หลังจากนั้นเป็นต้นมา วเรณย์จึงเรียนรู้ที่จะดูแลสิ่งที่สำคัญสำหรับเขาเป็นครั้งแรก ทุกคนในบ้านต่างเห็นความเปลี่ยนแปลงของเด็กน้อยคนนี้จนคิดว่าความสัมพันธ์ของลูกชายกับธาวินอาจจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นบ้าง
เฮ้อ เสียงถอนหายใจของเกวลินทำให้คนเป็นแม่ลูบศีรษะด้วยความเอ็นดู เธอบอกอย่างใจเย็นว่า “อาจจะต้องใช้เวลาอีกสักพักนะลูก”
“พ่อกับแม่ก็ตามใจน้องอยู่เรื่อยเลย หนูไปเล่นกับวินดีกว่า” เกวลินส่ายหน้าเพราะน้องชายไม่สนใจที่จะทำความคุ้นเคยกับธาวินเลยสักนิด แต่ถึงอย่างนั้นกลับไม่มีใครล้มเลิกความตั้งใจที่จะให้ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันให้ได้
ทุก ๆ ครั้งพวกเขามักจะมีแผนกระชับมิตรหลอกล่อให้เจ้าชายน้อยของบ้านลดกำแพงความรู้สึกลงมาบ้าง แต่พอทำบ่อยเข้า เขาจึงรู้ในทันทีว่าควรจะต้องหนีไปให้ไกลที่สุด และสุดท้ายก็ลงเอยด้วยการเล่นกับแฮปปี้มากกว่า
แม้คนในบ้านจะให้ความรักความอบอุ่นกับธาวินเหมือนเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว แต่การที่มีใครบางคนหน้างอใส่เขาตลอดเวลาก็ทำให้รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรไม่ดีขนาดนั้นเขาถึงไม่ชอบหน้าหรือเปล่า
ธาวินจึงขอร้องให้เกวลินช่วยทำไอศกรีมรสที่วเรณย์ชอบ เขาตั้งใจทำเองทุกขั้นตอนแล้วถือไปให้เจ้าตัวถึงที่ห้องนอนเพราะเห็นว่าตั้งแต่เช้ายังไม่ได้ลงมาข้างล่างบ้านเลยอาจจะรู้สึกอยากกินของว่างบ้างก็ได้
เสียงเคาะประตูดังขึ้น คนข้างในนั้นจึงตะโกนถามว่า “ใครครับ”
ธาวินเอาหูแนบประตูฟังเสียงแต่ไม่ได้ยินจึงไม่ตอบอะไร จนวเรณย์เปิดประตูออกมา พลันร่างเล็ก ๆ เซเข้าไปข้างในเล็กน้อยจนเจ้าของห้องต้องคว้าคอเสื้อเอาไว้
“นายคิดจะเข้ามาทำอะไรในห้องฉัน” น้ำเสียงเย็นยะเยือกทำให้เขาเลิ่กลั่กรีบตอบ
“เอ่อ ฉันทำไอติมรสที่นายชอบมาให้” ธาวินยื่นถ้วยไอศกรีมให้คนตรงหน้าพร้อมช้อนคันเล็ก “ในตู้เย็นก็มีอีกนะ พี่ลินใส่กล่องสีส้มเอาไว้”
“เฮอะ ใครบอกว่าฉันจะกิน เอากลับไป” วเรณย์พูดพลางดันตัวธาวินออกมาข้างนอกห้องโดยไม่สนใจว่าจะทำให้ก้อนไอศกรีมในถ้วยกลิ้งไปมาจนหล่นตุ้บลงพื้นไม้
“เอ่อ เดี๋ยวเอาผ้ามาเช็ดให้นะ” ธาวินลุกลี้ลุกลนเพราะกลัวอีกฝ่ายจะไม่พอใจอีก
“ไม่ต้อง ออกไปได้แล้ว น่าเบื่อ” คำพูดเยือกเย็นทำให้เขาหน้าจ๋อยจนต้องยอมถอยให้หนึ่งก้าวแล้วเดินคอตกกลับมาหาพี่สาวคนรอง
เกวลินเห็นท่าทางแบบนั้นจึงเดาได้ทันทีว่าครั้งนี้ก็ไม่ได้ผลเหมือนเดิมจึงปลอบใจด้วยการชวนทำโคล่าโฟลตไปให้เมธาวีที่กำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบแทน
วันไหนที่ก้องเกียรติซื้อเกมใหม่เข้ามา คนเป็นพ่อก็จะบอกให้ลูกชายชวนเพื่อนมาเล่นด้วยกันเสมอแต่สายตาของวเรณย์จ้องธาวินไม่วางจนต้องจำใจปฏิเสธแล้วแอบดูเขาเล่นอยู่ห่าง ๆ
อาจจะเป็นเพราะสายตาที่จ้องมองมากเกินไป วเรณย์จึงรู้ตัวว่ามีใครแอบอยู่หลังเสาต้นใหญ่ พลันเห็นเงาสะท้อนที่หน้าจอโทรทัศน์เกิดไม่สบอารมณ์ แพ้สิบตารวดจนแทบจะปาจอยสติ๊กทิ้งแต่ทำได้แค่ถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะนั่นเป็นของที่พ่ออุตส่าห์ซื้อมาให้ จากนั้นจึงหลบขึ้นห้องไม่สนใจสายตาละห้อยที่มองตามหลัง
ครั้นเครื่องเล่นเกมว่างแล้วธาวินกลับไม่แตะต้องเพราะถึงอย่างไรเล่นคนเดียวก็ไม่สนุกเอาเสียเลย
“แค่อยากเล่นด้วยเฉย ๆ นี่นา” ธาวินพึมพำอยู่คนเดียวแล้วกลับห้องของตัวเอง
คืนหนึ่งในฤดูหนาว
ธาวินจำได้ว่าคืนนี้จะมีฝนดาวตกจึงทำให้คิดถึงพ่อกับแม่ของตัวเองที่มักจะนอนดูดาวเป็นเพื่อนกัน สายลมเย็นที่พัดมาทางหน้าต่างหวนให้ความรู้สึกเศร้าโดยไม่รู้ตัว
เขาเลื่อนบานกระจกฝั่งระเบียงห้องแล้วนั่งพิงขอบประตู แหงนหน้ามองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวเพียงลำพัง ในใจคิดถึงวันเก่า ๆ ที่ได้อยู่กับคนในความทรงจำจนสะอึกสะอื้นอยู่คนเดียว
เสียงนั้นไม่ดังมากแต่สำหรับคนที่อยู่ข้างห้องและเปิดหน้าต่างนอนอย่างวเรณย์กลับได้ยินชัดเจน หากจะให้นอนต่อก็ทำไม่ได้จึงแง้มประตูเพื่อออกมาเตือนธาวินให้กลับไปร้องข้างในห้องก็ยังดีเพราะเขาไม่ได้อยากรับรู้สักนิดว่าเกิดอะไรขึ้น
ตอนที่กำลังจะอ้าปากพูดกลับได้ยินเสียงของธาวินเสียก่อน “โอ๊ะ ดาวตก” จึงทำให้เขาเงยหน้ามองฟ้าด้วยความสงสัย
วินาทีนั้น ดาวตกเริ่มเห็นได้ง่ายขึ้นจากทั่วท้องฟ้า ความมหัศจรรย์ทำให้วเรณย์นั่งลงตรงขอบประตูแล้วมองท้องฟ้าอย่างเงียบ ๆ เหมือนกัน
เวลานี้เสียงสะอึกสะอื้นหายไปแล้วเหลือเพียงความสงบและฝนดาวตกที่เคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต ทั้งคู่จับตามองอย่างเพลิดเพลินโดยไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว
จนกระทั่ง วเรณย์รู้สึกง่วงนอนจึงลุกขึ้นกลับไปนอนที่เตียง ทว่า หางตาเหลือบเห็นเงาดำ ๆ สะท้อนผนังด้านข้าง มันนิ่งเสียจนเขาคิดว่าผิดปกติจากเมื่อครู่จึงชะเง้อมอง
“เฮ้ย...” เขาเรียกเบา ๆ เพราะกลัวว่าเสียงดังไปแล้วทุกคนในบ้านจะตื่นรวมถึงแฮปปี้ด้วย แต่ธาวินไม่รู้สึกตัว นั่งนิ่งไม่ไหวเอน
“นี่...”
“ไปนอนดี ๆ สิ”
“เฮ้ย...”
ความพยายามเรียกคนที่ไม่ได้ใส่เครื่องช่วยฟังเวลานอนไม่เป็นผล วเรณย์ส่ายหน้าแล้วพึมพำกับตัวเอง หาเหตุผลว่าเขาควรทำอย่างไรกับคนที่หลับลึกแบบนั้น
ถ้าปล่อยให้นอนแบบนี้ พรุ่งนี้อาจจะไม่สบาย แล้วพ่อกับแม่ก็ต้องพาไปหาหมอ ถ้ายุงกัดเป็นรอยเดี๋ยวพี่เมพี่ลินก็จะทำหน้าเป็นห่วงแล้วก็ต้องมาดูแลเช้าเย็นเหมือนครั้งนั้นอีก ตอนนี้พี่เมก็ใกล้สอบแล้วด้วย แล้วป้ามลก็จะพยายามทำอาหารเอาใจให้หายเร็ว ๆ ลุงชาญคงจะมาพ่นยากันยุงรอบบ้านอีกเหม็นจะตาย ไม่ชอบกลิ่นมันเลยแถมต้องเอาแฮปปี้ไปหลบที่อื่นด้วย เพราะฉะนั้นที่ฉันไปปลุกนายก็เพราะไม่อยากให้ทุกคนยุ่งยากเฉย ๆ หรอกนะ
เมื่อคิดได้ว่าตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดแล้ว วเรณย์จึงปีนข้ามรั้วระเบียงเตี้ย ๆ ที่ทำไว้กั้นพื้นที่ห้องอย่างง่ายดายแล้วจิ้มนิ้วที่แขนธาวิน
“นี่... ตื่นสิ” เขาลองเรียกคนตรงหน้าครั้งสุดท้าย พอเห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นจึงจับแขนสองข้างแล้วเขย่าแรง ๆ “ฉันบอกให้ตื่นไง นายจะนอนให้ยุงกัดตรงนี้เหรอ ตื่นเร็วเข้า”
ธาวินงัวเงียวิญญาณยังไม่กลับร่างเท่าไหร่จึงไม่พูดอะไรแล้วเอนหัวพิงประตูต่อเพราะความง่วงเป็นเหตุจนวเรณย์ต้องเขย่าตัวเขาอีกครั้ง
“เฮ้ย...ไปนอนดี ๆ สิ” ครั้งนี้เขาพยายามยกตัวคนตรงหน้าขึ้น แม้ว่าธาวินจะตัวเล็กกว่าแต่เมื่อโดนทิ้งน้ำหนักทั้งตัวแบบนี้ก็ทำให้พยุงตัวได้ลำบากพอควร ในใจของเขาพูดย้ำกับตัวเองให้อดทนเอาไว้เพื่อที่ทุกคนจะได้ไม่ลำบากเพราะคนงี่เง่าที่นอนให้ยุงกัด
ครั้นมาถึงเตียงแล้ววเรณย์จึงปล่อยร่างอีกฝ่ายลงตุ้บบนที่นอนนุ่มผลักกลิ้ง ๆ ให้อยู่ตรงกลางเตียงแล้ววางตุ๊กตากระต่ายที่ชื่อว่าเจคอบเหมือนกับที่เขามีอยู่ในห้องกั้นเอาไว้ไม่ให้ตกเตียง ปิดหน้าต่าง เปิดแอร์ยี่สิบห้าองศา แล้วห่มผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะเดินออกไปทางประตูพร้อมล็อกห้องเป็นอย่างดี
เจ้าชายน้อยของบ้านทำงานหนักเป็นครั้งแรกได้สำเร็จจึงถอนหายใจออกมา หากแต่ตอนที่เดินกลับไปแล้วจับลูกบิดประตูห้องจึงนึกได้ว่าตัวเองล็อกห้องเอาไว้จึงกรีดร้องในใจอย่างเงียบ ๆ เพราะช่วยให้คนอื่นนอนบนเตียงนุ่ม ๆ ได้แต่ตัวเองกลับต้องลงมานอนที่โซฟาด้านล่างเพราะเข้าห้องไม่ได้ แถมไม่รู้ว่ากุญแจสำรองเก็บไว้ตรงไหน ครั้นจะถามที่เก็บกับคนอื่น ๆ ในบ้านก็ไม่อยากรบกวนเวลานอนพวกเขา
“เพราะนายคนเดียวเลย เฮ้อ... ทำไมต้องทำตัวยุ่งยากด้วยก็ไม่รู้ น่าเบื่อที่สุด” เขาพึมพำอยู่คนเดียวจนกระทั่งง่วงนอนแล้วหลับไปทั้งอย่างนั้น
วันเกิดครบรอบอายุสิบเอ็ดปีของวเรณย์เจ้าลูกชายคนเล็กของบ้านยังคงต้องการความเอาใส่ใจและเป็นที่หนึ่งที่ทุกคนต้องให้ความสำคัญอยู่เหมือนเดิม รวมถึงเพื่อนร่วมชั้นของเขาด้วยแค่เพียงได้ยินเพื่อนสนิทอย่างคีตาบอกว่าวันเกิดปีนี้ถ้าได้จัดงานที่สวนสนุกเหมือนการ์ตูนเรื่องนั้นก็คงจะดี เขาจึงคิดว่าถ้าเพื่อน ๆ มาร่วมงานวันเกิดครั้งนี้ได้จะต้องมีแต่ความสนุกสนานและชอบเขามากขึ้นแน่นอนจึงเอ่ยปากขอร้องผู้ปกครอง“พ่อครับ วันเกิดปีนี้ผมเลือกของขวัญเองได้ไหมครับ” วเรณย์ถามด้วยความลังเลแม้จะรู้ว่าพ่อและแม่ไม่เคยปฏิเสธเขา แต่การที่จะจัดงานในสวนสนุกไม่รู้จะยุ่งยากเกินไปหรือเปล่า“ปกติพ่อกับแม่ก็ซื้อตามใจเรย์อยู่แล้ว ปีนี้ลูกอยากได้อะไรเหรอครับ” ก้องเกียรติถามบ้างเพราะสีหน้าของลูกชายดูคาดหวังไม่น้อย
แม้ระยะเวลาจะผ่านล่วงเลยมาจนเปิดภาคเรียนชั้นมอสามของวเรณย์แล้วความสัมพันธ์ตลอดหลายปีที่ผ่านมาระหว่างเขากับธาวินยังคงเสมอต้นเสมอปลายไม่ชอบหน้าอย่างไรก็ยังเป็นอย่างนั้น หากแต่ว่าเขามีหน้าที่สำคัญหนึ่งอย่างซึ่งได้รับมอบหมายจากคนในบ้านเพราะพวกพี่สาวเรียนมหาวิทยาลัยกันหมดแล้วจึงเหลือเพียงตัวเขาที่ต้องติดแหง็กอยู่กับธาวินที่เพิ่งจะเข้าเรียนชั้นมอหนึ่งแม้ว่าธาวินจะยืนยันอย่างหนักแน่นว่าสามารถดูแลตัวเองได้เพราะเกรงใจทุกคนในบ้าน แต่ไม่อาจปฏิเสธความหวังดีจากพวกเขาได้ง่ายขนาดนั้นถึงใครบางคนจะหน้าหงิกแต่ก็ยอมทำตามโดยไม่งอแงมากนักเพราะรู้ซึ้งถึงการปล่อยให้ธาวินอยู่คนเดียวแล้วพบว่าเจ้าตัวมักจะจำทิศทางไม่ค่อยได้ ทั้ง ๆ ที่เคยเดินผ่านสถานที่แห่งนั้นมาแล้วกี่ร้อยครั้งก็ตามหรือกระทั่งการแอบขึ้นรถเมล์
เช้าวันจันทร์“เมื่อกี้นายว่ายังไงนะ” คีตาถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เขาคิดว่าไม่มีหวังแล้วที่วเรณย์จะตกลงเล่นดนตรีด้วยแต่จู่ ๆ กลับเปลี่ยนใจภายในคืนเดียว“ก็บอกแล้วไงว่าจะทำ นายคิดว่าวงของเราจะมีใครบ้าง” เขาพอจะเดาได้แล้วว่าคีตาชวนเพื่อนคนไหน หลัก ๆ ก็คงจะเป็นคนใส่แว่นกับอีกคนที่ตัวสูง ๆ ที่เรียนห้องเดียวกัน“ฉันกับนาย ร้องนำ กีต้าร์ ส่วนพีตีกลองแล้วก็เจ้าคนตัวสูงเล่นเบส” เขาวางตำแหน่งเอาไว้เรียบร้อยทั้ง ๆ ที่วเรณย์ยังไม่เคยแตะกีต้าร์เลยสักครั้ง ดูจะเป็นภาระให้พีและเขตแดนมากกว่าเพราะสองคนนั้นสนใจตั้งวงดนตรีมาตั้งนานแล้วแถมฝีมือยังโดดเด่นจนอาจารย์ชมรมต้องเอ่ยปากชม“พังแน่ ๆ” วเรณย์ส่ายหน้าคาดเดาอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น“
นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาธาวินจึงนั่งรอเขาซ้อมดนตรีกับเพื่อนอยู่ในห้องสมุดพลางทำการบ้านรออย่างเงียบ ๆ กว่าอีกฝ่ายจะเลิกซ้อมก็ทำงานตามที่ครูสั่งได้เรียบร้อยพอดีส่วนวเรณย์นั้น พอเริ่มเรียนดนตรีขึ้นมาจริงจังก็ทำให้เวลาทบทวนบทเรียนน้อยลงไปประมาณหนึ่งจนผลสอบท้ายบทตกลงมาอยู่อันดับสองของห้องทั้ง ๆ ที่เคยเป็นที่หนึ่งมาโดยตลอด ครูประจำชั้นจึงสงสัยว่าช่วงนี้เขามีปัญหาอะไรหรือเปล่าจนเรียกไปพบที่ห้องพักครู“ผลการสอบของเธอครั้งนี้รู้ไหมว่าได้คะแนนรวมเท่าไหร่” ครูประจำชั้นถามเขาเพราะได้รับผลสอบจากครูรายวิชามารวม ๆ กันจนเห็นว่าผิดปกติไป“ครับ” เขาพยักหน้ารู้ดีว่าเป็นเพราะอะไร “ครั้งหน้าผมจะพยายามทำให้ดีขึ้นครับ”“ครูถามก็เพราะเป็นห่วงน่ะ ปกติเธอสอบได้ที่หนึ่งทุกวิ
ภูกระดึงรถตู้คันใหญ่สำหรับครอบครัวเคลื่อนเข้ามาจอดตรงลานกว้างของอุทยานแห่งชาติในเวลาแปดนาฬิกาพอดิบพอดี เมธาวีรีบพาน้องสาวคนรองไปติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์เพื่อประทับตราลงในพาสปอร์ตอุทยาน จัดการข้าวของจองลูกหาบและสอบถามเรื่องที่พักแรมข้างบน“ทั้งหมดหกคน เต็นท์สามหลังค่ะ” เกวลินกล่าวกับเจ้าหน้าที่ พลางหันมองน้องชายคนเล็กที่ยังคงไม่รู้เรื่องอะไรด้วยสีหน้ามีเลศนัยก่อนจะกลับมารวมกลุ่มกับคนในบ้านที่เหลือก้องเกียรติตรวจความพร้อมของลูก ๆ ในบ้านทำราวกับว่าตนเองเป็นหัวหน้าลูกเสือที่กำลังตื่นเต้นกับการท่องเที่ยวครั้งนี้จนอดใจไว้ไม่อยู่“เอาล่ะ พ่อจะเดินนำ ตามด้วยแม่ พี่เม พี่ลิน วินแล้วก็เรย์ปิดท้ายขบวนนะ” เขามองหน้าลูกชายแล้วยักคิ้วให้ฝากความหวังว่าจะช่วยดูแลความเรียบร้อยครั้งนี้ได้
เช้าตรู่วันต่อมาเมธาวีเห็นว่าเต็นท์ของน้องชายยังไม่มีความเคลื่อนไหวจึงเปิดเข้าไปดู ภาพที่เห็นทำให้ต้องกลั้นขำกับความน่าเอ็นดู ถ้าเจ้าน้องชายคนเล็กตื่นขึ้นมาแล้วรู้ว่าตัวเองนอนหนุนต้นแขนธาวินแถมกอดอีกฝ่ายไว้คงจะต้องอึ้งน่าดูเกวลินสงสัยว่าทำไมพี่สาวถึงอมยิ้มจึงเดินมาดูด้วยแล้วเรียกพ่อกับแม่พลางถ่ายรูปเอาไว้เพราะเหตุการณ์แบบนี้คงจะไม่ได้มีบ่อย ๆ ก่อนจะปิดเต็นท์ทำทีเป็นไม่รู้ไม่เห็นวเรณย์งัวเงียตื่นขึ้นมาเพราะเสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วของคนในเต็นท์ข้าง ๆ พึมพำว่า “หมอนใบนี้นุ่มจัง” พลันนึกได้ว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในเต็นท์จะไปมีหมอนนุ่ม ๆ เหมือนที่บ้านได้อย่างไรดวงตาสีน้ำตาลเข้มเบิกโตเมื่อเห็นว่าตัวเองกำลังนอนหนุนหน้าอกของธาวินที่หลับไม่รู้เรื่องบ้าไปแล้ว นี่ฉันทำอะไรลงไป ทำไมถึงได้มานอนตรงนี้ได้เจ้านี่
วันเปิดเทอมชั้นมอสี่ของวเรณย์เขารู้สึกดีใจที่ยังได้อยู่ห้องเดียวกันกับคีตาเหมือนอย่างเคย ทั้งสองแทบจะเป็นเพื่อนที่ตัวติดกันจนหลายคนแซวว่าเป็นแฝดไปแล้วความนิยมของเขาและวงไอริสเพิ่มมากขึ้นด้วยเพราะภาพลักษณ์ที่เปลี่ยนไปจากน้องมอต้นกลายเป็นพี่มอปลายไปแล้ว ปิดเทอมไปไม่กี่เดือน ส่วนสูงของวเรณย์ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนตอนนี้นับว่าราวกับนายแบบใบหน้าหล่อใสเหมือนไอดอล ท่าทางตอนเล่นดนตรี ร้องเพลง เล่นบาสหรือกระทั่งนั่งอยู่เฉย ๆ มักจะมีสายตาของสาว ๆ จ้องมองไม่วางตาจนใครหลายคนอิจฉาหลายครั้งวเรณย์จะได้รับจดหมายสารภาพรักจากทั้งรุ่นน้องและรุ่นพี่ในโรงเรียนแต่เขากลับไม่สนใจใครเลยสักคน“นี่ รุ่นพี่ห้องห้ามารอนายอยู่หน้าห้องอีกแล้ว” คีตาสะกิดเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างกัน “พี่เขาก็น่ารักนี
วันต่อมาธาวินจึงไปห้องซ้อมดนตรีกับณดลตอนเที่ยงเพราะห้องจะว่างช่วงนั้นพอดี จึงมีแค่เพียงพวกเขาอยู่ในห้องเท่านั้นณดลหยิบกีต้าร์ออกมาจากกระเป๋าแล้วปรับเสียงให้เข้ากันกับเพลงที่จะเล่น สลับกับมองใบหน้าของธาวินด้วยความกังวลเล็กน้อย “ไม่ได้เล่นนานแล้ว อาจจะเพี้ยนนิดหน่อยนะ”“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงหูฉันก็เพี้ยนอยู่แล้ว” เจ้าตัวหัวเราะเบา ๆ แล้วนั่งรอฟังด้วยความตั้งใจนิ้วเรียวดีดสายกีต้าร์ทีละจังหวะ นุ่มนวลและให้ความรู้สึกเหมือนจะล่องลอย ธาวินสัมผัสได้ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่แค่มือสมัครเล่นทั่วไปแน่ ๆณดลไม่เพียงแค่เล่นกีต้าร์โปร่งได้ เสียงร้องของเขาที่เปล่งออกมายังเพราะเหลือเชื่อจนคนที่นั่งฟังอยู่ตกตะลึงพลันอมยิ้มด้วยความชื่นชมจนกระทั่งเพลงจบลงอย่างสมบูรณ์
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพิ่งทำให้วเรณย์ตระหนักได้ว่าธาวินโกรธเขาจริงจังเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ได้รู้จักกันมาถึงแม้ปกติแล้วเขาจะเป็นคนคอยทำตัวห่างเหินกับธาวินแต่ช่วงนี้กลับไม่ต้องทำอะไรแบบนั้นเลย เพราะอีกฝ่ายหลบหน้าเขาเองเวลาที่ต้องเจอหน้ากัน“อย่าลืมเอากล่องของว่างที่ป้ามลทำไว้ไปด้วย” วเรณย์เอ่ยบอกคนตรงหน้า เขาคิดในใจว่าอีกสักพักต้องได้ยินเสียงพึมพำจากธาวินเหมือนอย่างเคยอืม ขอบคุณที่เตือนหรือไม่ก็อืม ไม่ลืมหรอกอะไรแบบนี้ทว่า ธาวินแค่เดินมาหยิบกล่องของว่างออกไปเงียบ ๆ โดยไม่เหลียวมองเขาเลยวันหยุดอยู่บ้าน วเรณย์จะเล่นกีต้าร์ ร้องเพลงคลอเบา ๆ ตรงระเบียงห้องแต่ดีดไปยังไม่ถึงท่อนที่สอง เสียงปิดหน้าต่างห้องข้าง ๆ ก็ดังปังจนดีดผิดคีย์ผ่านไปแ
วันต่อมาธาวินจึงไปห้องซ้อมดนตรีกับณดลตอนเที่ยงเพราะห้องจะว่างช่วงนั้นพอดี จึงมีแค่เพียงพวกเขาอยู่ในห้องเท่านั้นณดลหยิบกีต้าร์ออกมาจากกระเป๋าแล้วปรับเสียงให้เข้ากันกับเพลงที่จะเล่น สลับกับมองใบหน้าของธาวินด้วยความกังวลเล็กน้อย “ไม่ได้เล่นนานแล้ว อาจจะเพี้ยนนิดหน่อยนะ”“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงหูฉันก็เพี้ยนอยู่แล้ว” เจ้าตัวหัวเราะเบา ๆ แล้วนั่งรอฟังด้วยความตั้งใจนิ้วเรียวดีดสายกีต้าร์ทีละจังหวะ นุ่มนวลและให้ความรู้สึกเหมือนจะล่องลอย ธาวินสัมผัสได้ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่แค่มือสมัครเล่นทั่วไปแน่ ๆณดลไม่เพียงแค่เล่นกีต้าร์โปร่งได้ เสียงร้องของเขาที่เปล่งออกมายังเพราะเหลือเชื่อจนคนที่นั่งฟังอยู่ตกตะลึงพลันอมยิ้มด้วยความชื่นชมจนกระทั่งเพลงจบลงอย่างสมบูรณ์
วันเปิดเทอมชั้นมอสี่ของวเรณย์เขารู้สึกดีใจที่ยังได้อยู่ห้องเดียวกันกับคีตาเหมือนอย่างเคย ทั้งสองแทบจะเป็นเพื่อนที่ตัวติดกันจนหลายคนแซวว่าเป็นแฝดไปแล้วความนิยมของเขาและวงไอริสเพิ่มมากขึ้นด้วยเพราะภาพลักษณ์ที่เปลี่ยนไปจากน้องมอต้นกลายเป็นพี่มอปลายไปแล้ว ปิดเทอมไปไม่กี่เดือน ส่วนสูงของวเรณย์ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนตอนนี้นับว่าราวกับนายแบบใบหน้าหล่อใสเหมือนไอดอล ท่าทางตอนเล่นดนตรี ร้องเพลง เล่นบาสหรือกระทั่งนั่งอยู่เฉย ๆ มักจะมีสายตาของสาว ๆ จ้องมองไม่วางตาจนใครหลายคนอิจฉาหลายครั้งวเรณย์จะได้รับจดหมายสารภาพรักจากทั้งรุ่นน้องและรุ่นพี่ในโรงเรียนแต่เขากลับไม่สนใจใครเลยสักคน“นี่ รุ่นพี่ห้องห้ามารอนายอยู่หน้าห้องอีกแล้ว” คีตาสะกิดเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างกัน “พี่เขาก็น่ารักนี
เช้าตรู่วันต่อมาเมธาวีเห็นว่าเต็นท์ของน้องชายยังไม่มีความเคลื่อนไหวจึงเปิดเข้าไปดู ภาพที่เห็นทำให้ต้องกลั้นขำกับความน่าเอ็นดู ถ้าเจ้าน้องชายคนเล็กตื่นขึ้นมาแล้วรู้ว่าตัวเองนอนหนุนต้นแขนธาวินแถมกอดอีกฝ่ายไว้คงจะต้องอึ้งน่าดูเกวลินสงสัยว่าทำไมพี่สาวถึงอมยิ้มจึงเดินมาดูด้วยแล้วเรียกพ่อกับแม่พลางถ่ายรูปเอาไว้เพราะเหตุการณ์แบบนี้คงจะไม่ได้มีบ่อย ๆ ก่อนจะปิดเต็นท์ทำทีเป็นไม่รู้ไม่เห็นวเรณย์งัวเงียตื่นขึ้นมาเพราะเสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วของคนในเต็นท์ข้าง ๆ พึมพำว่า “หมอนใบนี้นุ่มจัง” พลันนึกได้ว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในเต็นท์จะไปมีหมอนนุ่ม ๆ เหมือนที่บ้านได้อย่างไรดวงตาสีน้ำตาลเข้มเบิกโตเมื่อเห็นว่าตัวเองกำลังนอนหนุนหน้าอกของธาวินที่หลับไม่รู้เรื่องบ้าไปแล้ว นี่ฉันทำอะไรลงไป ทำไมถึงได้มานอนตรงนี้ได้เจ้านี่
ภูกระดึงรถตู้คันใหญ่สำหรับครอบครัวเคลื่อนเข้ามาจอดตรงลานกว้างของอุทยานแห่งชาติในเวลาแปดนาฬิกาพอดิบพอดี เมธาวีรีบพาน้องสาวคนรองไปติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์เพื่อประทับตราลงในพาสปอร์ตอุทยาน จัดการข้าวของจองลูกหาบและสอบถามเรื่องที่พักแรมข้างบน“ทั้งหมดหกคน เต็นท์สามหลังค่ะ” เกวลินกล่าวกับเจ้าหน้าที่ พลางหันมองน้องชายคนเล็กที่ยังคงไม่รู้เรื่องอะไรด้วยสีหน้ามีเลศนัยก่อนจะกลับมารวมกลุ่มกับคนในบ้านที่เหลือก้องเกียรติตรวจความพร้อมของลูก ๆ ในบ้านทำราวกับว่าตนเองเป็นหัวหน้าลูกเสือที่กำลังตื่นเต้นกับการท่องเที่ยวครั้งนี้จนอดใจไว้ไม่อยู่“เอาล่ะ พ่อจะเดินนำ ตามด้วยแม่ พี่เม พี่ลิน วินแล้วก็เรย์ปิดท้ายขบวนนะ” เขามองหน้าลูกชายแล้วยักคิ้วให้ฝากความหวังว่าจะช่วยดูแลความเรียบร้อยครั้งนี้ได้
นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาธาวินจึงนั่งรอเขาซ้อมดนตรีกับเพื่อนอยู่ในห้องสมุดพลางทำการบ้านรออย่างเงียบ ๆ กว่าอีกฝ่ายจะเลิกซ้อมก็ทำงานตามที่ครูสั่งได้เรียบร้อยพอดีส่วนวเรณย์นั้น พอเริ่มเรียนดนตรีขึ้นมาจริงจังก็ทำให้เวลาทบทวนบทเรียนน้อยลงไปประมาณหนึ่งจนผลสอบท้ายบทตกลงมาอยู่อันดับสองของห้องทั้ง ๆ ที่เคยเป็นที่หนึ่งมาโดยตลอด ครูประจำชั้นจึงสงสัยว่าช่วงนี้เขามีปัญหาอะไรหรือเปล่าจนเรียกไปพบที่ห้องพักครู“ผลการสอบของเธอครั้งนี้รู้ไหมว่าได้คะแนนรวมเท่าไหร่” ครูประจำชั้นถามเขาเพราะได้รับผลสอบจากครูรายวิชามารวม ๆ กันจนเห็นว่าผิดปกติไป“ครับ” เขาพยักหน้ารู้ดีว่าเป็นเพราะอะไร “ครั้งหน้าผมจะพยายามทำให้ดีขึ้นครับ”“ครูถามก็เพราะเป็นห่วงน่ะ ปกติเธอสอบได้ที่หนึ่งทุกวิ
เช้าวันจันทร์“เมื่อกี้นายว่ายังไงนะ” คีตาถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เขาคิดว่าไม่มีหวังแล้วที่วเรณย์จะตกลงเล่นดนตรีด้วยแต่จู่ ๆ กลับเปลี่ยนใจภายในคืนเดียว“ก็บอกแล้วไงว่าจะทำ นายคิดว่าวงของเราจะมีใครบ้าง” เขาพอจะเดาได้แล้วว่าคีตาชวนเพื่อนคนไหน หลัก ๆ ก็คงจะเป็นคนใส่แว่นกับอีกคนที่ตัวสูง ๆ ที่เรียนห้องเดียวกัน“ฉันกับนาย ร้องนำ กีต้าร์ ส่วนพีตีกลองแล้วก็เจ้าคนตัวสูงเล่นเบส” เขาวางตำแหน่งเอาไว้เรียบร้อยทั้ง ๆ ที่วเรณย์ยังไม่เคยแตะกีต้าร์เลยสักครั้ง ดูจะเป็นภาระให้พีและเขตแดนมากกว่าเพราะสองคนนั้นสนใจตั้งวงดนตรีมาตั้งนานแล้วแถมฝีมือยังโดดเด่นจนอาจารย์ชมรมต้องเอ่ยปากชม“พังแน่ ๆ” วเรณย์ส่ายหน้าคาดเดาอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น“
แม้ระยะเวลาจะผ่านล่วงเลยมาจนเปิดภาคเรียนชั้นมอสามของวเรณย์แล้วความสัมพันธ์ตลอดหลายปีที่ผ่านมาระหว่างเขากับธาวินยังคงเสมอต้นเสมอปลายไม่ชอบหน้าอย่างไรก็ยังเป็นอย่างนั้น หากแต่ว่าเขามีหน้าที่สำคัญหนึ่งอย่างซึ่งได้รับมอบหมายจากคนในบ้านเพราะพวกพี่สาวเรียนมหาวิทยาลัยกันหมดแล้วจึงเหลือเพียงตัวเขาที่ต้องติดแหง็กอยู่กับธาวินที่เพิ่งจะเข้าเรียนชั้นมอหนึ่งแม้ว่าธาวินจะยืนยันอย่างหนักแน่นว่าสามารถดูแลตัวเองได้เพราะเกรงใจทุกคนในบ้าน แต่ไม่อาจปฏิเสธความหวังดีจากพวกเขาได้ง่ายขนาดนั้นถึงใครบางคนจะหน้าหงิกแต่ก็ยอมทำตามโดยไม่งอแงมากนักเพราะรู้ซึ้งถึงการปล่อยให้ธาวินอยู่คนเดียวแล้วพบว่าเจ้าตัวมักจะจำทิศทางไม่ค่อยได้ ทั้ง ๆ ที่เคยเดินผ่านสถานที่แห่งนั้นมาแล้วกี่ร้อยครั้งก็ตามหรือกระทั่งการแอบขึ้นรถเมล์
วันเกิดครบรอบอายุสิบเอ็ดปีของวเรณย์เจ้าลูกชายคนเล็กของบ้านยังคงต้องการความเอาใส่ใจและเป็นที่หนึ่งที่ทุกคนต้องให้ความสำคัญอยู่เหมือนเดิม รวมถึงเพื่อนร่วมชั้นของเขาด้วยแค่เพียงได้ยินเพื่อนสนิทอย่างคีตาบอกว่าวันเกิดปีนี้ถ้าได้จัดงานที่สวนสนุกเหมือนการ์ตูนเรื่องนั้นก็คงจะดี เขาจึงคิดว่าถ้าเพื่อน ๆ มาร่วมงานวันเกิดครั้งนี้ได้จะต้องมีแต่ความสนุกสนานและชอบเขามากขึ้นแน่นอนจึงเอ่ยปากขอร้องผู้ปกครอง“พ่อครับ วันเกิดปีนี้ผมเลือกของขวัญเองได้ไหมครับ” วเรณย์ถามด้วยความลังเลแม้จะรู้ว่าพ่อและแม่ไม่เคยปฏิเสธเขา แต่การที่จะจัดงานในสวนสนุกไม่รู้จะยุ่งยากเกินไปหรือเปล่า“ปกติพ่อกับแม่ก็ซื้อตามใจเรย์อยู่แล้ว ปีนี้ลูกอยากได้อะไรเหรอครับ” ก้องเกียรติถามบ้างเพราะสีหน้าของลูกชายดูคาดหวังไม่น้อย