าขึ้นมองเมื่อถูกพูดถึง ตอนนี้ในสมองเอาแต่ครุ่นคิดเรื่องที่องศาจูบเธอที่หน้าห้องน้ำ มันเป็นเรื่องค่อนข้างตกใจไม่คิดว่าองศาจะกล้าทำแบบนี้เหมือนกัน เขาฉวยโอกาสจูบเธอตอนที่ยังไม่มีสติมากนัก“ผัวมาตาม”“ใครผัว ใครตามใคร?”“ยืนอยู่ข้างหลังแกไง”ใบหน้าสะสวยหันกลับหลังมอง ก่อนจะหยุดชะงักพอได้เห็นฟรินที่ยืนอยู่ ร่างสูงโดดเด่นริมฝีปากคาบมวนบุหรี่พ่นควันคละคลุ้งลอยในอากาศ ทรงผมสีดำขลับถูกเสยขึ้นเปิดใบหน้าแบบไม่ได้ตั้งใจ แต่กลับดูดีจนทำให้คนรอบข้างหันมอง ตอนนี้เขากำลังยืนจ้องเธออยู่…“ฟริน! มาได้ไง”“มันอยู่ไหน?” ดวงตาคู่คมวาดสายตามองหาตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องถ่อสังขารขับรถตามมาถึงที่นี่“ฟรินหมายถึงใคร?”“หรือไปอ่อยไว้หลายคน เลยจำไม่ได้ว่าเป็นใคร” ชายหนุ่มเดินเข้าใกล้ พร้อมไล่สายตามองหน้าเพื่อนสนิทของดาวเหนือทีละคน ทำเอาทุกคนถึงกลับหลบสายตาเบือนหน้าหนี “จะกี่คนก็เรียกมา ฉันกำลังหงุดหงิดอยากกระทื
ดาวเหนือนั่งก้มหน้าเงียบ ค่อยๆ คิดย้อนกลับไปถึงเรื่องราวในวันนั้น เธอยกมือขึ้นทุบหัวตัวเองเบาๆ แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกครั้งที่ดื่มจนเมามากล่าสุดคืองานวันเกิดของแฟรงก์กับฟรินเมื่อสองเดือนที่ผ่านมา‘ไอ้แฟรงก์พอ ทำไมเหนือเมาขนาดนี้’ ฟรินยกมือห้ามดึงร่างบางเข้ามากอดไว้ในอ้อมอก ‘อื้ออ ไม่! เหนือยังไม่เมา’ คนตัวเล็กบ่นพึมพำในลำคอ นั่งทรงตัวแทบไม่ไหวจนต้องซุกใบหน้าเข้ากับแผงอกแกร่ง ‘ให้เหนือกินอีก’‘เห็นป่ะ เหนือบอกยังไม่เมา เอาให้กินอีก’‘ไม่เมาอะไร ตัวอ่อนขนาดนี้’ ฟรินมองไปยังร่างบางที่สวมใส่เพียงเสื้อสายเดี่ยวสีขาวกับกระโปรงยีนที่มีความยาวเลยหัวเข่าขึ้นมานิดหน่อย ส่วนเสื้อคลุมเธอได้ถอดแล้วโยนทิ้งไว้ข้างๆ ‘ถอดเสื้อทำไม’‘มันร้อน’‘ใส่เสื้อคลุมก่อน’ ‘ไม่เอา ไม่ใส่ มันร้อน’‘อย่าพูดไม่รู้เรื่อง ใส่เสื้อก่อน’ ฟรินเริ่มรู้สึกหงุดหงิดที่เธอดื้อรั้น รีบหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาสวมทับให้ ก่อนที่จะสังเกตเห็นสายตาของเพื่อนชายในกลุ่มนับสิบจ้องมองเรือนร่างของดาวเหนืออย่างแทะโลม ‘พวกมึงมองเหี้ยอะไรกัน!’‘เอาน่า…มึงจะคิดมากไปทำไม ถึงเหนือเมาก็มีเราดูแลอยู่แล้ว’ แฟรงก์ตบบ่าแฝดน้องเบาๆ‘กูจะพาเหนือไปส่
“จำได้หรือยัง” เสียงของฟรินช่วยปลุกให้ดาวเหนือตื่นจากภวังค์ ขณะที่กำลังนั่งตบตีกับความคิดของตัวเองอย่างหนัก “เหนือจำไม่ได้ แล้วก็ไม่เชื่อด้วยว่าฟรินจะทำแบบนั้น” หลังจากคืนนั้นถึงแม้จะสงสัยตัวเองอยู่บ้างแต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริง เพราะฟรินคือเพื่อนที่เธอรักและไว้ใจมากที่สุด แต่…เรื่องราวมันบานปลายจนทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนที่มีมายาวนานเกือบหกปี “แต่ทำไปแล้ว” ฟรินจ้องมองใบหน้าแสนหวานที่กำลังแสดงความเสียใจออกมาอย่างชัดเจน “บนรถคันนี้แล้วไปต่ออีกรอบที่บ้านเธอ” “ทำไมฟรินถึงกล้าทำกับเหนือแบบนั้น” “แค่เอาเธอต้องใช้ความกล้าด้วยเหรอ ฉันว่าใช้แค่แรงกระแทกอย่างเดียวก็น่าจะพอ” “ถ้าทำแบบนั้นจริง เท่ากับว่าฟรินฉวยโอกาสตอนเหนือเมา เหนือไม่ได้เต็มใจ” “เรื่องนั้นฉันไม่สน เพราะถ้าชอบก็จะเอา” “…..” ดาวเหนือยกมือขึ้นลูบหน้าเพื่อตั้งสติ ฟรินพูดออกมาเหมือนไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเลยด้วยซ้ำ “โดนเอาขนาดนั้น ยอมรับความจริงได้แล้วเหนือ อย่าทำเป็นไม่รู้” “…..” “เธอเป็น
“อื้อ…อย่าเพิ่งกวนนะฝุ่นพี่ขอนอนก่อน” เสียงหวานเผลอละเมอร้องครางอย่างลืมตัว ขณะที่สัมผัสได้ถึงสิ่งรบกวนในยามนอนหลับ ‘ใต้ฝุ่น’ คือชื่อน้องชายแท้ๆ ของดาวเหนือ “ฝุ่นอะไร ฉันฟริน” กลิ่นน้ำหอมประจำตัวชายหนุ่มช่วยเรียกสติให้คนตัวเล็กปรือตามอง ก่อนจะเห็นใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาใกล้จนเกือบจะจูบกันอยู่ร่อมร่อ ร่างสูงยืนเปลือยท่อนบน ทรงผมสีดำขลับถูกเสยขึ้นลวกๆ เหมือนคนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ บนเรือนร่างสวมใส่เพียงกางเกงยืนสแล็คสีดำสุภาพ “วันนี้ฉันมีสอบตอนเช้า จะพาเธอไปด้วย” “…..” ดาวเหนือก้มมองสภาพร่างกายตัวเองที่สวมใส่เพียงเสื้อยืดตัวโคร่ง ส่วนชุดชั้นในไม่รู้ว่าตอนนี้หายไปอยู่ที่ไหน “ลุกไปอาบน้ำ ถ้าสอบเสร็จแล้วค่อยกลับมานอนต่อ” “…..” เธอยกมือขึ้นทุบหัวตัวเองเบาๆ เพื่อไล่อาการมึนงง แค่ขยับตัวเพียงนิดก็รู้สึกระบมไปทั่วร่างกาย พรึ่บ! ร่างเล็กถูกอุ้มกระเตงขึ้นมาไว้แนบอก แขนเรียวโอบลำคอชายหนุ่มไว้แน่นตามสัญชาตญาณ ฟรินเดินเข้ามาในห้องน้ำ ก่อนจะวางคนตัวเล็กลงหน้ากระจกอย่างเบามือ โดยยืนซ้อนอยู่ทางด้านห
-มหาวิทยาลัย- “นั่งรอตรงนี้ ถ้าสอบเสร็จจะรีบมาหา” “อืม” ดาวเหนือหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ม้าหินอ่อนหลังตึกคณะ วันนี้เธอไม่มีเรียนแต่กลับถูกฟรินลากให้ตามมาเฝ้าถึงหน้าห้องสอบ เธอสวมใส่เสื้อยืดธรรมดาและกางเกงยีนขาสั้น ผมยาวสลวยถูกถักเปียอย่างเรียบร้อย เลยทำให้ดูแปลกแยกจากนักศึกษาทั่วไป “ห้ามหนีไปไหน รอให้สอบเสร็จแล้วจะไปส่ง” “เหนือรู้แล้ว รีบไปเข้าห้องสอบเถอะ” “ขอกำลังใจหน่อย” ฝ่ามือหนาเลื่อนไปจับท้ายทอยบอบบางให้เงยหน้าขึ้นมาสบตาแล้วจูบเธอเบาๆ โดยไม่แคร์สายตานักศึกษาคนอื่นที่มองมา “พอแล้วฟริน คนมองเยอะแล้ว” “ช่างหัวมัน!” “…..” “ห้องน้ำหลังตึกคณะยังว่าง ลองไปเปลี่ยนบรรยากาศดูหน่อยมั้ย” “รีบไปได้แล้ว อย่ามัวแต่เล่น” “ไม่ได้เล่น ฉันพูดจริง” “ถ้าฟรินไม่รีบไป เหนือจะกลับบ้านจริงๆ แล้วนะ” “โอเค ฉันยอมแล้ว! เอาให้สอบเสร็จจะกลับมาคิดบัญชีย้อนหลัง” “ตั้งใจสอบด้วย” “ถ้าฉันสอบได้จะให้อะไร” “ฟรินเก่งอยู่แล้ว เหนือไม่มีอะไรจะให้หรอก”
“ถ้าฟรินจะทำแบบนั้นก็ได้ แต่เหนือจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับฟรินอีก” ดาวเหนือหันไปสบตากับชายหนุ่ม ดวงตากลมโตสั่นไหวพยายามฝืนกลั้นไม่ให้ร้องไห้ออกมา “ขู่เหรอ?” ร่างสูงรั้งเอวบางให้เข้าหา จับใบหน้าแสนหวานก่อนจะออกแรงบีบด้วยความรู้สึกที่อยากจะคาดเดา “เหนือไม่ได้ขู่แต่พูดจริง” “ถ้าคิดว่าการเขี่ยฉันทิ้งมันง่ายขนาดนั้นก็ลองดูสิ” ดาวเหนือผลักคนตัวโตให้ถอยห่าง ขณะที่ฟรินกำลังจะโน้มริมฝีปากลงมาจูบเธอ โดยไม่แคร์สายตาขององศาหรือนักศึกษาคนอื่นที่กำลังมองมาอย่างให้ความสนใจ “โกรธมากหรือไง ทำไมไม่ยอมให้จูบ” “แล้วสิ่งที่ฟรินทำกับเหนือมันสมควรโกรธมั้ย” น้ำเสียงที่พูดฟังดูตัดพ้อ ฟรินเหมือนต้องการแค่เอาชนะ เขาไม่ได้รู้สึกดีกับเธอจริงๆ “…..” “ตกลงเหนือกับไอ้ฟรินเป็นอะไรกัน” เสียงขององศาพูดแทรกขึ้น ช่วยเรียกความสนใจของชายหนุ่มให้หันไปมอง ฟรินเดินเข้าไปหาโน้มใบหน้าลงไปกระซิบบอกด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “เหนือเป็นเมียกู” “กูอยากได้ยินจากปากเหนือ ไม่ใช่คนอื่น” “มึงนั่นแหละคนอื่น” “จร
“อืม…” แสงแดดสาดกระทบเข้ามาภายในห้องนอน ช่วยปลุกคนที่หลับอยู่ให้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา “อรุณสวัสดิ์” ดาวเหนือขยับพลิกตัวไปมา ก่อนจะลืมตาขึ้นมองเมื่อถูกหอมแก้มซ้ำแล้วซ้ำอีก “สายมากแล้ว วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอคะ” “ให้ป๋าไปดูงานแทน วันนี้เลยมีเวลาว่างทั้งวัน” “ชนินทร์งอแงไหมคะ” หญิงสาวหยัดตัวลุกขึ้นนั่ง เอนหลังพิงหัวเตียง มองดูลูกชายคนเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดของสามี “อยู่กับป๊าเป็นเด็กดี ไม่งอแงเลยครับ” “ปะ…ป๊า~” ชนินทร์ในวัยสิบเดือนเริ่มส่งเสียงเจื้อยแจ้ว วางหน้าซบลงบนลาดไหล่ของผู้เป็นพ่ออย่างออดอ้อน “ว่าไงสุดหล่อ อ้อนป๊าทำไม” “ป๊า~” “อยากมีลูกอีกสักสิบคน” ไม่พูดเปล่า แต่ยังปรายสายตามองไปทางภรรยาด้วยสีหน้าจริงจัง “เพ้อเจ้อ” “ถ้าเธอไม่หนีไปทำหมัน ป่านนี้คงกำลังท้องลูกฉันอยู่” “ใจคอไม่คิดจะให้พักบ้างเลยหรือไง เหนือเป็นคนนะ ไม่ใช่แม่วัว” ดาวเหนือถอนหายใจลากยาวด้วยความท้อใจ เพราะวันๆ ฟรินเอาแต่คิดหมกมุ่นอยู่กับเธอ ต่อให้เวลาจะผ่านไปนานกี่วัน กี่เดือน หรือกี่ปี เข
“ทำไมที่คอของแม่มีรอยแดง” ดาวเหนือหยุดชะงัก รีบดึงคอเสื้อขึ้นมาปิดลำคอ หลังจากได้ยินคำถามของลูกสาว “ป๊าทำเอง” ฟรินรีบออกรับแทน พลางไล่สายตามองปฏิกิริยาของภรรยา “ป๊ากับแม่ทะเลาะกันเหรอ บีบคอแม่ทำไม” “ป๊าไม่ได้บีบคอแม่ ป๊าแค่จุ๊บแรงๆ” “แล้วแม่เจ็บไหม” ลูกสาวคนโตหันมาถามผู้เป็นแม่อย่างไร้เดียงสา “จะ…เจ็บค่ะ” ดาวเหนือพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหันไปถลึงตาใส่สามีด้วยความไม่พอใจ “ทีหลังป๊าห้ามจุ๊บแม่แรงนะ ศุกร์ให้จุ๊บเบาๆ ก็พอ” “งั้นคราวหน้าป๊าจะจุ๊บเบาๆ” “ฟรินนั่งคุยกับลูกไปก่อนนะ เดี๋ยวเหนือจะเข้าครัวไปหยิบจานผลไม้มาให้” “อย่าไปนาน…คิดถึง” ดึงมือของหญิงสาวมาหอมซ้ำไปซ้ำมา รู้ตัวว่าเสพติด รู้ว่าคลั่งเธอมาก แต่ก็หยุดพฤติกรรมเหล่านี้ไม่ได้ “ปัญญาอ่อนฉิบหาย” แฟรงก์ที่นั่งเงียบอยู่นาน เบะปากมองคว่ำด้วยความรำคาญใจ สองผัวเมียคู่นี้มันยอมกันที่ไหน ไอ้แว่นมันคิดจะทำอะไรก็ทำโดยไม่สนสถานที่หรือผู้คน “สาธุ…กูขอให้เหนือมีผัวใหม่ในเร็วๆ นี้ จะได้หลุดพ้นจากคนประสาทอย่างมึง”
“นิ่งเฉยอยู่ทำไม หรืออยากใช้มากกว่าปาก?” ดาวเหนือคุกเข่าลงตรงหน้า เลื่อนสองมือเข้าไปถอดกางเกงของชายหนุ่มออกอย่างรู้งาน ดวงตาคู่สวยไหวสั่น มองความเป็นชายที่กำลังขยายตัว ถึงแม้จะเห็นอยู่แทบทุกวันแต่หัวใจยังคงเต้นแรงทุกครั้ง ปากบางครอบลงบนแก่นกายอย่างละเมียดละไม เรียวลิ้นอุ่นเลียวนไปทั่วบริเวณส่วนปลาย ก่อนจะออกแรงดูดเบาๆ สัมผัสได้ถึงน้ำสีใสที่ไหลซึมเปียกแฉะไปทั่วริมฝีปาก ฟรินก้มลงมองการกระทำของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยา ท่าทางไม่ประสีประสาแต่เขากลับมองว่ามันน่าหลงไหลจนโงหัวไม่ขึ้น “แค่เห็นหน้าเหนือก็เหมือนจะแตก” “อึก…” ใบหน้าแสนหวานเบ้เบี้ยว เมื่อแก่นกายขยายใหญ่คับริมฝีปากจนเธอเริ่มรู้สึกหายใจติดขัด ปลายนิ้วเรียวเกลี่ยพวงแก้มแดงระเรื่ออย่างนึกเอ็นดู ภาพที่เธอกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเป็นสิ่งที่เขาอยากเห็นมากที่สุด มือสากเลื่อนเข้าไปจับศีรษะของหญิงสาวไว้มั่น ก่อนจะอัดกระแทกความเป็นชายเข้าออกในโพรงปากเล็กตามจังหวะที่ต้องการซ้ำแล้วซ้ำอีก “อยากให้แตกใส่ตรงไหน” “แล้วแต่ฟรินจะทำ”
“ชนินทร์น่ารักจังเลย หนูขอจับน้องได้มั้ยคะ” ดาวศุกร์เกาะขอบเตียงเขย่งปลายเท้าขึ้นมองน้องชายด้วยความตื่นเต้น “ได้ค่ะ จับน้องเบาๆ นะคะ” “ศุกร์รักน้องค่ะแม่” ดาวศุกร์เผยรอยยิ้มกว้างอย่างมีความสุขเมื่อมองเห็นน้องชายตัวจิ๋ว “เป็นพี่น้องต้องรักกันนะคะ” “ถ้าศุกร์โต เดี๋ยวศุกร์จะเป็นคนเลี้ยงน้องแทนแม่กับป๊าเอง” เพราะเห็นว่าป๊าทำงานหนักเลยอยากแบ่งเบาภาระช่วยดูแลแม่กับน้อง “ลูกสาวของแม่คนนี้เก่งที่สุดเลยค่ะ” “ป๊าแฟรงก์เคยสอน บอกว่าถ้าศุกร์เป็นเด็กดีจะมีแต่คนรักเรา” เด็กน้อยยืดอกพูดด้วยความภาคภูมิใจ เพราะถ้าดื้อมากๆ จะโดนป๊าแฟรงก์ดึงหู “ใช่แล้วค่ะ ถ้าหนูเป็นเด็กดี ทุกคนจะรักหนู” “ศุกร์สัญญาเลยว่าจะไม่ดื้อไม่ซน ป๊ากับแม่จะได้รักศุกร์มากๆ” โชคดีที่ดาวศุกร์เป็นเด็กเลี้ยงง่าย อาจจะซุกซนไปบ้างตามวัยแต่มีจิตใจดี ชอบสงสารและช่วยเหลือคนอื่นอยู่เป็นประจำ “…..” “เอาอีกดิไอ้แว่น” แฟรงก์สะกิดน้องชายเบาๆ เพื่อให้หันมองลูกทั้งสามคนที่กำลังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน “อะไร?”
“ทำไมวันนี้คนสวยตื่นเช้า ไม่นอนต่ออีกสักหน่อยเหรอ” ชายหนุ่มเดินเข้าไปสวมกอดคนตัวเล็กไว้แน่นจากทางด้าน โน้มริมฝีปากพรมจูบที่ลำคอขาวเบาๆ ด้วยความหวงแหน วันนี้ดาวเหนือตื่นเช้ากำลังยืนดูพระอาทิตย์ขึ้นอยู่ริมระเบียงห้องของบ้านพัก “อยากดูพระอาทิตย์ขึ้นค่ะ” “สวยมาก” “ใช่ค่ะ สวยมากเลย” “ไม่ได้หมายถึงพระอาทิตย์ แต่ฉันหมายถึงเธอ” ปลายนิ้วเรียวลูบไล้พวงแก้มอมชมพูอย่างอ่อนโยน “ตื่นมาก็อ้อนเมียแต่เช้าเลยนะคะ” เขย่งปลายเท้าขึ้นไปหอมแก้มของสามีเบาๆ “อยากทำมากว่าอ้อนอีก” “…..” ใบหน้าแสนหวานเห่อร้อนด้วยความเขินอาย ขยับถอยหนีแต่ฟริน ยังคงเดินตามไม่ห่างไปไหน “อยากย้ายมาอยู่ที่นี่มั้ย เธอจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นทุกวัน” “เหนือชอบที่นี่ แต่ฟรินเองก็ยังมีธุรกิจและลูกน้องที่ต้องดูแล เอาไว้ก่อนก็ได้ค่ะ” “ขอแค่บอกมาคำเดียว เดี๋ยวที่เหลือฉันจัดการเอง” อะไรที่เป็นความสุขของลูกกับเมียเขายินดีทำให้แบบไม่มีข้อแม้ “คงต้องถามลูกๆ ก่อนว่าอยากมาอยู่ที่นี่ไหม เหนือแล้วแต่ลูก” “ส่วนฉั
“กินผักเยอะๆ หลานแฟรงก์จะได้แข็งแรง” แฟรงก์ยื่นจานผักและผลไม้ให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ดาวเหนือท้องแก่ใกล้คลอดจำเป็นต้องกินแต่ของที่มีประโยชน์ “เหนือว่าคนนี้ต้องตัวโตมากแน่เลย” คนตัวเล็กเผยรอยยิ้มบางๆ อย่างมีความสุข ทุกคนในครอบครัวล้วนแต่เฝ้ารอที่จะได้เห็นหน้าสมาชิกใหม่ “ตัวโตก็ดีแล้ว จะได้ดูแลปกป้องพี่สาวได้” “ศุกร์ดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องให้ใครมาปกป้องหรอก” ดาวศุกร์พูดขึ้นลอยๆ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานอาหารในจานของตัวเอง “ตัวแค่นี้อย่าทำซ่าส์นะศุกร์” “ก็ป๊าฟรินเป็นคนสอนหนูเองว่าให้ลูกเข้มแข็ง” “สภาพอย่างไอ้แว่นเนี่ยนะจะมาเข้มแข็ง ตอนโดนเมียทิ้งร้องไห้จะเป็นจะตาย” แฟรงก์หรี่สายตามองหน้าน้องชายอย่างเอือมๆ “ป๊าต้องไปนั่งเฝ้านอนเฝ้า อดหลับอดนอน จนจะเป็นบ้าตามมันไปอีกคน” “กูอยู่ของกูดีๆ ไอ้แฟรงก์ อย่ามาลามปาม” คนที่ถูกกล่าวหา เกิดอาการร้อนตัวรีบพูดแทรกขึ้น เขาอุตส่าห์นั่งเงียบๆ แต่ก็ก็ยังมิวายโดนพูดจากระแทกแดกดัน “กูพูดความจริงทั้งนั้น มึงรับไม่ได้เหรอ” “แล้วเมียของป๊าเ
“ทำไมหน้ามึงโทรมขนาดนี้ ขอบตาดำอย่างกับหมีแพนด้า ไปอดหลับอดนอนมาจากไหน” แฟรงก์จับหน้าน้องชายฝาแฝดหันซ้ายหันขวา ไม่รู้ว่าไอ้แว่นมันมัวแต่ทำงานหนักหรือเอาแต่คิดเรื่องเมีย ถึงได้อดหลับอดนอน “ถึงเราจะเป็นผู้ชาย ก็ต้องดูแลตัวเองนะน้องรัก อย่าปล่อยตัวให้โทรมเหมือนผีดิบจำศิลแบบนี้” ตบบ่าแฝดน้องเบาๆ ถึงจะเป็นแฝดหน้าตาคล้ายกันก็จริง แต่คนอื่นมักจะพูดอยู่เสมอว่าเขาน่ะหล่อกว่าไอ้แว่นเป็นไหนๆ “เลิกวุ่นวายได้แล้วแฟรงก์ ถอยไปไกลๆ กูจะทำงาน” ฟรินปัดป่ายมือพี่ชายออกจากใบหน้าด้วยความรำคาญ จะให้เอาเวลาที่ไหนไปดูแลตัวเองแบบมัน ไอ้แฟรงก์มันเข้าคลินิกเสริมความงามกับแม่ทุกเดือน นั่งๆ นอนๆอยู่แต่ในร่ม เคยออกแดดที่ไหนกัน ส่วนเขาแค่ก้มหน้าทำงานก็หมดเวลาไปเกือบวัน “พักเรื่องงานเอาไว้ก่อน ไปรับลูกที่โรงเรียนกัน” “แต่อีกครึ่งชั่วโมงกูต้องเข้าประชุม” “มึงเห็นงานสำคัญกว่าลูกหรือไง” แฟรงก์ยืนเท้าเอวมองหน้าน้องชายอย่างไม่สบอารมณ์ “เรื่องงานเอาไว้ค่อยทำก็ได้ ยังไงเรื่องลูกก็ต้องมาก่อนเสมอ” ในหัวสมองของไอ้แว่น
“ทานอีกนิดสิเหนือ ผลไม้มันมีประโยชน์นะ” “เหนืออิ่มแล้วค่ะแม่” ดาวเหนือบอกอย่างเกรงใจ แม่สามีและทุกคนในครอบครัววรางกูรดูแลและรักเธอมากเสมือนเป็นญาติแท้ๆ ด้วยอีกคน “งั้นดื่มนมอีกสักหน่อย หลานแม่จะได้แข็งแรง” พอรู้ว่าได้หลานชายถึงกลับหัวใจพองโต อะไรที่ว่าดีก็หาประเคนมาให้ลูกสะใภ้แทบทุกอย่าง “ขอบคุณค่ะ” “ถ้าอยากกินอะไรให้บอกแม่นะ คนกำลังท้องต้องเลือกกินแต่สิ่งที่มีประโยชน์” ปาลินลูบศีรษะของดาวเหนือด้วยความรักใคร่เอ็นดู ถ้าลูกชายรักใครเธอก็รักด้วย “ค่ะแม่” “อิจฉาซ้อจริงๆ ผัวก็หลงจนหัวปักหัวปำ แถมแม่ผัวยังรักพร้อมยอมยกสมบัติให้อีก” หมวยเฟย์ที่นั่งเงียบอยู่นานพูดแทรกขึ้น ก่อนจะปรายสายตามองไปยังผู้เป็นแม่ที่เอาอกเอาใจลูกสะใภ้จนออกหน้าออกตา เจ๊ปาลินเห่อหลานชายคนนี้ยิ่งกว่าอะไรดี เตรียมของรับขวัญไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ “งั้นก็ดูไว้เป็นตัวอย่าง ถ้าแกจะมีผัวต้องหาให้ดีกว่าพวกเฮียสองคนนะรู้ไหม” แฟรงก์บอกน้องสาวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ผู้ชายสมัยนี้มันไว้ใจได้ที่ไหน “พวกสันดานเจ้าชู้หลายใจ อย่าไปคิดจะเ
“ป๊า!” ‘ชารา’ แฝดผู้พี่วิ่งเข้ามาในห้องทำงานของผู้เป็นพ่อด้วยความคุ้นเคย ด้านล่างเป็นออฟฟิศขนาดใหญ่ ส่วนชั้นบนเป็นที่อยู่อาศัยของครอบครัว “ว่าไงครับ?” “เห็นชุดเจ้าหญิงสโนว์ไวท์ของชารามั้ยคะ” เด็กน้อยยืนกอดอกถามด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว สามารถเรียกรอยยิ้มจากคนเป็นพ่อได้เป็นอย่างดี “ป๊าพับเก็บไว้ให้อยู่ในลิ้นชัก หนูลองไปหาดูนะ” “ขอบคุณค่ะ ชารารักป๊า” ชาราเดินเข้าหา เขย่งปลายเท้าขึ้นไปหอมแก้มผู้เป็นพ่อที่นั่งทำงานอยู่ “ป๊าก็รักลูกเหมือนกัน” แกร๊ก… บานประตูห้องทำงานถูกเปิดออกอีกครั้งพร้อมดาวเหนือและดาวศุกร์ที่เดินเข้ามาใหม่ ภาพวุ่นวายเล่านี้เป็นสิ่งที่บุรินทร์วัชร์มักจะได้เห็นเป็นประจำอยู่ทุกวัน “เหนือจะพาดาวศุกร์ออกไปซื้อของที่ห้างใกล้บ้าน ฟรินจะเอาอะไรไหม” “รอก่อนได้มั้ย เลิกงานแล้วค่อยไปพร้อมกัน” “ไม่เป็นไร ไปแค่แป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับแล้วค่ะ” “ท้องอยู่…ไม่อยากให้ไปไหนมาไหนโดยที่ไม่มีฉันไปด้วย เป็นห่วง” ท้องของดาวเหนือเริ่มขยายใหญ่จนเห็นได้ชัด เวลาจะไปไหนมาไห