เซี่ยเซียนอินรู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่าเธอผุดลุกขึ้นจากโซฟาทันทีและสีหน้าก็เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง “คุณหลิวคะคุณกำลังทำอะไร?”ชายคนนั้นตอนนี้ก็มึนเมาและเซี่ยเซียนอินก็สวยจนเขาลืมตัวไปไม่อย่างนั้นแม้ว่าเขาจะมีความคิดเช่นนี้ในหัวเขาก็คงไม่กล้าลงมือหลิวไห่หัวเราะเบา ๆ “ประธานเซี่ยที่ดินผืนนี้มีแต่คนต้องการ คุณไม่รู้หรอกว่ามีคนมากมายแค่ไหนที่อยากจะคว้าไปจากผม หากว่าคุณไม่แสดงความจริงใจผมก็กลัวว่ามันคงจะยากสักหน่อย”เซี่ยเซียนอินสะบัดผมอย่างโมโหและพูดเสียงเย็นชาว่า “นี่คือวิธีการที่คุณหลิวทำงานให้กับองค์กรเหรอคะ?ถ้าแบบนั้นฉันก็ผิดหวังมาก”หลิวไห่อึ้งไปจากนั้นก็ยิ้มอย่างเดียจฉันท์ “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมถ้าคุณจะผิดหวังหรือไม่? ผมคาดหวังคุณเอาไว้สูงแต่คุณก็ยังทำให้ผมไม่ได้อะไร”“ผมบอกคุณเลยนะถ้าไม่อยู่ที่นี่กับผมก็ออกไป”“อย่าได้คิดถึงเรื่องที่ดินอีกเลย”แม้เซี่ยเซียนอินจะให้ค่าที่ดินผืนนี้มากแค่ไหน แต่นี่ก็เหมือนแตะขีดจำกัดของเธอแล้วเธอหันหลังกลับและจากไปโดยไม่พูดอะไรอีกเมื่อได้เห็นว่าเธอกำลังจะจากไป หลิวไห่ก็ยิ่งโมโหเมื่อคิดเรื่องนี้ เขากัดฟันกรอดและด่าออกมา ก่อนลุกขึ้นและพุ่งเข้าไปกร
เซี่ยเซียนอินทิ้งตัวบนโซฟาอย่างแรง “ฉันไม่คิดเลยว่าพวกผู้ชายที่ก็เหมือนกันหมด”หลี่ชิงเฟิงสับสนกับสิ่งที่เธอบอก เขาจึงถามเพิ่มเสียงทุ้ม “เกิดอะไรขึ้น?”ตอนแรกเซี่ยเซียนอินไม่อยากบอกอะไร แต่หลังจากที่โดนเซี่ยอิ๋งยั่วยุมา เธอก็โมโหจนเล่าว่าหลิวไห่ทำอะไรกับเธอบ้างเมื่อหลี่ชิงเฟิงได้ยิน สีหน้าเขาก็มืดครึ้ม“เอาเถอะ ผมจะคุยกับเขาอีกทีพรุ่งนี้ แล้วคุณก็ไม่ต้องไป” หลี่ชิงเฟิงพูดพร้อมยิ้มเซี่ยเซียนอินรู้อารมณ์ของหลี่ชิงเฟิงดี หากว่าเขาไปเอง พวกเธอจะเสียโอกาสประมูลไปไหม?หลิวไห่เป็นคนใหญ่คนโตจากเมืองหลวง ถึงเจรจาธุรกิจไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร แต่หากว่ามีเรื่องที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เธอก็คงรับไม่ไหว“ได้ค่ะ แต่อย่าสร้างปัญหานะ ฉันคิดว่าเราลืม ๆ มันไปก็ได้” เซี่ยเซียนอินพูดเบา ๆหลี่ชิงเฟิงยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ผมจะคุยกับคุณหลิวอย่างนอบน้อมและนิ่ง ๆ พรุ่งนี้ แล้วยังไงก็จะขอโทษเขา”เซี่ยเซียนอินถอนใจ “นั่นจำเป็นด้วยเหรอ? เซี่ยอิ๋งนำหน้าไปก้าวหนึ่งแล้ว…”“แบบนั้นก็ยิ่งจำเป็น อย่าห่วงเลยให้ผมจัดการเถอะ” หลี่ชิงเฟิงพูดพร้อมยิ้มหลังจากค่ำคืนนั้นเงียบสนิท หลี่ชิงเฟิงก็ลุกขึ้นมาแต่เช้า เขาไปบริษัทแล
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิวไห่ก็อดหัวเราะไม่ได้ เขาชี้หน้าหลี่ชิงเฟิงและด่ายิ้ม ๆ “พวกนายมันโง่จริง ๆ แค่มาขอโทษก็ขอให้ฉันยกที่ให้แล้วงั้นเหรอ? ก่อนมานี่ดื่มกันไปกี่แก้วเนี่ย?”หลี่ชิงเฟิงยิ้มแทนที่จะโมโห “ถ้าหากว่าตามที่คุณหลิวต้องการ พวกเราต้องทำยังไงคุณถึงจะเต็มใจยกที่ฮาเฉิงให้เราล่ะ?”หลิวไห่กรอกตา ที่ดินนี้ไม่มีทางยกให้พวกเขาได้เพราะว่าตัวเขาเองได้ตกลงกับเซี่ยอิ๋งไปแล้วแต่ว่าเขาก็อาจจะหลอกพวกนี้เอาประโยชน์ได้สักหน่อยเมื่อหลิวไห่คิดถึงความงามของเซี่ยเซียนอิน เขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดอยากเข้าหาเธอเขากรอกตาและแค่นเสียง “ก็ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้ คืนนี้บอกให้ประธานของนายมาเองแล้วมาดูแลฉัน บางทีฉันอาจจะลองพิจารณาดู…”หลี่ชิงเฟิงพยักหน้า “จริงเหรอครับ? แบบนี้นี่เอง…”หลิวไห่หยัน “แล้วคนระดับพวกนาย ก็ไม่ต้องเสนอหน้ามา…”ก่อนที่เขาจะทันพูดจบ หลี่ชิงเฟิงก็ลงมือทันที เขาเอื้อมมือออกมาและคว้าผมหลิวไห่กระชากอย่างแรง จนหัวเขากระแทกพื้นการกระแทกนั้นรุนแรงมากจนหลิวไห่นอนทรุดอยู่ที่พื้นลุกไม่ได้ไม่นานเลือดก็ไหลนองท่วมพื้น…อึดใจต่อมา หลิวไห่ก็ค่อย ๆ ตะเกียกตะกายลุกขึ้น แต่ก็โดนเย่เซียวเตะกระ
”พี่หลิว ในที่สุดคุณก็รู้ตัว”เซี่ยอิ๋งรีบเดินเข้าไปหาหลิวไห่ด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “พี่หลิวคะ ฉันขอโทษจริง ๆ ฉันประมาท ฉันน่าจะส่งคนไปคุ้มครองคุณ”“อื้ออ้า”หลิวไห่ยกมือชี้ปากตัวเอง แสดงท่าทางว่าเขาอยากพูดและขอให้เซี่ยอิ๋งเอาผ้าก็อชในปากเขาออกเซี่ยอิ๋งเข้าใจและตัดเปิดผ้าพันแผลทันที พร้อมกระซิบว่า “พี่หลิว ฟันของคุณหลุดเกือบหมดปาก ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำฟันปลอมให้คุณ…”หลังผ่านไปพักใหญ่ หลิวไห่ก็พูดออกมาได้ “ไอ้สารเลว… คนที่อัดผมบอกว่ามันคือสามีของเซี่ยเซียนอิน ผมอยากให้หมอนั่นตาย”เซี่ยอิ๋งรู้สึกผิดและกระซิบว่า “ฉันรู้ค่ะ… หากว่าทำได้ฉันก็คงจัดการหมอนั่นไปนานแล้ว แต่ชายคนนี้เป็นคนบ้าแล้วเคยติดคุกมาก่อน เขาเพิ่งออกมาได้ไม่ถึงครึ่งปีเลย เขานั่นเก่งเรื่องใช้กำลัง ฉันเองก็ปวดหัวเหมือนกัน”หลิวไห่แค่นเสียงเย็น “ผมเข้าใจคุณ ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง ให้ตายสิ มันยังอยากให้ผมเอาที่ดินให้มันอีกเหรอ? ฝันไปเถอะ”“หากว่าแค้นนี้ไม่ได้ชำระ อย่ามาเรียกว่าผมแซ่หลิวเลย”เมื่อได้เห็นหลิวไห่เดือดจัด เซี่ยอิ๋งก็ไม่กังวลแต่แอบดีใจพอเดินออกมานอกห้องพัก เธอก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้และพูดกับตัวเองว่า
เมื่อเห็นหลี่ชิงเฟิง เซี่ยอิงก็หยันว่า “นี่ เจ้าของที่ถูกต้องมาแล้วนี่”หลี่ชิงเฟิงยิ้มบางและบอก “ฉันก็ถามคนว่าทำไมบริษัทถึงได้เหม็นเน่านักเช้านี้ กลายเป็นว่าเพราะเธอมานี่เอง”รอยยิ้มเซี่ยอิ๋งเปลี่ยนเป็นโทสะ “หลี่ชิงเฟิง ฉันไม่มีเวลาจะมาพูดจาไร้สาระกับนายตอนนี้ บอกความจริงมา นายไปเอามุกราตรีเป็นสิบเม็ดมาจากไหน?”หลี่ชิงเฟิงเอามือจับคางและพูดยิ้ม ๆ ว่า “ฉันบอกไม่ได้หรอกว่าเอามาจากไหน มันเป็นความลับ”“งั้นนายอยากจะปกป้องความลับ? หรือว่าอยากได้ที่ดินในฮาเฉิงกันแน่ะ?” เซี่ยอิ๋งแค่นเสียงหลี่ชิงเฟิงหรี่ตาและพูดยิ้ม ๆ ว่า “โทษทีนะ เราต้องการทั้งสองอย่าง”เซี่ยอิ๋งยกมือปิดปากหัวเราะเสียงดัง “หลี่ชิงเฟิง นายนี่มันหน้าไม่อาย นายอยากได้ทุกอย่างงั้นเหรอ? นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร? นายไปเล่นงานเจ้าหน้าที่ประมูลมาไม่ใช่เหรอ? จัดการเขาซะฟันร่วงหมดปาก แล้วยังจะอยากได้ที่ดินอยู่อีก?”“หากว่าเกิดเรื่องแบบนี้แล้วนายยังได้ที่ไป ก็คงมีความเป็นไปได้แค่อย่างเดียว ก็คือนายเป็นเจ้าของประเทศนี้ หรืออย่างน้อยนายก็ต้องเป็นคนที่ใต้คน ๆ เดียวแต่เหนือคนนับหมื่นใช่ไหม? นายคิดว่าตัวเองที่เป็นสวะขี้คุกของสังคมนี้จ
เซี่ยเซียนอินรู้สึกระแวดระวังมาก เธอคอยจ้องไปทางถนนด้านหน้าตลอด รอการมาถึงของหลิวไห่หลังจากรอไปนานกว่าสิบนาที ไม่เพียงแค่หลิวไห่และคนอื่น ๆ ไม่มีใครมา แต่ว่าก็มีไม่กี่คนที่มาร่วมประมูล ซึ่งทำให้เซี่ยเซียนอินประหลาดใจมาก“หลี่ชิงเฟิง ที่ดินตรงฮาเฉิงมันแย่ขนาดนั้นเหรอ? ทำไมมีมาแค่ไม่กี่คนเอง?” เซี่ยเซียนอินถามหลี่ชิงเฟิงยิ้มและตอบว่า “ก็ไม่ได้มีแค่ไม่กี่คนหรอก ผมคิดว่ามีแค่สองบริษัทที่ประมูลคราวนี้ใช่ไหม?”เซี่ยเซียนอินนิ่วหน้า “นี่… ไม่จริงมั้ง? อย่างน้อยก็มีคนอื่นมา”หลี่ชิงเฟิงยิ้ม “ใครจะกล้าแตะของที่ตระกูลเย่ชอบได้ล่ะ? ก็มีแต่เทียนซื่อใช่ไหม? คนพวกนี้เป็นประธานจากบริษัทเครื่องหนังแล้วพวกเขาก็มาเพื่อแสร้งทำเป็นประมูลน่ะ”“คุณหมายความว่าการประมูลคราวนี้ตัดสินไว้แล้วใช่ไหม แล้วก็ไม่ได้เป็นทางการ?” เซี่ยเซียนอินถามหลี่ชิงเฟิงพยักหน้า “ใช่แล้ว”ก่อนที่เขาจะทันพูดจบก็มีรถออดี้สองคันขับผ่านประตูเข้ามาช้า ๆ…เซี่ยเซียนอินเห็นหลิวไห่และเซี่ยอิ๋งออกมาจากรถหลิวไห่ยังมีผ้าพันแผลพันรอบศีรษะและรอยบวมที่ปากก็ยังไม่ยุบลง ซึ่งมันดูตลกเล็กน้อย…เมื่อได้เห็นเขาโดนซ้อมจนเป็นแบบนี้ เลือดใน
การประมูลจะเริ่มในอีกสิบนาทีเซี่ยอิ่งวิ่งไปที่ประตูห้องรับรองเตรียมที่จะรับหลิวไห่ออกมา แต่เขากลับเดินออกมาเองก่อนที่เธอจะเคาะประตูเสียอีกเซี่ยอิ๋งกำลังจะอ้าปากพูด แต่พบว่าสีหน้าของหลิวไห่นั้นดูแย่มาก“พี่หลิว คุณเป็นอะไร…” เซี่ยอิ๋งอดถามไม่ได้หลิวไห่มองเซี่ยอิ๋ง ริมฝีปากเขาขยับ ลังเลที่จะตอบแต่ว่าสุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา“ไม่มีอะไร ไปกันเถอะ”ทั้งสองเดินออกไปที่หลังเวทีด้วยกัน ตอนนั้นเจ้าหน้าที่ประมูลก็ได้อธิบายเรื่องกฎต่าง ๆ แล้ว มีประธานจากบริษัทเครื่องหนังหลายคนและเซี่ยเซียนอินนั่งอยู่หน้าเวทีเซี่ยอิ๋งส่งหลิวไห่ขึ้นเวทีและถือโอกาสไปนั่งข้างหลี่ชิงเฟิงหลี่ชิงเฟิงยิ้มบาง ไม่พูดอะไรและมองไปบนเวทีหลังคำพูดทางการไม่กี่ประโยค หลิวไห่ก็วางเอกสารลงและพูดด้วยเสียงสั่น ๆ“ทุกคนครับ เนื่องจากมีการตัดสินใจจากเบื้องบน ที่ดินในเขตฮาเฉิงทั้งหมดจะถูกมอบให้เทียนซื่อกรุ๊ปเพื่อบริหารจัดการและถือครองต่อไป ดังนั้นการประมูลวันนี้ถือว่าสิ้นสุด”ตูมทั้งโถงประมูลเหมือนมีฟ้าผ่า ทุกคนพากันอึ้งงันโดยเฉพาะเซี่ยอิ๋ง เธอเกือบจะร่วงจากเก้าอี้เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าวหลิวไห่เงยหน้าขึ้นมองห
“เทียนซื่อกรุ๊ปนี่แข็งแกร่งมาก พวกเขากล้าฉกธุรกิจไปจากมือตระกูลเย่ และเอาไปอย่างอุกอาจด้วย”“ดูเหมือนว่าตระกูลเย่ก็ตกต่ำลงหลังจากที่เย่เจี้ยนเหอขึ้นเป็นหัวหน้านะ”“อย่าพูดไร้สาระ คุณคิดว่าตระกูลเย่จะยอมแพ้เหรอ? ผมคิดว่านี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น สงครามระหว่างตระกูลเย่และเทียนซื่อกรุ๊ปเพิ่งเริ่ม…”…ตอนนั้นเซี่ยเซียนอินก็เข้าไปที่ห้องรับรอง เธอเปิดประตูเข้าไปและเห็นหลิวไห่กำลังจัดเรียงเอกสารอยู่เมื่อได้เห็นว่าเซี่ยเซียนอินเข้ามาแล้ว ทั้งร่างของเขาก็สั่นเทิ้ม เขารีบพยักหน้าและบอกว่า “คุณเซี่ย คือ… ผมขอโทษ ผมรู้สึกอายที่ต้องมาพูดต่อหน้าคุณตอนนี้ ผมขอโทษเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนนี้ ผมดื่มแล้วขาดสติ ได้โปรดอภัยให้ผมด้วย”ตอนนี้ในใจเซี่ยเซียนอินมีความสุขและเธอก็ให้อภัยเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานไปตั้งนานแล้ว เมื่อได้เห็นท่าทีจริงใจของหลิวไห่ เธอก็รีบให้เขาลุกขึ้นและยิ้ม “คุณหลิว คุณมีมารยาทไปแล้ว ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณ ขอบคุณที่ให้รางวัลจากสวรรค์นี้มานะคะ เชื่อได้เลยว่าฉันจะไม่ทำให้คุณต้องผิดหวัง”ตอนนั้นเองหลี่ชิงเฟิงก็เดินเยื้องย่างเข้ามา เมื่อหลิวไห่เห็นหลี่ชิงเฟิง สีหน้าข
"พ่อไม่ไปนะ!" จู่ ๆ เซี่ยเทาก็แผดเสียงร้องพลางกระโดดข้ามโซฟาแล้ววิ่งไปที่ประตูหลัง! เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายตอบสนองว่องไว! เพียงก้าวเดียวก็ประชิดตัวพลางจับเขากดลงกับพื้นแล้วบังคับสวมกุญแจมือ สิบนาทีต่อมา ภายในห้องสอบสวน เสี่ยวอิ๋งนั่งหน้าเครียดอยู่ตรงนั้นพร้อมด้วยความคิดมากมาย ตำรวจที่อยู่ฝั่งตรงข้ามดูวิดีโอแล้วถามว่า "เท่าที่พวกเราทราบมา คนที่อยู่ในวิดีโอคือเซี่ยเทาพ่อของคุณ ตอนนี้เขาอยู่ห้องข้าง ๆ คุณจะอธิบายสิ่งที่เขาพูดว่ายังไงล่ะ?" เสี่ยวอิ๋งสูดลมหายใจลึก ๆ พลางผุดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ฉันไม่รู้หรอกค่ะ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร ทำไมคุณถึงไม่ถามเขาเองล่ะคะ?" "แน่นอนว่าพวกเราย่อมต้องถามเขาอยู่แล้ว แต่คุณเป็นลูกสาวของเขา คุณจะไม่รู้เรื่องนี้เลยเชียวเหรอ?" เซี่ยอิ่งลูบคางพลางครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้วจู่ ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า "จริงด้วยสิ! ดูเหมือนเขาจะเคยบอกว่าทำความผิดร้ายแรงบางอย่างแล้วอยากจะหนีไป! ฉันถามเขาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่เขาก็ไม่ยอมบอกอะไรเลยแถมยังบอกว่ายิ่งฉันรู้ให้น้อยเท่าไรก็ยิ่งดี! วันหน้าให้ฉันดูแลตัวเองให้ดี ๆ..." "พูดต่อไปสิ" "จากนั้น
"จะวิธีอะไร ฉันก็อยากลองดูทั้งนั้น!" เสี่ยวอิ๋งเอ่ยโดยไม่ลังเล "ขอเพียงคุณช่วยให้ฉันไม่ต้องติดคุก! วิธีไหนฉันก็อยากจะลองดู!" เย่เจี้ยนเหอเงยหน้ามองเธอแล้วพูดเสียงเย็นชาว่า "โยนความผิดเรื่องทั้งหมดนี้ให้พ่อของเธอแบกรับไว้!" เมื่อเสี่ยวอิ๋งได้ยินเช่นนี้ ศีรษะของเธอก็ส่งเสียงอื้ออึง! ตอนแรกสังเวยคุณย่าไปแล้ว ตอนนี้ถึงทีพ่อของเธอแล้วงั้นเหรอ? เย่เจี้ยนเหอจ้องมองเธอ "ไม่มีเวลาคิดแล้ว จะตกลงหรือจะติดคุก!" "ฉันตกลง! ฉันตกลงค่ะ! ขอเพียงคุณช่วยให้ฉันไม่ต้องติดคุก คุณอยากให้ฉันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น!" เสี่ยว อิ๋งผงกศีรษะซ้ำไปซ้ำมา เย่เจี้ยนเหอจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า "เดี๋ยวฉันจะเรียกทนายเข้ามา พวกเขาจะบอกเธอว่าต้องพูดหรือทำอะไร จากนั้นเธอก็แค่รอให้ตำรวจเรียกตัว" เสี่ยวอิ๋งผงกศีรษะ "ฉะ...ฉันเข้าใจแล้วค่ะ" พอกลับมาถึงบ้าน เสี่ยวอิ๋งก็เจอพ่อของเธอ เมื่อทั้งสองคนสบตากัน ดวงตาของเสี่ยวอิ๋งก็ฉายแววน่าหวาดกลัว เซี่ยเทาก็รู้ได้โดยไม่ต้องคิดเลย ลูกสาวของเขารู้เรื่องแล้ว "เสี่ยวอิ๋ง พ่อทำอาหารให้ลูกกินด้วยนะ ดูสิ..." "กินบ้าอะไรเล่า!" เสี่ยวอิ๋งพลันควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ขึ้นมาทันที! เธอร
ในสถานการณ์เช่นนี้ ขืนเสี่ยวอิ๋งมัวแต่เข้าไปพัวพันคงได้จบเห่กันพอดี การเก็บเธอไว้น่าจะยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง เสี่ยวอิ๋งเองก็เป็นคนฉลาดจึงผงกศีรษะแล้ววิ่งออกทางประตูหลัง... เย่เซียวคิดจะเข้าไปขวาง แต่กลับถูกหลี่ชิงเฟิงห้ามเอาไว้ "ไม่ต้องไล่ตามหรอก วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของหวังเจิ้น อย่าทำอะไรน่าเกลียดเกินไปเท่านี้ก็พอแล้ว" เย่เซียวพยักหน้าแล้วยืนอยู่ข้างหลังโดยไม่พูดอะไรสักคำ ในตอนนี้เอง ปี้ไห่เทาก็เดินยิ้มเข้ามา "เหล่าหวัง วันนี้ฉันต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะ! ทั้ง ๆ ที่เป็นงานเลี้ยงวันเกิดดี ๆ ที่นายควรจะมีความสุขแท้ ๆ แต่กลับลงเอยแบบนี้เสียได้..." หวังเจิ้นถอนหายใจ "ช่างเถอะ" "เหล่าหวัง ตระกูลเย่ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกหอการค้าเทียนเหมินของพวกเรา เย่เจี้ยนเหอดันพานังคนชั้นต่ำแบบนั้นมาเสียได้ กลับไปเมื่อไหร่ฉันย่อมต้องตำหนิเขาแน่! ฉันจะทำให้เขาจำให้ขึ้นใจเชียวล่ะ! เมื่อพวกเรากลับถึงเมืองหลวงเมื่อไหร่ ไห่เทาย่อมต้องมาขอขมาของแน่นอน" หวังเจิ้นโบกมือ "คุณเกรงใจเกินไปแล้ว ช่างมันเถอะ ผมไม่ถือสาหรอก" ปี้ไห่เทาพยักหน้าพลางขยิบตาให้เย่เจี้ยนเหอ จากนั้นพวกเขาสองคนก็ก้าวเดินจากไป ขณ
เสี่ยวอิ๋งโมโหจนคิดอะไรไม่ออกแล้ว เธอชี้นิ้วใส่หลี่ชิงเฟิงแล้วด่ากราดว่า "แกคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน! คู่ควรที่จะมอบของขวัญให้ฉันแล้วงั้นเหรอ?" "หุบปากไปซะ พ่อตาของแกโดนซ้อมขนาดนั้น เขยอย่างแกไม่กล้าแม้แต่จะผายลมเสียด้วยซ้ำไป! แกยังกล้ามาก่อเรื่องที่นี่อีกงั้นรึ?" "ถ้าฉันเป็นแกล่ะก็ คงได้โหม่งเสาโทรศัพท์ตายไปแล้ว!" "ไร้ยางอายสิ้นดี!" เมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋งหน้าแดงก่ำและลำคอแข็ง หลี่ชิงเฟิงกลับยิ่งขบขันพลางกล่าวว่า "ฉันคิดว่าเธอต่างหาก มั้งที่น่าจะเป็นฝ่ายโหม่งเสาโทรศัพท์?" ทันทีที่เขาพูดจบ หน้าจอขนาดยักษ์ข้างหลังล็อบบี้ก็พลันสว่างขึ้น! หลังจากนั้นไม่กี่วินาที แสงก็สลัวลงแล้ววิดีโอก็เริ่มฉายบนหน้าจอขนาดยักษ์ เมื่อเสี่ยวอิ๋งหันหน้าไป สิ่งแรกที่เธอเห็นก็คือเซี่ยเทาที่กำลังนอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง โดยมีสาวสวยอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธออยู่ข้างกาย! หึ่ง! เสี่ยวอิ๋งศีรษะจวนจะระเบิดอยู่แล้ว! เธอได้แต่ยืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น! มันเป็นวิดีโอที่ก่อนหน้านี้หลี่ชิงเฟิงถ่ายเอาไว้นั่นเอง! เมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋งนิ่งงันไป หลี่ชิงเฟิงก็นิ้มแล้วพูดเสียงดังขึ้นมาว่า "ทุกท่าน ผู้ชายที่อยู่ในวิดี
เงินหลายล้านบาทไม่ได้จ่ายไปโดยไร้ประโยชน์แล้ว! ศาสตราจารย์เฒ่าโดนเขาหลอกเข้าแล้วจริง ๆ! เสี่ยวอิ๋งเองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทันใดนั้นก็ยิ้มพลางชี้นิ้วมาที่หลี่ชิงเฟิง "ตอนนี้แกจะว่ายังไงเล่า? เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าแจกันของแกมันเป็นของปลอม!" "น่าตลกชะมัดเลย! ฉันเสนอทางออกให้ แต่แกกลับยืนกรานที่จะขุดหลุมฝังตัวเองให้ได้! ไม่มีใครห้ามแกได้เลย!" เมื่อหลี่ชิงเฟิงได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มจาง ๆ แล้วหันมามองศาสตราจารย์หลี่พลางพูดว่า "ศาสตราจารย์หลี่ ช่วยดูขอองผมอีกสักครั้งเถอะครับ" คาดไม่ถึงว่าศาสตราจารย์หลี่จะส่ายหน้าแล้วยิ้มพลางกล่าวว่า "ไม่ต้องดูหรอก" เซี่ยอิ่งหัวเราะพลางกล่าวว่า "แจกันใบนั้นของแกมันปลอมชัดเจนเกินไป! ศาสตราจารย์หลี่ไม่มองให้เสียสายตาหรอก!" ในยามนี้เอง ศาสตราจารย์หลี่ก็เหลือบมองเธอแล้วสายหน้า "สาวน้อย ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นสักหน่อย ฉันยังพูดไม่ทันจบเลย ถึงแม้ว่าแจกันใบนี้จะฝีมือยอดเยี่ยมจนเกือบจะสมบูรณ์แบบ แต่มันเป็นของปลอมจริง ๆ" "ส่วนแจกันของคุณหลี่ ทันทีที่เข้ามาผมก็เห็นแล้วล่ะ มันเป็นของจริง ดังนั้นผมจึงไม่ต้องตรวจดูเลย" หลังจากศาสตราจารย์หลี่พูดจบ ทั้งห้องก็เ
ไม่มีใครคาดคิดว่าหลี่ชิงเฟิงจะมีท่าทีแข็งกร้าวเช่นนั้น! ปี้ไห่เทาที่คอยสังเกตการณ์อยู่ข้าง ๆ แอบรู้สึกว่าชักไม่ได้การเสียแล้ว หลี่ชิงเฟิงคนนี้ดูไม่เหมือนเขยไร้ประโยชน์อย่างที่ข่าวร่ำลือกันเอาไว้เลยสักนิด การที่ยังสามารถสงบนิ่งได้ในภาวะคับขันเช่นนั้น มิหนำซ้ำยังพูดจาเสียคล่องปากและท่าทีเจ้าแผนการของอีกฝ่าย เขาไม่เชื่อหรอกว่าคนแบบนี้จะเป็นเขยไร้ประโยชน์ไปได้ สิ่งที่น่าสงสัยมากที่สุดคือ ต่อให้อีกฝ่ายจะก่อเรื่องเช่นนั้น แต่หวังเจิ้นที่อยู่ข้าง ๆ กลับไม่มีวี่แววที่จะโมโหเลยสักนิด พวกเขาต่างอาศัยอยู่ในเมืองหลวง เขาเองก็รู้นิสัยของหวังเจิ้น อีกฝ่ายไม่ใช่ตาเฒ่าที่นิสัยดิบดีอะไรเลย พอปี้ไห่เทานึกได้เช่นนี้ เขาก็ทอดสายตามองเย่เจี้ยนเหออีกครั้ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสายตาหลุกหลิกอยู่บ้าง เขาก็พอจะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ดูเหมือนว่าแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนใบนี้จะมีบางอย่างผิดปกติจริง ๆ เสียด้วย ตอนนี้เย่เซียวยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมเจตนาสังหารอันแรงกล้า! เย่เจี้ยนเหอกับเสี่ยวอิ๋งหวาดกลัวจนไม่กล้าขยับตัวไปชั่วขณะ ไม่นานปี้ไห่เทาก็ลุกขึ้นแล้วมองหลี่ชิงเฟิงด้วยสายตาเย็นชา "ทำแบบนี้
"ฉุดเศรษฐกิจให้ดิ่งลงเหวงั้นรึ? ถ้าทุกคนทำตัวเป็นไอ้เศษสวะชอบหลอกกินข้าวนิ่มอย่างแก ประเทศชาติก็คงจะพินาศไปตั้งนานแล้ว!" "ช่างน่าหัวเราะสิ้นดี! แกมันก็แค่มดปลวกตัวหนึ่งแท้ ๆ กล้าดียังไงถึงได้มาหัวเราะเยาะใส่พวกเรา?" ในตอนนี้เอง จู่ ๆ หวังเจิ้นที่เอาแต่เงียบมาจนถึงตอนนี้ก็ตบโต๊ะ! ทุกคนพลันหุบปากฉับ! หวังเจิ้นแววตามืดมน เขาเหลือบมองทุกคนแล้วเอ่ยน้ำเสียงเย็นชาว่า "พวกคุณหมายความว่ายังไงกัน? คิดจะก่อจลาจลในงานเลี้ยงวันเกิดของผมรึไง? พวกคุณไม่เห็นแก่หน้าผมเลย! คิดจะทำอะไรกันแน่!" เมื่อหวังเจิ้นโกรธขึ้นมา แม้แต่ปี้ไห่เทาก็ยังไม่กล้าล่วงเกิน นับประสาอะไรกับพวกเขากันเล่า "เหล่าหวัง ได้โปรดใจเย็นลงก่อนเถอะ เอาแบบนี้เป็นยังไง เพื่อจะได้รู้ว่าแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนใบไหนเป็นของจริงใบไหนเป็นของปลอม คุณก็แค่เชิญผู้เชี่ยวชาญให้มาประเมินก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" "คุณเองคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงของเก่ามานานหลายปี เช่นนั้นก็น่าจะรู้จักผู้เชี่ยวชาญในวงการนี้เยอะอยู่บ้างใช่ไหมล่ะ?" หวังเจิ้นถอนหายใจพลางพยักหน้าแล้วพูดว่า "ก็ได้! ในเมื่อพวกคุณอยากเถียงกันดีนัก งั้นก็มาทำให้เรื่องนี้กระจ่างกันไปเลย
หลังจากหลี่ชิงเฟิงพูดจบ ทุกคนก็ตะลึงงันไปชั่วขณะแล้วหัวเราะลั่น! เสี่ยวอิ๋งกับเย่เจี้ยนเหอหัวเราะอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง จากนั้นพวกเขาก็ชี้นิ้วใส่หลี่ชิงเฟิงแล้วพูดว่า "แกมันขี้โม้จนไม่เลือกเวลาจริง ๆ พับผ่าสิ! ลำพังแค่คุยโวโอ้อวดต่อหน้าพ่อตาโง่ ๆ ของแกไม่พอ แต่ยังจะมาคุยโวโอ้อวดต่อหน้าพวกเราอีกงั้นเหรอ?" ปี้ไห่เทาที่อยู่อีกด้านเองก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยแววดูถูกดูแคลน "ลำพังแค่พวกเราคนใดคนหนึ่งก็ผ่านโลกมามากกว่าแกถึงสิบชาติภพรวมกันเสียอีก แกกล้าพูดแบบนั้นออกมาได้ คิดว่าพวกเราโง่หรือไงกัน?" "ผ่านโลกมามาก? คุณคิดว่าตัวเองผ่านโลกมามากแล้วงั้นรึ?" หลี่ชิงเฟิงยิ้มเหยียดหยันพลางเอ่ยเสียงทุ้มลึก "วันนี้ผมจะช่วยเปิดโลกทัศน์ของคุณเองก็แล้วกัน เย่เซียว เอาของขวัญของพวกเราออกมา" เย่เซียวผงกศีรษะ จากนั้นเขาก็หยิบแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนออกมาจากกล่องแล้ววางลงต่อหน้าทุกคน ทันทีที่พวกเขาเห็นแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวน ทุกคนก็ถูกแจกันใบนั้นดึงดูดความสนใจเข้าแล้วจริง ๆ เย่เจี้ยนเหอหน้าถอดสีแล้วตรวจสอบแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนโดยละเอียดถี่ถ้วนแล้วให้รู้สึกสับสน ฝีมือช่างวิจิตรประณีตนัก!
เย่เจี้ยนเหอยิ้มเหยียดหยัน "แกคิดจะแข่งกับฉันงั้นรึ? ก็ได้ ฉันจะเอาออกมาให้แกได้เปิดหูเปิดตาก็แล้วกัน ฉันขอพนันเลยว่าชั่วชีวิตแกน่าจะได้เห็นเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ" หลังจากเย่เจี้ยนเหอพูดจบก็ดีดนิ้ว จากนั้นผู้ช่วยคนงามที่อยู่ข้างหลังก็รีบเดินเข้ามา ของขวัญของอีกฝ่ายเองก็อยู่ในกล่อง มิหนำซ้ำยังมีขนาดพอ ๆ กับของเขาอีกต่างหาก เย่เจี้ยนเหอยิ้มอวดดีแล้วพูดว่า "มหาเศรษฐีหวัง ผมได้ยินมาว่าคุณชอบสะสมของเก่ามากทีเดียว ดังนั้นผมจึงสั่งให้เพื่อนที่อยู่ต่างประเทศประมูลของสิ่งนี้มาให้คุณเป็นพิเศษ เชิญดูเอาเองเถอะครับ!" หลังจากพูดจบ ผู้ช่วยสาวก็เปิดกล่องแล้วสายตาของทุกคนก็ทอดมองมาที่มือของผู้ช่วยสาว! แจกันลายครามใบหนึ่งค่อย ๆ เผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมา! เมื่อหลี่ชิงเฟิงเห็นแจกันใบนี้ก็ถึงกับตะลึงงัน... ช่างเหมือนกับแจกันลายครามที่เขาซื้อมาไม่มีผิดเพี้ยนเลย! เขาเหลือบมองเย่เซียวที่อยู่ข้างหลังโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเย่เซียวก็เอ่ยกระซิบข้างหูว่า "เป็นของปลอมแน่ ๆ ครับ" ในยามนี้เอง เย่เจี้ยนเหอก็หยิบแจกันขึ้นมาแล้วเดินมาอยู่ตรงหน้าทุกคนแล้วพูดเสียงดังว่า "แจกันลายครามสมัยราชวงศ์ห