เจ้าตัวน้อยหูไวนักได้ยินเสียงพูดคุยก็ลืมตาขึ้นมา เห็นมารดากับท่านน้ากำลังคุยกันอยู่ จางจื่อห่าวลุกขึ้นมากางแขนให้มารดาอุ้ม จางจื่อเหยียนมานั่งลงบนเตียงก่อนจะอุ้มบุตรชายมานั่งตัก"ว่าอย่างไรคนเก่งของแม่""ท่านแม่ตื่นแต่เช้า มีงานให้ต้องไปทำหรือขอรับ""แม่จะพาท่านพ่อไปเซ่นไหว้ดวงวิญญาณชาวเมืองอี้โจวน่ะ จื่อห่าวอยู่กับท่านน้าและก็น้าเล็กกับท่านป้าใหญ่นะ""อื้อ..ท่านพ่อหายดีหรือยังขอรับ""ท่านพ่อยังมีไข้อยู่ เออจริงสิเสี่ยวฉุนไปเอาผ้านวมผืนใหม่มาสามผืนกับเตาเล็กมาด้วยสองอัน พี่จะปูรถม้าให้ท่านอ๋องน่ะ"เสี่ยวฉุนพยักหน้าให้กับพี่สาวก่อนจะออกไปเอาของตามที่นางสั่ง จางจื่อเหยียนมองหน้าบุตรชายก่อนจะเอ่ยถาม"ใครสอนให้ทำเรื่องนี้บอกแม่มาสิ แม่ไม่โกรธลูกที่โกหกแม่แค่อยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้ลูกถึงกับกล้าโกหกแม่กันจื่อห่าว"เด็กน้อยก้มหน้าซบกับอกมารดาก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาๆ"ท่านพ่อขอรับท่านแม่...ท่านพ่อบอกว่าให้ลูกช่วยทำให้ท่านแม่หายโกรธได้หรือไม่ ท่านพ่อรักท่านแม่แต่ท่านแม่ยังเกลียดท่านพ่ออยู่ ท่านพ่อบอกว่าจื่อห่าวช่วยให้ท่านแม่รักท่านพ่อได้ไหม ท่านพ่อจะมีน้องชายน้องสาวให้หลายๆ คนหากท่านแม่ใจอ่อน
ยามซื่อรถม้าทั้งหกคันจึงมาถึงสุสานรวมเมืองอี้โจว เหล่าองครักษ์ต่างก็ทยอยนำของสำหรับเซ่นไหว้มาวางเรียง ผู้นำหมู่บ้านสามหมู่บ้านนำโต๊ะกับเก้าอี้มาเตรียมตั้งไว้ให้แล้ว อาหารถูกจัดวางบนโต๊ะ อีกทั้งสุรา กระดาษเงินกระดาษทองเหวินเปียวกับเหวินชางจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยก็เดินไปที่รถม้าคันของจางจื่อเหยียนก่อนจะเอ่ยเรียกคนด้านใน"ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ พระชายาจัดเตรียมของเซ่นไหว้เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ"เสียงของเหวินเปียวดังขึ้น จางจื่อเหยียนที่ตอนนี้เหมือนจะคอแห้งเช่นกัน นางน่าจะติดไข้จากคนตัวโตที่นอนกอดนางอยู่ จากนั้นนางจึงส่งเสียงออกไปว่ารับรู้แล้ว"ท่านอ๋อง อะฮึ่ม..แค่กๆ ทรงตื่นบรรทมเถอะเพคะพวกเขาเตรียมเครื่องเซ่นไหว้เสร็จแล้ว""อืม..เจ้าป่วยหรือเด็กดี""นิดหน่อยเพคะ เดี๋ยวดื่มน้ำอุ่นๆน่าจะดีขึ้น รีบเถอะเพคะเดี๋ยวจะเลยเวลาเสียก่อน"เว่ยเซียวหยางยิ้มให้กับเมียสาวก่อนจะลุกออกจากรถม้า ชาวบ้านที่มารอต่างก็ทำความเคารพเขา จากนั้นเขาก็แนะนำนางในฐานะพระชายาให้ทุกคนรู้จัก ชาวบ้านที่ได้เห็นพระชายาท่านอ๋องก็ตื่นเต้นกันใหญ่ พระชายางามมากนักพวกเขาเพิ่งเคยเห็นสตรีที่งดงามเช่นพระนางเป็นครั้งแรก"พระชายาทรงงา
ยามจื่อ(23.00-00.59) เว่ยเซียวหยางตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะถูกจางจื่อเหยียนปลุกให้กินยาแก้ไข้อีกรอบ แต่ครั้งนี้ท่านหมอเว่ยให้เขากินเป็นยาลูกกลอน จะได้สะดวกยามกลางดึก"อย่างน้อยอย่างนี้ก็ไม่ขมค่อยกินง่ายหน่อยแล้วจะได้พักผ่อนต่อ หากพรุ่งนี้อาการดีขึ้นค่อยเดินทางกลับไปบ้านตอนบ่ายๆดีไหมคะ""อืม..เสี่ยวเหยียนจ๋าพี่เป็นไข้หนักมากเลยนะ"ปากก็พูดมือก็รวบเอวบางรั้งเขาหาตัวเอง จมูกเริ่มไต่ตามพวงแก้ม ซอกคอ ขบติ่งหูของนางเล่นจนคนตัวเล็กขนลุก นางพยายามออกจากอ้อมกอดแต่เขาแข็งแรงมากนัก จางจื่อเหยียนเอ่ยกับเขาน้ำเสียงเบาหวิว"ปล่อยเถอะเพคะ ยังทรงมีไข้อยู่ ตัวยังร้อนนักหากไม่พักผ่อนดีๆจะไม่หายกลายเป็นป่วยเรื้อรังนะเพคะ""คนงามของพี่..ท่านหมอเว่ยบอกว่าพิษไข้ของพี่เกิดจากความร้อน มีเพียงระบายพิษร้อนออกก็จะหายดี ต้องให้เหงื่อออกเยอะๆหน่อยน่ะ""ทรงห่มผ้าหลายๆผืนไหมเล่าเพคะ จะได้อบเหงื่อ""ทำอย่างอื่นดีกว่า ระบายเหงื่อดีด้วย รีดพิษไข้ให้พี่หน่อยนะเสี่ยวเหยียน""ระ รีดพิษไข้ รีดแบบไหนเพคะ อื้อ"คนตัวโตจุมพิตคนในอ้อมกอด ครั้งนี้เขาไม่เอาแต่ใจอีกแล้ว จูบนางเว้าวอนผ่อนปรนให้นางได้หายใจบางครั้งก่อนจะกลับมาจุึมพิต
ขบวนของเว่ยเซียวหยางเดินทางออกจากหมู่บ้านมาได้หนึ่งชั่วยามแล้ว อีกเพียงหนึ่งชั่วยามก็จะถึงตำบลปิงเหอ ใช้เวลาอีกครึ่งชั่วยามก็จะถึงหมู่บ้าน เดิมทีไม่ใช้เวลานานเพียงนี้ แต่เพราะจางจื่อเหยียนเป็นไข้ นอกจากต้องเคี่ยวยาให้นางดื่มระหว่างทางยังต้องหยุดฝังเข็มอีกด้วยจนกระทั่งยามเว่ยจึงถึงตัวตำบล เหวินชางลงมาหาที่รถม้าของเว่ยเซียวหยางก่อนจะเรียกคนด้านใน"ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ พวกเราถึงตำบลแล้ว จะทรงแวะหรือเลยกลับหมู่บ้านเลยพ่ะย่ะค่ะ"เว่ยเซียวหยางลุกขึ้นนั่งก่อนจะอุ้มคนตัวเล็กให้นั่งตักตนเอง มือหนาเขี่ยปอยผมที่ชื้นเหงื่อเพราะพิษไข้ทัดหูนางเบาๆ"แวะไหม อยากกินอะไรหรือเปล่า กว่าจะถึงบ้านอีกเกือบครึ่งชั่วยาม""กลับเถอะเพคะ คิดถึงจื่อห่าวนักหม่อมฉันไม่เคยแยกจากลูกนี่เป็นครั้งที่สอง รู้สึกห่วง""แล้วครั้งแรกเจ้าไปไหนหรือ""ก็ถูกคนใจร้ายบางคนบุกมาแย่งที่นอนแย่งที่ทำมาหากิน ขับไล่หม่อมฉันเลยต้องเอาลุกไปฝากป้าหู นอนร้องไห้คิดถึงลูกทั้งคืน คนใจร้ายคนนั้นไม่รู้หรอก""พี่ขอโทษ ยกโทษให้พี่นะคนดีหื้ม"จางจื่อเหยียนหันหน้าออก เว่ยเซียวหยางจับปลายคางนางมาสบตาก่อนจะจุมพิตคนในอ้อมกอด จนกระทั่งเขาพอใจจึงตะโกนออก"
หลังจากที่จัดการกับเผยจินเว่ยเซียวหยางก็พาจางจื่อเหยียนมานอนที่ห้อง เขาทั้งเช็ดหน้าเช็ดแขนขาให้นางเพื่อลดไข้ เจ้าตัวน้อยลงจากอ้อมแขนท่านน้าที่อุ้มอยู่ก่อนจะวิ่งมาหามารดา"ท่านแม่...ท่านไม่สบายหรือขอรับจื่อห่าวเป่าๆให้ท่านแม่หายไข้ดีไหมขอรับ"เว่ยเซียวหยางลุกไปอุ้มเจ้าตัวน้อยก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"ท่านแม่เป็นไข้ ลูกยังเด็กอาจจะติดไข้จากท่านแม่ได้ ช่วงนี้ลูกไปนอนกับท่านน้าก่อนนะ พ่อจะดูแลท่านแม่ให้เองดีหรือไม่""อืม.....ขอรับงั้นท่านพ่อต้องดูแลตัวเองด้วยเช่นกันนะขอรับ""อืม..ท่านแม่หลับอยู่อย่างกวนเลยนะดีไหมเด็กดีของพ่อ"จางจื่อห่าวพยักหน้า จากนั้นก็ยอมให้หลี่ฉุนอุ้มออกไปข้างนอก จางเย่วเล่อต้มยาให้น้องรองของนางก่อนเริ่มทำมื้อเย็น แต่ยังไม่ทันลงมือเหวินเปียวก็หิ้วอาหารมามากมายเสียแล้ว"เล่อเล่อจ๋า..อย่าเหนื่อยเลย พี่ไปซื้อมาให้แล้ว""ท่านก็ไปกินของท่านสิ ข้าจะทำของข้ากับน้องๆ""เล่อเล่อจ๋า หายโกรธพี่สักทีนะคนงาม"เหวินเปียววางของลงก่อนจะออดอ้อนคนตรงหน้า จางเย่วหลีเห็นพี่สาวใจแข็งนักก็ได้แต่สงสารน้องชายสามี แต่ที่ผ่านมาเขาทำตัวแย่สมควรแล้วที่จะโดนพี่สาวนางเมิน กระทั่งเสียงท่านย่าห
ตื่นมาอีกทีก็ยามอู่แล้ว จางจื่อเหยียนลุกขึ้นมากินข้าวแล้วยาอีกรอบ ครั้งนี้บุตรชายมาหาได้แล้ว นางรู้สึกผิดกับบุตรชายจึงอุ้มมานั่งตัก"จื่อห่าว...เมื่อวานวันเกิดลูกแต่แม่กลับป่วยลูกให้อภัยแม่หรือไม่""เมื่อวานตอนที่ท่านแม่หลับท่านพ่อพาลูกไปซื้อกระดาษ ให้ท่านลุงองครักษ์เหล่านั้นทำโคมไฟให้ลูกหลายๆดวงเลยขอรับท่านแม่ ท่านพ่อบอกว่าจะจุดเลยไหมหรือจะรอท่านแม่ ลูกอยากดูพร้อมท่านแม่ขอรับ""อืม...งั้นคืนนี้เรามาดูโคมไฟกันเถอะนะ"จางจื่อห่าวพยักหน้า ไม่นานหลี่ฉุนก็มารับเขาไป เว่ยเซียวหยางเข้ามาดูเมียว่าดีขึ้นหรือยังก่อนจะเอ่ยจริงจัง"เมียจ๋า เราหาช่างได้แล้ว อีกสิบวันกลับเมืองหลวงเถอะนะ จื่อห่าวสี่ขวบแล้วถึงเวลาต้องเรียนหนังสือแล้ว""เอ่อ...หม่อมฉันมีเรื่องขอร้องเพคะ""หืม..ว่าอย่างไร"เว่ยเซียวหยางอุ้มนางมานั่งตักตนเอง จุมพิตขมับนางแล้วเอ่ยถาม"ท่านอ๋องเมืองหลวงวุ่นวาย เหล่าคุณหนูเหล่านั้นก็มีแต่แผนชั่วร้าย หม่อมฉันอยากกลับไปอยู่ที่จวนร้าง แต่ว่ากลายเป็นค่ายผู้ประสบภัยไปแล้ว เช่นนั้นขอซื้อบ้านหลังเล็กๆอยู่นอกเมืองได้ไหมเพคะ""หึๆ นึกว่าเรื่องอะไร เดิมทีจะใช้ทำค่ายผู้ประสบภัย แต่ว่าพอดีมีที่ของเสด
เหวินเปียวที่เห็นพี่ชายเดินมาก็สะบัดหน้าหนีทันที หันมาอีกทางก็เจอกับท่านอ๋องที่อุ้มพระชายาเดินมาก็สะบัดหน้าหนีอีกครั้ง ขวาก็พี่ชายซ้ายก็ท่านอ๋อง เหวินเปียวหันหลังกลับจนเหวินชางต้องเอ่ยทัก"เจ้าเป็นบ้าอะไร ไม่พอใจข้ากับท่านอ๋องเรื่องใดอีก นับวันยิ่งทำตัวหนักข้อขึ้นทุกวันไอ้เด็กบ้า""หึ พวกท่านแต่ละคนจิตใจโหดเหี้ยมยิ่งนัก ข้าต้องนอนอดทนฟังเสียงพวกท่านทั้งคืน ห้องซ้ายก็อาเย่วคนดี เจ้าเร่าร้อนนักพี่แทบจะขาดใจตายคาอกเจ้าเสียแล้ว ขวาก็เสี่ยวเหยียนเด็กดี เจ้าหวานขนาดนี้พี่จะอดใจไหวอย่างไรคนงาม แล้วข้าเล่าข้าที่นอนห้องกลาง เมียไม่ให้แตะแม้แต่ปลายผม แค่ขยับนางก็คว้าหมอนไม้เตรียมปาหัวข้าแล้ว อีกทั้งข้ายังต้องนอนทนฟังเสียงครางพวกท่านอีกทั้งคืน จิตใจพวกท่านทำด้วยอะไรกัน ฮึ พวกน่ารำคาญ"เหวินเปียวเดินไปแล้ว จางจื่อเหยียนกับจางเย่วหลีหน้าแดงก่อนจะมองบุรุษของตนเองตาขวาง เว่ยเซียวหยางวางเมียลงพร้อมกับตะโกนไล่หลังองครักษ์เจ้าปัญหาของตน"ข้ารักเมียข้าเกี่ยวอะไรกับเจ้า ใครใช้ให้เจ้าเอาม้าไปตะกายใส่หน้านาง ใครใช้ให้เจ้าข่มเหงจิตใจนางครั้งแล้วครั้งเล่า หึ ข้าสั่งให้เจ้าทำหรือ เมียจ๋าอย่าไปฟังนะไอ้เด็กบ้าน
เว่ยเซียวหยางมาถึงจางจื่อเหยียนก็ตื่นแล้วนางกำลังกินยาที่พี่สาวเอามาให้ เขากระอักกระอ่วนไม่น้อยที่อยู่ๆต้องกลายมาเป็นน้องเขยสาวใช้คนหนึ่ง แต่ทำอย่างไรได้จางเย่วเล่อมีบุญคุณกับเมียและลูกไม่น้อยเช่นกัน เว่ยเซียวหยางเดินเข้าไปหาก่อนจะเอ่ยเรียกนาง"เย่วเล่อข้ามีบางอย่างอยากคุยกับน้องรองของเจ้าสักหน่อยน่ะ""เพคะท่านอ๋อง....น้องรองเจ้ากินยาเรียบร้อยแล้วน้ำหวานอยู่ตรงนี้นะ""ขอบคุณท่านมากพี่ใหญ่ พี่ใหญ่หากท่านลำบากใจก็เอ่ยตรงๆแต่หากท่านมีใจก็อย่าฝืนตนเองเลยนะ""อืม..รู้แล้วพี่จะกลับไปคิดดีๆ เพื่อเจ้ากับเย่วหลีและจื่อห่าวพี่ยอมได้ทุกอย่าง"จางเย่วเล่อออกไปแล้วเว่ยเซียวหยางก็มานั่งบนเตียง จางจื่อเหยียนนั่งพิงหัวเตียงมองหน้าเขาก่อนจะเอ่ยถาม"ทรงมีเรื่องอันใดหรือเพคะ เหตุใดสีพระพักตร์ดูไม่ดี""เสี่ยวเหยียนชีวิตแม่หม้ายนี้ลำบากมากหรือ""เหตุใดทรงตรัสถามเรื่องนี้เพคะ""อ้อ..พี่เจอสตรีคนหนึ่งนางกำลังหาอาหาร ขุดหน่อไม้ในที่ดินของเราที่เพิ่งซื้อ สอบถามจึงได้รู้ว่านางเป็นหม้ายสามีตาย ใช้ชีวิตลำบากมาก เสี่ยวเหยียนพี่ขอโทษนะ ที่ผ่านมาเจ้าคงลำบากไม่น้อยเช่นกันขอโทษที่ตามหาเจ้าช้าเกินไป""อย่าตำหนิตนเองทุ
หลี่ผิงอันมาส่งเหวินเมิ่งหรูกลับจวนเหวิน สวนทางกับขบวนของราชครูหยางที่มาสู่ขอเว่ยซูหนีว์ให้กับหยางตงหยาง ทั้งสี่คนหมั้นหมายจ้าวสาวของตนเองเรียบร้อยแล้ว เด็กสาวทั้งสี่ถูกเข้มงวดให้เรียนการเรือน และการปกครองเรือนเพราะอีกสองเดือนพวกเขาจะต้องแต่งงานแล้วทั้งสี่ตระกูลตกลงแต่งงานพร้อมกันวันเดียวกัน ทางด้านนักพรตทำนายฤกษ์ให้แล้วเรียบร้อย เว่ยเซียวหยางที่ปรับปรุงจวนนอกเมืองอยู่ก็กอดเมียรักที่ตามมาดูด้วย จวนกว้างกว่าพันหมู่จางจื่อเหยียนนำผลไม้มาลงปลูก ตามหาต้นชาชั้นดีบนภูเขามาปลูก ดอกไม่หลากหลายพันธุ์ เหมยกุ้ยสายพันธุ์เลื้อยบ่าวทำค่างให้เกาะเกี่ยวไปตามชอบรั้วยิ่งมองยิ่งงามมากนัก ด้านหลังสุดทำโรงเรือนเพราะอยู่ใกล้เชิงเขา เว่ยเซียวหยางตามใจพระชายาของตน นางเปิดโรงเรียนสอนเด็กๆมิได้ต้องการเงินทอง แต่เพื่อให้บิดามารดาเด็กเหล่านั้นได้ไปทำมาหากินสะดวกไม่ต้องกังวลเรื่องบุตร"เสี่ยวเหยียน..อยากได้อะไรเพิ่มเติมหรือไม่""ไม่เพคะ..เด็กๆเล่าไปเที่ยวเล่นบนเขายังไม่กลับมาอีกหรือ""ปล่อยพวกเขาเถอะ อีกสองเดือนก็แต่งงานกันแล้ว พวกเขาแปดคนคงรู้ตัวว่าต้องทำอย่างไร ว่าแต่เมียพี่เหนื่อยหรือไม่""ไม่เหนื่อยเพคะ กล่
ยามเฉินเหวินเมิ่งหรูตื่นมาล้างหน้าบ้วนปาก วันนี้นางมิต้องไปสำนักศึกษาท่านแม่บอกว่าจะมีเรื่องสำคัญให้นางอยู่บ้าน ทางด้านเหวินลี่ซินเองก็อยู่บ้านเช่นกัน สองคนพี่น้องได้แต่มองหน้ากันไปมา"ชิงชิงไปสืบมาหน่อยวันนี้ที่จวนมีเรื่องอันใด""คุณหนู..ท่านแม่คาดโทษท่านอยู่นะเจ้าคะ""หึ..ไม่สนใจหรอก อยู่ๆจะให้ข้าแต่งกับตาแก่ที่ไหนก็ไม่รู้ ข้าจะไปหาพี่เมิ่งหรู""เจ้าจะไปทำไมหรือ""ข้าจะหนีออกจากบ้าน หึ"เหวินลี่ซินชะงักเพราะเสียงที่ถามนางกลับมามิใช่เสียงของชิงชิง เหวินลี่ซินหันกลับไปก็เจอกับเว่ยจื่อห่าวยืนอยู่ ชิงชิงไปไหนแล้ว ดรุณีน้อยลุกขึ้นทันที นางไม่อยากมองหน้าคนใจร้ายคนนี้ เพราะเขามาฟ้องนางจึงถูกลงโทษคุกเข่าสามวัน ท่านแม่ยังให้สวดมนต์กินเจอีกเพื่อให้จิตใจสงบ หึ..สงบกับผีบรรพบุรุษน่ะสิ นางหิวจนแทบจะจับพี่สาวกินได้อยู่แล้ว เหวินลี่ซินเอ่ยอย่างไม่พอใจทันที"ท่านมาทำไมอาจารย์เว่ย""โอ้ว..สรรพนามเปลี่ยนไวจังลูกศิษย์ของข้า มิเรียกพี่จื่อห่าวแล้วหรือ""ไม่ล่ะ เราไม่ได้สนิทกันถึงเพียงนั้น"เว่ยจื่อห่าวอมยิ้มก่อนจะเดินมาหาคนตัวเล็กที่นั่งหน้างอแก้มป่องอยู่ เขานั่งลงข้างๆก่อนจะโอบไหล่บางมาหา บรรจงหอมแก้ม
ในห้องเหวินเมิ่งหรูนอนพลิกกายไปมา นางไม่อยากคิดถึงคนใจร้ายคนนั้นอีก หลี่ผิงอันคนใจดำเสียแรงที่นางทุ่มเทนางรักเขาแต่เขา ต่อไปอย่าหวัง แต่งงานกับเขาหรือไม่มีทางเสียหรอก นางจะไปให้เขายกเลิกการหมั้นหมายครั้งนี้"หึ..แต่งให้ท่านหรือไม่มีทาง ครั้งก่อนท่านผลักไสข้ามิใช่หรือ คนใจดำ"คนตัวเล็กข่มตาหลับไปแล้วแต่คนตัวโตยังไม่นอนเขากำลังคิดถึงเรื่องเมื่อสามเดือนก่อน ที่แม่ตัวดีก่อเรื่องขึ้นมาสามเดือนก่อนหน้าเหลาสุราเถาจิ่วจางเย่วหลีที่เปิดเหลาสุรากำลังนั่งนับเงินอยู่ วันนี้ต้องไปจัดการคิดบัญชีคำนวณส่วนแบ่งกับร้านย่อยต่างๆที่มารับสุราของนางไปขาย มีบางร้านเบี้ยวไม่จ่าย ร้านไหนกำไรน้อยนางให้ทยอย แต่ถ้าใครเบี้ยวนางก็ไม่เอาไว้เช่นกัน จางเย่วหลีเลี้ยงคนของตนเองไว้พอสมควรนางไม่ออยากใช้คนของสามี เหวินชางเป็นเจ้ากรมกลาโหม ทุกก้าวต้องระมัดระวัง นางไม่อยากให้พวกหัวเก่าเอาเรื่องเหล่านี้ไปหาเรื่องสามีในท้องพระโรงได้ เจ้าตัวดีเหวินเมิ่งหรูวันนี้ไม่ไปเรียนหนังสือ ขอนอนอยู่ที่จวนแต่ตกบ่ายกลับมาเสนอหน้าที่ร้านน่าตียิ่งนักหลี่ผิงอันพาลูกน้องที่ทำผลงานได้ดีครั้งที่แล้วปราบปรามพวกโจรขโมยเด็กและค้ามนุษย์ได้ยกกลุ่
เด็กทั้งสี่คนถูกลงโทษให้คุกเข่าที่หอบรรพบุรุษของแต่ละจวนเป็นเวลาสามวัน จากนั้นพวกนางต้องคัดกฎสกุลของตนเอง เหวินชางที่กำลังกลับมาจากไปทำงานให้ฝ่าบาทมาถึงเมืองหลวงก็นั่งที่โรงน้ำชา เขาสวมหมวกฟางเอาไว้ยังไม่ได้ถอดออกมาเสี่ยวเอ้อรีบมารับหน้าก่อนจะถามเขาว่ารับสิ่งใด เขาสั่งน้ำชาหนึ่งกาพร้อมกับอาหารสามสี่จาน แม้จะคิดถึงจางเย่วหลีกับบุตรสาวและบุตรชายแต่ลูกน้องยังไม่ได้กินข้าวจำต้องหยุดรั้งที่ร้านอาหาร กระทั่งมีบางอย่างเข้าหูเขา"นี่เจ้ารู้ไหม..ผู้ตรวจการหลี่สามวันก่อนอุ้มสตรีงดงามออกมาจากตรอกหลังตลาดด้วยล่ะ""หา..ได้ยินว่าที่บ้านเขาไร้สาวใช้ข้ายังนึกว่าเขาจะชอบบุรุษด้วยกันเสียอีก""ได้ยินว่าสตรีคนนั้นอ่อนระโหยโรยแรงจนเดินไม่ไหว ไม่รู้เข้าไปทำอันใดในตรอกแห่งนั้นกัน ฮ่าๆๆๆ""ชู่..จุ๊ๆๆ...อย่าเสียงดังไป สตรีที่ใต้เท้าหลี่อุ้มออกมาคือคุณหนูเหวินบุตรสาวคนโตเจ้ากรมกลาโหมเหวินชาง คุณหนูเหวินเมิ่งหรูน่ะ""ห๊า..จุ๊ๆๆ เช่นนั้นอาจไม่มีอะไรพวกเขาเป็นน้าหลานกัน""น้าหลานอันใด พวกเขาไม่มีสัมพันธ์ทางสายเลือดสักหน่อย""ฺฮ่าๆๆ เรื่องนี้คนซุบซิบกันทั่วเมืองหลวง เกรงว่าคุณหนูเหวินคนนั้นคงได้แต่แต่งกับชายแก่หร
เหวินเมิ่งหรูวิ่งแยกออกมาอีกทาง ตอนนี้นางแทบจะถอดรองเท้าวิ่งด้วยซ้ำ เมื่อมาถึงตรอกทางแยกนางจึงเลือกตรอกที่ไปคนละทางกับสำนักศึกษา วิ่งจนมาเกือบพ้นปากตรอกก็ขนเข้ากับอะไรบ้างอย่างที่แข็งๆ เหวินเมิ่งหรูเจ็บจนแทบน้ำตาร่วง นางตวาดออกมาทันที"โอ๊ย เดินดูทางสิวะ ข้ารีบไม่เห็นหรือไง"ร่างเล็กคลำจมูกตนเองนางเจ็บมาก คนตัวสูงที่ยืนมองนางอยู่ก็ข่มอารมณ์ก่อนจะเอ่ยออกมา"โอ่ว..รีบมากไหมเหวินเมิ่งหรู เรียนหนักจนหัวหูมีแต่เศษดินเศษหญ้าเชียวหรือ อีกอย่างทางนี้คนละทางกับสำนักศึกษานี่"เหวินเมิ่งหรูจำเสียงเขาได้ทันที ให้ตายสิเขาไม่ได้อยู่กับเจ้าหน้าที่พวกนั้นบนเขาหรือ นางถึงกับลอบกลืนน้ำลายก่อนจะเงยหน้า นางเอ่ยตะกุกตะกัก"ทะ ท่านน้าคือว่าข้าๆ ว้าย" หลี่ผิงอันจับสาวน้อยแบกขึ้นบ่าทันที"ท่านน้าท่านทำอะไร แบกข้าทำไม่ปล่อยข้าลงนะ ตาเฒ่าหลี่ โอ๊ยยย เจ็บนะท่านตีก้นข้าทำไมเพียะ เพียะ เพียะ หลี่ผิงอันฟาดก้นนางไม่นับเลยทีเดียว ปากคอเราะรายวาจาน่าเกลียดเหลือทน เหวินเมิ่งหรูร้องไห้ออกมา นางถูกเขาแบกจนห้อยหัวลงมา สายตามองเห็นแต่พื้นอิฐของถนนในเมืองหลวง ไม่กล้าเอ่ยอันใดอีกเลย เขาใจร้ายท่านพ่อกับท่านแม่ยังไม่เคยตีนาง
ทั้งสี่สาวเข้าเรียนปกติ จนกระทั่งพักกลางวันเมื่อกินข้าวกันเรียบร้อยแล้วก็เริ่มกระซิบกระซาบกันปากต่อปาก เว่ยซูหนีว์เดินออกไปก่อนตามด้วยน้องสาว เหวินเมิ่งหรูไปหาท่านลุงที่ตรอกตรงข้ามกับสำนักศึกษาก่อนจะรับเอากระบอกไม้ไผ่มาสี่อันไม่นานเด็กในสำนักศึกษากว่าสามสิบคนก็มาอยู่บนเนินเขาหลังสำนัก โจวผิงบุตรชายคหบดีของเมืองหลวงเอากระบอกไม้ไผ่ของตนเองออกมา จากนั้นเด็กๆก็เริ่มวางเดิมพัน"พวกเจ้าพนันข้างไหนกันมาๆข้าวางข้างคุณชายโจว""ข้าวางข้างท่านหญิง""มาๆวางๆเริ่มที่สองร้อยอีแปะพวกเจ้าวางเท่าไหร่""ข้าห้าร้อยอีแปะ""ข้าแปดร้อย""ข้าหนึ่งตำลึง""ข้าลงสองร้อยตำลึง"เมื่อวางเดิมพันเรียบร้อยทั้งสองคนก็เริ่มเปิดกระบอกไม้ไผ่ที่เจาะรูเอาไว้เทเอาจิ้งหรีดออกมาลงในสนามที่พวกเขาสร้างวเอาไว้ เมื่อทั้งสองตัวลงมาเจอก็นก็เริ่มสู้กันเอาเป็นเอาตาย เด็กๆส่งเสียงฌอลั่น จิ้งหรีดของเว่ยซูถิงกำลังจะแพ้ พวกนางลุ้นจนตัวเกร็ง สุดท้ายโจวผิงก็ชนะ"เอาใหม่ ตานี้เอาของข้า โจวผิงเจ้าจะลงอีกไหมกลัวหรือเปล่า""เหอะคุณหนูเหวิน ท่านดูถูกใครกันมาสิเอาของท่านออกมา""หึข้าไม่เอาเปรียบเจ้าจะเปลี่ยนตัวไหม"เหวินเมิ่งหรูกอดอกยืนเดาะปาก
ใบไม้ผลัดเปลี่ยนฤดูกาลหมุนเวียน บัดนี้รัชทายาทมีอายุยี่สิบเอ็ดชันษาแล้ว ฮ่องเต้มักให้พระองค์ทรงว่าราชการแทนในบางครั้งเพื่อฝึกปรือเขา เช่นเรื่องเกี่ยวกับการออกข้อสอบเพื่อหาขุนนางน้ำดีในอนาคต วันนี้รัชทายาทอยู่ที่จวนหลี่เพื่อหารือกับหลี่ผิงอันเว่ยจื่อห่าวเป็นอาจารย์ที่สำนักศึกษาหลวง หูเกอเป็นรองผู้พิพากษาศาลปกครอง ทั้งสี่คนนับว่าเป็นสหายร่วมเรียนด้วยกันมา ท่านย่าหลี่ยังแข็งแรงดี หลี่ผิงอันจากรองผู้ตรวจการตอนนี้เขากลายเป็นผู้ตรวจการในวัยเพียงสามสิบห้าปีเท่านั้นด้วยความเถรตรงและเป็นขุนนางที่ซื่อตรงบรรดาขุนนางด้วยกันยังไม่กล้ามีเรื่องกับเขา ท่านย่าทำขนมเพื่อมาเลี้ยงบรรดาคนที่มาหารืองาน เว่ยเซียวหยางปล่อยให้บุตรชายได้เติบโตจัดการเรื่องราวต่างๆเอง"ท่านน้าขอรับ ได้ข่าวว่าพักนี้ลูกศิษย์สำนักศึกษามักจะพากันหนีเรียนอยู่เรื่อยๆ"จางจื่อห่าวเอ่ยแก่หลี่ผิงอัน เขาถอนหายใจเรื่องนี้ทางสำนักศึกษาแจ้งแก่หน่วยเขามาหลายครั้งแล้ว เว่ยจื่อห่าวแม้ว่าจะเข้มงวดแต่อีกสถานะหนึ่งเขาคือรองผู้พิพากษาศาลต้าหลี่ จะมาสอนสัปดาห์ละสามวันเท่านั้น รอจนกว่าสำนักศึกษาจะได้อาจารย์มาเพิ่ม ซึ่งท่านมหาราชครูกำลังเฟ้นหาบัณฑิต
เวลาผ่านไปอีกหนึ่งเดือนจางจื่อเหยียนให้กำเนิดบุตรชายคนสุดท้องออกมา นางขอร้องให้หมอหลวงฝังเข็มคุมกำเนิดให้นาง เพราะเลี้ยงไม่ไหวแล้วลูกดกเกินไปแล้ว เว่ยเซียวหยางเดินเข้ามาในห้องอยู่เดือนก่อนจะนั่งลงข้างๆบนเตียง เห็นเมียนอนหลับอยู่ก็ห่มผ้าให้นางแล้วจุมพิตหน้าผากเปียกชื้นเบาๆ"เด็กดีของพี่ขอบคุณเจ้ามากที่ให้กำเนิดของขวัญล้ำค่าทั้งเจ็ดคนให้พี่""อืม.."จางจื่อเหยียนรู้สึกตัวจึงลืมตาขึ้นมาก่อนจะยิ้มให้สามี"ท่านอ๋อง...ทรงกลับมาจากเข้าเฝ้าแล้วหรือเพคะ เหนื่อยหรือไม่""ไม่หรอก วันนี้เป็นเช่นไรบ้างอีกเจ็ดวันก็ออกเดือนแล้วอยากไปเที่ยวไหนหรือไม่""ไม่เพคะ อีกสองเดือนต้องไปอี้โจวแล้วทรงเตรียมตัวหรือยังเพคะ""เรียบร้อยแล้ว เสี่ยวเหยียนของพี่เจ้าไม่ได้ไปอี้โจวมาสามปีแล้ว อยากไปหมู่บ้านปิงเหอหรือไม่ พี่จะพาไป""เพคะ ลำบากพระองค์แล้ว""เว่ยเซียวหยางไม่สนใจเรื่องกฎเกณฑ์เขาทอดกายลงข้างๆนางกอดนางแล้วลูบหลังให้ จางจื่อเหยียนหลับไปเพราะความเพลียกระทั่งถึงมื้อค่ำบ่าวจึงมาตามท่านอ๋องและนำโจ๊กมาให้พระชายา เว่ยเซียวหยางออกไปรับโจ๊กมาเอง ก่อนจะนั่งป้อนภรรยาตนเองจางจื่อเหยียนก็ยอมให้เขาป้อนแต่โดยดีเด็กๆดีใจที่จ
สิบสองปีผ่านไปเว่ยเซียวหยางในวัยห้าสิบเอ็ดปีจางจื่อเหยียนในวัยยี่สิบแปดปีที่นับวันยิ่งงามมากนักเว่ยซูหนีว์กับเว่ยซูถิงตอนนี้เจ็ดขวบแล้ว เว่ยลู่เสียนห้าขวบเว่ยซิงอีกับเว่ยซีฮวนสามขวบ และจางจื่อเหยียนกำลังท้องคนที่เจ็ดอยู่ ซึ่งก็ใกล้คลอดแล้วเช่นกัน เว่ยเซียวหยางไม่ผิดคำพูดเขารับขวัญลูกคนละสองล้านตำลึงทองเท่ากับสิบล้านตำเงินซึ่งมากกว่าที่เคยบอกไว้ ตอนนี้พระชายาถือว่าเป็นภรรยาขุนนางที่ร่ำรวยที่สุดในแคว้น ยังไม่รวมเงินทองที่นางทำการค้าอีกนับไม่ถ้วนจางเย่วหลีเองก็อายุยี่สิบห้าปีนางกับเหวินชางในวัยห้าสิบสามปีมีบุตรสาวสองคนบุตรชายสองคน นางเปิดเหลาสุราอย่างที่ตั้งใจ ทางด้านสกุลจ้าวมาทำการค้าที่เมืองหลวงเป็นคู่ค้ากับนาง เดือนหนึ่งจางเย่วหลีมีรายได้กว่าเจ็ดหมื่นถึงหนึ่งแสนตำลึง เหวินชางที่มีตำแหน่งเป็นถึงเจ้ากรมไม่อยากให้เมียทำงานมากนัก แต่นางหรือจะฟังยิ่งนานวันจากสตรีอ่อนหวานที่ขี้อายตั้งแต่คุมเหลาสุรานางก็แกร่งขึ้น ใครมาอาละวาดนางก็ตีกลับจนหมดส่วนจางเย่วเล่อนั้นไม่ต้องกังวลใดๆเดิมก็ตาต่อตาฟันต่อฟันอยู่แล้ว นางแกกว่าจางจื่อเหยียนหนึ่งปีวัยยี่สิบเก้าสามีเหวินเปียวอายุปีนี้ก็ห้าสิบพอดี สามคนพี