ตกค่ำเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยวันพรุ่งนี้ก็เตรียมของอีกสามวันเดินทางแล้ว เย่วหลีเอาแต่ร้องไห้ไม่อยากห่างจากพี่ใหญ่กับพี่รองของนาง จางจื่อเหยียนต้องหูดคุยกับเหวินชาง นี่เป็นอารมณ์คนท้องเขาต้องพยายามใกล้ชิดนางให้มากหน่อยเหวินชางรับคำก่อนจะกลับเข้าห้องไปหาภรรยา จางเย่วเล่อที่ตอนนี้ถือหมอนไม้เตรียมฟาดสามีตัวดีที่จ้องแต่จะจับนางกิน งานเลี้ยงเมื่อคืนนางถูกเขารวบรัดไปแล้ว คืนนี้ยังตั้งท่าอีกรอบ คนบ้านี่นางยังไม่หายเพลียจากเมื่อคืนเลยนะ"เล่อเล่อ ...มาทำลูกกันเถอะ""เหวินเปียว..ท่านไปนอนข้างนอกเลย"เหวินเปียวทำหน้าละห้อยเดินคอตกไปนั่งที่เก้าอี้ข้างหน้าต่างมองแสงจันทร์ที่ส่องสว่างแสงจันทร์นวลเย็นสบายตานัก แต่พระจันทร์ดวงในห้องทำไมรังสีอำมหิตนักนะ สุดท้ายก็รำพึงรำพันออกมาอย่างน้อยใจ"ท่านพ่อ ท่านแม่ลูกอกตัญญูนัก ยังดีที่พี่ใหญ่สืบสกุลได้แล้ว ขอให้บุตรในครรภ์พี่สะใภ้เป็นบุตรชายเถอะ พวกท่านคงหมดหวังกับข้าแล้ว เมียยังเกลียดชังมิอาจร่วมห้องร่วมหอได้ ท่านพ่อท่านแม่ ลูกอกตัญญูคนนี้ทำดีที่สุดแล้ว"น้ำเสียงนั้นเศร้าสร้อยมากนัก จางเย่วเล่อเองก็ไม่ได้เกลียดเขาสักหน่อยแต่เขาเล่นไม่พักไม่ผ่อนนางก็รับไม่ไหว ม
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว จางจื่อเหยียนก็เตรียมตัวเก็บข้าวของ นางมิได้ขนไปมากมายนัก บางอย่างเก็บไว้ให้ทหารที่ดูแลชาวเมืองอี้โจวได้ใช้สอย เกวียนขนของเดินทางล่วงหน้าไปได้ห้าวันแล้ว พวกนางกับเว่ยเซียวหยางเดินทางด้วยรถม้า ขบวนของพวกเขามีทั้งหมดสิบสามคันเว่ยจื่อห่าวที่ตอนนี้เปลี่ยนไปใช้แซ่พระบิดาเรียบร้อยแล้วก็เดินไปเดินมา เขาดีใจปกติไม่เคยไปเที่ยวไกลขนาดนี้เลย เด็กน้อยนั่งมองท่านลุงท่านอาทั้งหลายขนของขึ้นรถม้า เว่ยจื่อห่าวเดินไปหาท่านน้าเล็กก่อนจะปีนขึ้นไปนั่งบนแคร่ มือน้อยๆเช็ดน้ำตาให้นาง เย่วหลียิ้มตอบเจ้าตัวน้อย"น้าเล็กอย่าร้องไห้ น้าเล็กไม่สบายเพราะมีน้องชายให้จื่อห่าว พอน้าเล็กหายแล้วค่อยตามไปก็ได้ขอรับ""จื่อห่าวเด็กดี น้าเล็กไม่อยู่ด้วยอย่าซนนะ อย่ากวนท่านแม่มากนักท่านแม่จะเหนื่อยเอาได้""ขอรับ ท่านตาเหวินชางต้องดูแลน้าเล็กดีๆนะขอรับ""ทำให้ซื่อจื่อกังวลแล้ว ข้าน้อยจะดูแลน้าเล็กของท่านให้ดีขอรับข้าน้อยให้สัญญา"เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็พร้อมออกเดินทาง จางเย่วเล่อเดินมากอดน้องสาว นี่เป็นครั้งแรกที่ต้องห่างกัน เย่วหลีกอดพี่สาวสองคนแน่น จางจื่อเหยียนลูบใบหน้าหวานของคนตัวเล็กก่
เว่ยเซียวหยางนอนหมดแรงอยู่ในห้อง อาเจียนจนแทบหมดแรงกินอาหารไม่ได้นอกจากขนมหวาน หมัวมัวในวังมาดูอาการ พวกนางกลับไปทูลไทเฮาว่าในครรภ์พระชายาน่าจะเป็นท่านหญิง เพราะท่านอ๋องทรงโปรดของหวานจางจื่อเหยียนลงมือทำแาหารอ่อนให้เขาเอง กระทั่งยามโหย่วมู่กงกงคนของไทเฮาก็พาเว่ยจื่อห่าวมาส่ง เมื่อกลับมาก็นั่งคุยกับเสด็จแม่เจื้อยแจ้ว ระหว่างทางเว่ยเซียวก็ยางคอยสอนบุตรชายว่าต้องเรียกเขาเช่นไร ต้องเรียกมารดาเช่นไร ตนเองเป็นใครมีฐานะอะไร เว่ยจื่อห่าวเป็นเด็กฉลาดไม่นานก็เรียนรู้ทั้งหมดจากพระบิดา"เสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ...ในวังมือคนมากมาย ลูกเจอเสด็จลุงฮ่องเต้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ""หืม.. เสด็จลุงพระทัยดีหรือเปล่า ลูกได้ทำอะไรไม่สมควรหรือไม่""เสด็จลุงพระทัยดีมากเลยพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่ที่นี่คือบ้านของเสด็จพ่อหรือพ่ะย่ะค่ะ มันใหญ่มากมีหลายเรือนมีที่วิ่งเล่นอีกด้วย""อืม..ลูกชอบที่นี่หรือ พรุ่งนี้แม่จะพาลูกไปสถานที่หนึ่ง แม่ติดค้างพวกเขาอยู่ลูกต้องไปขอบคุณพวกเขาด้วยตนเอง""พ่ะย่ะค่ะ.. นั่นเสด็จแม่ทรงทำอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ ลูกยกไปให้เสด็จพ่อเองได้หรือไม่"จางจื่อเหยียนยิ้มให้กับบุตรชาย ช่างเป็นเด็กรู้ความยิ่งนัก ก่อนจะนำโจ๊กข้
ยามซื่อรถม้าก็มาถึงบ้านสกุลหู จางจื่อเหยียนสั่งบ่าวให้เตรียมขนของขวัญลงมา จางเย่วเล่อเดินไปหาหญิงชราที่กำลังนั่งหั่นผักหมูอยู่ ป้าหูดูมีฐานะกว่าเดิม ดูท่าเงินสองพันตำลึงที่น้องรองให้ไว้คงทำให้บ้านหูมีชีวิตดีขึ้น"ป้าหู..ท่านสบายดีหรือไม่เจ้าคะ"หญิงชราเงยหน้าขึ้นมองมาตามเสียงก่อนจะดีใจวางมีดในมือ นางเช็ดมือกับชายเสื้อเดินมาจับมือจางเย่วเล่อ ทักทายด้วยน้ำเสียงยินดี"เย่วเล่อหรือ เจ้ามาได้อย่างไร อาซ้อซ่งเล่า เย่วหลี่เล่า อาห่าวโตแค่ไหนแล้ว พวกเจ้าสบายดีนะ"น้ำตาหญิงชราไหลออกมาด้วยความตื้นตัน เพราะเงินก้อนนั้นที่จางจื่อเหยียนให้ไว้ทำให้ครอบครัวที่เดิมต้องล่าสัตว์เพื่อเลี้ยงชีพ ก็ไม่ต้องทำแล้ว สุรากับสูตรหมักเหล้าที่นางให้ไว้ทำให้บ้านหูมีรายได้พอเลี้ยงตนไม่ต้องเสี่ยงภัยอีกจางจื่อเหยียนลงจากรถม้าก่อนจะทักทายหญิงชรา"ท่านป้าหู ท่านสบายดีหรือไม่เจ้าคะ""อ่า..อาซ้อซ่งเจ้าเองหรือ ข้าสบายดีที่ผ่านมาต้องขอบใจเจ้านะ ว่าแต่เจ้าตัวน้อยเล่าโตเพียงใดแล้ว"เว่ยจื่อห่าวเดินออกมา สาวใช้อุ้มเขาลงจากรถม้าก่อนจะวางลง เว่ยจื่อห่าวเดินมาหาพระมารดา จางจื่อเหยียนมองหน้าบุตรชายก่อนจะเอ่ย"ทักทายท่านยายก่อนสิ
จางจื่อเหยียนที่ตอนนี้หน้าท้องเริ่มขยายแล้วนางตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนพอดี พรุ่งนี้เป็นวันแต่งงานไทเฮาทรงพระกรุณาเป็นเถ้าแก่ฝ่ายเจ้าสาว จางเย่วเล่อที่ตอนนี้ตั้งครรภ์ได้สองเดือนกว่าก็นั่งคุยกับนาง เหวินเปียวนอนเป็นไก่ป่วยแพ้ท้องแทนเมียอยู่ที่บ้านเดิมทีเขาหัวเราะท่านอ๋องที่แพ้ท้องแทนพระชายา จนกระทั่งเขาเป็นเอง วันๆร้องกินแต่ขนมงา ขนมโก๋จนเหวินฮูหยินปวดหัวกับบุตรชายคนเล็ก ฮ่องเต้พระราชทานจวนให้สองพี่น้องเป็นรางวัล พวกเขาติดตามน้องชายมานานหลายปี ออกรบหลายครั้งกระทั่งล่าสุดไปตามหายาถอนพิษให้เขานานนับปีเหวินชางได้เป็นเจ้ากรมกลาโหมต่อจากบิดา ส่วนเหวินเปียวเป็นหัวหน้าองครักษ์วังหลวง ทางด้านเว่ยเซียวหยางที่ต้องห่างเมียเจ็ดวันก็กระสับกระส่าย เคยนอนกอดทุกคืนแต่เพราะประเพณีนางต้องห่างจากเขา เหวินชางเข้าเขตเมืองหลวงแล้ว พรุ่งนี้ค่ำๆน่าจะถึง เว่ยเซียวหยางมาหาเหวินเปียวที่นอนหมดแรงเพราะแพ้ท้องที่จวนเหวิน"เหวินเปียวข้าอยากไปหาเมีย""ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ ต้องทรงอดทนหน่อย""หากวันแต่งเจ้าต้องห่างเย่วเล่ออย่างนี้เช่นกันเจ้าทนไหวไหม""เอ่อ..ไม่น่าจะไหวนะพ่ะย่ะค่ะ""ดูต้นทางให้หน่อย หากคนของเสด็จแม่มาก็ส่งสัญญา
สามวันต่อมาจางจื่อเหยียนก็เตรียมเดินทางไปไหว้พระที่วัดไท้ส่วย หลี่ผิงอันกลับมาเมื่อคืนนี้เขาจัดการทุกอย่างเรียบร้อยส่งนางไปยังอารามที่เมืองเป่ยห่างจากเมืองหลวงสามพันลี้ นางไม่ยินยอมแต่เขาบอกแล้วว่าจากนี้ไปไม่ถือว่ารู้จักกัน หากอยากใช้ชีวิตดีๆก็จงเดินทางมิเช่นนั้นอย่าหาว่าเขาใจร้าย"พี่สาวข้ากลับมาแล้ว""อืม ไปวัดไท้ส่วยกันเถอะ พี่เย่วหลีเจ้ามาถึงแล้วท่านอ๋องกำลังเตรียมรถม้าอยู่ เจ้าไปพาท่านย่ามาเถอะผิงอัน"เด็กหนุ่มพยักหน้า ไม่นานขบวนทั้งหมดก็เดินทางมาถึงวัดตอนยามเว่ย ท่านย่าหลี่กับป้าหูช่วยกันเลี้ยงเว่ยจื่อห่าว เมื่อมาถึงวัดก็จุดธูปสักการะ ก่อนจะพากันเดินเล่น จางจื่อเหยียนเจอคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอถึงสองคนๆแรกคือตัวต้นเรื่องทั้งหมด อีกคนคือคนที่สร้างเรื่องขึ้นมาองค์ชายห้าเห็นนางจึงเดินเข้ามาหา เห็นครรภ์นางที่ยื่นออกมาก็ได้แต่เสียใจสตรีที่เขาปักใจสุดท้ายเขาก็ไม่ได้ครอบครอง เพราะความไม่รู้จักพอของเขาเองหรือไม่ ก่อนจะทักทายนาง"อาสะใภ้ ท่านมาไหว้พระหรือ""เพคะ..องค์ชายห้าเองก็มาไหว้พระหรือเพคะบังเอิญจัง ท่านอ๋องอยู่ทางด้านนั้นเชิญอาหลานพูดคุยกันเถอะหม่อมฉันขอตัวก่อน"จางจื่อเหยียนเดินหน
สิบสองปีผ่านไปเว่ยเซียวหยางในวัยห้าสิบเอ็ดปีจางจื่อเหยียนในวัยยี่สิบแปดปีที่นับวันยิ่งงามมากนักเว่ยซูหนีว์กับเว่ยซูถิงตอนนี้เจ็ดขวบแล้ว เว่ยลู่เสียนห้าขวบเว่ยซิงอีกับเว่ยซีฮวนสามขวบ และจางจื่อเหยียนกำลังท้องคนที่เจ็ดอยู่ ซึ่งก็ใกล้คลอดแล้วเช่นกัน เว่ยเซียวหยางไม่ผิดคำพูดเขารับขวัญลูกคนละสองล้านตำลึงทองเท่ากับสิบล้านตำเงินซึ่งมากกว่าที่เคยบอกไว้ ตอนนี้พระชายาถือว่าเป็นภรรยาขุนนางที่ร่ำรวยที่สุดในแคว้น ยังไม่รวมเงินทองที่นางทำการค้าอีกนับไม่ถ้วนจางเย่วหลีเองก็อายุยี่สิบห้าปีนางกับเหวินชางในวัยห้าสิบสามปีมีบุตรสาวสองคนบุตรชายสองคน นางเปิดเหลาสุราอย่างที่ตั้งใจ ทางด้านสกุลจ้าวมาทำการค้าที่เมืองหลวงเป็นคู่ค้ากับนาง เดือนหนึ่งจางเย่วหลีมีรายได้กว่าเจ็ดหมื่นถึงหนึ่งแสนตำลึง เหวินชางที่มีตำแหน่งเป็นถึงเจ้ากรมไม่อยากให้เมียทำงานมากนัก แต่นางหรือจะฟังยิ่งนานวันจากสตรีอ่อนหวานที่ขี้อายตั้งแต่คุมเหลาสุรานางก็แกร่งขึ้น ใครมาอาละวาดนางก็ตีกลับจนหมดส่วนจางเย่วเล่อนั้นไม่ต้องกังวลใดๆเดิมก็ตาต่อตาฟันต่อฟันอยู่แล้ว นางแกกว่าจางจื่อเหยียนหนึ่งปีวัยยี่สิบเก้าสามีเหวินเปียวอายุปีนี้ก็ห้าสิบพอดี สามคนพี
เวลาผ่านไปอีกหนึ่งเดือนจางจื่อเหยียนให้กำเนิดบุตรชายคนสุดท้องออกมา นางขอร้องให้หมอหลวงฝังเข็มคุมกำเนิดให้นาง เพราะเลี้ยงไม่ไหวแล้วลูกดกเกินไปแล้ว เว่ยเซียวหยางเดินเข้ามาในห้องอยู่เดือนก่อนจะนั่งลงข้างๆบนเตียง เห็นเมียนอนหลับอยู่ก็ห่มผ้าให้นางแล้วจุมพิตหน้าผากเปียกชื้นเบาๆ"เด็กดีของพี่ขอบคุณเจ้ามากที่ให้กำเนิดของขวัญล้ำค่าทั้งเจ็ดคนให้พี่""อืม.."จางจื่อเหยียนรู้สึกตัวจึงลืมตาขึ้นมาก่อนจะยิ้มให้สามี"ท่านอ๋อง...ทรงกลับมาจากเข้าเฝ้าแล้วหรือเพคะ เหนื่อยหรือไม่""ไม่หรอก วันนี้เป็นเช่นไรบ้างอีกเจ็ดวันก็ออกเดือนแล้วอยากไปเที่ยวไหนหรือไม่""ไม่เพคะ อีกสองเดือนต้องไปอี้โจวแล้วทรงเตรียมตัวหรือยังเพคะ""เรียบร้อยแล้ว เสี่ยวเหยียนของพี่เจ้าไม่ได้ไปอี้โจวมาสามปีแล้ว อยากไปหมู่บ้านปิงเหอหรือไม่ พี่จะพาไป""เพคะ ลำบากพระองค์แล้ว""เว่ยเซียวหยางไม่สนใจเรื่องกฎเกณฑ์เขาทอดกายลงข้างๆนางกอดนางแล้วลูบหลังให้ จางจื่อเหยียนหลับไปเพราะความเพลียกระทั่งถึงมื้อค่ำบ่าวจึงมาตามท่านอ๋องและนำโจ๊กมาให้พระชายา เว่ยเซียวหยางออกไปรับโจ๊กมาเอง ก่อนจะนั่งป้อนภรรยาตนเองจางจื่อเหยียนก็ยอมให้เขาป้อนแต่โดยดีเด็กๆดีใจที่จ
หลี่ผิงอันมาส่งเหวินเมิ่งหรูกลับจวนเหวิน สวนทางกับขบวนของราชครูหยางที่มาสู่ขอเว่ยซูหนีว์ให้กับหยางตงหยาง ทั้งสี่คนหมั้นหมายจ้าวสาวของตนเองเรียบร้อยแล้ว เด็กสาวทั้งสี่ถูกเข้มงวดให้เรียนการเรือน และการปกครองเรือนเพราะอีกสองเดือนพวกเขาจะต้องแต่งงานแล้วทั้งสี่ตระกูลตกลงแต่งงานพร้อมกันวันเดียวกัน ทางด้านนักพรตทำนายฤกษ์ให้แล้วเรียบร้อย เว่ยเซียวหยางที่ปรับปรุงจวนนอกเมืองอยู่ก็กอดเมียรักที่ตามมาดูด้วย จวนกว้างกว่าพันหมู่จางจื่อเหยียนนำผลไม้มาลงปลูก ตามหาต้นชาชั้นดีบนภูเขามาปลูก ดอกไม่หลากหลายพันธุ์ เหมยกุ้ยสายพันธุ์เลื้อยบ่าวทำค่างให้เกาะเกี่ยวไปตามชอบรั้วยิ่งมองยิ่งงามมากนัก ด้านหลังสุดทำโรงเรือนเพราะอยู่ใกล้เชิงเขา เว่ยเซียวหยางตามใจพระชายาของตน นางเปิดโรงเรียนสอนเด็กๆมิได้ต้องการเงินทอง แต่เพื่อให้บิดามารดาเด็กเหล่านั้นได้ไปทำมาหากินสะดวกไม่ต้องกังวลเรื่องบุตร"เสี่ยวเหยียน..อยากได้อะไรเพิ่มเติมหรือไม่""ไม่เพคะ..เด็กๆเล่าไปเที่ยวเล่นบนเขายังไม่กลับมาอีกหรือ""ปล่อยพวกเขาเถอะ อีกสองเดือนก็แต่งงานกันแล้ว พวกเขาแปดคนคงรู้ตัวว่าต้องทำอย่างไร ว่าแต่เมียพี่เหนื่อยหรือไม่""ไม่เหนื่อยเพคะ กล่
ยามเฉินเหวินเมิ่งหรูตื่นมาล้างหน้าบ้วนปาก วันนี้นางมิต้องไปสำนักศึกษาท่านแม่บอกว่าจะมีเรื่องสำคัญให้นางอยู่บ้าน ทางด้านเหวินลี่ซินเองก็อยู่บ้านเช่นกัน สองคนพี่น้องได้แต่มองหน้ากันไปมา"ชิงชิงไปสืบมาหน่อยวันนี้ที่จวนมีเรื่องอันใด""คุณหนู..ท่านแม่คาดโทษท่านอยู่นะเจ้าคะ""หึ..ไม่สนใจหรอก อยู่ๆจะให้ข้าแต่งกับตาแก่ที่ไหนก็ไม่รู้ ข้าจะไปหาพี่เมิ่งหรู""เจ้าจะไปทำไมหรือ""ข้าจะหนีออกจากบ้าน หึ"เหวินลี่ซินชะงักเพราะเสียงที่ถามนางกลับมามิใช่เสียงของชิงชิง เหวินลี่ซินหันกลับไปก็เจอกับเว่ยจื่อห่าวยืนอยู่ ชิงชิงไปไหนแล้ว ดรุณีน้อยลุกขึ้นทันที นางไม่อยากมองหน้าคนใจร้ายคนนี้ เพราะเขามาฟ้องนางจึงถูกลงโทษคุกเข่าสามวัน ท่านแม่ยังให้สวดมนต์กินเจอีกเพื่อให้จิตใจสงบ หึ..สงบกับผีบรรพบุรุษน่ะสิ นางหิวจนแทบจะจับพี่สาวกินได้อยู่แล้ว เหวินลี่ซินเอ่ยอย่างไม่พอใจทันที"ท่านมาทำไมอาจารย์เว่ย""โอ้ว..สรรพนามเปลี่ยนไวจังลูกศิษย์ของข้า มิเรียกพี่จื่อห่าวแล้วหรือ""ไม่ล่ะ เราไม่ได้สนิทกันถึงเพียงนั้น"เว่ยจื่อห่าวอมยิ้มก่อนจะเดินมาหาคนตัวเล็กที่นั่งหน้างอแก้มป่องอยู่ เขานั่งลงข้างๆก่อนจะโอบไหล่บางมาหา บรรจงหอมแก้ม
ในห้องเหวินเมิ่งหรูนอนพลิกกายไปมา นางไม่อยากคิดถึงคนใจร้ายคนนั้นอีก หลี่ผิงอันคนใจดำเสียแรงที่นางทุ่มเทนางรักเขาแต่เขา ต่อไปอย่าหวัง แต่งงานกับเขาหรือไม่มีทางเสียหรอก นางจะไปให้เขายกเลิกการหมั้นหมายครั้งนี้"หึ..แต่งให้ท่านหรือไม่มีทาง ครั้งก่อนท่านผลักไสข้ามิใช่หรือ คนใจดำ"คนตัวเล็กข่มตาหลับไปแล้วแต่คนตัวโตยังไม่นอนเขากำลังคิดถึงเรื่องเมื่อสามเดือนก่อน ที่แม่ตัวดีก่อเรื่องขึ้นมาสามเดือนก่อนหน้าเหลาสุราเถาจิ่วจางเย่วหลีที่เปิดเหลาสุรากำลังนั่งนับเงินอยู่ วันนี้ต้องไปจัดการคิดบัญชีคำนวณส่วนแบ่งกับร้านย่อยต่างๆที่มารับสุราของนางไปขาย มีบางร้านเบี้ยวไม่จ่าย ร้านไหนกำไรน้อยนางให้ทยอย แต่ถ้าใครเบี้ยวนางก็ไม่เอาไว้เช่นกัน จางเย่วหลีเลี้ยงคนของตนเองไว้พอสมควรนางไม่ออยากใช้คนของสามี เหวินชางเป็นเจ้ากรมกลาโหม ทุกก้าวต้องระมัดระวัง นางไม่อยากให้พวกหัวเก่าเอาเรื่องเหล่านี้ไปหาเรื่องสามีในท้องพระโรงได้ เจ้าตัวดีเหวินเมิ่งหรูวันนี้ไม่ไปเรียนหนังสือ ขอนอนอยู่ที่จวนแต่ตกบ่ายกลับมาเสนอหน้าที่ร้านน่าตียิ่งนักหลี่ผิงอันพาลูกน้องที่ทำผลงานได้ดีครั้งที่แล้วปราบปรามพวกโจรขโมยเด็กและค้ามนุษย์ได้ยกกลุ่
เด็กทั้งสี่คนถูกลงโทษให้คุกเข่าที่หอบรรพบุรุษของแต่ละจวนเป็นเวลาสามวัน จากนั้นพวกนางต้องคัดกฎสกุลของตนเอง เหวินชางที่กำลังกลับมาจากไปทำงานให้ฝ่าบาทมาถึงเมืองหลวงก็นั่งที่โรงน้ำชา เขาสวมหมวกฟางเอาไว้ยังไม่ได้ถอดออกมาเสี่ยวเอ้อรีบมารับหน้าก่อนจะถามเขาว่ารับสิ่งใด เขาสั่งน้ำชาหนึ่งกาพร้อมกับอาหารสามสี่จาน แม้จะคิดถึงจางเย่วหลีกับบุตรสาวและบุตรชายแต่ลูกน้องยังไม่ได้กินข้าวจำต้องหยุดรั้งที่ร้านอาหาร กระทั่งมีบางอย่างเข้าหูเขา"นี่เจ้ารู้ไหม..ผู้ตรวจการหลี่สามวันก่อนอุ้มสตรีงดงามออกมาจากตรอกหลังตลาดด้วยล่ะ""หา..ได้ยินว่าที่บ้านเขาไร้สาวใช้ข้ายังนึกว่าเขาจะชอบบุรุษด้วยกันเสียอีก""ได้ยินว่าสตรีคนนั้นอ่อนระโหยโรยแรงจนเดินไม่ไหว ไม่รู้เข้าไปทำอันใดในตรอกแห่งนั้นกัน ฮ่าๆๆๆ""ชู่..จุ๊ๆๆ...อย่าเสียงดังไป สตรีที่ใต้เท้าหลี่อุ้มออกมาคือคุณหนูเหวินบุตรสาวคนโตเจ้ากรมกลาโหมเหวินชาง คุณหนูเหวินเมิ่งหรูน่ะ""ห๊า..จุ๊ๆๆ เช่นนั้นอาจไม่มีอะไรพวกเขาเป็นน้าหลานกัน""น้าหลานอันใด พวกเขาไม่มีสัมพันธ์ทางสายเลือดสักหน่อย""ฺฮ่าๆๆ เรื่องนี้คนซุบซิบกันทั่วเมืองหลวง เกรงว่าคุณหนูเหวินคนนั้นคงได้แต่แต่งกับชายแก่หร
เหวินเมิ่งหรูวิ่งแยกออกมาอีกทาง ตอนนี้นางแทบจะถอดรองเท้าวิ่งด้วยซ้ำ เมื่อมาถึงตรอกทางแยกนางจึงเลือกตรอกที่ไปคนละทางกับสำนักศึกษา วิ่งจนมาเกือบพ้นปากตรอกก็ขนเข้ากับอะไรบ้างอย่างที่แข็งๆ เหวินเมิ่งหรูเจ็บจนแทบน้ำตาร่วง นางตวาดออกมาทันที"โอ๊ย เดินดูทางสิวะ ข้ารีบไม่เห็นหรือไง"ร่างเล็กคลำจมูกตนเองนางเจ็บมาก คนตัวสูงที่ยืนมองนางอยู่ก็ข่มอารมณ์ก่อนจะเอ่ยออกมา"โอ่ว..รีบมากไหมเหวินเมิ่งหรู เรียนหนักจนหัวหูมีแต่เศษดินเศษหญ้าเชียวหรือ อีกอย่างทางนี้คนละทางกับสำนักศึกษานี่"เหวินเมิ่งหรูจำเสียงเขาได้ทันที ให้ตายสิเขาไม่ได้อยู่กับเจ้าหน้าที่พวกนั้นบนเขาหรือ นางถึงกับลอบกลืนน้ำลายก่อนจะเงยหน้า นางเอ่ยตะกุกตะกัก"ทะ ท่านน้าคือว่าข้าๆ ว้าย" หลี่ผิงอันจับสาวน้อยแบกขึ้นบ่าทันที"ท่านน้าท่านทำอะไร แบกข้าทำไม่ปล่อยข้าลงนะ ตาเฒ่าหลี่ โอ๊ยยย เจ็บนะท่านตีก้นข้าทำไมเพียะ เพียะ เพียะ หลี่ผิงอันฟาดก้นนางไม่นับเลยทีเดียว ปากคอเราะรายวาจาน่าเกลียดเหลือทน เหวินเมิ่งหรูร้องไห้ออกมา นางถูกเขาแบกจนห้อยหัวลงมา สายตามองเห็นแต่พื้นอิฐของถนนในเมืองหลวง ไม่กล้าเอ่ยอันใดอีกเลย เขาใจร้ายท่านพ่อกับท่านแม่ยังไม่เคยตีนาง
ทั้งสี่สาวเข้าเรียนปกติ จนกระทั่งพักกลางวันเมื่อกินข้าวกันเรียบร้อยแล้วก็เริ่มกระซิบกระซาบกันปากต่อปาก เว่ยซูหนีว์เดินออกไปก่อนตามด้วยน้องสาว เหวินเมิ่งหรูไปหาท่านลุงที่ตรอกตรงข้ามกับสำนักศึกษาก่อนจะรับเอากระบอกไม้ไผ่มาสี่อันไม่นานเด็กในสำนักศึกษากว่าสามสิบคนก็มาอยู่บนเนินเขาหลังสำนัก โจวผิงบุตรชายคหบดีของเมืองหลวงเอากระบอกไม้ไผ่ของตนเองออกมา จากนั้นเด็กๆก็เริ่มวางเดิมพัน"พวกเจ้าพนันข้างไหนกันมาๆข้าวางข้างคุณชายโจว""ข้าวางข้างท่านหญิง""มาๆวางๆเริ่มที่สองร้อยอีแปะพวกเจ้าวางเท่าไหร่""ข้าห้าร้อยอีแปะ""ข้าแปดร้อย""ข้าหนึ่งตำลึง""ข้าลงสองร้อยตำลึง"เมื่อวางเดิมพันเรียบร้อยทั้งสองคนก็เริ่มเปิดกระบอกไม้ไผ่ที่เจาะรูเอาไว้เทเอาจิ้งหรีดออกมาลงในสนามที่พวกเขาสร้างวเอาไว้ เมื่อทั้งสองตัวลงมาเจอก็นก็เริ่มสู้กันเอาเป็นเอาตาย เด็กๆส่งเสียงฌอลั่น จิ้งหรีดของเว่ยซูถิงกำลังจะแพ้ พวกนางลุ้นจนตัวเกร็ง สุดท้ายโจวผิงก็ชนะ"เอาใหม่ ตานี้เอาของข้า โจวผิงเจ้าจะลงอีกไหมกลัวหรือเปล่า""เหอะคุณหนูเหวิน ท่านดูถูกใครกันมาสิเอาของท่านออกมา""หึข้าไม่เอาเปรียบเจ้าจะเปลี่ยนตัวไหม"เหวินเมิ่งหรูกอดอกยืนเดาะปาก
ใบไม้ผลัดเปลี่ยนฤดูกาลหมุนเวียน บัดนี้รัชทายาทมีอายุยี่สิบเอ็ดชันษาแล้ว ฮ่องเต้มักให้พระองค์ทรงว่าราชการแทนในบางครั้งเพื่อฝึกปรือเขา เช่นเรื่องเกี่ยวกับการออกข้อสอบเพื่อหาขุนนางน้ำดีในอนาคต วันนี้รัชทายาทอยู่ที่จวนหลี่เพื่อหารือกับหลี่ผิงอันเว่ยจื่อห่าวเป็นอาจารย์ที่สำนักศึกษาหลวง หูเกอเป็นรองผู้พิพากษาศาลปกครอง ทั้งสี่คนนับว่าเป็นสหายร่วมเรียนด้วยกันมา ท่านย่าหลี่ยังแข็งแรงดี หลี่ผิงอันจากรองผู้ตรวจการตอนนี้เขากลายเป็นผู้ตรวจการในวัยเพียงสามสิบห้าปีเท่านั้นด้วยความเถรตรงและเป็นขุนนางที่ซื่อตรงบรรดาขุนนางด้วยกันยังไม่กล้ามีเรื่องกับเขา ท่านย่าทำขนมเพื่อมาเลี้ยงบรรดาคนที่มาหารืองาน เว่ยเซียวหยางปล่อยให้บุตรชายได้เติบโตจัดการเรื่องราวต่างๆเอง"ท่านน้าขอรับ ได้ข่าวว่าพักนี้ลูกศิษย์สำนักศึกษามักจะพากันหนีเรียนอยู่เรื่อยๆ"จางจื่อห่าวเอ่ยแก่หลี่ผิงอัน เขาถอนหายใจเรื่องนี้ทางสำนักศึกษาแจ้งแก่หน่วยเขามาหลายครั้งแล้ว เว่ยจื่อห่าวแม้ว่าจะเข้มงวดแต่อีกสถานะหนึ่งเขาคือรองผู้พิพากษาศาลต้าหลี่ จะมาสอนสัปดาห์ละสามวันเท่านั้น รอจนกว่าสำนักศึกษาจะได้อาจารย์มาเพิ่ม ซึ่งท่านมหาราชครูกำลังเฟ้นหาบัณฑิต
เวลาผ่านไปอีกหนึ่งเดือนจางจื่อเหยียนให้กำเนิดบุตรชายคนสุดท้องออกมา นางขอร้องให้หมอหลวงฝังเข็มคุมกำเนิดให้นาง เพราะเลี้ยงไม่ไหวแล้วลูกดกเกินไปแล้ว เว่ยเซียวหยางเดินเข้ามาในห้องอยู่เดือนก่อนจะนั่งลงข้างๆบนเตียง เห็นเมียนอนหลับอยู่ก็ห่มผ้าให้นางแล้วจุมพิตหน้าผากเปียกชื้นเบาๆ"เด็กดีของพี่ขอบคุณเจ้ามากที่ให้กำเนิดของขวัญล้ำค่าทั้งเจ็ดคนให้พี่""อืม.."จางจื่อเหยียนรู้สึกตัวจึงลืมตาขึ้นมาก่อนจะยิ้มให้สามี"ท่านอ๋อง...ทรงกลับมาจากเข้าเฝ้าแล้วหรือเพคะ เหนื่อยหรือไม่""ไม่หรอก วันนี้เป็นเช่นไรบ้างอีกเจ็ดวันก็ออกเดือนแล้วอยากไปเที่ยวไหนหรือไม่""ไม่เพคะ อีกสองเดือนต้องไปอี้โจวแล้วทรงเตรียมตัวหรือยังเพคะ""เรียบร้อยแล้ว เสี่ยวเหยียนของพี่เจ้าไม่ได้ไปอี้โจวมาสามปีแล้ว อยากไปหมู่บ้านปิงเหอหรือไม่ พี่จะพาไป""เพคะ ลำบากพระองค์แล้ว""เว่ยเซียวหยางไม่สนใจเรื่องกฎเกณฑ์เขาทอดกายลงข้างๆนางกอดนางแล้วลูบหลังให้ จางจื่อเหยียนหลับไปเพราะความเพลียกระทั่งถึงมื้อค่ำบ่าวจึงมาตามท่านอ๋องและนำโจ๊กมาให้พระชายา เว่ยเซียวหยางออกไปรับโจ๊กมาเอง ก่อนจะนั่งป้อนภรรยาตนเองจางจื่อเหยียนก็ยอมให้เขาป้อนแต่โดยดีเด็กๆดีใจที่จ
สิบสองปีผ่านไปเว่ยเซียวหยางในวัยห้าสิบเอ็ดปีจางจื่อเหยียนในวัยยี่สิบแปดปีที่นับวันยิ่งงามมากนักเว่ยซูหนีว์กับเว่ยซูถิงตอนนี้เจ็ดขวบแล้ว เว่ยลู่เสียนห้าขวบเว่ยซิงอีกับเว่ยซีฮวนสามขวบ และจางจื่อเหยียนกำลังท้องคนที่เจ็ดอยู่ ซึ่งก็ใกล้คลอดแล้วเช่นกัน เว่ยเซียวหยางไม่ผิดคำพูดเขารับขวัญลูกคนละสองล้านตำลึงทองเท่ากับสิบล้านตำเงินซึ่งมากกว่าที่เคยบอกไว้ ตอนนี้พระชายาถือว่าเป็นภรรยาขุนนางที่ร่ำรวยที่สุดในแคว้น ยังไม่รวมเงินทองที่นางทำการค้าอีกนับไม่ถ้วนจางเย่วหลีเองก็อายุยี่สิบห้าปีนางกับเหวินชางในวัยห้าสิบสามปีมีบุตรสาวสองคนบุตรชายสองคน นางเปิดเหลาสุราอย่างที่ตั้งใจ ทางด้านสกุลจ้าวมาทำการค้าที่เมืองหลวงเป็นคู่ค้ากับนาง เดือนหนึ่งจางเย่วหลีมีรายได้กว่าเจ็ดหมื่นถึงหนึ่งแสนตำลึง เหวินชางที่มีตำแหน่งเป็นถึงเจ้ากรมไม่อยากให้เมียทำงานมากนัก แต่นางหรือจะฟังยิ่งนานวันจากสตรีอ่อนหวานที่ขี้อายตั้งแต่คุมเหลาสุรานางก็แกร่งขึ้น ใครมาอาละวาดนางก็ตีกลับจนหมดส่วนจางเย่วเล่อนั้นไม่ต้องกังวลใดๆเดิมก็ตาต่อตาฟันต่อฟันอยู่แล้ว นางแกกว่าจางจื่อเหยียนหนึ่งปีวัยยี่สิบเก้าสามีเหวินเปียวอายุปีนี้ก็ห้าสิบพอดี สามคนพี